ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ภาพอาจารย์โยธิน ขณะซาวเอาปรอทออกจากว่านยา ขั้นตอนนี้ทำเพื่อชำระโทษ ล้างพิษ ก่อนนำไปเคี่ยวกับว่านยาให้ปรอทหนืดและแข็งตัวขึ้นมา

การทำปรอททนสิทธิ์ หรือปรอทเหล็กนั้นมี ๓ แบบ คือ หนึ่งใช้ปรอทน้ำเคี่ยวกับว่านยาในกะทะเหล็ก

สอง นำปรอทน้ำเคี่ยวกับว่านยาผผสมกับผงเหล็กในครกหิน

สามนำปรอทน้ำเคี่ยวว่านยากับเหล็กทั้งก้อน ทั้งนี้เหล็กดังกล่าวเป็นเหล็กที่เกิดจากการแปรธาตุมาเป็นเหล็กชั้นดีมาแล้ว

 

ปรอทน้ำที่นำมารวมตัวเป็นก้อน หลังจากผ่านการซาวด้วยว่านยามาครั้งแล้ว หลังจากนั้นนำไปคลุกกับรากต้นหนาดอีกครั้ง ขั้นตอนในการล้างพิษปรอทก่อนนำไปขึ้นรูป ขั้นตอนนี้สำคัญและละเอียดอ่อนมาก ต้องอาศัยความอดทน ความใจเย็นอย่างยิ่ง

 

ปรอทน้ำที่นำมาคลุกกับรากต้นหนาดเพื่อล้างพิษอีกครั้ง หลังจากนั้นก็นำมาขึ้นรูปให้เป็นก้อนแข็งเป็นมงคลปรอทที่สมบูรณ์แบบ และถ้าต้องการใหเป็นปรอทเพชรก็ต้องนำปรอทที่แข็งมาต้มด้วยน้ำว่านอีกครั้ง

 

ต้นหนาด เป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีปรอทลงในตัว ตามตำรากล่าวว่ารากต้นหนาดมีอำนาจในการชำระปรอทให้บริสุทธิ์ที่ว่าผีกลับใบหนาดก็เพราะปรอทที่อยู่ภายในต้นนี่เอง ทำให้ผีวิญญาณไม่กกล้าเข้าใกล้ ใครเคยดูเรื่องปม่นาคยุคก่อนๆพวกพี่มากวิ่งหลบแม่นาคเข้าพุ่มต้นหนาด ผีก็ไม่กล้าตาม

 

ถ้าเราปฏิบัติได้ดีจริง ถูกต้อง เหมาะสมดีแล้ว การเปลี่ยนแปลงภาตในจิตใจเราเองจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และน่าอัศจรรย์ จิตขอมนุษย์เรานั้นมีพลังงานมหาศาล สามารถสร้างกระแสพลังงานที่ละเอียด จนสามารถแปรธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ภายในร่างกายให้เป็นกายสิทธิ์ได้ รวมทั้งอำนาจจิตที่ส่งผลต่อธาตุภายนอก ทำให้ธาตุแปรสภาพจากธาตุเดิมที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ผู้ฝึกสมาธิ ต้องสามารถเข้าถึงสมาธิตั้งแต่ระดับขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิและอัปปณาสมาธิ ผู้ที่ได้ขณิกสมาธิเบื้องต้นคืกจิตสงบนิดหน่อยแล้วถอนขึ้นมาก็ให้พยายามทำซ้ำๆ ทำทุกวัน และชำระขณิกสมาธิให้ละเอียดยิ่งขึ้นด้วยอำนาจศีล และอำนาจปัญญาจากการพิจารณากายเป็นปฏิกูลทุกๆวัน ขณิกสมาธิก็จะพัฒนาเป็นอุปจารสมาธิในที่สุด เช่นเดียวกันผู้ได้อุปจารสมาธิก็เพียรทำสมาธิชั้นนี้ซ้ำๆกัน ด้วยความพอใจ ด้วยความจดจ่อ และพยายามแก้ไขให้สมาธิละเอียดและทรงตัวได้ดีขึ้น ด้วยอำนาจของศีลและปัญญาเช่นกัน เมื่อทำได้ดีแล้ว สมาธิแม้เพียงขณิกสมาธิก็ดี อุปจารสมาธิก็ดี เมื่อทำบ่อยๆแล้วอธิษฐานจิตลงสู่วัตถุแม้ว่าวัตถุนั้นๆยังไม่เปลี่ยนธาตุแต่ก็จะบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะได้สะสมพลังงานจิตที่เป็นสมาธิไว้อย่างต่อเนื่องเสมอๆ

 

ตำรามูลกัมมัฏฐานสามารถ download ได้หน้าที่ 28-29 มีเรื่องเล่าเจอะค่ะ 2 หน้านั้น เห็นมี pm เข้ามาถามเรื่อยๆค่ะ

 

ทำไมทองหาได้ง่ายจัง....ในรูปแบบนี้ไม่วาจะเป็นปรอทหรือทองก็มีลักษณะการแข็งตัวที่เหมือนกัน....บางทีก็จะเจอปรอทในรูปแบบที่เป็นลักษณะเหมือนทองนี้ บางคนคิดว่าเป็นเพชรหน้าทั่ง...แต่จริงๆแล้วเป็นปรอทที่แข็งตามธรรมชาติเหมือนทอง เคยได้ยินทางใต้บอกว่าเพชรหน้าทั่งเป็นน้องๆเหล็กไหลคือมีพุทธคุณเหมือนเหล็ำกไหลเพราะว่ามันเป็นปรอทต่างหาก.......ไม่ใช่เพชรหน้าทั่ง คนรู้ก็จะแยกออกครับ....

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/lMz8MAN-zXI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ตอนที่ได้อ่านเรื่องราวของพระกริ่งปวเรศและพระกริ่งที่สมเด็จพระสังฆราชแพทรงสร้างมีอิทธิคุณเรื่องแช่น้ำมนต์รักษาโรคได้ แม้กระทั่งโรคห่า ก็สามารถรักษาให้หายได้จริง ผมก็รู้สีกทึ่งมากและตอนแรกก็เข้าใจว่า คงเป็นอำนาจพลังของครูบาอาจารย์ที่ประจุอยู่ในองค์พระ แต่พอมาดูส่วนผสมของนวโลหะที่มีปรอทเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย เลยถึงบางอ้อ มิน่าล่ะถึงรักษาโรคได้ ที่ผมเข้าใจมานี้ถูกหรือป่าวครับ พี่ทิพยจักร

 

พี่ทิพยจักรผมสนใจอยากบูชาปรอทสำเร็จของอาจารย์โยธิน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ

 

ถ้าเราปฏิบัติได้ดีจริง ถูกต้อง เหมาะสมดีแล้ว การเปลี่ยนแปลงภาตในจิตใจเราเองจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และน่าอัศจรรย์ จิตขอมนุษย์เรานั้นมีพลังงานมหาศาล สามารถสร้างกระแสพลังงานที่ละเอียด จนสามารถแปรธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ภายในร่างกายให้เป็นกายสิทธิ์ได้ รวมทั้งอำนาจจิตที่ส่งผลต่อธาตุภายนอก ทำให้ธาตุแปรสภาพจากธาตุเดิมที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ผู้ฝึกสมาธิ ต้องสามารถเข้าถึงสมาธิตั้งแต่ระดับขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิและอัปปณาสมาธิ ผู้ที่ได้ขณิกสมาธิเบื้องต้นคืกจิตสงบนิดหน่อยแล้วถอนขึ้นมาก็ให้พยายามทำซ้ำๆ ทำทุกวัน และชำระขณิกสมาธิให้ละเอียดยิ่งขึ้นด้วยอำนาจศีล และอำนาจปัญญาจากการพิจารณากายเป็นปฏิกูลทุกๆวัน ขณิกสมาธิก็จะพัฒนาเป็นอุปจารสมาธิในที่สุด เช่นเดียวกันผู้ได้อุปจารสมาธิก็เพียรทำสมาธิชั้นนี้ซ้ำๆกัน ด้วยความพอใจ ด้วยความจดจ่อ และพยายามแก้ไขให้สมาธิละเอียดและทรงตัวได้ดีขึ้น ด้วยอำนาจของศีลและปัญญาเช่นกัน เมื่อทำได้ดีแล้ว สมาธิแม้เพียงขณิกสมาธิก็ดี อุปจารสมาธิก็ดี เมื่อทำบ่อยๆแล้วอธิษฐานจิตลงสู่วัตถุแม้ว่าวัตถุนั้นๆยังไม่เปลี่ยนธาตุแต่ก็จะบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะได้สะสมพลังงานจิตที่เป็นสมาธิไว้อย่างต่อเนื่องเสมอๆ


เห็นด้วยครับพี่

เมื่อก่อนตอนแรกๆที่ผมเริ่มฝึกสมาธิก็ยากครับ กว่าจะสงบได้จิตซัดส่ายไปมาบางครั้งถึงกับท้อใจถึงกับอยากจะเลิกทำสมาธิไปเลยทีเดียวแต่พอเราทำมากเข้าๆ มากเข้า เดี๋ยวนี้แค่ตั้งนะโมยังไม่ทันครบสามจบก็เข้าสมาธิได้เลย

พอมีสมาธิดีหน่อย ก็ใช้ร่วมกับคาถาเพื่อการรักษาอาการเจ็บป่วยบางอย่างก็ปรากฎว่าใช้ได้เป็นผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจมากครับ

 

สาธุ.............ครับ

 

ถูกต้องเลยครับ นวะโลหะเต็มสูตร จัดเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองจากการผสมธาตุ เป็นหนึ่งในการเล่นแร่แปรธาตุที่ทำได้ยากมาก ในสมัยนี้ไม่มีใครทำได้ อาศัยเอาชนวนเก่าๆมาเป็นเชื้อทุกครั้งที่สร้างใหม่เท่านั้น ลำพังเอาปรอทเทลงเบ้าก็ไม่มีใครทำได้ ปรอทปะทุตัวจุดระเบิดหมดครับ นอกจากนั้น แร่เจ้าน้ำเงินก็หายากและลึกลับไม่มีใครสามารถหามาได้ การทำนวะโลหะจึงกลายเป็นปริศนาที่คนรุ่นใหม่ไม่รู้วิธีทำที่แท้จริง

 

มารู้จักองค์นี้กันหน่อยครับ หลวงปู่แสง หรือขรัวเจ้าแสง ท่านเป็นอาจารย์องค์สำคัญของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี เป็นพระที่เลิศด้วยอภิญญามีความรู้กว้างขวางในพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ท่านยังเลื่องลือในด้านการสำเร็จปรอท และ การย่นหนระยะทาง

 

เล่ากันว่าครั้งหนึ่งขณะท่านนั่งกราบพระพุทธไสยาตร์ในวัดร้างแลเห็นพระเนตรข้างหนึ่งเกลือกไปมาได้ เมื่อพินิจดูจึงรู้ว่าเป็นดวงแก้ว แลดวงแก้วนั้นได้กลิ้งตกลงมา ครั้นหลวงปู่จะเอื้อมคว้ากลับกลอกกลิ้งวิ่งได้ ท่านจึงตั้งสัจจะอธิษฐานในคุณงามความดีแก้วนั้นก็พลันหยุดนิ่ง ดวงแก้ววิเศษนี้คือดวงแก้วมณีโชติ อันนี้เป็นข้อมูลที่ ๑ เกี่ยวกับดวงแก้ววิเศษของหลวงปู่ท่านครับ

 

อีกเรื่องหนึ่งเล่าไว้ว่าเมื่อท่านบำเพ็ญสมณะธรรมอยู่ ปรากฏนิมิตดวงแก้วมณีโชติอยู่กลางหนองน้ำ แล้วปรากฏพญาหมูป่า ๕ ตัว มาขุดและคาบเอามาไว้ที่เกาะกลางน้ำแห่งหนึ่ง แล้วบันดาลให้ฝูงหมูป่ามาคอยพิทักษ์รักษาแก้วนั้นไว้ จนชาวบ้านเรียกว่าโคกหมู เทพยดาอารักษ์ได้มากราบหลวงปู่อาราธนาให้ท่านเรียนวิชาสองประการคือ ปรอทสำเร็จ และย่นหนระยะ ทาง เมื่อหลวงปู่ร่ำเรียนจนเสร็จแล้ว เทพยดาขอให้หลวงปู่ช่วยสร้างเจดีย์ครอบแก้วมณีโชติไว้ โดยอธิบายหลวงปู่ไว้ดังนี้ว่า แก้วมณีโชตินี้หากถูกต้องสิ่งสกปรกของมนุษย์แม้น้อยก็จะอันตรธานหายไป การจะสร้างเจดีย์ครอบได้นั้นต้องอาศัยหลวงปู่แต่เพียงผู้เดียว ประการหนึ่งคือ ด้วยอำนาจปรอทวิเศษทำให้หลวงปู่มีกายเบา แม้ยกหินดินอิฐก็พลอยเบาดั่งว่าไม่มีน้ำหนัก ทำงานเท่าใดก็ไม่เหน็ดเหนื่อย เมื่อปีนไต่ทำงานบนยอด หากลมพัดตกลงมาก็หาเป็นอันตรายแต่อย่างใดไม่ ที่สุดหลวงปู่แสงรับคำที่จะสร้างเจดีย์ และต่อมาท่านก็สร้างอยู่เพียงองค์เดียวโดยไม่มีชาวบ้านผู้ใดมาร่วมสร้างเลย ท่านสร้างจนเสร็จ ตอนจะเสร็จนั้นท่านตกแต่งยอดเจดีย์เมื่อตกแต่งจนสำเร็จบริบูรณ์ดีแล้ว ท่านก็กระโดดจากยอดเจดีย์ลงมาที่พื้นด้านล่าง แล้วลุกขึ้นมาปัดฝุ่นจีวรจากนั้นก็เดินธุดงค์ต่อไปโดยไม่มีการอำลาญาติโยมแม้แต่คนเดียว ทิ้งปริศนาไว้ว่าท่านทำได้อย่างไร

 

ได้อ่านจากเล่มนี้ครับ ภายในเล่มมีข้อความของอาจารย์บุตย์ สาริกบุตร (พ.ศ. ๒๕๒๙) กล่าวถึงเรื่องปรอทสำเร็จไว้ว่า ปรอทสำเร็จนั้นมีฤทธิ์เหนือกว่าเหล็กไหล ๑ ชั้น เป็นขอหาได้ยากสำเร็จได้ยาก การทำปรอทสำเร็จยากกว่าทำทองแดงกลายเป็นทองคำ

คนโบราณทิ้งปริศนาการทำปรอทไว้หลายตำรา ตำราหนึ่งว่า

ต้นเขียว ใบแฉก ลูกเอ๋ยอย่าแปลก เมื่อน้อยเคยกิน

ใครตีปริศนาได้ก็จะสำเร็จปรอท ผู้ที่สำเร็จปรอทแล้ว หากเอาปรอทออกมาดูในคืนวันเพญท่านว่าต้องระวังมือวิเศษ นัยว่าเป็นมือคนธรรพ์ หรือนักสิทธิวิทยาธรจะมาคว้าฉวยไป ต้องระวังให้ดี

 

คาถาบูชาหลวงปู่แสง หรือขรัวเจ้าแสง มีหลายตำรับ หนึ่งในคาถาที่สั้นและง่ายคือบทนี้ครับ
"ระโชหะระณัง ระชังหะระติ" เป็นบทของพระจูฬปันถก นั่งขยำผ้าขาวจนบรรลุอรหันต์เป็นผู้เลิศทางมโนยิทธิ

 

เอาภาพพระเครื่องพิมพ์ซุ้มเรือนแก้วของพระอาจารย์สมบูรณ์ วัดหงษ์ มาให้ดูองค์นี้เป็นเนื้อดินเผา ทำจากมวลสารแร่เกาะล้าน แร่เหล็กย้อย เหล็กน้ำพี้ นานวันเข้าเกิดเกร็ดแก้วมีลักษณะเป็นเส้นไหมสีขาวๆขึ้นมาอย่างนี้ครับ

 

อ่านเรื่องขรัวเจ้าแสงแล้วน่าสนใจมาก มีตอนหนึ่งขรัวเจ้าแสงสนทนากับเทพยดาผู้มาถวายวิชาปรอท
ขรัวเจ้าแสง ถามว่า เรียนสำเร็จปรอทแล้วมิต้องอยู่เป็นพันปีหรอกหรือ

เทวดาตอบว่า มิใช่ว่าเรียนสำเร็จแล้วมิต้องตายหรอกขอรับ เมื่อถึงอายุขัยก็ต้องแแตกดับลับขันธ์ไปเป็นธรรมดา

ขรัวเจ้าแสง ถามว่า แล้วให้อาตมาเรียนไปทำไม

เทวดาตอบว่า ขอให้พระเดชพระคุณเรียนไว้เถิด จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในด้านการกุศลผลบุญจะเป็นบุญบารมีไปในภายภาคหน้า จะเป็นบุญกุศลอันใหญ่หลวง

อันว่าวิชาปรอทนั้นเมื่อสำเร็จแล้วจะขึ้นลงในที่สูงๆ เช่นยอดเขา หน้าผา ก็สามารถกระโดดขึ้นหรือกระโดดลงได้อย่างปลอดภัย กายเบา แม้แบกหินผาศิลาแลงอันแแสนหนักก็จะไม่รู้สึกว่าหนักเลย นี่เป็นประโยชน์โดยย่อของการสำเร็จปรอทที่เทพยดามาบอกถวายแด่ขรัวเจ้าแสง

 

ภาพปรอทเพชรของท่านอาจารย์โยธิน

หนึ่งในสูตรการสำเร็จปรอท ซึ่งคนโบราณผูกปริศนาไว้เป็นเพลงกล่อมเด็กคือ

วัดเอ๋ย วัดโบสถ์ มีข้าวโพดเจ็ดต้น เจ้าขุนทองไปปล้น ป่านฉะนี้ไม่กลับมา คดข้าวใส่ห่อ ถ่อเรือตามหา เขาเล่าลือว่าเจ้าขุนทองตายแล้ว เหลือแต่กระดูกแก้ว เมียรักจะไปปลง

ในบทความของอาจารย์สุริยาทิตย์หรือนวลแสงทอง นามจริงคืออาจารย์ประโพธิ เปาโรหิตย์ ซึ่งได้ล่วงลับไปแล้วท่านอธิบายว่าคำว่าเจ้าขุนทองก็คือปรอท ที่ว่าเจ้าขุนทองตายแล้วก็หมายถึงการฆ่าปรอทให้ตาย ปรอทที่ว่าจะกลายสภาพเป็นกระดูกแก้ว คือมีลักษณะใสดั่งแก้วขึ้นมา เรียกว่าปรอทสำเร็จ

อาจารย์ท่านไม่ได้อธิบายว่าข้าวโพดเจ็ดต้นคืออะไร น่าจะหมายถึงสารบางอย่างที่มีสีเหลืองทองเหมือนฝักข้าวโพด อาจหมายถึงทองคำหรือกำมะถันก็ได้ ยังเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้