ดูจิตให้ดูความพอดีเพื่อปรารภความเพียรละกิเลส (มัฌชิมาปฏิปทา)

^
^
ถูกใจจริงๆ ความคิดเห็นนี้

โดยมากไม่แยกแยะ ชอบแอบอ้างจริงๆ

กำลังถกกันในพระสูตร เจื...ไปเอา"พ่อแม่ครูบาอาจาย์"มาบังหน้า

เหมือนพระสูตรที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "เมื่อพักเราจะจม เมื่อเพียรเราจะลอย"

แต่พอมีช่องว่างจากความ"ผิดพลาดของการแปล" อ้างทันที่เช่นกัน

"เราจะไม่พักคือ"เพียร" เราจะไม่เพียร" เป็นไปได้หรือ

ทุกๆพระสูตรพระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้"เพียร" แม้ใน"อริยมรรค"

"สัมมาวายามะ" เพียรละกุศล" เพยรเจริญกุศล"

เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน

 

%ด - พจนานุกรมไทย-ไทย หมายถึง/ความหมาย ออนไลน์

หยาด น. เม็ดฝนหรือน้ำค้างที่หยดลง.
อ้างอิง : พจนานุกรม อ.เปลื้อง ณ.นคร
หยาด หยาด : ก. หยดลง. น. เม็ดฝนหรือนํ้าค้างเป็นต้นที่ไหลยืดหยดลง เช่น หยาดฝน หยาดน้ำค้าง หยาดเหงื่อ.
อ้างอิง : พจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน

ธรรมภูต ยังจะแถต่อไปเรื่อยๆ ผมให้อภัยคุณได้ แต่นรกให้อภัยคุณยากนะ

 

เคยเรียนคณิตศาสตร์ไหมครับ เคยได้ยินคำว่า ตรรกะ ไหมครับ

เอ้า เด็กชายนิว ท่องตามคุณครูนะครับ

ให้ อ = 1
ตัวแปรอีกตัวคือ พ = 1
อ เท่ากับ พ เท่ากับ 1
อ = พ = 1

ถ้า ธ ไม่เท่ากับ อ, ธ ก็ไม่เท่ากับ พ เช่นกัน และไม่เท่ากับ 1
ธ != อ
ธ != พ
ธ != 1

 

ไม่รู้เรื่องตอนเรียนลอกเขาหมดเลย เป็นยังไงจะสื่ออะไร

 

ธรรมภูต มันมีแอบแก้ข้อความซะด้วย...

เอาเถอะ เขาจดไว้หมดแล้วหละนะ จากนี้ไป ก็ ตัวใครตัวมันแล้วกัน

 

จะให้คนแก่หัวดื้อ ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ผมเอาพจนานุกรมมาลงไว้เพื่อต้องการให้เขาเห็นว่าความหมายของ คะแนน กับ คะเน มันต่างกันอย่างไร คำว่า หยาดฝนกับเม็ดฝน ที่จริงมันก็ใช้แทนกันได้ มีความหมายเดียวกัน ผมว่าเขาเองก็รู้นะว่าตัวเองพลาดไปแล้ว แต่กลัวเสียหน้าซะมากกว่า แล้วยังมีกระทู้อื่นอีกที่ธรรมภูตบิดเบือนคำสอนหลวงปู่ดุลย์ ว่า ในหนึ่งอณูนั้น มีเทวดาอยู่ได้สี่องค์

 

เฮ้อ!!!....

หมดคำพูดจริงๆ พวก"โง่แล้วไม่ยอมรับว่าโง่" หรือที่เรียกว่า"โง่ดักดาน"

"ธรรมภูต" หมดปัญญาจริง พระสูตรชัดๆ มันจะแถให้ได้ รอไปเที่ยว"นรก"ได้เลย

พระสูตร พระพุทธองค์ตรัสว่า" หยาดน้ำทั้งหลาย" โว้ย

จะเป็นหางเครื่องช่วยกันมั่วให้ใครก็หักเกรงใจคนอ่านหน่อยนะ

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

^
^
คำก็"ธรรมภูต"บิดเบือน

ดูมันทำ "พวกโง่ไม่ยอมรับว่าโง่"แค่คำว่า "หยาดน้ำ" มันยังบิดว่า"หยาดฝน"

คนอะไร แสดงความคิดเห็นก็ไม่มี ดีแต่กล่าวหาว่าร้ายคนอื่นข้างเดียว

เรื่อง"ท่านพระอาจารย์หลวงดูลย์"กล่าวอะไรไว้ ต้องใจร่มรอหลักฐานนะ

ที่พูดนั้นมาจากความจำ คงเอามาอ้างแบบนี้ไม่ได้

เพราะจะเหมือนใครบ้างคนที่"ทุศีล"ชอบทำ เป็นประจำ

เดี๋ยวค้นจาก"หลวงปู่ฝากไว้"ให้ คะเนว่าคงพบแล้วจะลงให้

การหาพรรคพวกเพื่อเอาชนะ สู้ค้นหาสัจธรรมเพื่อชนะกิเลสดีกว่า

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

เฮ้อ!!!...

ทำไมถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้นะ คำแปลที่ยกมาชัดเจนมากๆ

หยาดน้ำ ที่มี"ปริมาณ"มาก ตั้งกลัป์ ก็ไปคิดเอาเองนะว่าขนาดไหน

อย่ามั่วเป็นหยาดฝน หยาดเหงื่อ หยาดน้ำค้างอีกหละ ต้อง"หยาดน้ำ"เท่านั้น

ฝนที่ตกลงบนอะไรก็ได้ ไม่น่าจะมีเพียงเม็ดเดียวที่ตกลงมาหยาด ใช่หรือไม่?

ตอบคำถามนี้ได้คงช่วยให้หาย"โง่"ขึ้นเยอะนะ

คิดว่า"นรก" น่าจะให้"อภัย"ได้ ถ้ายอมกลับตัวกลับใจยอมรับว่า"โง่"

"ธรรมภูต" ก็คนหนึ่งหละที่ยอมรับมาตั้งนานแล้วว่า"ยังโง่อยู่"55+

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

ก่อนอื่นต้อง"ขออภัยอย่างมาก"

อะไรที่มาจากความจำ"สัญญา" มักคาดเคลื่อนได้

ที่เคยเขียนไว้ว่า"ในหนึ่งอณูนั้น มีเทวดาได้สี่องค์"

ตอนเขียนก็รู้สึกลังเลอยู่เช่นกันว่า "สี่หรือแปด"

แต่เป็นคนที่มีนิสัยที่ชอบ พูดอะไรให้น้อยๆไว้ก่อน(เสียงข้างน้อย)

เนื้อความที่ถูกต้องในหน้า๗๘ หนังสือ"หลวงปู่ฝากไว้"

"เทวดาจะมาชุมนุมกันจำนวนกี่ล้านโกฏิไม่มีปัญหาอะไร

เพราะในเนื้อที่หนึ่งปรมาณู เทวดาอยู่ได้ถึงแปดองค์"

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

คติเตือนจิตใจ ไว้พิจารณา (จากหนุเล็กนิดเดียว ที่เที่ยวไป)

โง่ และ บ้า 4 จำพวก ที่ควรรู้ไว้

ตามภาษาคนรู้น้อย ถ้อยศึกษา

***ตามภาษาคนพาลชอบเอาแพ้ชนะ ตามภาษาพระชอบเอาเหตุผล***

***อันการสนทนาธรรมกัน ต้องศรัทธาในภูมิธรรมถึงจะสนทนากันได้
ถ้าไม่มีแล้วไซร้อย่าได้เสียเวลา(สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล คนส....พร่ำมันร่ำไป***
-----------------------------------------------------------
คนโง่สี่จำพวก (บัญญัติโดยอรรถกถาหนูเล็กนิดเดียว)

1. โง่ที่ยอมรับว่าตัวเองโง่ ย่อมฉลาดเข้าสักวัน
2. โง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองโง่ อันนี้พอเข้าใจ
3. โง่เพราะถูกครอบงำ สักวันคงพ้นได้
4. โง่แล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองโง่ ยังงี้จะว่าไง(เอาไงดีหว่า)

***ไวพจน์ของคำว่าโง่ ฉลาดน้อย โง่งมงาย โง่บรม โง่ดักดาน ฯลฯ ***

ตามมติของอรรถกถาหนูเล็กนิดเดียว พวกที่4.
นี้ควรให้อุ้ม คxxxไปแช่น้ำอาจถึงนิพพานพร้อมกันได้
ชาตินี้ไม่ทันชาติหน้าก็แล้วกัน(ท่านผู้ยิ่งใหญ่ในห้องศาสนา)
555+ไม่ว่ากัน ขออภัย
-----------------------------------------------------------------
คนบ้า4จำพวก(บัญญัติโดยอรรถกถาหนูเล็กนิดเดียว)

1. บ้ารู้ตัวว่าบ้า ยาพอเอาไหว(ธรรมโอสถ)
2. บ้าไม่รู้ตัวว่าบ้า ศรีธัญญาพอรับได้
3. บ้าเพราะถูกครอบงำ สักวันจะบ้าใหญ่
4. บ้าเพราะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่(อริยตราตั้ง) พวกนี้อันตราย ฆ่าได้แม้กระทั่งพระสัทธรรม

***ไวพจน์ของคำว่า บ้า---จิตวิปลาส---จิตฟั่นเฟือน---จิตซึมเศร้า(เพราะเขลาปัญญา) ฯลฯ***

ตามมติของอรรถกถาหนูเล็กนิดเดียว พวกที่4.นี้
ควรเอาขี้เถ้ายัดปาก ชาตินี้ไม่ทันชาติหน้าก็แล้วกัน
(ท่านผู้ยิ่งใหญ่ในห้องศาสนา) 555+ไม่ว่ากัน ขออภัย

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

จากบทความในกระทู้นั้น

เน้นให้รู้ว่า มนุษย์ที่ยังต้องกลับมาเกิดนั้น ล้วนยังมีเชื้อโง่อยู่ จนถึงโง่ล้วนๆ

ยกเว้นท่านพระอริยเจ้าในชั้นที่ยังต้องกลับมาเกิดนั้น "ท่านแค่ยังติดเชื้อโง่อยู่บ้า่งเท่านั้น"

รอวันที่จะปหานประหารเชื้อเหล่านี้ให้หมดไปในเร็ววัน "ท่านล้วนรู้จักมัฌชิมาปฏิปทา"ดี

แต่คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ กลับเข้าใจผิดในเรื่อง"มัฌชิมา"ไปว่า

เป็นการทำ"จิตมัฌชิมา" ซึ่งคำนี้ไม่มีในพระพุึทธพจน์ คือทำกลางๆ ง่ายๆสบายๆ และลัดสั้น

โดยความเป็นจริงแล้ว คนเราทุกวันนี้ มักเข้าใกล้ทางอันไม่ควรเสพทั้งสองฝั่้งอยู่แล้ว

เช่นผิดหวัง ก็วิ่งเข้าหาำเพื่อทำตัวเองให้ลำบาก ที่เรียก"ทรมานจิตใจตนเอง"

หรือเมื่อสมหวัง ก็วิ่งเข้าหา ความง่ายๆ สบายๆ และลัดสั้น ติดสุขจนใกล้ข้างใดข้างหนึ่ง

ซึ่งต่างจาก"ปฏิปทา" ที่เป็นมัฌชิมา"นั้น เป็นการหาความพอดีสำหรับตนเอง เพื่ออะไร?

เพื่อ"ปรารภความเพียร" การปรารภความเพียรนั้น คือการค้นหาธรรมอันเป็นเครื่องแก้"สันดานของตน"

เมื่อ"สันดานของตน"ชอบเอียงเข้าใกล้ข้างใดข้างหนึ่งในขณะนั้นๆ ต้องเพียรหาเครื่องแก้ให้ทัน

แม้ใน"อริยมรรค" ที่เราเรียกว่า"มัฌชิมาปฏิปทา"นั้น ก็ชัดเจนในเรื่องนี้

สัมมาวายามะ เป็นไฉน
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เกิดฉันทะพยายามปรารภความเพียร
ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น
เพื่อละอกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว
เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น
เพื่อความตั้งอยู่ไม่เลือนหาย เจริญยิ่ง ไพบูลย์ มีขึ้น เต็มเปี่ยม
แห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว อันนี้เรียกว่า สัมมาวายามะ ฯ

เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน