เออ!...ตามมาทำไม..ถ้าไม่รักยายผีป่า?!!

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 23 มีนาคม 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ตื่นเช้ามายายงงเลยคือว่ายังไม่มีใครเปิดคอมนะเพราะยายเฝ้าที่ทำงานคนเดียว หน้าคอมยายมีกระดาษจดโน๊ตขยำไว้ยายเลยคลี่ออก...?...เป็นลายมือเหมือนเด็กหัดเขียนไทยแบบก๊อปปี้ออกมาตกหล่นสระบางตัวเหมือนเราลากเส้นตามจุดค่ะ ยายเลยสงสัยว่ามีใครลอบเข้ามาไหม!!! ของก้อไม่หายนี่นา เลยเปิดคอมลอคอินเจอพีเอ็มจากพ่อชัย ส่งระหัดห้องลับมาให้ ...พีเอ็มนั้นยังไม่เปิดอ่าน พร้อมพีเอ็มคนอื่นๆ ก้อยังไม่อ่าน

    เอ ...หรือเพื่อนผีมาแกล้งอีกแระ เพราะเมื่อใกล้สางคลับคล้ายคลับคราวว่าได้ยินเสียงน้องออมคุยกับพ่อเค้าว่า......ต่อโทรศัพท์หาแม่ทีน้องออมคิดถึง......
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838

    น้าดาวของสามสาวนรกแตกจ๋า ภาพแบเบาะนะถ่ายนานแร้วค๊า?... คนโตเจ็ดขวบกว่า คนรองเพิ่งห้าขวบตอนมหาสงกรานต์ คนเล็กจอมทะเล้นขี้อ้อนเพิ่งสี่ขวบเมื่อวันที่สองเดือนนี้ค่ะ สามสาวคลอดวันหวยออกั้งสามเรยจ๊ะ น้าดาวล่ะหาคนมาร่มสร้างรังรักได้ยังจ๊ะ อิอิ อดีตหวานใจรถสีขาวไปไหนน๊า ตี๋ซิ่งส์ง่ะ จ๊ากส์ดาวเคี้ยงค้อนโดนหัวยายจั๋งหนับเร้ย!!!(bb-flower
     
  3. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    อดีตหวานใจรถสีขาวไปไหนน๊า ตี๋ซิ่งส์ง่ะ อ๋อคนขับรถพยาบาลที่พายายไปโรงพยาบาลตอนจาคลอด เหรอยาย อิอิ รถสีขาวไง

    ว่าแต่ยังหาหวานใจม่ายเจอเล้ย ไปหลบหน้า หลบตาที่ไหนก็ม่าย.รุ..ปล่อยเราคว้างอยู่คนเดียว ต้องร้องเพลง รอ.....
    (sing)
    สู้รอ..รอ ..แล้วรอ แล้ว..รอไม่สิ้น
    รอจนโลกดับถมทับแผ่นดิน.. แผ่นฟ้า

    ดูซิ รอนานขนาดไหน....โลกดับถมทับแผ่นดิน โอ้..พระเจ้าจอร์จ
     
  4. MissyKelly

    MissyKelly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    446
    ค่าพลัง:
    +1,195
    คุณดวงแก้ว คิอพี่ ppp ป่าวคะ
    ตามมาอ่านค่า

    ยายจ๋า ไม่รู้ทำไม รู้สึกผิดกับยายมากๆเลย
    นี่ยังกลัวไม่หายเลย
    แปลกมากกกกกกกกก
     
  5. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    โห... เห็นยายเป็นผีปอบไปต้าย พี่ดาวประกาย (พี่ดวงแก้ว) คนละคนกะพี่เพ็ญ PPP ค่ะสาวน้อยตาโตจ๋า !!!:cool:
     
  6. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838

    อย่ามารอแถวนี้นะดาวพวกปากหวานน่ะัผัวเค้าท้างน้าน ยายมันทันกันเลยพอรับไหว อิอิ...(u)
     
  7. momotaro

    momotaro Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +43
    มาแวะรายงานตัวก้าบผม





    (bb-flower

    เพลงเพราะจังเยย
     
  8. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    ยายบอกผมว่า ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า โถ..ยายน่ะตัวคุยเล้ย..
    มนุษย์ต่างดง(พงไพร)...ต่างดาว(ประกาย) ยังคารวะ นั่งคอตก (ฟังจนเฉา...ง่ะ)
    เดี๋ยวเวลามีเรื่องเขียนให้อ่าน จา..ม่าย..แอบอ่าน จา.อ่าน..หัย..เห็นๆ เลย
    ให้ลงดำลงแดง เอ้ย..รู้ดำรู้แดง เลย เฮ้ย..คุยกับยายบ่อย เลยเปลี้ยน..ไป๊
     
  9. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    อ่านแล้วคุยด้วยนะคะ ยินดีค่ะ สาวน้อยผู้แข็งแกร่ง แต่ใจอ๊อน อ่อน
    สู้ๆ ค่ะ
     
  10. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    ประจำกรมไหนล่ะคร้าบ.บบป๋ม (ย้อเย่นนน..)
     
  11. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838

    คำเตือน! โปรดอ่านหน้าแรกไล่มาจนหน้าสุดท้ายก่อนตัดสินใจคุย! เพราะกลัวกลับตัวกลับใจไม่ทัน ทางบ้านจะเป็นห่วง และระวังการติดเชื้อ ซ่าส์ บ้า เพี้ยน จากยายผีป่าและเหล่าวงศาคณาญาติที่เริ่มเปี๋ยนไป๋ตามยายผีป่าแระ!

    เรามาร่วมกันปั่นทะลุมิติกันเทอญ สาธุ [b-wai]
     
  12. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838

    ขอยายผีป่าอัญเชิญคำเทศนาของหลวงพี่เล็กมาลงให้พวกเราน้อมรับนะคะ ผิดพลาดสิ่งใดยายผีป่าขอรับบาปเพียงคนเดียวจ๊ะ เพราะแรงศรัธาที่ยายมีต่อหลวงพ่อและหลวงพี่ล้นเปี่ยม หลายคนได้อ่านแล้ว ลงเผื่อคนผ่านมาเยือนค่ะ

    คำนำ


    กระโถน เป็นภาชนะที่ใช้สำหรับใส่ของที่เขาทิ้งแล้ว เพื่อจะได้ไม่สกปรกเลอะเทอะเกลื่อนกลาด กระโถนจึงเป็นที่ใส่ของสารพัด กลายเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป
    แต่ในความเป็นจริงนั้น กระโถนเป็นสิ่งที่เราควรจะเลียนแบบ ควรจะทำตามให้ได้ กระโถนรองรับทั้งของที่สะอาดและไม่สะอาด โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เราสามารถทำใจให้เป็นแบบกระโถนได้ เราจะมีความสุขมาก
    อย่าไปรังเกียจกระโถนความสกปรกทุกอย่างเป็นตัวเราสร้างขึ้นทั้งนั้น กระโถนช่วยรองรับและแสดงให้เห็นความจริงว่า ตัวเราเองนั้นแท้จริงสกปรกขนาดไหน? โดยลำพังแล้วกระโถนนั้นสะอาดอยู่เสมอ
    สารพัดข้าวของในกระโถนนั้น ถ้าเราลองคุ้ยหาดูอาจจะพบของดีซ่อนอยู่ได้ไม่ยาก กระโถนบ้านเศรษฐีนั้นอาจมีเศษแก้วแหวนเงินทองทิ้งอยู่ คนยากคนจนสามารถนำมาประทังชีวติตของให้อยู่รอดได้
     
  13. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    วันเสาร์ห้าที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๓



    เมื่อกี้นี้ตั้งใจบอกกับพวกเราว่า เอ้า เรื่องสำคัญล่ะนะ ไอ้เรื่องที่พวกเราอยากจะฟังก็คือว่าปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง (หัวเราะ) นั่งยืดคอรอไม่ยอมเข้าเรื่องซักทีจะ ๓ ชั่วโมงอยู่แล้ว ... ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปีหน้า ..มีการเลือกตั้งวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๔ ใช่มั๊ย? (หัวเราะ) พอวันที่ ๗ มกราคม เป็นต้นไปก็วุ่นวายบรรลัยโลกเลย มันยุ่ง .. ใคร ๆ ก็อยากจะมีอำนาจ

    พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเลยว่า การเสวยอำนาจอย่างหนึ่ง การรับประทานอาหารอย่างหนึ่งการนอนอย่างหนึ่งการเสพกามอย่างหนึ่งทั้ง ๔ อย่างนี้ไม่มีใครเบื่อ ยกเว้นผู้ที่บารมีถึง ปัญญาถึง เท่านั้น ไม่อย่างนั้นคำว่า
     
  14. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ปัจจุบันนี้อาตมาเวทนาโยมเหลือเกิน หลายต่อหลายคน รู้แล้วนำไปใช้ผิด ๆ ไปดูการระลึกชาติ ไปดูย้อนอดีต แล้วก็ไปภาคภูมิใจคนนั้นเป็นพี่เรา คนนั้นเป็นน้องเรา นั่นผัวเรา เมียเรา ลูกเรา พ่อเรา แม่เรา แล้วก็กอดกันตายพร้อมกับเรา อือม์...ดูก็ดูอย่างมีปัญญาสิ ดูแบบที่เรียกว่าใช้ปัญญาประกอบ แต่ละชาติที่เราเกิดมาชาติไหนไม่ทุกข์บ้าง ลำบากยากเข็ญมาจนขนาดนี้ไม่เข็ดใช่มั๊ย? ยังไปฟื้นความสัมพันธ์ใหม่ ไปกอดคอตายรวมกันทั้งพรวนอีกใช่มั๊ย?



    ยังลงสู่อบายภูมิไม่เพียงพอใช่มั๊ย? อาตมาที่ไม่ยอมสอนเพราะสงสารโยม อยากจะบอกว่ามโนมยิทธิจริง ๆ ง่ายมาก คิดเป็นก็ใช้ได้แล้ว แต่ถ้าอาตมาสอนไปอาจจะพาโยมทั้งหลายติดเพิ่มขึ้นอีกเยอะ สงสารก็เลยไม่สอน นั่งอยู่ตรงนี้แค่ว่าใครติดขัดตรงไหนมาสอบถามอาตมาจะชี้แจงให้ หลวงพ่อท่านให้เรารู้เพื่อละ ตัวการเข้าสู่มรรคผลนิพพานจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องได้อภิญญา ไม่จำเป็นต้องได้วิชชาสอง ไม่จำเป็นต้องได้สมาบัติแปด หากแต่ท่านบอกว่าให้เคารพพระพุทธเจ้าจริง ๆ เคารพพระธรรมจริง ๆ เคารพพระสงฆ์จริง ๆ ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ คิดว่าตายเมื่อไหร่่จะไปนิพพาน มีข้อไหนล่ะที่บอกว่าต้องได้

    การปฏิบัตินะ อภิญญา แปลว่า รู้ยิ่ง อภิ-ยิ่งกว่า อัญญา คือ ความรู้ ไม่มีอะไรรู้ยิ่งกว่าการ ตัดกิเลส อดีต...มีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์บ้าง ปัจจุบันนี้เราทุกข์อยู่ อนาคตถ้าเกิดอีกก็ทุกข์อีก เพราะฉะนั้น อดีตังสญาณ ปัจจุบันนังสญาณ อนาคตังสญาณ มันไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ ปุพเพนิวาสนานุสสติญาณ ทุกชาติที่เกิดมารวยที่สุดก็รวยมาแล้ว จนที่สุดก็จนมาแล้ว มีอำนาจที่สุดก็มีมาแล้ว ด้อยวาสนาที่สุดก็เป็นมาแล้ว มีชาติไหนที่พาให้เราพ้นทุกข์ได้? จุตูปปาตญาณ คนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน ถ้าเราทำดีเราได้ดีแน่นอนถ้าเราทำชั่วเราได้ชั่วแน่นอนไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ เจโตปริยญาณ รู้ใจคนอื่น ไอ้นั่นแหละตัวระยำเลย สำหรับคนใช้ผิด ดูมันต้องดูใจตัวเอง แก้ต้องแก้ที่ตัวเอง ไม่ใช่ไปเที่ยวดูคนอื่น ตำหนิ คนอื่น

    บางคนมานั่งตรงหน้าเนี่ย อธิษฐานมาตั้งแต่บ้านแล้ว เออ...ถ้าหลวงพี่แน่จริงให้บอกสิว่าผมคิดอะไร ไม่ถีบให้ก็บุญแล้วนะน่ะ อยากจะบอกกับเขาให้ชัด ๆ ว่าใจของกูยังดูไม่ไหวเลย กูจะเสียเวลาไปดูใจมึงทำไม (หัวเราะ) คราวนี้ชัดมั๊ย? ปกติไม่ค่อยพูด นะ แต่บทจะพูดแล้วไม่ค่อยยั้ง สำคัญที่สุดก็คือดูใจตัวเอง ใจของเรามีความชั่วมั๊ย ถ้ามีไล่มันออกไประมัดระวังไว้อย่าให้มันเข้ามาอีก ใจของเรามีความดีอยู่มั๊ย? ถ้าไม่มีสร้างมันขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป นี่คือตัวเจโตปริยญาณที่สำคัญที่สุด แต่ละวันดูสีดูจิตของตัวเองมันผ่องใสมั๊ย ถ้าไม่ผ่องใสเร่งทำความดีขับจิตให้ผ่องใสที่สุดเ่ท่าที่จะพึงทำได้ แล้วก็รักษามันไว้อย่าให้มันขุ่นมัวอีก

    นี่คือ เจโตปริยญาณที่แท้จริง ไม่ใช่เที่ยวไปดูคนอื่นไปรู้คนอื่น บางคนมาถึงก็ แหม...หลวงพี่พูดเหมือนตาเห็นเลย อาจารย์พูดเหมือนตาเห็นเลย หลวงพ่อพูดเหมือนตาเห็นเลย ไม่อยากจะเห็นหรอก แต่บางทีถ้าไม่ทำอย่างนั้นมันก็ไม่เชื่อ พอเห็นเสร็จก็เลิกดู ไม่รู้จะดูต่อไปทำไมมันไม่มีประโยชน์เลย เพราะว่าทั้งหมดก็ทุกข์ เขาก็ทุกข์ เราก็ทุกข์ ดูความทุกข์ของตัวเองก็ดูไม่ไหวแล้ว ดูใจของตัวเองก็ระวังไม่ไหวยังไปดูเขาอีก ใช้ให้ถูกนะ ยถากัมมุตาญาณ รู้กรรมของคนและสัตว์ ถ้าเราเชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ตกลงญาณ ๘ ต้องใช้มั๊ย? ...เออ ไม่ต้อง อภิญญา อภิ-ยิ่งกว่า , อัญญา-ความรู้ ไม่มีอะไรรู้เกินกว่าการตัดสินกิเลส อย่างต่ำ ๆ ให้รู้ว่าพระโสดาบันมีคุณสมบัติอย่างไรแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำในคุณสมบัตินั้นไป นั่นแหละถึงจะเป็นลูกที่ดี ถึงจะเป็นลูกที่แท้จริงของหลวงพ่อ ถึงจะพูดได้อย่างเต็มคำว่าเราเป็นศิษย์วัดท่าซุง เราเป็นศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    แล้วบุคคลที่ได้ล่ะ บุคคลที่ปฏิบัติได้ แต่ระวังให้ใช้กำลังใจเกาะพระนิพพานไว้ ถ้าเราดูใจตัวเองเป็น สังเกตใจตัวเองเป็นจะรู้ว่า ราคะ-อารมรณ์ระหว่างเพศก็ดี โทสะ-อารมรณ์โกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท ก็ดี โลภะ-อารมณ์ความโลภอยากได้ใคร่มีก็ดี โมหะ-อารมรณ์ความหลงก็ดี มันเป็นคุณสมบัติของร่างกายนี้ ถ้าหากว่าจิตใจของเราไม่ไปปรุงไปแต่งกับมันด้วย มันก็ไม่สามารถทำอันตรายเราได้

    ในเมื่อเราได้มโนมยิทธิ เราได้อภิญญา เกิดราคะขึ้นมา ใช้อารมณ์ของมโนมายิทธิใช้อารมรณ์ของอภิญญาพุ่งจิตขึ้นไปกราบพระบนนิพพาน หน้าด้านเข้าไว้ กำลังของสมาธิของเราเข้มแข็งพอ ถ้ารู้ระวังตัวอยู่มันมาเราเผ่นพรวดหนีไปเลย ไปอยู่ข้างบนโน่น โกรธขึ้นมาหนีไปอยู่ข้างบน โลภขึ้นมาหนีไปอยู่ข้างบน หลงขึ้นมาหนีไปอยู่ข้างบน ไปอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ร่างกายเมื่อไม่มีจิตใจคอยปรุงแต่งอยู่ มันก็เหมือนกินอาหารไม่ได้ใส่เกลือไม่ได้ใส่น้ำปลาไม่ได้ใส่น้ำส้มไม่ได้ใส่น้ำตาล มันไม่มีรสไม่มีชาติมันจืดชืดไม่เป็นท่า มันเซ็งมัน ไม่มีใครไปปรุงแต่งให้อารมณ์จิตมันตั้งอยู่เดี๋ยวเดียวความชั่วเหล่านั้นมันก็สลายไป เพราะว่าความชั่วเหล่านั้นเป็นสมบัติของร่างกายไม่ใช่สมบัติของใจ

    การที่เราไปเกาะพระนิพพานเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่บนวิมานของเรา นั่นแหละ คือการใช้มโนมยิทธิที่ถูกต้องอย่างที่หลวงพ่อต้องการ เพราะว่ามันจะไม่พลาดไปไหน อย่างไร ๆ เราก็อยู่ตรงนั้นแล้ว มันเป็นกาตัดกิเลสที่อัตโนมัติที่สุด เราอยู่ตรงนั้นให้ชินกับอารมณ์ละเอียด อารมณ์สงบ อารมณ์เยือกเย็นของพระนิพพานอันนั้น พอจิตใจมันชินรับอารมณ์นัึ้นมาเต็มที่แล้วประคับประคองให้ดี ส่วนใหญ่ลุกปั๊บเลิกเลย ต้องรู้็จักรักษาประคับประคองระมัดระวังสภาพจิตใจของเราให้ทรงตัวอยู่ในอารมณ์นั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ได้ครึ่งชั่วโมง ให้ได้หนึ่งชั่วโมง สามชั่วโมง ครึ่งวัน วันหนึ่ง สามวัน อาทิตย์หนึ่ง สิบวัน ครึ่งเดือน เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง ...ว่าไปเลย ยิ่งนานเท่าไรกิเลสยิ่งกินใจเราได้น้อยลง ๆ

    ถ้ารู้ระมัดระวังรักษาอารมณ์ใจอย่างนี้เอาไว้ได้ กดกิเลสเอาไว้อย่างนี้ตลอดเวลา ก็เหมือนกับหินที่ทับหญ้า ทับไปนาน ๆ หญ้ามันตายหมด นี่คือตัวมโนมยิทธิที่หลวงพ่อต้องการให้พวกเราปฏิบัติที่หลวงพ่อเคี่ยวเข็ญ สั่งสอนเรามากี่ปีต่อกี่ปี การใช้ที่ถูกต้องใช้กันอย่างนี้ เ่ท่าที่อาตมาดูมาส่วนใหญ่ใช้ผิดหมด ในเมื่อใช้ผิด มันก็จะมีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ทั้งนั้น แทนที่จะรู้เพื่อละก็รู้เพื่อหลง เพื่อยึดเพื่อติด แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่เรารู้เป็นการรู้ในปัจุบัน อนาคตสิ่งเหล่านั้นก็เปลี่ยนแปลงตามไปตามปัจจัยเฉพาะหน้า ดังนั้น คำทำนายหลาย ๆ อย่างเมื่อถึงวาระ ถึงเวลา เมื่อมีปัจจัยเฉพาะหน้ามาให้เปลี่ยนแปลง อย่างเช่น บอกว่าเมื่อเดือนมิถุนายนมันจะดี แต่ถ้าหากว่าทั้งหมดรามือเสียจากการทำดี ปล่อยให้ความชั่วเข้ามาครอบงำ จิตใจกำลังของความชั่วมีสูงกว่าถึงวาระถึงเวลามันก็ไม่ดีไปตามนั้นดังนั้น กระทั่งความเป็นทิพย์ ความรู้ เหล่านี้ มันก็ยังไม่เที่ยง

    เราจะไปยึดถือมั่นหมายเชื่อปักมันลงไปว่าจะเป็นดั่งนั้นดั่งนี้นั้นไม่ได้ เพียงแต่เอาเป็นแนวทางไว้คอยระมัดระวังเท่านั้น รู้ ต้องรู้อย่างคนมีสติ ใช้ต้องใช้อย่างคนมีปัญญา สติกับปัญญาเป็นของคู่กัน ถ้าสติเกินปัญญา จะเป็นคนไม่กล้าทำอะไรจด ๆ จ้อง ๆ ขี้กลัว ขี้ระวังจนเกินไป ถ้าปัญญาเกินสติก็จะบุ่มบ่าม โฉ่งฉ่างจนกระทั่งพลาดได้ง่าย สติกับปัญญาจะต้องไปพร้อม ๆ กัน ไปเท่า ๆ กันธรรมะจึงจะเจริญ พูดมากมั๊ย? นาน ๆ ด่าทีว่าจนคุ้ม ปีหนึ่ง ๆ อาตมาก็มีเวลาพูดได้อย่างนี้แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ใครเก็บอะไรไปได้ก็เก็บไป รวมเวลา ๒๕-๒๖ ปีที่ผ่านมาที่อาตมามอบกายถวายชีวิตอยู่รองพระบาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมา ทั้งหมดที่เก็บมาได้ไม่เคยปิดบังใคร มีอะไรให้แค่หมด เพราะว่าพ่อก็ไม่เคยหวงวิชา

    อาตมาเองเมืื่อทำมาถึงระดับนี้ สิ่งที่ตัวเองมีความสุขกายสุขใจอยู่ก็อยากให้ญาติโยมมีความสุขเช่นนั้นบ้าง สิ่งที่เราทำได้ ทำอะไรทำง่าย ๆ สำเร็จลงง่าย ๆ ก็อยากให้ทุกท่านได้อย่างนั้นบ้าง ก็พยายามเคี่ยวเข็ญกัน แต่เพียงแต่ว่าอาตมามีเวลาเคี่ยวเข็ญพวกเราน้อยมาก เนื่องจากว่าภาระต่า งๆ มันมากเหลือเกิน บวชมาแค่ ๑๐ กว่าพรรษามีแต่คนมาขอความเช่วยเหลือ มีแต่คนมาขอพึ่งพิง ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ทั้งเอกชน ทั้งหน่วยราชการ ทั้งในและต่างประเทศ แต่อาตมาเองมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง มีพระเดชพระคุณหลวงปู่ หลวงพ่อ เป็นที่พึ่ง มีญาติโยมทั้งหลายเป็นผู็สนับสนุน ดังนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงสามารถสำเร็จลุล่วงลงไปได้ในทุกเรื่อง จนกระทั่งเขาถามว่าทำไมถึงทำอะไรง่าย ๆ ทำอะไรไม่เคยลำบากกับใคร อยากจะบอกว่าถ้าบารมีเต็ม บารมี คือ กำลังใจ ถ้าบารมีเต็มบุคคลจะทำอะไรได้ไม่มีคำว่ายาก อาตมาเองน่ะไม่เต็มหรอก แต่อาศัยพระท่านเป็นหลัก ขึ้นชื่อคำว่าพระแล้วคำว่าไม่เต็มนั้นไม่มี มีแต่ล้นจนเผื่อแผ่ถึงอาตมาและญาติโยมทั้งหลาย
     
  15. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ดังนั้น ขอให้ทุกคนยึดคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งให้มั่นคงเอาไว้ สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อมอบให้แก่เรามา โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้าน ขอให้ทุกคนท่องบ่นภาวนาไว้เป็นประจำ ๆ จะสร้างความคล่องตัวให้แก่เราอย่างคิดไม่ถึง ใครจะว่างมงาย ใครจะว่าเหลวไหล อาตมายืนยันว่าไม่งมงาย ไม่เหลวไหล เพราะอาตมาใช้มาเอง มีใครบ้างที่สามารถสร้างวัด ๆ หนึ่งเสร็จได้ภายในปีเดียว โดยที่ ๒ มือเปล่า ๆ มีแต่คาถาบทเดียว จะไม่ให้ยืนยันอย่างนี้ก็ไม่ได้ แล้วขณะเดียวกัน ไปช่วยเขาที่อื่นไปช่วยเขาที่ไหนก็ตามขึ้นชื่อว่าการสะดุดหยุดยั้งผิดจังหวะไม่มี มีแต่ความสะดวกคล่องตัวอยู่เสมอ



    ดังนั้น ขอย้ำว่าถ้าเราใช้คาถาเป็น ส่วนใหญ่ทำไมใช้ไม่เป็นใช้ไม่ถูกกัน การใช้คาถาเป็นก็คือต้องวางกำลังใจให้เป็น การวางกำลังใจให้เป็นก็คือตั้งใจว่า คาถานี้คือสมบัติวิเศษที่พ่อให้มา หน้าที่เราคือรักษาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะพึงดีได้ ด้วยการเป็นคนที่ขยันท่องบ่นเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อย่างสม่ำเสมอและจริงจังทุกวัน เรื่องของความสม่ำเสมอจริงจังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดส่วนใหญ่มันทำ ๆ ทิ้ง ๆ กัน ในเมื่อเราตั้งใจทำถวายบูชาต่อท่านอย่างสม่ำเสมอและจริงจัง ผลพิเศษต่าง ๆ มันจะเกิดขึ้นเอง แต่ถ้าเราทำเพื่อจะหวังผลพิเศษนั้น ตัวอยากที่บังหน้ามันจะตัดไปเกือบหมด อยากได้ ไม่ใช่ความผิด แต่พออยากตั้งใจว่าต้องการอะไรแล้วลืมความอยากนั้นเสียแล้วตั้งหน้าตั้งตาภาวนาไป นี่คือการใช้คาถาที่ถูก การปฏิบัติทุกอย่างเหมือนกัน อยากมันถึงทำ แต่ตัวอยากตัวนี้เป็นฉันทะ หลวงพ่อเรียกว่าธรรมฉันทะ คือ ความพอใจในธรรม ไม่ใช่ตัวตัณหา ตัวตัณหาเป็นการอยากได้ใคร่มีในลักษณะที่เรียกว่าถ้าไม่ได้มาผิดศีลผิดธรรมก็ยังเอา ตัวอยาก มีอยู่ในทุกธรรมะ แต่ว่าตัวอยากนี้เป็นตัวธรรมฉันทะคือพอใจในการปฏิบัติ ขณะเดียวกันการปฏิบัติทุกอย่างอารมณ์อุเบกขาสำคัญที่สุด

    การปฏิบัติไม่ว่าจะทาน ศีล ภาวนา ถ้าขาดตัวอุเบกขาการปฏิบัตินั้น ๆ เข้าไม่ถึงจุดสุดท้าย การให้ทานถ้าไม่รู้จักอุเบกขาปล่อยวางก็นั่งกลุ้มใจ ขอทานมันขอสตางค์ก็ให้มันไป ให้แล้วก็แล้วกันเรารู้ว่าเขาต้องการก็ให้เขาไป เป็นการตัดความโลภของเราให้มันจบลงตรงนั้นนี่คือตัวอุเบกขา แต่ว่าให้แล้วก็ไปนั่งคิดต่อว่า เอ๊...มันจะหลอกเราหรือเปล่าหว่า มันเป็นแก๊งค์ขอทานประเภทที่เรียกว่าเดี๋ยวถึงเวลาก็เอาคนมาปล่อย ๆๆ ตามจุดแล้วก็ขอสตางค์เขาไปวัน ๆ หนึ่ง ถึงเวลามันกินดีอยู่ดีกว่าเราอีกหรือเปล่า

    ไอ้อย่างนี้ขาดอุเบกขา การรักษาศีลก็เช่นกัน ถ้าหากว่าขาดอุเบกขาขาดการปล่อยวางจริง ๆ การรักษาศีลมันก็รักษาไม่ได้ตลอด ไม่ฆ่าสัตว์ แต่อีคราวน้โกรธมันขึ้นมาก็อัดมันตุ้บเข้าให้ ไม่ตายหรอกแต่เจ็บ ดีไม่ดีก็สาหัสไปเลย ขาดอุเบกขา การภาวนายิ่งหนักเข้าไปใหญ่ถ้าขาดตัวอุเบกขาคือการปล่อยวางไม่รู้จักวาระของมันจะก้าวหน้าได้ยากมาก เราต้องทำใจว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ผลพิเศษต่าง ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เป็นเรื่องของเขา นี่คือการปล่อยในตัวอุเบกขา แต่ถ้าไปภาวนาตั้งใจอยากให้มันได้อยากให้มันเป็น มันจะไม่ได้มันจะไม่เป็น มันเหมือนกับเราปลูกต้นไม้เรามีหน้าที่รดน้ำพรวนดินจับหนอนจับแมลงใส่ปุ๋ยดูแลก็ทำมันไป เราไม่มีหน้าที่ไปบังคับเขาออกดอกออกผล ลองไปจับมันดึงยอดดูสิมันจะออกมั๊ย .. เฉาตายซะก่อน แต่ถ้าเรามีหน้าที่ทำของเราไปเรื่อยด้วยการปล่อยวางและเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย

    เมื่อถึงเวลาดอกผลมันจะเกิดของมันเอง ถึงวาระ ถึงฤดูกาลของมัน ๆ ก็ออกดอกออกผลให้ชื่นใจ อีตอนที่มันยังไม่ถึงวาระไม่ถึงเวลาอยากเท่าไหร่มันก็ไม่ได้อยากเท่าไหร่มันก็ไม่เป็น ตัวอยาก คือ การไม่รู้จักวางอุเบกขา ตัวรู้ว่าเรามีหน้าที่อย่างไรเราทำให้ดีที่สุด ผลของหน้าที่นั้นจะเป็นอย่างไรช่างมัน นั่นคือตัวอุเบกขา นะ เบรคให้เป็นเบรคขา เบรคแขน เบรคปากเอาไว้ด้ว ไม่อย่างนั้นจะไปทะเลาะกับคนอื่นเขา ถ้าอุเบกขาเป็นทุกอย่างก็ดีหมด ไม่มีการกระทบกระทั่งกับใคร ทุกอย่างเป็นธรรมดาหมด ปกติของโลกมันเป็นอย่างนั้น ไม้ตายท่าสุดท้ายแล้ว อุเบกขา ถ้าเต็มที่มันจะเป็นสังขารุเปกขาญาณ รู้็จักปล่อยวางในการปรุงแต่ง การปรุงแต่งการนึกคิดเพิ่มเติมทุกอย่างไอ้ตัวฟุ้งซ่านขนาดหนักเลย ทุกอย่างถ้าหยุดการปรุงแต่งลงได้มันก็หยุดหมดมันก็ดับหมด ใครเคยตามดูความคิดตัวเองบ้าง หยุดความคิดตัวเองเป็นมั๊ย หยุดเป็นเมื่อไหร่ก็เย็นเมื่อนั้นแหละ จิตสังขารคือตัวปรุงแต่งของใจสำคัญมาก

    เกิดมันก็ตรงเนี้ย แก่มันก็ตรงเนี้ย เจ็บมันก็ตรงเนี้ย ตายมันก็ตรงเนี้ย อนิจจังไม่เที่ยงก็เพราะมัน ทุกขังเป็นเพราะมัน อนัตตาก็เป็นเพราะมัน ก็เพราะจิตตัวปรุงแต่งนี้ตัวเดียว หยุดปรุงแต่งเมื่อไหร่พระท่นเรียกว่านิโรธ คือ เข้าถึงความดับ ความร่มเย็น ความสงบอย่างแท้จริง การหยุดมันท่่านเรียกว่า มรรค สาเหตุที่มันปรุงมันแต่งมันทำให้เกิดทุกข์ท่านเรียกว่า สมุทัย ปรุงแต่งมันเมื่อไหร่มันก็เป็นทุกข์ อริยสัจ ๔ มันก็อยู่ตรงนี้นั่นแหละ อยู่ที่จิตตัวเดียว ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย

    ดังนั้น ท่านถึงให้ัดูภายใน ดูที่ตัว แก้ที่ตัว ดูที่คนอื่นไม่สำเร็จ แก้ที่คนอื่นไม่สำเร็จ ทุกอย่างเป็นเรื่องของโลก เราไม่สามารถแก้ไขโลกได้ แต่เราแก้ไขตัวเราเองได้ ภาระทุกอย่างถ้าเราแบกโลกไว้มันหนักเหลือเกิน แต่ถ้าเราวางลงตัวเรามันมีภาระอยู่นิดเีดียวเท่านั้น ยิ่งฟังก็ยิ่งง่ายเนาะ ฟังง่ายใช่มั๊ย?

    เหลืออีกครึ่งชั่วโมง หรือ...มันพูดมากขนาดนี้เชียวหรือ...ว่าไปเรื่อยเปื่อยนะ ยิ่งอีตอนบรรยายให้ ชาวบ้านเขาฟังยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ วิทยากรต่าง ๆ จะพูดด้วยภาษาราชการ แต่ชาวบ้านฟังไม่รู้เรื่อง ไปถึงก็อุปโภคอยา่งนั้น บริโภคอย่างนี้ กะเหรี่ยงมันฟังรู้เรื่องไหมล่ะ เอออุปโภคบริโภค มันรู้แต่ ออหมี่ออที กินข้าวกินน้ำ อาตมาก็ต้องไปเป็นล่ามแปลไทยเป็นไทยให้เขาฟังอีกทีหนึ่ง ว่าไปว่ามาวิทยากรก็นิมนต์อาจารย์ว่าไปเรื่อย ๆ เลยครับ ตกลงบรรยาย ๖ ชั่วโมง พระว่าไป ๕ ชั่วโมงครึ่ง จริง ๆ ไม่ใช่เขาไม่เก่งนะ เขาเก่งแต่เขาลดระดับตัวเองลงมาไม่เป็น ต้องพูดภาษาชาวบ้านให้ชาวบ้านเขาฟัง นี่อาตมาก็พูดมากจนเกินไปเหมือนกัน ตกลงมีใครเก็บเอาไว้ได้บ้าง เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหมด นักปฏิบัติที่ดีเมื่อกี้บอกแล้วการจดบันทึกสำคัญมากเป็นการซ้อมอตีตังสญาณด้วย

    ขณะเดียวกันก็กันลืม หัวใจนักปราชญ์จำได้มั๊ย สุ จิ ปุ ลิ สุ มาจาก สุตะ แปลว่า ฟัง จิ ก็มาจากจิตติ ปลว่าคิด ปุ ก็มาจากปุจฉา แปลว่าถาม ลิ ก็มาจากลิขิต เขียน ฟัง-คิด-ถาม-เขียน ไอ้เขียนนี่ท่านบอกไว้ว่ากันลืม สุตตะจงฟัง เขาอย่าขี้เกียจ จิตตะคิดให้ละเอียดที่สงสัย ปุจฉาหลงจงถามอย่าเกรงใจ ลิขิตเขียนไว้ได้จะดีเอย เก่งกันทุกคนจำได้หมดเลยไม่มีใครจดสักคนหนึ่ง อย่าเชียวนะไอ้ประเภทพึ่งเทคโนโลยีน่ะ เจ๊งมาเยอะต่อเยอะแล้ว

    อาตมาอยู่วัดท่าซุงถือสมุดบันทึกเข้าโบสถ์อยู่องค์เดียว ถึงเวลาก็จดยิก ๆ พี่น้องไอ้ ๔๐ กว่าคนไปพึ่งไอ้เครื่องบันทึกเสียงอยู่ ปรากฏว่าวันนั้นหลวงพ่อพูดเรื่องที่สำคัญที่สุด เครื่องบันทึกเสียงเจ๊ง อีคราวนี้มันทึ้งอาตมาซะเป็นชิ้น ๆ เลย จดอยู่คนเดียว สิ่งที่เราฟัง จะจำได้ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นกระทบใจของเรา ไอ้ตัวกระทบใจก็คือมันตรงกับใจของเรา ตรงกับการปฏิบัติของเราตอนนั้น แต่สิ่งที่เป็นโยชน์มหาศาลสำหรับเราในอนาคตมันจะผ่านเลยไปเฉย ๆ เพราะฉะนั้นจดซะบ้างโดยเฉพาะนักปฏิบัติ หลวงพ่อท่านบอกว่านักปฏิบัติที่ดีกระดาษปากกกาห้ามห่างมือเด็ดขาด ยิ่งเวลากลางคืนที่พระท่านสงเคราะห์ อาตมาพลิกตัวมาได้ มืดก็มืดแล้วเขี่ยนไว้ก่อนอ่านออกอ่านไม่ออกให้มันมีนัยเอาไว้ถึงเวลามันก็นึกได้เอง แต่ถ้าไม่จดรอให้เวลาผ่านไปพักเดียวเท่านั้นแหละ...ลืม มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อท่านมาตอนเช้ามืด บอกให้ทำอย่างนั้น ๆๆ สั่งมา ๓ ข้อ ไอ้เราโอ๊ย...สบาย ๓๐๐ ข้อยังจำได้เลย ๓ ข้อ แค่นี้หมูมาก ปรากฏว่าพออรุณขึ้น มัเนหลือแค่ข้อเดียว อีก ๒ ข้อ มันหายขาด ชนิดคิดหัวแทบแตกก็เค้นไม่ออก ถ้าจดไว้ก่อนมันมีเค้าอยู่เราก็จะนึกขึ้นมาได้
     
  16. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ปกติแล้ววันเสาร์ห้า ตามสายครูบาอาจารย์ท่านกำหนดไว้ให้เป็นวันไหว้ครู แล้วมีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงมลด้วย วันเสาร์ห้าคือวันเสาร์ขึ้นหาค่ำ ถ้าได้เดือนห้าด้วยก็ดี ถ้าไม่ได้เดือนห้าเป็นเดือนอะไรก็ได้แต่ต้องเป็นข้างขึ้นเท่านั้น เพราะโบราณท่านเคล็ดคำว่า
     
  17. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ถาม : หลวงพี่ครับ..ในเมื่อหลวงพ่อเป็นคนสั่งทำไมต้องมีใครมาห้ามนู่น ห้ามนี่ด้วยล่ะครับ?



    ตอบ : อ้าว.. ตำแหน่งท่านใหญ่กว่านี่ ท่านเห็นว่าสมควรท่านก็ห้าม หลังจากที่หลวงพ่อท่านครอบครูให้แป๊บเดียวท่านก็มรณภาพ ถ้างานนั้นอาตมาไม่ดิ้นรนก็เป็นอันว่าอดรับประทานทั้่งหมดนั่นแหละ ก็เป็นอันว่า..การเป่ายันต์เกราะเพชรอาตมารับรองได้ว่าจะไม่ขาดสูญลงไป เพราะว่ายังมีพระที่รับช่วงไปได้ถึง ๙ องค์ด้วยกัน แต่ว่า ๙ องค์นี้ ขณะนี้อยู่วัดไม่น่าจะเกิน ๔ องค์ สึกไปบ้าง เท่าที่ทราบแน่ ๆ สึกไป ๒ องค์ ก็คือ หลวงพี่บัญชา กับท่านน้อย ท่านน้อยนี่บวชพรรษาเดียวกับอาตมาบวชพร้อมกัน ๒ องค์ ที่ออกจากวัดมาก็มีตัวอาตมาเอง มีหลวงพี่ปลัดวิรัช โอภาโส มีหลวงตาวัชรชัย ปัจจุบันคือพระครูภาวนาพิลาศ วัดเขาวง แล้วก็ท่านชาติชายที่ออกมา ที่เหลือก็เหลืออยู่วัดนิดเดียวล่ะ ก็กล้ายืนยันว่า การเป่ายันต์เกราะเพชรจะไม่ขาดสายลงถ้าหากว่าวาระและเวลาสมควรเมื่อไหร่ อาตมาถ้าได้รับคำสั่งมาจะประกาศบอกญาติโยมอย่างเป็นทางการ นะ..

    สมัยที่สิ้นหลวงพ่อลงใหม่ ๆ มีการประชุมสงฆ์กัน ทางกรรมการสงฆ์ลงความเห็นว่า ห้ามเป่ายันต์เกราะเพชรเด็ดขาด ยกเว้น ใครจะได้วิชชาสามหรือสมาบัติแปดขึ้นไป อาตมาเองเป็นคนชอบทะลุกลางปล้อง บอกว่าวิชชาสามผมไม่รู้เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ทำนายให้ผม แต่สมาบัติแปดผมว่าหมูฉิบหายเลย แน่ะ คนปากเสีย ชอบอวดเก่ง ก็..ไปงัดข้อเขา่อยู่เรื่อย ๆ ก็เลยออกมานอนอยู่ข้างนอกนี่สบายใจดี

    คราวนี้เรื่องการพุทธาภิเษกจำไว้ให้แม่น ๆ ว่า ไม่ใช่อาตมาทำหลวงพ่อท่านก็บอกว่าหลวงพ่อไม่ได้ทำ หลวงปู่ปานท่านก็บอกหลวงปู่ปานไม่ได้ทำ เมื่อถึงวาระถึงเวลา อาราธนาบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดาให้ท่านสงเคราะห์แทน เพราะฉะนั้นวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ได้ทำไปที่เกิดอานุภาพขึ้นมาจนกระทั่งพวกเราอยากได้กันมาก ๆ นั้นเกิดจากบารมีพระท่านสงเคราะห์ อาตมาเองนั่งเฉย ๆ นั่งจนกว่าท่านจะบอกว่าพอ ตัวอย่างที่ผ่านมาก็ครั้งแรกที่ทำ ไม่ได้เจตนาจะทำ หลวงปู่ปานท่านบอก..ไอ้หนู ทำล็อคเก็ตรูปข้าสักห้าพันสิลูก บอก ไม่ค่อยมีตังค์ครับหลวงปู่ ท่านบอก ไม่เป็นไรข้าหาเงินให้เอง แล้วก็กราบเรียนท่านบอกว่า ถึงอย่างนั้นก็ดีผมพุทธาภิเษกไม่เป็น ท่านบอก ไม่เป็นไรตั้งเครื่องบวงสรวงไว้เดี๋ยวข้าทำเอง สบายดีมั๊ยแหม.. แทบโดดกอดเลยนะ รับปากมานี่สบายมาก คราวนี้..วันนั้นเป็นวันเสาร์ห้าทางวัดจัดฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง บ่ายสามโมงอาตมายังช่วยงานอยู่ที่วัดเลย ช่วยจัดฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังช่วยสงเคราะห์ญาติโยมให้

    คราวนี้..หลวงปู่ท่านนัดเวลา ๑ ทุ่มตรง พอบ่ายสามเศษ ๆ อาตมาก็ซิ่งจากวัดตรงมา มาถึงที่นี่ (บ้านอนุสาวรีย์) ๖ โมง ๔๐ นาที สบายใจมาทัน ๑ ทุ่ม โผล่พรวดเข้ามาปรากฏว่าของทุกอย่างวางอยู่ทิศใครทิศมัน ไม่มีใครจัดกลัวผิด เครื่องบวงสรวงนี่เขาจะมีสีประจำทิศของเขาอยู่ จะมีทิศทางที่เฉพาะ ระบุเอาไว้ชัดเลยถ้าหากว่าผิดโดยเฉพาะไก่ ถ้าหากว่าไก่ผิดเทศไม่อยู่ทิศเหนือนี่เป็นเรื่องแน่ ๆ ท้าวเวสสุวรรณท่านไม่ยอม ก็เลยไม่มีใครกล้าจัด อาตมาก็ต้องวิ่งเหงื่อหยดจัดตั้งจนกระทั่งมันเข้าที่เสร็จเรียบร้อยดูนาฬิกา ๑ ทุ่ม ๑๐ นาทีจ๊ะ เลยเวลาไป ๑๐ นาที ..

    ตั้งใจจุดธูปเทียนบูชาพระน้อมจิตกราบพระปุ๊บหลวงปู่ปานท่านบอก เสร็จนานแล้วลูก ไปไหว้พระเถอะ ..ไม่รู้แอบทำให้ตอนไหน สบายดีมั๊ย ท่านบอกให้ไปไหว้พระเถอะ บอกเสร็จแล้วผมก็เลิกได้นะครับ ท่านบอกว่านั่งต่อไปเดี๋ยวคนเขาไม่เชื่อ ง่ายดีมั๊ย วัตถุมงคลรุ่นนั้นเป็นล๊อคเก็ตเล็ก ๆ จ๊ะ ด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงปู่ปาน ด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงพ่อ จะเป็นสีออกฟ้า ๆ หน่อยนึง ทางด้านสมุทรปราการ สมุทรสาคร เขาจะดังมาดังเพราะว่าลุงปาน นายปาน เมืืองมูล นั่น..ลูกศิษย์ก้นกุฏิของท่านชาติชายเขา เจอหน้ากันทีไร แหม..อาจารย์ มาก็ไม่บอก ไอ้ที่ไม่บอกของเขาน่ะ ..ไม่บอกหวย ลุงปานแกชอบหวยจริง ๆ ตอนที่อาตมาอยู่ที่บึงลับแลประมาณ ๒ เดือนเศษ

    ลุงปานแกแบกข้าวแบกของเข้าไปอยู่เสมอไปสงเคราะห์ ก็เลยช่วยด้วยการว่าเขียนอะไรทิ้ง ๆ เอาไว้ข้างกองไฟให้ลุงเขาอยู่ แต่ลุงเขาโลภมาก เล่นหนัก ๆ ไอ้ตัวไหนเล่นน้อยก็ถูกตัวนั้นน่ะ แล้วก็ไปนั่งสั่นหัวว่า แหม..จะล้มเจ้ามือซะหน่อยล้มไม่สำเร็จ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องบุญเก่าที่เราทำมา ถ้าหากว่าไม่ได้ทำเอาไว้หรือว่าทำเอาไว้น้อยแล้วต้องการมากรับรองว่าไม่ได้เสียเงินเปล่า ใครเคยเล่นหวยแล้วได้ต่อไปอย่าเล่นมากกว่านั้น ถ้าเล่นมากกว่านั้นคือเกินบุญเก่ามันจะไม่ได้ ลุงปานเขาก็ขอเหรียญ บอกว่าจะเอาไปให้ลูก มีลูกอยู่ ๔-๕ คน คนละแม่หมด ลุงปานแกมีเมียทีละคน รวม ๆ จนถึงปัจจุบันนี้มี ๙ คนแล้ว

    คือแกเป็นที่ชอบเดินป่าไม่ค่อยจะกลับบ้าน เมียเบื่อขี้หน้าเมื่อไหร่ก็หนี ถ้าหนีแกก็หาใหม่ เพราะฉะนั้นลูกลุงปาน ๔-๕ คนทั้งผู้หญิงผู้ชายคนละแม่หมดเลย ลุงปานก็ขอเหรียญบอกว่าจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ติดตัวกันอันตราย ก็เอาล็อคเก็ตรุ่นนั้นให้ไป พอให้ไป..ลูกสาวทำงานในโรงงานทอผ้าที่อ้อมน้อย ไอ้รถรับพนักงานมันไปชนกับสิบล้อ ลูกสาวถูกหมกอยู่ใต้เลยเพราะมันชนน่ะแรงมาก แล้วตัวเองอยู่หน้า ๆ ก็กระเด็นไปติดทางด้านหน้าปุ๊บไอ้เพื่อนข้างหลังกระเด็นมาทับ ๆๆๆ กันขึ้นไป บาดเจ็บบ้าง ตายบ้าง แข้งขาหักบ้าง เขาคุ้ยไปคุ้ยมาเจอลูกสาวลุงปานนอนยิ้มอยู่ก้นนู่น ไม่เป็นอะไรเลย ทั้งเนื้อทั้งตัว ถามว่าเจ็บมั๊ยก็ไม่เจ็บ พอค้นดูทั้งเนื้อทั้งตัวมีล็อคเก็ตอันนั้นอยู่อันเดียว

    เพราะฉะนั้นตอนนั้นถ้าใครพกล็อคเก็ตรุ่นนั้นไปโโนปล้นแน่ นี่คือเรื่องของบารมีพระท่านสงเคราะห์ แล้วบางรายอย่างเช่นที่ได้ทำพระหลวงปู่ปานย้อนยุคไป ตอนแรกอาตมาก็คิดว่าพระที่ทำไปคงไม่ได้อยา่งที่หลวงปู่ท่านทำเพราะว่าสามารถที่จะถอนพิษสัตว์ได้ ถ้าหากว่าโดนงู โดนพิษสัตว์กัดต่อย ให้เอาพระแช่น้ำตั้งใจอารธนาบารมีท่านสงเคราะห์ แล้วก็แปะหันศรีษะพระขึ้นด้านบน พระจะดูดติดกับแผลเพื่อที่จะดูดพิษออกมา ปรากฏว่ามีคนเอาไปใช้แล้วได้ผลจริง ๆ เป็นไปตามนั้นจริง ๆ อาตมาก็ดีใจว่าท่านสงเคราะห์ให้เหมือนอย่างที่สมัยหลวงปู่ปานท่านทำเหมือนกัน

    บางรายเมื่อไม่นานนี้เองล่ะ ไอ้เจ้าเอ้ ลูกศิษย์ตัวแสบของอาตมาเอง ไปถึงก็..อาจารย์ครับผมอยากได้ตะกรุดเม ไอ้ตะกรุดเมนี่พวกเรารู้จักกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ภาษาที่หลวงพ่อท่านใช้เรียกตะกรุดมหาสะท้อน ใครทำอะไรมาไม่ว่าจะดีจะเลวมันย้อนกลับไปเป็นร้อยเท่าพันทวีเลย ท่านบอกว่าให้ใช้แผ่นเงินแผ่นนากหรือวา่แผ่นทองหนัก ๑ บาทมาทำ โดยเฉพาะพวกไสยศาสตร์ใครทำ มามันจะย้อนกลับหมด ไอ้เจ้านั่นได้ยินก็อยากได้มันไปแคะแผ่นเงินมาจากไหนก็ไม่รู้บานเลยกว่าจะเขียนเสร็จเจ็บนิ้วเป็นบ้าปรากฏว่ามันได้ไปยังไม่ทันจะโดนอะไรหรอก ฟ้าผ่า ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงฟ้าผ่าแต่เพื่อนเห็นว่าสายฟ้ามันฟาดลงมาแล้วมันแยกออกเป็น ๒ ซีก ไอ้ตัวมันเองมันไม่เป็นไรหรอกไอ้เพื่อนอยู่ตั้งไกล โน่นไฟดูดซะกระโดดเหยงเลย แล้วเขาก็มาถามว่า อาจารย์ครับมันกันได้ด้วยหรือ บอกว่า เอ็งรอดตายมาหรือเปล่าล่ะ ถ้ามันกันไม่ได้ มันก็ไม่น่าจะรอดตายใช่มั๊ย แต่ว่าตะกรุดมหาสะท้อนนี่อันตรายมาก คือห้ามให้เด็ก แล้วก็ห้ามเข้าในสถานที่ ๆ ผู้หญิงหรือว่าสัตว์กำลังจะคลอด มันจะคลอดไม่ออกเพราะมันย้อนอย่างเดียว เมื่อวานนี้ผู้พันจรรย์นพโทรมาบอกว่าเมียคลอดเรียบร้อยแล้ว เจ็บท้องอยู่ข้ามวันเลย สงสัยว่าทำไมคลอดยากผิดปกติ อนุญาตให้หมอผ่าเสร็จเรียบร้อยแล้วเพิ่งรู้ว่าเมียพกตะกรุดอยู่ สั่งห้ามไปนานแล้ว เขาสารภาพว่า หลวงพ่อ..หนูลืมไปจริง ๆ เจ้าค่ะ ไอ้ผ่าออกไม่เป็นไร แต่คลอดธรรมชาติมันไม่ได้
     
  18. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ส่วนที่อาตมาเพิ่งจะกลับมาจากฝั่งพม่าบรรดาทหารเขาขอวัตถุมงคลไว้บานเลย มันมีประสบการณ์เนื่องจากครูบาน้อย พระน้องชายองค์นี้ท่านเก่งมาก อยู่ทางด้านโน้นนี่พวกทหารอะไรมักจะมาขึ้นด้วย คราวนี้ท่านมาร่วมพิธีเสาร์ห้าที่นี่ก็นำวัตถุมงคลไปแจก ๆ เขา เขารับไปปรากฏว่ากลุ่มนั้นเป็นกลุ่มกะเหรี่ยงพุทธ กลุ่ม DKBA เป็นกลุ่มที่มาเข้ากับรัฐบาลพม่าเพราะว่าตอนนั้นกะเหรี่ยงคริสต์รังแกหนักมาก จะทำกิจกรรมทางศาสนาอะไรมันขวางหมด มันไม่ให้ทำแต่ตัวมันเองทำได้ คงเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า..ว่างั้น ก็เลยมาเข้ากับรัฐบาล เวลาฝ่ายหนึ่งเข้ากับรัฐบาลอีกฝ่ายไม่ยอมเข้าก็เลยรบกันเอง



    คราวนี้ทางกะเหรี่ยงพุทธนี่จับเชลยศึกได้ ๑ คน ก็คือฝ่ายกเหรี่ยงคริสต์นั่นแหละ ก็ลงมติว่าประหาร ไอ้เจ้านั่นไหน ๆ จะตายแล้วก็เลยสู้ พอมันเห็นเขาเผลอปุ๊บมันแย่งปืนเขาได้กระบอกแล้วเปิดแน่บ ทางด้านนี้ ๔-๕ คนก็ตามล่า ไอ้คุณหมู่หม่องเอหัวหน้าทีมตามไป ปรากฏว่ามันหนีไปซ่อนในขุมเหมืองไอ้ที่เขาขุด ๆ ทิ้งร้างแล้วมีต้นไม้ขึ้นน่ะ ทางด้านนี้ก็เดินเซ่อ ๆ ซ่า ๆ เข้าไปเพราะไม่รู้ไอ้พื้นดินเรียบ ๆ มันอยู่ ๆ มันจะมีหลุมเบ้อเร่ออยู่ ไอ้เจ้านันซ่อนอยู่ข้างในก็ยิงเอา ๆ ยิงเท่าไหร่ยิงไม่ออกจนกระทั่งฝ่ายนี้ได้ยินเสียงนกปืนสับก็เลยไปช่วยกันรัวซะพรุนไปเลย แล้วพอไปตรวจปืนมันดู..หนาวจ๊ะ กระสุนทุกนัดมีรอยสับหมดแล้วแต่ยิงไม่ออก

    คุณหม่องเอเขาบอกงานนั้นถ้ายิงออกพวกผมตายหลายศพแล้ว นั่นแหละ เขาก็เลยเดือดร้อนว่าครูบาน้อยเขาบอกว่าเป็นวัตถุมงคลที่เอามาจากที่นี่ อาตมาไปถึงก็เลยต้องติดหนี้พวกมันบานเลย มาขอเอาไว้ เดี๋ยวกลับไปต้องเอาไปให้ ไป ๆ มา ๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นผู้นำกะเหรี่ยงไปซะอีก แต่พวกเขานี่รู้สึกว่าจะเข้าถึงธรรมสูงมากโดยเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติ ชนิดที่เรียกว่าจิตเขาละเอียดมาก พอจะเข้าเขตวัดนี่ถอดรองเท้าทิ้งเดินเท้าเปล่าเข้าไป เขาเคารพขนาดนั้นน่ะ ไอ้ของเรายืนอยู่ถนนฝุ่นหนาเป็นคืบมันก็กราบลงทั้งฝุ่นอย่างนั้นน่ะ ดู ๆ แล้วมันน่ายืดได้นะ ไปร่วมงานปีใหม่กะเหรี่ยงเขามา ตัวแม่ทัพของเขาก็ให้ความเคารพครูบาน้อยท่านมากเหมือนกัน ไอ้วันกลับ นายทหารระดับบิ๊ก ๆ เขาก็มาส่งกัน ไอ้รถเมล์ป่านนี้มันคงยังไม่หายมึนน่ะ อยู่ ๆ นายทหารระดับบิ๊กเขาก็ชักแถวมาส่งพระเด็ก ๆ ๒ องค์ อืือม์ เป็นไปได้เหมือนกันนะ

    คราวนี้อาตมาก็กล้ายืนยันว่าเรื่องของวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ทำไม่ใช่อาตมาทำเอง เป็นเรื่องของพระ เรื่องของครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ ในเมื่อท่านสงเคราะห์ก็อย่าได้ประมาทเพราะเราไม่ได้ทำบุญมาสม่ำเสมอ มันมีวาระ มีเวลา ที่บุญของเรามันขาดช่วงลง ถ้าถึงวาระ ถึงเวลา อุปฆาตกรรมมันเข้ามาของดีแค่ไหนก็คุ้มไม่ได้ สมัยหลวงพ่อท่านยังไม่ได้บวช ท่านถูกยืมตัวจากกองทัพเรือไปช่วยทางตำรวจอยู่พักหนึ่ง มีไอ้เสืออยู่คนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเหนียวมาก ยิงอย่างไรก็ยิงไม่ออก ปรากฏว่าวันนั้นโดนยิงตาย หลวงพ่อท่านได้ข่าวท่านก็แปลกใจมากท่านก็รีบไปดู ไปถึงก็ถามว่าทำไมมันถึงยิงตายได้ ปรากฏว่านายตำรวจที่เป็นมือปราบเจ้าเสือคนนั้นบอกว่าคุณลองลากศพมันออกจากที่ซักศอกนึงแล้วลองยิงดูใหม่ แค่ลากศพมันพ้นพื้นตรงนั้นศอกเดียวยิงเท่าไหร่ก็ยิงไม่ออก ท่านบอกว่า ที่ตายมันอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่ได้ตรงนั้นก็ทำอะไรมันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทั้งวาระ เวลา สถานที่ ทุกอย่างมาบรรจบกันต่อให้เป็นพระองค์เองก็ตายเหมือนกัน อย่าลืม อย่างเช่นท่านมหากาลนะ เป็นพระโสดาบันก็ตาย ลงไปล้างหน้า โจรมันไปปล้นเขาแล้วมันหนีมา มันเห็นพระท่าน เห็นชาวบ้าน มันหนีไม่รอด ตอนเช้ามืดนี่ ท่านมหากาลท่าไปรักษาศีลอุโบสถของท่านที่วัด เช้ามืดก็ลงมาล้างหน้า เออ...กะว่าลาศีลเสร็จก็กลับบ้านล่ะ ปรากฏว่าลงไปล้างหน้าโจมันหนีชาวบ้านมาเห็นท่าว่าจะหนีไม่พ้นมันก็ทิ้งของไว้แล้วมันก็เผ่นตัวเปล่าไป ชาวบ้านวิ่งมาถึงเห็นของอยู่ข้าง ๆ จำหน้าโจรไม่ได้เพราะว่ามันมืด ๆ เขาก็ไล่ทุบเอาตายเลย นั่นพระโสดาบันนะ ส่วนต้นตำรับของผู้มีฤทธิ์ คือ พระโมคคัลลาน์ ก็โดนทุบซะกระดูกป่นเป็นเม็ดข้าวสารเลย ขนาดนั้นถ้าวาระของกรรมเข้ามายังไม่สามารถหนีพ้นได้
     
  19. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    พวกเราก็ไม่ควรประมาท โดยเฉพาะธรรมะทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์พระพุทธเจ้าท่านสรุปลงตรง
     
  20. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ที่ไปพม่ามาอาตมาไปตรวจงานการก่อสร้างวัดหนองบัวที่นั่น ตอนนี้สิ่งก่อสร้างก็ถือว่าก้าวหน้าไปในระดับที่น่าพอใจ พระเจดีย์เสร็จแล้ว พระนาคปรกเสร็จไปแล้วประมาณ ๙๐% อย่าคิดว่าพระนาคปรกองค์เล็ก ๆ นะ อาตมานั่งทำเล็ก ๆ แต่ให้ค่าแรงช่างมันฟุตละ ๑๐,๐๐๐ ช่างก็เลยตะบันไปซะ ๑๘ ฟุตจ๊ะ สรุปแล้วแค่ค่าแรงปั้นนาคตัวเดียวมันล่อไปแสนแปดแล้ว แล้วยังพระอีก ๖ ฟุต รวมความแล้วสองแสนสี่จมหายไปเลย ยังไม่ได้คิดค่าปูนค่าทรายค่าอะไรเลยนะ



    ส่วนขณะนี้กำลังทำกุฏิเจ้าอาวาสเพิ่มอยู่ ตอนนี้ต้องการเจ้าภาพกุฏิ ๓ หลัง ใครจะอาสายกมือได้ คิดไม่มากคิดหลังละแสนเดียวที่เหลืออาตมาจะหาเอง ไอ้ที่เอาถึง ๓ หลัง เพราะว่าเจ้าอาวาสวัดหนองบัวท่านต้องการหลังหนึ่ง อาตมาต้องการหลังหนึ่งอาจารย์ต้าต้องการหลังหนึ่ง ใครต้องการเป็นเจ้าภาพแจ้งความประสงค์ได้นะจะติดชื่อครองครัวติดชื่อตัวเองติดอะไรมาตมาจะทำให้ รับรองว่าคุ้มค่ากับเงินทุกประการที่ได้ทำไป จะไม่ทำให้สวยเกินความเป็นพระ แต่ขณะเดียวกันเวลาใครไปก็จะไม่ให้ขายหน้าเขาว่าเจ้าของกุฏขี้เหนียว เอาแค่พอสมควร

    ตอนนี้ที่วัดหนองบัวได้ช่วยท่านก่อสร้างไป ๑๑ เดือนเศษ ๆ ไม่ถึง ๑๒ เดือนดี ตอนนี้เงินถมอยู่ที่นั่น ๑๗ ล้านกว่าบาท เหตุที่มันแพงเพราะราคาของฝั่งพม่ามันแพงมาก ปูนซีเมนตราช้างฝั่งพม่าลูกหนึ่งราคา ๑๖๐ บาทไทย เมืองไทยประมาณร้อยเดียว กระเบื้องทางด้านโน้น ๔ ฟุตราคาประมาณ ๑๔๐ บาทไทย อยู่ฝั่งไทยนี่คงซื้อได้ประมาณ ๕ แผ่นกว่า ๆ ของทุกอย่างจะแพงหมดทั้ง ๆ ที่ไปจากไทย แล้วถามว่าทำไมไปทำไว้ที่นั่น..สงสารคนไทยที่นั่น..อยู่ที่โน่นตั้งแต่สมัยบุเรงนอง โดนเขากวาดใส่เกวียนไปหรือว่าเดินไปก็ไม่รู็ ตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา

    วัดวาอารามทรุดโทรมจนหมดสภาพขนาดปลวกกินปูนได้ ปูนสมัยโบราณเขาใช้เปลือกหอย ใช้น้ำอ้อย ใช้ปูนขาว ใช้ข้าวเหนียว ตำผสมกัน พอหมดอายุนี่อร่อยมาก ปลวกมันกินพรุนเลย ไปดูแล้วมันหมดสภาพจริง ๆ ก็เลยตั้งใจทำให้ใหม่ จริง ๆ แล้วไม่ได้คิดทำหรอกบังเอิญหลวงปู่ปานท่านไปด้วย หลวงปู่ปานท่านบอกว่า ถ้าคุณคิดว่ามีความสามารถ..จำไว้นะถ้าท่านพูดเพราะ ๆ เมื่อไหร่น่ะมีงานให้ทุกทีล่ะ ถ้าขึ้นเอ็งขึ้นข้านี่สบายใจ ถ้าคุณคิดว่ามีความสามารถก็ช่วยเขาหน่อย แหม อีแบบนี้บีบคอบังคับเลย

    เพราะหลวงพ่อสอนไว้ที่วัดท่าซุงเสมอ ๆ ท่านบอกว่าใครก็ตามอย่าพูดคำว่าไม่สามารถให้ผมได้ยิน ถ้าใครพูดคำว่าไม่สามารถให้ผมได้ยินผมจะไล่ออกจากวัดเลย พอหลวงปู่ท่านบอกว่าถ้าคุณมีความสามารถก็ช่วยเขาหน่อย แน่จริงบอกว่าไม่สามารถสิ (ก็ออกจากวัดมาแล้วนี่ครับ) ถึงออกมาแต่ว่าสิ่งที่หลวงพ่อสอนติดมาด้วยไม่ไ้ด้ทิ้งไว้ที่วัด ใส่กระเป๋ามาเพียบเลย ก็..ถึงได้ตั้งใจไปทำให้เขา ทำแค่เท่าที่คิดว่าทำได้น่ะ สงสารชาวบ้านแถวนั้น ทางฝั่งพม่าจริง ๆ แล้วเขาทุ่มเทให้กับศาสนามาก แต่มันเป็นการทุ่มเทแบบชนชาติใครชนชาติมัน พม่าช่วยวัดพม่ามอญช่วยวัดมอญ กะเหรี่ยงช่วยวัดกะเหรี่ยง มันก็เหลือคนไทยอยู่แถวนั้นไม่เท่าไหร่ ตอนแรกที่ไปอาตมาคิดว่าเขาเป็นคนลาว เพราะว่าภาษาไทยโบราณก็คือลาวดี ๆ นี่เองแหละ แต่ได้ยินเขานับเลขเขานับยี่สิบ บ่แม่นลาวแล้วลาวบ่มียี่สิบ ใช่ไหม ใครพูดลาดได้ ลาวเขาไม่พูดยี่สิบ เพราะงั้นถ้าหากว่ายี่สิบไม่ใช่ลาวแน่ ๆ อันนี้ก็คือว่าไอ้ที่ก่อสร้างอยู่ ตอนนี้ไปอัดขยายมาเตรียมจะติดให้พวกเราดู
     

แชร์หน้านี้

Loading...