เพื่อการกุศล " พระลีลาแพร่บุญ " โครงการสร้างพระเนื้อตะกั่วเพื่อบรรจุกรุ ฯ ครั้งที่ ๖ ......หมดเขตร่วมบุญแล้ว

จากนั้นก็หย่อนชนวนทั้งสามชิ้นลงหม้อหลอม คนให้เข้ากันอยู่ครู่หนึ่งกะว่าเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหม้อ แล้วก็เริ่มใช้กะบวยตักน้ำตะกั่วเทใส่เบ้าที่เตรียมไว้ครับ วันนั้นได้คุณเอ บางพระกับผู้ร่วมบุญทางบ้านอีกท่านมาช่วยกันออกแรง ขอโมทนากับทั้งสองท่านด้วยครับผม เมื่อตักเทใส่เบ้าได้ประมาณสี่สิบกว่าแผ่น ลองดูในหม้อหลอมกะว่าเหลือน้ำตะกั่วสูงซักประมาณฝ่ามือนึง ก็เลยพอก่อนในชุดแรกเพื่อจะได้เหลือน้ำตะกั่วไว้เป็นเชื้อสำหรับชุดหลังและจะช่วยให้การหลอมตะกั่วชุดหลังนี้ละลายได้เร็วขึ้นด้วย

ชนวนที่เพิ่มเติมมา ของครั้งที่ ๑



ชนวนที่เพิ่มเติมมา ของครั้งที่ ๒



ชนวนที่เพิ่มเติมมา ของครั้งที่ ๓



เมื่อหลอมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว เริ่มตักแล้วเทใส่เบ้า



ผู้ช่วยทั้งสองท่าน

 

พักให้หายร้อนพอเหงื่อแห้งอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มชุดสองครับ ยกหม้อที่ใส่เม็ดตะกั่วเทเติมลงในหม้อหลอมต้องทะยอยแบ่งใส่ ๓ ครั้งครับเพราะไม่งั้นยกเทลงหม้อหลอมลำบาก รออยู่ประมาณสิบนาทีก็ละลายเกือบหมด เพราะมีน้ำตะกั่วเก่าของชุดแรกเป็นเชื้ออยู่แล้ว ใช้เหล็กยาวคนให้เข้าอยู่ครู่นึง ก็เอากะบวยไล่ตักขี้ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ติดมากับเม็ดตะกั่วออก

การซื้อตะกั่วจากร้านของเก่านี้มักจะมีขี้ฝุ่นและสิ่งสกปรกติดมาแบบนี้ครับ ยอมร้อนยืนหน้าเตาและเสียเวลาตรงนี้นิดหน่อยแต่ดีตรงที่ได้ราคาถูกกว่าซื้อตะกั่วใหม่จากร้านค้าโดยตรงมาก ( ซึ่งทางโรงงานเขาก็เอาตะกั่วที่รับซื้อไปจากร้านของเก่านี่แหละมาหลอมขึ้นรูปเป็นแท่งขึ้นใหม่ ) งวดนี้ได้ตะกั่วเก่านี้มาถูกกว่าซื้อตะกั่วใหม่เยอะ ทำให้ประหยัดเงินโครงการ ฯไปได้อีกประมาณ ๕,๐๐๐ บาทครับ

ทะยอยใส่เม็ดตะกั่วลงหม้อหลอมครับ



ไล่ตักขี้ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ติดมากับเม็ดตะกั่วออก

 

จากนั้นก็โกยขอบพระเจ้าสัวในลังไม้ใส่หม้อแล้วยกเทลงในหม้อหลอม ชุดสองนี้ใส่ขอบพระสองเที่ยว ตามด้วยตะกั่วแข็งแผ่นที่เหลือ ชนวนหัวเชื้ออีกสามแผ่นใหญ่ที่เหลือ เมื่อละลายแล้วก็คนให้เข้ากันจนแน่ใจว่าเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมดแล้ว ก็ทยอยตักเทใส่เบ้าจนเริ่มตักไม่เต็มกะบวยแล้วก็ช่วยกันใช้เหล็กกล่องสอดที่หูหม้อหลอมเอียงข้างเพื่อให้ตักง่ายขึ้นอีก จนตักแทบไม่ติดแล้วเลยหยุดพัก

เทขอบพระเจ้าสัวลงหม้อหลอม



ขอบพระเจ้าสัวกำลังเริ่มละลาย



ขอบพระเจ้าสัวที่เหลือในลังไม้ เทลงหม้อหลอมทั้งหมด



ใส่ตะกั่วแข็งแผ่นที่เหลือ เพื่อช่วยให้เนื้อพระมีความแข็งขึ้น



ใส่ชนวนหัวเชื้อ แผ่นนี้หนัก ๒.๘ กก. แต่ว่าเป็นแผ่นชนวนที่นำมาตัดแบ่งออก เพื่อมาทำเป็นแผ่นเล็กสามชิ้น จะได้สะดวกในการนำชนวนหัวเชื้อไปเสกหรือฝากเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก



พอเทชนวนหัวเชื้อชิ้นเล็กทั้งสามชิ้นลงไป น้ำตะกั่วก็กระฉอกพุ่งสวนขั้นมา

 

ชมภาพหลอมชนวนกันต่อครับ

ชนวนหัวเชื้อ แผ่นนี้หนัก ๓.๑๐ กก.ครับ



แผ่นนี้ หนัก ๔.๐๐ กก.ครับ



ยังละลายไม่เข้ากัน



ผู้ร่วมบุญจากทางบ้านกำลังช่วยคว่ำเบ้า



ผลงานหลอมชนวนทั้งหมด

 

ตามที่อยากดูนะป๊อป แต่ไม่ใช่ตะกรุดไผ่ตันแบบตะกั่วนะ

หลังจากที่ตักน้ำตะกั่วแทบไม่ติดกระบวยแล้ว เกิดความคิดแวบขึ้นมาว่าตัดไม้ไผ่รวกแล้วเอาชนวนที่เหลือมาหยอดทำเป็นตะกรุดหล่อตัน น่าจะดี

เลยเกิดตะกรุดหล่อตันเนื้อชนวนตะกั่วขึ้นมา ขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง สั้นบ้างยาวบ้างคละกันไป สรุปแล้วตะกรุดหล่อตันนี้ก็จากแผ่นจารรวม ๒๔๓ องค์ ไม่นับแผ่นจารจากฆราวาสหลายสิบแผ่น เหรียญพระสงฆ์เนื้อตะกั่ว ตะกรุดตะกั่ว อีกจำนวนมาก แถมขอบพระทั้งสองครั้งที่ผ่านมาก็เสกมาแล้วหลายพิธี กับเสกเดี่ยวอีกหลายสิบองค์ สำหรับตะกรุดนี้ก็คงจะนำไปเสกพร้อมกับพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ นี้ไปก่อน ซึ่งถ้าหากมีใครสนใจก็อาจจะเป็นประโยชน์กับโครงการสร้างพระในอนาคตต่อไปได้

ค่อยๆ หยอดลงรูไม้ไผ่รวก



รอให้ตะกั่วแข็งตัว



ทั้งค้อนทั้งมีดครับ ทั้งทุบทั้งผ่า



คละขนาดกันไปทั้งสั้นทั้งยาว

 

ได้ดั่งใจเลยนะครับ อยากทำมานานได้สมใจเลย

 

ใช่แล้วน้องป๊อป

เรื่องสร้างพระบรรจุกรุนี้อยากทำมาตั้งแต่จำความได้แล้ว(หรือตั้งแต่ชาติก่อนหว่า หุ หุ ) เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสทำแล้วต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังเราจะทำได้

 

ยอดร่วมบุญที่ผมต้องโอน
เท่าไรหว่า ลืม.... (ขออภัยครับ)

 

รายนามผู้ร่วมจองสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ จำนวน ๗๒ ชุด

ขอโมทนากับทุกๆท่านด้วยครับ

 

ของน้องหมู ๓ ชุดครับ ๔๕๐ บาท

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๔ ก.พ. ๕๖

พระครูวรธรรมาภิรมย์ (ครูบาเมืองอินทร์) วัดศรีเมืองยู้ อ.เมือง จ.ลำพูน

 

วันนี้ผมโอนเงินร่วมสร้างพระบรรจุกรุให้แล้วนะครับ จำนวน 310 บาท เวลา 18.09 น
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๔ ก.พ.๕๖

พระราชวินัยโสภณ (หลวงปู่พระมหาบุญส่ง สุขขปฺปตฺโต) วัดล้านนาญาณสังวราราม (ธรรมยุติ)
อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อายุ ๗๗ ปี พรรษา ๕๖

เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน(ธรรมยุติ)รูปที่ ๕ พ.ศ.๒๕๔๘ – ปัจจุบัน

ถิ่นกำเนิด
พระเดชพระคุณพระราชวินัยโสภณ(พระมหาบุญส่ง สุขปฺปตฺโต ป.ธ.๓) เป็นบุตร นายแก้ว นางน้อย พรหมเสนเป็ง เกิดวันศุกร์ที่ ๕ มีนาคม ๒๔๗๙ ภูมิลำเนาเดิมบ้านนาโป่ง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ต่อมาครอบครัวย้ายไปอยู่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีพี่น้อง ๖ คน(ชาย ๒ หญิง ๔) ท่านเป็นคนที่ ๕


เส้นทางชีวิต
เส้นทางชีวิตสมณเพศใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนา...
- พ.ศ.๒๔๙๓-๒๔๙๘ วัดอรัญญเขต อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
- พ.ศ.๒๔๙๙-๒๕๒๓ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
- พ.ศ.๒๕๒๔-๒๕๓๑ วัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
- พ.ศ.๒๕๓๒-ปัจจุบัน วัดล้านนาญาณสังวราราม อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่


บรรพชา ๒ วาระ
เข้าสู่วิถีธรรมด้วยการบรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓ ที่ วัดอรัญญเขต อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยพระครูเมธีวรคุณ (บุญมี เมธิโก) เป็นพระอุปัชฌาย์และสีลาอาจารย์

ต่อมาพ.ศ.๒๔๙๙ พระครูเมธีวรคุณ นำสามเณรบุญส่งมาฝากเป็นศิษย์พระปลัดเกตุ วณฺณโก วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เพราะขณะนั้นพระมหาอินตา วรธมฺโม ป.ธ.๕ ศิษย์ผู้อุปัฏฐากพระปลัดเกตุลาไปศึกษาต่อที่วัดกันมาตุยารามกรุงเทพฯ สามเณรบุญส่ง ได้บรรพชา เป็นสามเณรสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุตเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๙ มีพระวิสุทธิสารสุธี (ขันติ์ ขนฺติโก) เป็นพระอุปัชฌาย์ พำนักอยู่กับพระปลัดเกตุ ณ กุฏิ เอ เอช อับดุลราฮิม (รื้อสร้างกุฏิจันทร์ กุสโล ๒๕๔๑)

หมายเหตุ
พระปลัดเกตุเป็นชาวจังหวัดเพชรบุรีมาอุปสมบท ณ วัดเจดีย์หลวง เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฏาคม ๒๔๓๕ ขณะอายุได้ ๓๙ ปี มีพระครูวินัยธร (พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต) เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาหมื่น วุฑฺฒิญาโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดเกตุเป็นสัทธิวิหาริก รูปแรกและรูปสุดท้าย ของอาจารย์มั่น ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๓ ณ วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร ท่านได้รับอัฐิธาตุ หลวงปู่มั่น ที่คณะกรรมการแบ่งให้นำมาเก็บรักษาไว้ ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ปี ๒๕๑๒ ท่านมรณภาพที่กุฏิจงจิตร ๑ ไม่มีใครทราบเรื่องอัฐิธาตุหลวงปู่มั่น จนกระทั้งปี ๒๕๔๔ จึงได้ค้นพบอัฐิธาตุหลวงปู่มั่น

อุปสมบท
๗ กรกฏาคม ๒๕๐๐ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พันธสีมาวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร มีพระเดชพระคุณพระวิสุทธิสารสุธี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยโกศล (จันทร์ กุสโล) เป็นพระกรรม วาจาจารย์ พระใบฎีกาสมพงษ์ ภทฺทิโย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “สุขปฺปตฺโต...ผู้ถึงพร้อมด้วยความสุข”

วัดล้านนาญาณสังวราราม สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต เป็นวัดฝ่ายคันถธุระ มีสำนักเรียนจัดการศึกษาทั้งแผนกนักธรรม/บาลี และ ปริยัติสามัญ ตั้งแต่เมื่อปี ๒๕๓๒-๒๕๔๑ แล้วปิดกิจการชั่วคราวด้วยอุปสรรคด้านงบประมาณ เปิดดำเนินการอีกครั้งในปีการศึกษา ๒๕๔๘

 

มาชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ทางภาคกลาง เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันบ้างครับ

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

พระสุวรรณศีลาจารย์ (หลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม ปัญญาทีโป ) วัดสุวรรณเจดีย์ ต.บ้านขวาง อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา อายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๘

สำหรับแผ่นจารจากจากหลวงปู่ท่านเจ้าคุณเสงี่ยมนี้ ได้รับความเมตตาจากท่านเมื่อครั้งที่ท่านเดินทางมานั่งปรกทิศ งานหล่อรูปเหมือนหลวงปู่เสียน ปภากโร อดีตเจ้าอาวาสวัดมะนาวหวาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งในวันนั้นก็มีการนิมนต์พระเถราจารย์มานั่งปรกด้วยกันหลายรูปเช่น ลป.สม วัดโพธิ์ทอง ลพ.ทองหยิบ วัดบ้านกลาง ลพ.มี วัดม่วงคัน ลพ.อาบ วัดโบสถ์วรดิตถ์ ลพ.แป้น วัดเกศทอง

ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม มีนามเดิมว่า เสงี่ยม เกิดในสกุล “เฉลิมบุตร ’’ เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ บิดาชื่อ นายเสน่ห์ เฉลิมบุตร มาดาชื่อ นางต้อม เฉลิมบุตร ในวัยเด็กหลวงปู่เสงี่ยมท่านเป็นเด็กที่มีจิตใจเมตตา อ่อนโยน ว่านอนสอนง่ายเป็นที่รักของบิดา มารดา หลวงปู่เสงี่ยมมีพี่น้องทั้งหมด ๙ คนหลวงปู่เสงี่ยมเป็นบุตรคนที่ ๖

ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี ณ วัด ธรรมรส โดยมี พระอุปัชฌาย์กิ่ม วัดบ้านกลาง เป็นอุปัชฌายะ หลวงพ่อแวว วัดท่าตอ เป็นพระกรรมวาจารย์ หลวงพ่อฟื้น วัดวัง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ ปัญญาทีโป ” แปลว่า ผู้มีปัญญาดั่งดวงประทีป ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคมกับพระอุปัชฌาย์ ( กิ่ม ) วัดบ้านกลาง เรียนควบคู่กับการฝึกกัมมัฎฐานสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ๒ ปีจนหลวงปู่กิ่ม ออกปากชมว่า “ ต่อไปถ้าข้าไม่อยู่แล้วพระเสงี่ยมองค์นี้แหละแทนข้าได้ ” ถ้ามีงานปลุกเสกพระที่ใหน หลวงปู่กิ่มต้องพาหลวงพ่อเสงี่ยมไปปลุกเสกพระด้วยทุกครั้ง หลวงพ่อเสงี่ยมเคยปฏิเสธไม่ขอเสกพระร่วมกับอาจารย์ท่านบอกว่าท่านเป็นศิษย์ไม่คิดล้างครู แต่ด้วยเป็นคำสั่งจึงไม่กล้าขัด หลังเสกพระแล้ว หลวงปู่กิ่มท่านชมว่า “ พระหรือทองสว่างเชียว ” ฯลฯ

หลวงปู่เสงี่ยมได้สร้าง ปลุกเสกพระเครื่อง ครั้งแรก ปี ๑๖ เพื่อแจกลูกศิษย์แต่ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต คนที่ได้รับไป ล้วนมีประสบการณ์ทุกคน หลวงปู่เสงี่ยมเคยปรารภกับลูกศิษย์ว่า สมัยฉันหนุ่มๆ เสกเหรียญแจกปี ๑๖ เสกจนหลังคาโบสถ์แตก แจกแล้วต้องมานั่งซ่อมโบสถ์ แล้วท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ในด้านถาวรวัตถุ ท่านสร้างอุโบสถไว้หลายหลัง สร้างวิหาร สร้างวัดหลายวัด สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล หอสมุด สร้างกุฏิสงฆ์ปรับภูมิทัศน์ปลุกต้นไม้ทั่วบริเวณวัดสุวรรณเจดีย์ให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม เพราะที่วัดจะมีการเข้าปริวาสกรรมของพระและเณรทุกปี และแจกทุนการ ศึกษาเด็กนักเรียน ประถม มัธยม อาชีวศึกษา สร้างโรงเรียน สร้างวัดส่งพระภิกษุ-สามเณรมาเรียนกรุงเทพฯ ทุกปี

-ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลด้วยครับ
ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม พระสุวรรณศีลาจารย์ วัดสุวรรณเจดีย์ พระปฎิบัติดีอาคมเก่งกล้า [แบบเอก��

 

รับทราบครับ

ขอโมทนาด้วยครับผม

 

ชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ทางภาคกลาง เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

พระครูวุฒิธรรมาทร ( หลวงพ่ออาบ สุวุฑฺโฒ ) วัดโบสถ์วรดิตถ์ ต.เอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง อายุ ๗๙ ปี พรรษา ๕๘

ประวัติหลวงพ่อพระครูวุฒิธรรมาทร

หลวงพ่อพระครูวุฒิธรรมาทร ชื่อเดิม อาบ นามสกุล คำวุฒิ เกิดเมื่อ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๗๗ สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทยสถานที่บ้านเกิด บ้านบางพง ตำบล เอกราช อำเภอ ป่าโมก จังหวัด อ่างทองนามบิดา นายลิบ นามสกุล คำวุฒิ นามมารดา นางละม่อม นามสกุล คำวุฒิ

อุปสมบทเมื่อ ๑๖ มิถุนายน ๒๔๙๘ ที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ ได้รับฉายาว่า สุวุฑฺโฒ ตั้งอยู่ที่ - เลขที่ -หมู่ที่ -ถนน -ตำบล เอกราช อำเภอ ป่าโมก จังหวัด อ่างทอง
นามพระอุปัชฌาย์ พระครูป่าโมกข์คณารักษ์ สังกัดวัด โบสถ์วรดิตถ์ ตำบล เอกราช อำเภอ ป่าโมก จังหวัด อ่างทอง วิทยฐานะทางการศึกษาวุฒิ ชั้นสูงสุด สถานศึกษาสามัญ ป.4 ร.ร.วัดโบสถ์วรดิตถ์

วัดโบสถ์วรดิตถ์เป็นวัดเล็กๆอยู่ในอ.ป่าโมก จ.อ่างทอง สถานที่นี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักแต่กลับเป็นสถานที่ชุบเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กด้อยโอกาสหลายร้อยชีวิต นอกจากให้อาหารและเสื้อผ้า วัดก็มีโรงเรียนให้เด็กๆได้เรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ได้รับอนุญาตตั้งขึ้นเพื่อให้เยาวชนผู้ด้อยโอกาส

วัดให้การอุปการะเด็กกำพร้ายากจนชาย หญิงอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปจำนวน 400 กว่าคน

หลวงพ่อพระครูวุฒิธรรมาทรกังวลเสมอคิดคำนึงถึงปากท้องของชีวิตน้อยๆที่ต้องเลี้ยงดูและไม่เคยละทิ้งหน้าที่หวังว่าเด็กเติบโตรู้จักซื่อสัตย์ตอบแทนสังคม

บางสิ่งบางอย่างคนที่มีเพียบพร้อมอาจจะมองเป็นเพียงแค่เศษ ขยะเป็นของเหลือกินเหลือใช้ แต่ในทางตรงกันข้ามสิ่งของเหล่านั้นอาจจะช่วยประทังชีวิตเล็กๆ ให้อยู่ต่อข้ามพ้นไปใน อีก วัน

หลวงพ่อคือเสาหลักแต่ไม่มีญาติโยมทำบุญบริจาคช่วยเหลือเด็กกำพร้ายากจนชีวิตเด็กๆคงลำบาก

ซึ่งจากที่หลวงพ่ออาบได้ให้การอุปการะและให้การศึกษากับเด็กกำพร้านี่เอง ทำให้ได้รับการคัด เลือกให้เข้ารับ "รางวัลบัลลังก์คนดีแห่งปี 2553"

รายการบัลลังก์คนดี โดยบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก จัดงานประกาศผลและมอบรางวัล บัลลังก์คนดีแห่งปี 2553 ณ สตูดิโอกันตนา รัชดานิเวศน์ เพื่อเป็นตัวอย่างเป็นแรงบันดาลใจแก่คนดีในสังคมไทย โดยคัดเลือกคนดีที่ได้ออกอากาศผ่านทางรายการไปในรอบปี 2553 จาก 45 ท่านเหลือ 12 ท่าน พร้อมเตรียมประกาศขึ้นทำเนียบเป็นบุคคลผู้ได้รับรางวัล บัลลังก์คนดีแห่งปี

รางวัลเกียรติยศบัลลังก์คนดี ได้แก่ ท่านพระอุดมประชาทร (พระครูอลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ผู้ก่อตั้งโครงการธรรมรักษ์, ท่านพระมหาวุฒิชัยวรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้เผยแพร่หลักคำสอนในพระพุทธศาสนาในรูปแบบที่เข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย และท่านพระครูวุฒิธรรมาทร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์วรดิตถ์ รางวัลบัลลังก์คนดีมหาชนแห่งปี 2553


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วัดโบสถ์วรดิตถ์ ☼ Wat Botworadit ☼ 博握拉帝佛寺 ☼ - Home

 

ชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ทางภาคกลาง เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

พระครูปัญญาลังการ (หลวงพ่อแป้น จนฺทวณฺโณ ) วัดเกษทอง อ.สามโก้ จ.อ่างทอง อายุ ๘๔ ปี พรรษา ๖๔



สำหรับแผ่นของหลวงพ่อแป้นนี้เนื่องจากท่านเดินทางมาถึงในงานก่อนเริ่มพิธีเพียงไม่นาน เลยไม่มีจังหวะเข้าไปขอความเมตตาให้ท่านจารแผ่นชนวนให้ พอเสร็จพิธี ท่านได้เตรียมพระเครื่องมาแจกญาติโยมด้วย คนก็เลยเข้าไปรุมกันรับพระเครื่องจากท่านจนเข้าไม่ถึง เลยต้องเข้าไปคุยกับพระที่มากับท่านว่าจะขอให้หลวงพ่อแป้นท่านจารแผ่นเพื่อนำไปสร้างพระบรรจุกรุ และจะขออาศัยเวลาช่วงที่ท่านก่อนจะขึ้นรถกลับวัดจารแผ่นชนวนให้ กราบขอบพระคุณหลวงพ่อแป้นและหลวงพี่รูปนี้ด้วยครับผม

พระครูปัญญาลังการ
พระครูปัญญาลังการ ฉายา จนทวณโณ นามเดิม นายแป้น จันทรังษี เกิดเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ เป็นบุตรนายเส็ง และนางลิม จันทรังษี ภูมิลำเนาเดิมเลขที่ ๑๙๓ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลราษฎรพัฒนา อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง

อุปสมบทเมื่อวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๒ ณ พัทธสีมาวัดโบสถ์ ตำบลอบทม อำเภอสามโก้ พระครูวิตถารสมณกิจ วัดโพธิ์ปล้ำ อำเภอวิเศษชัยชาญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเข้ม วัดสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการแสวง วัดสนาม อำเอวิเศษชัยชาญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ การศึกษาวิชาสามัญจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนวัดเกษทอง อำเภอสามโก้ ศึกษาพระปริยัติธรรมและสอบได้นักธรรมชั้นเอกจากสำนักวัดบางจัก ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

พระครูปัญญาลังการได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์วัดเกษทอง อำเภอสามโก้ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๘ ได้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมไว้เป็นอเนกอนันต์ เป็นผู้ให้ความสนับสนุนเกี่ยวกับวิทยา การสมัยใหม่ และดูแลจัดการปกครองคณะสงฆ์ในอำเภอสามโก้ให้ได้เข้าใจในระบบการวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ จึงเป็นหลักให้กับสังคมอำเภอสามโก้ได้อย่างดียิ่ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ที่มาจากหนังสือ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดอ่างทอง

 

ผมขอร่วมบุญบรรจุกรุภาคใต้ 1 ชุดนะครับ

 

รับทราบครับ ร่วมบุญสร้างพระบรรจุกรุ จำนวน ๑ ชุด

ขอโมทนาด้วยครับผม

 

ถ้าจะมาปั๊มพระเมื่อไหร่บอกผมด้วยน๊ะครับพี่ ช่วงนี้งานเข้าจนหัวหมุนไปหมดไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี