ขายสินค้าเเข่งกับบริษัทที่เคยทำงานจะบาปมั้ย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เมตยา, 27 เมษายน 2013.

  1. เมตยา

    เมตยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +239
    พอดีมีพี่ฝากถาม เขากลุ้มใจมาก พี่เขายังทำงานที่บริษัท เเละเป็นเซลล์ขายสินค้าชนิดหนึ่งอยู่ เเต่เมื่อทำไปสักพักหนึ่ง พอเห็นลู่ทาง อยากจะออกมาทำเอง โดยขายสินค้าชนิดเดียวกัน เพราะมีลูกค้าในมืออยู่เเล้ว ซึ่งก็เป็นลูกค้าเก่าบริษัท ถ้าขายเองเขาก็จะกลายเป็นคู่เเข่งบริษัท เเละลูกค้าที่เคยซื้อกับบริษัทก็จะมาซื้อกับเขา เเต่พี่เขาก็กลัวว่าจะบาปมากมั้ย

    :'( ถ้าเราทำเเบบนี้ จะเหมือนเนรคุณมั้ย เเต่เราก็อยากเติบโต เเต่ถ้าจะทำงานที่บริษัทต่อเขาก็รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศการทำงานมาก เลยรับปากเขาว่าจะมาตั้งกระทู้ถามผู้รู้ให้ ว่าท่านกัลยาณมิตรที่นี่มีคำเเนะนำอย่างไร รบกวนด้วยนะคะ พี่เขาทุกข์ใจมาก
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    จริงอยู่ที่ว่า นายจ้างให้เงินเดือนเรา เราก็ต้องทำงานให้เขา ถือเป็นเรื่องต่างตอบแทนกัน เขาอาจไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับเรา ถือเป็นผลประโยชน์และความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่ ประสบการณ์การทำงานที่ได้มานั้นไม่อาจกล่าวได้ว่า นายจ้างไม่มีบุญคุณกับเรา...

    ทั้งข้อมูลลูกค้าที่เราได้มาจากนายจ้าง ย่อมเป็นสิ่งที่นายจ้างหวงแหนถือเป็นความลับในบริษัท หากผู้ใดแพร่งพรายหรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่ิอการได้มาโดยทุจริต ล่วงศีลข้อ๒ได้ง่ายๆ..

    แม้ในทางกฏหมายโลกๆ บางบริษัทยังมีสัญญาห้ามพนักงานบางตำแหน่งไปทำงานในบริษัทคู่แข่ง เป็นระยะเวลานาน xx เดือน/ปี..หลังลาออกก็เพื่อรักษาความลับข้อมูลบางอย่างที่สำคัญเช่นรายชื่อลูกค้า...

    การที่เพื่อนท่านจขกท จะไปทำกิจการเป็นคู่แข่งโดยตรงของนายจ้างจึงน่าจะเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงต่อการบกพร่องทางศีลธรรม ในลักษณะ..."กินบนเรือนถ่ายรดบนหลังคา"บ้าง.."ลูกศิษย์คิดล้างครู"บ้าง...เป็นต้น..

    การที่เพื่อนฉุกคิดถึงศีลธรรมได้ จึงฝากถามมานั้น แสดงว่าเพื่อนเป็นผู้มีพื้นฐานใจที่มีธรรมะอยู่ จึงไม่แน่ใจในสิ่งที่คิดจะทำ..

    หากเธออยู่ในฐานะเจ้าของกิจการ และให้ความไว้วางใจพนักงานคนหนึ่ง แล้วต่อมาพนักงานทำเช่นเดียวกับที่เพื่อนตั้งใจทำเวลานี้ เพื่อนจะชอบใจหรือยินดีหรือไม่?..ลองถามเธอดูนะครับ...เคยเห็นคนที่ทำเช่นนี้ ภายหลังกลายเป็นบุคคลล้มละลาย และถูกลูกน้องเนรคุณเปิดกิจการแข่งขัน จนตนเองเจ๊ง..ต้องปิดบริษัทในที่สุด...

    ถ้าเพื่อนจะทำการค้าสินค้าชนิดเดียวกัน น่จะลองสอบถามเจ้าของบริษัทว่าจะขอเป็นตัวแทนหรือสาขาได้หรือไม่ ..ลองดูครับ บางทีหากเจ้าของใจกว้าง ก็อาจถึงกับสนับสนุนช่วยเหลือด้วยก็เป็นได้...

    ขอให้โชคดีมีธรรมะคุ้มครองครับ..


     
  3. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    การทำมาหากิน เลี้ยงชีพ เป็นเรื่องปกติ จะบาปได้ยังไง ถ้าไปโกงบริษัท ไปขโมยของเขามาขาย อันนี้จะบาปอยู่ ในเมื่อพี่เขาขายได้ มีฐานลูกค้า มันเป็นความสามารถของพี่เขา ลูกค้ามีสิทธิ์จะเลือกซื้อกับใครก็ได้ เลิกคิดเรื่องออกมาแล้วเป็นคู่แข่งไรเนี่ย มันจ้องแต่จะทำลายกันเปล่าๆ ถือซะว่าเราออกมาช่วยกระจายสินค้าดีกว่า ลองไปดูสินค้าที่เขาขายในเน็ตก็มาจากบริษัทใหญ่ทั้งนั้น 100 ร้านมีสินค้าเหมือนกันทุกร้าน ถ้าว่าเนรคุณ ป่านนี้ไม่ฆ่ากันตายแล้วเหรอ ถ้าเห็นว่าจะเติบโตได้ก็ทำตามความตั้งใจของตัวเอง ถ้าทำด้วยความสุจริต ไม่โกงใคร มันจะบาปได้ยังไง
     
  4. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    รายชื่อของบริษัทอยู่ในมือ ขอถามว่าไปเอาของเขามาอย่างนี้มิใช่ขโมยเขามาหรือ? แต่ถ้าทำโดยที่ไม่ดึงลูกค้าเก่าของเขามาอันนี้ก็น่าจะพอรับฟังได้ แต่ก็ควรบอกกล่าวกับบริษัทดีกว่าค่ะ "ไปลา..มาไหว้"
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ถ้าจะเอาถูกต้อง ก็ต้องลาออก แล้วไปขายแข่งครับ

    คุณเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนเขา ก็ต้องหาเงินให้เจ้าของบริษัทเขาครับ

    ไม่ใช้กินเงินเดือนเขา แล้วแย่งลูกค้าของเขา

    อกเขาอกเรา ลองนึกดูซิครับ ... ถ้าเพื่อนเจ้าของกระทู้มีลูกจ้างทำแบบนี้ชอบไหม ?



    .
     
  6. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    พระลูกศิษย์ สร้างวัดตัวเองได้ไหม? ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดอื่นได้ไหม?

    ขออนุญาตครับ

    ถ้าท่านตอบคำถามเหล่านี้ได้ถูกต้อง ท่านก็จะเข้าใจ

    ๑. พระลูกศิษย์ ออกไปสร้างวัดตัวเอง ได้ไหม?
    ๒. พระลูกศิษย์ ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดอื่น ได้ไหม?
    ๓. พระลูกศิษย์ สอนธรรม ได้ไหม?

    ขอโมทนา ขออนุโมทนา ร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  7. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    เรื่องแบบนี้การค้่าขาย ไม่บาปหรอกครับ ในการที่คุณจะขายสินค้าแล้วเป็นคู่แข่งกับบริษัทเดิม แต่คุณควรเปิดตลาดหาลูกค้าใหม่เอง

    ตราบใดที่คุณไม่โกง คุณก็ไม่ผิด
    แต่การที่คุณไปเอาข้อมูลลูกค้าภายในบริษัทเขามา คุณว่าผิดไหม คุณเอาเปรียบเขาไหม
    สิ่งที่คุณกังวลใจ ก็คือความผิด ทีีสะกิดใจของคุณ ความผิดก็คือความไม่บริสุทธิ์ใจ
    ความผิดของคุณก็คือ ความกังวลใจ ผิดมารยาททางการค้า ผิดจริยธรรมทางการค้า
    เป็นสิ่งที่วิญญูชนทั่วไป ไม่ควรปฏิบัติ

    ก็เหมือนกับคน บางคน ที่หากินด้วยการแอบเอาข้อมูลของรัฐบาลมาหากิน
    คนเหล่านี้หลงตัวเองว่าฉลาด แต่คุณคิดว่้าคนพวกนี้เอาเปรียบคนอื่นไหม คนพวกนี้เป็นคนดีไหม
    ถ้าคุณคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี คุณก็รีบทำ ถ้าคิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี คุณก็ไม่ควรทำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2013
  8. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    เขาเรียกเลวครับ แบบนี้ แต่ปากท้องต้องกินต้องใช้อย่าไปสนใจครับ เป็นลูกจ้างเขามันไม่รวย สู่มาแข่งแล้วดึงลูกค้าเขามามันง่ายดี แต่ก็ต้องดูยาวครับงานนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2013
  9. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ทำแบบนี้ดีหรือไม่? ก็ลองคิดกลับกันว่าถ้าวันนึงเราทำธุรกิจและจ้างลูกจ้างมาวันนึง
    ลูกจ้างก็คิดแบบที่คุณคิดและทำแบบนั้น ถามว่าคุณจะรู้สึกยังงัย มันเจ็บจี๊ดเข้าไป
    ในใจมั๊ย เป็นใครก็ต้องรู้สึกไม่พอใจน๊ะครับ....

    การทำธุรกิจ ถ้าเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ต้องหาสินค้าใหม่ หาลูกค้าใหม่เองจึงจะ
    ถูกต้องน๊ะครับ แต่ประสพการณ์ที่เราทำงานเราก็เอามาใช้ให้เกิดประโยนช์ได้ถ้าไม่ผิด
    คุณธรรม...

    เชื่อเถอะครับว่ากรรมนั้นส่งผลเสมอ วันนี้เราทำกรรมไม่ดีเอาไว้ กรรมนั้นมันก็ต้องส่งผล
    ถึงเราซักวันนึง ฉะนั้นปล่อยวางความโลภในใจออกไปเถอะครับ อย่าไปทำเรื่องที่ผิด
    คุณธรรมแบบนี้เลย แม้นแต่คนที่แนะนำให้คุณทำแบบนี้ถ้าคุณทำลงไปเค้าก็ต้องมีวิบาก
    ติดตัวกันไปด้วย อาจจะมีวิบากกรรมคือทำธุรกิจอยู่ดีๆ ดันมีคนมายุให้ลูกน้องไปเป็นคู่แข่ง
    ใครจะแนะนำก็พึงคิดพิจารณาให้ดีก่อนน๊ะครับ กรรมนั้นมันติดตามเราไปเสมอ...
     
  10. เมตยา

    เมตยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +239
    เจ้าของกระทู้เองนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำเเนะนำที่ดี เราจะนำกระทู้นี้ไปให้พี่เขาอ่าน ให้เขาตัดสินใจดู โมทนากับทุกท่านค่ะ
     
  11. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ พี่เค้าจะออกไปเปิดบริษัทเอง แล้วขายสินค้าชนิดเดียวกันแต่คนละยี่ห้อ แล้วพี่เค้าจะไปดึงลูกค้าที่เคยไปขายตอนเป็นเซลล์ในบริษัทเก่ามาซื้อของเค้าใช่ไหมครับ ที่พี่เค้าไม่สบายใจเพราะกลัวทำบาปใช่ไหม ตามความเห็นของผมนะ ประสบการณ์ที่พี่ได้ในการทำงานในบริษัทเก่าอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า ลูกค้า ระบบการทำงานต่างๆ นั้นเราต้องถือว่าเค้าเป็นครูคนหนึ่งที่ช่วยสอนสิ่งเหล่านี้ให้กับเรา ถ้าเราไม่นึกถึงบุญคุณเหล่านั้นคงไม่ได้ แต่ต้องแยกแยะให้ถูกต้อง และเพราะสิ่งเหล่านั้นที่เราได้สะสมมา ทำให้เราเห็นในสิ่งที่ดีกว่าให้กับชีวิตตัวเอง ที่เหลืออยู่ที่ว่าเราจะเลือกทำอย่างไร
    การที่เราจะไปเปิดบริษัทใหม่ขายของอย่างเดียวกัน ผมถามคำนึง ลูกค้าที่พี่เคยได้มา พี่หามาเองไหม ถ้าใช่ผมถือว่าคนนั้นเราเป็นคนทำให้บริษัทรู้จัก ไม่คิดว่าผิดหรอกครับ แต่ถ้าเป็นลูกค้าเดิมของบริษัทเก่าเค้านะ อันนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะบาปไหม แต่อย่าลืมอย่างหนึ่งพี่คำนึงถึงแต่ตัวคนขาย พี่ไม่ถามคนซื้อมั่งหรอครับ ผมคิดว่าถ้าพี่ไปเปิดบริษัทใหม่ขายของดีกว่า ราคาถูกกว่า ถึงจะไปคุยกับลูกค้าบริษัทเก่า พี่รู้ได้อย่างไรว่าเค้าจะซื้อของพี่
    คงไม่ทุกคนหรอกครับ แต่ถ้าคนไหนซื้อเค้าซื้อที่ของหรือซื้อเพราะความสัมพันธ์ที่รู้จักกันกับพี่กันแน่ มันมีหลายเหตุหลายผล ในการที่คนๆ หนึ่งจะซื้อหรือไม่ซื้อสินค้า บริษัทเก่าที่พี่ทำงาน ทำให้พี่ได้รู้จักคนมากขึ้น และคนเหล่านั้นจะมากลายเป็นลูกค้าบริษัทใหม่ของพี่หรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับตัวสินค้า ตัวคนขาย และคนซื้อเองต่างหาก ถ้าเอาแบบให้สบายใจนะครับ พี่ก็หาลูกค้าใหม่ๆ ง่ายสุด หรือไม่ก็ลูกค้าเก่าที่พี่เคยหามาด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ลูกเค้าเก่าๆ ของบริษัทเก่านั้น พี่ก็สามารถคุยได้ แล้วก็เสนอสินค้าให้เค้าไป อย่าไปโจมตีพูดให้ร้ายทำให้บริษัทเก่าเสียหายเป็นพอ หรือไม่ก็พูดตรงๆ กับเค้าเลย ว่าของเค้าดีอย่างไร ของเราดีอย่างไร ต่างกันอย่างไร ให้ลูกเค้าได้มีสิทธิ์เลือกอ่ะครับ
    และที่สำคัญผมคิดว่า โอกาสบางอย่างไม่ได้มีมาง่ายๆ พี่ไม่ทำคนถัดมาที่เค้าเห็นโอกาสเค้าเอามาทำพี่ว่าผิดไหมครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือใจเราเอง ถ้าทำแล้วไม่สบายใจอย่าทำ เพราะพี่จะทุกข์ใจกับสิ่งที่พี่จะทำไปตลอด แต่ถ้าจะทำต้องเคลียใจของตัวเองก่อน
    บริษัทเก่าเค้าก็อาจจะเคยไปแย่งลูกค้าจากที่อื่นมาก็ได้ แล้วก็ต้องมาใช้กรรมที่เคยทำมา คือลูกค้าที่พี่ไปหาแล้วเค้าเปลี่ยนมาหาพี่นั้นเอง ใครจะไปรู้ ถ้าเป็นผมนะ ผมแนะนำครับ ถ้าคิดว่าชีวิตเราจะดีขึ้นกว่านี้ เรายังเดือดร้อน ยังมีภาระที่ต้องดูแล เราจะไม่คว้าโอกาสนั้นไว้หรอครับ ยกตัวอย่างนะครับ ผมเปิดร้านคอม แล้วมีลูกค้าคนหนึ่งที่มาเล่นประจำเค้าได้ไปเปิดร้านเอง ใกล้ๆกัน แล้วเค้าชวนคนที่รู้จักที่เคยมาเล่นร้านผมไปเล่นร้านเค้า ผมมีสิทธิ์ไปว่าเค้าหรือเปล่าว่าเนรคุณหรือคุณบาปแย่งลูกค้าฉัน ผมว่านะ เรามีสิทธิ์คิดได้อย่างเดียวว่าที่ร้านเรามีอะไรไม่ดี หรือร้านเค้ามีอะไรดีกว่าเค้าจึงไปเล่นร้านใหม่ แล้วปรับปรุงพัฒนาให้ดีกว่าเชื่อว่าสักวันลูกค้าเค้าจะเป็นคนเลือกเอง ว่าจะเล่นที่ไหน ... แค่นี้แหละครับ ยาวหน่อยนะ แต่ว่าอยากบอกครับผม บ๊ายบายครับ
    (ผมโดนจริงๆนะไม่พูดเล่น)
     
  12. luck-luck

    luck-luck เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +568
    คำว่า ไปลา มาไหว้ อยู่ให้เค้ารัก จากให้เค้าคิดถึง ก็ยังใช้ได้เสมอนะ สำนวนฝรั่งเค้าว่า ข้ามแม่น้ำแล้วอย่าพังสะพาน เพราะเราไม่รู้หรอกว่าวันไหนเราจะต้องใช้สะพานนั้นอีก
     
  13. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    ขออนุญาติเจ้านายครับ
    ถ้าเขาอนุญาติให้แย่งลูกค้าได้
    ให้ขายสินค้าเหมือนกันได้
    ก็ไม่บาป

    ส่วนความรู้ที่ได้จากตอนทำที่บริษัท นั้น
    ถ้าเป็นความรู้่ที่เราสั่งสมมาเอง(คิดวิเคราะห์ , การอนุมาน และ หาแหล่งความรู้สาธารณะ)เอาไปใช้ไม่ผิด
    แต่ถ้าเป็นความรู้ ที่เจ้านายหวงแหน แล้ว สอน เรา
    (เหมือนกับลิขสิทธิ์ความรู้ เพียงแต่อาจจะไม่ได้จดลิขสิทธิ์ หรือ จด ก็ตาม)
    ถ้าเราขออนุญาติ เจ้านายเอา ความรู้ต่างๆ ที่เขาสอนเรา ไปใช้
    ก็ใช้ได้ครับ














    เรื่องบาป บุญ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
    เรื่องกรรมก็เป็นเรื่องที่เป็นปัจจัตตัง และ เป็นเรื่องของญาณความรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


    ส่วนผมนั้นยังหางอึ่งอยู่ครับ
    ฝึกจิตก็ยังลุ่มๆดอนๆ
    ไม่อาจตัดสินเรื่องบาปบุญหรอกครับ
    ไม่กล้าเกินพระพุทธองค์ครับ
     
  14. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    อยากจะเป็นเถ้าแก่เองก็ต้องลาออกจากบริษัทเดิมก่อน ครับ

    แล้วมาตั้งบริษัทใหม่ จะขายของเหมือนที่เดิมหรือไม่
    ไม่ใช่ปัญหา ไม่ผิดด้วย เพราะลูกค้าเราเป็นคนหามาไม่งั้นไม่เรียกว่าเป็นเซลแมนหรอก ครับ

    ในโลกมีเรื่องแบบนี้นับไม่ถ้วน ส่วนตัวก็มีประสบการณ์
    ขนาดออกมาแล้วยังมีลูกค้ามาตามซื้อของกับเราเลย
     
  15. พงพัน

    พงพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +478
    ตัวผมเองก็ออกมาทำอย่างที่คุณว่ามานั่นแหละ ขายก็คล้ายๆกันความรู้ที่ได้ก็มาจากประสบการ์ณทำงานจากที่เดิมแต่ไม่คิดจะไปแย่งมาจากเจ้านายเก่า(ที่มีติดต่อกันก็แต่เฉพาะบางคนที่สนิทๆกันเท่านั้น) ตอนที่ตัดสินใจมาก็คิดว่าขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า อย่างน้อยเขาก็มีบุญคุณที่ให้เงินเดือนได้ความรู้ที่ไม่อาจไปหาเอาได้จากที่ไหนๆ ส่วนถ้าคุณทำแบบที่คิดอยู่แล้วไม่สบายใจก็ขอให้ตัดสินใจยุติให้เด็ดขาดตัดอกตัดใจไปเสียเลยจะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจในภายหลัง ไหนๆก็เริ่มกิจการของเราเองแล้วเราจะอยู่หรือจะไปก็ตอนตั้งไข่ครั้งแรกนี่แหละ หากถ้าเริ่มต้นด้วยการทรยศดัดหลังผู้ที่เคยร่วมหัวจมท้ายมายาวกันมาได้แล้วที่สุดเราเองก็จะหนีไม่พ้นตามหลักกฏแห่งกรรมอยู่ดี จงมั่นใจหากคุณเป็นคนสัตย์ซื่อถือคุณธรรมแล้วไซร้ ฟ้าดินหรือเทวดาท่านก็ต้องมองเห็นและไม่ทอดทิ้งและอย่าลืมพุทธภาษิต"ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"อันนี้เป็นเรื่องจริงและเจอบ่อย(กับตัวเอง)เหมือนจะเป็นการทดสอบจิตใจผู้ปฏิบัติธรรมว่าจะมีความมั่นคงมีศรัทธาเพียงใด ถ้าหากอดทนถึงที่สุดคุณก็จะพบทางออกและคลี่คลายไปได้ ทางโลกปฏิบัติอาจไม่ผิดก็จริงแต่ในทางธรรมะอาจไม่เหมือนกันและยังเป็นการแยกได้ว่าคุณเป็นมนุษย์ที่1เสมอด้วยเทวดามีหิริโอตับปะละอายต่อบาปทั้งต่อหน้าและลับหลัง หรือ2เสมอด้วยมนุษสามัญอะไรไม่ผิดกฏชาวโลกทำไปเถอะ หรือ3เสมอด้วยสัตว์ขอให้อยู่รอดกินอิ่มนอนหลับจบไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆ จะเลือกเป็นแบบใดขึ้นอยู่กับคุณก็ขออวยพรให้กิจการคุณดำเนินไปด้วยหลักคุณธรรมเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...