ก้อนหิน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 10 กรกฎาคม 2013.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ก้อนหิน​


    [​IMG]

    หินหนึ่งก้อนนี้มีปริศนา
    เมื่อมองตรงมาหนึ่งด้าน
    เห็นมุมเห็นแง่แลตาม
    คนถามอย่างไรบอกไปที



    [​IMG]

    แท้จริงหินนี้มีหลายด้าน
    มองผ่านโดยรอบขอบสี
    เห็นแง่เห็นมุมดีดี
    ใช่มีเพียงแง่มุมเดียว

    เหมือนดั่งปัญหาสารพัน
    หากมองมันเพียงแต่หนึ่งด้าน
    จะจมปลักหมองไหม้ไปช้านาน
    หากหันข้างมองดูจะรู้เอง

    หนึ่งปัญหาหลายแง่มุมที่สุมอยู่
    หมั่นมองดูโดยรอบมิกอบกั้น
    จะเกิดปัญญาโดยรอบปัญหานั้น
    เหมือนๆกันกับก้อนหินนี้ที่มีมา

    เราก้อนหินหนึ่งเดียวจะเที่ยวสอน
    เปลี่ยนมุมมองมองเห็นแง่มุมใหม่
    เกิดปัญญาอีกสักนิดให้คิดไกล
    หาไม่ไซร้จงขว้างทิ้งก้อนหินนี้...
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    [​IMG]

    ก้อนหินแห่งความหวัง​


    เด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังจะออกเดินทางไกลเพื่อผจญภัยในโลกกว้าง.....

    เขาได้แวะไปหาท่านผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน ผู้เฒ่ามอบของสำคัญสิ่งหนึ่งไว้ให้เขา พร้อมทั้งกำชับไว้อย่างดีว่า “จงรักษาเอาไว้ให้ดี อย่าได้ทอดทิ้งมัน....”
    สิ่งนั้นคือ
    “ก้อนหินแห่งความหวัง”
    เด็กหนุ่มเอาเก็บไว้ในถุงหนังคล้องคอไว้ ด้วยความเคารพและศรัทธาต่อท่านผู้เฒ่า

    จนเมื่อเด็กหนุ่มผู้นี้เดินทางผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เขาและสัมภาระทั้งหมด พลัดตกลงไปในหลุมทรายดูด เขาพยายามจะไขว่คว้าทุกอย่างเอาไว้กับตัว ยิ่งดิ้นยิ่งไขว่คว้า ทุกอย่างกลับยิ่งจมหายไป รวมทั้งตัวของเขาด้วย

    เวลาที่ผ่านไป ทรายเริ่มดูดเขาลงไปจนจมมิดถึงคอ ของทุกอย่างจมหายไป และอีกไม่นานก็คงเป็นตัวเขาด้วยเช่นกัน

    ในยามวิกฤตที่จะถึงแก่ชีวิตนั้น เด็กหนุ่มนึกถึงสิ่งที่ผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านได้มอบให้เขาก่อนการเดินทาง มันยังอยู่ “ก้อนหินแห่งความหวัง” พร้อมกับกำชับเขาไว้ว่า “จงรักษาเอาไว้ให้ดี อย่าได้ทอดทิ้งมัน....” เขาเอามือจับก้อนหินแห่งความหวังเอาไว้อย่างมั่นใจ จากนั้นก็ค่อยๆเอามือแหวกว่าย ผ่านทราย ขาที่ค่อยๆขยับ เขาทำมันอย่างช้าๆ แต่ไม่หยุด มุ่งไปที่จุดหมายเดียวคือขอบของบ่อทรายดูดที่เขาผ่านมา และไม่เคยเหลียวหลังกลับไปมอง สิ่งต่างๆที่เคยเป็นของเขา ซึ่งขณะนี้กำลังทะยอยจมลงไปหมดแล้ว...

    อย่างยาวนาน หัวไหล่เขาเริ่มโผล่พ้นทราย ตัวของเขาเข้าใกล้ขอบบ่อทรายไปเรื่อยๆ เขายังคงมีความหวัง ไม่ว่าจะต้องพยายามอย่างต่อเนื่องยาวนานสักเพียงใด ก้อนหินแห่งความหวัง ยังคงอยู่กับเขา จนกระทั่ง เขาพ้นจากบ่อทรายดูด

    เด็กหนุ่มหยิบก้อนหินแห่งความหวังขึ้นมาดู รอยยิ้มที่เปี่ยมกำลังใจอย่างแรงกล้า เขากำก้อนหินแห่งความหวังเอาไว้แน่น แล้วขว้างมันออกไปที่หลุมทรายดูด ทรายกำลังดูดก้อนหินแห่งความหวังให้จมลงไป ท่ามกลางรอยยิ้ม เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พร้อมกับเดินทางต่อไป ยามนี้เขาเข้าใจแล้ว กับความหมายของสิ่งที่ผู้เฒ่าให้เขามา...



    “ก้อนหินแห่งความหวัง”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2013
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    สรรพสิ่ง รอบกาย ไม่ไร้ค่า
    ล้วนนำมา อบรม บ่มนิสัย
    ได้ความรู้ ข้อคิด ติดตัวไป
    ปราชญ์จึ่งได้ ยกมาเห็น เป็นคำคม​
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ท่านระมิงค์ กล่าวมา ล้ำค่านัก
    ก้อนหินจัก เป็นครู ดูเหมาะสม
    มีข้อคิด สะกิดใจ ใคร่ชวนชม
    นำเพาะบ่ม ปัญญา บารมี
     
  5. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อันก้อนดิน หินนี้ ดีตรงไหน
    มองอย่างไร เห็นทุกมุม ช่วยเล่าขาน
    จะได้นำมา พิจรณา เกิดปัญญาญาณ
    เป็นประสปการณ์ มุ่งเข้าสู่ ลู่ทางจริง
    ....

    ให้รู้ชัด รู้แจ้ง หายสงสัย
    เพราะในใจ ยังมีสิ่ง ที่พิศวง
    ทั้งทางโลก ทางธรรม ยังงวยงง
    บางครั้งต้องล้มลง ทั้งๆที ยังมีใจ
     
  6. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ด้วยมืดมา แล้วมืดไป มันไร้ค่า
    อยากมืดมา แล้วสว่างไป ให้ได้ผล
    วัฎสงสารนี้ ยังมีอยู่ ให้เวียนวน
    อยากหลุดพ้น มีหนทาง สว่างไป
    .....

     
  7. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    คิดสงสัย ตอนปลายเรื่อง เปลื้องหินทิ้ง
    ขว้างหินดิ่ง ลงบ่อทราย ความหมายนั้น
    บ่งบอกถึง ซึ่งความคิด อย่างไรกัน
    โปรดแนะฉัน ให้รู้รับ จับประเด็น
    ว่าจะเป็น เช่นที่คิด ใช่หรือไม่
    หินนั้นไซร้ ใช่ความหวัง ดั่งที่เห็น
    สิ่งประเสริฐ เกิดกำลัง จากบำเพ็ญ
    ไม่ใช่เป็น จากภายนอก ที่หลอกตา
     
  8. jibakunmk2

    jibakunmk2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +146
    ขอบคุณครับ สาระดีๆ
    :boo:
     
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    อะไรหนอ...อยู่ๆเพิ่งหลุดทางหลงมาเข้าได้ก็ " ก้อนหิน" ซะแหล่ว

    กลอนก็แต่งไม่เป็นเช่นกับใครเขา
    เฮ้อ!ปกติก็มั่วแจมๆไปได้เรื่อย
    แต่งานนี้ Toplus99ขอบอก "...ไปไม่เป็นนะฮ่ะ" งง
    ======
    แค่อยากบอกว่าเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น ครั้งก่อนจบชั้นมัธยมต้น
    เพื่อนสนิทมันถาม
    "ต่อไปเอ็งอยากเป็นอะไรวะ?

    "กูเบื่อๆชีวิต ที่มันวุ่ยวายทุกวันนี้มาก กูอยากเป็นก้อนหิน"
    " อ่ะไอ้นี่มึงตอบกวนแล้ว เซ็งเว้ย"เดินหนีแบบหงุดหงิดไปซะฉิบ

    มันผิดด้วยหรือเมื่อเบื่อความวุ่นวายรอบข้าง ที่อยากสงบนิ่งแบบก้อนหินไม่ต้องทุกข์ร้อนอะไร

    "ก็ข้าอยากเป็นก้อนหิน มันผิดมากหรือไงวะ มันกวนต..ตรงไหน ก็บอกเลยจากใจกูอยากเป็นก้อนหินจริงๆนี่ มึงไม่เข้าใจกูไอ้เพื่อนรัก..ฮื่อฮือ่"
    ทุกวันนี้เพื่อนคนนี้เป็นตำรวจ จ.นครปฐม เมียแบบเป็นทางการ2คน ลูกติดเมียเก่าหนีไปให้ยายเลี้ยง นานๆทีจะไปกลับมาเยี่ยมเยือน
    ตอนนี้อยู่กับเมียคนที่2 และมีแนวโน้มว่าจะแอบซุกซ่อนหนูๆไว้อีกมิใช่น้อย
    วุ่ยวายวิถีราชการที่ร้อนรนมากมาย หน้าดำคร่ำเครียดตลอดเวลา

    ก็บอกแล้วว่า "ให้เอ็งหัดทำจิตเป็นก้อนหินซะมั่งไอ้หน้าโง่ เชอะ"
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ธรรมดาของโลก​



    [​IMG]
     
  11. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    คมบาดใจจริงๆ.(ชอบมากครับ)
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ใช่ค่ะ แม้เราเองก็มิอาจลืมเลือน
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    วัยเด็ก เฮียโหงว หยิบก้อนหิน มาให้ดูก้อนหนึ่ง แล้วบอกว่า

    ถ้าเรามองก้อนหินเพียงด้านหนึ่ง เราก็จะเห็นก้อนหินนี้ที่แง่มุมหนึ่ง
    หากเราหมุนก้อนหินนี้ไปรอบๆ...
    เราจะเห็นอีกหลายๆแง่มุม...

    ชีวิตของคนเราก็เหมือนกัน ปัญหาต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก็อย่ามองเพียงแค่แง่มุมเดียว
    แท้จริงแล้ว ในปัญหาต่างๆนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆแง่มุมให้ได้คิด ได้พิจารณา....
    ........

    กระทู้นี้ตั้งใจจะเขียนเอาไว้ เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับหลายๆคน ที่เป็นทุกข์บ้าง...
    รู้สึกว่าในชีวิตยังมืด 16 ด้านบ้าง...
    รู้สึกท้อแท้...เหนื่อยหน่ายในชีวิต...
    คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร..อย่างไร...
    เบื่อหน่ายกับคนรอบๆข้าง...
    จะทำดีต่อไปทำไมดี...

    ปัญหาข้างต้นนี้เป็นเพียงด้านหนึ่งของก้อนหิน...เป็นแง่มุมหนึ่ง....
    ความตั้งใจของ กระทู้นี้จึงจะเล่าถึง แง่มุมอื่นๆ ของก้อนหิน เพื่อเปลี่ยนการมองเห็น ปัญหา ให้เป็น ปัญญา
    และหวังว่าจะช่วยพาให้ชีวิต ก้าวเดินต่อไป พร้อมกำลังใจ....
    ให้แง่คิด ให้มุมมองใหม่ ของก้อนหิน ก้อนหนึ่ง...

    โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย....พูดง่าย พูดแล้วทำให้ผู้พูดดูดี...
    แล้ววิธีทำล่ะ ทำอย่างไร....


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2013
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เช้าวันนี้มีเรื่องกระทบใจเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลกระเทือนได้ประมาณ ๕ นาที ซึ่งถือว่านานมากๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าจิตที่ฝึกไว้นั้น ยังไม่หนักแน่นพอ
    ความรู้มี แต่ไม่รู้เท่าทัน
    ติงยังต้องฝึกมองก้อนหินต่อไปค่ะท่านระมิงค์
     
  15. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แม้ก้อนหินจะมีหลายมุมแต่ก็ไม่มากมุมเท่า มุมต่างๆในใจคน บางคนกับคนนี้ดีแต่กับคนนู้นเลว
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ใจเรานี้ช่างเข้าใจได้ยากนัก
    และการจะพยายามไปเข้าใจคนอื่นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
    ดังนั้นหากมีการกระทบกระทั่่งกัน
    การให้อภัยกลับเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด และควรรีบกระทำโดยเร็วที่สุด
    เพราะยิ่งอภัยได้เร็วเท่าใด
    เรายิ่งพบความสุขสงบได้เร็วเท่านั้น
     
  17. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ทำไมมันเงียบเชียบแบบนี้ละคะ ... แอบซุ่มกันตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษาเลยเหรอคะ ... แหมๆๆๆ เอามั่งๆๆ

    ปล. อยากทราบว่าท่าน raming เคยทานเจ ทานมัง งดเนื้อสัตว์หรือเปล่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2013
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เคยทานเจ ทานมังสวิรัต เคยงดเนื้อสัตว์ เคยเข้าลัทธิเต๋า เคยกินมื้อเดียวแบบมังสวิรัต ที่ไม่มีสารปรุงแต่ง...แต่ไม่เคยดื่มปัสสาวะตัวเองเพื่อรักษาโรค ....

    การทานเจ ทานมังฯ นั้นก็ดี ถ้าไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร กล่าวคือ ไม่เป็นภาระให้ผู้อื่นต้องคอยจัดหาให้ ไม่ทานเจ เพื่อเป็นการโอ้อวดว่าเราดีกว่าเขา เขาเลวกว่าเรา การทานเจนั้น ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานเบากว่าทานเนื้อสัตว์ ซึ่งย่อยยากกว่า
    เนื่องจากการบรรลุธรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาหารที่กินเข้าไปสักเท่าไร เพียงแต่ว่าทานมากไปก็อึดอัด ทานน้อยไปก็หิวโหย เวลาทานอาหารก็ให้พิจารณาก่อน เพื่อไม่ให้ตัณหาคือความอยาก มากัดกินจิตใจเรา ก่อนที่เราจะกินอาหาร หรือจะอาศัยการพิจารณาโดยมีสติกำกับในขณะนั้นก็ได้ กล่าวคือ

    เมื่ออาหารตกเข้าไปในปาก ย่อมเกิดรส สติตามรู้ว่ารสนี้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อขบเคี้ยวก็มีความรู้สึกสัมผัสได้ กล่าวคือมีสัปปชัญญะ เมื่ออาหารล่วงถึงท้องย่อมรู้สึกได้ถึงอาการทุกขเวทนาคือ ความหิว มีการเปลี่ยนแปลงไป และรสชาดในปากนั้น ได้หมดสิ้นไป จึงเห็นว่ารสชาดนี้ ก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป
    ทุกขเวทนาคือความหิวนี้ ก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป
    เมื่อเกิดความยินดีในรสชาดอาหาร ก็ให้รู้ไว้ สุขเวทนาเกิดขึ้นขณะนั้น เมื่อรสชาดดับไป สุขเวทนาย่อมดับไปด้วย จึงเห็นว่าสุขเวทนาก็ไม่เที่ยง

    เมื่อหายหิวแล้ว ทุกขเวทนาอันเกิดจากความหิวดับไป รสชาดในคำข้าวใหม่ ไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่เกิดสุขเวทนา จากอาหาร และทุกขเวทนาจากความหิว ยังคงเป็น อทุกขมสุขเวทนา คือความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์นี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้รู้อยู่ ว่าไม่เที่ยง สักไม่นานทุกข์เวทนาก็ดีหรือสุขเวทนาก็ดีย่อมเกิด...

    เห็นไปเรื่อยๆอยู่อย่างนี้ระหว่างบริโภคอาหาร ก็จะไม่ถูกอาหารบริโภค..
    ในสมัยก่อนนั้น หลวงพ่อพระธุดงค์ท่านเล่าให้ฟังว่า ...
    ภิกษุที่ประเทศศรีลังกา เป็นอันมาก บรรลุธรรมขณะฉันข้าวต้มร้อนๆ ในเพลาเช้านี้เอง...
    ด้วยท่านคงหมายจะบอกให้รู้จักเจริญสติในการขบฉันนั่นกระมัง...
    จึงเป็นที่มาของคำว่า "(เรา)กินข้าว อย่าให้ข้าวมันกิน(เรา)"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2013
  19. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    สาธุค่ะ แล้วการงดเนื้อสัตว์นี่ถือว่าเป็นการเจริญเมตตาอย่างหนึ่งหรือเปล่าคะ อันนี้ดิฉันขอถามเป็นการส่วนตัวในความคิดของท่าน ไม่อยากให้กลายเป็นการวิพากวิจารณ์ถกเถียงกันกับผู้อื่นที่เข้ามาอ่านนะคะ เพราะในเวปฯเคยเถียงกันไม่จบ แต่ขอเฉพาะในกระทู้นี้ที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ... ครั้งหนึ่ง จู่ๆวันหนึ่งดิฉันเกิดเหม็นคาวในกลิ่นเนื้อสัตว์ ขอบอกว่า จู่ๆก็เป็นอย่างนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้มีจิตคิดเกี่ยวกับการหันมากินเจอะไรเลย และคงไม่ใช่อุปาทานไปเองแน่ๆ แต่ถึงกับจะอ๊วกออกมาเมื่อเห็นอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ก็เป็นได้ไม่กี่วันค่ะ ก็กลับมาเป็นปรกติทั่วๆไปเพราะดิฉันยังทานข้าวก้นบาตรอยู่ ไม่อยากให้มองว่าสิ่งที่มองไม่เห็นจะอะไรทำไม แต่อยากทราบว่าเป็นการเจริญเมตตาอย่างหนึ่งหรือเปล่า เกี่ยวกันไหมกับการบำเพ็ญบารมี หรือจะดูที่เจตนาอย่างเดียวคะ ...

    (ข้อนี้ถ้าท่านเห็นว่าการตอบจะเป็นการล่อแหลมให้เกิดการเข้าใจผิดหรือจะเข้าข่ายมิจฉาทิฐธิใดๆก็ข้ามไปได้เลยค่ะ)
     
  20. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เมื่อสักพักเมื่อกี้ก่อนเข้ามาในกระทู้นี้ ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากท่านผู้มีบุญคุณให้ไปงานวันเกิดท่าน ในเย็นวันพรุ่งนี้ ดิฉันตอบปฎิเสธไปเพราะรู้ว่าต้องเจอกับคนๆหนึ่ง ซึ่งท่านผู้มีบุญคุณท่านถึงกับโมโหบอกว่าถ้าไม่ไปจะตัดขาดกันกับดิฉันอย่างเด็ดขาด ... งานนี้เลยต้องโทรไปอีกทีว่าจะไป ...

    (อภัยทาน....)

    บุคคลคนหนึ่งที่จะต้องเจอกันแน่ๆในงานวันเกิดท่านผู้มีคุณ บุคคลคนนี้นั้น เป็นคนในใกล้ชิดกันมาก่อน เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา และเป็นคนที่ "ทำลาย" เมืองหลวงของดิฉันให้แตกยับเยิน ชีวิตดิฉันเปลี่ยนไป เสมือนดิ่งลงนรกทั้งเป็น ... เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่ทำให้ดิฉันต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เดินทางไปหาหลวงปู่ หลวงตาที่ถ้ำ (นี่คือคุณความดีของเขา)...
    อนึ่ง ที่ดิฉันยังยืนยันจะต่อสู้ไม่ไปไหนกับชะตาชีวิตและจิตของตัวเอง เพราะคุณแม่ได้สั่งสอนในเรื่องของความกตัญญู มันเป็นเรื่องเดียวที่แม่สอนได้เข้าหัว เรื่องเดียวจริงๆ เพราะไม่เคยจำที่แม่สอนในเรื่องอื่นๆเลย ดื้อมากๆแม้แต่ทำแม่ร้องไห้ จนกระทั่งแม่เสียไป ไม่มีโอกาสใดๆอีกเลย ...
    สิ่งที่ปัญญานี้จะมีและคิดได้ คือเป็นคนรู้คุณคน แม้บางครั้งจะคิดเลว แต่ต้องทำดี เพื่อผลของบุญนี้ให้ตกแก่แม่ของดิฉัน . ... นั่นเป็นที่มาของลายเซ็น

    ดิฉันได้อโหสิกรรมแก่เขาต่อหน้าพระและแผ่เมตตาอุทิศผลบุญไปให้ หรือแม้แต่โทรไปชวนเขาทำบุญโลงศพด้วยกัน (โทรผ่านผู้มีคุณไม่ได้พูดกันตรงๆ)
    แต่เมื่อใดที่สติตามอารมณ์ไม่ทัน ดิฉันจะเกิดมโนจิตที่คิด ปะฉะดะ กับเขาไปทุกครั้ง กว่าจะรู้ตัวก็คิดไม่ดีต่อเขาทุกครั้งไป ต่อมาก็แผ่เมตตาให้เขาอีก ... เฮ้อออ ... และข้อนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า การทำความสงบนั้น มันแค่กด ทับ ข่ม กิเลสได้เท่านั้น มันไม่ได้หายขาดสักหน่อย เผลอเมื่อไหร่มาเมื่อนั้น

    ในเวลาที่ไม่ถึง 2 ปีนี้ รอยแผลมันยังไม่จาง ถึงจะรู้ตัวดีว่า ไม่ใช่เขาหรอกที่ทำเรา แต่เป็นกรรมที่เราทำไว้ต่างหาก

    พรุ่งนี้ดิฉันหลีกไม่ได้อีกแล้ว เพราะหลีกเลี่ยงมาตลอดปีกว่าๆนี้ ธรรมที่ได้ร่ำเรียนมา ดูสิว่าจะเอามาใช้ได้ดีแค่ไหน บอกสอนคนอื่นๆได้ ตัวเองเอาตัวรอดหรือเปล่า ..

    หน้าตากู ศักดิ์ศรีกู ตัวกู ของกู มันยังมีอยู่เต็มตัว หรือว่ามันหายไปบ้างแล้ว ...
    พรุ่งนี้เย็นคงจะได้รู้กัน

    ญาติธรรมทั้งหลายมีสิ่งใดจะชี้แนะ เชิญได้เลยค่ะ

    ก้อนหินก้อนหนึ่ง เราจะมองอีกด้านหนึ่งยังไงนะ...

    สนามทดสอบธรรม มันมีอยู่ทุกที่ทุกเวลา ... สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...