ชาวเขาที่ราบสูง สู้ชาวกรุงอย่างเราไม่ได้แค่...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย จันทร์เจ้า, 27 ตุลาคม 2007.

  1. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    เรื่องมันเหมือนนิยาย นะ แต่เป็นเรื่องจริงเชือมั้ย เราเรียน ปี2 มหาลัยแห่งหนึ่งใน กทม. เป็นมหาลัยที่มีค่าเทอมเกินครึ่งแสน ต่อเทอม ก็มีเพื่อนอยู่คนนึง เขาเป็นคนมาจากทางภาคเหนือ พูดไทยไม่ค่อยชัด ตอนปี1 เพื่อนๆ และรุ่นพี่ เรียกเขา ไอ้แม้ว เขาก็บอกว่า เขาไม่ใช่แม้ว เขาเป็นมูเซอ พวกนั้นก็เปลี่ยนเรียกเขาว่า มูเซอ แทน เขาก็ไม่ว่าอะไร เราก็ว่าให้คนที่ว่าให้เขา เขาก็บอกไม่ต้องไปว่าอะไรหรอก ก็เขาเป็นมูเซอ เขารู้สึกดีซะอีกที่คนอื่นเขาจะเรียกเขาแบบนั้น.....เพื่อนคนนี้อยู่ห้องเช่ากับเพื่อนเขาอีกคน เขามาจากที่เดียวกัน หอเขาเป็นหอไม้ชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้องแบบถูกๆ ไม่มีฝ้าเพดาน กางมุ้งนอน เราลืมบอกไป ว่าสาขาที่เรียน เรียนด้านคอมพิวเตอร์ เขาก็มีคอมอยู่เครื่องในห้องเขา เขาก็ทำตัวไม่เหมือน นศ. มหาลัยเรา ซึ่งแต่ล่ะคนบอกเลยว่า ไม่ยอมน้อยหน้ากัน คงเพราะแบบนี้ เขาถึงดูเหมือนตัวประหลาด แต่เราดูว่าเขาคนนี้ เป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร เราก็คบเขา ดูเหมือนเราจะเป็นเพื่อนที่สนิทกับเขา เขาดูสุภาพมากๆ


    <HR>
    ********* เราถามเขา

    นี่นายนะ เห็นสาวเมืองกรุงล่ะมีชอบบ้างปะ...เขาก็บอก เขาเป็นชาวเขา เขาไม่กล้าคิดชอบคนในเมืองหรอก แค่ได้เข้ามาเรียนด้วยก็เป็นบุญ ของเขาแล้ว เขายังบอกต่ออีกนะว่า เขา กับเพื่อนเขาเป็นเหมือนความหวังของหมู่บ้าน คนที่บ้าน ส่งเขาเรียน ก็เพื่ออยากให้เรากลับไปเป็นครูที่บ้านเขา เพราะฉนั่นเขาจะทำให้คนที่หมู่บ้านเขาผิดหวังไม่ได้

    นี่นาย ผมนะ ตัดทำไมสั้นซะขนาดนั้นล่ะ เขาก็บอก ตัดสั้นๆนะ ดีล่ะ สบายดี ไม่ต้องหวี ไม่ต้องจัดทรง ล่ะที่สำคัญ ประหยัดค่าแชมพู ล่ะ 3 เดือนตัดครั้ง ไม่ต้องเสียตังค์บ่อย

    นี่นาย เลิกเรียนแล้วเพื่อนๆเขานัดกันนะ ไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆเหรอ เขาก็บอก ไม่ไปหรอก ไม่มีใครชวน ถึงพวกเขาชวน เขาก็ขอตัวดีกว่า กลัวเขาอายคนอื่นถ้าเขามีเราเดินด้วยนะ

    นี่นาย กินข้าว(ที่โรงอาหาร) แล้วซื้อใส่ถุงไปไหนอีกล่ะ เขาก็บอก ซื้อไปกินมื้อเย็นนะ ข้าวข้างนอกแพง กินก็ไม่อิ่ม ที่โรงอาหารเรานี่ถูกที่สุด และอร่อยที่สุดล่ะ (แต่ นศ.หลายคน ไม่ยอมกินอาหารที่โรงอาหารล่ะไปกินตามห้างจนร้านในโรงอาหารเจ้งไปหลายร้านล่ะ)

    นี่นาย เก็บขวดนั้น (ในถังขยะ) มาทำไม เขาก็บอก เราเห็นมันใสดี เขาจะกดน้ำจากตู้กดน้ำเย็นที่โรงอาหารใส่ขวดนั้นไปกินที่ห้องนะ ไม่ต้องซื้อ

    นี่นาย ถอดรองเท้าเดิน(ในห้องสมุด)ทำไม เขาก็บอก เราไม่กล้าใส่รองเท้าเดินในนี้หรอก มันสะอาด สงสารคนที่เขาถูพื้นนะ (เราได้ยินแบบนี้รู้สึกผิดเลยอะ...ก็เลยถอดตามมัน)

    ********************************

    และอีกหลายๆเรื่องที่เราไม่เคยได้ยินจากปากของคนในเมือง จนเรามีสัญญากัน ว่าจะเป็นเพื่อนกัน และเราจะสอนมรรยาททางสังคม ความจริงก็ไม่ต้องสอนหรอก เพราะเขาเป็นคนมีมรรยาทอยู่แล้ว เอาเป็นว่า สอนการใช้ชีวิตเมืองกรุงพอเป็นสังเข็บล่ะกัน แต่ให้เขา สอนอะไรที่เราไม่รู้เป็นการตอบแทน ซึ่งเราก็ได้มาเยอะ เกี่ยวกับพืชสมุนไพร ที่เราคิดว่าดีกว่ายาที่ขายๆกันอีก อย่างเช่น น้ำยางจากว่านหนุมาน ใช้รักษาแผลสด และแผลติดเชื้อให้แห้งได้ใว้กว่าทิงเจอร์ แถมไม่แสบด้วย แต่เชื่อปะ ภาษาอังกฤษของเพื่อนเราคนนี้เนียะ สุดยอด....คือแต่งนิยายภาษาอังกฤษแบบรูปคำสวยหรูได้เลยอะ ล่ะช่วงสอบ เรากะเพื่อนๆอีก 3 คนผู้ชาย 2 ผู้หญิงอีก 1 ที่เหลือคบกัน ก็จะอ่านหนังสือ ติวด้วยกัน ที่บ้านเรา พ่อแม่เราก็ยังบอกว่าเป็นเด็กดีเลย แบบว่า อ่านหนังสือกัน แม่บ้านเราจะทำของว่างมาให้กินกัน พอเผลอปุ๊บ...เขาก็จะหยิบจานของว่าง ทั้งหมดเดินเข้าไปล้างเรียบร้อย จนแม่บ้านเรายังบอกไม่ต้องเขาจะล้างเอง เขาตอบว่า ไม่ได้ แค่ทำให้เขากินก็เกรงใจแย่แล้ว นี่ต้องให้ป้าเขาล้างอีกเขาทำไม่ได้หรอก

    แล้วสอบเสร็จ เรากับเพื่อนๆ ที่คบกัน 5 คน (คนที่หัวไม่ค่อยสูง แต่....แต่ล่ะคน ที่บ้านมีอันจะกินจริงๆ ทั้งนั้น แต่ไม่เป็นที่ยอมรับจากเพื่อนกลุ่มที่ ก็มีแค่นะ แต่โชว์ซะเวอร์) หยุด 3 อาทิตย์ ก็นัดกันไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนที่เป็นชาวเขาคนเนียะ อะ...ไปเที่ยวเหนือ บ้านเขาเป็นรอยต่อระหว่าง จ.เชียงใหม่ กับ จ.เชียงราย (เท่าที่ดูนะ) ภาพที่เราคิด...อะ....ลงรถที่สถานีขนส่งอาเขต (ตกลงกันว่านั่งรถทัวส์ไป ไม่นั่งเครื่องบิน เพราะมันสบายเกินไป แต่ก็ไม่ขนาดว่านั่งรถไฟนะ เพราะทรมานเกินกว่าร่างกายเรากะเพื่อนอีก 3คนจะทนได้) ต้องต่อรถ ไป...ขึ้นดอยไป ต่อรถอีก 4-5 ต่อ...แบกกระเป๋าเดินข้ามเขา ข้ามน้ำลำธาร ล่ะต้องนั่งเกียนต่ออีกเป็นวันๆ......แต่ไม่ใช่เลย...เดี๋ยวนี้เขาปั๊ดต๊ะนาแล้ว.....พ่อมันเอารถมารับ รถค่ะ...รถ ไทเกอร์ แวน รุ่น สปอร์ทไรดอร์ คันล้านกว่านะ...มารับ.....ก็หวัดดีพ่อมัน ล่ะก็ไปกัน เพื่อนเราขับ เราก็คุยกันไป พ่อเขาก็เหมือนเขาเนียะ คุยสนุก มีหลอกพวกเรามีเสือ มีผี ไรงี้ด้วย ก็สนุกดี ขับจนถึงบ้านมัน....3ชั่วโมงกว่า...พอจอด....มีรถ 4WD จอดข้างบ้านมันอีก 4คัน และทุกบ้าน มีรถ 4WD ใหม่ๆ จอดงี้หมด....อึ้งค่ะ ปั๊ดต๊ะนา แล้วจริงๆ เราก็ถามเพื่อนเราว่า ซื้อรถทำไมเยอะ เขาบอก เอาใว้ขนกะหล่ำ ไปขายในเมือง เปลี่ยนคันขน ถ้าใช้คันเดียว เครื่องมันจะพังเร็ว....มันว่างั้น อาชีพคนที่นั่นคือ ปลูกกะหล่ำหัว กระหล่ำดอก บล๊อกเคอรรี่ และผักเมืองนอก ที่บนดอนอากาศหนาว และสามารถปลูกได้...และราคาแพงด้วย......ไปอยู่บเนมัน ได้ใส่ชุดประจำเผ่าด้วย มันก้ถามอยากรู้ไร เดี๋ยวพาไปรู้ เขาก้พาพวกเราเข้าป่า สอนการหาแหล่งน้ำ การยังชีพในป่า การหาเห็ด และเลือกว่าอย่างไหนกินได้ และอย่างไหนกินไม่ได้ สอนว่า พืชแบบไหนมีสรรพคุณรักษาโรคอะไร แม้แต่เปลือกไม้แห้งบางชนิด เอามาฝนกับก้อนหิน แล้วผสมน้ำกิน เราก็จะได้ยาแก้ท้องอืด โดยไม่ต้องไปเสียตังค์ซื้อเลย เขาพาไปไร่ ไปสอนการตัดกระหล่ำ สอนขุดหน่อ และอีกเยอะแยะมากมาย แบบว่า ถ้าเราเข้าไปอยู่ในป่าแบบนั้น เราคงต้องตายใน 5-7 วันแน่ๆ แต่เขาสอนพวกเราอย่างที่ไม่มีตำรา และสถาบันไหนสอนเราแบบนี้เลย...ใช่ มันอาจจะไม่จำเป็นสำหรับป่าคอนกรีตอย่างที่พวกเราอยู่ แต่มันเอามาประยุคใช้ได้ ...ล่ะถามว่า ทำไมเขาทำตัวแบบสมาถะ ทั้งที่ฐานะเขาจะพูดได้ว่า จัดว่า รวยเลยก็ได้ เขาก็ตอบเราว่า จะรวยไปทำไม ในเมื่อ รวยไปทุกคนก็ต้องกินข้าวอยู่ดี รวย ใช่ว่าจะบินได้ รวย แล้วใช่ว่าจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ รวยไป ใช่ว่าจะขี้ออกมาเป็นทอง สู้ไม่รวย แต่มีเพื่อนไม่ดีกว่าเหรอ เขาพูดงี้

    .....ถ้าถามว่า ทำไมเขารวย...ใช้คำว่า ทำไมมีตังค์ ดีกว่า.....

    ปลูกผักขาย ปลูกทั้งปี ขนมาขายทุกวัน วันล่ะ 5-6 พันบาท.....กลับบ้าน ข้างบนไม่มีห้างให้เดินช๊อป.....ข้างบนไม่มีผับ เธค ที่ขายมิ๊กเซอร์ 45-60 บาท ข้างบนไม่มีโรงหนังระบบเสียง SDDS ได้เงินขึ้นไปเท่าไหร่ เก็บเท่านั้น เสื้อผ้าแฟชั่นไม่จำเป็น เพราะคุณแม่ก็ทอผ้าทำเป็นชุดประจำเผ่าใส่กัน เรายังภูมิใจที่ได้ใส่เลย.....มีเงิน เก็บในให เก็บในโอ่งฝังดิน ไม่ต้องมีธนาคารฝากเงินกินดอก เพราะที่มี ก็กินไม่หมดอยู่แล้ว ตอนเย็น ทำอาหาร ก่อฟืนนึ่งข้าว หุงข้าว ทำอาหาร โดยไม่ต้องกลัวว่าแก๊สจะหมดก่อนข้าวจะสุก ทำเสร็จ นั่งกินกัน พ่อแม่ลูก หลาน เหลน......พวกเราไปอยู่ อาทิตย์กว่า เห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นมาเยอะ กลับลงมา......กลับมา กทม. เรารู้สึกสมเพชคนเมืองกรุงที่วันๆ แข่งกันในด้านของวัตถุ ที่พูดกันติดปากว่า แข่งกันรวย...โดยหารู้ไม่ว่า คนที่คนกรุงดูถูกว่าเป็นชาวเขา ไอ้แม้ว มูเซอ เขาเห็นพฤติกรรมของพวกเรา แล้วรู้สึกสังเวศ เหมือนที่เรากำลังรู้สึกอยู่อะ

    ก็ต้องขอโทษนะที่คำพูดเราอาจไม่ตรงกับใจใครบางคน ล่ะ เพื่อนเรา บางทีเราก็ใช้คำว่า เขา บางทีก็ใช้คำว่า มัน นะ...แบบว่าสนิท กันนะ......แต่เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง ที่มันทำให้เราเหฌนความแตกต่าง และข้อเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด นะ.......ยังไง อ่านเล่น ก็ไม่เสียหายนะ แต่ถ้าอ่านแล้วคิดตาม เราว่า มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากเลยล่ะ....ขอบคุณนะค่ะ ที่อดทนอ่านมาตั้งยาว....

    <!--detail--><!-- [​IMG].... -->

    <HR>

    โดย : สาวเมืองกรุง (Guest !)
    อีเมล์ : mmmm@mmmm.com
    วันที่ : 2007-10-26 01:19:34

    Copy from : http://webboard.mthai.com/7/2007-10-26/352033.html
     
  2. kanlayanee

    kanlayanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +399
    เป็นความจริงค่ะ แล้วพวกเขาเป็นคนฉลาดมากด้วยนะ แต่ออกแกมโกงนิดๆ กะหลำที่เขาขายนะเขาไม่กินด้วย ขายอย่างเดียว ขายไม่หมดก็แจก ส่วนที่ปลูกกินเองจะแยกต่างหาก คือของขายพ่นยา แต่กินเองไม่พ่นยา เคยเจอตอนเย็นเขาแจกกะหลำที่ตลาด เลยถามตรงๆว่าทำไมไม่เอากลับไปกินเอง เขาก็ตอบตรงๆเช่นกันว่า ..โอ๊ยไม่กล้ากินหรอก พ่นยาเยอะเลย...ทั้งซือทั้งเจ้าเล่ห์อยู่ในนั้นหมด
     
  3. AJ_Purngkan

    AJ_Purngkan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +3,789
    อ่านหมดทุกตัวอักษรครับ
    ผมมีเพื่อนเป็น คนชนเผ่าเยอะเลยครับตอนเรียน
    ชอบพวกเค้า พวกเค้าจะพูดแบบไม่ชัด
    แต่ไม่มากครับ ก็รู้เรื่อง

    มีเพื่อนเป็นคน ลาว เขมร และฝรั่ง
    พวกเขาเหล่านั้น มีความภูมิใจในชนชาติตนเองมาก
    และชอบเล่าเรื่องประจำชาติให้ฟัง (เป็นภาษาไทยนะครับ)

    เพื่อนที่มาจากลาว เขียนจดหมายกลับบ้านเป็น
    ภาษาฝรั่งเศส (จริงๆ นะ)
    เขียนไปน้ำตาหยดไป ถามว่าร้องไห้ทำไมวะ
    เค้าว่า คิดถึงคุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนๆ ที่ลาว
    เค้าจะต้องกลับไปเป็นครูเพื่อพัฒนาบ้านเกิดของเขา

    ส่วนเพื่อนที่เป็นพวกชนเผ่า
    ก็จะเก่งมาก กีฬาสีทีไร
    ถ้ามีวิ่งแข่ง หรือกีฬาอะไรก็แล้วแต่
    เด็กกรุงเทพจะแพ้พวกมันทุกที
    ฟุตบอลนี่ เตะอัดกันจุกไปตายได้เลยครับ
    เพราะว่ามันจะ เก่ง อึด และแรงดีมาก
    ก็เลยถามมันว่าทำไมพวกมรึงเก่งอย่างนี้วะ

    ที่ กูวิ่งเก่งอย่างนี้เพราะว่ากู วิ่งตั้งแต่เด็กแล้ว
    กูต้องแบกของลงไปขายที่ตลาดในเมือง (อันนี้จนหน่อย)
    วิ่งลงเขาและขายของเอาเงินที่ได้ไปโรงเรียน
    ตกเย็นเลิกเรียน ก็ต้องขนของไปขายอีก

    มันบอกว่า ขนแบบนี้วันละประมาณ ยี่สิบเที่ยว
    และต้องวิ่ง เพราะจะไม่ทันขาย

    ผมนี่สุดยอดเลย อะไรไม่ได้รู้ก็ได้รู้
    วิทยาลัยชีวิตจริงๆ ครับ

    ขอบพระคุณสถาบันที่ทำให้เห็นค่าของคนเท่าเทียมกันครับ!
     
  4. BirdSoul

    BirdSoul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4,248
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,020
    อ่านแล้วอยากไปอยู่ดอย
     
  5. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ตายแน่ ลุดวิก
    อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...