จิตว่าง อันเกี่ยวข้องกับการแพทย์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย telwada, 8 กันยายน 2007.

  1. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
     
  2. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    บัวมีหลายเหล่า ดังนั้นธรรมะจึงมีหลายระดับให้ผู้ศึกษา ได้ศึกษาตามสติกำลังของตน ธรรมะอย่างเดียวกัน กล่าวไปคนหนึ่งรู้แจ้ง แต่กล่าวกับอีกคนหารู้แจ้งไม่ ดังเช่น พระอัญญาโกทัญญะได้รับการเทศนาจาก พระสัมมาสัมพระพุทธะเจ้าด้วยความที่ว่า " สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับลงเป็นธรรมดา " ด้วยข้อความนี้จึงทำให้พระ อัญญาโกทัญญะบรรลุรู้แจ้งตรัสรู้

    ถามว่าถ้อยคำแค่นี้จะทำให้เราๆท่านๆรู้แจ้งได้หรือไม่? ดั้งนั้นผู้แสดงธรรมะที่รู้แจ้งเห็นจริง จึงจำแนกบุคคลในการแสดงธรรม ตามบัว๔เหล่า จำแนกตามจริตอุปนิสัยสั่งสมมา
     
  3. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    อนุโมทนากับลุงเทวดาด้วยครับ...ผมก็เคยทำการทดลอง MINDึ&BRAIN POWER ดังนั้นวิทยาศาสตร์และจิตศาสตร์สามารถมาบรรจบกันได้ครับผม...


    ความฉลาดของบุคคล

    พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกฉลาดมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์

    ปัจจุบันได้มีการเผยแพร่ความรู้เรื่องความฉลาดของบุคคลในแง่มุมต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้ปกครองสามารถค้นหาแววอัจฉริยะภาพของเด็กได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเฉพาะแต่ความสามารถใด ซึ่งในอดีตเรามักจะคุ้นเคยกับความฉลาดทางเชาว์นปัญญา ซึ่งเรียกว่าระดับ ไอคิว ( I.Q. )
    การวัดไอคิว เกิดขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ.๑๙๐๕ โดยนักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศสที่ต้องการแยกบุคคลปัญญาอ่อนออกจากคนปกติ เพื่อจะได้จัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม โดยใช้การเปรียบเทียบระหว่างความสามารถที่ควรจะเป็นกับอายุสมองแล้วคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์

    ปัจจุบัน การวัดไอคิวมักใช้แบบทดสอบของเวล์คเลอร์ ที่เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปีค.ศ.๑๙๓๐ โดยอาศัยงานวิจัยของนักวิชาการและนักการทหาร เป็นกลุ่มข้อทดสอบทั้งหมด ๑๑ กลุ่ม เป็นกลุ่มที่ต้องใช้ภาษาโต้ตอบ ๖ กลุ่ม ไม่ต้องใช้ภาษาโต้ตอบ ๕ กลุ่ม ดังนี้

    ๑. ข้อมูลทั่วไป เป็นคำถามเพื่อตรวจวัดความสนใจความรู้รอบตัว
    ๒. ความคิด ความเข้าใจ
    ๓. การคิดคำนวณ
    ๔. ความคิดที่เป็นนามธรรม โดยให้หาความเหมือน
    ๕. ความจำระยะสั้น โดยใช้การจำจากตัวเลข
    ๖. ภาษาในส่วนของการใช้คำ
    ๗. การต่อภาพในส่วนที่ขาดหายไป
    ๘. การจับคู่โครงสร้าง โดยดูจากรูปร่างหรือลวดลาย
    ๙. การเรียงลำดับภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ
    ๑๐. การต่อภาพเป็นรูป ด้วยการต่อจิ๊กซอว์
    ๑๑. การหาความสัมพันธ์ของตัวเลขและสัญลักษณ์

    โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) ศาสตราจารย์ทางการศึกษาแห่ง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้พัฒนาทฤษฎี ความฉลาดพหุมิติ (Multiple intelligence) ขึ้นเมื่อ ค.ศ.๑๙๘๓ ซึ่งนิยาม ความฉลาดนี้จะไม่จำกัด แค่เพียงความฉลาดทางเชาว์นปัญญา แต่เป็นความฉลาดที่หลากหลาย ๘ ด้านได้แก่

    ๑.ความสามารถด้านภาษาศาสตร์
    ๒.ความสามารถเชิงตรรก คณิตศาสตร์
    ๓.ความสามารถด้านภาพ
    ๔.ความสามารถเคลื่อนไหวร่างกาย
    ๕.ความสามารถด้านดนตรี
    ๖.ความสามารถด้านสังคม
    ๗.ความสามารถเข้าใจในตนเอง
    ๘.ความสามารถด้านธรรมชาติวิทยา

    การวัดอีคิว เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ไม่มีแบบมาตรฐานที่แน่นอน เป็นเพียงการประเมินเพื่อให้ผู้วัดมองเห็นความบกพร่องของความสามารถทางด้านอารมณ์ที่ต้องพัฒนาแก้ไข กรมสุขภาพจิตได้พัฒนาแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ โดยประเมินจากความสามารถด้านหลัก ๓ ด้านคือ ดี เก่ง สุข ซึ่งแยกเป็นด้านย่อยได้ ๙ ด้าน คือ

    ๑. การควบคุมตนเอง
    ๒. ความเห็นใจผู้อื่น
    ๓. ความรับผิดชอบ
    ๔. การมีแรงจูงใจ
    ๕. การตัดสินใจแก้ปัญหา
    ๖. สัมพันธภาพกับผู้อื่น
    ๗. ความภูมิใจในตนเอง
    ๘. ความพอใจในชีวิต
    ๙. ความสุขสงบทางใจ

    ในอดีตการวัดความฉลาดของเด็กโดยใช้แบบประเมิน ไอคิว เพียงอย่างเดียว หรือการทำข้อสอบ ซึ่งมักจะประเมินในลักษณะอ่านเขียนคำตอบทำให้เด็กที่มีปัญหาด้านภาษา มีโอกาสชีวิตน้อยกว่าคนอื่นเมื่อต้องสอบแข่งขันด้วยข้อสอบแบบเดียวกัน

    การวิจัยในปัจจุบันพบว่า พฤติกรรมของเด็กมีผลจากปัจจัยพันธุกรรมของเด็กที่ได้จากพ่อแม่ การเลี้ยงดูของผู้ปกครอง และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสารอาหารที่หล่อเลี้ยงเด็ก รวมถึงการดูแลตั้งแต่ในครรภ์ ของมารดา พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกดี เด่น ดัง เป็นที่พึ่งของตนเองและผู้อื่นได้ เรามักจะได้ยินคำว่า ไอคิว(IQ.) อีคิว( EQ.) เอคิว(AQ.) เอ็มคิว( MQ.) ซีคิว( CQ.) พีคิว( PQ.)
    เอสคิว ( SQ.) ถ้าเป็นไปได้พ่อแม่ก็อยากจะให้ทุก คิว(Q) ที่กล่าวถึงดีไปหมด

    IQ ย่อมาจาก Intelligence Quotient หมายถึง มาตรวัดปัญญา
    EQ ย่อมาจาก Emotional Quotient หมายถึง มาตรวัดความสามารถจัดการควบคุมอารมณ์
    AQ ย่อมาจาก Adversity Quotient หมายถึง มาตรวัดความสามารถในการควบคุมกำกับและเอาชนะปัญหาอุปสรรคได้
    MQ ย่อมาจาก Moral Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความมีคุณธรรมจริยธรรม ใน จิตใจ หรืออาจ ย่อมาจาก Motor Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความสามารถ ของการเคลื่อนไหวร่างกาย
    CQ ย่อมาจาก Creativity Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความคิดริเริ่ม หรือ ความคิดสร้างสรรค์
    PQ ย่อมาจาก Professional Quotient หรือ Play Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับความสนใจ ของเด็กที่จะเกาะติดกับ กิจกรรมที่มีประโยชน์ แล้วจะ พัฒนาให้ดีมากขึ้นจนถึงที่สุด
    SQ ย่อมาจาก Spiritual Quotient หมายถึง มาตรวัดระดับพัฒนาการ ทางจิตวิญญาณในอันที่จะ เป็นผู้นำรักสถาบัน รักประชาชน รักประเทศชาติ ทำประ โยชน์เพื่อส่วนรวม
    แต่ที่ดูจะมีความสำคัญอย่างมากและประชาชนให้ความสนใจได้แก่ ความฉลาดในด้าน ไอคิว(I.Q.) อีคิว ( E.Q. ) เอคิว (A.Q.)

    จะเห็นได้ว่าคิว(Q) ต่างๆของเด็กพัฒนาขึ้นได้ และความสามารถของเด็กที่จะพัฒนาขึ้น นอกจากขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว ที่สำคัญอีก 2 ประการ คือ สิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง และ สารอาหารที่เด็กได้รับ ซึ่งจะได้กล่าวในรายละเอียดต่อไป

    สิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดูของผู้ปกครองที่มีผลต่อพัฒนาการสมอง

    บลูม (Benjamin S.Bloom.1964) ได้รายงานการศึกษาพัฒนาการของเด็กแรกเกิด ถึง ๕ ปีซึ่งเป็นช่วงวัยที่สมองมีพัฒนาการถึง ๓ ใน ๔ ของการเติบโตและพัฒนาการของสมองทั้งหมด พบว่า ตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมมีผลต่อพัฒนาการด้านสติปัญญาอย่างมาก หากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีได้แก่เศรษฐานะดี พ่อแม่ผู้ปกครองมีเวลาใส่ใจดูแล จะทำให้ ระดับเชาว์นปัญญาของเด็กเหล่านี้ เหนือกว่า เด็กที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม ไม่ดีและมีความ ชะงักงันของพัฒนาการได้ถึง ๒๐ คะแนน ตามการวัดด้วยแบบประเมินไอคิว ไว้ท์(B.L.White.1975) ศึกษาพบว่าเด็กที่มีโอกาสได้รับสิ่งเร้าหรือประสบการณ์ที่ดีจะมีพัฒนาการทางสติปัญญาเร็วกว่าเด็กที่ขาดโอกาส

    ภาวะโภชนาการที่มีผลต่อพัฒนาการสมอง

    สารอาหารและภาวะที่มีผลต่อพัฒนาการสมอง และได้รับการวิจัยยืนยันในปัจจุบัน ได้แก่

    1.พบว่าภาวะทุโภชนาการระดับรุนแรง ทำให้ทารกในครรภ์ และ ทารกแรกคลอด มีการแบ่งตัวของเซลล์สมองน้อยลง และ น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ และส่งผลให้พัฒนาการ ของเด็กล่าช้า มีอาการสมองตอบสนองต่อสิ่งภายนอกลดลง ซึมหงอย ความตั้งใจน้อย ตอบสนองต่อสังคมภายนอกน้อย ร้องไห้บ่อยๆ เกาะติดผู้ดูแล ไม่ชอบเล่น ถดถอย ไม่สุงสิงกับใคร หากภาวะทุโภชนาการรุนแรงมากในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ จะส่งผลให้เด็กพิการทางสมอง แต่หากภาวะทุโภชนาการรุนแรงในช่วงท้าย ของการตั้งครรภ์ จะส่งผลให้เด็กเติบโตและพัฒนาการช้า


    2.การที่มารดาติดสารเสพติด เด็กทารกแรกเกิดจะมีอาการติดยา และ อยากยา หากมารดาดื่มสุรา ทารกอาจพิการแต่กำเนิด ตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้า แต่ต่อมากลับ ตอบสนองไวเกินไป ปัญหาพฤติกรรมและการรับรู้ของเด็กจะพบได้บ่อยกว่าปัญหา ทางร่างกาย หากมารดาสูบบุหรี่ ทารกแรกเกิดจะมีน้ำหนักตัวน้อย การควบคุมระบบ ประสาทอัตโนมัติ ทำได้ไม่เต็มที่ และ ระดับการได้ยินผิดปกติ มารดาที่ได้รับยาระหว่าง การคลอด พบว่าทารกแรกคลอดจะซึม และมี ปฏิสัมพันธ์ต่อ ภายนอกน้อยลงในช่วงแรก เขาอาจดูดนมน้อยลง ความสนใจมองลดลง ความตึงตัวของ กล้ามเนื้อลดลง เด็กบางคนอาจมีอาการถึง 4 วันแรกหลังคลอด

    3.สารอาหารบางชนิดมีผลต่อ พฤติกรรมของเด็กทารกแรกเกิด เช่น

    -เซโรโตนิน(Serotonin) ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีสารทริปโตแฟน(Tryptophan) ทำให้เด็กนอนหลับ ได้ดี และ เร็วขึ้น อารมณ์คงที่ และลดความไวต่อการเจ็บปวด

    -ธาตุเหล็ก และ ไอโอดีน มีผลต่อระดับปัญญาและการรับรู้

    -ซุปไก่สกัด มีการศึกษา พบว่ามีผลช่วยคลายความเครียด และคลายความเหนื่อยล้า ของสมอง ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย และ การใช้พลังงาน การฟื้นฟูระบบโลหิต ช่วยเพิ่มการสร้างและหลั่งน้ำนมหลังคลอด

    นอกจากนี้วิตามินต่างๆรวมทั้งกรดโฟลิค สังกะสี วิตามินบี และ กรดไขมัน โอเมก้า 3 และ 9 ที่พบมากในปลาทะเล สาหร่ายทะเล และ น้ำนมแม่ล้วนมีผลต่อการเสริมสร้างเซลล์สมอง

    ผลการทดสอบวิจัยโดย Joe Z. Tien พบว่า จากการปรุงแต่งพันธุกรรม ของหนู ทำให้หนูมีความจำดีขึ้น และ ฉลาดขึ้นในการแยกสีเอง ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาอธิบาย ปรากฏการณ์ในมนุษย์ และจะสามารถคิดค้นยาเพิ่มความจำในมนุษย์ได้ในโอกาสต่อไปนอกจากนี้อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์ในอนาคตอาจจะได้รับการปรุงแต่งทางพันธุกรรม และ มีความจำ เฉลียวฉลาดขึ้นไปอีก

    อย่างไรก็ตามความสำคัญของการเลี้ยงดูและการส่งเสริมพัฒนาการยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย โดยพบว่า เซลล์สมอง ซึ่งมีประมาณ แสนล้านเซลล์ หรือ 1011 เซลล์ มีอัตราการเจริญเติบโตจนน้ำหนักสมองได้ร้อยละ 80 ของสมองผู้ใหญ่เมื่ออายุ 3 ขวบปีแรก และที่สำคัญยังมีจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท ซึ่งมีมากถึง 10 3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กันยายน 2007
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ในเรื่องของบัว 4 เหล่านั้น ในทางพุทธศาสนาไม่ได้บอกไว้ว่า บุคคลเหล่านั้น ควรมีอาชีพ หรืออยุ่ในฐานะใดบ้าง เท่าที่ข้าพเจ้าประสบพบเห็น สังเกตมา ก็พบว่า

    บุคคลที่สอนได้ยาก จะมีอยู่ในทั้งที่มีฐานะ ร่ำรวย ทั้งมีมีฐานะยากจนสุดๆ และบุคคลที่ติดหลงในอบายมุขต่างๆเช่น สุรา ยาเสพติด รวมไปถึงความคิด และอื่นๆ บุคคลเหล่านั้นจะมีความเชื่อมั่นในตัวเอง และไม่สนใจในเรื่องของศาสนา เพราะศาสนา ไม่ได้ทำให้เขาเหล่านั้น มีกินมีใช้ ไม่ได้ทำให้เขาร่ำรวย อย่างนี้เป็นต้น
    ส่วนบุคคลที่สอนได้ง่ายจนถึงง่ายที่สุดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีฐานะปานกลาง ชาวไร่ชาวนา เพราะพวกเขาได้รับการปลูกฝังทางวัฒนธรรม จารึตประเพณี จึงทำให้เขาเหล่านั้น เป็นบุคคลที่สนใจและรักษาศาสนาไว้
    แต่ก็ไม่ใช่ข้อยุติว่า คนที่ร่ำรวย หรือมีฐานะยากจน จะเป็นผู้สอนยาก เสมอไป ที่เขียนไปข้างต้น เป็นเพียงได้ประสบพบเห็น และสังเกตมา ไม่ถือเป็นข้อยุติขอรับ

    ส่วนเรื่องที่คุณโลจิ นำมาเผยแพร่นั้น นับได้ว่าเป็นความรู้ที่ดี อย่างหนึ่งขอรับ
    แต่ในทางตรงกันข้าม ความรู้เหล่านั้น ไม่นับเข้าในวิปัสสนาขอรับ นี้ไม่ใช่เป็นการกล่าวคัดค้าน แต่เป็นเหตุที่ว่า การรู้จัก ไอคิว อีคิว เอคิว หรือการวัดอะไรต่างๆเหล่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดธรรมะใดใดเลยขอรับ อีกทั้งเป็นหลักวิชาการทางด้านการแพทย์ ที่เขาใช้วัดไอคิว หรือ ตรวจวัด ทางจิตแพทย์ หรือสำหรับเด็ก เป็นส่วนใหญ่
    การแพทย์บางอย่าง ก็นับเข้าในวิปัสสนาขอรับ แต่วิชาการแพทย์บางอย่าง ก็ไม่นับเข้าในวิปัสสนา อย่างเช่นการวัดไอคิว อย่างนี้เป็นต้นขอรับ
    ส่วนเรื่องอาหารนั้น ประชาชนคนส่วนใหญ่ มักจะรับประทานอาหาร ประเภท 5 มั่ว คือมั่วไม่รู้ว่าหมู่ไหนเป็นหมู่ไหน เพราะพวกเขาเหล่านั้น สนใจในการทำมาหากิน จะมีบ้างที่สนใจว่าต้องรับประทานให้ครบ 5 หมู่ แต่ที่แน่แน่ ส่วนใหญ่ รับประทานอาหารแบบ 5 มั่ว และตามกำลังทรัพย์ กำลังสมองสติปัญญา กำลังความรู้ ซึ่งทั้ง 3 กำลัง คือ กำลังทรัพย์ กำลังสมองสติปัญญา และกำลังความรู้ เป็นปัจจัยอันสำคัญยิ่งในการรับประทานอาหารของคนทั่วๆไปขอรับ
     
  5. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ในเรื่องของบัว 4 เหล่านั้น ในทางพุทธศาสนาไม่ได้บอกไว้ว่า บุคคลเหล่านั้น ควรมีอาชีพ หรืออยุ่ในฐานะใดบ้าง เท่าที่ข้าพเจ้าประสบพบเห็น สังเกตมา ก็พบว่า

    บุคคลที่สอนได้ยาก จะมีอยู่ในทั้งที่มีฐานะ ร่ำรวย ทั้งมีมีฐานะยากจนสุดๆ และบุคคลที่ติดหลงในอบายมุขต่างๆเช่น สุรา ยาเสพติด รวมไปถึงความคิด และอื่นๆ บุคคลเหล่านั้นจะมีความเชื่อมั่นในตัวเอง และไม่สนใจในเรื่องของศาสนา เพราะศาสนา ไม่ได้ทำให้เขาเหล่านั้น มีกินมีใช้ ไม่ได้ทำให้เขาร่ำรวย อย่างนี้เป็นต้น
    ส่วนบุคคลที่สอนได้ง่ายจนถึงง่ายที่สุดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีฐานะปานกลาง ชาวไร่ชาวนา เพราะพวกเขาได้รับการปลูกฝังทางวัฒนธรรม จารึตประเพณี จึงทำให้เขาเหล่านั้น เป็นบุคคลที่สนใจและรักษาศาสนาไว้
    แต่ก็ไม่ใช่ข้อยุติว่า คนที่ร่ำรวย หรือมีฐานะยากจน จะเป็นผู้สอนยาก เสมอไป ที่เขียนไปข้างต้น เป็นเพียงได้ประสบพบเห็น และสังเกตมา ไม่ถือเป็นข้อยุติขอรับ

    ส่วนเรื่องที่คุณโลจิ นำมาเผยแพร่นั้น นับได้ว่าเป็นความรู้ที่ดี อย่างหนึ่งขอรับ
    แต่ในทางตรงกันข้าม ความรู้เหล่านั้น ไม่นับเข้าในวิปัสสนาขอรับ นี้ไม่ใช่เป็นการกล่าวคัดค้าน แต่เป็นเหตุที่ว่า การรู้จัก ไอคิว อีคิว เอคิว หรือการวัดอะไรต่างๆเหล่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดธรรมะใดใดเลยขอรับ อีกทั้งเป็นหลักวิชาการทางด้านการแพทย์ ที่เขาใช้วัดไอคิว หรือ ตรวจวัด ทางจิตแพทย์ หรือสำหรับเด็ก เป็นส่วนใหญ่
    การแพทย์บางอย่าง ก็นับเข้าในวิปัสสนาขอรับ แต่วิชาการแพทย์บางอย่าง ก็ไม่นับเข้าในวิปัสสนา อย่างเช่นการวัดไอคิว อย่างนี้เป็นต้นขอรับ
    ส่วนเรื่องอาหารนั้น ประชาชนคนส่วนใหญ่ มักจะรับประทานอาหาร ประเภท 5 มั่ว คือมั่วไม่รู้ว่าหมู่ไหนเป็นหมู่ไหน เพราะพวกเขาเหล่านั้น สนใจในการทำมาหากิน จะมีบ้างที่สนใจว่าต้องรับประทานให้ครบ 5 หมู่ แต่ที่แน่แน่ ส่วนใหญ่ รับประทานอาหารแบบ 5 มั่ว และตามกำลังทรัพย์ กำลังสมองสติปัญญา กำลังความรู้ ซึ่งทั้ง 3 กำลัง คือ กำลังทรัพย์ กำลังสมองสติปัญญา และกำลังความรู้ เป็นปัจจัยอันสำคัญยิ่งในการรับประทานอาหารของคนทั่วๆไปขอรับ
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ที่ได้กล่าวไปถึงวิชาการทางการแพทย์ ว่าบางอย่าง ไม่นับเข้าในวิปัสสนานั้น ท่านทั้งหลายต้องทำความเข้าใจไว้ว่า
    มนุษย์ มีวิชาการ หลากหลาย ใครเรียนวิชาการด้านใด ก็ต้องสนใจที่จะเรียนรู้หลักวิชาการในด้านนั้นๆให้ละเอียดถ่องแท้มากที่สุดเท่าทึ่จะมากได้ หลักวิชาการในด้านใด ก็ย่อมเป็นญาณอันนับเข้าในวิปัสสนาในด้านนั้นๆ ในที่นี้หมายความว่า วิชาการอันหลากหลายนั้น จะมีประโยชน์ก็เฉพาะผู้ที่เล่าเรียนในสาขาวิชานั้นๆ แต่จะไม่มีประโยชน์ต่อผู้เล่าเรียนวิชาสาขาอื่นๆ แต่หลักวิชาการในหลายๆสาขา ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ และที่กล่าวว่า ย่อมเป็นญาณอันนับเข้าในวิปัสสนาเฉพาะด้าน ก็เพราะหลักวิชาการในสาขานั้นๆ ก็ย่อมทำให้ผู้ที่เล่าเรียนหลุดพ้นจากความทุกข์ พบกับความสุข สบายกายสบายใจ ได้ ในระดับหนึ่ง
    เมื่อข้าพเจ้ากล่าวว่า หลักวิชาการบางอย่าง ไม่นับเข้าเป็นญาณในวิปัสสนา เพราะ จะมีญาณอันนับเข้าในวิปัสสนาอันเป็นหลักการใหญ่ที่จะครอบคลุมทุกสาขาวิชาอยู่แล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะ บุคคลย่อมไม่สามารถเรียนรู้ได้ทุกหลักวิชาการในทุกสาขาวิชา
    ส่วนหลักวิชาการที่เป็นหลักใหญ่ครอบคลุมทุกสาขาวิชา ก็หาอ่านได้ในเวบฯนี้ขอรับ
     
  7. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ส่วนสำหรับผู้ที่สนใจในอภิญญาชั้นพื้นฐาน เช่น การพูดกันทางกระแสจิต รู้จิตผู้อื่น หรือได้ยินความคิดของผู้อื่น ก็ต้องรู้จักวิธีการทำให้เกิดจิตว่าง และฝึกฝนสมาธิ ก็จะสามารถเกิดอภิญญาชั้นพื้นฐานได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบอกก่อนว่า การพูดกันทางกระแสจิต หรือการส่งกระแสจิตนั้น มนุษย์ และสัตว์บางชนิด เช่นสุนัข สามารถทำได้และทำอยู่เป็นนิจ อยู่แล้ว แต่ต้องอาศัยปัจจัยประกอบเช่น สมาธิ จิตว่าง และ รู้จักควบคุมความคิดมิให้ฟุ้งซ่าน เพราะการส่งกระแสจิต หรือการพูดกันทางกระแสจิตนั้น ถ้าไม่มีสมาธิ จิตไม่ว่าง ไม่รู้จักควบคุมความคิด ก็จะกลายเป็นคิดเอาเอง ขอรับ
     
  8. nutman

    nutman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +259
    ผมว่านะ คุณ เทวดา ควรเข้าใจ คำว่า "จิต" และ "ใจ" ก่อน อย่างที่ผมถามในกระทู้

    ถ้าคุณจะ สร้าง ศาสนาใหม่ หรือประกาศ ศาสนา ผมแนะนำ อย่าเอาคำที่ใช้ใน ศาสนา อื่นมาตีความใหม่ เนื่องจาก คำแต่ละคำมันมีความหมายของมัน คนที่ใช้คำๆนั้นอยู่ จะงง

    คุณ ควรจะหา คำใหม่ ที่ไม่ตรงกับคำเดิม ครับ
     
  9. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ตอบ...
    ตัวคุณนั้นยังไม่มีความเข้าใจในภาษาไทยดีพอ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้อวดว่าตัวเองมีความเข้าใจในภาษาไทยมากกว่าผู้อื่น ข้าพเจ้าก็เข้าใจภาษาตามที่ได้ เล่าเรียนจากครูบาอาจารย์ จากตำราต่างๆ นับไม่ถ้วน
    จะตอบคุณอีกครั้งเรื่องของ จิต และใจ

    คำว่า "จิต" คำเดียว ไม่ได้มีความหายถึง วิญญาณ
    แต่คำว่า "จิต" ก็คือ "ใจ" ทั้งสองอย่างเป็นสิ่งเดียวกัน คุณต้องทำความเข้าใจอย่างหนึ่งว่า คุณอย่าเข้าใจเอาเอง หรือเข้าใจไปเอง คุณต้องอิงจากหลักการทางธรรมชาติ ที่สามารถพิสูจน์ได้ และหลักการอันที่เขาได้พิสูจน์แล้ว หรือเป็นที่ยอมรับในศัพท์ภาษานั่นแล้ว เช่น

    คำว่า "จิต" หมายถึง ธรรมชาติที่รู้อารมณ์, สภาพที่นึกคิด, ความคิด, ใจ; ตามหลักฝ่ายอภิธรรม จำแนกจิตเป็น ๘๙ (หรือพิสดารเป็น ๑๒๑) แบ่ง โดยชาติ เป็นอกุศลจิต ๑๒ กุศลจิต ๒๑ (พิสดารเป็น ๓๗) วิปากจิต ๓๖ (๕๒) และ กิริยาจิต ๒๐; แบ่ง โดยภูมิ เป็นกามาวจรจิต ๕๔ รูปาวจรจิต ๑๕ อรูปาวจรจิต ๑๒ และโลกุตตรจิต ๘ (พิสดารเป็น ๔๐)
    (พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎก ป.อ.ปยุตฺโต )

    ส่วนที่คุณกล่าวมาว่า "จิต" คือ "วิญญาณ" นั้นไม่ถูกต้อง เพราะเป็นคนละศัพท์ และเป็นคนละความหมายกัน เพราะวิญญาณในทางพุทธศาสนา มีความหมายว่า

    "วิญญาณ" หมายถึง ความรู้แจ้งอารมณ์,ความรู้ที่เกิดขึ้นเมื่ออายตนะภายในและอายตนะภายนอกกระทบกัน เช่น รูปอารมณ์ในเวลาเมื่อรูปมากระทบตา เป็นต้น ได้แก่ การเห็น การได้ยินเป็นอาทิ; วิญญาณ ๖ คือ ๑.จักขุวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางตา(เห็น) ๒.โสตวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางหู (ได้ยิน) ๓.ฆานวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางจมูก(ได้กลิ่น) ๔.ชิวหาวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางลิ้น(รู้รส) ๕.กายวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางกาย (รู้สิ่งต้องกาย) ๖.มโนวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางใจ (รู้เรื่องในใจ)
    (พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฏก)

    เนื่องจากความหมายใกล้เคียงกัน ความนิยมในการเขียนจึงเขียนว่า
    "จิตวิญญาณ " เพราะทั้งสองอย่างจะเกี่ยวเนื่องกัน

    จิต คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ นี้เอาความหมายตามพจนานุกรม ที่เขาแปลมาจากพระไตรปิฏกนะขอรับ
    แต่
    วิญญาณ คือ ความรู้แจ้งในอารมณ์ คนละความหมายขอรับ

    แต่ในทางที่เป็นจริงตามหลักการทางการแพทย์ หรือระบบของสรีระร่างกายนั้น
    จิต คือ ส่วนที่เล็กที่สุดของอวัยวะต่างๆ หากรวมตัวกันก็จะเป็นอวัยวะต่างๆเช่น หัวใจ ปอด ฯลฯ

    ดังนั้น จิต ก็คือ ใจ เพราะเป็นศัพท์ ภาษาพูด คือ เขามักพูดกันว่า "มันแล้วแต่ใจ" ซึ่งแท้ที่จริงแล้วในการกระทำใดใดหรือพฤติกรรมใดใดของมนุษย์ ล้วนย่อมขึ้นอยู่กับ อวัยวะต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก อวัยวะต่างๆทั้งภายในภายนอก หากแยกแยะให้เล็กลงไป เขาเรียกว่าดวงจิต หรือจิต ฉะนี้
     
  10. ก้านคอคลับ

    ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    มาขำหนูสีอานว่ะ
    ลอกเขามาทั้งน้านนนนน


    โอ้ นึกได้ละ ไอ้หนูสีอานปัญญาทราม
    ช่วยให้ความกระจ่างแจ้งด้วย ว่านิวเคลียสที่เอ็งบอกว่ามีใจอยู่ในกายละเอียดนั่นน่ะ มีในต้นไม้นั่นน่ะ
    อธิบายด้วยว่า ในเซลล์ผิวหนังก็มีนิวเคลียส ในเส้นผมก็มีนิวเคลียส
    แล้วในเซลล์ผิวหนังมีใจอยู่ไหม่ ในเส้นผมมีใจอยู่ำไหม
    เคยได้ยินผิวหนังคิด หรือใช้ผิวหนังคิด ได้ไหม

    ตอบมา ถามมาหลายกระทู้แล้ว
    ตอบไม่ได้ก็ยอมรับมาว่า มั่ว

    อ่ะจ๊ากกกกก.....หนูเนี่ย คือพระสีอานน๊าาาาา.....ต้องเชื่อหนูน๊าาาา.....ว๊าก ว๊าก ว๊าก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  11. nutman

    nutman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +259
    ขอโทษนะครับ คุณ เทวดา

    กระทู้ที่ผม อ้างอิง เรื่อง
    จิต คือ จิตวิญญาณ นั้น

    มาจาก คำพูดของคุณเอง

    คำตอบที่ 46 ของกระทู้ ประกาศชี้แจง เรื่องหลักธรรมะ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=97670&page=3

    จากคำตอบที่ #11 ของคุณในกระทู้นี้ ก็เป็นการตอกย้ำคำตอบที่ 10 ของผม ว่าคุณยังไม่เข้าใจ คำว่าจิต และใจ อย่างแน่นอน
    โปรดพิจารณา ครับ

    ^_^
     
  12. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ตอบ,,,,
    คุณถามว่าอะไรนะในตอนนั้น "จิตดวงแรกเกิดขึ้นได้อย่างไร" ใช่ไหม ถ้าใช่ก็จบละนะ

    อนึ่ง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่คุณกล่าวว่า ถ้าข้าพเจ้าจะตั้งศาสนาใหม่ก็ไม่ควรเอาศัพท์ภาษาในศาสนาที่มีอยู่เดิมมาแต่ความใหม่

    อันนี้เป็นความเข้าใจผิดของคุณอย่างมากเลยทีเดียว ภาษาที่เกิดจากการบัญญัติขึ้นของสังคม ผู้ใดจะเอามาใช้ก็ได้ หากศัพท์ภาษานั้น ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ เช่น หัวใจ จิตใจ หรือวิญญาณ

    คุณไม่รู้ดอกนะว่าวิญญาณแท้จริงเป็นอย่างไร แล้วพวกคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า จิต หรือใจ ก็คือสิ่งสิ่งเดียวกัน
    ขออภัย ข้าพเจ้าเคยบอกแล้วว่าเรื่องของ จิตหรือใจ ที่คุณถามมานั้น จะรู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจำไม่ค่อยได้
    เอาเรื่องอื่นดีกว่านะ เอาที่จะทำให้คุณมีความรู้มีความเข้าใจ ในอันที่จะทำให้คุณบรรลุธรรมได้ ถ้าข้าพเจ้าตอบได้ ก็จะตอบให้คุณ (ความจริงแล้วตอบได้ทุกอันและ แต่จะตอบหรือไม่ตอบเท่านั้นแหละ)
     
  13. ก้านคอคลับ

    ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    มั่วจริงๆ telwadaพะสีอาน
    มาดูนี่นะ มาดูความมั่วของการตอบเรื่อง จิต ใจ

    ที่กระทู้ "ประกาศชีแจงเรื่องหลักธรรมะ" http://palungjit.org/showthread.php?t=97670&page=3

    แต่ที่กระทู้นี้ คคห.#11 หนูสีอานว่า


    สรุป เมื่อวันที่ 1 พย. หนูสีอานว่า
    จิต หมายถึง วิญญาณ ---- ใจ หมายถึง หัวใจ
    แต่เมื่อ วันนี้ หนูสีอานว่า
    จิต ไม่ได้มีความหมายถึง วิญญาณ ----- จิตก็คือใจ ทั้งสองอย่างเป็นสิ่งเดียวกัน

    ตกลงว่า จิตหมายถึงวิญญาณ หรือ ไม่ได้หมายถึงวิญญาณกันแน่
    ตกลงว่า ใจหมายถึงหัวใจ หรือ จิตก็คือใจ กันแน่
    มั่วไปหมด

    จะเห็นได้ว่า เมื่อเวลาผ่านไป เนื้อหาก็เปลี่ยนไป
    เราจะหาสาระอะไรกับคนอย่างนี้ ที่มักบิดเบือนเรื่องต่างๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปในหลายเรื่อง

    ดูเอาเถอะ ดูเอาเถอะ ดูเอาเถอะ


    .......หนูคือพะสีอาน พะสีอานจิงๆ เชื่อหนูดิ่.....ถ้าไม่เชื่อ หนูจะฆ่าให้หมดโลกเลย......ฮือๆๆๆๆๆๆ
     
  14. ก้านคอคลับ

    ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    และหลังจากที่คุณ nutman ได้ทวงถามไปใน คคห.#10
    ต่อมา telwadaพะสีอาน ก็เลยเฉไฉไปใน คคห.#11 ว่า
    เลยขอแทรกความเห็นลงไปเป็นระยะๆ ในข้อความอ้างอิง
    ตรงที่เป็นตัวหนังสือสีฟ้าในวงเล็บนั่นแหล่ะ
    จะได้เห็นกันจะๆ เสียที
    ว่าคนผู้นี้ กลับกลอก ปลิ้นปล้อน กะล่อน แตหลอ ขนาดไหน
    อีกทั้งชอบวางก้าม อวดเบ่ง ยกตนข่มท่าน ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรจะให้อวด

    น่าสมเพชจริงๆ telwadaพะสีอาน


    อ่ะจะจะจะจะจ๊ากกกก.....ตูคือพะสีอานเฟ้ย ใครไม่เชื่อตู จะบั่นคอมันให้หมดโลกเลย....แง่งงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  15. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    จะให้ความหมายอย่างไรก็ได้ เพียงผู้อ่าน อ่านแล้วใช้วิจารณญาณ ใช้สมอง ใช้ความคิด ความเข้าใจก็เกิดขึ้น

    มันขึ้นอยู่กับ จุดมุ่งหมายว่า ในเรื่องนั้นๆเราจะให้จิตมีความหมายว่าอย่างไร จะให้ใจมีความหมายว่าอย่างไร ถ้าจะกล่าวอีกรูปแบบหนึ่ง ก็คือ รู้จักใช้ให้ถูกกับสถานะการณ์
    ใครเขาจะอย่างเอ็งละ

    ไอ้ควาย(ก็สัตว์ชนิดหนึ่งละนะ) ก้านคอคลับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  16. ก้านคอคลับ

    ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    ชัดเจนมากจริงๆ หนูสีอาน



    ว้ากๆๆๆๆๆๆ....พะสีอานเฟ้ย รูจักป่ะ พะสีอาน...ใครไม่รู้จักตู โง่ตายเลย......ว้ากๆๆๆๆๆๆ
     
  17. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ไอ้ควายทรพี ก้านคอคลับ ไอ้เนรคุณ อย่างเอ็งนะ จะรู้อะไร โง่แล้วอวดฉลาด
    ข้าพเจ้าไม่สนใจดอกวะ มันจะจิตหรือจะใจ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ทำข้อสอบหรือไปสอบเข้าที่ไหน จะรู้ทำหอกอะไร
    เอ็งได้แต่เพ้อเจ้อ ทำเป็นอวดเก่ง ว่าตอบโต้ได้ เอ็งรู้ไหมว่า อย่างเอ็งนะ สุนัขยังดีกว่าเอ็งด้วยซ้ำไป
    ไอ้สมองหมา ปัญญาควาย (สัตว์สองตัวเชียวนะเอ็ง)
     
  18. ก้านคอคลับ

    ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    นี่แหล่ะหนา สติปัญญาของหนูสีอาน ที่คิดได้เพียงแค่ว่า การอธิบายก็แค่เพียงการสอบเข้า
    คิดได้แค่นี้
    คิดมากเกินนี้ไม่ได้
    คิดมากแล้วเดี๋ยวบ้า เดี๋ยวบ้า เดี๋ยวบ้าาาาาาาา

    เรื่องพื้นฐาน แค่เรื่อง จิต เรื่อง ใจ ยังตอบไม่ได้
    ทั้งๆ ที่เรื่องของพระศาสนา เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับใจทั้งนั้น หนูกลับไม่เห็นความสำคัญว่าใจคืออะไร อธิบายไม่ได้ อธิบายมั่ว
    นี่แหล่ะ หลักธรรมพะสีอานล่ะ


    ว้ากๆๆๆๆๆ....พะสีอานเฟ้น พะสีอาน.....ถ้าไม่เชื่อว่าตูคือพะสีอาน ตูจะบ้าให้ดู ......ว้ากๆๆๆๆๆๆๆ
     
  19. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817


    ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    ข้าพเจ้าตอบเอ็งไป แล้วได้อะไรวะ เก็บไว้ใช้คนเดียวดีกว่า อย่างเอ็งมันก็เหมือนเดิม ไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง โง่แล้วยังอวดฉลาด
    เอ็งจะรู้ไปทำไม ตอบให้แล้ว ก็ดันทำให้สับสน เอ็งกลับไปอ่านดูเถอะว่า ข้าพเจ้าตอบให้แล้ว เอ็งอ่านแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ไปศึกษาที่อื่นอีกซิวะ
    ไอ้ควายโง่ ก้านคอคลับเอ๊ย
     
  20. ก้านคอคลับ

    ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    .....หนูคือสีอานฮ่ะ หนูคือสีอาน ใครไม่เชื่อหนู เดี๊ยะ โดน.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...