อยากบวชภิกษุณีนี้ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 18 มิถุนายน 2013.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อยากทราบชื่อวัดที่มีการเปิดให้บวชภิกษุณีในต่างประเทศ อย่าง ศรีลังกา เนปาล หรือ อินเดีย นะคะ
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    การบวชเป็นทางลัดจริงเหรอ ท่านมิตซูโอะยังสึกเลย!

    ครูบาอาจารย์ ของหลวงพี่เคยทัดทานผู้ชายคนนึงที่ in กับการปฏิบัติมากจนอยากบวช ท่านบอกว่าสังคมของพระก็เป็นโลกอีกใบหนึ่งเช่นกัน ไปปฏิบัติให้มีภูมิคุ้มกันมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยบวช แสดงว่าการบวชนั้นดีแน่ แต่พื้นฐานการปฏิบัติก็สำคัญ หลวงพี่สังเกตว่าคนที่ไม่มีพื้นฐานในการภาวนามักวาดภาพสังคมวัดไว้เหนือโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อเจอปัญหาก็ไม่มองว่าตนอ่อนหัด ไม่ใช้การภาวนามาสร้างปัญญาจากปัญหา ตั้งแต่บวชมาสิ่งที่ยึนยันว่าการบวชเป็นทางลัดอย่างเป็นรูปธรรมโดยยังไม่ต้องยกเรื่องของการภาวนา(งานหลัก)มาพูดเลยก็คือ มีการทำบุญ ทำทาน ประกอบเป็นสิ่งแวดล้อมให้เห็นทุกวัน บางทีเห็นตอนโยมเข้ามาหน้าหมอง แต่กลับไปด้วยหน้าชื่น อยู่ในโลกไม่มีสื่งแวดล้อมกุศลให้ได้เห็นหล่อเลี้ยงใจได้บ่อยเท่านี้ ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ที่พระวินัย เพื่อความเป็นอยู่ร่วมกันของพระเณร ที่เป็นทั้งบทเรียนและข้อสอบความก้าวหน้าของการปฏิบัติเพื่อวางตัวตนจริงๆ อันนี้ก็ไม่มีในโลกภายนอก ถ้าไม่มีพื้นฐานการภาวนามาก่อนส่วนใหญ่สอบตกตอนนี้แหละ ถ้าผ่าน ความก้าวหน้าในการภาวนาก็เกิดตรงนี้แหละ มีหลายคนคิดว่าบวชแล้วจะอยู่วิเวกดีกว่า หลวงพี่อยากให้ข้อสังเกตว่าพระวินัยของภิกษุณีไม่สนับสนุนให้แยกไปอยู่แต่ผู้เดียวเหมือนภิกษุ แสดงว่าพระพุทธเจ้าต้องบัญญัติสิ่งที่เหมาะแล้วสำหรับเพศหญิง คือให้มีความปลอดภัยและก้าวหน้าโดยอยู่กับหมู่กับพวกแต่ไม่คลุกคลีตั้งแก๊ง หลังจากบวชหลวงพี่อยู่กับวัดพระภิกษุมาสองสามแห่งรู้สึกอิสระ แต่ไม่มีหมู่พวกเลย นานๆทีก็ โหวงเหวงๆ แล้วมาอยู่วิเวกสองปี รู้สึกได้ภาวนาเต็มที่ พอมาอยู่ในสังคมสังฆะก็เหมือนขึ้นเวทีชกแถมถูกรุมอีก ป้อแป้เลย แต่ด้วยพื้นฐานการภาวนานี่แหละ เราก็รีบซ้อมชกอย่างจริงจัง แล้วมีเวทีให้ขึ้นชกจริงอย่างน้อยเดือนละครั้ง สอบผ่าน การเจริญสติและเดินปัญญาก้าวหน้าขึ้นทุกทีเลย ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณพระเณรที่อยู่ร่วมกันด้วยปัญหาทั่วๆไป ขอบคุณพระวินัยที่พระพุทธเจ้ากรุณาวางไว้ให้ และขอบคุณครูบาอาจารย์กรรมฐานทั้งหลายของหลวงพี่
    ยังไงก็ตามเราก็รู้อยู่ในใจลึกๆว่าผ้าเหลืองที่เป็นสมมุตินี้เราก็วางได้ ถ้ามีเหตุปัจจัยให้ต้องสละเสีย ถ้าความเป็นพระแท้มันเกิดในใจแล้ว

    ที่มา : https://www.facebook.com/Vijjaram/posts/537306952973288
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ที่ดิฉันคิดอยากจะบวชก็เพราะมาเล็งเห็นว่า ไม่ชอบวิถีชีวิตทางโลก ความจริงก็รู้สึกมาตั้งนานแลวว่า ทำไมเราไม่เหมือนคนอื่น ไม่สามารถจะทำหลายๆสิ่งที่ คนที่เป็นฆารวาสคนทั่วไปทำได้ บางเรื่องไม่ใช่เรื่องเสียหายด้วย แต่เรากลับทำไม่ได้ รู้สึกทุกอย่างที่คนทั่วไปทำเป็นสิ่งที่เรากลับรู้สึกว่าไม่ดี ไม่ควรทำ ยิ่งมาหนักเข้าๆ คนบางคนในครอบครัวก็พูดจาแกมเยอะเย้อ ถึงความล้มเหลวของเราเพราะว่าเราไม่สามารถประพฤติตัวแบบเขาได้ ทั้งที่คนธรรมดาๆที่เดินบนทางโลก ปฏิบัติสิ่งไม่ดีต่างๆได้อย่างเป็นเรื่องปกติ บางคนคิดว่าการกระทำเลว การเห็นแก่เงิน การทำผิดศีลธรรมเพื่อเงิน เพื่อความสบายเป็นเรื่องธรรมดาด้วยซ้ำ ดิฉันไม่รู้ข้อบังคับ หรือภิกษุณี หรือ สงฆ์ว่ามีอะไรบ้าง แต่ดิฉันเชื่อว่าสันดารจากก้นบึ้งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ เราทำเป็นนิสัยมากกว่าศีล ห้า คะ เลยมาคิดว่าตัวเองอาจจะไม่เหมาะที่จะเดินทางโลก เพราะเราทำอะไรหลายอย่างที่เป็นฆารวาสทั่วไปทำไม่ได้ เลยคิดว่าถ้าได้บวชไปอยู่ในกลุ่มกัลยาณมิตร เหมือนๆกัน ชีวิตคงมีความสุขมากกว่านี้ โดยเฉพาะเหตุถึงอยากบวชที่ประเทศทุรกันดารที่ไม่ใช่เมืองไทย เพราะยิ่งห่างไกลจากวัตถุมากเท่าไรก็ไม่สามารถมีจิตใจตกต่ำหรือเศร้ามองได้เท่านั้น วันนี้อาจจะยังไม่ได้บวชแต่วันหน้าคงได้บวช......... ดิฉันว่าการเป็นฆารวาสนั้นยากต่อการจะปฏิบัติให้เป็นอรหันต์ เพื่อไปนิพพานในชาตินี้ ดิฉันก็หวังว่าจะสามารถพัฒนาสมาธิไปในระดับที่สามารถเป็นอรหันต์ได้โดยที่ไม่ต้องบวชคะ แต่คิดว่าคงทำได้ยากถ้าไม่ได้อยู่ท้ามกลางกัลยาณมิตรขอบคุณท่านอินทรบุตร ที่ช่วยแนะนำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2013
  5. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ถ้าคิดอย่างนี้อย่าบวชเลยครับ
    วัดก็มีเรื่องวุ่นวายแบบวัดครับ
     
  6. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    เอาเลย..ลุยเลยครับ..โกนหัวใบมีดแรก

    อธิฐานเลยครับ..จะไม่หันหลังกลับ..ขออนุโมทนาครับ.
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตอนนี้ถ้าทำเรื่องที่กำลังทำอยู่สำเร็จก็จะไปบวชแน่คะ แต่ที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้เพื่อที่จะทำให้ตนเองไปอยู่ในจุดนั้นง่ายขึ้น เพราะถ้าท่านเคยอ่านๆเรื่องดิฉันเคยเขียนไว้เกี่ยวกับชีวิตตัวเองจะรู้มันหนักขนาดที่ว่า เราคงหันกลับทางโลกไม่ได้อย่างอีกแล้ว ให้ได้แค่ระดับสุขวิปัสสโกก็ยังดี ;k04
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2013
  8. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อย่าคาดหวังว่าวัดในยุคปัจจุบัน จะเป็นสวรรค์สำหรับนักปฏิบัติขนาดนั้น

    ผู้ที่บวชเข้าไปเป็นสมมติสงฆ์ ที่ยังละกิเลสไม่ได้ มีอยู่มากมาย
    บางคนบวชเข้าไปเป็นสมมติสงฆ์ เพราะไม่มีความรู้ หางานไม่ได้ อยู่เป็นฆราวาสแล้วไม่มีข้าวกิน

    บวชเข้าไปเป็นสมมติสงฆ์แล้ว ก็ยังประพฤติตัวไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมสักเท่าไหร่

    หากสมัยเป็นฆราวาสนิสัยไม่ดี บวชไปเป็นพระก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย กลุ่มพวกนี้ มีที่ไปแน่นอนคือ อบาย

    ดังนั้น ต้องพิจารณาให้ดี

    บุคคลผู้ยังไม่รู้ จะมองออกไปภายนอก จะเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อให้ตรงตามใจของตนเอง
    ผู้รู้แล้ว จะไม่วุ่นวายกับภายนอกมากเกินไป สิ่งใดเปลี่ยนได้โดยไม่ลำบาก ก็เปลี่ยน สิ่งใดเปลี่ยนไม่ได้ เพราะเป็นธรรมชาติของโลก ก็ไม่ต้องเปลี่ยน แต่จะหันกลับมามองภายในใจ แก้ไขภายในใจของตนเอง

    เปรียบเทียบแนวอุปมา(อย่าไปวิเคราะห์เป็นวิทยาศาสตร์) เคยเห็นน้ำกลิ้งบนใบบัวไหม?

    หยดน้ำ มันเคยเลือกไหม ว่า ใบบัวต้องสีนั้นสีนี้ ต้องใบใหญ่ใบเล็ก ต้องเรียบเสมอกันไม่มีรอยช้ำ?

    อย่าทำตัวเป็นหยดน้ำเลือกใบบัว

    แต่จงหาปัญญาให้เจอ ว่าทำอย่างไร จึงจะเป็นหยดน้ำ ที่อยู่บนใบบัวใบไหนก็ได้ โดยไม่ขัดข้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2013
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    เคยรักษาศีล ๘ ได้บริสุทธิ์ตลอด ๑ เดือนหรือยังครับ

    ถ้าทำได้ ก็เหมาะสมที่จะไปทางธรรมเต็มตัว



    ส่วนสถานที่บวช ลองสอบถามท่านนี้ครับ


    http://palungjit.org/members/สามเณรีธัมมทีปา.61408/


    .
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    1.ปาณาติปาตา เวรมณี คือ เว้นจากการฆ่า เว้นจากการใช้ให้ฆ่าผู้อื่น
    2.อทินนาทานา เวรมณี คือ เว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้ คือ จากการขโมย
    3.อพฺรหฺมจริยา เวรมณี คือ เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือการร่วมประเวณี
    4.มุสาวามา เวรมณี คือ เว้นจากการพูดเท็จ พูดอะไรที่ไม่ตรงกับความจริง
    5.สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี คือ เว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาืท และเว้นจากสิ่งเสพติดให้โทษทั้งหลาย
    6.วิกาลโภชนา เวรมณี คือ เว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล คือ เมื่อพระอาทิตย์ตกแล้ว จะไม่มีการกินอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นสามารถที่จะดื่มน้ำได้เพียงอย่างเดียง
    7.นัจจคีตวาทิตวิสูกทัสสนะ มาลาคันธวิเลปนธารณมัณฑนวิภูสนัฏฐานา เวรมณี คือ เว้นจากการขับร้อง การฟ้อนรำ และดูการละเล่น เว้นเสียจากการประดับตกแต่งกายด้วยดอกไม้หอม
    8.อุจจาสยนมหาสยนา เวรมณี


    ข้อที่ยังไม่เคยทำคือข้อ เจ็ด คะ แต่คิดว่าทำได้ ทุกวันนี้ก็ยังฟังเพลงอยู่ แต่ถามว่าให้หยุดฟังได้ไหม ก็ต้องลองดูคะ คงแบบอารมย์เงียบๆ อย่างเดียวเหมือนเวลานั่งสมาธิ
     
  11. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479


    เฮียปอ แนะนำดี เสริมว่าถ้าทำแล้วใจมันดิ้นมาก ต้อง ทน แนะนำว่าอย่าไป ไปบวชชี ดีเสียกว่า
    แต่ว่า เดือนเดียวจะน้อยไปไหม สักครึ่งปีก่อนดีกว่า
     
  12. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    โห...จะละอย่างเดียวของแถมก็ไม่สน

    สงสัยจะเกิความเบื่ออย่างแรงกล้า..เอาโมทนาครับ.
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814




    :cool:เอาแค่ ศิล ๘ ก็พอแล้ว อย่าไปคิดไกลถึง พระภิกษุณีเลย แค่ศิล ๒๒๗ ของพระภิกษุ นี่ ก็รักษายากแล้ว ภิกษุณี ในไทย มันหมดไปนานแล้วครับ ศิล ๘ ถ้าคุณรักษา เมื่อได้ และอยู่ได้ คุณก็ทำให้เจริญยิ่งๆขึ้น ทำให้ได้มรรค ผล ได้ และที่กันดารๆ มันยังมีอีกเยอะ ในไทยน่ะครับ ที่สงบก็เยอะแยะ ถ้าคุณฝึกจิต ของคุณได้ จะอยู่ที่ไหน ก็ไม่จำเป็น มันมีความสุข ทุกเมื่อ ที่คุณอยู่ ถ้าคุณทำไม่ได้ ต่อให้คุณ ไปอยู่ บนยอดเขา มันก็ไม่มีความหมาย ผมเห็นมาเยอะ อยากบวช ตลอดชีวิต แค่บวชมาไม่ถึงเดือน ก้ทนไม่ได้แล้ว มีอะไรบริจาคหมด จะแหก พรรษาด้วยซ้ำไปครับ


    ค่อยคิดๆ ค่อยๆทำ เดี๋ยวมันก็ เริ่มสงบ ไปเองทีละนิด สะสมทุกวัน เดี๋ยวมันก็ถึงเอง ทุกอย่างมันอาจไม่เหมือนที่คุณ คิดก็ได้นะครับ ผมทำแบบที่คุณว่ามาหลายครั้งหลายวาระ มันยังไม่ได้อะไรเลย แต่ว่า ใจมันเริ่มเบาลง แต่ก่อนเยอะครับ นั่นแหละ เอาแบบคุณ เฮียปอแก ว่าไปก่อน ทำได้ ค่อยเขยิบ ไปเรื่อยๆ หาที่อยู่ ในถ้ำ ในหุบเหวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแบบที่คุณว่าเลย ไปทีละขั้น จะสวยกว่า กระไปไกล ขนาดนั้น ครับด้วยความหวังดี เอาใจช่วยครับ
     
  14. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    โมทนาสาธุการกับเจตนาครับ.......
    แต่การปฏิบัติที่ถูกต้องเป็นประเด็นที่สำคัญกว่านะครับ ในสมัยพระพุทธกาลมีการปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะบวชหรือไม่ก็มีการสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลได้ในระดับใดระดับหนึ่ง
    ลองปฏิบัติให้ถึงระดับโสดาบันก่อนจะดีกว่าไหมครับ เพราะเพียงแต่บวชชีถือศีลแปด ซึ่งสำนักของแม่ชีก็มีอยู่ หรือวัดปฏิบัติในบ้านเราหลายวัดก็มีแม่ชีจำวัดและปฏิบัติกันก็มีอยู่แยะ หากว่าสามารถบรรลุระดับพระโสดาบันได้แล้วก็ค่อยว่ากันใหม่ ก็คงไม่สายครับ ผมสนับสนุนหลายท่านที่เสนอให้คุณถือศีลแปด
    อย่าคิดว่าระดับโสดาบันจะง่ายนะครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
  15. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    จะอยู่ไหวหลอฮะ เห็นว่าต้องกินข้าวเป็นการะมังทุกๆวัน กินเท่าไหล่ก็กินไม่อิม แถมกินน้อยก็พาลจะเป็นลมหน้ามืด จะไหวหลอฮะ อุ้ยยยเป็นภิกษุณีต้องใจเด็ดนะฮะ ห้ามแอบกินข้าวเย็นนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2013
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำคะ แต่ที่เราคิดอยากไปถิ่นทุรกันดารก็เพราะว่า กลัวเป็นโลกะวัชชะนะคะ อย่างบ้างที่ เราอาจจะเฉยๆไม่รู้สึกอะไรแต่คนอื่นมองภิกษุณีสงฆ์ในแง่ไม่ดี คิดว่า นักบวชผู้หญิงโกนหัว ทำตามพระไม่ควรทำ ส่วนการไม่ถือศีลครบ แบบพระแต่บวชแต่ใจนี้ จะสามารถทำให้สำเร็จนิพพานได้เช่นกันหรือคะ........เพราะมันเหมือนกันการโกนหัวนี้ก็เหมือนกัน สตรีสองคน ถือศีล แปดเท่ากันแต่คนนึงโกนหัวกับอีกคนไม่โกนดิฉันคิดว่า หญิงคนที่โกนหัวอาจได้ทดสอบจิตใจมากกว่าคนที่ไม่โกน เพราะชาวบ้านจะมองแปกแยก เวลาเห็นผู้หญิงโกนหัว โกนคิ้ว ดังนั้นการทำจิตใจไม่ให้รู้สึกไปตามคำครหา ต้องสูง และทำได้ยากกว่า;k06
     
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    duchessfidgette นี่ มีใครแนะนำเท่าไหร่ก็ไม่ฟังนะ

    ปฏิบัติธรรม เขาให้มองกลับมาสำรวจใจตนเอง

    ไม่ใช่เอาใจตัวเองวิ่งเต้นไปตามชาวบ้านเขา

    ชาวบ้านเขาว่ายังไง ก็ต้องวิ่งเต้นไปตามเขา

    แบบนี้ ถ้าอยากเป็นพระอริยเจ้า duchessfidgette ก็ทำไม่ยากหรอกนะ

    ก็ห่มผ้าเหลือง เข้าป่า กินอาหารมื้อเดียว ไม่สุงสิงกับใคร แบบนี้ก็เป็นพระอริยเจ้า ในความคิดเห็นของชาวบ้าน และ ในความคิดเห็นของ duchessfidgette เอง จริงไหมหละ?

    แล้วกิเลสหละ? กลไกการก่อชาติภพหละ?

    ถามหน่อยเถอะ การจะเห็นกิเลส การจะละกิเลส การจะเห็นกลไกการก่อชาติภพ และสละขาดจากมัน duchessfidgette คิดว่าจะเข้าไปเห็นมันได้ยังไง?

    โดยการห่มผ้าเหลืองรึ? โดยการฉันมื้อเดียวรึ? โดยการไม่พูดคุยกับชาวบ้านรึ?
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:การพูดเช่นนั้นคือการแสดงความคิดเห็น มันไม่ใช่ ของการปกิบัติของคุณ การทำไม่ใช่พูด แต่อย่างเดียว ลงมือทำแต่เดี๋ยวนี้ การอยู่คนเดียวนั้นไม่ยากหรอก ถ้ำในประเทศไทยเยอะแยะ ทำง่ายด้วย แต่ผมว่า คุณจะละอุปกิเลส ที่มีอยู่ในใจคุณได้หรือ บางครั้ง อยู่คนเดียว อารมย์ ฟุ้ง มันมีมากกว่า อยู่หลาย เพราะไม่มีที่ละบาย ไม่มีผู้ ให้สติ ไม่มีผู้ อบรมใจเรา นึกคิด ไปตามเรื่อง ใจไม่อยู่กับคำภาวนาพิจรณา แต่ถ้าคุณฝึกมาดีแล้ว ก็โอเคนะ


    ที่คุณพูดมา พูดเองเออเองหมด ทำแล้วรึยังถึงได้พูดเช่นนั้นน่ะครับ ผมทำมาแล้ว ที่คุณพูดเนี่ย และพิสูตร มามาก กว่าที่คุณคุณคิด ด้วยซ้ำไป แหมคุณอะไรนะ บอก ให้ทำให้เข้าถึง อารมย์พระโสดาบันนั้น อารมย์พระโสดาบัน ต้องทำใจ เกินกว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็น พันเปอร์เซ็น หมื่น แสน ล้าน ไม่ใช่นะ แต่กำลัง ที่เข้าถึง ผมว่ามันคำนวนไม่ได้ เลย ถึงจะเข้าถึงได้ ทุกคนทำถึงได้ทุกคน แต่จะทรงอารมย์ได้นานจนาดไหน อีกเรื่องหนึ่ง จะได้ ๑ นาที ๕-๑๐นาที ๒๐-๑ ชั่วโมง ๑ วัน ๕-๑๐- ๑ เดือน ๑ ปีถ้าคุณทำได้ เกือบปีหรือเป็นปี น่าจะไม่เสือม ถอยหลังแล้ว ทรงอารมย์ ตลอด เข้าถึงความเป็นผู้ ใหญ่ เขาไม่สนแล้วอย่างอื่น แม้แต่ ฤทธิ์ ท่านก็ไม่สนใจแล้ว ส่วนใหญ่ ทำได้ แป็บเดียว งูแลบลิ้น ไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู แต่ถ้าทำได้ทุกๆวัน แค่จิตสงบที่ผมบอกมา พระพทธเจ้ากว่าว่า ท่านผู้นั้นไม่จิตไม่ว่าจากฌาณเลย


    การสำเร็จมรรคผล มันไม่ได้อยู่ที่กาย เป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า การจะสำเร็จ มันอยู่ที่ใจไม่ใช่ที่กาย ณ คุณ ใจเป็นใหญ่ ใจตัวเดียวเท่านั้น โลภ โกรธ หลง มันมาจากใจคุณ สั่งกายให้ทำ คิดชั่ว ให้กายทำ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม นึกไปหาตัวนี้ดู ได้ว่าจริงไหม เมื่อกาย ตาย หรือดับลง ดิน น้ำ ลม ไฟ ชนทั้งหลาย ไปทำอย่างไร ไม่เห็นกายมันร้องสักคำครับคุณ จิตคุณออก จากร่างนี้ไปแล้ว เคลื่อนย้าย ไปเกิดในแดนใหม่ จะเป็นอะไรล่ะ........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2013
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ดิฉันไม่เคยฝึกหรือฝืนตัวเองที่จะทำเพื่อจะปฏิบัติให้ได้นั้นนี้คะ แต่ที่พูดนั้นออกมาจากนิสัยสันดารที่เป็นอยู่เป็นปกติแล้ว ดิฉันเป็นคนอย่างนั้นมาตั้งแต่จำความได้แล้ว และยิ่งหลังจากช่วงหลังๆได้มาเห็นทุกข์ก็ยิ่งทำให้ ไม่สนใจทางโลกอีกเลย ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ เดินห้าง ไปเที่ยว ซื้อของสวยๆ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ที่ไหนที่เราชอบ อยากไป ตอนนี้ ถ้าให้ไปก็จะเกิดความรู้สึก เศร้ามากๆคะ เพราะมีอดีต เกี่ยวกับเรื่องคนตาย ดิฉันเคยมีชีวิตที่มีความสุขทางวัตถุมากคะ แบบว่าอยากได้อะไร ซื้ออะไร ได้หมด งานก็ไม่ต้องทำ หาแต่ความสุขได้อย่างเดียว จนกระทั้ง ดิฉันมาเจอคนที่เรารักมากๆในครอบครัวเสียชีวิตติดๆกัน ภายในอาทิตย์เดียว ครอบครัวดิฉันเสียไปสามคน ดิฉันเป็นคนเห็นตอนจะตายทุกครั้ง มีอยู่ครั้งนึง ตายแล้วกลางดึก ต้องรอมารับศพตอนเช้า ดิฉันต้องอยู่กะศพสองคนทั้งคืน ร้องไห้ นอนไปข้างๆศพนั้นแหละ คนที่เราเพิ่งจะหัวเราะกันเมื่อวาน วันนี้ตายแล้ว อาทิตย์ถัดมามีคนในครอบครัวตายอีก ถ้าคนที่เจอแบบนี้ดิฉันเชื่อคะว่าต่อให้ตอนนี้ถ้าตายไปเป็นวิญญาณ ดิฉันก็ขอเป็นวิญญาณนั้นแหละคะ แต่ไม่ขอมาเกิดเป็นมนุษย์อีกแล้ว ดิฉันเข็ดขยาดการเกิด ถ้าสามารถย้อนเวลาแล้วเรามีชีวิตปกติเหมือนคนอื่น ไม่ต้องทุกข์ ดิฉันคงจะไม่สนใจจะมาปฏิบัติธรรม;aa2
     
  20. kosit25

    kosit25 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +438
    ภิกษุณีไม่มีในโลกแล้วที่เขาบวชกันไม่ถูกต้อง อย่าบวชภิกษุณีเลย ลองบวชชีก่อนดีไหมลองสักปี แล้วดูว่ากิเลสเราลดหรือไม่ ยังงัยก็อนุโมทนาสาธุในการที่จะเดินในทางธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...