นักวิทยาศาสตร์รัสเซียไขปริศนา โลกปรภพ

้เคยอ่านเมื่อนานมาแล้วครับ แต่ก็ขอบคุณที่เอามาให้อ่านอีกรอบครับ

 

จงมีเลือดเนื้อ และอย่าหลอกตนเอง!!!
บทความโดย พศิน อินทรวงค์

การปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติอย่างคนมีเลือดมีเนื้อ อย่าหลอกตัวเองว่าเราเป็นผู้ไม่มีกิเลส อย่ากลบเกลื่อนความชั่วช้าที่อยู่ภายใน จงปล่อยให้สายตาของเรามองเห็นจุดดำที่มีอยู่และยังคงอยู่ ไม่จำเป็นต้องผลักไส ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี เหมือนเรามีบ้านอยู่ใกล้น้ำเน่า แต่มีความจำเป็นที่ยังต้องอยู่อาศัยต่อไป การกำจัดน้ำเน่า ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ทันที หากแต่ต้องค่อยๆ สร้างน้ำดี สร้างทิศทางถ่ายเทสิ่งไม่ดีให้หมดไปจากสายน้ำแห่งจิตวิญญาณ ทั้งหมดเป็นเรื่องของการเดินทางไกลที่ต้องใช้เวลา

ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเราเป็นมนุษย์เราย่อมมีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้ไม่สมบูรณ์แบบโดยชอบธรรม สิ่งนี้ไม่อาจเกิดขึ้นกับเทวดา เป็นสิ่งที่เทวดาทั้งมวลกำลังริษยาเราอยู่ มนุษย์นั้นได้รับอนุญาตให้หัวเราะ ร้องไห้ ท้อแท้ หรือทำผิดพลาด การพ่ายแพ้ต่อกิเลสไม่ใช่เรื่องดีแต่ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องผิดแต่เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสอง

คนโง่เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น และคนโง่ยิ่งกว่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้ประเสริฐในนิยาย นิยายนั้นมีจริงแต่บุคคลในนิยายเป็นเพียงอุดมคติจากจินตนาการ เราต้องแยกให้ออกระหว่างความจริงและอุดมคติ จงขัดเกลาจิตใจตนเองอย่างที่มนุษย์เขาทำกัน อย่าได้คาดหวังว่า ตนเองจะเป็นเทวดาได้ภายในวันสองวัน ความชั่วร้ายยังต้องชำระสะสาง ความเห็นแก่ตัวรอวันสำแดงเดช มารร้ายทั้งปวงยังฝั่งอยู่ในจิต เลือดเนื้อ ชีวิต และการยอมรับความจริงในแบบที่เป็น จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับนักปฏิบัติที่ต้องการเอาดี

เราอาจเดินตัวแข็ง พูดจาเชื่องช้า นุ่งขาวห่มขาว จุดเทียนชัยแล้วถือดอกบัววนรอบวิหารได้เป็นร้อยๆ รอบ แต่นั้นไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งชัยชนะอันแท้จริง สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เปลือกไร้สาระที่อยู่ภายนอก เป็นแค่เครื่องแบบชั้นหยาบที่ไม่สามารถปกป้องเราจากพญามารที่อยู่ภายใน ความบริสุทธิ์นั้นก่อเกิดจากภายใน เช่นเดียวกับความสกปรก ของจริงนั้นไม่มีอะไรเลยที่ถูกสร้างขึ้นจากภายนอก ของจริงนั้นอยู่ข้างใน จงยอมรับตนเอง รู้จักหนักเบาของตนเอง รู้จักสิ่งชั่วร้ายที่สุดและดีงามที่สุดของตนเอง

จงปฏิบัติธรรมแบบผู้มีเลือดเนื้อ ปฏิบัติธรรมแบบผู้ที่ผิดพลาดได้ จงรู้จักให้อภัยผู้อื่นและตนเอง เพราะเราต่างมีเลือดเนื้อ มีหัวใจ มีกิเลส มีความโง่งมและความฉลาดอยู่เต็มสันดาน ความรู้สึกร้อนหนาวยังคงอยู่ ความมืดมิดยังสลับไปมาในบางโอกาส บุคคลผู้ใดรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของกิเลส และเท่าทันจริตภายในของตน บุคคลผู้นั้นย่อมมีโอกาสที่จะบรรลุสู่ความเป็นอริยบุคคลในเร็ววัน

 

ดูแล้วจากที่เค้าเล่ามันก็คล้ายๆกับเมืองลับแลของบ้านเรา ที่ไม่มีความเจริญอยู่กันอย่างสงบสุข เพียงแต่อย่ายึดติดมากนัก ภาษาบ้านเค้ากับเราต่างกัน เค้าอาจจะๆไม่ได้ศึกษาเรื่องบาลี แต่ทางจิตเค้าอาจเข้าถึง เราเนี่ยมัวแต่ยึดติดกับคำกับภาษาเรื่องจิตเลยไม่เข้าถึงกันซักที ยึดติดนั่นยึดติดนี่ ยึดติดกับคำสอน เค้าให้เอาคำสอนมาใช้ไม่ได้ให้เอามาแบก คนบางคนปฏิบัติยังไม่ถึงไหนแบกแต่คำสอนอยู่นั่น เที่ยวสอนชาวบ้าน ไม่ได้สอนใจตนเสียที เพราะเอาเวลามาพิมสอนคนอื่น ดูแต่คนอื่น แต่ไม่เคยดูใจตนเลย

 

แหม ทีนี้เวลาคนโดนผีสิงก็ต้องเรียกใหม่ว่าถูกสิ่งมีชีวิตต่างดาวรุกรานสินะ

 

เชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ..อันว่าการพูดเล่น พูดพลั้งเผลอ ย่อมไม่มีในพระตถาคต ที่พระองค์ตรัสสอนมาสองพันหกร้อยกว่าปี ไม่มีข้อใดผิดเพี้ยนเลยสักข้อ เราชาวพุทธควรหันมาอ่านพระไตรปิฏก แล้วจะทราบว่าพระพุทธเจ้าของเราพระองค์สุดยอดกว่านักวิทยาศาสตร์ของโลกทุกแขนงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยจริง ฯลฯ ใครอ่านใครได้ ใครทำใครได้ค่ะ การที่ใครจะเห็นอย่างไรมานั้น สิ่งที่เห็นสิ่งที่รู้แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวของใบไม้ใบเดียวในหนึ่งหยิบมือของพระพุทธเจ้าก็ตาม ก็ดีค่ะ มีพลังจิตกันเยอะๆ มากเท่าไรยิ่งดี เรามารวมพลังจิตกัน เราอาจสามารถช่วยรักษาอาการป่วยของโลกได้บ้าง

 

นานาจิตตัง

 

มนุษย์อุตรกุรุทวีปปะ

 

ผมไม่ได้หลายใจ แค่ผมเปิดรับข้อมูลใหม่เข้ามาในชีวิต จะจริงไม่จริง มันก็คือสิ่งที่ผมคิดเอง กรุณาอย่ารุกรานความคิดผู้อื่น ขนาดคุณยังมีความคิดเป็นของตัวเอง ยังกล้ายืนยันกับข้อมูลที่คุณได้รับรู้ คุณรู้แก่นแท้ แล้วคุณมาข่มขืนความคิดผมทำไม ขอบคุณครับ

 

อย่างแรกต้องขอขอบคุณจขคที่นำบทความดีๆมาให้อ่าน ส่วนพวกคนที่ไม่เห็นด้วยไปว่าเขาหรือไปคลิ้ก ไม่เห็นด้วยก็นะ ขอแบบนี้มองต่างมุม ไทยเชื่ออย่าง ฝรั่งเขาก็เชื่ออย่าง จะหาอะไรมาเป็นข้อยุิได้ แต่ที่แน่ทุกคนโลกมีวันที่ต้องตายกันหมดทกคน ใครเชื่อไร ชอบไรก็ไปอย่างงั้น