ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    [​IMG]


    โอวาทธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต
    แสดงเพื่ออบรมพระอาจารย์ขาว อนาลโย
    เมื่อสมัยจำพรรษาร่วมกัน

    คัดลอกเนื้อหาบางส่วนจาก หนังสือหลวงปู่ขาว อนาลโย
    โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๔ หน้า ๑๓๑-๑๓๔

    สมัยพุทธกาลทำไมจึงบรรลุธรรมได้ง่าย

    ความสงสัยที่หลวงปู่ขาวเรียนถามหลวงปู่มั่นนั้นมีว่า

    "ในครั้งพุทธกาล ตามประวัติว่ามีผู้สำเร็จมรรคผลนิพพานมาก
    และรวดเร็สกว่าสมัยนี้ซึ่งไม่ค่อยมีผู้ใดสำเร็จกัน
    แม้ไม่มากเหมือนครั้งโน้น หากมีการสำเร็จได้ก็รู้สึกว่าจะช้ากว่ากันมาก"


    หลวงปู่มั่นย้อนถามทันทีว่า

    "ท่านทราบได้อย่างไร สมัยนี้ไม่ค่อยมีผู้สำเร็จมรรคผลนั้น
    แม้สำเร็จได้ก็ช้ากว่ากันมาก ดังนี้"


    หลวงปู่ขาวตอบว่า

    "ก็ไม่ค่อยได้ยินว่าใครสำเร็จเหมือนครั้งโน้น
    ซึ่งเขียนไว้ในตำราว่าสำเร็จกันครั้งละมากๆ
    แต่ละครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรด
    ตลอดการบำเพ็ญในสถานที่ต่างๆ
    ก็ทราบว่าท่านสำเร็จรวดเร็วและง่ายดายจริงๆ
    น่าเพลินใจด้วยผลที่ท่านได้รับ
    แต่สมัยทุกวันนี้ ทำแทบล้มแทบตาย
    ก็ไม่ค่อยปรากฏผลเท่าที่ควรแก่เหตุบ้างเลย
    อันเป็นสาเหตุให้ผู้บำเพ็ญท้อใจและอ่อนแอต่อความเพียร"

    หลวงปู่มั่นถามกลับคืนว่า

    "ครั้งโน้นในตำราท่านแสดงไว้ด้วยหรือว่า
    ผู้บำเพ็ญล้วนเป็นผู้สำเร็จอย่างรวดเร็วและง่ายดายทุกรายไป
    หรือมีทั้งผู้ปฏิบัติลำบากทั้งรู้ได้ช้า
    ผู้ปฏิบัติลำบากแต่รู้ได้เร็ว
    ผู้ปฏิบัติสะดวกแต่รู้ได้ช้าและผู้ปฏิบัติสะดวกทั้งรู้ได้เร็ว
    อันเป็นไปตามประเภทของบุคคลที่อุปนิสัยวาสนายิ่งหย่อนต่างกัน"


    ขึ้นอยู่กับผู้สอนและพื้นเพนิสัยแต่ละคน

    หลวงปู่มั่นอธิบายว่า

    "ข้อนี้ขึ้นอยู่กับผู้แนะนำ ถูกต้องแม่นยำผิดกัน
    ตลอดจนอำนาจวาสนาระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระสาวก
    และพวกเราผิดกันอยู่มากจนเทียบไม่ได้"

    อีกประการหนึ่ง "ความสนใจในธรรม" ก็ต่างกันมาก
    สำหรับสมัยนี้กับสมัยพุทธกาล
    แม้ "พื้นเพนิสัย" ก็ผิดกันกับครั้งนั้นมาก
    เมื่ออะไรๆ ผิดกัน ผลจะให้เหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้


    ต่อจากนั้น หลวงปู่มั่นก็เริ่มเทศนา หลวงปู่ขาว
    ด้วยกัณฑ์ใหญ่อย่างเผ็ดร้อนถึงใจ ดังต่อไปนี้

    เราไม่ต้องพูดเรื่องผู้อื่น สมัยอื่น ให้เยิ่นเย้อไปมาก
    แม้ตัวเราเองยังแสดงความหยาบ กระทบกระเทือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
    ทั้งที่เป็นนักบวชและนักปฏิบัติ
    ซึ่งกำัลังใจเข้าใจว่า ตัวประกอบความเพียรอยู่เวลานั้น
    ด้วยวิธีเดินจงกรมอยู่บ้าง นั่งสมาธิภาวนาอยู่บ้าง

    แต่นั่นเป็นเพียงกิริยาแห่งความเพียรทางกาย
    ส่วนใจมิได้เพียรไปตามกิริยาเลย
    มีแต่ความคิดสั่งสมกิเลส ความกระเทือนใจอยู่ตลอดเวลา
    ในขณะที่เข้าใจว่าตนกำลังทำความเพียรด้วยวิธีนั้นๆ

    ดังนั้น ผลจึงเป็นความกระทบกระเทือนใจโดยไม่เลือกกาลสถานที่
    แล้วก็มาเหมาเอาว่า ตนทำความเพียรเจียนตายแต่ไม่ได้รับผลเท่าที่ควร
    ความจริงตนเดินจงกรม นั่งสมาธิ
    สั่งสมยาพิษทำลายตนโดยไม่รู้สึกตัวต่างหาก
    มิได้ตรงความจริงตามหลักแห่งความเพียรเลย

    ฉะนั้น ครั้งพุทธกาลที่ท่านทำความเพียร
    ด้วยความจริงจัง หวังพ้นทุกข์จริงๆ
    กับสมัยที่พวกเราทำเล่นราวเด็กกับตุ๊กตาจึงนำมาเทียบกัยไม่ได้
    ขืนเทียบไปมากเท่าไร
    ยิ่งเป็นการขายกิเลสความไม่เป็นท่าของตัวมากเพียงนั้น
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    "เหตุแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่"

    " .. จิตที่มีความสงบ มีความบริสุทธิ์ ก็ด้วยศีลเป็นที่รองรับ หรือเป็นพื้น
    ท่านจึงเปรียบศีล เป็นเช่นแผ่นดิน ..

    อันเป็นที่ดำรงอยู่ของสรรพสัตว์ในโลกและของสิ่งทั้งปวง
    ศีลเป็นเช่นแผ่นดิน เพราะศีลเป็นที่รองรับกุศลธรรมทั้งปวง

    แม้ปราศจากศีล เป็นแผ่นดินรองรับ กุศลธรรมก็ตั้งขึ้นไม่ได้ ตั้งอยู่ไม่ได้
    ต้องมีศีลเป็นแผ่นดินรองรับ กุศลธรรมทั้งหลายจึงจะตั้งขึ้นได้

    นอกจากศีล ความบริสุทธิ์ของจิต ต้องมีสมาธิเป็นส่วนสำคัญ
    เพราะสมาธิจะทำให้จิตบริสุทธิ์ จากนิวรณ์ทั้งหลาย
    ความบริสุทธิ์จากนิวรณ์ทั้งหลายนั้น เป็นบาทของปัญญา .. "

    พระนิพนธ์ แสงธรรมส่องใจ
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


    แสดงกระทู้ - เรื่อง "เหตุแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่" (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) • ลานธรรมจักร
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เลิกสึกเพราะได้ของดี (หลวงปู่หา สุภโร)

    [​IMG]

    เหตุเกิดหน้ากุฏิหลวงปู่

    เณร : (เสียงกระซิบ) ครูบาครับ ผมจะมาลาหลวงปู่สึก

    ... ครูบา : เอ้า ครูบาเณร จะสึกทำไม

    เณร :ครูบาอยากพูดดังเดี๋ยวหลวงปู่ได้ยิน หลวงปู่เข้าพักหรือยังครับ คือ ผมจบม.๖แล้วครับ ผมอยากออกไปฝึกภาษาอังกฤษ ผมอยากเป็นพนักงานโรงแรมครับ อยากเก่งภาษา ผมเลยจะมาลาหลวงปู่ให้ครูบาพาผมเข้าไปหน่อยนะครับผม

    หลวงปู่ : เอ้าครูบาเณร มาทำไมหลวงปู่กำลังจะหลับแล้ว แต่รอเจ้าอยู่มาๆๆ พอดีหลวงปู่เจอเหล็กไหล ก้อนนี้หลวงปู่ห่วงมากนะ ดีหลายแท้ๆ กันมีด กันปืน เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัยนี่ที่๑เลย หลวงปู่เก็บมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม จนปูนนี้แล้ว หลวงปู่หวงมากนะ หลวงปู่ไม่ให้ใครนะให้เณรรูปเดียว อยากให้เณรเก็บไว้ มาๆๆ

    เณร : (คลานเข้าไปใกล้ ยื่นสองมือไปรับ) ........... หลวงปู่ครับคือ

    หลวงปู่ : รับเหล็กไหลของหลวงปู่ไปแล้วห้ามสึกนะ เพราะถ้าเอาไปแล้วสึกจะตายโหง เข้าใจนะ

    เณร : อ้าว.............ครับผม

    เรื่องปรจิตวิชา การดักใจคนอ่านใจคน หลวงปู่ชอบทำให้ดูบ่อยๆ เวลาเข้าใกล้หลวงปู่ พวกเราจึงต้องระวังความคิดเป็นที่สุด เพราะหลวงปู่จะพูดสิ่งที่เราคิดหรือสิ่งที่ติดอยู่ในใจเราเสมอ ผลคือลูกศิษย์ทุกคนต้องพยายามมีสติห้ามความคิดของตนอยู่ตลอดเวลา (แอดมินของเฟสบุ๊ค)


    ที่มา : เฟสบุ๊ค หลวงปู่ไดโนเสาร์
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระธรรมเทศนา โดย พระญาณวิสาลเถร(หา สุภโร)(หลวงปู่ไดโนเสาร์) เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน(ภูกุ้มข้าว) ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธุ์ จ.กาฬสินธุ์.

    [​IMG]

    โยม : หลวงปู่ครับ ทำไมผมยิ่งทำบุญ ยิ่งปฏิบัติธรรม ยิ่งทำสมาธิก็เหมือน ยิ่งทุกข์เหลือเกินครับ ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการเงิน ไม่รู้อะไรประดังประเดเข้ามาตลอดครับผมหลวงปู่

    หลวงปู่ : เวลาคุณทำบุญ เวลาคุณปฏิบัติ มันกร...ะทบกับเงินทองหรือเวลาปกติของคุณหรือเปล่า

    โยม : เปล่าครับผม เวลาผมทำบุญผมก็ไม่ได้ลำบาก เงินทองก็เป็นส่วนเหลือจากการเก็บการดูแลครอบครัวแล้ว การปฏิบัติของผมก็กระทำโดยไม่กระทบกระเทือนใคร พ่อแม่ พี่น้อง ลูกเมียก็อนุโมทนา แต่มันก็มีปัญหาเรื่องอื่นๆเข้ามาไม่ขาด

    หลวงปู่ : คุณ เวลาคุณปฏิบัติคุณก็ต้องการพระนิพพานใช่หรือเปล่า นิพพานก็ต้องหนีโลก ต้องเบื่อโลก ถ้ามันไม่มีปัญหาเข้ามาคุณจะหนีโลกได้อย่างไร ถ้าคุณยังหวังสุขในโลกนี้ นิพพานของคุณก็เป็นนิพพานหลอกตัวเองหล่ะสิ โลกเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุด ปัญหาที่เข้ามาคือบทเรียน มารทั้งหลายคือครูของเรา เมื่อคุณปฏิบัติสูงๆขึ้นไป ปัญหามันก็จะสูงขึ้นไปด้วย ปัญญาคุณแค่อนุบาลปัญหามันก็อนุบาล บทเรียนก็อนุบาล ครูก็ครูสอนอนุบาล แต่เมื่อคุณเรียนปริญญา ปัญญาระดับปริญญา ปัญหามันก็ต้องปริญญา บทเรียนก็บทเรียนปริญญา ครูก็ครูสอนปริญญา คุณเรียนปริญาจะเอาข้อสอบเด็กน้อยอนุบาลมาสอบคุณมันจะสมกับภูมิปัญญาคุณหรือปฏิบัติเพื่อแสวงหาปัญญา เมื่อปัญญาเราสูงขึ้น ปัญหามันก็สูงขึ้น บทเรียนมันก็ยากขึ้น มารมันก็เก่งขึ้น คุณสอบตกจะหาว่าครูออกข้อสอบยากหรือ หรือจะโทษว่าตนเองเตรียมตัวสอบไม่ดี

    คุณเอ้ยโลกมันสอนเรา บางทีก็สนุกสำราญ บางทีก็เศร้าโศก บางทีก็ทารุณโหดร้าย คุณต้องได้เรียนทุกบท คุณจะบอกว่าไม่ชอบวิชานี้ไม่เรียนมันไม่ได้ เราชอบสุขเราเกลียดทุกข์ แต่เราก็ต้องเรียนทั้งสองอย่าง เมื่อคุณผ่านการสอบหนึ่งครั้ง คุณก็จะพัฒนาไปอีกขั้นบทเรียนบางบทมันอาจจะแพงไปสักหน่อยต้องแลกมาด้วยเงินทอง อวัยวะหรือแม้แต่ชีวิต แต่คุณอย่าลืมนะวิชาดีราคามันต้องแพง โลกสอนให้คุณรู้จักโลกในทุกรูปแบบทุกรสชาติ คุณจะได้เบื่อโลกหน่ายโลกอย่างแท้จริง นิพพานของคุณก็จะเป็นนิพพานจริงๆ อย่าพึ่งลาออกจากโรงเรียนกลางคันก็แล้วกัน คุณเชื่อเถอะว่าถนนเส้นนี้ผู้ปฏิบัติล้วนผ่านมาแล้วทุกคน ท่านเหล่านั้นก็เคยทุกข์อย่างคุณท่านยังผ่านไปได้ ให้เชื่อมั่นในคุณพระพุทธเจ้าพระธรรมคำสั่งสอนและพระอริยะสงฆ์ที่ท่านผ่านไปก่อน ให้เชื่อว่าท่านเหล่านั้นไม่หลอกเราแน่ เข้าใจนะ
     
  5. มงคล18

    มงคล18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +1,829
    ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ ครับ

    โอนไปที่ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    เพื่อเข้าบัญชี 348-1-23245-9
    จำนวนเงิน (บาท) 200
    วันที่โอนเงิน 04/09/2013
    เวลาประมาณ 15.09 น.

    ขอบคุณครับและ
    โมทนาบุญทุกท่านครับ
     
  6. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ ครับ

    เพื่อเข้าบัญชี 348-1-23245-9

    จำนวนเงิน (บาท) 500

    วันที่โอนเงิน 06/09/2013

    โมทนาบุญทุกท่านครับ
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สัปดาห์นี้แนะนำแค่พระเครื่องดีครับ ลองหากันดู พระรุ่นนี้สำคัญมาก มาดูรายละเอียดกันดีกว่าครับ

    พระแก้วมรกตกลีบบัวแดง ปี ๒๕๒๙


    [​IMG]


    [​IMG]

    เป็นพระที่คุณสุธันย์ สุนทรเสวี สสจ.สมุทรสงคราม จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2529
    ขนาดองค์พระ 2.0 x 2.8 ซม.

    พระแก้วมรกต พิมพ์กลีบบัวนี้ สถาปนาขึ้นจากผงพระพุทธคุณสำคัญ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ เช่น -ผงที่เหลือจากการสร้างพระนางพญา สก. และนางพญาอุณาโลม วัดบวรนิเวศ ปี พ.ศ.2519 ซึ่งมวลสารหลักเป็นกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศซึ่งกำลังดำเนินการปฏิสังขรณ์อยู่ในปีดังกล่าว โดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งขณะเสด็จพระราชดำเนินบำเพ็ญพระราชกุศลที่วัดบวรนิเวศ ได้ทอดพระเนตรเห็นกองกระเบื้องซึ่งช่างได้ทำการรื้อจากหลังคาพระอุโบสถเพื่อทำการเปลี่ยน โดยมีพระราชดำริว่า กระเบื้องหลังคาพระอุโบสถนี้น่าจะนำมาทำให้เกิดประโยชน์โดยนำมาบดสร้างพระพิมพ์ เพื่อตอบแทนแก่ผู้ที่บริจาคเงินเพื่อบูรณะพระอาราม ด้วยเหตุผลที่ว่ากระเบื้องหลังคาพระอุโบสถนี้ย่อมต้องได้รับ “พลังบริสุทธิ์” จากการสวดมนต์ทำวัตรของพระภิกษุเป็นประจำ หากเอ่ยชื่อพระมหาเถระที่ได้บำเพ็ญสมณกิจที่พระอารามแห่งนี้แล้วย่อมทำให้เห็นว่ากระเบื้องมวลสารนี้ย่อมต้องไม่ธรรมดาทีเดียว เช่น สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ , สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส และ สมเด็จสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ อีกทั้งในยามที่มีพิธีมหาพุทธภิเษกย่อมต้องอาราธนาพระเถรานุเถระที่สำคัญมาเจริญพระพุทธมนต์ที่พระอุโบสถนี้ด้วยเช่นกัน โดยนัยแห่งความเป็นมงคลนี้ จึงได้มีการบดกระเบื้องดังกล่าวเพื่อมาประกอบเป็นมวลสารสำคัญในการสร้างพระนางพญา ส.ก. และพระนางพญาอุณาโลมในกาลนี้ โดยมวลสารที่เหลือได้นำมาผสมสร้างพระแก้วมรกตเนื้อผงพิมพ์กลีบบัวนี้ด้วย เป็นเหตุให้พระพิมพ์นี้เมื่อเสร็จสิ้นเป็นองค์พระที่สมบูรณ์จึงมีลักษณะสีโทนแดงตามสีของกระเบื้องที่นำมาบดผสมนั้นแล ไม่ได้เกิดจากสีสังเคราะห์ที่ผมลงไปแต่อย่างใด
    -มวลสารสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับองค์พระแก้วมรกตมาผสมอีกด้วย เช่น ผงชันเพชรจากองค์มหาบุษบกทองคำที่ประทับองค์พระแก้วมรกต ผงกระเบื้อง โมเสส กระจก ปูน ของพระอุโบสถ และพระเจดีย์องค์สำคัญในบริเวณวัดพระแก้วที่ได้มาเมื่อคราว บูรณะใหญ่ตอนฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี
    -นอกจากผงสำคัญที่กล่าวไว้ในข้างต้นเป็นส่วนผสมหลักของพระแก้วรุ่นนี้ราว 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ผู้สร้างยังได้นำผงพุทธคุณที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐาน อีกหลายองค์ราว 30 เปอร์เซ็นต์มาผสมรวมกันเพื่อสถาปนาขึ้นเป็นพระแก้วรุ่นนี้ได้ประมาณ 1,300 องค์ โดยเริ่มทำการสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ก่อนจะนำออกให้บูชากันในปี พ.ศ.2530

    การปลุกเสก

    1.หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา โดยหลวงปู่ดู่ได้อธิษฐานจิตให้เป็นพิเศษในวันเกิดของท่าน ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา ( 11 พฤษภาคม 2530 ) พร้อมกับเหรียญพระแก้วมรกตนิราศภัย ในขณะปลุกเสกและอธิษฐานจิตท่านได้กล่าวว่า ได้อัญเชิญพุทธบารมีขององค์พระแก้วมรกตมาบรรจุให้ และอัญเชิญพระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งแสนโกฏิจักรวาลมาร่วมปลุกเสก พระแก้วมรกตนี้คุ้มครองได้ทั้ง 3 โลก

    2.หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง โดยหลวงปู่ได้เมตตามนต์ให้ ณ โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2530 โดยท่านได้เมตตามนต์ให้เป็นการเจาะจง โดยท่านได้สั่งให้เปิดกล่องเหรียญออกและได้มอบพวงมาลัยดอกมะลิมาบูชาพระแก้วมรกตทั้งเหรียญและพระผงนี้ด้วย

    3.หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรีฯลฯ

    จัดได้ว่าเป้นพระเครื่องดีอีกรุ่นหนึ่งที่หลวงปู่ออกปากการันตีด้วยตนเอง (นอกเหนือไปจากเหรียญและพระผงดวงยันต์ดวง พระเหนือพรหม พระขุนแผน และเหรียญเศรษฐี ) ใครมีไว้เสมือนหนึ่งมีพระแก้วมรกตองค์จริงติดตัวเพราะหลวงปู่ดู่ได้ขออัญเชิญพระพุทธบารมีจากองค์จริงมาเต็มๆ


    พระชุดนี้ราคายังไม่แพง แต่อาจจะสับสนกับพระแก้วของวัดพระพุทธบาทสี่รอยที่มีหลวงปู่สิมกับหลวงปู่โต๊ะปลุกเสก ซึ่งดูแล้วเหมือนกันมาก สำหรับผมเองไม่มีชุดของหลวงปู่ดู่ คงมีแต่ชุดของหลวงปู่สิมที่ด้านหลังจะมีตราพระพุทธบาทสี่ร้อยครับ
     
  8. SilentSoar

    SilentSoar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +2,384
    แจ้งโอนเงินทำบุญครับ 100 บาท ^_^

    โอนเงินต่างธนาคาร - สถานะการทำรายการ
    สถานะการทำรายการ ธนาคารได้ทำรายการของท่านเรียบร้อยแล้ว
    หมายเลขอ้างอิง KBKR130908555420523
    รายละเอียดการทำรายการ
    วิธีโอนเงิน ออนไลน์ (ตลอด 24 ชั่วโมง)

    ธนาคารเจ้าของบัญชี ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
    เพื่อเข้าบัญชี 348-1-23245-9 ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
    ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล PRATOM F.
    จำนวนเงิน (บาท) 100.00
    ค่าธรรมเนียม (บาท) 25.00
    วันที่โอนเงิน 08/09/2013 [21:05:02]
    บันทึกช่วยจำ วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง รวมร่วมบุญจำนวน 100 บาท




    แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 100 บาท

    ร่วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ
    รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง
    รวมร่วมบุญจำนวน 100 บาท

    และขอร่วมทำบุญเป็นสังฆทาน และเพื่อชำระหนี้สงฆ์ นับตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ
    ขออนุโมทนาบุญ ทั้งหลายทั้งปวงให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่มีตั้งแต่ต้น บิดามารดาของข้าพเจ้าทั้งชาตินี้และทุกๆชาติ
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ พระยายมราช เจ้าการบัญชี ลุงพุฒิ
    พระศรีอารียเมตไตรย และสมเด็จองค์ปฐมอันเป็นที่สุด

    ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุขสมหวังในเรื่องความรักทุกประการ นับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    ขอให้ข้าพเจ้ามีดวงตาเห็นธรรม และเป็นคนดีนับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    ขอให้ ความไม่มี ความไม่รู้ และความไม่ได้ จงอย่าได้บังเกิดกับข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วย เถิด สาธุ สาธุ สาธุ ...

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมทำบุญทุกท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ...
    อนุโมทนาบุญครับ,
    SilentSoar
     
  9. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ขอเรียนเชิญท่านที่แวะมาอ่านครับ ... ร่วมทำบุญสงเคราะห์สงฆ์อาพาธด้วยกันทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของทุกเดือนนะครับ.... กลุ่มพี่ๆ เหล่านี้ทำมากว่า 4 ปีแล้ว....ผมเองไปครั้งแรกก็ไ่ม่รู้จักใครเลย.. แต่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีครับเมื่อแจ้งมามาร่วมบุญนี้ด้วยกัน

    อนึ่ง...ไม่มีใครทราบหรอกครับว่า...พระคุณเจ้าที่สังขารขันธ์เจ็บป่วยที่ร.พ.นี้ องค์ใดจะเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี หรือพระอรหันต์กันบ้าง การถวายทานที่นี่เป็นสังฆทานครับ คือไม่เลือกองค์ที่จะถวาย...

    ทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่า เนื้อนาบุญใหญ่นั้นก็คือการได้ถวายทานให้กับอริยบุคคลเหล่านั้น

    ขอเรียนเชิญมาด้วยความเคารพครับ
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    [​IMG]

    วิธีห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศล


    ธรรมชาติของจิต ไม่ชอบอยู่นิ่ง ชอบนึกคิดไปต่างๆ นานา เช่น นึกคิดไปในทางกามบ้าง นึกคิดไปในทางอาฆาตพยาบาทบ้าง การนึกคิดในทางที่ไม่ดีเช่นนี้เรียกว่า อกุศลวิตก การห้ามจิตไม่ให้นึกคิดในทางอกุศลนั้น ทำได้ยาก บุคคลส่วนมากไม่ต้องการคิดในทางอกุศล แต่มักจะอดคิดไม่ได้ คิดจนนอนไม่หลับหรือเป็นโรคประสาทก็มี ตรงกันข้าม เมื่อต้องการคิดเรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศล มักจะคิดในทางกุศลไม่ได้นาน การห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในที่นี้จะได้กล่าวถึงวิธีห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศล ๕ วิธีด้วยกัน

    (๑) เมื่อใส่ใจในอารมณ์ใดอยู่ อกุศลวิตกเกิดขึ้น ก็ให้ใส่ใจอารมณ์อื่นที่เป็นกุศลและเป็นคู่ปรับกัน เช่น เมื่อนึกคิดไปในทางราคะ ก็ให้หันมาเจริญอสุภสัญญา พิจารณาว่า ร่างกายนี้เป็นของเน่าเปื่อยไม่สะอาด มีของโสโครกไหลออกอยู่เนืองๆ จะหาสิ่งที่เป็นแก่นสาร หรือสิ่งประเสริฐในกายนี้ไม่ได้เลย เมื่อมาใส่ใจอารมณ์อื่นที่เป็นกุศล คือ อสุภสัญญา ย่อมละราคะนี้ได้ ถ้าโลภอยากได้ข้าวของเงินทองต่างๆ ก็ให้พิจารณาว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเป็นของกลางสำหรับแผ่นดิน ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เป็นเพียงของยืมมาใช้ชั่วคราว ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ ต้องทิ้งไว้ในโลกให้คนอื่นใช้ต่อไป เมื่อมาใส่ใจเรื่องอื่นที่เป็นกุศล คือ ความไม่มีเจ้าของและเป็นของชั่วคราว ย่อมละความโลภในทรัพย์สมบัติได้ ถ้านึกคิดไปในทางเบียดเบียนด้วยอำนาจโทสะ ก็พึงเจริญเมตตาด้วยการระลึกถึงพุทธพจน์ ที่เป็นไปเพื่อคลายความอาฆาต

    เช่น พุทธพจน์ในกกจูปมสูตร (๑๒/๒๗๒) ที่ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้าเอาเลื่อยที่มีที่จับทั้งสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ในเหตุนั้น ภิกษุมีใจคิดร้ายต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุนั้นไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสอนของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไม่ได้นั้น ภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตาไม่มีโทสะภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น เมื่อมาใส่ใจอารมณ์อื่นอันเป็นกุศล คือ เจริญเมตตา ย่อมละโทสะได้ เหมือนช่างไม้ผู้ฉลาด ใช้ลิ่มอันเล็กตอก โยก ถอน ลิ่มอันใหญ่ออก ฉะนั้น

    (๒) เมื่อใส่ใจอารมณ์อื่นอันเป็นกุศล อกุศลวิตกยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรพิจารณาโทษของอกุศลวิตกว่า ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง ทำให้ปัญญาดับ ก่อให้เกิดความคับแค้น ให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อน ไม่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน เมื่อพิจารณาโทษอยู่อย่างนี้ ย่อมละอกุศลวิตกนั้นได้ เหมือนชายหนุ่มหญิงสาวรู้ว่า มีซากศพซึ่งเป็นของปฏิกูลน่ารังเกียจผูกอยู่ที่คอ ย่อมรีบทิ้งซากศพนั้นโดยเร็ว

    (๓) เมื่อพิจารณาโทษของอกุศลวิตกนั้นอยู่ อกุศลวิตกยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็อย่าใส่ใจ อย่านึกถึงอกุศลวิตกนั้น เมื่อไม่นึกไม่ใส่ใจก็ย่อมละอกุศลวิตกนั้นได้ เหมือนบุรุษผู้มีจักษุ ไม่ต้องการเห็นรูปที่ผ่านมา เขาพึงหลับตาเสีย หรือเหลียวไปทางอื่นเสีย

    พระโบราณาจารย์ก็เคยใช้วิธีนี้ แก้ความกระวนกระวายของ ติสสสามเณร ที่ต้องการลาสิกขา

    เรื่องมีอยู่ว่า ติสสสามเณร คิดจะลาสิกขา จึงแจ้งให้พระอุปัชฌาย์ทราบ พระเถระจึงหาวิธีเบนความสนใจของสามเณร โดยกล่าวว่า ในวิหารนี้หาน้ำได้ยาก เธอจงพาเราไปที่จิตตลดาบรรพต สามเณรก็กระทำตาม พระเถระกล่าวกับสามเณรอีกว่า เธอจงสร้างที่อยู่ใหม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะบุคคลหนึ่ง สามเณรก็รับคำ แล้วสามเณรก็เริ่มสิ่งทั้งสามพร้อมๆ กัน คือเรียนคัมภีร์ สังยุตตนิกายตั้งแต่ต้น การชำระพื้นที่ที่เงื้อมเขา และการบริกรรมเตโชกสิณจนถึงอัปปนา เมื่อเรียนสังยุตตนิกายจบลงแล้ว ก็เริ่มทำอยู่ในถ้ำ

    เมื่อทำกิจทั้งปวงเสร็จแล้ว ก็แจ้งให้พระอุปัชฌาย์ทราบ พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า สามเณร ที่อยู่เฉพาะบุคคล ที่เธอทำเสร็จนั้นทำได้ยาก เธอนั่นแหละจงอยู่ สามเณรนั้น เมื่ออยู่ในถ้ำตลอดราตรี ได้อุตุสัปปายะ จึงยังวิปัสสนาให้เจริญ แล้วบรรลุพระอรหัต ปรินิพพานในถ้ำนั่นแหละ ชนทั้งหลายจึงเอาธาตุของสามเณรก่อสร้างพระเจดีย์ไว้ นี่คือเรื่องของติสสสามเณรที่ถูกพระอุปัชฌาย์เบนความสนใจ ให้ไปกระทำสิ่งอื่นที่เป็นกุศล จนลืมความคิดที่จะลาสิกขา เมื่อไม่ใส่ใจ ไม่นึกถึง ความคิดที่จะลาสิกขาก็ดับไปเอง

    (๔) เมื่อไม่นึกถึงไม่ใส่ใจในอกุศลวิตกนั้น อกุศลวิตกก็ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรใส่ใจถึงเหตุ ของอกุศลวิตกนั้นว่า อกุศลวิตกนั้นมีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นปัจจัย เพราะเหตุไรจึงเกิดขึ้น เมื่อค้นพบเหตุปัจจัยอันเป็นมูลรากแล้ว อกุศลวิตกนั้นย่อมจะเบาบางลง แล้วถึงความดับไปโดยประการทั้งปวง

    (๕) เมื่อใส่ใจถึงเหตุแห่งอกุศลวิตกนั้นอยู่ อกุศลวิตกยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็พึงกัดฟันด้วยฟัน ดุนเพดานด้วยลิ้น ข่ม บีบคั้น บังคับจิตด้วยจิต เมื่อข่มจิตอย่างนี้ ย่อมละอกุศลวิตกนั้นเสียได ้เหมือนบุรุษผู้มีกำลังมากจับบุรุษผู้มีกำลังน้อยไว้ได้ แล้วบีบกด เค้นที่ศรีษะ คอหรือก้านคอไว้ให้แน่น ทำบุรุษนั้นให้เร่าร้อน ให้ลำบาก ให้สยบ ฉะนั้น (วิตักกสัณฐานสูตร ๑๒/๒๕๖)

    วิธีควบคุมอกุศลวิตกทั้ง ๕ วิธีนี้ อาจย่อให้สั้น เพื่อให้จำได้ง่ายดังนี้คือ

    ๑. เปลี่ยนนิมิต หันมาคิดเรื่องที่เป็นกุศลและเป็นคู่ปรับกัน
    ๒. พิจารณาโทษ พิจารณาโทษของความคิดฝ่ายชั่ว
    ๓. อย่าไปสน อย่าสนใจความคิดฝ่ายชั่ว หางานอื่นทำ
    ๔. ค้นเหตุที่คิด หาสาเหตุของความคิดฝ่ายชั่ว
    ๕. ข่มจิต เอาฟันกัดฟัน เอาลิ้นกดเพดาน เพื่อข่มจิต

    ผู้ที่ฝึกหัดตามวิธีทั้ง ๕ นี้จนชำนาญ ย่อมควบคุมความคิดของตนได้ เมื่อต้องการคิดเรื่องใดก็คิดเรื่องนั้นได้ ไม่ต้องการคิดเรื่องใดก็เลิกคิดเรื่องนั้นได้ การควบคุมความคิดได้ดังใจนึกเช่นนี้ เป็นประโยชน์อย่างมากทั้งทางโลกและทางธรรม


    คัดลอกมาจาก
    http://www.geocities.com/wat_thaton/index1.html
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ไตรสรณคมน์-ไตรสิกขา


    สำหรับคำว่า ‘ไตรสรณคมน์’ และ ‘ไตรสิกขา’ นั้น ผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้ศึกษาเกี่ยวกับพุทธศาสนา มักจะเข้าใจไขว้เขวกัน ดังนั้น เพื่อให้เข้าใจได้ถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอนำคำอธิบายของศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล ที่บอกไว้ในรายการ ‘ภาษาไทย-ภาษาธรรม’ ซึ่งได้เคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๑๑ (แต่ปัจจุบันรายการนี้ไม่มีแล้ว) มาบอกเล่าไว้ที่นี่อีกครั้ง


    ๐ ไตรสรณคมน์

    ในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เมื่อชาวพุทธกล่าวคำขอศีลจากพระสงฆ์ ก่อนที่พระสงฆ์จะกล่าวคำให้ศีล ท่านจะกล่าวคำนมัสการคือ ตั้งนโม ๓ จบ แล้วกล่าวนำว่า “พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ” เป็นต้น ให้ผู้ที่ขอศีลว่าตาม การกล่าวขอถึงพระรัตนตรัยนี้เรียกว่า “ไตรสรณคมน์”

    ไตรสรณคมน์ มาจากคำ ๓ คำ คือ ‘ไตร’ แปลว่า สาม ‘สรณ’ แปลว่า ที่พึ่ง ‘คมน์’ แปลว่า การถึงแปลรวมกันว่าการถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก

    พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเป็นที่พึ่ง การที่ชาวพุทธกล่าวคำขอพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งนี้ เพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐด้วยพระคุณ คือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ เมื่อชาวพุทธกล่าวคำระลึกถึงพระพุทธเจ้าดังนี้แล้ว จะทำให้เกิดศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธคุณ

    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง การที่ชาวพุทธกล่าวคำขอพระธรรมเป็นที่พึ่ง เพราะพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนประเสริฐด้วยพระคุณ คือ คุ้มครองรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้เป็นคนชั่ว เมื่อชาวพุทธกล่าวคำระลึกถึงพระธรรม จะทำให้เกิดความศรัทธาเชื่อมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง เพราะพระสงฆ์เป็นผู้ประเสริฐด้วยคุณความดี เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง เมื่อชาวพุทธกล่าวคำระลึกถึงพระสงฆ์แล้ว จะทำให้เกิดความศรัทธาในความบริสุทธิ์ และการปฏิบัติของพระสงฆ์ ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา

    การปฏิญาณขอรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งนี้ เรียกว่า ไตรสรณคมน์


    ๐ ไตรสิกขา

    ไตรสิกขา มาจากคำว่า ไตร กับ สิกขา ‘ไตร’ แปลว่า สาม ‘สิกขา’ แปลว่า บทเรียน ไตรสิกขาจึงแปลว่า บทเรียน ๓ บท หมายถึง หลักปฏิบัติใหญ่ๆ ๓ ประการ ซึ่งทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่า หากใครปฏิบัติตามได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้นั้นก็จะสามารถดับทุกข์ในชีวิตได้อย่างสิ้นเชิง หลักทั้ง ๓ นั้นคือ ศีล สมาธิ ปัญญา

    หลักปฏิบัติข้อที่ ๑ คือ ศีล หมายถึง การควบคุมความประพฤติทางกายและวาจา งดเว้นการทำร้าย การเบียดเบียนผู้อื่น และเบียดเบียนทำร้ายตนเอง ศีลที่สำคัญของชาวพุทธทั่วไปคือ ศีล ๕

    หลักปฏิบัติข้อที่ ๒ คือ สมาธิ หมายถึง การฝึกจิตให้เกิดความนิ่ง สงบเย็น

    หลักปฏิบัติข้อที่ ๓ คือ ปัญญา หมายถึง การเกิดความรู้แจ้ง รู้ความจริงของโลก รู้ความจริงของชีวิต

    หลักปฏิบัติทั้ง ๓ ข้อนี้จะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน คือ เมื่อปฏิบัติข้อแรกสมบูรณ์ ชีวิตก็จะเป็นสุขสบาย มีความโปร่งใจ โล่งใจ ความโปร่งโล่งเบาสบายนั้นจะเป็นฐานทำให้ฝึกสมาธิได้ง่าย เมื่อจิตนิ่งสงบ ย่อมจะโน้มไปหาความจริงได้ง่าย จิตที่หยั่งเห็นความจริงย่อมตระหนักว่า ไม่มีอะไรควรยึดถือ ปัญญาซึ่งเป็นเครื่องช่วยให้หลุดพ้นจากทุกข์ก็จะเกิดขึ้น

    ไตรสิกขา เป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญที่จะช่วยในการดับทุกข์ในชีวิต



    ......................................................

    คัดลอกมาจาก ::
    ศัพท์ธรรมคำวัด : ไตรสรณคมน์-ไตรสิกขา
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2549 15:39 น.
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้สืบหาพระเครื่องดีมาพบกันอีกแล้ว สัปดาห์นี้ขอแนะนำทั้งพระอริยสงฆ์และวัตถุมงคลของท่านให้ได้ทราบกัน ด้วยเหตุที่ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีโอกาสได้สัมผัสเหรียญๆ นึง ที่ครูอาจารย์นำมาฝากจากภาคใต้ ตอนลูบคลำครั้งแรกก็พอทราบถึงความแรงของท่านได้บ้าง แต่เนื่องจากยังมีภารกิจอื่นอยู่ จึงวางท่านไว้เฉยๆ พอกลับมาถึงบ้าน นำเหรียญของท่านมาลูบคลำอีกครั้ง โอ้โฮ คราวนี้ พลังท่านขึ้นมาสุดๆ เลย แบบว่าชามือจนแทบจะวางเหรียญ พลังท่านแรงมากจริงๆ จนต้องย้อนโทร.กลับไปหาครูอาจารย์ว่าท่านถึงไหนแล้ว คำตอบก็คือท่านเป็นพระอภิญญาจารย์ระดับสูงมากแล้ว พลังท่านจึงบริสุทธิ์มาก เพียงแต่ว่าลืมถามว่าท่านปราถนาพุทธภูิมิรึว่าจะลาพุทธิภูมิเท่านั้นเอง

    ขอแนะนำท่านเลยครับ ท่านชื่อท่านพ่อเอื้อม วัดบางเนียร อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช นั่นเอง ส่วนเหรียญที่ผมนำมาลูบคลำนั้น เป็นเหรีียญที่ด้านหน้าเขียนว่าอายุยืนใต้รูปท่าน ส่วนด้านหลังจะมีคำว่า อายุ 108 ปี ครับ ดูตามรูปเอาก็แล้วกัน เหรียญนี้ เท่าที่ทราบราคาไม่แพงเหรียญสวยๆ ประมาณ 200 เท่านั้นเอง แต่ขอเถอะ เจอที่ไหนให้เก็บไว้ เอาเป็นว่ารับรองพลังของท่าน โดยครูอาจารย์ของผมที่นำมาให้ รวมทั้งตัวผมที่ชอบสรรหาพระที่มีฤทธิ์เดชอยู่แล้ว ผมว่าท่านไม่เป็นรองใครในแผ่นดินเหมือนกัน แต่ขอโทษ แนวของท่านออกในแนวบู๊และคุ้มครอง กันภัย กันคุณไสย เช่นเดียวกันกับพระสายขลังทางภาคใต้ครับ ใครชอบแนวนี้ ได้เลย เจอท่านที่ไหนเก็บโลด ไม่ว่า ในเวบ หรือบนแผงก็ตาม พระดีอย่างนี้ อย่าปล่อยไป ส่วนท่านใดที่อยู่แถวทางใต้ รีบไปกราบเถอะครับ เพราะครูอาจารย์แอบกระซิบมา "ท่านจะไปแล้วน๊ะพวกเรา" เว้ากันซื่อๆ อย่างนี้ล่ะ

    ภาพจาก Thaimisc.com : HOME



    [​IMG]
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    ประวัติพ่อท่านเอื้อม กตปุญโญ วัดบางเนียน
    "๑ ศตวรรษ ๕ แผ่นดิน" พ่อท่านเอื้อม พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวท ทองทั้งแท่ง เพชรแท้แห่งลุ่มน้ำปากพนัง เจ้าอาวาสวัดสุวรรณจัตตุพลปันนาราม (วัดบางเนียน) ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
    ถือกำเนิด ณ บ้านเลขที่ ๖๘ หมู่ที่ ๑๒ ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปีระกา เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๔๔๙ นับถึงปัจจุบันสิริอายุ ๑๐๑ ปี หลังจบการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนใกล้บ้านแล้ว ประกอบอาชีพทำนาช่วยเหลือครอบครัว

    พ่อท่านเอื้อม อุปสมบทเมื่ออายุ ๖๕ ปี เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๑๔ เวลา ๑๓.๔๕ น. ณ พัทธสีมา วัดปากเชียร อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีพระครูถาวรบุญรัต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมานิต มานิโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา "กตปุญโญ"

    ตามประวัติพ่อท่านเอื้อม ก่อนอุปสมบทท่านเคยเป็นเสือเก่ามาก่อน และได้เคยปะทะกับท่านพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ต่างคนต่างมีวิชาสายสำนักเขาอ้อเหมือนกัน จนในที่สุดท่านทั้งสองคบหาเป็นสหายกัน ต่อมาท่าน พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้แนะนำให้ท่านไปบวชกับพ่อท่านคล้าย วัดจันดี แต่หลวงพ่อคล้ายท่านชราภาพมากแล้ว จึงแนะนำให้ไปบวชกับพระรูปอื่น ก่อนบวชท่านได้บอกว่าถ้าบวชกับพระรูปไหนจะไปสึกกับพระรูปนั้น ในที่สุดท่านก็ได้อุปสมบทกับพระครูถาวรบุญรัต ในเวลาต่อมาท่านพระครูถาวรบุญรัตได้มรณภาพลง พ่อท่านเอื้อมจึงลาสิกขาไม่ได้ตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบัน

    การศึกษาพุทธาคม หลังจากอุปสมบทแล้ว พ่อท่านเอื้อมอยู่จำพรรษาวัดปากเชียรศึกษาข้อวัตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จากนั้นได้จาริกธุดงค์ตามป่าเขา ขึ้นเหนือถึงประจวบคีรีขันธ์ ลงใต้สำนักอาจารย์เขาอ้อ ไปสุดชายแดนมาเลเซีย

    ระหว่างธุดงค์ได้สร้างวัดตามสถานที่ต่าง ๆ รวมได้ ๗ วัด ได้แก่ วัดท้ายทะเล อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช วัดเนินธัมมัง อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช วัดไสไท อ.เมือง จ.กระบี่ สำนักสงฆ์สะเดา อ.เมือง จ.ชุมพร สำนักสงฆ์เขาวงแหวน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง สำนักสงฆ์ควรเขาดิน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี และวัดบางเนียน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กิตติคุณเป็นที่กล่าวขานเรื่องเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย

    วัตถุมงคลเข้มพลังมากประสบการณ์ เช่น เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๓๓ อายุ ๘๒ ปี ตะกรุดผ้ายันต์ พระผง รูปหล่อบูชา เป็นต้น
     
  14. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    มาสวดมนต์กันเถอะครับ

    ท่านพระอาจารย์มั่น กล่าวว่า..
    [​IMG]
    "พุทธมนต์นั้นใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์เช้า เย็น
    หรือชาวพุทธทุกคน สวดมนต์ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล
    สวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล
    สวดมนต์เช้าเย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฏิจักรวาล
    สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันตจักรวาล
    แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในสามภพ และที่สุดอเวจีมหานรก ยังได้รับความสุข
    เมื่อแว่วเสียงพุทธมนต์ผ่านลงไปถึงชั่วขณะชั่วครู่หนึ่ง ดีกว่าหาความสุขไม่ได้เลยตลอดกาล"
    ...นี้คืออานิสงส์ของพระพุทธมนต์

    (หนังสือ "รำลึกวันวาน" หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กันยายน 2013
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้คือวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2556 โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้าง รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.00 น. เหมือนเช่นเคย

    จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน ผมและกรรมการของทุนนิธิฯได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ มาเรียบร้อยแล้วในวันนี้ และจะได้ทยอยบริจาคไปยัง รพ.ต่างๆ ให้เสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์หน้านี้ โดยมีรายละเอียดการบริจาคสำหรับเดือนกันยายน 2556 ดังนี้ (สำเนาการโอนเงินจะได้นำมาลงให้อนุโมทนากันต่อไปครับ)

    1 รพ.สงฆ์
    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้200 รูป โดยจะถวายเป็นอาหารกล่องๆ ละ 30.-)
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-

    รวม 16,000.-

    2 รพ.ภูมิภาค
    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 8,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 5,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 8,000.-
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 8,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-

    รวม 55,000.-

    3. ร่วมทอดผ้าป่าเพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์สำหรับภิกษุ-สามเณร ที่ รพ.จุฬาฯ
    จำนวนเงิน 5,000.-

    รวมประมาณการเงินบริจาคของทุนนิธิฯ ตามข้อ 1.+2.+3. = 76,000.- (เจ็ดหมื่นหกพันบาทถ้วน)

    จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบแค่นี้ก่อนครับ

    พันวฤทธิ์
    25/9/56


    <a href="http://www.uppic.org/share-1081_5242F64A.html"><img src="http://www.uppic.org/image-1081_5242F64A.jpg" border="0"></a>​


    เพิ่มเติมรายละเอียดการบริจาคเงินและรายละเอียดใบอนุโมทนา, รายการการใช้ปัจจัยของ รพ.ปัตตานีและรพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2013
  16. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2013
  18. ต้นแก้ว

    ต้นแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2007
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,569
    โอนเงินร่วมบุญทุนนิธิสงฆ์อาพาธฯ 300 บาท 26/09/56 อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
  19. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  20. Smilerider

    Smilerider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,994
    ร่วมทำบุญโอนเข้าบัญชีกองทุน ช่วยสงฆ์อาพาธ ประจำเดือน ต ค 56
    500 บาท ครับ วันนี้ 30 กย 56 เวลา 19.24 น
    อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...