แนวหลวงพ่อเทียน เป็นสมถะหรือ เจริญสติ

ถามเพราะไม่เข้าใจและไม่เคยศึกษาจริงๆค่ะ
เจริญสติแบบเคลื่อนไหว ของหลวงพ่อเทียน
1.ต้องบริกรรมหรือเปล่าคะ เวลายก/วาง ถ้าบริกรรม ใช้คำอะไรบ้าง

2.ไม่บริกรรม จะยากเกินไปหรือเปล่า สำหรับเด็ก ลูกชาย 6 ขวบ แถมสมาธิสั้นอีก บ่นคัน ไม่ยอมนั่งสมาธิแล้ว คิดว่า ต้องหาวิธีใหม่ให้เขานะค่ะ เลยคิดว่า มาทางหลวงพ่อเทียนถูกหรือเปล่าคะ

3. แล้วเป็นการสมถะหรือ เจริญสติคะ

พอจะมีวัดใน กทม. ที่ปรึกษาได้หรือเปล่า คะ (เข้าคอร์สค้างคืนไม่ได้ค่ะ เพราะลูกชายยังเล็ก และแม่ก็ไปค้างไม่ได้ด้วย งานเยอะค่ะ)

อนุโมทนาในคำตอบค่ะ

 

หาอ่านได้ในวิธีที่หลวงปู่เทียนแนะนำ

ลองลองทำตามดูได้นี่
มีโอกาศ ก็ลองไปสอบถามที่วัด กับพระลูกศิษย์ที่ฝึกตามคำแนะนำหลวงปู่เทียน


วิธีหลวงปู่เทียนแนะนำ ก็เป็น การเจริญสติปัฏฐาน
เพียงแต่เน้นที่หมวดกายานุปัสนา สติสัมปชัญญะบรรพะ

ต่างแต่ภาษาในการอธิบาย
ฝึกแล้ว ผลไม่ต่างจากที่พระพุทธเจ้าสอนในสติปัฏฐาน 4
เป็นทั้งสมถะ ได้ทั้งวิปัสนาครับ
เพียงแต่ว่า สมถะความสงบนี้ มันเข้าไปเดินฌานที่เรียกว่า ลักขณูปนิชฌานเลย

 

หลวงพ่อ เทียนสอนกรรมฐาน ตรงตาม สติปัฎฐานสูตรครับ..ในหมวด กายานุปัสสนากรรมฐาน ใน บรรพพะ ที่ 3 ชื่อว่า สัมปชัญญะบรรพพะ..อาศัย การเคลื่อนไหว ของกาย เพื่อ รู้สึกตัว หาก เมื่อใดที่ไปจ้อง หรือ เพ่ง การเคลื่อนไหว ก็จะเป็น สมถะ หาก เมื่อใด ที่ รู้สึกตัว ว่า เกิดการเคลื่อน จะเป็น วิปัสสนา ครับ

ส่วนเรื่อง การ หา ที่ปรึกษา เรื่องกรรมฐาน แนวนี้ มี ที่วัดสนามใน จังหวัด นนทบุรีครับ.. และ มีที่ วัดป่าสุคโต จังหวัด ชัยภุมิ มี หลวงพ่อ คำเขียน เป็นศิษย์เอก ของท่านเลย ทุกวันนี้ หลวงพ่อ คำเขียน ยัง อยู่ ที่ วัด ป่าสุคโต ครับ....

เรื่อง เด็ก อายุ 6 ขวบ และมี สมาธิสั้น...ผมว่า..อย่า พึ่งหัด ให้เด็ก รู้จัด กรรมฐานเลยครับ การจะแก้ นิสัยสมาธิสั้นในเด็ก ที่อายุ แค่ 6 ขวบ ผมว่า.ยังไม่เหมาะครับ...สู้ ใช้วิธีสังเกตุ เด็กว่า เขาชอบอะไร ที่ เขา ทำแล้วใจ เบิกบาน หรือเขาเพลิดเพลิน กับสิ่งๆ นั้น หาก สิ่งที่เขาชอบ ไม่ อันตราย และใจเขาชอบ ให้ เขาคลุกคลี สิ่งๆนั้นไปก่อน เพื่อ ใจเขาจะได้ อยู่ กับสิ่งที่เขาชอบ ได้ นาน ขึ้น รอจนเขา มีอายุมากขึ้น รู้จัก สังคม และ เข้าใจ เรื่องราวมากกว่านี้ ค่อย ชัก จูงเขา เข้าหา พระศาสนา ภายหลัง ดีกว่า ..การ พาเขาไปสัมผัส วัด บ่อยๆ แบบไป เที่ยว ไหว้พระ หรือ เดิมชม วัดในแง่มุม ของความสวยงาม ปลูกฝังเขาไปก่อน จะ ดีกว่ามากครับ

 

จะมาแนวหลวงพ่อเทียน
"สมถะ" ต้องมั่นคงก่อนค่ะ

ถ้าไปสายเจริญสติเลย
กำลังในการตัดกิเลสจะไม่มี

สมถะภาวนาจะเป็นกำลังไว้ตัดกิเลสค่ะ
คุณก็นั่งสมาธิอาณาปานสติไปเรื่อยๆ
อาจจะวันละครึ่งชั่วโมงก็ได้ (เก็บพลังงานไว้ก่อน)
คุณเคยได้ยินคำว่า "อินทรีย์" ไหมคะ
นั่นแหละค่ะ ครูอาจารย์หากเห็นว่าจิตของ
ลูกศิษย์ "อินทรีย์ยังไม่เข้มแข็ง" ก็จะไม่
ต่อกัมมัฏฐานให้ ท่านก็จะให้นั่งสมาธิดูลม
ไปจนกว่าจิตจะมีกำลังเข้มแข็งก่อนน่ะค่ะ

 

เท่าที่ผม เคย ฟัง หลวงพ่อ เทียนท่าน เทศนาธรรม มา.....

ท่านไม่เอา การ ปฎิบัติแบบ นั่งหลับตา เลย....และ ท่าน กล่าวไว้ว่า....สมถะ กับ วิปัศสนา เป็นเพื่อน กัน ได้ แต่ไป ด้วยกันไม่ได้..( ผม มี ซีดี คำสอน ของ หลวงพ่อ เทียน อยู่เปิด ฟังบ่อยๆ ครับ)...

ที่ว่า เป้น เพื่อน กันได้ นั้น เพราะว่า มี ที่สุดของอาการ คล้ายๆกัน คือ จิต สงบ
และ ที่ว่าไป ด้วยกันไม่ได้เพราะว่า คุณูปการ ของ ความสงบ แบบสมถะ และ วิปัสสนา ให้ผลที่แตกต่างกัน

หลวงพ่อ เทียน ท่านจึงกล่าวว่า สมถะ และ วิปัสสนา เป้นเพื่อนกันได้ แต่ไป ด้วยกันไม่ได้

 

ความเข้าใจผิดอย่างมากของผู้ที่จะเจริญสติปัฏฐาน

ไม่ใช่ว่า
ต้องไปทำสมาธิทำจิตให้สงบเป็นสมถะก่อนแล้วจึงจะเจิญวิปัสนาหรือเจริญสติ
ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น

กรณีผู้ที่เหมาะสมกับแนวทางทำความสงบให้เป็นสมถะ
อันนี้ก็ทำได้วิธีนึงของการเจริญสติ

กรณีของ สติปัฏฐาน มันสามารถ จะเจริญได้เลย
เริ่มฝึกได้เลย อาศัยมีความเพียร ฝึกบ่อยๆ ทำเนืองๆ ต่อเนื่อง


การจะตัดกิเลส ไม่สามารถที่จะตัด จะละด้วยความตั้งใจได้
หากตั้งใจละ ตั้งใจตัด อันนี้มันเป็นเพียงทมะ ข่มกิเลส
ยังไม่ใช่การตัดกิเลส แม้จะมีกำลังสมถะมากมากแค่ไหน
มีอิทธิฤิ์ยกแผ่นดินเหาะเหิรเดินอากาส ก็ไม่สามารถ ตัดกิเลสได้ด้วยการตั้งใจตัด

มีเพียงการเจริญสติปัฐฐาน
จน สติสัมปยุตด้วยปัญญาเท่านั้นจึงจะตัด
จะละกิเลสได้เป็นสมุปเฉท ซึ่งมันเหนือวิสัยการตั้งใจตัดตั้งใจละกิเลส

 

เห็นได้ชัดครับพี่ ป.ปลา ในช่วงของการรู้จักสมาธิเข้าไปกดข่มกิเลสได้ จะพาไปเข้าใจว่าจะต้องสะสมกำลังให้พอเพื่อจะระงับกิเลสที่มีให้หมดไปได้
หากถอยออกมาหมั่นเจริญสติบ่อยๆสม่ำเสมอโดยเว้นความจงใจลง
ก็จะค่อยๆเห้นว่ากิเลสมันจางคลายได้ด้วยการเห็นความจริงขณะนั้นๆ
การเข้าไปยึดจับเอาสิ่งต่างๆก็จะคลายออกด้วย

 

ทราบมาว่า มี รร อนุบาล แถวสุขุมวิท เด็กอนุบาลฝึกสติแนวหลวงพ่อเทียน หลวงตาสุริยามาสอน คะ

 

เอาเข้าจริง เคลื่อนไหวมือไปเรื่อยๆ จิตก็หยุดรวมเป็นสมาธิได้ครับ คล้ายๆการจงกรมเลยครับ แต่เปลี่ยนเป็นเคลื่อนไหวมือ

 

ปรมัตถสัจจะ, หลวงพ่อเทียน, การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว, การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแบบหลวงพ่อเทียน ธรรมะบรรยาย


ลองโหลดไปฟังดูน๊ะครับ ของอาจารย์อัญชลี ไทยานนท์ (สายหลวงพ่อเทียน)

 

เพียรเจริญสติสัมปชัญญะ สม่ำเสมอจะเกิดสมาธิเกิดฌานในที่สุด เป็นลักขณูปนิชฌานตามที่คุณปราบเทวดาบอก ไม่จำเป็นที่ต้องคล่องสมถสมาธิมาก่อน จากที่เคยอ่านแนวของหลวงพ่อเทียนก็เหมือนกับการเดินจงกรมนั่นแหละ แต่มีข้อดีที่นำไปประยุกต์ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือการเจริญสติสัมปชัญญะแบบนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถเดินจงกรมได้ เช่นผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต พิการท่อนล่างของร่างกายแต่แขนและมือขยับได้ปกติ และกับผู้ที่นอนป่วย แล้วต้องการเจริญสติสัมปชัญญะโดยการขยับแขนขยับมือ

 

เล่นอธิบาย จะนกก็ไม่ใช่ จะหนูก็ไม่ใช่ เอาไงแน่วะ..ไอ้ค้างคาว อิอิ
ท่อนบนนะถูก-ท่อนล่างแปลไม่เป็นภาษาเลย ไอ้คนอนุโมทนาก็ตอบอีกอย่าง..ซื่อตรงกับใจตัวเองหรือธรรม ยังไม่มีเลย มั่วไปหมด
ตอบธรรม อย่าเอาใจใคร ให้เอาใจธรรมที่ตัวเองรู้..เหนื่อเว้ยยส์ กาแฟมา อิอิ:boo:

 

ด่าก็ด่าได้ แต่พอให้อธิบาย

ไม่ได้รู้เรื่อง เรียกว่าอาศัยมาด่าอย่างเดียว ถูกมั๊ย

 

ก็หมั่นเจริญสติภาวนาให้สม่ำเสมอทำตลอดเท่าที่จะรู้สึกตัวได้นะปู่
ปู่จะถนัดฐานไหนก็ได้มีสี่ฐาน ทำบ่อยๆเนืองๆ ทีนี้ปู่จะรู้จักสมาธิในอีกแบบ
จะมาคู่กับปัญญา ตรงนี้ล่ะที่จะทำให้เห็นความจริงของกายใจ เรียกว่า จางคลายต่อความยึดมั่นถือมั่นลงได้ ซึ่งจะต่างกับการใช้กำลังสมาธิเข้าข่มที่เรียกมาไวได้หายได้โผล่ใหม่ได้อีก
ปล.ติดกันเหนียวไว้ หากสมาธิอย่างหลังตามเห็นความไม่เที่ยงได้ก็เข้าสู่มรรคเดียวกัน

 

ไม่ถูกครับ..
คุณอ่าน-คนตอบ..มันถูกครึ่งบกครึ่งน้ำ..หรือให้ใครมาอ่านก็ได้ มันแปลว่ายังไงมั่วไหม อิอิ:boo:

 

ลองชี้ไปซิว่าเขามั่วตรงไหน

ถึงจะเรียกว่า เวลทัลละ

ไม่ใช่ ด่าอย่างเดียวแล้วก็วิ่งหนี

เห็นแจ้งกว่าคนอื่นต้องอธิบายได้
ชี้เขาได้ แนะนำเขาได้

 

คุณมันคนไม่ยอมรับความเห็นใคร..ของคุณต้องถูกเสมอ-
..นี่ขนาดเห็นจะ จะ คุณไปอ่านความเห็นที่คุณตอบมาก่อน..มันคนละแนว เนื้อผสมยำกันเละ..กับเจ้าจิตนนท์มันตอบไหม
.. แล้วคุณยังไปอนุโมทนาอีก..มันชัดเจนที่ไหน เถียงกับคุณจนเบื่อ อ้างว่าเขาวิ้่งหนีอีก..กลับไปอ่านซิ ..คนอื่นเขาเห็น เขาอ่านปั๊บก็รู้แล้ว เบื่อเถียงกับคุณ อิอิ:boo:

 

มุขนี้ตลอดแหล่ะ
มุขเบื่อ

 

เอ้าสงเคราะห์ให้..ตอบมาถูกไหม ไม่มีสมาธิจะทรงสติปัฏฐานได้ไหม..แค่เสี่ยวเดียวนะ ไปละ อิอิ
..ที่คุณ ปราบเทวดา โพสต์ (เห็นแย้ง-ไม่ใช่ด่าคุณเอาอะไรคิดนี่)

ความเข้าใจผิดอย่างมากของผู้ที่จะเจริญสติปัฏฐาน

ไม่ใช่ว่า
ต้องไปทำสมาธิทำจิตให้สงบเป็นสมถะก่อนแล้วจึงจะเจิญวิปัสนาหรือเจริญสติ
ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...
(นอกจากไม่ชัดเจนในเนื้อหาที่ยกมา สลับกันแล้ว-ยังผิดในหลักเกณฑ์ใหญ๋ๆอีก สมาธิไม่เกิดเลยทรงได้ไหมสติปัฏฐาน4..):boo:

 

ลำดับที่ถูก..จิตสงบ-สมาธิเกิด..วิปัสสนาหรือสมถะ(นำ)...ฯล

เอ้าเถียงมา..อย่าวิ่งหนี เงียบทำไม อิอิ:boo: