มาวิเคราะห์คำทำนาย จากภัยธรรมชาติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 3 กรกฎาคม 2006.

  1. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    ตอนนี้ก็ใกล้เวลานั้นเข้ามาทุกทีแล้ว แต่ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงบ้าง หลายๆคนที่อยู่รอบข้างยังไม่รู้ถึงชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงยังไม่ค่อยมีใครตื่นกลัวในเรื่องนี้สักเท่าใด

    ตอนนี้ก็ได้แต่ใช้ชีวิตไปอย่างปกติ แต่ใจหนึ่งก็อยากจะไปปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องเป็นราว เพราะอย่างไรแล้ว ถึงแม้จะดำเนินชีวิตไปตามสามัญปกตินี้ ก็ไร้ซึ่งความหมาย ไม่ได้แก่นสารอะไร แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีภาระผูกพันให้ต้องดูแลพ่อแม่อีก

    ซึ่งในขณะนี้ก็ได้แต่รอให้อภิญญาเป็นที่แพร่หลายเสียก่อน จึงจะสามารถพัฒนาตัวเองให้เจริญขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่


    พระศรีอาริย์ผมเชื่อว่าพระองค์ยังไงก็ต้องอุบัติขึ้นในโลกมนุษย์ตามพุทธทำนายอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อยู่ดี รวมถึงภัยพิบัติด้วย ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่รู้ว่าเกิดแน่

    แต่ก็รู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ ได้มาเกิดอยู่ในผืนแผ่นดินไทย เชื่อว่าเสียอย่างไรแล้ว ประเทศไทยก็คงบอบช้ำน้อยที่สุดในบรรดาประเทศต่างๆทั่วโลก ตามคำทำนายของเกจิหลายๆรูป เพราะประเทศไทยมีพุทธะคุ้มครองอยู่ และถ้าเป็นจริงดั่งที่บอกว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของโลก ก็จะดีไม่น้อย

    สาธุๆ
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** วัดบางยี่เรือนอก...อินทาราม....สมเด็จพระเจ้าตากสิน ****

    ความเป็นมาของ วัดอินทาราม
    สมัยก่อนเล่ากันว่า มีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โตกว่าปัจจุบันมาก
    แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 20 กว่าไร่ วัดอินทารามจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิด วรวิหาร
    ตั้งอยู่ริมถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
    วัดนี้เป็นวัดโบราณมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า "วัดบางยี่เรือนอก" คู่กับ "วัดบางยี่เรือใน" คือวัดราชคฤห์
    วัดอินทารามไม่ปรากฏว่าผู้ใดสร้างและสร้างมาแต่ครั้งใด
    ปรากฏอยู่ในพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ร่วงโรยมาก และเป็นวัดเล็ก
    ต่อเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ทรงพบวัดนี้เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงทรงมาบูรณะปฏิสังขรณ์ แล้วสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ
    วัดอินทารามในสมัยโบราณเรียกว่า "วัดบางยี่เรือนอก" เพราะเดิมในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
    เมืองธนบุรีตั้งอยู่ที่วัดคูหาสวรรค์ (วัดศาลาสี่หน้า) ในคลองบางกอกใหญ่ จากเมืองเก่าต้องถึงวัดราชคฤห์ก่อน
    จึงเรียกวัดนี้ว่าวัดบางยี่เรือใน และถึงวัดจันทาราม ซึ่งอยู่ตรงกลาง จึงเรียกวัดบางยี่เรือกลาง แล้วจึงถึงวัดอินทาราม จึงเรียกวัดนี้ในอดีตว่าวัดบางยี่เรือนอก
    http://www.intaram.org/about.asp


    *** วัดบางยี่เรือใน...ราชคฤห์....พระยาพิชัย ****

    ...ถวายชีวิตเป็นราชพลี....
    เมื่อปี พ.ศ. 2325 หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันท์
    สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เล็งเห็นว่าพระยาพิชัยเป็นขุนนางคู่พระทัยสมเด็จพระเจ้าตากสินที่มีฝีมือและซื่อสัตย์
    จึงชวนพระยาพิชัยเข้ารับราชการในแผ่นดินใหม่
    แต่พระยาพิชัยไม่ขอรับตำแหน่งด้วยท่านเป็นคนจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อองค์พระเจ้าตากสินฯ และ ถือคติที่ว่า "ข้าสองเจ้าบ่าวสองนายมิดี"
    จึงขอให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกสำเร็จโทษตน เป็นการถวายชีวิตตายตามสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ

    หลังจากท่านได้ถูกสำเร็จโทษ
    สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
    พระองค์จึงได้ทรงรับสั่งให้สร้างพระปรางค์นำอัฐิของท่านไปบรรจุไว้ ณ "วัดราชคฤห์วรวิหาร"
    ซึ่งพระปรางคนี้ก็ยังปรากฏสืบมาจนปัจจุบัน

    พระยาพิชัยดาบหักได้สร้างมรดกอันควรแก่การยกย่องสรรเสริญให้สืบทอดมาถึงปัจจุบัน
    ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความกตัญญูกตเวที ความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดกล้าหาญรวมถึงความรักชาติ ต้องการให้ชาติเจริญรุ่งเรืองมั่นคงต่อไป
    http://th.wikipedia.org/wiki/พระยาพิชัยดาบหัก

    http://www.watrajkrueh.com/view4.htm

    บูชนียวัตถุภายในวัดราชคฤห์วรวิหาร ที่ควรเคารพบูชา คือ
    ๑.พระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมาจากกรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย
    ๒.พระพุทธบาทจำลองบนเขามอ
    ๓.พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เก่าแก่ สมัยกรุงศรีอยุธยา
    ๔.พระนอนหงายที่ศักดิ์สิทธิ์ สมัยกรุงธนบุรี
    ๕.เจ้าแม่กวนอิม
    ๖.เจ้าพ่อเขาตกที่ศักดิ์สิทธิ์
    .......๗.ท่านพ่อพระยาพิชัยดาหัก .......
    ๘. หลวงปู่ใหญ่ผู้ให้โชคลาภ
    ๙. หลวงพ่อพิพัฒน์ธรรมคณี (ชำนาญ)

    การสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัด มีดังนี้
    วิหารใหญ่
    วิหารใหญ่นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ อายุประมาณ ๓๐๐
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    พระยาพิชัย... "ผู้มีสัจจะ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** อภิญญาใหญ่ ****

    สมัยโบราณเรียก "ปริญญา"
    อภิญญา...ที่รอ คือ "สัจจะ"

    ใครทำ...ใครได้....ใครสำเร็จ
    ผู้ที่เชื่อ....ผู้ที่ทำได้...จะสำเร็จ จะบรรลุ จะหลุดพ้น

    เชื่อ ไม่เชื่อ...อยู่ที่ตัวของเรา
    ท่านจะเลือกเป็น ดอกบัวแบบไหน ???

    ข้าพระพุทธเจ้าบอกแล้วนะ
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** การกลับมา ****

    การกลับมาของ "พระยาพิชัย"
    คือ ผู้ทำได้...ผู้มีสติพระพุทธเจ้า
    คือ ผู้ที่อบรมสั่งสอน....โดย "โลกุตตระ พระไตรปิฎก"
    คือ ผู้ที่ปรากฏ ตามทุกพยากรณ์โบราณบนโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พระเจ้าตากสิน ****

    รู้ถึงกรรม...ที่จะต้องเกิดจากผลการกระทำ
    บ้านเมือง...วุ่นวาย เกิดก่อการ
    พระองค์...สิ้นสุด กลางลำน้ำเจ้าพระยา
    แต่...
    พระองค์ทรงรู้ก่อน...ไม่โกรธแค้นอาฆาตใดๆ
    ปรารถนา.... กลับมาช่วยฟื้นฟูพระศาสนาในกาลต่อไป

    พระเจ้าตากสิน...กลับมากอบกู้ศาสนาและชาติบ้านเมือง เมื่อถึงเวลา

    ไม่ลืมพระคุณแสนยิ่งใหญ่
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258

    เคยมีคนถามคุณแม่เกษร ท่านตอบว่าใช่ค่ะ
     
  8. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณแม่นายมล

    ที่ผมได้ข้อมูลมาก็ตรงกับคุณแมนายมลเช่นกันครับ พระเจ้าอโศกมหาราช หลวงปู่ทวด สมเด็จพุฒาจารย์โต มีความเกี่ยวพันกันอยู่ครับ ผิดถูกผมคงไมทราบได้ครับแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละท่าน
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วัดบางกุ้ง
    อยู่ในเขตพื้นที่เดียวกับค่ายบางกุ้ง แต่อยู่คนละฝั่งกัน มีความมหัสจรรย์อยู่ที่โบสถ์ของวัดจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้วัดบางกุ้งแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand โดยภายในวัดมีโบสถ์เก่าประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปั้นขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมและภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในซุ้มขนาบข้างด้วยอัครสาวกนั่งพนมมือhttp://www.baanjomyut.com/76province...am/travel.html


    ที่บ้านผม คุณแม่ได้เป็นเจ้าภาพกฐินที่วัดบางกุ้ง อัมพวัน จ.สมุทรสงครามในปีนี้ จัดในวันอาทิตย์ที่ 18 พย. 2550 ครับ อย่างไรขอเรียนเชิญเพื่อนๆไปร่วมงานกันได้ครับ
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ผมก็ได้ข้อมูลอย่างนั้นครับ อ่านเจอจากหนังสือ"พระศรีอาริย์" โดย อริยะ น่าสนใจมากครับ กล่าวถึงการเกิดดับของโลกธาตุ และที่มาที่ไปของโลกธาตุที่แตกแล้ว ผมอ่านวันเดียวจบเลย รวมถึงพระศรีอาริย์ วัดไลย์ จังหวัดลพบุรีด้วยครับ
     
  11. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ถ้าเป็นตามนั้น ที่ว่าหลวงปู่ทวดจะมาเป็นพระศรีอารย์ในอนาคต ปัจจุบันมีท่านที่เป็นหน่อของหลวงปู่ทวดอยู่ในประเทศไทยแล้วเพื่อการบำเพ็ญบารมี ท่านฝึกอภิญญาขั้นสูงอยู่ ไม่เปิดเผยตนเอง แต่อาจสัมผัสได้ถ้าผู้สัมผัสมีภูมิธรรมมากพอ

    เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะคะ อนุโมทนาคำตอบทุกท่านค่ะ
     
  12. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    [​IMG] [​IMG]


    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงลาจากพุทธภูมิเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๓


    “..เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๐ อาตมาป่วยหนัก ไปนอนพักรักษาตัวที่กรมแพทย์ทหารเรือ (ปัจจุบันโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า) ไปนอนอยู่ที่ตึก ๑ เป็นห้องพิเศษ เวลาประมาณ ๔ ทุ่มเศษๆ ไฟฟ้าในห้องยังไม่ดับและประตูก็ใส่กลอนแล้ว ถึงเวลานอน นอนคนเดียวยังไม่หลับ ปรากฏว่ามีคนๆหนึ่งมายืนอยู่ข้างเตียง เป็นชายลักษณะเป็นคนล่ำๆ ท่าทางแข็งแรงทะมัดทะแมงปราดเปรียวมาก เป็นคนผิวขาว หน้าค่อนข้างจะสี่เหลี่ยมนิดๆ แต่มีเนื้อเต็ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาวเหนือเข่านิดหนึ่ง ใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวเหนือศอกหน่อย
    <O:p</O:p
    ก่อนที่อาตมาจะเห็นท่านผู้นี้ ก็เพราะขณะที่ไปนอนป่วยอยู่ที่นั่นก็มีความรู้สึกว่า บรรดาผีทั้งหลายอาจจะแกล้งได้ง่าย เนื่องจากกำลังใจของคนป่วยความเข้มแข็งน้อย ก็นึกว่าในที่นี้เป็นเขตพระราชฐานของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จึงขอพึ่งบารมีท่านให้คุ้มครอง พอท่านมายืนก็มองเห็น ไม่ต้องหลับตาไม่ต้องเข้าฌาน ในเมื่อผีจะแสดงตัวให้ปรากฏ แต่ความกลัวไม่มีเพราะเรื่องนี้ชินมาตั้งแต่บวชพรรษาที่ ๑ ก็เลยถามท่านว่า “ท่านเป็นใคร” ท่านผู้นั้นก็ถามว่า “เมื่อกี้ท่านนึกถึงใคร” ก็ตอบท่านว่า “นึกถึงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”
    <O:p</O:p
    ท่านก็บอกว่า “ผมนี่แหละ พระเจ้าตากสินมหาราช” ก็เลยมองไปมองมา ดูลักษณะการแต่งตัวของท่าน ท่านถามว่า “มองอะไร” ก็บอกว่า “มองดูลักษณะพระเจ้าตากสินมหาราช” ท่านถามว่า “เชื่อหรือยังว่าเป็นพระเจ้า

    ตากสินมหาราช” ตอบว่า “ยังไม่เชื่อ ที่มองนี่เพราะยังไม่เชื่อ” ท่านถามว่า “ไม่เชื่อตรงไหน” ก็บอกว่า “ไม่เชื่อตรงกางเกงกับเสื้อเพราะพระมหากษัตริย์ไม่น่าจะนุ่งแบบนี้” ท่านถามว่า “กษัตริย์ต้องทรงเครื่องกษัตริย์นอนเชียวหรือ นี่มัน ๔ ทุ่มกว่าแล้วนะ” ก็บอกว่า “จะรู้ได้อย่างไรในเมื่อเป็นกษัตริย์ เวลาเป็นผีมาแสดงตนให้ปรากฏก็ต้องใช้เครื่องทรงแบบกษัตริย์” ท่านบอกว่า “ใช้เครื่องทรงกษัตริย์ก็ได้” พอพูดจบเครื่องทรงก็เป็นกษัตริย์ ท่านถามว่า “เชื่อหรือยัง” ตอบว่า “ตอนนี้เชื่อแล้ว”
    <O:p</O:p
    ต่อมาก็คุยกันตั้งแต่ ๔ ทุ่มเศษๆ ถึงตี ๕ ครึ่ง คุยกันเรื่องในอดีต ความเป็นมาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งแต่เป็นเด็กชายสินไว้หางเปีย จนกระทั่งถึงขั้นวางแผนให้รัชกาลที่ ๑ เป็นพระมหากษัตริย์ เป็นการยืนยันว่าพระองค์ไม่ได้ถูกรัชกาลที่ ๑ ประหารชีวิต เมื่อรัชกาลที่ ๑ ขึ้นเถลิงราชสมบัติแล้ว ก็นำสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่านบวชเป็นพระแล้วนั่งคานหามไปส่ง ออกทางปากท่อตอนกลางคืนไปส่งที่ถ้ำในจังหวัดนครศรีธรรมราช ลูกชายของท่านมีสองคน คนพี่ให้เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจะได้บำรุงพ่อ คนน้องก็ให้ทุนเป็นพ่อค้าสำเภา เป็นการหาทรัพย์สินเข้าเมือง เป็นการยืนยันว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก่อนจะสวรรคตเป็นพระสงฆ์ ไม่ได้ถูกฆ่าตาย พระองค์สวรรคตที่นครศรีธรรมราช ถ้ำที่ท่านพักก็ยังอยู่กุฏิหลังนั้นเขาทำเลียนแบบไว้ แต่ความจริงกุฏิที่อยู่จริงๆ ดีกว่านั้น

    เขาทำให้มีความผาสุกกว่านั้น ออกจากถํ้าท่านก็มีที่พัก มีห้องพักแบบสบายๆ ความจริงท่านไม่ได้สั่งแต่ลูกชายเป็นคนสร้างให้ ท่านอยู่ด้วยความสงบ คนที่เป็นกษัตริย์มาแล้ว เป็นทุกอย่างมาแล้ว มันก็หมดความโลภ ความโกรธ ความหลง และก็เป็นคนแก่ด้วยก็หมดความรัก ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมของท่านก็เป็นไปด้วยความเคร่งครัดแต่ไม่ได้เคร่งเครียด คำว่า “เคร่งครัด” คือ “ปฏิบัติตรงไปตรงมาในมัชฌิมาปฏิปทา”
    <O:p</O:p
    ก่อนท่านจะลากลับ อาตมาถามว่า “ขอหวยสัก ๒ ตัวได้ไหม” ท่านบอกว่า “สมัยผมมีแต่หวยจับยี่กี หวยแบบเลขท้าย ๓ ตัว ๒ ตัว แบบนี้ไม่มี เรื่องหวยนี่ผมไม่รู้หรอก แต่เวลานี้ผมมีสตางค์ติดกระเป๋ามาเพียงแค่ ๒๕ สตางค์ ผมขอถวายหมด” พูดแล้วท่านก็หยิบเหรียญโยนไปใต้เตียงเห็นเลข ๒๕ ใสแจ๋ว พอตอนเช้าบรรดาพยาบาลและนายทหารประจำตึกมาถามว่า “เมื่อคืนมีอะไรบ้างครับ” ก็เลยเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาเยี่ยม ขอหวยท่าน ท่านบอกว่าไม่มี มีแต่เงินเหรียญ ๒๕ สตางค์ แล้วท่านก็โยนไปใต้เตียง ปรากฏว่าภายในวันนั้นข่าวกระจายไปทั่วกรมอู่ ทุกคนเล่นเลขท้าย ๒ ตัว ถูกกันมาก
    <O:p</O:p
    ต่อมาวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓ วันนั้น พ.อ.สถาพรได้นำดาบเล่มหนึ่งมาจากเมืองตาก เขาบอกว่าเป็นดาบของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อมาให้เจ้ากรมการสัตว์ทหารบกที่จังหวัดนครปฐม คืนนั้นก็นำดาบตั้งไว้ในที่มีเครื่องสักการะ พอตอนดึกเวลาประมาณสัก ๖ ทุ่ม เวลาจะนอนก็ทำจิตเป็นสมาธิตามปกติของพระ ก็เห็นภาพสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ สวยงามมากมาที่ดาบ ถามท่านว่า “มาทำไม” ท่านบอกว่า “ก็เขาว่าดาบของผมนี่ครับ ผมก็มาทำให้มันหน่อย” ถามว่า “ทำแล้วจะมีประโยชน์อะไรบ้าง” ท่านก็บอกว่า “ประโยชน์มี”
    <O:p</O:p
    หลังจากนั้นก็คุยกันถามว่า “เวลานี้ลาจากพุทธภูมิหรือยัง” ท่านบอกว่า “ยังไม่ได้ลา” จึงถามว่า “ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้าจริงๆ หรือ” ท่านบอกว่า “เวลานี้พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มรอคิวกันยาวเหยียด ผมก็อยากจะลาพุทธภูมิเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าลาแล้วจะมีผลเป็นประการใด” ก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นไปคุยกับพระกันดีกว่า ไปด้วยกันไหม” ท่านบอกว่า “ไปซิ ที่มานี่ก็จะมาชวนไปหาพระด้วยกัน”
    <O:p</O:p
    เมื่อไปถึงกราบท่านแล้วก็ถามว่า “เวลานี้เทวดาสินเป็นพระโพธิสัตว์ อยากจะทราบว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่เท่าไร หลังจากพระศรีอารย์ไปแล้ว” พระท่านก็บอกว่า “จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓๐ หลังพระศรีอารย์นิพพานแล้ว” ก็เล่นเอาเทวดาสินต้องไปนั่งยิ้มที่ชั้นดุสิตอีกถึง ๓๐ พระพุทธเจ้า ก็เลยถามพระท่านว่า “ถ้าเทวดาสินจะลาจากพุทธภูมิ เมื่อไรจะไปนิพพาน”

    ท่านบอกว่า “เทวดาสินนี่ ถ้าหากลาจากพุทธภูมิเป็นสาวกภูมิ กำลังเต็มมานานแล้ว ก็เหลือแค่ เอหิภิกขุ เท่านั้นก็พอแล้ว ถ้าตรัสว่า เอหิภิกขุเทวดาสินก็เป็นพระสมบูรณ์แบบ” ท่านก็เลยเข้าไปกราบพระ พระท่านก็บอกว่า “เอหิภิกขุ เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด”เพียงเท่านี้ เทวดาสินก็กลับสภาพจากเทวดาเป็นวิสุทธิเทพ<O:p</O:p

    นี่เป็นเรื่องของนิมิตลืมตา ไม่ใช่นิมิตหลับตา ไม่ได้เข้าฌานสมาบัติ ถ้าถามว่า “ถ้าไม่เข้าฌานสมาบัติ แล้วรู้ได้อย่างไร” ก็บอกว่า “ท่านแสดงภาพให้รู้ มันก็รู้ด้วยกันทุกคนแหละ ไม่ว่าใคร” คนที่เห็นผีเข้าฌานหรือเปล่า เดินไปแล้วก็ถูกผีหลอก ต้องเข้าฌานหรือเปล่า สภาพนี้ก็เหมือนกัน ผีไม่ได้หลอกแต่ว่าผีมาชวนคุย ผีมาบอกตามความเป็นจริง ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าฌานสมาบัติ...”



    http://www.geocities.com/pranipan/<O:p</O:p


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2007
  13. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณธรรมศักดิ์

    ข้อมูลเรื่องพระเจ้าตากตอนนี้เป็นพระวิสุทธิเทพนั้นตรงกับที่หลวงพ่อจรัญเคยบอกญาติโยมไว้เหมือนกัน ฝากคุณธรรมศักดิ์ช่วยหาข้อมูลของหลวงพ่อจรัญนำมาลงให้คนได้อ่านกันบ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ ขอบคุณครับ
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    พระวิสุทธิเทพลงมาจุติเกิดอีก 10 ชาติถึงจะเต็มบารมีในภาคของมหาโพธิสัตว์ เริ่มจาก
    1. พระแก้วฟ้า เจ้าเมืองทวารวดี
    2.อัครมานพ ลูกเศรษฐี
    3.เจ้าการะเกดแห่งเมืองละโว้ ลพบุรี
    4.พระศรีอาิริย์ วัดไลย์
    5.หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
    6.สมเด็จพระพุฒาจารย์ พรหมรังษี
    7.กุมารน้อย ภาคนี้ไม่ได้เกิด เพราะตายตั้งแต่อยู่ในท้อง
    8. ปัจจุบันชาติ หรือในยุคนี้ แบ่งจิตลงมาจุติถึง 507 ดวง เพื่อที่จะกระจายญาณบารมีออกไป อาจจะจุติเกิดเป็นใครก็ได้เพื่อที่จะเร่งรีบสะสมบุญบารมีเพื่อที่จะเอาชนะพญามาร ซึ่งตามจองล้างจองผลาญมาในแต่ชาติก่อน ในยุคหลัง ๆ พญามารลงมาเกิดกันมาก ดาวมฤตยูแอบหลบหนีมาจุติเกิดมาก เพราะกลัวจะทันศาสนาแห่งพระศรีอาริย์ จึงรีบมาจุติเกิดในภพภูมิมนุษย์ เพื่อลงมาทำหน้าที่ของมาร ลงมาควบคุมตรวจสอบเพื่อที่จะเป็นอุปสรรคขวากหนาม ลงมาเพื่อเป็นเปลวเพลิงให้พระโพธิสัตว์และนักปฏิธรรมทั้งหลายข้ามพ้นไปได้
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    24 พุทธพยากรณ์ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน.....

    ๑.ยุคพระปัจฉิมทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นดาบส ชื่อ สุเมธ ได้สละทรัพย์ที่มีอยู่หลายโกฏิเป็นทาน แล้วออกบวชเป็นฤาษี วันหนึ่งขณะชาวบ้านกำลังทำถนน สุเมธดาบสได้ลงมาช่วยพร้อมทั้งนอนคว่ำลงบนดินโคลนเพื่อเป็นสะพาน ให้ พระทีปังกรพุทธเจ้าได้เดินเหยียยบข้ามไปและ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงพระนามว่า โคดม
    ๒.ยุคพระโกณฑัญญพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ พระนามว่า วิชิตาวี ได้ถวายทานพระภิกษุสงฆ์แสนโกฏิองค์ โดยมีพระโกณฑัญญพุทธเจ้าเป็นประทาน ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม
    ๓.ยุคพระมงคลพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ สุรุจิ ได้ถวายทานทานพระภิกษุสงฆ์แสนโกฏิองค์ โดยมีพระมงคลพุทธเจ้าเป็นประทาน ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๔.ยุคพระสุมนพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญานาค ชื่อ อตุละ ได้กระทำการสักการะใหญ่แก่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระสุมนพุทธเจ้า เป็นประทาน ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๕.ยุคพระเรวตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ อติเทวะ ได้สรรเสริญพระคุณของ พระเรวตพุทธเจ้า แล้วถวายจีวรห่ม ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าองค์ทรงพระนามว่า โคดม
    ๖.ยุคพระโสภิตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ชื่อ สุชาต ได้ถวายมหาทานแก่พระสงฆ์ โดยมีพระโสภิตพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๗.ยุคพระอโนมทัสสีตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็น ยักษ์ ได้เนรมิตมณฑป ถวายพร้อมกับมหาทานแก่พระสงฆ์โดยมีพระอโนมทัสสีตพุทธเจ้า เป็นประมุขทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๘.ยุคพระปทุมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เกิดเป็น พญาเนื้อ คือ ราชสีห์ ได้เห็นพระปทุมพุทธเจ้า เข้านิโรธสมาบัติอยู่ ๗ วัน จึงทำประทักษิณแล้วบันลือเสียงขึ้น ๓ ครั้ง นั่งเฝ้าพระองค์อยู่ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๙.ยุคพระนารทพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์บวชเป็น ฤาษี ได้ถวายทานและ บูชาด้วยดอกไม้จันทร์แดงแด่พระนารทพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๐.ยุคพระปทุมุตตรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นชฎิล ชื่อว่า รัฏฐิกะ ได้ถวายจีวรพร้อมภัตตาหารแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๑. ยุคพระสุเมธพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมานพ ชื่อว่า อุตตระ ได้บริจาคทรัพย์ ๘๐ โกฏแก่พระภิกษุสงฆ์โดยมี พระสุเมธพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๒.ยุคพระสุชาตพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ได้ถวายราชสมบัติทั้ง ๔ ทวีป และ รัตนะทั้ง ๗ ประการ ในสำนักของพระสุชาตพุทธเจ้า แล้วก็ออกบวชในสำนักของพระสุชาตพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๓.ยุคพระปิยทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพราหมณ์ ชื่อ กัลสป ได้สร้างสังฆารามใช้เงินไปแสนโกฏฺ แล้วมอบถวายแด่พระปิยทัสสีพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๔. ยุคพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นชฎิลชื่อว่า สุสิมะ ได้นำดอกไม้ทิพย์ มาจากสวรรค์มีดอกมณฑารพ ดอก ปทุม และดอกปาริจฉัตตกะ มาบูชาแด่พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๕.ยุคพระธัมมทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็น พระอินทร์ บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระธัมมทัสสีพุทธเจ้าด้วยเครื่องสักการะทิพย์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๖.ยุคพระสิทธัตถพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นดาบส นามว่า มงคล ได้นำผลหง้ามาถวายพระสิทธัตถพุทธเจ้าทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๗.ยุคพระติสสพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า สุชาต ได้ สละราชสมบัติออกบวชเป็น ฤาษี ได้นำดอกไม้ทิพย์มาบูชาแด่พระติสสพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๘.ยุคพระปุสสพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า วิชิตาวี ได้ สละราชสมบัติออกบรรพชา ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๑๙ ยุคพระวิปัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญานาคนามว่า อตุละ ได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดนตรีทิพย์ ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๒๐.ยุคพระสิขีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า อรินทมะ ได้ถวายผ้าเนื้อดีจำนวนมากพร้อใท้งพาหนะช้างทรง แก่พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระสิขีพุทธเจ้า เป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๒๑.ยุคพระเวสสภูพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า สุทัสสนะ ได้ถวายมหาทานแด่พระเวสสภูพระพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๒๒.ยุคพระกุกกุสันธพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า เขมะ ได้ถวายมหาทานแด่พระกุกกุสันธพุทธเจ้า ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๒๓.ยุคพระโกนาคมนพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า ปัพพตะ ได้ถวายผ้าแพร ผ้าสักหลาด เป็นต้น แก่พระสงฆ์ โดยมี พระโกนาคมนพุทธเจ้า เป็นประมุข ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
    ๒๔.ยุคพระกัสสปพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็น มานพชื่อว่า โชติปาล ได้ออกบวชและสรางคุณงามความดีแก่พระพุทธศาสนามากมาย ทรงได้รับพยาการณ์ว่าจะเป็น พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    คนที่จะได้พบศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย นั้น มีนิสัย ปัจจัย ดังต่อไปนี้

    ๑. บำเพ็ญทานถือศีล

    ๒. เคยบวชเป็นภิกษุ สามเณร ในพระพุทธศาสนา

    ๓. คนที่เคยปลูกต้นไม้ไว้ในวัด ให้ภิกษุสามเณรแลโยมวัด ทั้งหลายได้อาศัยดอกและผล

    ๔. คนที่สร้างสะพานใหญ่น้อยให้พระสงฆ์ และคนเดินทางได้รับความสะดวก

    ๕. คนที่ทำถนนหนทางให้พระสงฆ์ และคนเดินทางได้รับความสะดวก

    ๖. คนที่สร้างศาลาให้คนอื่นได้พักอาศัย

    ๗. คนที่ขุดบ่อน้ำไว้เป็นทาน

    ๘. คนที่เคยทำบุญตักบาตรพระสงฆ์

    ๙. คนที่มีความกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดา

    ๑๐. คนที่มีความอ่อนน้อมเคราพยำเกรงผู้เฒ่าผู้แก่ในตระกูล

    สรุปว่า ใครทำดีตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว ก็จะได้พบพระศรีอริยเมตไตรยอย่างแน่นอน.
     
  17. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171



    ถ้าเป็นพระวิสุทธิเทพแล้ว ท่านอยู่บนพระนิพพานแล้ว ไม่ต้องลงมาทำบารมีอะไรเพิ่มอีกแล้วครับ


    .
     
  18. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ลองดู กระทู้นี้ ครับ

    ( ไม่แน่ใจ จะเกี่ยวกันไหม... แฮะๆ )

    http://palungjit.org/showthread.php?t=96150&page=2

    <TABLE class=tborder id=post762591 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] เมื่อวานนี้, 09:23 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#21 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>คนวังหน้า<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_762591", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:56 AM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 447 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 329 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 3,716 ครั้ง ใน 661 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 431 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_762591 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ประวัติความเป็นมาคร่าวๆของรอยพระบาทรอยพระหัตถ์หลวงพ่อทวด
    เมื่อ15กันยายน2550ได้มีพิธีการปั้นลูกเเก้วสารพัดนึกเพื่อวางไว้ที่หน้าองค์หลวงพ่อทวดหน้าตัก30นิ้วเเล้วได้บรรจุมวลสารจิตรลดาเเละอัฐิหลวงพ่อดู่ไว้ในลูกเเก้วมวลสารที่ปั้นขึ้นเพื่อเป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนทั้งหลายหลังเสร็จพิธีฝนได้ตกเเละผมได้ถามกรรมการศาลเจ้าเเม่กวนอิมเเห่งเขาเทวดาที่สงขลาว่าที่เเห่งนี้มีใครเล่าลือถึงว่ามีรอยพระบาทหรือไม่
    เขาตอบว่ามีเเต่ยังไม่พบผมเลยจึง

    พลั้งปากบอกออกสำรวจทันทีขณะนั้นฝนได้ตกเเละเมื่อเดินขึ้นเขาพบหินก้อนนึงวางข้างทางให้พอควรประมาณ3คนโอบเเละได้ติดกับเขาเลยเเละมีหญ้าคลุมอยู่จึงได้ถอยหญ้าออก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    พบรอยมือขวาขนาดเท่าคนจริงประทับบนหินก้อนนั้นเเละเมื่อเดินไปอีกเจอก้อนหินที่ใหญ่กว่าเเละสะดุดตาเเละใจจึงได้ถอนต้นไม้เเละกองดินออก

    พบรอยเท้าหรือรอยพระบาททั้งสองรอยอยู่จึงนำมาซึ่งความดีใจเนื่องจากว่าผมได้มีนิมิตเหมือนฝันว่า

    พรุ่งนี้หมายถึงวันที่เจอรอยพระบาทเเละพระหัตถ์เอ็งจะได้เจอของดีของข้าจึงนับว่าเป็นการค้นพบรอยพระหัตถ์หลวงพ่อทวดครั้งเเรกของผมเเละค้นใกล้ชิดจึงนำมาบอกกล่าวให้อนุโมทนาเเละถ้าว่างๆจะถ่ายรูปนำมาให้กราบไหว้กันเพื่อความเป็นมงคล

    สถานที่พบคือเขาเทวดา จังหวัดสงขลา

    เมื่อถามพ่อเเม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นเช้านี้ท่านรับรองว่าเป็นของหลวงพ่อทวดจริงท่านบอกว่าเป็นของหลวงพ่อทวดเเน่นอนสมควรสร้างมณฑปครอบไว้เพื่อให้คนสักการะได้

    ส่วนหลวงตาม้าท่านบอกว่าเป็นรอยหลวงพ่อทวดหรือพระอรหันต์ที่เป็นศิษย์หลวงพ่อทวดที่ลาพุทธภูมิที่ไม่ตามหลวงพ่อทวดก็ยังไม่เเน่ใจเพราะเช็คยากเป็นของละเอียด

    ส่วนฆราวาสที่ได้สมาธิบอกว่าเมื่อกำหนดดูพบว่าเห็นอาทิตย์สีส้มเเละมี
    ฉัพรรณรังสีเเละเห็นหลวงพ่อทวด
    บางท่านเห็นเป็นรังสีทองคำ

    ล่าสุดคณะตามรอยพระพุทธบาท
    คุณศราวุธได้ยืนยันว่าเป็นรอยเท้าของหลวงพ่อทวดค่อนข้างเเน่นอน
    คุณชินพร สุขสถิตย์ ยืนยันว่า เห็นหลวงพ่อทวดเเละช้างที่ชูลูกเเก้วที่รอยพระหัตถ์นี้

    หากนี่คือรอยพระหัตถ์เเละพระบาทของหลวงพ่อทวดจริงนับว่าเป็นรอยพระหัตถ์ขวาเเรกที่ค้นพบเเละเปิดเผยต่อที่สาธารณชนเเละการที่พบรอยพระบาทคู่ซ้ายขวานับเป็นครั้งเเรกเช่นกันเนื่องจากที่อื่นมีพระบาทของหลวงพ่อทวดข้างเดียวจึงถือเป็นอีกหนึ่งในประวัติศาสตร์ของหลวงพ่อทวดโดยเเท้จริง
    ต้อง
    ขอขอบพระคุณนายเเพทย์ประพล เองช้วน เเละ คุณป๋อง คนหลังวัง

    ที่นำพาไปสถานที่เป็นมงคลเเละเป็นเหตุให้ได้พบรอยพระบาทเเละรอยพระหัตถ์อันยิ่งใหญ่เเละยังเป็นกำลังใจให้ดำเนินตามรอยเท้าพ่อคือหลวงพ่อทวดอีกด้วย



    ภาพวันบวงสรวงเป็นทางการรอยพระบาท

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG] [​IMG]


    โดยเฉพาะ ภาพนี้ ...(มีท่านใด อธิบาย ใด้ไหมครับ ...ถ้ามีข้อมูล รบกวน ลงในกระทู้ ด้วยครับ, รูป ที่ตั้งเหนือหลวงปู่ทวด มีจักร์แก้ว และ พระขรรค์แก้ว )

    [​IMG]
    นะโม โพธิสัตโต ราชะมุนี สามีราโม มหาบุญโญ อนุภาเวนะ เมรักขันตุ
    นะโม โพธิสัตโต ราชะมุนี สามีราโม มหาบุญโญ อนุภาเวนะ เมรักขันตุ
    นะโม โพธิสัตโต ราชะมุนี สามีราโม มหาบุญโญ อนุภาเวนะ เมรักขันตุ

    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา

    ( พระ สามีราโม )

    หากผิดพลาดประการใด
    ขออภัย ด้วยครับ ซึ่งอาจจะเป็นการปรามาส พระรัตนตรัย พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ หรือพระพุทธเจ้า ในอนาคตกาล ข้าพพระพุทธเจ้า ของดเว้นโทษ ที่จะพึงจะมี นั้น ด้วยพระพุทธเจ้าขา

    บางครั้ง น้อม มโนมยิทธิ เข้า พบ สมเด็จ พระศรีอริยะ ท่าน ที่ชั้นดาวดึงส์ และ ชั้น ดุสิต ...แต่ อาจจะยังไม่แจ่มใส.....แฮะๆๆๆ (เสด็จ พ่อ ท่านไม่กล่าว สิ่งใด ..)<LEGEND>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2007
  19. somsannannom

    somsannannom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,626
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม

    [​IMG]


    สมัยหนึ่ง ที่องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม มาเกิดเป็นนางยักษ์ รูปร่างร้ายอยู่ในป่า องค์พระ โคตมะกำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอราวดี ด้วยสัพพัญญุตญาณทราบว่า นางยักษ์นี้ได้ก่อสร้างบารมี 30 ทัศมามากมาย แต่เพราะผลกรรมที่กระทำกาเมสุมิจฉาจารกับภรรยาผู้อื่น จึงมาเกิดเป็นนางยักษ์ชาตินี้ พระองค์จึงเสด็จมาโปรด นางยักษ์แลเห็นลักษณะอันประเสริฐ จิตเลื่อมใสก้มลงกราบ เมื่อองค์พระโคตมะตรัสเทศนาพระธรรม นางยักษ์ปลงใจเด็ดขาด ตัดเอาเต้านมทั้งสองถวายเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นางยักษ์ตัดเต้านมทั้งสองมากระทำสักการบูชาพระตถาคตครั้งนั้น ส่งผลให้นางยักษ์พ้นจากอิตถีเพศ คือ ท่านจะเกิดเป็นหญิงแต่เพียงชาติเดียวเท่านั้น นางยักษ์นี้ได้สร้างพุทธวิริยบารมีมาถึง 80 อสงไขยกัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจถึง 36 อสงไขยกัป ลั่นวาจาว่า จะเป็นพระพุทธเจ้าอีก 28 กัป

    และในกาลก่อน พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า "มหุตชินสีห์" ได้ทรงพยากรณ์ว่า "ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดสืบต่อไปอีก 16 อสงไขยกัป ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย ในอนาคตกาล" และในท่ามกลางพระพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม ท่านจะมาช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปจนตลอด 5,000 ปี

    กาลต่อมา ในชาติหนึ่งที่พระเมตไตรยมาเกิดเป็นมนุษย์ชาวไร่ กระทำไร่เลี้ยงชีวิตอยู่ริมภูเขา ตักกคีรี ซึ่งเป็นภูเขาเดียวกับที่ฝูงลิงถ่ายอุจจาระใส่ผ้าอาบของพระพุทธเจ้านั้นเอง ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมในไร่นั้น ก็เลยวิ่งเลยถลำ ไปเหยียบเอาพระฉาย คือ เงาของพระพุทธเจ้าโดยไม่ทันสังเกต เมื่อเหลียวมาพบพระโคตมะ จิตเลื่อมใสศรัทธา จึงนำเอาแตงโมมาถวาย 7 ลูก แต่มีลูกหนึ่งที่รอยหนูกัดเป็นโพรง กุศลผลทานครั้งนั้น จะส่งท่านมาเกิดเป็นพระยาจักรพัตราธิราชอันประเสริฐ ในท่ามกลางศาสนาของพระตถาคต และจะช่วยสังคายนา ชำระสะสางพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป ศาสนาของพระพุทธโคดมจะปกแผ่ไปทั่วทั้งเมืองคนขาว เมืองคนเทา ปกแผ่ไปทั่วโลก ส่วนวิบากกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาพระตถาคตนั้น เมื่อท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ บนศรีษะก็จะมีรอยแผลเป็น ดุจดังรอยหนูเจาะแตงโม แต่ในภายหลัง ท่านจะมีผิวพรรณวรรณะ สวยสดงดงามดั่งเทพบนสวรรค์ เพราะได้บริโภคของทิพย์ ของพระอิศวรเทพเจ้า

    ตามบุรพกรรมสัญญาที่มาระหว่างองค์พุทธที่ 4 และองค์พุทธที่ 5 ทำให้องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จะต้องมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม จวบจนครบพุทธกาลดั่งนี้แล และในระหว่างกาลแห่งการรักษาศาสนจักร อาณาจักรแห่งองค์พุทธที่ 4 จะอยู่ในนามว่า "ภายใต้รังสีพระศรีอาริยเมตไตรย" เพราะอำนาจสิทธิแห่งวงศ์ศาสนจักรยังเป็นขององค์พุทธที่ 4 แต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

    อดีตกรรม

    เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวัณณภูมิ ซึ่งไหลผ่าน ภูเขาตักกคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศรีษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่าง ๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-

    "ดูก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียวและนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี"

    "พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์กับตถาคต ได้สร้างกรรมไว้ในอดีตชาติ" พระองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังต่อไปว่า

    "อันชาติหนึ่งสองเราสหายสนิท
    ช่วยกันคิดเอาบัวมาอธิษฐาน
    เพื่อเสี่ยงทายบารมีพุทธกาล
    ให้บัวบานบอกแจ้งเป็นผู้ใด"


    ในชาตินั้นเราทั้งสองจึงเอาดอกบัวมาคนละดอก เข้าไปอธิษฐานในพระวิหารว่า ถ้าใครจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ก็ขอให้ดอกบัวของผู้นั้นบานก่อน

    ครั้นวันรุ่งขึ้นพระตถาคตได้เข้าไปดูดอกบัวนั้น แต่ยังไม่ทันสว่างแจ้ง เห็นดอกบัวของพระศรีบานก่อน ด้วยความที่อยากเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระศรี จึงลักเปลี่ยนดอกบัวของพระศรีมาไว้ที่พระตถาคต สับเปลี่ยนกันเสีย

    "บัวของน้องบานแล้วนะพี่จ๋า
    สัมพุทธาน้องย่อมได้ไปก่อนแน่
    แต่ไฉนบัวในมือเดี๋ยวหุบเดี๋ยวก็แบ
    พุทธยังไม่เที่ยงพุทธยังไม่แท้น่าอายจริง"

    ฝ่ายพระศรีนั้นเขาฌานแก่ รู้ว่ามีการสับเปลี่ยนบัว จึงทำนายว่า "โอ! สหายท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราจริง แต่ทว่าฝูงมนุษย์ยุุคนั้นจะเป็นคนขี้ลักขี้ล่าย และใช้เงินดำ เงินแดง เงินกระดาษกัน อย่างพร่ำเพรื่อ มนุษย์จะไม่ซื่อสัตว์ต่อกัน จะทุจริต คิดมิชอบนานาประการ พระสงฆ์องค์เณรพุทธบริษัทในศาสนานั้น จะหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวบวช เดี๋ยวสึก เดี๋ยวหุบ เดี๋ยวแบดังบัวดอกนี้"

    เพราะกรรมที่พระพุทธโคดมได้สับเปลี่ยนบัว ถึงแม้ว่าพระองค์และเหล่าพระอรหันตสาวกจะเข้าพระนิพพานไปแล้วก็ตาม แต่กรรมนั้นยังติดอยู่ในศาสนาของพระองค์ ตราบเท่าทุกวันนี้ ที่เหลือไว้แต่สมมติสงฆ์ในศาสนาของพระองค์ จึงรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ศาสนาสามส่วนก็ถูกพราหมณ์ ยักษ์ และมารเอาไปครอง เหลือจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ข้อวัตรปฏิบัติจึงถูกปนเป็น จนแยกแยะไม่ออก ผู้คนเกิดมาสมัยหลัง จึงไม่เข้าใจทางปฏิบัติที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพานในฝ่ายสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว นั้นคืออะไร

    พระพุทธโคดมทรงเล่าอดีตกรรมจบลง พร้อมพยากรณ์เหตุการณ์สืบไปอีกว่า

    "เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาในพุทธกาลของพระตถาคตนั้น จะมีสรรพวัตถุทั้งหลายบังเกิดขึ้นแก่โลก อย่างแปลกประหลาดเหลือจะคณานับ ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด ก็จะไม่ได้ปั่นและทอด้วยมือ เหมือนในศาสนาของตถาคตจะมีแต่ผ้าเนื้อบริสุทธิ์ ฝูงมนุษย์จะไม่ติเตียนว่า เป็นขี้หูขี้ตาเขาเท่าจะวัดวา (วัดหลาและเมตร) ก็จะมีในยามนั้น แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า สิ่งที่ไม่รู้จะได้รู้ สิ่งที่ไม่พบเห็นก็จะได้เห็น พร้อมด้วยบุรพนิมิตอันชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่โลกมากมายยิ่งนักดังนี้

    1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
    5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
    6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
    7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
    8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง

    ในขั้นสุดท้าย แผ่นดินจะไหวเดือนละหลายครั้ง จะมีสุริยคราสและจันทรคราสบ่อยครั้ง จะเห็นผีพุ่งไต้บ่อยๆ ดาวหางและแสงประหลาดจะบังเกิดให้เห็นไม่ขาดระยะ จะได้ยินเสียงดังในอากาศคล้ายระเบิดและปืนใหญ่ แร้งกาจะบินลงเกาะบ้านเมืองอย่างผิดธรรมดา ฝูงมนุษย์จะเดือดร้อนและขวักไขว่กันไปมา จะบังเกิดสงครามฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงไปทุกหนทุกแห่ง ครั้นแล้วถึงกาลที่องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์จะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกตามบุรพกรรมสัญญา

    กรรมของศาสนาของพระพุทธโคดม

    พุทธันดรที่ 4 นี้ เมื่อพราหมณ์ไปทูลขอศาสนาจากพุทธองค์แล้ว กาลต่อมาพอจะประกอบพิธีอะไร ก็จะประกอบตามพิธีพราหมณ์ของตนก่อน เพราะพวกพราหมณ์ยังบำเพ็ญบารมีสูงไม่ถึงพุทธ จึงไม่รู้ข้อวัตรปฏิบัติ ว่ามีมาอย่างไร และจะปฏิบัติอย่างไร เพราะต้นศาสนาก็ไม่รู้ ตรงกลางก็ไม่รู้ และปลายยอดของพระศาสนาก็ไม่รู้ รู้ว่าเขาไปนิพพานก็อยากไป แต่ไม่รู้ว่านิพพานอยู่ตรงไหน และจะเอาอะไรไป เพราะไม่รู้ข้อวัตรปฏิบัติของ อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นเช่นไร เมื่อขาดความเห็นที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพาน ข้อวัตรปฏิบัติจึงแปรเปลี่ยนเป็นพิธีกรรมต่าง ๆ แพร่กระจายออกสู่ชาวพุทธ เมื่อจะทำการกุศลใดก็จะทำพิธีบูชายัญ และพิธีกรรมต่าง ๆ ของพราหมณ์ จนกลายเป็นประเพณีนิยมสืบกันทุกวันนี้

    มาร เมื่อได้พระพุทธศาสนามาแล้ว จึงทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลงเสียใหม่ บอกชี้สิ่งที่ถูกให้เป็นผิด บอกสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก ทำสิ่งชั่วร้ายให้เห็นเป็นของดี เห็นการทำดีเป็นสิ่งชั่วร้าย จนเป็นที่มาของคำว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป และเมื่อชาวพุทธจะสร้างบารมี ด้วยการนั่งสมาธิภาวนาก็บอกว่า เดี๋ยวจะบ้านะอย่านั่งเลย ไปหาพระประพรมน้ำมนต์ขอของขลังดีกว่า ไปสะเดาะเคราะห์ดีกว่ามานั่งปฏิบัติธรรมเอง พญามารหลอกลวงชาวพุทธให้วนเวียนอยู่ในอำนาจมาร ให้หลงโง่งมงายในเดรัจฉานวิชชา ทำให้จิตใจมืดบอด ทำให้ชาวพุทธไม่รู้หนทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง

    ประกอบการกุศลครั้งใดแทนที่จะเป็นบุญเป็นกุศล ก็กลับเป็นเวรเป็นกรรมอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะนิมิตหมายแห่งคุณงามความดี และทางที่บริสุทธิ์ พวกมารได้ตัดได้ปิดได้ฝังลงดินไปเสียแล้ว และถูกทางฝ่ายมารเข้าแทนที่ โดยปรมัตถ์แห่งการตัดหวายตัดลูกนิมิต เพราะหวายเป็นเส้นยาว เปรียบประดุจเส้นทางแห่งมรรค ผล นิมิต คือ ความสว่าง ความรู้แจ้งแห่งปัญญา เมื่อถูกปิด ถูกตัดเสียแล้ว มนุษย์ก็เดินหลงทาง ปฏิบัติไปไม่ได้อะไรก็เลยท้อใจ และเบื่อหน่าย ละเลิกทอดถอนการปฏิบัติไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง

    ยักษ์ เมื่อมารใช้ให้พราหมณ์ไปขอพระพุทธศาสนาจากพระพุทธโคดมในครั้งนั้น พระพุทธองค์ทรงยกให้ 2,500 ปีหลัง ส่วนที่หนึ่ง พราหมณ์เอาไปประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ส่วนที่สอง มาร เอาไปตัดไปปิด และเอาฝังเอาไว้

    ส่วนที่สามนั้น พวกยักษ์เอาไปขายกิน เมื่อยักษ์ได้รับส่วนแบ่งพระพุทธศาสนามาแล้ว ตามประสาของยักษ์ชอบใช้แรง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เมื่อความเป็นยักษ์เริ่มสิงจิตใจผู้คน จนทั่วถึงกันทุกชนชั้นวรรณะ ตลอดจนถึงพระสงฆ์ ก็เริ่มโอ้อวดฤทธิ์เดชความสามารถ ความอยู่ยงคงกระพัน วัตถุมงคลเกิดขึ้นมากมายแทนการปฏิบัติบูชาที่ถูกต้อง ผู้คน เริ่มมีนิสัยละโมบ อวดใหญ่ ลำพอง คะนองเดช ตามสันดานของยักษ์

    ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น จากการเห็นผิดเป็นชอบด้วยไฟแห่งโลภะ โทสะ และโมหะ ผลสุดท้ายชาวพุทธก็ทำลายล้างกันเอง ความเมตตาปราณีถดถอยออกจากจิตใจ ความละโมบมักมากก็ทวีคูณขึ้น การทำมาหากินจึงโกงกิน แก่งแย่งทำลายซึ่งกันและกัน เป็นที่มาของปัญหาคอรัปชั่นตามนิสัยยักษ์ คือ ชอบยักยอก ผลสุดท้าย ศาสนาที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพาน ก็ไม่เหลือไว้คุ้มครองชาวพุทธ ตามปรมัตถ์ที่เหล่าพญาสัตว์ขอ " พระ" มาเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก โลกจึงขาดสันติสุขเพราะชาวโลกเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ความเมตตา ความสงบก็ขาดจากกัน ปลาใหญ่ก็กินปลาเล็ก คือ ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย ประเทศที่ใหญ่กว่าก็เปียดเบียนรังแกประเทศที่ด้อยกว่า บังเกิดความทุกข์ยากไปทั่ว ดังเช่นที่ประสบกันในทุกวันนี้ ทำไมศาสนาพุทธจึงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกไม่ได้ตลอดพุทธกาล เหล่านี้เป็นเพราะกรรมอันใดเล่า กรรมแห่งศาสนาของพระพุทธโคดมมีมาเช่นไร

    ดุสิตเทวโลก ชั้นที่ 9 วิมานพระเมตไตรยมหาโพธิสัตว์

    ถึงกาลสะสางภพภูมิ สะสางโลก สะสางธาตุธรรม ให้ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพานในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว รวบรวมฟองไข่ศาสนา ร้อยเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดแห่งโองการนวกาพรหม นามแม่กาเผือก เคลื่อนรัตนจักรแผ่นดินรัตนโกสินทร์ เข้าสู่ยุคถิ่นกาขาว-ชาวศิวิไลซ์ ภายใต้รังสีพระศรีอาริย์

    ขณะนั้น พระเมตไตรยมหาโพธิสัตว์มองลงมายังโลกมนุษย์แผ่นดินสุวัณณภูมิ ตามปรมัตถ์นาม แห่งโองการ นวกาพรหม เห็นพระพุทธโคดมลุกออกจากอาสนะบัวกลายเป็นหมู่สงฆ์แทนที่ ฉับพลันบังเกิดไฟลุกท่วมพระสงฆ์จึงทราบว่า ถึงเวลาที่จะต้องมากระทำศาสนกิจตามบุรพกรรมสัญญาที่ต่อองค์พุทธที่ 4 อีกทั้งเสียงเพรียกร้องของเหล่าทวยเทพน้อยใหญ่ทั้งหลายที่อาราธนาอัญเชิญพระองค์ดับทุกข์เข็ญ

    พระองค์ทรงเล็งเห็น ความเป็นมาของแผ่นดินสวัณณภูมิว่า แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ที่องค์พุทธที่ 4 ประทานนามแผ่นดินให้แก่ พระเจ้าทับไทยทอง เจ้าผู้ครองแผ่นดินแหลมทอง นำผังสุวัณณภูมิกลับไปยังบ้านเมือง ในพุทธพัสสาที่ 44 คือ ก่อนพระองค์ท่านปรินิพพานหนึ่งปี และพุทธศักราชที่ 100 องค์พระอวโลกิเตศวร ได้นำเสนอต่อธรรมสภาว่า ศาสนาพุทธของพระพุทธโคดม จะอยู่ในแผ่นดินมัธยมประเทศ (อินเดีย) ได้เพียงพันปีเท่านั้น แล้วจะเสื่อมหมดไปจากแผ่นดินแม่นี้ สมควรที่เหล่าทวยเทพจะหาแผ่นดินที่รองรับสืบอายุ พระพุทธศาสนา ที่ประชุมธรรมสภาต่างเสนอแผ่นดินศรีลังกา และแผ่นดินสุวัณณภูมิ องค์พระอวโลกิเตศวร และพระเมตไตรยทรงเล็งเห็นว่าจิตใจผู้คนในแผ่นดินสุวัณณภูมิละเอียดอ่อนกว่า เหมาะด้วยภูมิประเทศและผู้คน สมควรเป็นแผ่นดินที่จะสืบอายุศาสนาได้จวบจนสิ้นพุทธกาล

    ที่ธรรมสภา สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก่อนพุทธศักราช 2500 องค์อินทราธิราชเจ้า พร้อมเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้ทราบว่า ถึงกาลที่พระพุทธศาสนาจะผันเปลี่ยนเวียนลงต่ำ ทรามเสื่อม ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พระพุทธศาสนาก็จะอยู่ไม่ครบพุทธกาล จึงพร้อมเพรียงกันมาประชุมหาผู้ที่มีบารมีมากที่สุด ที่จะช่วยพระพุทธศาสนาได้แล้วเหล่าทวยเทพน้อยใหญ่ทั้งหลายเห็นว่า บารมีของพระเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ องค์ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยในภายหน้านั้น บารมีมากล้นสุดพอที่จะมาต่อชะตาเมือง ประสานศีลธรรม และสืบอายุพุทธกาลไว้ได้

    องค์อินทราธิราชเจ้าพร้อมทั้งเหล่าทวยเทพน้อยใหญ่ทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันไปอาราธนาอัญเชิญ พระเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ ยังดุสิตเทวโลก ขออาราธนาอัญเชิญพระองค์ท่านมาช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนา ด้วยเถิดพระเจ้าข้า...พวกเกล้ากระหม่อมขอธุลีการ ฝ่าพระบาท โปรดลงไปช่วยต่อชะตาชาวพุทธ ต่อชะตาบ้านเมืองและศีลธรรม สืบอายุอาณาจักรและพุทธจักรให้ครบพุทธกาล ขอได้ทรงพระเมตตาไปช่วยชาวโลก โปรดโลก เปิดธรรม ตัดเวร และอโหสิกรรม สะสางธาตุธรรม ชี้ทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง และเที่ยงธรรม ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว แก่เหล่ามนุษย์ด้วยพระเจ้าข้า...ขอธุลีการฝ่าพระบาท...โปรดประทานพระมหาเมตตามหากรุณาชาวโลกเถิดพระเจ้าข้า...

    ดาวสงคราม-ดาวสันติ

    พระมาลัยได้กล่าวขี้น ท่ามกลางธรรมสภาว่า บัดนี้ใกล้วาระที่จะถึงกึ่งพุทธกาล ปรากฏว่าดาวเทพเจ้าสงคราม ได้ลงจุติยังโลกมนุษย์แล้ว เพื่อดับดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ทั้งนี้เป็นการดับดาวศาสนา ดาวสงครามจึงครองอำนาจ ก่อเหตุให้เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ผู้ปกครองแว่นแคว้นทั้งหลายจิตใจมากด้วยอำนาจ โลภะ โทสะ และโมหะ ต้องการชิงความเป็นใหญ่ ต้องการเป็นจ้าวโลก โยนบาปสับเปลี่ยนให้ดาวศาสนาใช้กรรมวิบากของตน คนดีจะถูกเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเป็นซีกโลก ก่อเกิดเป็นสงครามโลกประหัตประหารชีวิตผู้คนด้วยอาวุธร้ายแรง สงครามโลกครั้งที่หนึ่งจะเกิดขึ้นในเมืองคนขาว สงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้น เมืองคนขาวลุกลามไปถึงเมืองคนเหลือง และในครั้งที่สามจะเกิดขึ้นในเมืองคนเหลือง เทพเจ้าดาวสงครามต้องการทำลายความเจริญของแผ่นดินของพระศาสนา ดับดาวศาสนาอย่างสิ้นเชิง แล้ว "พระ" จะปกครองสัตว์โลกได้อย่างไรพระเจ้าข้า.......

    พระเมตไตรยทรงพิจารณาเยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายว่า กาลเวลานี้อายุสัตว์โลกน้อยต่ำกว่า 100 ปี ด้วยเหตุที่อายุสั้นนัก ชาวโลกก็จักมีกิเลสตัณหา ราคะมาก เพราะเกรงว่าจักตายเร็ว จึงแสวงหากามคุณหนุนเนื่องความอยาก รับศีลแต่ปาก แต่ใจรวนเรมากด้วยเล่ห์กล ปากกับใจไม่ตรงกัน แม้เพียงศีล 5 คือ นิจศีลก็พากันรักษาไม่ได้ จึงเป็นเหตุที่ยังไม่สมควรจะจุติเพื่อดับทุกข์เข็ญ และเมื่อกาลถึงกึ่งพุทธกาล ก็หมดเขตสาวกภูมิของพระศาสดาพุทธโคดม พระสงฆ์ถึงแม้จะเรียนรู้จนจบพระไตรปิฎกสักร้อยครั้งพันครั้ง แต่ไม่อาจบรรลุธรรมไปได้ เหล่าพุทธบริษัทที่เหลืออยู่ ก็ต้องภายใต้อำนาจยักษ์มารที่มาครองรักษาตามที่ได้ขอไว้กับพระศาสดา เมื่อขอต่อแล้วเอาไปปฏิบัติรักษาไม่ได้ เพราะว่าพวกเหล่านี้บารมีไม่เพียงพอ จึงไม่รู้แจ้งในข้อวัตรปฏิบัติ คุณของพระศาสนาก็เลยถูกปกปิด และเสื่อมไปเหลือเพียงค่า ซึ่งนับว่าเป็นอัครวิบัติของศาสนา ทำให้เกิดภัยพิบัติกวาดล้างผู้คน คนดีจะถูกเข่นฆ่า เหมือนหยกกับหินที่อยู่ปะปนกัน เมื่อภัยพิบัติมาย่อมต้องถูกภัยไปด้วยเช่นกัน

    เมื่อเป็นเช่นนี้ พระพุทธศาสนาก็จะอยู่ไม่ครบพุทธกาล กรรมของพระโคดม กับพระศรีอาริย์ก็จะไม่ขาดจากกัน ฉะนั้น พระบรมนิตยโพธิสัตว์ เห็นสมควรที่จะอาราธนาพระอริยะสาวก ที่มีหน้าที่สืบอายุพุทธศาสนาเสมือนหนึ่งพุทธกาล เอาพระศาสนามาคืนเจ้าของเดิม กรรมที่พระโคดมได้เปลี่ยนเอาดอกบัวพระศรีอาริย์ถึงจะขาดจากกัน นี้คือกรรมของพระศาสนา ต่อจากนั้นพระองค์ก็จะได้มาฟื้นฟูให้ใหม่ เปิดนิมิติออก ตัดเวรแก้กรรม แล้วนำสร้างบารมีขึ้นมาใหม่ให้ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว

    แหล่งที่มา : www.palungjit.org โดย brushed​
    <!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    http://palungjit.org/showthread.php?p=41103&posted=1
     

แชร์หน้านี้

Loading...