สมัยนี้มีคนเก่งกว่าพระพุทธเจ้า

อ่านดูหลายๆโพสต์ หลายคนบารมีมากกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก รู้เห็นมากเกินกว่าพระพุทธเจ้า มากกว่าครูบาอาจารย์ ผมอ่านแล้วตื่นตาตื่นใจนัก
ตื่นตาตื่นใจกับพระโพธิสัตว์ผู้มากด้วยบารมีทั้งหลาย
ที่โพสต์มานี้ก็ด้วยสงสัย ว่าทำไมเก่งกันยิ่งนัก เอางี้เพื่อเป็นการพิสูจน์กำลังอภิญญาญาณของท่านทั้งหลาย รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 นี้
จะออกตัวไหน ถ้ารู้ได้ทั้ง 6 ตัว ก็ถือว่าท่านทรงอภิญญาจริงๆ
โพสต์นี้ก็อย่าถือสาผมเลยนะครับ ถ้าอ่านแล้วก็ถือว่าขำๆก็แล้วกันนะครับ

 

ไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้าหรอกครับท่านเจ้าของกระทู้ มีแต่คนที่มีกิเลสมากจนเกินไป สำคัญตนว่าเป็นผู้วิเศษ จนลืมมองเห็นกายในกาย ธรรมในธรรม

การแสดงอภิญญาพระพุทธเจ้าก็ทรงห้ามไม่ให้แสดงครับ ถึงใครจะแสดงอภิญญาเหาะเหิน เดินอากาศ หายตัวได้ มีฤทธิ์กล้าแกร่งยังไง วันหนึ่งเขาคนนั้นก็ไม่พ้นความตายแน่นอน เราควรคิดว่าเราจะทำยังไงที่จะเข้าถึงธรรมที่ไม่ตายครับ นั่นคือ มรรคมีองค์ 8 เป็นไปเพื่อนิพพานครับ

 

ไม่มีใครเก่งกว่าพระพุทธเจ้า มีแต่งัดเอากิเลสออกมาอวดออกมาแสดง
จะว่าไปพระพุทธเจ้าท่านห้ามแสดงฤทธิ์เฉพาะภิกษุ คนทั่วไปแสดงได้ แต่ว่ามันติดตรงที่..ผมไม่มีน่ะซี้ ถ้ามีก็ซื้อหวยเล่นเองไปแล้ว
(sing)

 

ที่เข้ามาโพสต์ๆส่วนมากก็ไม่มีใครเป็นพระอยู่ีแล้ว
ถ้าเป็นพระการอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตนถือว่าต้องปาราชิก
แต่ถ้ามีก็แค่อาบัติ สามารถปลงได้ถ้าผิดเพียงขั้นอาบัติ
ดังนั้นผมก็อยากให้ท่านเหล่านั้นได้แสดงฝีมือสักหน่อย
ถือว่าโปรดคนธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำอย่างผมแล้วกันครับ (แอบหวังเล็กๆครับ)
ผมไม่มีเจตนาลบหลู่ความปรารถนาของท่านพระโพธิสัตว์แต่ละท่าน ผมขอโมทนาในกุศลเจตนาของทุกท่าน
และขอให้กุศลเจตนาของทุกท่่านสำเร็จโดยเร็วพลันเพราะโลกนี้ถ้ามีแต่ผู้มีใจดังพระโพธิสัตว์ โลกคงสงบร่มเย็นยิ่งนัก
แต่ที่โพสต์ก็อยากจะเตือนๆท่านเอาไว้บ้าง เพราะบางทีที่ีผมอ่านๆ ก็สุดจะพรรณนาจริงๆครับ

 

พูดง่ายง่ายคือขอหวยว่างั้น

 

อยากกด Like จังครับอิอิ
สมัยพุทธกาลก็มี 6 อาจารย์ใหญ่นะครับ(เพื่อ...++++ อยากดัง,อยากให้มีคนกราบไหว้มาก)

 

แม้ผมจะไม่ใช่สมณเพศ แต่ผมก็ยังเชื่อพระพุทธเจ้า เพราะ ผมเอาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบรมครูของผม

 

ระวังนรกขุมสุดท้ายนะครับ

 

ออกเลข0-9 น่ะ ไม่แปลกไปจากตัวเลขที่สมมุตินี้ ^ ^ ถ้าถูกก็สละเยอะๆนะ (สละจากความยึดติดสิ่งที่มีนะมิใช่สละเพื่อบุญอะไรเนอะ)

 

หลายๆคนได้เอาคำสอนที่บันทึกเป็นตัวหนังสือมาตีความเหมือนวิชากฎหมาย มีบางคนยกเรื่องเหตุแห่งการออกบวชมาวิเคราะห์ในทางรัฐศาสตร์

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้นะครับ

 

ใช่เลยครับ ท่านเจ้าของกระทู้ต้องระวังตัวเลย เพราะ ตั้งชื่อกระทู้ประมาทพระพุทธเจ้า บางครั้งการที่เราไม่รู้ หรือไม่ได้ศึกษาข้อมูลของพระพุทธเจ้ามาถี่ถ้วนมันก็สื่อความเป็นตัวตนของเจ้าของกระทู้ องค์ความรู้ตัวเองออกสู่สาธารณะ และตั้งชื่อกระทู้มาแบบนี้ขำไม่ออกเลยครับ ไม่ควรพูดขำกับกรณีประมาทพระพุทธเจ้าเช่นนี้

 

ผมสงสัยว่า เจ้าของกระทู้เค้าสบประมาทพระพุทธเจ้าตรงไหนครับ? เค้าแค่บอกว่ามีคน "อื่น" ตั้งตนเป็นผู้วิเศษอยู่เยอะ จริงบ้างปลอมบ้าง แล้วมันไม่จริงตรงไหนครับ? อย่างห่มเหลืองเณรคำฉัตติโกน่ะ ก็สร้างกระแสกันเหลือเกิน ว่าเป็นอรหันต์ (??) บ้าง ได้โน่นได้นี่บ้าง ชาติสุดท้ายบ้าง สุดท้ายก็แค่ห่มเหลืองบ้ากามบ้าวัตถุตัวนึง คนธรรมดา ๆ กิเลสหนาไปห่มเหลืองเท่านั้นแหละ พอความจริงเปิดเผยไม่รู้พวกสาวกที่เคยชาบูหายหัวไปไหนกันหมด

เลิกเถอะครับ ประเภทที่แบบว่า ถ้าไม่ยอมก้มหน้าก้มตายอมรับในพุทธศาสนาหรือวิพากย์ใด ๆ ออกมาแล้วจะกลายเป็นแนวว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" หรือ "ระวังนรก" เอาแต่คำ ๆ นี้มาขู่มันไม่ได้ดูดีหรอกนะครับ มันเหมือนสังคมบูชายัญแม่มดสมัยก่อนน่ะครับ คือมึงต้องเชื่อสิ่งที่กูเชื่อ ถ้าไม่เชื่อคือมึงผิด ตลกจริง ๆ

อ่อ แล้วไม่ต้องมาใส่หัวโขนให้ผมว่าเป็นพวกนอกรีต นอกศาสนาหรือลบหลู่พระพุทธเจ้าอีกคนล่ะ ผมน่ะเชื่อมั่นในพระพุทธองค์และสิ่งที่พระพุทธองค์สอนเสมอ ที่สำคัญพระพุทธองค์ท่านไม่เคยสอนให้คนงมงายหรือสักแต่เชื่อ ๆ ไปโดยไม่ให้ตั้งข้อสังเกตเลย เพราะพระพุทธองค์ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่พิสูจน์ได้ ผ่านมาสองพันห้าร้อยกว่าปีมีพวกแต่งเติมเยอะ ศาสนาพุทธเลยออกไปไกล ไกลกว่าเดิมมาก จากแก่นมีแต่เปลือกมาหุ้มหนา ๆ

ผมแค่ต่อต้านพวกห่มเหลืองหากินกับศาสนาเท่านั้นเองครับ พระพุทธองค์ท่านสอนอะไรแล้วทุกวันนี้เราเห็นอะไร ใช่พวกห่มเหลืองที่เดินในห้างพันทิบดูซื้อคอมหรู ๆ แล้วบอกว่าเอาไว้เผยแพร่ธรรม (??) หรือเปล่าครับ หรือจะใช่พวกเดียวกับที่ไปเดินซื้อแผ่นหนังตามคลองถมแล้วบอกว่าซื้อเพื่อไว้ดูแล้วปลงหรือเปล่าครับ เพราะพวกนี้หากินกับความศรัทธาของคนที่งมงายอย่างไร้สมองไม่ใช่หรือครับ ถึงมีเงินกินเงินใช้ยิ่งกว่าคนทำมาหากิน (แต่ไม่ได้ปฏิบัติตนให้เป็นเนื้อนาบุญเลย) ถ้าจะบอกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป ผมถามว่าสมัยพระพุทธองค์ก็มีเงินมีทอง ทำไมพระพุทธองค์และสาวกของท่านจึงอยู่ได้โดยไม่ต้องสะสมเงินทองวัตถุ แล้วทำไมสองพันห้าร้อยปีกว่า ๆ ผ่านมานี่ เราจึงเห็นข้ออ้างเยอะเหลือเกินของห่มเหลืองหลายตน ที่จะให้ตนนั้นใช้ชีวิตแบบฆราวาส (แต่รับปัจจัยรับบาตรแบบพระ) ล่ะครับ?

 

ถ้าอ่านกระทู้จบหมด
ก็จะเข้าใจในเจตนาของผมครับ
ผมแค่อยากเตือนสติผู้ที่กำลังปฏิบัติทั้งหลาย ว่าอย่าได้หลงตัวเอง ว่ามีบุญบารมีมากล้น จนลืมแก่น ลืมคำสอนพระพุทธเจ้า
เพราะว่าสิ่งที่นำมาพูด มาโพสต์ บางทีมันเหนือโลก เก่งเกินพระพุทธเจ้าไปแล้ว ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะพระพุทธเจ้าประเสร็ฐสุดแล้ว
สาธุ กับผู้มีกุศลเจตนาทุกท่านครับ

 

ไม่มีใครรู้ใจใครได้เท่าตัวเขาเอง เราไม่รู้จริง อย่าปรามาสผู้อื่น ...

- ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ - กรรมใคร กรรมมัน -

 

ก็จริงครับ อย่างท่าน soul mate ว่าล่ะครับ
แตุ่บางที ถ้าพอจะเตือนสติท่านที่ำกำลังปฏิบัติได้บ้างก็จะดี
เพราะผมคิดว่า ไม่ใครเก่ง ใครประเสริฐเท่ากับพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนั้นถ้าผมพูดว่าไม่มีใครเก่งเท่าพระพุทธเจ้า คงไม่ได้ปรามาสใครแน่นอน
แต่ก็ช่างเถอะครับ ผมเจตนาดี ใครคิดดี พูดดี ทำดี ก็ได้ดีเองละครับ
ผมจบกระทู้ดีกว่า

 

กระทู้นี้ควรอยู่ในหมวด อภิญญา น่าจะถูกต้องที่สุด

 

ตรงที่ว่าเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ความหมาย พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นศาสดาของพวกเรา เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จะมีใครเก่งกว่าได้ยังไง จะมีแต่กิเลสของผู้นั้นที่เกินออกมาอยู่ประจำ

หลายคน หลายความคิด และหลายการกลั่นกรองความคิด ถ้าพิจารณาให้ชัดเจนจะเห็นความถูกต้องบนความถูกต้องที่สุด

 

เข้าใจว่าจะมาโพสให้คนที่อยู่ในห้องนี้เห็นมั๊งครับ ผมว่าควรจะเตือนด้วยคำพูดที่เป็นกลาง แต่ใครจะเป็นอย่างไร"ช่างหัวมัน"เถอะครับ สำคัญที่ใจเราเองมากกว่า แค่เราไปหมั่นไส้ มีใจขุ่นเคือง ใจเราก็เป็นพิษแล้ว
จริยาที่ผู้อื่นแสดงออกเราเข้าใจไม่ถูกต้องหรอกครับว่าเขาเป็นคนอย่างไร มีเจตนาอย่างไร มันสำคัญที่สาระใจความในแต่ละกระทู้ที่เราจะได้มากกว่า มีประโยชน์ก็เอามาใช้ ไร้ประโยชน์ก็ปล่อยมันไป แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องแย้งก็ตามสมควรและไม่ถึงกับต้องไปมีอคติอะไรมากมาย

 

ตั้งกระทู้ ได้โดนใจ!! เพราะผมเห็นหลายกระทู้ ไปๆ มาๆ ก็คนมาตอบเก่งกว่า เจ้าของกระทู้ที่แนะนำอีก ไป ๆ มาๆ คนตอบหลายๆ คนก็มีคนเก่งขึ้นไปอีก สุดท้ายผมว่ามาพิจารณากันเองดีกว่าครับ คนไหนที่น่าจะตอบได้คำตอบเข้าใจที่สุด ผมจะอนุโมทนา คนนั้นหล่ะครับ

 

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน ก็สงบๆ ๆ
ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ ๆ ดูแต่ตัวเรา
ระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของเราเองให้มากๆ

พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน
เรื่องของคนอื่น พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา
ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ หาเรื่องอยู่อย่างนั้น
เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราหมด
มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ ทั้งวัน
อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย ทั้งวันๆ ก็หมดแรง

พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มาก
ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา
อย่าเอามาเป็นอารมณ์ อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา

ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา
คิดดี พูดดี ทำดี ....มีความสุข

......... พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก


สาธุ...ครับ