ลำนำเพลงรักของนักกลอน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 8 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    รักร้าว เราร้าวรอน
    จำลาจร จากจำไกล
    เหินห่าง ร้างดวงใจ
    แม้นภพใหม่ ก็ไกลเกิน
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]


    คิดถึง วันก่อนเก่า
    ที่สองเรา เคยสุขสันต์
    พูดคุย สารพัน
    เธอและฉัน ในวันวาน
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    จากกัน ในวันนี้
    วันที่มี ความทรงจำ
    อดีต คงคืนคำ
    คำเคยพร่ำ ซ้ำเลือนลาง
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ดอกหญ้า ยังร้าวรอน
    ระโหยอ่อน ร้อนลมแรง
    อาทิตย์ แม้สิ้นแสง
    ความร้อนแฝง ยังแรงเกิน
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    คล้ายคนมากเลยนะคะ...
     
  7. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    เอ่อ ..อันนี้คืออะไรเหรอคะ คล้ายคนนอนเกยกันเยอะๆ
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เขาว่าเป็นเหล็กไหลงอกค่ะ
    ติงเห็นว่าแปลกดีค่ะ
    ที่ติงมีไม่เป็นแบบนี้
     
  9. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    เหล็กไหลงอก เพิ่งเคยเห็นนี่แหล่ะค่ะ

    นึกว่าเป็นของกินตากแห้งซะอีกค่ะ

    มากินั่งนึกตั้งนาน ว่าคืออะไรน๊า

    คุณติงติง มีเหล็กไหลด้วย
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ภาพที่โพสต์นี้ไม่ใช่ของติงค่ะ
    ของติงเป็นอีกแบบ
    แต่ก่อนก็ไม่เชือเรื่องพวกนี้ค่ะ
    พอมาพบกับตัวเอง
    ว่าเขาเพิ่มจำนวนได้อย่างน่าอัศจรรย์
    คราวนี้ไม่เชื่อไม่ได้แล้ว
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    โคตรเหล็กไหลงอกเป็นเหล็กไหลชั้นรองลงมา หรือที่เรียก กันว่าเหล็กไหลน้ำรอง ซึ่งต่างกับเหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลเจ้าป่า และ เหล็กไหลเพลิง อันเป็นเหล็กไหลชั้นหนึ่งหรือเหล็กไหลน้ำหนึ่งที่ มีอิทธิฤทธิ์มากและเป็นกายสิทธิ์ที่ต้องใช้วิชาอาคมในการเชิญหรือในการตัด และผู้ที่จะตัดได้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาเท่านั้น ส่วนเหล็กไหลงอก จัดเป็นพวกโคตรเหล็กไหลที่ไม่ต้องใช้วิชาในการตัด แต่ต้องทำการขอจากเจ้าป่าเจ้าเขา ไม่เช่นนั้นจะโดนอาถรรพณ์ทำร้ายจนทำ ให้ชีวิตวิบัติในทุกๆ ด้าน

    เหล็กไหลงอกหรือโคตรเหล็กไหลงอกถือว่าเป็นโคตรเหล็กไหลชั้นเยี่ยม หรือเป็นโคตรเหล็กไหลชั้นหนึ่งในบรรดาโคตรเหล็กไหล หลายๆ ชนิด แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือโคตรเหล็กไหลงอกที่เขาอึมครึมและ เขากะอางค์ รวมทั้งตามถ้ำในเขตชายแดนไทยพม่าและในป่าลึกของพม่าอีกทั้งเหล็กไหลงอกที่เกาะล้านพัทยาและเหล็กไหลงอกที่เมืองลอง จังหวัดแพร่ที่เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า"ตับเหล็กเมืองลอง"

    เหล็กไหลงอกนั้นเป็นโคตรเหล็กไหลที่มีลักษณะการงอก ไปมาเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำมนปนเขียว รูปร่างแปลกตา ดูสวยงาม บางชิ้นทอสีเป็นสีรุ้งอย่างน่าอัศจรรย์เหล็กไหลงอกมักพบตามเพดานถ้ำ บางครั้งฝังอยู่ในดินก็มี แม้ว่าเหล็กไหลงอกจะเป็นเหล็กไหลน้ำรอง แต่ก็มีอิทธิอานุภาพที่สูงส่งเช่นกัน เพราะเป็นของที่มีเทพยดารักษา โดยมากมักเป็นญาณของพระฤาษีที่ทรงตบะแก่กล้าและมีดวง วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขามากมายรักษาอยู่ ทั้งเทพ คนธรรพ์และพญานาคก็มี เพราะเหล็กไหลชนิดนี้ถือเป็นกายสิทธิ์สำคัญอย่างหนึ่งที่จะสามารถ ช่วยบรรเทาภัยพิบัติจากแม่ธาตุที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้ได้

    ความน่าอัศจรรย์ของเหล็กไหลงอกคือสามารถงอกหรือขยาย ขนาดตัวเองให้โตขึ้นได้ หาก เป็นองค์เหล็กที่อยู่ตามธรรมชาติแล้วมี การงอกที่เหมือนกับหินงอกหินย้อยทั่วไปก็ดูไม่น่าอัศจรรย์แต่อย่างใด แต่ถ้านำเหล็กไหลงอกหรือโคตรเหล็กไหลงอกนี้มาเลี่ยมใส่ไว้ใน กรอบพลาสติกอย่างมิดชิดแล้วปรากฏว่ายังสามารถขยายขนาด หรืองอกเพิ่มจนดันกรอบให้แตกออกมาได้ย่อมนับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่อง1จริง เพราะมีหลายท่านที่เลี่ยมองค์ เหล็กไหลงอก คล้องคอไว้ แล้วต้อง เอาไปเลี่ยมกรอบใหม่ เนื่องจาก องค์เหล็กขยายขนาดและงอกเพิ่มขึ้นจนดันกรอบเก่าแตก แต่ทั้งนี้ การที่องค์เหล็กไหลงอกจะงอกขยายขนาดได้มากเท่าไรนั้นก็ต้อง ขึ้นอยู่กับการปฏิบ้ติตัวของคนผู้นั้นด้วย หากผู้ที่รับเอาองค์เหล็กไป แล้วหมั่นบูชาสวดมนต์ปฏิบัติกรรมฐาน แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศล ให้แก่โคตรเหล็กไหลงอก องค์เหล็กไหลงอกก็จะงอกขยายขนาด จนเห็นได้ชัด นานวันเข้าก็จะดันจนกรอบแตกเป็นที่น่าอัศจรรย์







    การงอกของโคตรเหล็กไหลนั้นจะงอกเพิ่มในจุดต่างๆที่ ไม่ซ้ำกัน โดยจุดที่งอกขึ้นมาใหม่จะมีสีสันที่ดูสดใสและสามารถขยาย ขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนจุดที่งอกนานแล้วจะมีสีเข้ม ยิ่งถ้านานวันไป ความเงามันอาจลดลงได้ และถ้าหากละเลยการสวดมนต์ทำสมาธิแล้ว การงอกอาจใช้เวลานานมาก ตรงกันข้ามกับการได้ปฏิบัติทำสมาธิแผ่เมตตาจิตซึ่งจะมีผลทำให้องค์เหล็กงอกและขยายตัวเร็วขึ้นกว่าหลายเท่าตัว การงอกของโคตรเหล็กไหลงอกนั้นถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะถือว่าหากผู้ใดมีเหล็กไหลงอกซึ่งงอกไปมาสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ แสดงว่าบุคคลผู้นั้นต้องโฉลกหรือกำลังจะมีโชคชีวิตย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นนิจศีล ทำการค้าขายย่อมมีความเจริญรุ่งเรือง นอกจากองค์เหล็กไหลงอกจะสามารถงอกเพิ่มขึ้นได้แล้วยังสามารถเปลี่ยนสี ได้อีกด้วย

    เมื่อเอาไปให้ครูบาอาจารย์ที่มีสมาธิจิตส่งพลังจิตประจุลงไป ในองค์เหล็กไหลจะสังเกตได้ว่าองค์เหล็กจะมีการเปลี่ยนสีทันทีจากสีดำ กลายเป็นสีเขียวเข้ม หรือบาง ครั้งอาจทอสี เป็นสีเหลือบรุ้งขึ้นมา การเปลี่ยนสีนี้พบว่ามีขึ้นในเหล็กไหลเกือบทุกชนิดทั้งในเหล็กไหลน้ำหนึ่งและเหล็กไหลน้ำรอง อันแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาตอบรับ ระหว่างพลังจิตกับองค์เหล็กไหล

    โคตรเหล็กไหลงอกมีพุทธคุณหลายอย่าง แต่ที่เด่นชัดคือ ในด้านป้องกันชีวิต ป้องกันภัยจากศาสตราวุธและอุบัติภัยได้ ดัง กรณีตัวอย่างของพรานป่าที่คล้ององค์เหล็กไหลงอกติดตัวไว้ขณะ ออกไปล่าสัตว์ ยังส่งผลให้ยิงปืนไม่ออกทำให้ไม่สามารถล่าลัตว์ได้ ต้องอาราธนาเอาองค์เหล็กออกจากตัวเสียก่อนจึงออกป่าล่าสัตว์ ยิงปืนโดยไม่ด้านไม่ขัด สามารถใข้ปืนยิงได้ตามปกติทุกประการ แสดงให้เห็นว่าเทพที่สถิตย์อยู่กับองค์เหล็กนั้นไม่ต้องการให้ผู้ใดทำ

    บาปและผิดศีลข้อปาณาติบาต เพราะองค์เหล็กย่อมคุ้มครองชีวิต ทุกชีวิตเสมือนกันหมดนอกจากท่านจะคุ้มครองเราแล้วท่านยังมีเมตตา จิตสั่งสอนเราไม่ให้ไปเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น นอกจากนี้โคตรเหล็กไหล งอกยังดีทั้งด้านเมตตา มหานิยม โชคลาภ สามารถป้องกันภูตผีปีศาจ และคุณไสยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอและสัตว์มีพิษ ต่าง ๆ และหากใครถูกแมงปอง ตะขาบ หรือแมลงสัตว์กัดต่อยก็ สามารถฝนด้านหลังของเหล็กไหลงอกแล้วนำผงที,ได้มาทาแผล เพราะ นอกจากจะช่วยดูดพิษจากบาดแผลแล้วยังทำให้หายปวดได้อีกด้วย

    โคตรเหล็กไหลงอกจะเสพน้ำผึ้งเป็นอาหาร เมื่อหยดน้ำผึ้ง ลงไปบนโคตรเหล็กไหลที่ยังคงมีพลังชีวิตอยู่ ไม่นานนักนํ้าผึ้งที่ หยดลงไปจะเปลี่ยนเป็นสีขาวดุจน้ำนมและแห้งไปในที่สุดอย่าง น่าอัศจรรย์มาก องค์โคตรเหล็กอื่นๆ ก็เสพน้ำผึ้งเช่นกัน แม้จะไม่ได้ แสดงปาฏิหารย์ให้เห็น แต่น้ำผึ้งก็จะหมดรสหวานไป โคตรเหล็กไหล เป็นเหล็กไหลชั้นรอง ไม่กินฟอสฟอรัสและดินปืน แต่ก็สามารถกิน พลังงานไฟฟ้าได้เหมือนกัน ซึ่งหากว่า เป็นโคตรเหล็กไหลงอกก้อนใหญ่ หรือมีโคตรเหล็กรวมอยู่ที่เดียวกันมาก ๆ ก็จะเกิดปฏิกิริยากับไฟฟ้า ภายในบ้านได้

    โคตรเหล็กไหลงอกจึงเป็นกายสิทธิ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งทื่พอ พบได้ในปัจจุบัน และมีครูบาอาจารย์หลายท่านนิยมเอามวลสารของ โคตรเหล็กไหลงอกมาผสมทำเป็นพระเครื่องทรงอิทธิฤทธิ์

    ไปอ่านมานะคะ ไม่ทราบว่าเท็จจริงแค่ไหนค่ะ
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ประวัติ เหล็กไหล



    ประวัติ เหล็กไหล

    เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดาร แปลกประหลาดมหัศจรรย์แตกต่างไปจากโลหะธาตุทั้งปวง จึงได้ถูกจัดอยู่ในฐานะ “ธาตุกายสิทธิ์” ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามวิบากของกฎแห่งกรรม ที่บันดาลให้วิญญาณในสังสารวัฏมาปฏิสนธิ ในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มี อิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั่วไป

    ดังนั้น “เหล็กไหล” จึงถือเสมือนหนึ่งเป็น “สัตว์โลกที่มีชีวิต” เผ่าพันธุ์หนึ่งในโลก เพราะเหล็กไหลมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย สามารถเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งเป็นอาหาร มีการขับถ่ายออกมาได้ ซึ่งเรียกกันว่า


    “ขี้เหล็กไหล” นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได้ แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพราะเพียงแต่มีความรู้สึกใคร่ในกามารมณ์ ก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดได้ในทันที โดยไม่ ต้องมีการถูกต้องสัมผัสกัน และชอบพักผ่อนหลับนอนในสถานที่สงบตามถ้ำ

    เหล็กไหลจึงจัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐเผ่าพันธุ์หนึ่งของโลก จัดอยู่ในจำพวกเทพ แต่เป็นเทพที่ มาชดใช้วิบากกรรมในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงทำให้มีพวก ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค คอยให้ความอารักขาอีกทีหนึ่ง เหล็กไหลจึงมีถิ่นกำเนิด และบารมีที่แตกต่างกันไป ตามเผ่าพันธุ์และวรรณะ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และสมมุติเรียกหาเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น เช่นประวัติ เหล็กไหล





    ประเภทของเหล็กไหลเรียบเรียงโดย ๛ชมรมผู้สนใจพลังลี้ลับ๛.

    1. เหล็กไหลโกฏิปี
    เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากที่สุด และมีอิทฤิทธิ์มากที่สุดในบรรดาเหล็กไหลทั้งหมด เพราะเนื่องจากตัดได้ยากมาก ถ้าตัดไม่ดีอาจถึงชีวิตได้ และเก็บรักษาได้ยาก เป็นเหล็กไหลที่ยังไม่แข็งตัวตามธรรมชาติ เหล็กไหลโกฏิปี มีลักษณะสีเขียวคล้ายปีกแมลงทับ หรือสีออกประกายรุ้ง และยังสามารถเปลี่ยนสีได้เรื่อยๆ บางที่เรียกเหล็กไหลชนิดนี้ว่า เหล็กไหลปีกแมลงทับ ยังไม่สามารถระบุน้ำหนักได้ และจุดแข็งตัวได้

    ความสามารถ - สามารถล่องหน หายตัวได้ และยังสามารถทะลุผ่านวัตถุได้ทุกชนิด มีคุณสมบัติในการดับพิษไฟ และความร้อนทุกชนิด กินดินปืน แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพัน กันสัตว์มีพิษและ ฑูตผีปีศาจได้ทุกชนิด เหมาะสำหรับเสาะหามาเพื่อใช้ในการฝึกอภิญญาและเพิ่มพลังของสมาธิ และสามารถสร้างภาพมายาให้กับเจ้าของได้เช่นกัน เช่น บางครั้งจะแสดงเป็นภาพเจ้าของให้คนอื่นเห็นว่ามีเจ้าของอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ คือนั่งอยู่คนเดียว แต่คนอื่นมองเห็นเป็น 2 คนนั้นเอง และมีพลังป้องกันตัวเองสูง สามารถช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายเจ้าของให้มีความสมดุลได้ เช่น เวลาร้อนก็จะแผ่พลังกระแสความเย็นให้ และยามหนาวก็จะปล่อยพลังกระแสความอบอุ่นให้

    สิ่งที่ชอบ - กินพลังงานไฟฟ้าเป็นอาหาร ชอบน้ำผึ้ง และอาบแสงจันทร์เมื่อยามพระจันทร์เต็มดวง ฯลฯ

    2. เหล็กไหลเจ้าป่า
    มีอานุภาพใกล้เคียงกับเหล็กไหลโกฏิปี มีลักษณะสีดำเหมือนนิล กลม หากเป็นประเภทที่หาได้ยากจะยังไม่มีการแข็งตัวตามธรรมชาติ บางแห่งเรียกว่า "พญาสมิงเหล็ก" เพราะมีความเชื่อว่าเหล็กไหลชนิดนี้ มีเทพที่เป็นเจ้าป่าคอยปกปักษ์รักษาอยู่นั่นเอง

    ความสามารถ - มีอานุภาพเป็นรองแค่เหล็กไหลโกฏิปีเท่านั้น สามารถกินดินปืน พลังงานไฟฟ้า ดับความร้อนและพิษร้อนได้ทุกชนิด และสามารถล่องหนหายตัวได้ ป้องกันฑูตผีปีศาจ มีพลังป้องกันตัวเองสูง สามารถช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายเจ้าของให้มีความสมดุลได้ เช่น เวลาร้อนก็จะแผ่ กระแสความเย็นให้ และยามหนาวก็จะปล่อยพลังกระแสความอบอุ่นให้

    สิ่งที่ชอบ - กินพลังงานไฟฟ้าเป็นอาหาร ชอบน้ำผึ้ง และอาบแสงจันทร์เมื่อยามพระจันทร์เต็มดวง ฯลฯ

    3. เหล็กไหลเพลิง
    เป็นเหล็กไหลที่มีพลังธาตุไฟสูงมาก มีสีแดงเลือด สีเนื้อใส ถ้าพลังน้อยลงมาหน่อยจะมีสีแดงเหมือนอิฐมอญ ไม่นิยมนำมาฝังตามร่างกายเนื่องจากมีความร้อนสูง เพราะมีความเชื่อว่าเหล็กไหลชนิดนี้ชอบดูดซับความร้อนจากลาวาใต้โลก และพิษของสัตว์มีพิษต่างๆ "เหล็กประสานกาย"

    ความสามารถ - เด่นในเรื่องสร้างภาพมายาเพื่อป้องกันตัวเองและเจ้าของไม่ให้ได้รับอันตราย และสามารถล่องหนหายตัวได้ ป้องกันฑูตผีปีศาจ มีพลังป้องกันตัวเองสูง ยามหนาวก็จะปล่อยพลังกระแสความอบอุ่นให้เพื่อให้เกิดอุณภูมิที่สมดุลในร่างกายของเจ้าของ ป้องกันไข้ป่า กินดินปืน แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพัน กันสัตว์มีพิษและ ฑูตผีปีศาจได้ทุกชนิด

    สิ่งที่ชอบ - ชอบน้ำผึ้ง

    4. เหล็กไหลเงินยวงมักอยู่ตามที่ๆมีอากาศเย็นมาก บางแห่งเรียกว่า เหล็กไหลชีปะขาว ค้นมากในแถบเนปาล ธิเบต และแถบที่มีหิมะปกคลุมตลอด เหล็กไหลชนิดนี้ มีสีเงินขาวเป็นยวงคล้ายกับปรอทมีความแวววาวเหมือนโลหะ มักมีวิญญาณของชีปะขาวหรือคนธรรพ์ดูแลรักษาอยู่

    ความสามารถ - สร้างภาพลวงตา และปรับอุณภูมิภายในร่างกายให้กับเจ้าของ ล่องหนหายตัวได้ ใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค ป้องกันคุณผี คุณคน เป็นมหาอุด

    สิ่งที่ชอบ - ไม่ชอบเสพน้ำผึ้ง แต่ชอบแสงจันทร์

    5. เหล็กไหลน้ำ
    มีลักษณะเป็นเหล็กไหลก้อนสีดำเหมือนนิลแกมเขียว บางแห่งที่พบอาจมีสีน้ำตาลอมแดง บางคนจะเรียกว่าเป็น "เหล็กไหลตาน้ำ" เอาล่อแม่เหล็กติด เพราะมักพบเจอได้ตามบริเวณใกล้กับแม่น้ำ ลำธารเสมอๆ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากอีกชนิดหนึ่ง เพราะไม่ค่อยมีใครรู้จัก คนโบราณมักเอาแร่เหล็กไหลชนิดนี้มาหุงเคี่ยวด้วยคาถาอาคมเพื่อนำมาหล่อเป็นวัตถุกายสิทธิ์หรือเป็นพระพุทธรูป มักพบมากบริเวณลำธารในแถบภูเขาควาย และถ้ำเพียงดิน จังหวัดหนายคาย มักมีวิญญาณของพญานาคเป็นผู้ดูแลรักษา

    ความสามารถ - ดับพิษไฟ - น้ำกรดเข้มข้นสูงได้ทุกชนิด มีความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้ที่พกพา มีความสามารถในการสร้างน้ำได้ ล่องหน หายตัวได้

    สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำมะพร้าว

    6. เหล็กเปียกมีลักษณะสีสันใกล้เคียงกับเหล็กไหลเงินยวงแต่สามารถเปลี่ยนสีกลับเป็นสีดำได้ และกลับสีไปมาได้ เช่น สีเงินกลายเป็นสีดำ หรือ สีดำกลายเป็นสีเงิน

    ความสามารถ - สามารถรวบรวมความชื้นในอากาศมารวมตัวกันจนกลายเป็นหยดน้ำได้ ป้องกันฟ้าผ่า มีความชื้นสูง สามารถทำให้ดินปืนชื้นได้ บางแห่งพบว่ามีการจำเหล็กไหลชนิดนี้มาหลอมรวมกับเศียรของพระพุทธรูปและสามารถสร้างหยดน้ำซึ่งกลายเป็นหยดน้ำทิพย์ให้เกิดขึ้นในเศียรของพระพุทธรูปได้ เช่นพระพุทธรูปที่วัดตูม จ.อยุธยา เป็นต้น

    7. โคตรเหล็กไหลงอก
    โคตรเหล็กไหลงอกเป็นเหล็กไหลชั้นรอง หรือเหล็กไหลน้ำรอง คือแข็งตัวไปตามธรรมชาติแล้ว ไม่เหมือนกับเหล็กไหลจำพวกน้ำหนึ่งที่ยังมีสภาพเป็นของเหลว ที่ต้องอาศัยถาคาอาคมในการตัด โคตรเหล็กไหลงอกนั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยวิชาใดๆในการตัด สามารถนำออกมาได้เลย แต่ต้องทำพิธีขออนุญาตกับเจ้าที่และผู้ดูแลเหล็กไหลชนิดนี้เสียก่อน เพราะอาจจะเกิดอาเพศและอาถรรพ์ต่างๆ ตามมาถึงชีวิตได้ โคตรเหล็กไหลงอกที่ขึ้นชื่อที่พบมากมาจาก 3 แหล่งใหญ่ในประเทศไทยคือ

    1. เขาอึมครึม จ. กาญจนบุรี
    2. เกาะล้าน พัทยา
    3. อ.ลอง จ.แพร่ ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่าตับเหล็กเมืองลอง
    4. อ. ปราสาท จ.สุรินทร์
    และตามชายแดนเขตไทยพม่าอีกหลายแห่ง

    โครตรเหล็กไหลงอกมีลักษณะการงอกเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำอมเขียว มีหลายสีสัน เช่น สีรุ้ง สีดำอมเขียว สีดำอมแดง สีดำผสมเงิน เป็นต้น
    มักมีดวงวิญญาณของเจ้าป่าเจ้าเขาดูแลรักษามากมาย ทั้งเทพ คนธรรพ์ และพญานาค หรือมีญาณของพระฤๅษีที่มีตบะวิชาแรงกล้า

    ความสามารถ - ช่วยบรรเทาภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับโลกได้(ถ้ามีจำนวนมาก) สามารถงอกตัวได้เรื่อยๆ หรือขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้นได้ ป้องกันชีวิตเจ้าของได้ดี สามารถโต้ตอบกับเจ้าของได้ ปรับอุณภูมิร่างกายให้กับเจ้าของ เมื่อถูกสัตว์มีพิษสัตว์กัด ต่อย สามารถฝนด้านหลังของเหล็กไหลนำมาใส่แผลแก้พิษและบรรเทาอาการปวดได้ ไม่กินดินปืนและฟอสฟอรัส

    สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้ง โดยหยดน้ำผึ้งลงไปบนเหล็กไหล หรือจะน้ำแช่ลงไปเลย หรือว่าจะใส่แก้วเล็กๆวางข้างๆก็ได้เหมือนกัน กินพลังงานไฟฟ้าภายในบ้านได้หากมีภายในบ้านเป็นปริมาณมาก หากเพิ่งถวายน้ำผึ้งให้เสพใหม่ แล้วนำเหล็กไหลมาวางบนมือ เหล็กไหลจะปล่อยคลื่นพลังแรงกว่าปกติเป็นสัญญาณตอบรับ

    ***หากต้องการให้เหล็กไหลเปลี่ยนสีเป็นปีกแมลงทับ ควรนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกบ่อยๆ และนั่งสมาธิให้ทุกวัน เหล็กไหลจะค่อยๆ มีการเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ

    8. โคตรเหล็กไหลทรหดโคตรเหล็กไหลทรหดมีอิทธิฤทธิ์ใกล้เคียงกับโคตรเหล็กไหลงอกมาก แต่ลักษณะการงอกของโคตรเหล็กไหลทรหดนั้นจะงอกในรูปแบบเป็นก้อนๆ คล้ายก้อนกล้ามเนื้อเพิ่มขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นแร่เย็นเหมาะสำหรับนำมาช่วยในเรื่องการเจริญสมถกรรมฐาน เพื่อช่วยให้มีการสงบสดชื่นมากขึ้น ทั้งจะเพิ่มกำลังจิตให้มีความสงบนานขึ้น(เหมือนกับเหล็กไหลงอกทุกประการ)

    ความสามารถ - โคตรเหล็กไหลทรหดจะเด่นในเรื่องมหาอุด เหมือนกับโคตรเหล็กไหลงอกทุกประการ

    สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้งและแสงจันทร์ เหมือนกับโคตรเหล็กไหลงอก

    9. โคตรเหล็กไหลย้อย
    เป็นต้นกำเนิดของเหล็กไหลเหล็กไหลหยด มีขนาดใหญ่ตั้งแต่เท่ากำปั้นไปจนเท่าโอ่งใบขนานดย่อมๆก็มี สีดำ บ้างก็สีดำอมแดง บ้างก็สีเงิน หรือบางทีสีรุ้งก็มี มีลักษณะคล้าย เทียนเวลาโดนไฟลน สามารถงอกออกมาได้เรื่อยๆ โดยลักษณะการงอกจะเป็นเม็ด หรือเป็นคล้ายหยดเทียนออกมาเรื่อยๆก็ได้ มีวิญญาณของเจ้าป่าเจ้าเขา คนธรรพ์ พวกลับแลคอยเข้าดูแลรักษา โดยมีญาณของฤๅษีที่มีตบะแก่กล้าประจุอยู่ด้วย

    บริเวณที่พบเป็นจำนวนมาก - อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ฯลฯ

    ความสามารถ - มหาอุด คงกระพันหนังเหนียว ถ้าเอามาเข้าพิธีปลุกเสกแล้วจะเพิ่มพลังในตัวให้สูงกว่าเดิมมาก ป้องกันภูตผีปีศาจ ล่องหนหายตัวได้

    สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้ง

    10. เหล็กไหลหยดมีลักษณะคล้ายน้ำตาเทียนเวลาโดนความร้อน มักมีขนาดไม่ใหญ่ สีดำด้านไม่มีความแวววาว มีรูพรุนกลวง บางแห่งคนเรียกว่า "เหล็กหยด" หรือ "เหล็กหลบ"ไม่อยู่ในพวกของประเภทโคตรเหล็กไหล และไม่อยู่ในประเภทของเหล็กไหลน้ำหนึ่ง เพราะมีคุณภาพต่ำกว่ามาก มีขนาดเล็กความยาวประมาณ 1 นิ้วชี้ และมีหลายรูปร่างแต่โดยส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายน้ำตาเทียน บางทีก็มีลักษณะกลม

    บริเวณที่พบเป็นจำนวนมาก - อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ฯลฯ

    ความสามารถ - มหาอุด คงกระพันหนังเหนียว ถ้าเอามาเข้าพิธีปลุกเสกแล้วจะเพิ่มพลังในตัวให้สูงกว่าเดิมมาก ป้องกันภูตผีปีศาจ ล่องหนหายตัวได้

    สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้ง

    อ่านเพิ่มเติมค่ะ
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    การตัดเหล็กไหล



    การตัดเหล็กไหลการจะตัดเหล็กไหลอันเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ได้นั้นไม่ใช่ของง่ายที่ใครๆ จะสามารถทำได้ทุกคน เนื่อจากเหล็กไหล เป็นวัตถุธาตุที่มีลักษณะพิเศษ คือหากเป็นเหล็กไหลชั้นดีหรือที่เรียกว่าเหล็กไหลน้ำหนึ่งนั้น เหล็กไหลประเภทนี้สามารถที่จะยืด ตัวเองหรือย้อยตัวเองลงมาจากรังที่มันอาศัยอยู่ได้ อีกทั้งยังสามารถ หดตัวเองกลับได้และสามารถเคลื่อนตัวไปไหนมาไหนได้ราวกับ เป็นสิงทีมีชีวิตและมีจิตวิญญาณ

    การตัดเหล็กไหลในธรรมชาติจึงแบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือการตัดเหล็กไหลชั้นดีหรือเหล็กไหลน้ำหนึ่งที่ไม่ยอมแข็งตัวเอง ตามธรรมชาติซึ่งต้องใช้วิชาการตัดเหล็กไหลเพื่อตัดเหล็กไหล ประเภทนี้ออกจากรังของมัน กับอีกประเภทหนึ่งคือการตัดเหล็กไหล ชั้นรองที่แข็งตัวเองอยู่ตามผนังภายในถ้ำซึ่งสามารถตัดเหล็กไหลประเภทนี้ออกมาจากรังได้ง่ายกว่าการตัดเหล็กไหลน้ำหนึ่งมาก

    ดังนั้นผู้ที่จะทำการตัดเหล็กไหลได้จะต้องเป็นผู้ที่รู้ในศาสตร์วิชานี้อย่างแท้จริงและจะต้องมีประสบการณ์จริงในการ ตัดเหล็กไหล เพราะหากจะอาศัยเพียงแค่คำบอกเล่าย่อมไม่อาจทำการตัดเหล็กไหลได้ อีกทั้งต้องเคยเป็นลูกมือที่คอยช่วย ครูบาอาจารย์ไนการประกอบพิธีตัดเหล็กไหลมาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าถึงหกครั้งจึงพอจะสามารถกระทำพิธีตัดเหล็กไหลด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้ถึงวิธีป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจาก ฤทธิ์อำนาจของเหล็กไหลในขณะที่ตัดเหล็กไหลแต่ละชนิดอีกด้วย

    เหล็กไหลแต่ละชิ้นจะมีจิตวิญญาณที่แตกต่างกันออกไป บางชิ้นเป็นสัมมาทิฐิซึ่งผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลจะต้องปฏิบัติตน อย่างเคร่งครัดในเรื่องการบูชาและการดูแล มิฉะนั้นพลังงานภาย ในเหล็กไหลอาจให้ผลร้ายแก่ผู้ที่ครอบครองได้ ในการตัดเหล็กไหล จึงมีผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ต้องจบชีวิตลงไปมากมายหลายรายแล้ว การตัดเหล็กไหลจึงต้องกระทำโดยผู้ที่มีประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากครูบาอาจารย์ในสายนี้โดยตรงเท่านั้น

    จึงจะสามารถรู้เคล็ดลับวิธีการตัดเหล็กไหลแต่ละชนิดและรู้ถึงลักษณะของเหล็กไหลแต่ละชนิดว่ามีคุณสมบัติอย่างไร มีฤทธิ์อำนาจดีทางไหนประเภทไหนใช้พกติดตัวได้ประเภทไหนใช้ทำน้ำมนต์หรือประเภทไหนเป็นอันตรายห้ามนำมาไว้ในครอบครอง ซึ่งหากไม่รู้จริงในเรื่องเหล่านี้ก็อาจนำพาอันตรายมาถึงตัวโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

    วิธีการตัดเหล็กไหลนั้นจะต้องเริ่มต้นจากการเรียนรู้ถึงลักษณะและคุณสมบัติของเหล็กไหลแต่ละซนิดเสียก่อน จากนั้นจึงศึกษาถึงธรรมชาติของเหล็กไหลแต่ละชนิดว่าเหล็กไหลแต่ละชนิดนั้นชอบอาศัยอยู่ในสถานที่แบบใดเราจะต้องทราบเกี่ยวกับ ลักษณะของสถานที่ว่าถ้ำในลักษณะไหนมีเหล็กไหลอาศัยอยู่ โดยถ้ำที่เหล็กไหลชอบอาศัยอยู่นั้นทั่วไปแล้วจะต้องเป็นถ้ำที่อยู่ในป่าลึกลี้ลับอยู่ห่างไกลจากผู้คน และเป็นถ้ำที่เข้าถึงได้ยากอีกทั้งมักจะได้ยิน เสียงฟ้าคำรามในแถบบริเวณถ้ำนั้นอยู่บ่อย ๆ ไมว่าจะมีพายุฟ้าฝนหรือไม่ก็ตาม ส่วนบรรยากาศบริเวณถ้ำจะอึมครึม แสงแดดจะไม่ร้อน จัดแต่จะออกนวลๆและเมื่อเข้าไปภายในถ้ำจะมีความชื้นสูง อากาศจะเยือกเย็นผิดปรกติ บางครั้งถึงกับหนาวและมักพบธารน้ำ อยู่ภายในถ้ำด้วย

    หากนำเครื่องใช้ใฟฟ้าติดตัวไป เครื่องใช้ไฟฟ้าจะถูกรบกวนและดึงพลังงานไฟฟ้าออกไปจนสังเกตเห็นได้ชัดเช่นเมื่อเปิดถ่านไฟฉายในถ้ำที่มีลักษณะดังกล่าวจะพบว่าพลังไฟจากถ่านจะหมดลงอย่างรวดเร็วเป็นต้น หากได้พบสถานที่ที่มีลักษณะตามที่กล่าวมานี้แสดงว่าได้พบสถานที่ที่มีเหล็กไหลชั้นยอดประเภทเหล็กไหลนั้าหนึ่งอันเป็นสุดยอดในบรรดาเหล็กไหลที่ไม่ยอมแข็งตัวเองตามธรรมชาติซึ่งต้องรอผู้มีบุญบารมีมาเรียกหรือตัดเอาไปอย่างเช่น เหล็กไหลปีกแมลงทับ เหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลเพลิง เหล็กไหลเจ้าป่า อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน ในการตัดเหล็กไหลจะต้องรู้ถึงวิธีการที่จะทำให้เหล็กไหลยืดตัวออกมาจากรังเหล็กไหลเสียก่อนซึ่งวิธีการหนึ่งที่ใช้ได้ผลก็คือ "การนำน้ำผึ้งมาล่อ" แต่ขั้นตอนที่ยากกว่านั้นอยู่ที่ว่าเมื่อเหล็กไหลยืดตัวออกมาเสพน้ำผึ้งแล้วจะทำอย่างไรจึงจะสามารถตัดเหล็กไหลนั้นได้ ซึ่งตามตำนานก็ได้กล่าวถึงวิธีการตัดเหล็กไหลไว้หลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น การตัดโดยใช้เส้นผมของผู้หญิงพรหมจรรย์ที่ชุบด้วยเลือดของสาวพรหมจรรย์นั้นอีกทีหรือการตัดโดยใช้กริชเงิน 9 ขดที่ลงอาคมสำหรับการตัดเหล็กไหลไว้โดยเฉพาะนอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆ

    การตัดเหล็กไหลพลังจิตในการตัด

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เหล็กไหล.. อัศจรรย์หินมีจิตวิญญาณครอง





    เหล็กไหลคืออะไร ในความเป็นจริงแล้วเหล็กไหลก็คือธาตุชนิดหนึ่งในโลก ตัวของเหล็กไหลจริงๆนั้นไม่อาจสามารถระบุได้ว่ามันเป็นธาตุอะไรกันแน่ ทั้งนี้เพราะเหล็กไหลนั้นมีหลายเผ่าพันธุ์ บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นโลหะธาตุแต่ก็ไม่ใช่เหล็ก บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อหินไม่ใช่โลหะ ชาวบ้านจะเรียกกันว่า หินไหน บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อแก้ว มีทั้งสีเขียว สีดำ บางชิ้นสีออกเหลือง ผู้รู้จะเรียกกันว่า มณีนพรัตน์ แต่เป็นความหมายของเหล็กไหล ไม่ใช่เพชรพลอยอย่างที่เข้าใจกัน

    เราสามารถสรุปเหล็กไหลว่าคืออะไรได้ดังนี้ เหล็กไหลคือสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งที่มีจิตวิญญาณ มีชีวิตขั้นพื้นฐานของตนเอง และเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสังขารร่างกายอยู่ในรูปร่างของ วัตถุธาตุบางอย่าง มีอยู่หลายชนิดหลายเผ่าพันธุ์ในธรรมชาติ
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ขี้เหล็กไหล



    ขี้เหล็กไหล




    มักจะปรากฏอยู่ในถํ้าหรือบริเวณที่มีเหล็กไหลเหมือนกับมูลหรือการขับถ่ายของเสียจากเหล็กไหลลักษณะเป็นก้อนกลมๆสีออกดำบ้างนํ้าตาลบ้างไม่สามารถยืดได้หดได้แม่เหล็กดูดไม่ติดหากครูบาอาจารย์ผู้ทรงฌาณทำพิธีกรรมให้ถูกต้องเฉกเช่นวัตถุมงคลที่ถูกปลุกเสกก็จะมีอานุภาพตามที่ประสงค์
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เหล็กไหลแท้ๆจะมีเนื้อธาตุที่มีลักษณะคล้ายกับเนื้อหินอุลกมณีหรือสะเก็ดดาว ถ้าเป็นเหล็กไหลชั้นยอดเนื้อจะมีความใส คล้ายแก้ว แต่มีความเข้มข้นสูงมากจนแสงไม่อาจส่องผ่านทะลุได้ บางท่านจึงมักเรียกเหล็กไหลว่า "หินไหล" แต่กระนั้นเหล็กไหล ก็มีหลายชนิดหลายระดับ บ้างก็มีเนื้อคล้ายโลหะธาตุ บ้างก็มีลักษณะ เป็นแร่เหล็กอย่างหนึ่ง บางชนิดก็มีกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ภายในตัว ซึ่งคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นที่มาของคำว่า "เหล็กไหล" ทั้งสิ้น และนอกจากนี้ด้วยความแข็งของเนื้อธาตุที่แข็งเปรียบได้กับเหล็ก แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถกลับเนื้อตัวให้อ่อนนุ่มลื่นไหลได้ ราวกับของเหลวจึงเรียกธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ว่า "เหล็กไหล"

    แร่เหล็กไหลนั้นเป็นแร่ชนิดพิเศษที่ไม่ปรากฏพบธาตุนี้อยู่ บนโลกของเรา จากผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่าแร่ เหล็กไหลมีลักษณะทางกายภาพคล้ายกับสะเก็ดดาวตก ซึ่งเป็นวัตถุธาตุที่เดินทางมาจากนอกโลกอีกทั้งแร่เหล็กไหลก็ไม่สามารถจัดอยู่ในกลุ่มของโลหะและอโลหะได้ และนอกจากนี้ยังพบว่าแร่เหล็กไหลนั้นมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าธาตุใดๆในโลก โดยที่ไม่มีธาตุชนิดใดสามารถมาเปรียบเทียบได้ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า "เหล็กไหล" คือธาตุกายสิทธิ์ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนธาตุใดๆในโลก เหล็กไหลมีหลายชนิดและหลายรูปพรรณสัณฐานแต่เหล็กไหล ชนิดที่ดีที่สุดนั้นจะมีรูปร่างคล้ายแท่งแก้วแต่มีลักษณะเรียวมนมีสีดำอมเขียวปีกแมลงทับ และมีคุณสมบัติคือสามารถทำตัวเอง ให้แข็งและสามารถกลับตัวเองให้อ่อนนุ่มได้ สามารถเสพพลังจากน้ำผึ้งด้วยการดึงส่วนที่เป็นพลังของกลิ่น สี และรสของน้ำผึ้งจนทำให้น้ำผึ้งที่ผ่านการเสพของเหล็กไหลมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนไปทั้งสี กลิ่นและรส นอกจากนั้นแร่เหล็กไหลยังมีกระแสไฟฟ้าชนิดเดียวกันกับกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากคลื่นสมองของมนุษย์ขณะที่กำลังอยู่ในสมาธิจิตอันเป็นกระแสไฟฟ้าอย่างละเอียดวังวนไปมาอยู่โดยรอบเหล็กไหล

    ราวกับว่าเหล็กไหลมีพลังอำนาจจิตที่สามารถสื่อสารติด ต่อทางจิตกับมนุษย์ได้ธรรมชาติของเหล็กไหลโดยทั่วไปมักชอบอยู่ตามถ้ำที่มี ความเย็นและมีความชื้นสูง บางครั้งเป็นถ้ำที่ไม่มีทางเข้าออกหรือที่เรียกถ้ำในลักษณะนี้ว่า "ถํ้าไข่ในหิน" คือเป็นถ้ำที่อาจจะเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก ทำให้กลายเป็นโพรงขนาดใหญ่อยู่ใจ กลางภูเขา โดยทั่วไปถ้ำในลักษณะนี้จะถูกค้นพบได้ด้วยความบังเอิญเท่านั้น เช่น เกิดเหตุแผ่นดินไหวหรือจากการระเบิดภูเขาแล้วไปพบช่องทางเข้าถ้ำโดยบังเอิญ หรือบางครั้งก็เป็นถ้ำใต้ดินที่มีโพรงลึกลงไปเป็นกิโล ถ้ำอันเป็นที่อาศัยของเหล็กไหลจะมีลักษณะพิเศษ คือมักจะมีหมอกลงปกคลุมตลอดเวลาลักษณะของหมอกทีลงปกคลุมถ้ำนั้นจะเป็นหมอกที่หนาทึบและอยูเรี่ยพื้นดินหรือที่ เรียกกันว่า "หมอกหนัก"บางสถานที่จะได้ยินเสียงครางเหมือนฟ้าร้อง เป็นระยะๆ หรือเมื่อเข้าไปในถ้ำจะได้ยินเสียงคราง"ฮึ่มๆ"อย่าง เช่น ถ้ำเหล็กไหลที่เขาอึมครึมอันเป็นถ้ำเหล็กไหลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ปรากฏว่ามีเสียงฟ้าคำรามรอบ ๆ เขาอยู่ตลอดเวลา ความแปลกอีกอย่างคือเหล็กไหลจะดูดพลังงานไฟฟ้าทุกชนิดไม่ว่า จะเป็นไฟฉาย โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ก็ตาม ดังนั้น การจะเข้าไปในถาที่มีเหล็กไหลจึงใช้ได้เฉพาะแสงไฟจากเปลวเทียน หรือคบเพลิงเท่านั้น

    
    เขาเหล็กไหลสิ่งที่น่าสังเกตเกี่ยวกับธรรมชาติของเหล็กไหลคือบริเวณ ก้อนหินที่เหล็กไหลอาศัยอยู่นั้นมักมีลักษณะที่แตกต่างไปจากหิน ทั่วไป ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากรังสีของเหล็กไหลที่ทำปฏิกิริยากับหิน ก้อนดังกล่าว เป็นผลให้โขดหินหรือก้อนหินที่เหล็กไหลเกาะอยู่เป็น เวลานานนั้นมีลักษณะบูดเบี้ยวคล้ายดั่งกล้ามเนื้อหรือแปรสภาพ ไปเป็นรังเหล็กไหลในที่สุดธรรมชาติของเหล็กไหลอีกประการหนึ่งทีน่าสนใจคือ บริเวณใดก็ตามที่มีเหล็กไหลช่อนตัวอยู่จะไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าลัตว์ ตัดชีวิตในบริเวณนั้นได้เลย เช่น ถ้าพรานป่าเอาปืนไปยิงเก้ง กวาง ในระยะรัศมีทีมีเหล็กไหลอาศัยอยู่ จะปรากฏว่าปืนจะยิงไม่ออก เป็นมหาอุดหยุดกระสุนอย่างเหลือเชื่อ หรือแม้ว่าพรานป่าจะใช้ธนู ลูกธนูก็จะหักหรือสายธนูขาดจนเป็นที่น่าอัศจรรย์ ดังนั้นจึงเห็นได้ ว่าธรรมชาติของเหล็กไหลนั้นเป็นสิ่งที่รักสงบและไม่ชอบการฆ่าฟัน

    ผู้ที่พบเห็นเหล็กไหลหรือรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของเหล็กไหลได้จึงมักเป็นผู้ที่ได้เข้าไปปฎิบัติสมาธิภาวนาอยู่ในป่าลึกหรือตามถ้ำที่อยู่ห่างไกลผู้คนเหล็กไหลเป็นธาตุที่มีพลังอันเร้นลับอยู่ภายใน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งพลังอำนาจแห่งจิตที่สามารถหยั่งรู้ความคิดของมนุษย์เราได้ ดังนั้นผู้ที่สามารถครอบครองธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลได้จึงต้องเป็น ผู้ที่มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารทางจิต หรือเป็นผู้ที่มีพลังจิต พลังสมาธิที่แก่กล้า นอกจากเหล็กไหลจะสามารถรับความคิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์ว่ามีความคิดอย่างไรกับตนแล้ว เหล็กไหลยังสามารถแสดงพลังตอบโต้ความคิดเหล่านั้นได้ด้วยการสร้างภาพนิมิตหรือสร้างภาพลวงตาให้เห็นเป็นสิ่งต่างๆ ได้ตามที่ตนต้องการอีกด้วย

    นอกจากนี้เหล็กไหลยังมีพลังงานที่มีรังสีอันมีคุณสมบัติ ที่แปลกออกไปจากคลื่นพลังงานทั่วไปคือสามารถเป็นได้ทั้งคลื่น พลังงานในด้านทำลายล้างและยังสามารถเป็นคลื่นพลังงานที่ช่วย ในการรักษาเยียวยาได้อีกด้วย ความน่าอัศจรรย์ของเหล็กไหล ยังมีอีกมากมาย แต่จากที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้ก็คงพอทำ ให้มองเห็นภาพของธรรมชาติความเป็นเหล็กไหลแร่กายสิทธิ์ ได้พอสมควร
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    วิธีการหาเหล็กไหล

    การที่จะรู้ได้ว่าสถานที่แห่งใด ถ้ำหรือภูเขาใดเป็นสถานที่ ที่มีธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลอยู่นั้น นอกจากจะสามารถสังเกตได้ จากลักษณะของถ้ำตามที่ได้กล่าวถึงในข้างต้นไปแล้วนั้น ยังมีข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือถ้ำที่มีเหล็กไหลอยู่นั้นจะพบว่ามี ขุยดินหรือขุยเหล็กอันเกิดจากการเคลื่อนตัวของเหล็กไหลตก อยู่ตามบริเวณพื้นถ้ำโดยรอบ ขุยดินหรือขุยเหล็กที่ว่านี้จะมี ลักษณะเป็นเม็ดกลมมนสีดำๆ มีเนื้อคล้ายโลหะหรือมีลักษณะ เป็นขุยผงสีดำๆ ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ขี้ดิบเหล็กไหล" ซึ่งขี้ดิบเหล็กไหลยังถือว่าเป็นของขลังอีกอย่างหนึ่งด้วย

    หากขี้ดิบเหล็กไหลยังอยู่ในสภาพใหม่ๆ แสดงว่าตัวเหล็กไหล ยังคงอยู่ในบริเวณนั้น แต่ถ้าสังเกตเห็นขี้ดิบเหล็กไหลมีลักษณะเก่า แสดงว่าบริเวณนั้นเคยมีเหล็กไหลมาอาศัยหลบซ่อนตัวอยู่แต่ว่า ได้ย้ายจากไปแล้ว อย่าได้เสียเวลาเฝ้าสังเกตขี้ดิบเหล็กไหลเก่า เพราะเหล็กไหลน้ำหนึ่ง(ประเภทเหล็กไหลปีกแมลงทับ) เมื่อย้ายที่อยู่แล้วจะไม่ย้อนกลับมาอยู่ในสถานที่เดิมอีก

    ขี้ดิบเหล็กไหลที่กองอยู่บริเวณพื้นถ้ำนั้นสันนิษฐานได้ว่าเกิด ขึ้นจากการเคลื่อนตัวของเหล็กไหลขณะที่เข้า-ออกจากรัง แล้ว รังสีจากเหล็กไหลไปทำปฏิกิริยากับหินในบริเวณนั้นจนเกิดเป็นขุย เหล็กไหลหรือขี้เหล็กไหลร่วงลงมาแล้วทับถมกันเป็นเวลานาน. ดังนั้นบริเวณที่พบกองขี้ดิบเหล็กไหลตกอยู่จึงค่อนข้างมีโอกาส ที่จะพบว่ามีเหล็กไหลอยู่

    ในการจะหาเหล็กไหลชั้นดีหรือเหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่ง ได้จะต้องสังเกตขี้ดิบเหล็กไหลให้เป็นเสียก่อน โดยต้องสามารถ แยกให้ออกว่าเป็นขี้ดิบของเหล็กไหลประเภทไหน และเป็นขี้ดิบ เหล็กไหลใหม่หรือเก่า เพราะถ้าเป็นขี้ดิบเหล็กไหลเก่าแล้วหากทำ พิธีเรียกไปก็เสียเวลาเปล่า เนื่องจากตัวเหล็กไหลย่อมไม่ได้อยู่ใน บริเวณนั้นแล้ว ในการเรียกเหล็กไหลจึงต้องสังเกตขี้ดิบเหล็กไหล ให้เป็นเสียก่อน โดยเลือกเอาเฉพาะขี้ดิบเหล็กไหลที่ยังใหม่อยู่ และจะต้องเป็นขี้ดิบเหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่งเท่านั้น



    การหาเหล็กไหลอีกวิธีหนึ่งสามารถทำได้โดยการสังเกตว่า ในวันที่พระจันทร์เต็มดวงหรือคืนวันเพ็ญจะมีเหล็กไหลบางชนิดออกมาจากรังเพื่ออาบแสงจันทร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเป็นบริเวณที่ราบ เชิงเขาที่มีลำธารไหลผ่านและบริเวณนั้นจะต้องมีลักษณะเป็นหินกรวดก้อนเล็กๆ คล้ายเม็ดทราย เมื่อดวงจันทร์เดินทางเข้าใกล้โลก มากที่สุดแร่เหล็กไหลจะผุดตัวเองขึ้นมาเล่นแสงจันทร์เหมือนหอยหลอดที่ผุดขึ้นมาจากพื้นทราย และเหล็กไหลที่มีอานุภาพมาก ๆ จะเปล่งแสงเป็นดวงไฟออกมาเล่นกับแสงจันทร์ ดังนั้นในบริเวณที่มีแสงดังกล่าวจึงอาจจะพบรังเหล็กไหลอันเป็นเหล็กไหลชั้นรองได้ นักเล่นแร่แปรธาตุในสมัยโบราณมักนิยมหาเหล็กไหลตามธรรมชาติ กันด้วยวิธีการนี้ เพราะไม่ต้องมีพิธีกรรมให้ยุ่งยาก เพียงแค่เฝ้า คอยสังเกตให้ถูกที่และถูกเวลาเท่านั้นก็จะสามารถได้ธาตุกายสิทธิ์ เหล็กไหลมาแต่โดยง่าย

    ผู้ที่มีวิชาและรู้เคล็ดลับของธรรมชาติจึงมักจะไปคอยดักเก็บ เหล็กไหลประเภทนี้ ในต่างประเทศก็มีปรากฏการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้น ในหลายแห่งทั่วโลก ดังที่ได้เคยแพร่ภาพในสารคดีของต่างประเทศ ที่ช่างภาพได้ไปเฝ้าบันทึกภาพแร่เหล็กไหลผุดขึ้นจากดินในคืนวัน พระจันทร์เต็มดวงเช่นกัน แต่ปรากฏว่านักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวถึง ปรากฏการณ์ในลักษณะนี้ว่าเกิดจากอำนาจแรงดึงดูดของดวงจันทร์ ที่มีผลต่อโลกจึงส่งแรงดึงดูดนั้นไปยังแร่ธาตุบางชนิดที่ฝังตัวอยู่ใต้ ผิวดินและเป็นผลให้แร่ใต้ดินผุดตัวขึ้นมาบนดินได้

    ผู้ที่รู้แหล่งของแร่เหล็กไหลประเภทนี้มักไปดักรอเก็บ เหล็กไหลที่ผุดตัวขึ้นมาจากดิน ว่ากันว่าเหล็กไหลประเภทนี้ มีอานุภาพพอสมควร ถึงแม้จะไม่ใช่เหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่ง ที่หายากที่สุด แต่ก็จัดได้ว่าเป็นสายพันธุ์ของเหล็กไหลอันเป็น วัตถุธาตุที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกธาตุ เพราะการที่เหล็กไหลได้ผุดตัวขึ้นมาเองนี้ก็ถึอได้ว่าเป็นการแสดงอานุภาพอันน่าอัศจรรย์ จนอาจกล่าวได้ว่าเหล็กไหลที่ผุดตัวขึ้นมาจากพื้นดินเมื่อได้กระทบกับแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญย่อมถือเป็นวัตถุธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    การตัดเหล็กไหล
    เหล็กไหลตัดคือเหล็กไหลประเภท “ธาตุสาเร็จ” ที่กระจัดกระจายอยู่ในส่วนต่างๆตามป่าเขาลำเนาไพรที่สามารถไหลไปตามส่วนต่างๆของซอกถํ้าซอกเขาเกิดจากเทพพรหมในระดับ “รูปพรหม” อาศัยเป็นก้อนธาตุในรูปทรงแบบต่างๆลักษณะแกร่งพอสมควรอาศัยธาตุเหล็กเป็น ธาตุหลักสีออกค่อนข้างเขียวจนถึงสีปีกแมงทับขาวเงินยวงหรือหลายสีในก้อน เดียวกันรูปทรงเป็นไปตามที่เทพปรารถนาสีสันแตกต่างกันไปเนื้อค่อนข้างมัน วาวสามารถยืดได้หดได้และลื่นไหลแทรกไปในวัตถุแข็งทึบได้แต่ไม่สามารถล่องหน ไปในอากาศได้ด้วยตนเองต้องอาศัยผู้ที่มีวิชาอาคมเรียกเอาหรือติดต่อกับผู้ ที่เฝ้ารักษาอยู่คือเทพนาคราชคนธรรพ์อสูรยักษ์ฤาษีเป็นต้นเมื่อผู้เฝ้ารักษา ยินยอมให้แล้วผู้มีวิชาอาคมจึงใช้วิชาตัดเอาเรียกเอา

    พิธีกรรมตัดเหล็กไหล
    การตัดเหล็กไหลเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาลอุปกรณ์ที่จะใช้ ประกอบพิธีกรรมจึงอาจจะมีสิ่งแตกต่างกันไปตามบุรพาจารย์ผู้กำหนดเพราะส่วน สำคัญในการตัดเหล็กไหลบางอาจารย์ก็ใช้หวายผูกลูกนิมิตใบตาลเส้นผมสาวพรหมจา รีย์ขวานเทียนเข้าพรรษาประจำเดือนของทารกแรกเกิดเป็นต้น
    ผู้จะทำพิธีตัดเหล็กไหลต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมประพฤติปฏิบัติรักษาศีล ได้มั่นคงไม่มี่จิตละโมบคือต้องขออนุญาตจากเทพผู้ดูแลรักษาเสียก่อนเมื่อได้ รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอามิฉะนั้นหากเราขืนด้วยกำลังหมายแย่งชิงเอาโดย พละการถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเพทภัยถึงแก่ชีวิตหรือเกิดความขัดแย้งในหมู่ คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
    พิธีกรรมในที่นี้จึงเป็นเพียงแนวทางสำหรับผู้สนใจในพระเวทย์เพื่อใช้ใน การนี้โดยเฉพาะขอให้ท่านได้ลองพิจารณาศึกษาดูเพราะโอกาสจะเรียนรู้ในเรื่อง ราวเหล่านี้จากครูบุรพาจารย์ผู้รู้นั้นหายาก
    อุปกรณ์ในการตัดเหล็กไหลการตัดเหล็กไหล
    1.สายสิญจ์จากปากหลุมลูกนิมิตร
    2.ไม้ตาขอ9อันใหญ่พิเศษ1อัน
    3.มีดหมอลงอาคมเพื่อใช้ตัดเหล็กไหล
    4.นํ้าผึ้งป่า
    5.คาถาเรียกเหล็กไหล
    6.คาถาผูกเหล็กไหล
    7.คาถาตัดเหล็กไหล
    8.คาถาอัญเชิญเหล็กไหล
    เครื่องบวงสรวง
    1.บายศรีเทพบายศรีพรหมอย่างละ1คู่สำหรับตั้งศาลเอก
    2.ฉัตรเงินฉัตรทอง9ชั้น4ทิศ
    3.ตั้งศาลเอก1ศาลศาลเพียงตา4ทิศ
    4.ผลไม้7อย่างทั้ง4ศาล
    5.อาหารเจพร้อมผลไม้ชุดใหญ่หน้าศาลเอกพร้อมบายศรี
    6.บายศรีตองตั้งที่ศาลเพียงตาแห่งละ1คู่
    7.เครื่องกระยาบวชข้าวตอกดอกไม้
    8.อาหาร คาวหวานเช่นหัวหมูเป็ดไก่ปลาเนื้อมะพร้าวอ่อน1คู่กล้วยํ้าว้า1คู่ขนมต้มแดง- ตัมขาวถั่วชนิดต่างๆงาดำงาขาวขนมผลไม้เหล้าขาวเหล้าแดงหมากพลูบุหรี่สำหรับ เทวดาที่ถือศีล5ที่ยังชอบเหล้ายาปลาปิ้งของสดของคาวจัดแยกไว้ที่หน้าศาลเอก อีกโต๊ะต่างหาก
    เมื่อถึงเวลาก็จุดธูป๙ดอกเทียนขี้ผึ้งแท้สีขาว๙เล่ม
    ตั้งนะโม๓จบ
    กล่าวสัคเคฯชุมนุมเทวดา
    จบแล้วต่อด้วยบทสวดดังนี้
    สัพเพธัมมานาลังอภินิเวสายะ๓จบ
    เอกายะโนอะยังภิกขเวมัคโคสัตตานังวิสุทธิยา

    โองการบวงสรวง
    ***ข้าแต่เทพยดาผู้มีความเป็นทิพย์มีฤทธานุภาพเหนือกว่ามนุษย์ทั้งหลาย ตลอดจนพระภูมิเจ้าที่ณบริเวณนี้และบริเวณใกล้เคียงตลอดจนเจ้าป่าเจ้าเขาภูมิ เทวดารุกขเทวดาท่านผู้เป็นหัวหน้าพร้อมบริวารข้าพเจ้าขอเชิญทุกท่านมารับ เครื่องเซ่นสังเวยอาหารคาวหวานขอเชิญท่านทั้งหลายรับประทานได้ตามอัธยาศัยขอ เทพยาดาทั้งหลายที่ข้าพเจ้าออกนามมาข้างต้นและมิได้ออกนามเพราะรู้เท่าไม่ ถึงการณ์ได้เมตตาแก่ข้าพเจ้าอวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้าขอให้ข้าพเจ้ามีแต่ความ สุขความเจริญทำกิจการงานใดขอให้สำเร็จตามที่ใจมุ่งหมายพร้อมกันนี้ข้าพเจ้า และคณะขอชมบารมีเหล็กไหลและขออนุญาตอันเชิญเหล็กไหลไปสักการะบูชาเพื่อเป็น ศิริมงคลแก่ตัวข้าพเจ้าและครอบครัวสักระยะหนึ่งในอนาคตถ้าเหล็กไหลก้อนนี้จะ ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติทำประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาทำประโยชน์ให้แก่ มนุษย์ด้วยกันข้าพเจ้าจะนำไปให้เขาบูชาเมื่อสมปรารถนาแล้วเงินที่ได้มานั้น ข้าพเจ้าจะทำประโยชน์แก่ชาติและเพื่อนมนุษย์40%ทำประโยชน์ในพระพุทธศาสนา40% อีก20%ขอไว้ใช้เป็นส่วนตัว
    หากข้าพเจ้าทรยศคดโกงไม่ทำตามสัจจะสาบานไว้ขอเทวดาและดวงวิญญาณรวมทั้ง บริวารของท่านผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายจงลงโทษข้าพเจ้าให้พบกับความวินาศดับศูนย์ ล่มจมถึงแก่ชีวิต***
    การที่จะต้องให้สัจจะสาบานแบ่งผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวก็เพื่อให้เจ้าของเหล็กไหลหรือผู้ดูแลเหล็กไหลก้อน นั้นมีใจเมตตายอมมอบให้กับคณะผู้ค้นหาเพราะอาจจะเห็นว่าจะดูแลไว้ก็ไม่ได้ ประโยชน์อะไรถ้าให้คนเหล่านี้ได้ไปและขายได้ก็จะได้บุญจากคณะค้นหาที่สาบาน ไว้จะทำบุญ 80% จึงทำให้เทพผู้รักษานั้นไม่หวงสมบัติหรือเสียดายอย่างไรเพราะอยากได้บุญ
    แต่ถ้าเทพผู้รักษาตรวจดูด้วยฌาณและมองเห็นว่าในอนาคตคณะค้นหาจะเกิดความ โลภไม่ทำตามสัจจะที่ให้ไว้เพื่อไม่ให้เป็นบาปกรรมที่ต้องฆ่าคนท่านก็อาจจะ ไม่มอบเหล็กไหลให้ก็ได้เพราะท่านเหล่านี้ย่อมมีอำนาจที่จะพาของเหล่านี้ ล่องหนหรือซุกซ่อนหาที่ใหม่ได้หรืออาจจะกำบังตาก็ได้
    ด้วยเหตุนี้ผู้มีวิชาอาคมที่มีพลังจิตแก่กล้าบางครั้งก็จะถือโอกาสเข้า แย่งชิงด้วยความโลภเพียงว่าใครจะเก่งกว่ากันระหว่างเทพหรือวิญญาณผู้รักษา เหล็กไหลหรือเจ้าของเหล็กไหลนั้นจะอนุญาตหรือไม่ก็ต้องทำการเสี่ยงทายกัน ด้วยไหวพริบปฏิญาณอีกครั้งโดยอธิษฐานกล่าวออกมาดังๆว่า
    "ข้าพเจ้านาย.......นามสกุล.........ขอเหล็กไหลที่อาศัยอยู่ในก้อนหินนี้ ถ้าท่านผู้เป็นเจ้าของเหล็กไหลก้อนนี้หรือท่านผู้ดูแลเหล็กไหลก้อนนี้อนุญาต ให้แก่ข้าพเจ้าขอให้ได้ยินเสียงว่าให้(เว้นระยะนิดหนึ่งแล้วพูดว่า"ให้") เป็นการพูดเองเออเองวิธีนี้ตามตาราไสยศาสตร์โบราณนิยมใช้กันมากเพราะถือ เคล็ดที่ว่าถ้าหูเราได้ยินบอกว่า"ให้"ก็ถือว่าใช้ได้แสดงว่าเจ้าของอนุญาต แล้ว
    วิธีล้อมวงสายสิญจน์ป้องกันอันตราย
    เมื่อตั้งใจจะเรียก"เหล็กไหล"ออกมาจากก้อนหินก็ต้องป้องกันตนเองจาก อันตรายต่างๆเสียก่อนเพราะภัยจากเจ้าของผู้ดูแลเหล็กไหลบริวารหรือวิญญาณที่ เป็นมิจฉาทิฏฐิมาแกล้งทำลายพิธีกรรมซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เพราะ ฉะนั้นเครื่องลางของขลังที่มีอยู่ก็ต้องพกติดตัวไว้เสมอ
    การวงสายสิญจน์นั้นเมื่อพบเห็นจุดที่สงสัยว่ามีเหล็กไหลอยู่ก็ต้องวงสาย สิญจน์ล้อมรอบก้อนหินนั้นให้ห่างจากตัวเราหรือตัวเราหรือหมู่คณะประมาณ1วาวง ล้อมจะเล็กหรือใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคนหรือคณะที่มาถ้ามาเพียงคนเดียวไม้ หลักที่จะปักผูกสายสิญจน์ก็น้อยวงก็เล็กถ้าคณะใหญ่มากก็ต้องวงสายสิญจน์ให้ กว้างพอกับคณะที่มา

    อุปกรณ์ในการล้อมวงสายสิญจน์
    1.สายสิญจน์จากปากหลุมลูกนิมิตรใช้สำหรับผูกเหล็กไหล
    2.ไม้ตาขอ9อัน หรือ19อันให้ใช้ไม้ในป่าแถวนั้นแต่ถ้าให้เลือกไม้ที่มีรูปตาขอหรือลักษณะ คล้ายตาขอเพื่อเอาเคล็ดว่า"ขอนะขอเถอะขอแล้วขอครับขอค่ะขอเล็กขอน้อยขอมากขอ หมด"รวม9ขอสำหรับขอที่10เป็นไม้ขอพิเศษที่มีขนาดใหญ่กว่าทุกอันและให้เลือก เนื้อไม้ที่แข็งกว่าทุกอันนำมาเขียนอักษรขอมหรือพระคาถาลงไปเป็นคำ ว่า"เหลือ"เขียนเสร็จแล้วจะต้องปลุกเสกด้วยคาถาชูชกดังนี้

    "นะโม3จบ"
    "ปะกาเสนโตตาชูชกคนโซขอใครไม่ได้ต้องให้กอขอขอ"

    ตาขอ พิเศษอันนี้ให้พกติดตัวตอนทำพิธีเป็นเคล็ดว่า"เหลือขอ"เพราะคำว่าเหลือขอนี้ คงจะมีความหมายว่า"ลูกเหลือขอ"พ่อแม่ก็ส่ายหน้าครูบาอาจารย์ก็ส่ายหน้าด้วย เอาไว้ไม่อยู่มันเหลือขอจริงๆ
    ช้างที่ว่าตัวใหญ่ที่สุดในโลกของประเภทสัตว์บกแต่ก็แพ้ตะขอหรือตาขอของ ควายช้างที่สับลงบนหัวแต่บางครั้งช้างมันก็รั้นและดื้อเอาการเอาตาขอสับ เท่าใดก็ไม่ยอมอยู่ในคำสั่งไม่ยอมทำตามควาญช้างสั่งก็เรียกว่า"เหลือ ขอ"เหมือนกันและที่สำคัญไม้เหลือขอนี้ยังเสกด้วยพระคาถานักขอเอกของชูชกอีก ด้วยดังนั้นจะขออะไรใครก็คงจะสำเร็จง่ายดาย
    ดังนั้นการทำพิธีไม้เหลือขอนี้เพื่อว่าใครๆก็ส่ายหน้าไม่อยากยุ่งเกี่ยว วิญญาณทั้งหลายก็รั้งเราไว้ไม่อยู่เสร็จแล้วนํ้าตาขอทั้ง9อันมาปักในดินตอน ปักต้องท่องคาถากำกับไปด้วยแล้วจึงนำด้ายสายสิญจน์มาล้อมผูกบนไม้ตาขอเพื่อ ป้องกันไม่ให้สายสิญจน์ตกดินเพราะสายสิญจน์เปรียบเหมือนกำแพงบ้านกำแพงเมือง ต้องอยู่กว่าพื้นดินถ้านั่งให้อยุ่ในระดับศรีษะ
    ขณะที่ปักไม้หลักตาขอให้สวดบริกรรมดังนี้
    "พุทโธพุทธะโอมเมอะมะอุปักดวงจิตดวงใจไว้กับแม่พระธรณีลูกฝากหลักชัยคุ้ม ภัยให้ลูกหมู่มารมาเป็นแสนแม่ยังช่วยให้พุทธพ้นภัยทาสีเนปะวิขะสะอะเมอุอัน เชิญแม่พระธรณีมารักษาลูก"
    ขณะนำด้ายสายสิญจน์มาผูกกับหลักก็ให้บริกรรมพระคาถาอีกบทหนึ่งดังนี้

    "พุทผูกธะมัดสังรัดมิตรึง"
    "พุทธังประสิทธิเมธัมมังประสิทธิเมสังฆังประสิทธิเม"
    ผูกสายสิญจน์ล้อมเป็นวงกลมเวียนขวาหรือเวียนตามเข็มนาฬิกา
    ขณะล้อมสายสิญจน์ก็ให้สวดพระคาถาอีกบทหนึ่งดังนี้
    "พุทโธพุทธังนะกันตังอะระหังพุทโธ
    ธัมโมธัมมังนะกันตังอะระหังธัมโม
    สังโฆสังฆังนะกันตังอะระหังสังโฆ
    นะโมพุทธายะนะมะพะทะจะภะกะสะพามานาอุกะสะนะทุ
    พุทธะกันนะธัมมะกันนะสังฆะกันนะ"

    #อิมัสมิงมงคลจักวาฬทั้ง8ทิศพุทธะประสิทธิเป็นกาแพงแก้ว7ชั้นป้องกันล้อม รอบขอบมณฑลอิระชาคะตะระสากายาดูแลรักษาด้วยธัมมังประสิทธิ์สังฆังประสิทธิ

    #นะโมนะมัดกาจัดออกไปศัตรูทั้งหลายอย่าใกล้เสมามณฑล(พระคาถาท่อนท้ายนี้สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทยทรงท่องเป็นประจำ)

    ผู้ทำพิธีควรนุ่งขาวห่มขาวรักษาศีลให้บริสุทธิ์ต่อหน้าพระพุทธรูปหรือ เครื่องรางของขลังที่นำมาเพราะเมื่อล้อมวงสายสิญจน์เรียบร้อยแล้วก็สวดมนต์ เจริญภาวนานั่งกรรมฐานเพิ่มพลังจิตให้เข้มแข็งก่อนที่จะทำพิธีหาเหล็กไหลกัน ต่อไปเพราะอย่างน้อยจิตต้องทรงในระดับอุปจารสมาธิซึ่งเป็นสมาธิระดับเกือบ ปฐมญาณซึ่งพอจะสัมผัสรับรู้หรือเห็นนิมิตต่างๆได้ระดับหนึ่งแต่อาจทรงอยู่ ไม่นานนัก

    เมื่อจิตสงบดีแล้วก็กำหนดให้เห็นภาพเหล็กไหลหรือของขลังที่อยู่นั้น เคลื่อนตัวออกมาถ้าเป็นเหล็กไหลให้ใช้เทียนชัยหนัก9บาทเป็นเทียนที่ทำจากขี้ ผึ้งแท้ไม่ใช่ทำจากไขมันวัวหรือควายเพราะไขมันสัตว์ถือเป็นของตํ่านอกจากรัง ผึ้งเท่านั้นที่ถือว่าเป็นของสูงยิ่งไขมันนํ้ามันจากตัวเหี้ยห้ามนำมาใช้ทำ พิธีเด็ดขาดเพราะถ้างานมงคลใดถ้าใช้เทียนที่ทำจากตัวเหี้ยแล้วในคัมภีร์สมุด ข่อยโบราณกล่าวไว้ว่านํ้ามันเหี้ยไขมันเหี้ยใช้ล้างอาถรรพ์ไสยศาสตร์ของฝ่าย ตรงข้ามฉะนั้นเวลาทำเทียนชัยอย่าได้เอาของใครเป็นอันขาดต้องทำด้วยตนเอง เพราะถ้ามีคนอิจฉาหรือต้องการทำลายพิธีหรือแย่งผลประโยชน์กันพิธีกรรมที่ เตรียมไว้ก็จะถูกทำลายหรือฝ่ายตรงข้ามส่งคนแทรกซึมมาช่วยจัดหาเทียนชัยไว้ก็ จะถูกลงอาคมคัดของขลังให้เสื่อมสลายการทำพิธีก็จะไม่สำเร็จหรือมีอุปสรรค ฝ่ายตรงข้ามก็จะสวมรอยเข้าไปเอาเหล็กไหลหรือตัดเหล็กไหลไปได้

    สำหรับความรู้ในเรื่องนํ้ามันเหี้ยแล้วไสยศาสตร์ทางแขกหรือคุณไสยทางแขก นั้นสามารถแก้ไขได้ทุกชนิดโดยไม่ยากเพราะในคัมภีร์โบราณ188ปีกล่าวไว้ว่าใช้ นํ้ามันหมูหรือนํ้ามันเหี้ยปลุกเสกด้วยคาถาถอนทาทับของที่แขกทำจะเสื่อม ทันที

    นํ้ามันพรายที่อาจารย์แขกทำให้ศิษย์มาทาสาวพอแก้ด้วยนํ้ามันหมูผสมนํ้า มันเหี้ยวิญญาณผีพลายแขกร้องเสียงลั่นหนีไปสิงร่างคนที่อาจารย์แขกทำแล้ว อาละวาดจนข้าวของพังเสียหายไปหมดดังนั้นเมื่อจะทำพิธีใหญ่ก็ควรจะระวัง เรื่องเล็กๆน้อยเหล่านี้ด้วยเพราะจะทำให้พิธีเสียได้

    พระคาถาเรียกเหล็กไหล
    ดังนั้นเมื่อเหล็กไหลอยู่ในสถานที่ใดเป็นที่แน่ชัดแล้วก็ต้องใช้คาถาเรียกเหล็กไหลดังนี้
    #โอมสวาโหมมามามะมะนะรักจะจิตตังพันธะนัง
    #มะมาหาข้าพเจ้ามาเร็วๆพ่อคุณแม่คุณมาด้วยปิยะปิยัง
    #นะร้องไห้โมคร่าครวญภะอยู่ไม่ได้คะรีบออกมาวาเป็นของข้าพเจ้า
    #นะโมพุทธายะติดสะอะระหัง
    #มะเชิญออกมาให้เห็นเป็นบุญตาอะให้อึดอัดอยู่ไม่ได้อุอุราร้อนใจดังไฟสุมออกมาทันใดอยัมภะทันตาทันใจ

    ดังนั้นถ้าพลังจิตของอาจารย์ที่ทำพิธีมีพลังสูงกว่าเทพผู้รักษาเหล็กไหล เหล็กไหลนั้นจะเริ่มยืดย้อยออกมาก็จะมีการเอานํ้าผึ้งไปล่อให้เหล็กไหลกิน แล้วค่อยๆลดนํ้าผึ้งให้อยู่ตํ่าลงเพื่อล่อเหล็กไหลให้ย้อยตัวตามนํ้าผึ้ง ซึ่งทำให้ได้เนื้อเหล็กไหลมากขึ้น

    พระคาถาผูกเหล็กไหล
    ขณะที่เหล็กไหลกำลังเพลินอยู่กับการเสพนํ้าผึ้งและพอเพียงที่จะทำพิธีตัด ได้แล้วก็ให้เอาสายสิญจน์ที่จัดเตรียมไว้โดยได้ปลุกเสกไว้อย่างดีมาผูกโคน เหล็กไหลติดกับหินกันไม่ให้เหล็กไหลหดหนีกลับเข้าไปในหิน

    พระคาถาสำหรับผูกเหล็กไหลว่าดังนี้
    #นะโม๓จบ
    #อิผูกติมัดปิรัดโสตรึงภะดึงคะอยู่วายอม
    #นะโมนะมัดให้มัดเอาไปพุทธะพุทธังสังมิ
    ดังนั้นเวลาผูกสายสิญจน์กับเหล็กไหลก็ต้องภาวนาพระคาถานี้ไปด้วยจนกว่าจะ มัดเสร็จเมื่อผูกเสร็จเรียบร้อยแล้วนำเอามีดหมอซึ่งลงอาคมขอมจากเกจิอาจารย์ พร้อมทั้งปลุกเสกมาแล้วอย่างดีตัดเหล็กไหล

    พระคาถาตัดเหล็กไหล
    การตัดเหล็กไหลนั้นจะต้องว่าคาถากำกับบางอาจารย์ใช้หวายผูกลูกนิมิตรมีด หมอกริชเงิน9ขดใบตาลเส้นผมขวานเล็กๆที่ทำขึ้นมาจากเทียนเข้าพรรษาประจำเดือน ทารกหญิงที่เพิ่งคลอดออกมาใหม่ๆอย่างใดอย่างหนึ่งมาประกอบพิธีกรรมตัดเหล็ก ไหลโดยบริกรรมคาถากำกับดังนี้
    #นะอ่อนโมนิ่มพุทธเข้าธาขาดยะฤทธิ์เดชพินาศ
    #ขาดด้วยมะอะอุนะมะพะทะ
    #นะโมตัสสะตัดนะตัสสะขาด

    การตัดเหล็กไหลนั้นบางอาจารย์ใช้มีดหมอลงอาคมขลังบางอาจารย์ใช้เส้นผมสาว พรหมจารีย์และหญิงนั้นไม่เคยโกนผมไฟมาก่อนแล้วนำผมสาวพรหมจารีย์ที่ไม่โกนผม มาที่ประจำเดือนของทารกแรกคลอด
    มาถึงตรงนี้ผู้อ่านก็คงสงสัยว่าเด็กทารกที่ไหนจะมีประจำเดือนเพราะไสย ศาสตร์ต้องใช้ของที่ค่อนข้างหาได้ยากมาทำเป็นของขลังเพราะความเป็นจริงแล้ว เด็กทารกที่ไหนจะมีประจำเดือนมาแต่เป็นเรื่องสมมุติเอาว่าเลือดที่ติดในช่อง เพศเด็กทารกหญิง(ซึ่งในความเป็นจริงเป็นเลือดของมารดาตอนคลอดแล้วติดเปื้อน ที่ตัวเด็ก)เป็นประเดือนของทารกหญิงแล้วนำมาทำของขลังไว้แก้อาถรรพ์ของสิ่ง ใดที่ตัดไม่ออกเอาประจำเดือนของเด็กทารกทาจะตัดออกโดยเอาเคล็ดว่าของที่ไม่ เคยออกก็ยังออกของที่ออกยากที่สุดในโลกก็ยังออก

    ดังนั้นเมื่อครั้งอาจารย์ชำนาญจอมไสยเวทย์ชาวเขมรได้นำคณะไปตัดเหล็กไหล เมื่อปี 2516 ก็ได้นำเส้นผมสาวพรหมจารีย์ที่ยังไม่เคยโกนผมไฟทาประจำเดือนทารกหญิงทำให้ ตัดเหล็กไหลขาดทั้ง 3 ก้อนโดยมีสักขีพยานที่เป็นทั้งหมอทหารและตำรวจรู้เห็น

    พระคาถาอัญเชิญเหล็กไหล
    เมื่อตัดเหล็กไหลได้แล้วก็ต้องใช้คาถาอันเชิญธาตุกายสิทธิ์มาอยู่ด้วยเพื่อความเป็นศิริมงคลพระคาถาอันเชิญเหล็กไหลไว้บูชามีดังนี้

    #พุทโธเมนาโถธัมโมเมนาโถสังโฆเมนาโถ
    #สะกะพะจะปูชาจะบูชาท่านผู้ดูแลรักษาธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธิ์อานุภาพ
    #อิสะวาสุอิติปิโสภะคะวา
    #เหล็กไหลเจริญมาเจริญยิ่งเจริญดีสิ่งดีๆทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาหาข้าพเจ้า
    #สัมมะสัมมาสัมมาสัมมะมะอะอุ
    #นะมะพะทะนะโมพุทธายะ

    พระคาถาอาคมต่างๆที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือนี้ยังไม่เคยปรากฏการตีพิมพ์ ที่ไหนมาก่อนนับเป็นโชคดีของท่านผู้สนใจเพราะหาผู้รู้เรื่องเหล่านี้ยากไม่ มีตำราจะให้ศึกษาเพราะคนโบราณจะหวงวิชาจะให้วิชาที่ตนรู้-ทำได้-ตายไปพร้อม กับตนเองเว้นแต่จะถ่ายทอดให้ลูกหลานเท่านั้นคนไหนเกเรก็ไม่ได้อีกเช่นกันบาง ครั้งก็ถ่ายทอดให้ไม่หมดเพราะกลัวศิษย์คิดล้างครูก็มีเหมือนกัน

    เทพเทวาเป็นผู้มอบให้
    เหล็กไหลประเภทนี้เกิดจากการอธิษฐานจิตของผู้ที่มีคุณธรรมที่มีความ ประสงค์จะขอบารมีจากเหล็กไหลเพื่อประโยชน์ในการทำนุบำรุงพระศาสนาโดยมิได้ ใช้เวทมนต์วิชาการต่างๆไปบีบคับหรือแย่งชิงเอาแต่อาศัยบุญบารมีที่ตนเองได้ เคยบำเพ็ญมาแต่ครั้งอดีตชาติและเคยเป็นเจ้าของสิ่งนี้มาก่อน
    เมื่อถึงเวลาเหล่าเทพเทวานาคนาคาคนธรรพ์ยักษ์ผู้ดูแลรักษาสิ่งเหล่านี้จะ นิมิตบอกให้รู้เพื่อให้มารับเอาของสิ่งนี้ซึ่งเป็นของคู่บารมีไปรักษาเพราะ ผู้มีบารมีในที่นี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่รักษาศีลหรือปฏิบัติมาก่อนจึงมีญาณ หยั่งรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตตนเองได้ค่อนข้างมากจึงสามารถเป็นเจ้า ของเหล็กไหลนี้ซึ่งจะเป็นการพบโดยบังเอิญหรือได้มาด้วยความศรัทธาจากการบูชา หรือจะด้วยแรงอธิษฐานหรือนิมิตบอกก็ตาม

    แผ่บารมีทิ้งไว้เมื่อถึงเวลาจุติ
    เหล็กไหลประเภทนี้เกิดจากเทพพรหมเทวาผู้รักษาเหล็กไหลได้บำเพ็ญบารมีธรรม จนเข้าสู่อริยมรรคหรือพ้นจากวิบากกรรมบางอย่างจะจุติในภพภูมิที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไปก็จะทิ้งธาตุขันธ์หรือสิ่งที่เคยรักษาไว้อยู่โดยการอธิษฐานจิตทิ้งเอา ไว้ในถํ้าหรือสถานที่ลึกลับให้เทพเทวาหรือยักษ์คนธรรพ์คอยเฝ้ารักษาจนกว่าจะ พบผู้ที่มีบารมีธรรมพอจะรักษาสิ่งเหล่านี้ให้ก็จะมอบให้โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

    1.เหล็กไหลที่เคยไหลผ่านไปมาตามซอกถํ้าซอกผามีลักษณะเป็นแผ่นๆเป็นปื้น เป็นก้อนขนาดต่างๆฝังตัวอยู่ตามซอกหินในถํ้าที่ลี้ลับรอเวลาผู้มีวาสนาเอาไป ทำประโยชน์เหล็กไหลประเภทนี้จะไม่ไหลย้อยเคลื่อนที่ไปไหนอีกแต่จะถูกพรางตา จากบุคคลผู้ไร้วาสนาหากผู้มีวาสนาได้พบเห็นและทำพิธีให้ถูกต้องก็จะมีฤทธิ์ อำนาจเป็นเหล็กไหลชั้น1ได้เหมือนกัน

    2.องค์เหล็กไหลสำหรับผู้มีบารมีที่เข้าไปบำเพ็ญฌาณตามป่าเขาหรือถํ้าลึกลับเทพผู้รักษาจะมอบให้ถ้าต้องการ

    พิธีกรรมทดสอบบารมีเหล็กไหล
    ในการทดสอบบารมีของเหล็กไหลนั้นจะทาเป็นเล่นๆหรือเพื่อความรู้อย่างเดียว หาได้ไม่เพราะเหล็กไหลในที่นี้มีจิตวิญญาณครอบครองมีความรู้สึกรักโกรธ เกลียดชอบหรือดีเฉกเช่นความรู้สึกของสัตว์โลกทั่วไปที่ยังไม่พ้นความเป็น ปุถุชนเพียงแต่อาศัยธาตุขันธ์ประกอบเข้ากันใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยใช้ บุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ความเป็นเทพในระดับภพภูมิต่างๆแฝงเข้าอาศัยอยู่ดัง นั้นมีใครคิดไม่ซื่อหรือไม่ดีที่จะมาทาลายหรือมุ่งร้ายด้วยเจตนาที่ไม่ บริสุทธิ์จะมีการต่อต้านหรือต่อสู้เกิดขึ้นได้เช่นกันเช่นทาให้อานุภาพของ ดินปืนชื้นจนยิงไม่ออกบางครั้งผู้ที่ทดสอบด้วยปืนจะถูกเหล็กไหลต่อสู้ยื้ด ยุดฉุดรั้งปืนหรือแขนไว้จนไม่สามารถจะยิงได้จนสุดท้ายถูกสิ่งที่มองไม่เห็น ถีบหน้าอกหรือจุกแน่นหน้าอกจนไม่สามารถทาการยิงได้บางครั้งล้มลงทั้งยืนเลย ก็มี

    ผู้อ่านหลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่หรือเกินความ จริงไปหรือเปล่าแต่สิ่งเหล่านี้รอการพิสูจน์จากผู้ที่สนใจและต้องการสิ่งที่ มีอานุภาพในการปกป้องคุ้มครองไม่ใช่จากนายหน้าหรือผู้ที่หากินทางอาชีพยิง เหล็กไหลโดยหลอกว่ามีนายทุนใช้ให้มาทดสอบบ้างมีการวางเงินเดิมพันบ้างมิ ฉะนั้นถ้าพบของจริงอย่างที่ว่าแล้วท่านอาจจะพบกับเหตุการณ์ที่น่าสพึงกลัว จากสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้ได้โดยง่ายก็ได้แต่สิ่งเหล่านี้ต้องยอมรับ อย่างหนึ่งว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสดๆร้อนๆต่อหน้าสายตาคนนับร้อยดังที่ จะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป

    เครื่องบูชา
    1.บายศรีเทพบายศรีพรหมบายศรีตอง
    2.ฉัตรเงินฉัตรทอง9ชั้น4ทิศ
    3.ตั้งศาลเอก1ศาลศาลเพียงตา4ทิศ
    4.ผลไม้7อย่างทั้ง4ศาล
    5.อาหารเจพร้อมผลไม้ชุดใหญ่ตั้งศาลเอกพร้อมบายศรีเทพ1คู่บายศรีพรหม1คู่
    6.บายศรีตองตั้งศาลเพียงตาอย่างละ1คู่
    7.เครื่องกระยาบวชข้าวตอกดอกไม้
    8.คนอ่านโองการอัญเชิญ

    สำหรับพิธีกรรมต่างๆนั้นสุดแท้แต่ความประสงค์ของเทพที่รักษาที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างในการจัดทำพิธีในสถานที่แห่งหนึ่งเท่านั้น

    หลังจากทำพิธีอันเชิญบอกกล่าวขออนุญาตจากเทพผู้ปกปักรักษาเหล็กไหลก็เป็น หน้าที่ของผู้ทำการทดสอบส่วนใหญ่จะเป็นไม้ขีดหรือปืนยิง3นัดสุดแท้แต่ เงื่อนไขปลีกย่อยที่จะตกลงกันเองซึ่งจะต้องใช้วิจารณญาณของตนเองอย่าให้ตก เป็นเครื่องมือหากินของกลุ่มผู้ไม่สุจริตเท่านั้นผู้ซื้อจริงๆนั้นมีน้อย อย่าหลงเชื่อคนแปลกหน้าง่ายๆหรือฟังคนบอกว่าเป็นนายทุนมีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้านซึ่งก็ยากแก่การตรวจสอบพอผ่านการทดสอบสอบจริงๆแล้วนายทุนที่ว่าไม่มี เงินจ่ายก็อาจเดือดร้อนได้ในภายหลังเหมือนกันซึ่งส่วนใหญ่จะมีหลักเกณฑ์ดัง นี้

    1.นายหน้าจะต้องมีเงินค่าบูชาครูในการจัดตั้งปรำพิธีหรือของใช้ในพิธีซึ่งสุดแท้แต่พิธีเล็กหรือใหญ่ประมาณ30,000บาทขึ้นไป
    2.ค่าใช้จ่ายของฝ่ายนายทุนผู้ทดสอบการยิง30,000บาท
    3.เงิน มัดจำหรือเงื่อนไขการจ่ายเงินเมื่อการทดสอบผ่านเรียบร้อยเหล่านี้เป็นเรื่อง ที่ต้องระมัดระวังทุกขั้นตอนเหมือนกันเพราะมีเล่ห์เหลี่ยมของผู้ที่แสวงหาผล ประโยชน์จากความโลภของคนเราได้ง่ายเหมือนกันดังข่าวที่ปรากฏตามหน้าหนังสือ พิมพ์เป็นประจำ

    ขั้นตอนการทดสอบ
    1.จุดธูปบอกกล่าวขอชมบารมีและขอขมาโทษหากได้ล่วงเกินต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้
    2.ทดสอบอาวุธปืนโดยทดสอบยิงขึ้นฟ้า1นัดเล็งเป้าหมายระยะไม่เกิน2เมตรแล้วเหนี่ยวไกปืน
    3.กรณี เป็นไม้ขีดเมื่อเปิดรังเหล็กไหลแล้วประมาณอึดใจก็ทดสอบขีดดูก็จะรู้ผลหาก ชึ้นชุ่มขีดไม่ติดทุกก้านก็ผ่านตามข้อตกลง2กล่องหรือมากกว่านั้น

    ผลจากการทดสอบการยิง
    ทั่วไปแล้วจะกำหนด3นัดยิงไม่ออกจึงจะผ่านและระหว่างทำการทดสอบหากปืนจะ ขัดข้องด้วยประการใดๆจนไม่สามารถทำการยิงได้หรือผู้ยิงมีอาการจุกแน่นหรือมี อาการอย่างใดอย่างหนึ่งจนไม่สามารถทำการยิงได้ก็ถือว่าผ่านดังนั้นเมื่อถึง เวลาทดสอบแล้วจะเปลี่ยนอาวุธหรือคนยิงใหม่ไม่ได้จะต้องถือว่าผ่านเช่นกัน
    จากการชมบารมีของเหล็กไหล2องค์สีเขียวคล้ายหยกอ่อนและเขียวอมฟ้าปรากฎผลมหัศจรรย์ดังนี้
    1.ถ่ายรูปไม่ได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเหล็กไหลโดยถูกวิธีเพราะมี ผู้พยายามจะถ่ายรูปกดชัตเตอร์ถึง3ครั้งกล้องไม่ทำงานทั้งตรวจสอบกล้องมา อย่างดีและไม่ได้นำไปใช้ที่ใดเลยในระหว่างการเดินทาง
    2.แม้จะอนุญาตให้ถ่ายได้บางครั้งเหล็กไหลไม่ให้ถ่ายบางภาพหน้ากล้องจะถูกปิดโดยอัตโนมัติทันที
    3.ไฟหรี่ลงเองแอร์จะดับเครื่องยนต์ดับเอง
    4.ผู้ที่ทดสอบเหล็กไหลประเภทนี้จะมีอาการจุกแน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยออก เมื่อจะเล็งเป้าไปที่เหล็กไหลจะรู้สึกมือไม้หนักจนยกปืนไม่ขึ้นเมื่อขืนทำ เหมือนจะถูกเหนี่ยวรั้งไว้จนคนที่อยู่ในบริเวณจะเห็นได้ชัดเจนถึงความผิด ปกติในตรงนี้
    5.เมื่อเหนี่ยวไกปืนจะไม่ดังคือยิงไม่ออกมีเสียงสับนกดังแชะเท่านั้น
    6.ถ้าเหล็กไหลสู้หากฝืนครบจน3นัดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงจนร้องออกมาด้วย ความตกใจและหงายหลังล้มลงทันทีมือไม้สั่นกระตุกจนเห็นได้ชัดบางคนง่ามมือฉีก บางทีก็ปืนแตกบางคนชักดิ้นชักงอต่อหน้าเดี๋ยวนั้นทันที
    7.หากเหล็กไหลหนีจะพุ่งแรงเห็นเป็นลำแสงวิ่งขึ้นฟ้าพร้อมเสียงหวีดแหลมชั่วพริบตาเท่านั้น
    8.บางครั้งเมื่อครบ3นัดคนยิงถูกเหล็กไหลกระแทกกลับจนหงายหลังแล้วจะพบว่า องค์เหล็กไหลไม่ได้อยู่ที่เดิมเสียแล้วบางครั้งกระโดดลงไปในถาดผลไม้เครื่อง บูชาถ้าถ่ายวีดีโอจะมองเห็นเป็นลำแสงสีแดงวิ่งพุ่งลงไปบางครั้งเอาใส่เซฟที่ ผู้ทดสอบจัดหามาวางเปิดให้เห็นในเซฟแล้วทดสอบเหล็กไหลกระโดดมาอยู่บนจานเชิง เทียนขนาดใหญ่ที่วางตั้งอยู่ใกล้ๆกันทั้งที่มีสายตาหลายสิบคู่มองกันแทบไม่ กระพริบแต่ไม่มีใครสังเกตุว่ากระโดดออกมาจากเซฟหรือพานรองรับเมื่อไร

    ดังนั้นผู้ทดสอบชมบารมีเหล็กไหลจริงๆแล้วจะต้องระมัดระวังอันตรายจากจุด นี้ด้วยจนผู้ที่รู้ดีจะเสี่ยงใช้เทียบลูกปืนหรือก้านไม้ขีดแทนดูจะปลอดภัย กว่าด้วยประการทั้งปวง

    เหตุผลทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีชีวิตจิตวิญญาณมี ความรู้สึกเหมือนกับเราหากเป็นมนุษย์ธรรมดาต่อให้สนิทกันขนาดไหนลองเอาปืน ไม่มีกระสุนแล้วเล็งมาพร้อมโก่งไกไว้ท่านจะพอใจหรือไม่?
    ดังนั้นอาถรรพณ์ของเหล็กไหลทางป้องกันและรักษาจึงค่อนข้างมีอานุภาพและ อิทธิฤทธิ์นานาประการสุดแท้แต่ความประสงค์ที่จะอธิษฐานเอาและเพื่อเผยแพร่ เรื่องราวอันแสนมหัศจรรย์ให้แก่ผู้สนใจได้รับทราบและศึกษากันต่อไป
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เหล็กไหลตาแรดพบในเทือกเขาตาแรด ที่จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ที่พบในครั้งแรกคืออดีตเจ้าอาวาสของวัดถ้ำแฝดตั้งแต่องค์ก่อนๆ แต่เหล็กไหลตาแรดมาเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยที่หลวงพ่อสัมฤทธิ์คัมภีโร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส และสืบเนื่องมาจนถึงพระอาจารย์วัชระ เอกวัณโณเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เหล็กไหลตาแรดมีคุณสมปัติเด่นทางด้านคงกระพันเป็นยอด โดยเฉพาะทำให้เนื้อหนังทนทานต่อของมีคมได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมทั้งกันภูตผีปีศาจและอสรพิษทั้งปวงได้ เหล็กไหลตาแรด จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ หรือสัณฐานกลมเล็กๆ สีดำคล้ายนิล ถ้าเอาแม่เหล็กมาล่อจะดูดติด คนทั่วไปมองเผินๆ อาจจะคิดว่าเป็นนิล

    แต่เมื่อนำมาเจียระไนจะดูคล้ายก้อนโลหะสีดำมันสวยแวววาว บางคนนิยมเอามาทำเป็นเครื่องประดับก็มี ในการนำเหล็กไหลตาแรดมาใช้ด้วยวิธีการหลอมแร่นั้นจะ สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อผู้หลอมต้องมีวิชาบังคับธาตุสี่ เช่นเดียวกับการ หลอมเหล็กไหลชนิดอื่นๆ อย่างเหล็กไหลย้อย เหล็กไหลหยดหรือ โคตรเหล็กไหลทรหด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยากในการจะนำเอาเหล็กไหลตาแรดมาใช้ ดังนั้นจึงนิยมนำ เหล็กไหลตาแรดมาใช้ในสามรูปแบบด้วยกัน รูปแบบที่หนึ่งคือนำเอาก้อนดิบๆ ของเหล็กไหลตาแรดมาพกไว้กับตัวเหมือนการคล้องพระเครื่อง รูปแบบที่สองคือนำเอาเหล็กไหล ชนิดนี้มาฝังลงในองค์พระเครื่อง หรือนำมาบดรวมกับมวลสารที่ใช้ใน การสร้างองค์พระและรูปแบบสุดท้ายซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดคือ การนำเอาเหล็กไหลชนิดนี้มาเจียระไนเป็นเม็ดเล็กๆ ขนาดเท่าหัวไม้ขีดแล้วนำมาฝังไว้ในร่างกายคนเรา
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เหล็กเปียก




    เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมากพรรณสัณฐานสีขาวขุ่นเหมือนตะกั่วนับเป็นโลหะธาตุที่มีเนื้อเปียกชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาคล้ายๆกับนํ้าค้างจับเกาะเข้าไปอยู่ในสถานที่ใดก็จะเกิดบรรยากาศเย็นสบายถ้าอยู่ใกล้ลูกปืนอาจทำให้กระสุนด้านเพราะการแผ่รังสีความเย็นของเหล็กเปียกสมัยโบราณนิยมใช้เหล็กเปียกประดับไว้ที่ยอดพระเจดีย์ป้องกันฟ้าผ่ามีอานุภาพทางหนังเหนียวคงกระพันอาวุธทุกชนิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...