ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. BeforEnd

    BeforEnd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +209
    โถๆๆๆๆ ใจเย็นๆ Fergie อย่าเพิ่งตะบะแตกไปไหน โอ้โห ลงทุนสมัครใหม่
    เพื่อมาตอบโต้คนที่เค้าไม่ชอบผู้วิเศษเลยเหรอครับ น่าคิดๆๆ
    ผมว่าคุณมันก็คือหนึ่งในสาวกไร้สมองของเจ้าลัทธิ ที่โดนถล่มไป
    จนต้องปิดตัวเองไปหลายคนนั่นแหล่ะ ผมว่านะ คุณน่าจะใช้ชื่้อที่สมัคร
    มาแล้วไม่น้อยกว่า 2-3 ปี จะดูน่าเชื่อถือกว่านี้ อย่าทำตัวเป็นอวตาร
    ของใครดีกว่าครับ มันไม่เนียน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2013
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิเคราะห์ภาพวาดมนุษย์ต่างดาวที่ผาแต้ม !!!

    [​IMG]

    ขอบคุณ สมาชิกท่านผู้ ที่ให้ความสนใจ ผมไม่เคยปิดกั้นคำตอบ ดังที่ผมได้เคยนำเรียนเอาไว้ ว่า ผู้ที่อยากสนทนาในเชิงลึก ให้คุยกันทางเมล์ ซึ่งคุณ dogtor เอง ก็ไม่ส่งมาซักที ส่วนคุณ view เข้ามาคุยกันทางเมล์ ผมก็พูดคุย จนเกิดความกระจ่าง

    เหตุที่ให้พูดคุยทางเมล์ก็เนื่องมาจาก

    1.ก่อนที่เราจะสนทนากับใคร อย่างหมดเปลือก ก็ต้องรู้พื้นฐานของคู่สนทนาก่อน เพราะบางครั้งเราคุยกะเด็ก อธิบายไป เขาก็เข้าใจเพียงแค่ประสบการณ์ที่เขามี ก็รังแต่จะเถียงเพื่อหักล้าง ข้างๆคูๆ

    2.เวลาที่ผมจะตอบคำถามบางครั้ง ต้องอาศัยรูปภาพประกอบ ซึ่งหลายร้อยภาพ ยังไม่ได้ถูกวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน จึงไม่ตอบ ณ เวลานี้

    3.เมื่อเวลาผมนำข้อมูลเชิงลึกเสนอ มีนักฉวยโอกาสอีกกลุ่มหนึ่ง คอยจ้องนำไปใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ โดยที่เราไม่รู้ตัว ผมจึงไม่อธิบาย

    4.มีนักวิจัยต่างประเทศที่มุ่งดูดข้อมูล ที่สำคัญ เพื่อนำไปเป็นข้อมูล ยกอ้างว่า ตนคือผู้ค้นพบ ผมจึงไม่นำมากล่าวตอบ

    5.ภาพนี้ถูกเขียนมา 4,000 ปี ก่อนประวัติศาสตร์ ถ้านับรวมกับ ประวัติศาสตร์ อีก 2554 ปี ก็เป็น 6,000 กว่าปี ภาพที่เห็นอยู่ คือ ส่วนที่เหลืออยู่ ไม่ใช่ภาพสมบูรณ์อย่างแท้จริง ต้องอาศัยการเก็บบันทึกภาพโดยถี่ถ้วน และการวินิจฉัย ให้เกิดความลำเอียงน้อยที่สุด จึงยังไม่ตอบ ณ เวลานี้

    6.ขณะนี้ก็ยังคงวิจัยอยู่ ภาพเขียนชุดดังกล่าว ไม่ได้มีแค่ที่ผาแต้ม หากแต่ยาวไปโดยรอบ จากอุบล ถึง ภูผาเทิบ มุกดาหาร ถ้ำวัวแดง สกลนคร โน่น และ เมื่อวานผมเข้าไปอุทยาน พระรูปหนึ่งแจ้งว่าพบภาพเขียนชุดใหม่ อยู่ในถ้ำ อำเภอหนึ่งอยู่ทางทิศเหนือของโขงเจียม ฉะนั้นผมจึงยังไม่มีเวลาอธิบาย ขอรับ

    7.ที่สำคัญ ผมก็เป็นคนเหมือนกับท่าน มีครอบครัว มีอาชีพ และดำรงชีวิต เหมือนคนปกติ ต้องเจียดเวลางาน ขับรถไปเป็น ร้อยกิโล จ้างวาน ชาวบ้านมั่ง เจ้าหน้าที่มั่ง ให้นำทาง ปีนเขา ไต่หน้าผา เพื่อหาข้อมูล พิสูจน์ความจริง ดั่งที่ท่านสงสัย ซึ่งเงินทอง ก็ขอจาก ภรรยา ที่มีอาชีพค้าขาย ข้าราชการเงินเดือนน้อย อย่างผมก็ขัดสนเรื่องงบประมาณในการวิจัย เพราะการวิจัยครั้งนี้ ถ้าจะว่าไป องค์ความรู้ที่ได้ มันอาจจะทำให้เกิดอาการช็อกโลก อย่างที่เพิ่งนำเสนอมาไม่เท่าไหร่ หลายๆท่านก็อยู่ไม่เป็นสุข แล้ว ผมกำลังจะบอกว่า นับแต่ 2533 ที่ผมเพียรพยายาม จนจวบปัจจุบัน สิบกว่าปี อดทนพอควร นะ ทุนตัวเองทั้งนั้นขอรับ เคยขอทุนจากหน่วยงานระดับชาติ เขาก็ปฏิเสธ นานมาแล้วล่ะ ก็เป็นเรื่องของเขา

    และจะมีซักกี่คน ที่บอกผมว่า "น่าสนใจนะ เอาเลย ค้นเลย เดี๋ยวจะหาข้อมูลช่วย " หรืออะไรในทำนองนี้

    คนบ้านเรา มักใจแคบ ต่างจากชาติตะวันตก ที่เขามีความเปิดกว้างทางความคิด ให้กำลังใจกันครับ ผมจึงนำเรียนในเบื้องต้น ก่อนที่จะอ่าน เพื่อให้ท่านสบายใจ ว่า ใครขัดเคือง ก็คิดซะว่า อ่านนิยายวิทยาศาสตร์ เรื่องนึง ผมเองก็ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย

    8.เวลาที่ใครซักคนจะสนทนากับผม ก็ให้พูดคุย ด้วยถ้อยคำที่สุภาพ อย่าใส่อารมณ์ เหมือนโกรธกันมาตั้งหลายชาติ เวลาที่อ่านแล้วบางครั้งผมอยากถามกลับ ว่า คุณโกรธผมเรื่องอะไร โกรธที่ผมดูรูปแล้ว เข้าใจความหมายต่างไปจากคุณเหรอ ถ้ามองในแง่ของศิลปะ ยิ่งมีความหมายที่หลากหลาย ฉะนั้น อย่าโมโหให้ผมเลย ขอรับ

    9.ท่านทั้งหลาย อยากจะให้ผมจัดเวที ถกแถลงในเรื่องดังกล่าว ไหมครับ ถ้ามีวันนั้น ท่านทั้งหลายจะได้เห็นหลักฐานที่ท่าน ต้องอึ้ง เพราะนั่นคือหลักฐานผมเอาไว้ defend กับนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ว่าแต่จะจัดที่ไหนดีหล่ะ ที่ผาแต้มเลยดีมั๊ย จะพาลุยสนามจริงๆ จะได้รู้ว่า หน้าผาสูงแค่ไหน แล้ว เขาขึ้นไปเขียน กันอย่างไร

    10.ขณะนี้ผมพบภาพเขียน แอร์ไบค์ หุ่นยนต์นั่งร้าน นกหัสดีลิงก์ เผ่าพันธุ์ลูกผสมมนุษย์จากดาวอื่น

    ผมเป็นหัวหน้าทีม คุณปรียากรณ์ เป็นผู้อยู่สำนักงาน ฉะนั้น ตำหนิได้ที่ผม โดยตรง ครับ กราบขอบพระคุณอีกครั้ง กับท่านทั้งสอง ที่สละเวลา มาใส่ อารมย์ กับงานวิจัย ในครั้งนี้

    มีอะไรก็ว่ามาอีกนะครับ ชื่นชมครับ
    ยรรยง สินธุ์งาม

    ท่านที่สนใจจะอ่านเนื้อหาทั้งหมด ขอเชิญเข้าไปอ่านดูได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
    ที่มา วิชาการ.คอม - มนุษย์ต่างดาวผาแต้ม ภาค 1: Alien at Pha taem ,Thailand edition 1 (หุ่นยนต์ !! ไม่ใช่อุปกรณ์จับสัตว์น้ำ)
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภาพจานบินล่องหนจากท้องฟ้า !!!
    สร้อยสวรรค์โขงเจียม (27 มกรา 54)

    [​IMG]
    ทิศตะวันตก เวลา 18.17 น.ให้ท่านพิจารณาภาพ ไปพร้อมกับภาพลายเส้นข้างล่าง

    [​IMG]

    หน้านี้ อาจจะดูรีบร้อนในการนำเสนอ ซักหน่อย เพราะผมมีภาระกิจ อาจไม่ได้เข้าเว็บอีกหลายวัน ไปเก็บข้อมูลเพิ่มที่ผาเจ็ก ซึ่งอยู่หน่วยน้ำตกสร้อยสวรรค์ อช.ผาแต้ม เห็นท้องฟ้ายามเย็น สีสวย จึงบันทึกภาพไว้ครับ

    ผมวิเคราะห์ภาพ ที่กำลังขยาย 200 เท่า กลับพบลักษณะของสิ่งบิน ที่อำพรางตน อยู่ในท้องฟ้าและหมู่เมฆ สีเหลืองทองและปรากฎสัญลักษณ์ ของ ดวงตา ดังที่เพิ่งกล่าวไว้ในหน้าที่แล้ว ซึ่งเมื่อราวๆ บ่าย 4 โมงเย็น ผมก็เพิ่ง สนทนาเรื่อง สัญลักษณ์ แห่งสุริยะเทพ หรือ เทพอเมนราห์ ของอียิปต์ กับ หัวหน้ากวี ผู้บริหารคนใหม่ ไฟแรง ของ อช.ผาแต้ม

    เป็นยาน UFO ที่มีขนาดใหญ่มากทีเดียว ... ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ใดๆ นก แมลง ส่งเสียงร้องโดยปกติ อากาศนิ่งสงบ มีเพียงสีทองที่เปล่งประกาย และความรู้สึกที่สัมผัสกันได้ ผมจึงหยุดนิ่ง ถ่ายภาพดังกล่าว จนตะวันลับขอบฟ้า....และในวันนี้ ขอบันทึก กล่าวขอบคุณ คุณ dogtor ที่ให้เกียรติสละเวลาอันมีค่า เข้ามาให้กำลังใจ ขอน้อมคาระวะ ด้วยใจครับผม

    ผมขยายภาพให้ใหญ่ เพื่อท่านจะได้เห็นได้ชัดเจน ขอบอก ไม่ได้มีเพียงภาพเดียวครับ ครั้งก่อนผมบ่นว่าเขา อยู่ไกลเกินไป คราวนี้ เพื่อนต่างดาว ก็เลยเข้ามาใกล้ขึ้น ...ใครที่อยากถ่ายภาพจานบิน ให้มาที่ อช.ผาแต้ม ครับ ไม่ผิดหวัง...!! ให้สังเกตเวลาที่ท้องฟ้า มีกลุ่มเมฆแปลกๆ นะครับ ใช้ขาตั้งกล้อง กดชัตเตอร์ให้นิ่ง หรือไม่ก็เวลาอัตโนมัติไว้เลย ถ้าได้ภาพเด็ดๆ วิเคราะห์ไม่ออก ส่งเข้าเมล์ผมนะครับ พร้อมชื่อเสียงเรียงนาม จะได้บันทึกเอาไว้ เป็นเกียรติประวัติ ร่วมบันทึกโลกไปด้วยกัน

    ได้เห็นภาพยานแม่ขนาดใหญ่ใกล้ๆ ขนาดนี้ แม้จะอยู่ในสภาพล่องหน แต่ก็เป็นหลักฐานชี้ชัดว่า มนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง และเกี่ยวพันกับภาพเขียนที่ผม กำลังถอดรหัสอยู่ ผมไปเก็บข้อมูล 3 ครั้งหลัง ภาพยานแม่จะปรากฏให้เห็น โดยไม่หนีหาย ทุกครั้งที่ไปผมก็จะรอถ่ายภาพ พระอาทิตย์ตกอยู่บนภูผา จนมืดค่ำ มีอะไรที่เด็ดๆ จะนำมาฝากเรื่อยๆ จะเปิดเผยเท่าที่จะเล่าได้นะครับ อย่าเพิ่งวิพากษ์ในส่วนของหมายเหตุ ที่ผมบันทึกช่วยจำนะครับ นี่เป็นบันทึกกันลืม

    ประกาศรับอาสาสมัคร แกะรอย ลากเส้น ยานแม่ล่องหนครับ ใช้โปรแกรม ms picture manager และ paint ได้ สมัครมาทางเมล์ yanyong007@windowslive.com ผมจะสอนวิธีดูภาพ และ ลงลายเส้น พร้อมกับ จะส่งภาพต้นฉบับแบบเต็ม file ไปให้ ท่านจะมีส่วนร่วมในการค้นหาความจริงในครั้งนี้ และ จะให้เครดิต บันทึกชื่อเสียงของท่าน ลงใต้ภาพที่เป็นผลงานชิ้นนั้น เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว มีภาพจำนวนมากครับ ถ้าท่านสนใจ และอยากจะเห็น ยานแม่ ล่องหน ด้วยตาและฝีมือของท่านเอง กราบขอบพระคุณล่วงหน้าครับผม

    หมายเหตุ ข้อมูล ในส่วนนี้ บันทึกภาพไม่ได้ แต่ผมขอจดเอาไว้ เผื่อกันลืม จะนำเนื้อหาส่วนนี้ ไปที่งานวิจัยวิญญาณศึกษา วิชาการ.คอม - วิญญาณศึกษา Spirits education : วิจัยจิตวิญญาณ มิติลี้ลับจากภาพถ่าย ฅนค้นผี (Hyper trap :พระอินทร์กับกรงวิญญาณ)
    (ได้รับข้อมูลเมื่อ 30 ม.ค. 54 9.10 น.)

    ผมมีโอกาสได้เห็นหน้าของผู้บังคับยานแม่ลำนี้ เป็นผู้หญิง ผิวเหลือง ผมยาว ตรง เส้นเล็ก สีเทาดำ มัดรวบไว้บนหัว แล้วปล่อยชายผมลง หน้าตาเหมือนมนุษย์โลก เห็นเฉพาะใบหน้าลงมาถึงไหล่ คะเนดูแล้ว เป็นผู้มีรูปร่างเพรียว สวมหน้ากากกรองแสง ลักษณะเป็นกระจกใสแผ่นเดียว ไม่เห็นว่าจะยึดติดกับอะไร กระจกใสสีฟ้าอ่อน ดวงตา จมูก ปาก เหมือนมนุษย์ชาวโลก ดวงตามีตาขาว และดำ เสื้อที่สวมใส่ รัดอยู่ต้นคอ สีเทาเงิน เป็นมันหน่อยๆ กระจกที่ว่านั่นเป็นเครื่องมือสื่อสาร กับข้อมูลทุกภาคส่วน

    ผมดูจากหน้าตา ถ้าเปรียบเทียบกับชาวโลก เธอน่าจะมีอายุ ราว 18-19 ปี แต่เจ้าตัวแจ้งว่า 300 กว่าปี แล้ว ... ไม่ทราบความสูง เพราะไม่ได้เห็นทั้งตัว ครับ ...เผื่อโชคดี มีโอกาสบันทึกภาพได้ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่บันทึกไว้ ณ วันนี้ครับ

    ยรรยง สินธุ์งาม ฅนค้นผี yanyong007@windowslive.com

    ที่มา วิชาการ.คอม - มนุษย์ต่างดาวผาแต้ม ภาค 1: Alien at Pha taem ,Thailand edition 1 (จานบิน จากท้องฟ้า สร้อยสวรรค์ โขงเจียม เมื่อ 27 มกรา 54)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2013
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทำนายสงกรานต์ปี ๒๕๕๖ นางพระยาจะร้อนใจ !!!

    [​IMG]

    โสรัจจะ นวลอยู่ โหรดังประจำ "ศาสตร์แห่งโหร" ของสำนักพิมพ์มติชน พยากรณ์ "ดวงเมือง" ประจำปีมะเส็ง พ.ศ.2556 อย่างน่าสนใจ ดังนี้

    "ดาวพระเสาร์และพระราหูยังสถิตอยู่ในราศีตุลตลอดปีนี้ และพฤหัสบดีย้ายจากราศีพฤษภเข้าสู่ราศีมิถุนในวันที่ 29 พฤษภาคม 2556 และยังอยู่ต่อเนื่องไปอีกทั้งปี" ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดนับแต่สุโขทัย อโยธยา อยุธยา และบางกอก เมื่อลัคนาของบ้านเมืองมีดาวบาปเคราะห์มฤตยูขนาบหลัง อังคารขนาบหน้าถูกเสาร์ราหูเล็ง จะเกิดเหตุอาเพศกับบุคคลและเหตุการณ์ร้ายแรงใหญ่ๆ อุบัติขึ้น

    ปี 2556 นี้ก็จะเป็นปีที่สำคัญสุดๆ อีกปีหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่น่าสะพรึงกลัว ปี 2556 นี้ ดวงเมืองตก เหตุอันวิปโยคอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นแก่ประเทศไทย ต้องเสียชีวิตเลือดเนื้อและทรัพย์สินจำนวนมหาศาล นาวาของประเทศจะต้องเผชิญต่อมหันตภัยของมรสุมอีกหลายลูก ในปี 2556 เศรษฐกิจของไทย และอาจมีของเพื่อนบ้านบางประเทศ เช่น เวียดนาม เกิดปัญหาครั้งใหญ่ยิ่งกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้งหลายเท่า

    การเกิดปัญหาร่วมกันอาจทำให้อาเซียน ซึ่งกำลังจะเป็นประชาคมเดียวกันทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ในอนาคต ก็ต้องสะดุดขาลงกลางทางเสียก่อน อาเซียนเองคงไม่อาจเดินไปข้างหน้าพร้อมกันอย่างแข็งแกร่งแน่นอน! เมื่อเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่สามารถแก้ไขได้ พร้อมกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็ประสบปัญหาเช่นกัน อันเนื่องมาจากขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงไปทั่วโลก ประชาชนคนไทยเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้ายิ่งกว่าปีก่อน

    เป็นปีแห่งความล้มละลายทั่วประเทศ ธนาคารของรัฐไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้ ธนาคารแต่ละแห่งเกิดการแตกแยก คนเล่นหุ้นและเล่นหวยฆ่าตัวตายเป็นเบือ พลเมืองคนไทยประสบความยากจนข้นแค้น เกิดโจรขโมย ปล้นฆ่า เพื่อความอยู่รอดและอาหารเพื่อประทังชีวิตที่แสนลำเค็ญ ประกอบกับรัฐได้ซ้ำเติมด้วยการขึ้นค่าสาธารณูปโภค ทุกรูปแบบรวมไปถึงการตกลงซื้อขายรัฐวิสาหกิจบางแห่ง จึงเกิดการประท้วงลุกลามจนไปถึงการชุมนุมใหญ่

    "วันที่ 23 เมษายน 2556 ดาวอังคารโคจรทับลัคนาราศีเมษของเมืองร่วมกับดาวศุกร์มีตำแหน่งในราศีเมษ เล็งดาวเสาร์กับราหูในราศีตุล ทำมุมฉากกับเกตุในราศีมังกร" ทำให้ดาวอังคารอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หมดสภาพไปในปีนี้ ดาวอังคารเป็นดาวของผู้มาดูแลบ้านเมือง เป็นบุคคลในเครื่องแบบ จึงส่งผลให้บุคคลผู้มีอำนาจอยู่ในมือพร้อมอาวุธ อ่อนกำลัง อ่อนแอลงไป

    ฉะนั้น ปีมะเส็ง 2556 นี้ ถือได้ว่าความอ่อนแอโคจรเข้ามาปกคลุมประเทศที่ประชาชนหวังพึ่งพิงในยามบ้านเมืองวิกฤต คงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว แต่จะนำพาประเทศไปสู่ความล้มเหลวใกล้เคียงประวัติศาสตร์ไทยที่ผ่านมา ที่เราไม่อยากกล่าวอ้างถึงได้? การโคจรของดาวอังคารในปีนี้จะทำให้ประเทศถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อไปนี้การต่อสู้เพื่อให้ประเทศอยู่รอดได้คงต้องออกมาสู้อย่างเปิดเผย ไม่มีความเกรงอกเกรงใจผู้ใดทั้งสิ้น และไม่ต้องรอให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาตัดสิน ไม่มีแล้ว

    การต่อสู้มันจะพัฒนาไปในรูปแบบของมันสุดจะคาดการณ์ เพราะฉะนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็อย่าได้ทะนงว่าอยู่เหนืออีกฝ่ายหนึ่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ตามดวงดาว ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบพลิกแผ่นดิน แต่ที่ไม่กล่าวคำว่า "ปฏิวัติ" เพราะดวงดาวของทหารในปี 2556 นี้ไม่ได้บ่งบอกถึงความโดดเด่นต่อไปแล้ว แต่เป็นการต่อสู้ของพวก 2 พวกที่ขัดแย้ง ไม่มีใครจะคอนโทรลอะไรกันได้ ดวงดาวของอัศวินที่ขี่ม้าขาวหายไปจากดาวจักรราศีในปีนี้ ฉะนั้น อย่าไปหวังว่าจะมีผู้นำเก่งแบบโบราณกาล คนไทยอย่าได้หวังพึ่งบุคคลหนึ่งที่นำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จ จะไม่มีความสุขสงบต่อไปอีกแล้ว เป็นวิกฤตของบ้านเมืองอย่างแท้จริง

    ปี 2556 ดาวบาปเคราะห์ทั้ราหูและพระเสาร์ ร่วมผนึกกำลังเล็งลัคนาราศีเมษดวงกรุงสยาม ทำให้เห็นชัดว่าถึงคราวชะตาเมืองกำลังตกต่ำ การแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดีมีเหตุอาเพศต่างๆ เกิดการจลาจล บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน

    เกิดจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่เหล่าแตกแยกเคียดแค้น ออกมาถือปืนยิงต่อสู้กัน ทั่วทุกแถบในกรุงเทพฯ มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อย และค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่

    ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจักหมดอำนาจวาสนา หรือต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ข้อสังเกตเหตุการณ์รบกันนองเลือดครั้งนี้เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อดาวอังคารแห่งสงครามโคจรเข้าทับลัคนาแห่งดวงเมืองประชาธิปไตย จึงรบกันนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชนครั้งใหญ่ อาจต้องใช้กำลังและตำรวจเข้าแก้ปัญหา เป็นหนทางไปสู่การนองเลือดเกิดการ "ปฏิวัติประชาชน" ต้องรบราฆ่าฟันกันในหมู่ประชาชนคนเกาหลี กลายเป็นหลายฝ่ายเป็นสงครามกลางเมืองที่ใหญ่ในประเทศ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก บุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศจะถึงแก่กรรมจากการลอบทำร้าย ผู้คนระส่ำระสา เหตุการณ์รุนแรงมหากลียุคนี้จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน

    สิ่งที่น่าสนใจอีกประการคือ "ในเดือนกรกฎาคม 2556 ดาวบาปเคราะห์อังคารและดาวพฤหัสบดีเข้าสู่ราศีมิถุนเล็งดาวเกตุ" อันให้โทษอย่างรุนแรง และมีดาวบาปเคราะห์ทำมุมปลายหอกกับบ้านเมือง เป็นปรากฏการณ์อันร้ายกาจ หากนักการเมืองผู้ใดปลุกระดมหรือก่อชนวนใดๆ ที่รุนแรงขึ้นมาระยะนี้ มันจะบานปลายลุกลามออกไปใหญ่โตจนยากที่จะแก้ไขได้ การวู่วามใดๆ รังแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้นเนื่องจากราหูเล็งลัคน์ บ่งถึงว่าถ้าดื้อรั้นจะเอาแต่ฝ่ายตนท่าเดียว โดยมิได้ผ่อนปรนใดๆ บ้านเมืองคงระส่ำ และจะเป็นการปลุกให้ผู้ถืออาวุธทนไม่ไหวต้องโดดเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ มันจะไปกันใหญ่

    นอกจากทุกข์ภัยจะเล่นงานเอาอย่างอ่วมอรทัยแล้ว น้ำผึ้งหยดเดียวก็จักบันดาลให้เกิดอะไรต่ออะไรที่เลวร้ายอย่างใหญ่หลวงได้ อีกเรื่องที่ร้ายแรงและยิ่งใหญ่มากที่สุดก็คือ เรื่องปัญหาทางภาคใต้ การดำเนินการของโจรก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ เพื่อปลดปล่อยจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเริ่มมีความเข้มข้นขึ้น เพราะดาวอังคารของผู้ปกป้องประเทศหรือผู้นำเราอ่อนกำลังลง และพร้อมกับการแตกความสามัคคีในหมู่ข้าราชการที่มีความรับผิดชอบดูแลความสงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผสมผสานกับการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ทำให้โจรเหล่านี้ฮึกเหิม สร้างความเป็นเอกภาพในการเคลื่อนไหวเพื่อก่อตั้งเป็นรัฐอิสระด้วยกองกำลังติดอาวุธร้ายแรง และเรียกร้องให้ต่างประเทศทั่วโลกสนับสนุนในการต่อสู้นี้

    ปี 2556 ใน "ดวงของโลก" การโคจรของดาวอังคาร "ดาวสีเลือด" มีส่วนต่อโลกในปีนี้อย่างมาก นอกจากจะเกิดสงครามครั้งใหญ่แล้ว ยังอาจเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นภัยจาก "ภาวะโลกร้อน" ในปี 2556 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายแห่งทั่วโลก จะส่งผลให้แกนโลกเอียงมากขึ้น ทำให้ขั้วโลกเอนเข้าหาดวงอาทิตย์มากยิ่งขึ้น การละลายของน้ำแข็งที่ทั่วโลกมีอัตราเร็วมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำบนโลกเพิ่มขึ้น และเกิดน้ำท่วมไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก

    โดยเฉพาะพื้นที่ในประเทศไทยตามบริเวณที่ติดหรือใกล้กับทะเล นอกจากน้ำทะเลจะสูงขึ้นเริ่มเข้าท่วมพื้นที่ตามชายฝั่งแล้ว มหันตภัยที่จะเกิดจากน้ำตามมา ทั้งสึนามิ หรือพายุ ล้วนจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นและมีความรุนแรงยิ่งขึ้นตามไปด้วย

    ในปลายปี 2556 นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและจะเกิดภัยพิบัติอีกหลายอย่าง เช่น ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้งทำให้ขาดแคลนน้ำ ทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน สัตว์เลี้ยงและผู้คนเดือดร้อน บางจังหวัดและบางอำเภอดินแตกระแหง ไม่สามารถปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารได้เลย ทำให้ผู้คนอดอยาก แต่ขาดการเหลียวแลเอาใจใส่ของภาครัฐ เกิดพื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมาและจมลงสู่ใต้ทะเลไปทีละน้อย ปลายปีเศรษฐกิจโลกน่าจะวิปริตโดยแท้ ภัยธรรมชาติอันโหดร้ายยังไม่หมดสิ้น โลกอย่าประมาท อีกนัยหนึ่ง ตำราโหราศาสตร์ฮินดูทำนายไว้ว่า

    ในปี 2556 นี้ อยู่ในจุดอันร้ายคับขัน ชีวิตของมนุษยชาติจะถูกปลิดปลงอย่างเหลือคณานับ ใครมีอำนาจวาสนาอย่าดูถูกพลังประชาชน อย่าอวดอำนาจหรืออวดว่ามีกำลัง ด้วยว่าอำนาจวาสนานั้นเมื่อมีโอกาสรุ่งโรจน์ก็ดีอยู่ แต่บทคราวชะตาตก ทุกอย่างก็จะหกคะเมนกันเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ตัวอย่างก็เห็นกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอดีตอันล้ำลึกหรือปัจจุบันก็ตาม ประเทศไทยในปี 2556 นี้ ฝ่ายรัฐบาลน่าจะประคองรัฐนาวาให้ดี อย่าอวดดี อย่าหมิ่นฝ่ายตรงข้าม ศัตรูแฝงเร้นอยู่ในทุกแห่งหน เผลอไผลไปจะโดนซ้ำเติมจนหมอบ

    ผ่าดวงเมือง ปีมะเส็ง ระวัง เมษายน-กรกฎาคม เหตุการณ์รุนแรงปะทุ
    ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 01 ม.ค. 2556 เวลา 12:12:41 น.


    ที่มา ข่าวการเงิน ตลาด รถยนต์ พร็อพเพอร์ตี้ ไอซีที ท่องเที่ยว ไอซีที ต่างประเทศ : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
     
  5. md626

    md626 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +1,394
    ขออนุญาติ จขกท ใครมีข่าวคราวอะไรก็มาบอกกล่าวได้ตามสบายเลยค่ะ ยินดีรับฟังรับอ่านทุกความเห็นค่ะ อ่านแล้วหนุก ไม่เบื่อ จะไปขุดคุ้ยที่ไหนมาบอกกล่าวกันก็ยินดีค่ะ
    ถือว่าเป็นความรู้ใหม่
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หัวใจของนักปราชญ์ สุ จิ ปุ ลิ !!!

    [​IMG]

    ความหมายของ ฟัง คิด ถาม เขียน หรือ สุ จิ ปุ ลิ อธิบายได้ดังนี้

    สุ มาจากคำว่า สุตะ แปลว่า ผู้รู้เพราะการฟัง ผู้ที่จะเรียนรู้ได้ดีต้องฟังให้มาก ฟังอย่างตั้งใจ ต่อเนื่อง มีสมาธิ ซึ่งจะต้องควบคู่ไปกับการอ่านมากด้วย

    จิ มาจากคำว่า จินตะ แปลว่า ผู้รู้ได้ด้วยการคิด การจินตนาการ สร้างสรรค์ เมื่อฟังแล้วอ่านแล้ว ต้องนำมาคิด เชื่อมโยงความสัมพันธ์ เปรียบเทียบ เรียกว่าคิดอย่างมีวิจารณญาณ แล้วคัดเลือกได้อย่างเหมาะสม

    ปุ มาจากคำว่า ปุจฉา แปลว่า ผู้รู้ได้ด้วยการสอบถาม ค้นคว้า การสืบค้นหาความรู้ เพื่อให้ได้ข้อมูลมากยิ่งขึ้น หรือถูกต้อง หรือหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้

    ลิ มาจากคำว่า ลิขิต แปลว่า ผู้รู้ได้ด้วยการเขียน จดบันทึกความรู้ด้วยความเข้าใจจากการฟัง การคิด การถาม การเขียนจึงเป็นบทสรุปของหัวใจทั้งหมดของนักปราชญ์ ซึ่งผลจากการเขียนจะยังสามารถนำมาทบทวนได้เมื่อต้องการ และที่สำคัญการบันทึก ยังเป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่นได้อีกด้วย

    “เรียนให้จริง เรียนให้รู้ ตามครูสอน
    ทุกขั้นตอน ต้องเข้าใจ สงสัยถาม
    อย่าเรียนเล่น เรียนหลอก นอกเนื้อความ
    หากเรียนตาม ไม่ทัน ต้องขยันเรียน”


    พาหุสัจจะ แปลว่า ความเป็นผู้ได้สดับมาก หมายถึงการได้ศึกษาเล่าเรียนมาก การมีความรู้ประสบการณ์มาก เรียกบุคคลผู้มีภาวะอย่างนั้นว่าพหูสูต คือผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมากมาก ผู้มีความรู้มาก ผู้คงแก่เรียน นักปราชญ์ หนังสือบางฉบับเรียกว่า "หัวใจนักปราชญ์"

    พาหุสัจจะ เกิดจากการศึกษา และการศึกษาที่ดีเกิดจากการศึกษา ๔ แบบ คือ ศึกษาด้วยการฟัง ด้วยการคิด ด้วยการสอบถาม และด้วยการจดจำบันทึก

    มีคาถาบทหนึ่งที่ถือว่าเป็น หัวใจนักปราชญ์ คือ "สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถัง โส ปํณฑิโต ภเว" แปลว่า ผู้ปราศจาก สุ จิ ปุ ลิ จะเป็นบัณฑิตได้อย่างไร

    สุ-คือ สุตมยปัญญา การฟังธรรมด้วยความเคารพ ทำให้เกิดปัญญา
    จิ-คือ จินตามยปัญญา การคิดใคร่ครวญในธรรม ทำให้เกิดปัญญา
    ปุ- คือ ปุจฉา-วิสัชนา สงสสัยไม่รู้ ต้องไต่ถาม จึงเกิดปัญญา
    ลิ- คือ ลิขิต การจดจำ หรือบันทึกเอาไว้ เพื่อศึกษาและปฏิบัติต่อไปเป็นแบบอย่าง..

    ที่มา ~ สุ จิ ปุ ลิ ~หัวใจนักปราชญ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2013
  7. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    แบบนี้อาจลองเทียบกับสัทธรรมปฏิรูปได้รึป่าวลองเทียบดูข้อความด้านบนไล่ลงมาหาเหตุผลเอานะครับ..ขึ้นต้นอย่างไร-แจกแจงใส่เหตุผล-สรุปใส่เองหรือป่าว..ลองสอบถามกันครับ สิ่งที่ทำ-คำที่แสดง-เหตุที่คิด มันเป็นอย่างไร ยังมีอีกมากๆครับสำหรับกระทู้นี้..

    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kb 2500
    จากที่นี่ สัทธรรมปฏิรูป - วิกิพีเดีย สัทธรรมปฏิรูป - วิกิพีเดีย

    ในโลกใบนี้ เราชาวพุทธผู้รักสันติ รู้อภัย อหิงสา ดำรงค์ตนอยู่โดยไม่เบียดเบียนตน และผู้อื่น มีที่ยืนน้อยในโลกใบนี้ลดลงเรื่อยๆเพราะ สัทธรรมปฏิรูป ...เพราะขาดผู้กล้าหาญทางจริยธรรม นิ่งเฉยดูดาย กับกลุ่มที่มีส่วนทำให้พระธรรมของพระพุทธเจ้า บิดเบือน สร้าง ข้อโต้แย้ง ใส่ความคิดเห็น กระจายข่าว ปลอมปน สร้างข่าวความกลัว หวังความหวั่นใหวในจิตชาวพุทธ เพื่อสอดแทรกเข้ามาหาประโยชน์แย่งโยม แย่งศรัทรา ให้สับสนลังเลสงสัยในธรรมของศาสนา...ยุคนี้แหละครับ ที่เป็นยุค ที่เรียกว่า.สัทธรรมปฏิรูป ..

    เกิดขึ้นจากเหตุผล 5 ประการ คือ พุทธบริษัท 4 (ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา)
    ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา
    ไม่เคารพยำเกรงในพระธรรม
    ไม่เคารพยำเกรงในพระสงฆ์
    ไม่เคารพยำเกรงในสิกขา
    ไม่เคารพยำเกรงในสมาธิ
    นี้แล เป็นเหตุ....หากเราเห็น.ด้วยเหตุด้วยผล ตามครรลองคลองธรรม
    จงช่วยกันสอดส่องดูแล ด้วยเถิดครับพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย
    คิดให้มากๆก่อนโพสก์ ก็จะเป็นคุณแก่พระพุทธศาสนานะครับ บางเรื่อง บางความคิดเห็น บางความเชื่อส่วนตัวของใครก็แล้วแต่..อาจเป็นภัยแก่พระศาสนาได้ครับ ช่วยๆกันสอดส่องกันนะครับ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    “ประยุทธ์”ไล่พวกล้มเจ้าออกนอกประเทศไทย !!!

    [​IMG]

    “ประยุทธ์”ไล่พวกล้มเจ้าออกนอกประเทศไทย ฮึ่ม”ตอบโจทย์”ไม่เหมาะเสนอบทวิพากษ์สถาบัน ซัดไร้สาระมานั่งแก้กม.112 อัดไม่น่าเกิดบนแผ่นดินไทย จวกคิดแค่นี้อย่าเป็น”ดอกเตอร์” เตือนอย่าลืมรากเหง้าตัวเอง

    เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1พัน1รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รายการ “ตอบโจทย์”ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้นำเสนอตอน “สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ”ว่า

    ในความรู้สึกตนและทหารอีก 2 แสนกว่าคนเห็นว่า ยังไม่น่าเหมาะสมที่จะนำเรื่องพวกนี้มาพูดกันในเวลานี้ เพราะเป็นเวลาแห่งความขัดแย้ง และ เป็นเวลาที่มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ที่จะต้องแก้ไข โดยเฉพาะคนที่มาพูดเป็นถึงครู อาจารย์ ของคนทั้งประเทศ ประเทศชาติจะไปข้างหน้าได้ต้องมีครู อาจารย์ที่ดี และการสอนให้คนเป็นคนดี สำคัญกว่าจะสอนให้มาแก้กฎหมายโน้นกฎหมายนี้

    “การที่บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้ เราไม่ได้เกิดมาจากหลอดแก้ว สิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวให้คนกับแผ่นดินอยู่ด้วยกันจำเป็นต้องมีสถาบัน ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็จริง แต่อดีตเป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งวันนี้ท่านทรงลดฐานะของพระองค์เองมาอยู่ในภายใต้รัฐธรรมนูญ สถาบันพระมหากษัตริย์หรือพระองค์ท่านทรงอ่อนแอ ไม่สามารถปกป้องพระองค์เองได้จึงต้องมีกฎหมายฉบับหนึ่งออกมาเพื่อปกป้อง พระองค์ท่าน

    ซึ่ง 200-300 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่อง แต่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น การที่ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าไม่จำเป็นต้องทิ้งประวัติศาสตร์หรือต้อง ทิ้งทุกอย่างให้หมด สถาบันต้องมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำไมเราต้องทำลายให้หมดสิ้น เพื่อจะก้าวไปสู่ระบอบอนาธิปไตย อยากให้ทุกคนทบทวนว่า สิ่งที่เสนอไปนั้น ดีหรือไม่ ผิดหรือถูก คิดว่า คนไทยส่วนใหญ่ทั้ง 60 ล้านคนไม่ได้คิดอย่างนั้น การที่คนไม่กี่คน ออกมาพูดแล้วทำให้คน 60ล้านคนเปลี่ยนแปลงคงเป็นไปไม่ได้” ผบ.ทบ.กล่าว

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถาบันไม่เคยทำร้ายประชาชน มีแต่ทรงห่วงใยประชาชนของท่าน ตนอยู่มา 60 ปีได้เข้าเฝ้าถวายงานหลายครั้ง มีแต่รับสั่งว่า ให้นำสิ่งที่ท่านได้จากประชาชนมอบกลับไปให้ประชาชนให้หมด ทั้งนี้ยอมรับว่า ทหารรู้สึกอึดอัดแน่นอน แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องของยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง หน้าที่ตน คือ ทำอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย เมื่อท่านรู้ว่า มาตราดังกล่าวทำแล้วจะถูกดำเนินคดี ท่านก็อย่าทำ ตนไม่รู้ว่าคนพวกนี้สมองเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็ต้องเคารพกระบวนการประชาธิปไตย

    วันนี้คนส่วนใหญ่ยังอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังเคารพนับถือและชื่นชม เราอย่าไปให้ความสำคัญคนส่วนน้อย ส่วนคนเหล่านี้จะมีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ต้องมีอะไรซักอย่าง ซึ่งขบวนการเหล่านี้มีมาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 คนเหล่านี้ไม่คิดเรื่องประวัติศาสตร์ และ จะให้ไปคาดหวังกับอนาคตอย่างไร ควรเลิกพูดเรื่องราวเสียหาย ในเรื่องที่ไม่จริง คนบางคนยังไม่เคยเข้าเฝ้า หรืออยู่ใกล้พระองค์ท่าน แล้วรู้ได้อย่างไรว่า ท่านทำอะไรผิด พูดเป็นตุเป็นตะ เป็นเรื่องเป็นราว เพราะฟังเขามาทั้งนั้น

    “ไปต่างประเทศมาก็อยากเป็นเหมือนประเทศนั้น แต่นี่คือประเทศไทย ถ้าท่านคิดว่า อยู่เมืองไทย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ และ มีมาตราอะไรก็แล้วแต่ แล้วทำให้อึดอัด ท่านก็ไปหาที่อื่นอยู่แล้วกัน ที่ไหนก็ได้ที่คิดว่า อยู่แล้วสบายใจ เพราะคนส่วนใหญ่ยังอยู่ได้ และไม่ได้อึดอัด ผมอึดอัดอย่างเดียวว่า พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาขนาดนี้ พระองค์ท่านไม่ได้เป็นคนแจ้งความ ท่านมีแต่บอกว่า ให้อภัยคนเหล่านั้นซะ ผมไม่เข้าใจว่าเขามีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่นหรือไม่ ถ้าใครคิดว่าสถาบันไม่มีประโยชน์กับประเทศไทย คิดว่า คนพวกนี้คงไม่น่าจะเกิดจากที่นี่ เขาอาจเกิดเมืองไทย แต่ไปเรียนรู้จากที่อื่น

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯท่านไม่เคยแข่งขันกับใคร ไม่เคยแข่งกับรัฐบาลหรือไม่เคยไปว่าใคร ท่านไม่ได้คาดหวังว่า ให้ประชาชนมารักพระองค์ท่านมากกว่ารักรัฐบาล ท่านหวังเพียงจะสร้างประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้างสถาบันไม่เคยเกี่ยวข้อง ใดๆสิ้น ท่านไม่เคยตอบโต้หรือออกอากาศมาพูดหรือให้ใครมาพูด พระองค์ทรงอดทนและอดกลั้น เพราะทุกคนคือคนไทยไม่ว่าจะสีใดก็ตาม คือ พสกนิกรของพระองค์ท่าน ท่านไม่เคยแยกแยะ เหมือนภาคใต้ เราเป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมต้องทะเลาะกันเอง ขอให้เลิกเถอะแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันดีกว่า” ผบ.ทบ.กล่าว

    เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคารที่ 19 มีนาคม 2556 เวลา 18:41 น.

    ที่มา “ประยุทธ์”ไล่พวกล้มเจ้าออกนอกประเทศไทย | เดลินิวส์
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เปลือกโลกกำลังเคลื่อนที่..บางที่จะสูงขึ้นและบางที่ก็ต่ำลง !!!

    [​IMG]

    waterydis สมาชิก

    การเคลื่อนเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นแล้วทั่วโลก
    ซาลูซ่า วันที่ 15 มีนาคม 2556


    เนื่องจากว่าจุดเด่นของการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีโอบามาและสหรัฐอเมริกา มันทำให้ลืมไปในบางครั้งว่าโลกทั้งโลกก็เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย ถ้านั้นเป็นสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้ว ขอให้ตระหนักกว่าการเคลื่อนเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นแล้วทั่วโลก และทางกลุ่มของมนุษย์เองก็เร่งเวลา ให้ถึงวันที่เธอได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงพวกนี้เร็วขึ้น มนุษย์แต่ละคนใช้สิทธิ์ของตนเองเพื่อสิ่งต่างๆ ที่เขาต้องการและเห็นว่าสำคัญต่อชีวิตของเขา

    แต่การที่จะไปเรียกร้องเอาสิ่งพวกนั้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคนเห็นแก่ตัวมา ไม่ใช่เรื่องง่าย ใช่ มันประสบความสำเร็จ แต่ส่วนใหญ่แล้วความสำเร็จเกิดขึ้นด้วยการเผชิญหน้า และตามมาด้วยการปฏิเสธจากกองทัพและผู้มีอำนาจ อย่างไรก็ตาม มันจะไม่มีการต่อต้านใดๆ จากอีกฝ่าย ที่จะกีดขวางให้ประชาชนได้รับอิสระภาพและอธิปไตยไปได้นานกว่านี้ เธอได้เขียนตอนจบต้วยตัวของเธอเอง และพวกเราจากกลุ่มสหพันธกาแลคติกแห่งแสงและผู้ร่วมงานแห่งแสงจากทุกที่กำลังช่วยเหลือพวกเธออยู่ เพื่อให้เธอเข้าใจอย่างแท้จริงว่ามีอะไรบ้างที่ต้องการจากเธอ (เพื่อให้ตอนจบเป็นจริงได้ - ผู้แปล)

    เรารู้ว่าการใช้ชีวิตในช่วงที่วุ่นวายนี้เป็นเรื่องน่าปวดหัวและมันจำเ็ป็นที่เธอจะต้องตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อของเธอตลอดเวลา แต่เมื่อมันผ่านพ้นไปแล้ว เธอจะรู้ว่ามันคุ้มค่า เธอคือส่วนหนึ่งและทุกคนก็มีบทบาทที่ต้องแสดงไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม เธอจะพบว่าเมื่อแสงสว่างทะลุผ่านความมืดแล้ว ผลกระทบที่ไม่ดีจากความมืดก็จะน้อยลง ความเป็นทวิภาคที่เธอได้ประสบนั้นสิ้นสุดวงจรของมันอย่างสมบูรณ์แล้ว ทั้งด้านเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของมัน เหลือแต่สิ่งที่ถูกทิ้งไว้เท่านั้นและเธอคือผู้เก็บกวาด

    แสงสว่างมีอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และปลุกให้วิญญาณตื่นรู้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีบางวิญญาณที่ยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ อย่างหนาแน่นและต่อต้านเพื่อจะยึดความเชื่อพวกนั้นไว้ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องเลือกว่าจะเดินไปทางไหน พวกเขาสามารถจะอยู่ในมิติที่สามต่อไปได้ ถ้านั้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ พระเจ้าไม่มีความประสงค์ว่าวิญญาณแต่ละดวงว่าจะต้องพัฒนาในเวลาเท่านั้นเท่านี้ แต่กลับกันท่านเสนอทุกๆ โอกาสให้ ทุกๆ โอกาสที่เธอจะพัฒนาตัวตนและก้าวเข้าสู่ต้นกำเนิดแห่งแสงและความรัก อย่างที่เราเคยบอกเธอไปหลายครั้งแล้ว ทุกดวงวิญญาณมีแสงประกายของพระเจ้าอยู่ภายในและมันไม่เคยดับลงเลย

    ขณะที่การเดินทางอันแสนอัศจรรย์ของเธอเดินหน้าต่อไป ขอให้เธอรู้ไว้ว่าเธอกำลังยกระดับไปสู่ความถี่ที่สูงกว่า ความถี่ที่สูงขึ้นนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงที่ปรารถนาปรากฏขึ้นได้และมันจะทำให้เธอได้อยู่ในยุคใหม่อย่างแท้จริง แม้จะมีการชำระล้างมากมายเกิดขึ้นเป็นอย่างแรกก็ตาม ในเรื่องของการชำระล้างนั้น พวกเราและเทคโนโลยีที่ทันสมัยของพวกเรา พร้อม ที่จะช่วยเหลือเธอ มันจะทำให้การชำระล้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความช่วยเหลือของเราและแรงบันดาลใจ เทคโนโลยีของเธอจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดและโครงการพลัีงงานฟรีมากมายจะเสร็จสมบูรณ์

    มันเป็นเรื่องปรกติที่อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและผู้ร่วมลงทุนจะต่อต้านเพื่อตำแหน่งของพวกเขาในตลาดซื้อขาย แต่พวกเขาไม่มีอำนาจต่อไปอีกแล้วเพราะเธอจะต้องเริ่มเข้าสู่เทคโนโลยีแห่งยุคใหม่ เธอถูกตรึงอยู่กับที่เป็นเวลานานเกินไปแล้ว มันไม่เคยถูกคาดกว่ามาก่อนว่าเธอยังจะใช้พลังงานจากฟอสซิลอยู่จนถึงบัดนี้ ขณะที่ความก้าวหน้าของเธอมาถึงขั้นนี้ มันมีการพัฒนามากมายเรียงแถวรอให้เธอได้รู้จักและเมื่อพวกเราเริ่มแนะนำให้เธอรู้จักแล้วละก้อ มันจะมีเรื่องที่ต้องทำมากมายทีเดียว

    เธอเห็นว่ามีการสื่อสารจากพวกเราหรือตัวตนจากอาณาจักรสูงกว่ามากขึ้นและดูเหมือนจะเปิดกว้างขึ้นด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะจิตสำนึกของเธอเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และนั้นทำให้เธอสามารถเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้ อีำกไม่นาน เธอสามารถติดต่อกับตัวตนที่สูงกว่าของเธอได้อย่างชัดเจน แต่สำหรับตอนนี้ มันเปิดให้แค่คนที่ได้ทำสัญญาชีวิตไว้เท่านั้น เรารู้ว่าพวกเธอหลายคนทะเยอทะยานช่วยงานที่จะพลักดันให้อารยธรรมของเธอก้าวไปข้างหน้า แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ถูกเตรียมมาดีพอเพื่อที่จะทำอย่างนั้น ถึงกระนั้นพวกเธอทั้งหมดก็มาอยู่ ณ ช่วงเวลานี้เพื่อรู้ถึงว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร จงปล่อยให้ทุกสิ่งพัฒนาไปตามจังหวะของมันและตระหนักรู้เมื่อโอกาสที่ดีเข้ามาหา จงแบนความสนใจไปให้แต่ิสิ่งดีงามและให้เธอรู้ว่าเธอไม่เพียงช่วยสร้างอนาคตของเธอเท่านัน เธอช่วยสร้างอนาคตให้คนอื่นด้วย

    เราชื่นชมในสิ่งที่เธอทำและเธอไม่จำต้องจะต้องรู้สึกผิดหวังอีกต่อไปกับเหตุการณ์เกี่ยวกับการเลื่อนระดับที่เพิ่งผ่านมา ผลลัพธ์อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากแผนเดิม แต่เราก็ปรับแผนให้เข้ากับความต้องการของสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ จังหวะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญและความพยายามที่จะให้มีวิญญาณได้เลื่อนระดับมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก็เป็นฐานในการตัดสินใจหลายๆ ครั้ง ขณะที่เวลาผ่านไปพร้อมจิตสำนึกที่สูงขึ้น กลุ่มความมืดก็ขัดขวางสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้น้อยลง และเธอสามารถที่จะปล่อยให้พวกเขาอยู่กับความล่มสลายที่เกิดจากพวกเขาเองได้ กลุ่มความมืดถูกพลักดันให้อยู่เบื้องหลังและสิ้นอำนาจที่จะหยุดยั้งความก้าวหน้าของเธอไปสู่ยุคทอง สิ่งที่เธอจะได้ประสบเมื่อมันถึงนั้น มันเกิืนกว่าจะบรรยาย ได้ด้วยคำพูด มันมากกว่าที่เธอจะจิตนาการได้และเกินว่าสิ่งที่เธอคาดหวัง

    เมื่อเธอได้ไปเห็นเมืองแห่งแสงเมืองแรกที่เซโดน่า* เธอจะได้รู้จักมันอย่างใกล้ชิดและจะได้ไอเดียว่ามีอะไรบ้างที่จะกลายเป็นเรื่องปรกติในชีวิตประจำวัน เทคโนโลยีที่ใช้ในการแพทย์นั้นล้ำหน้ามากและเมื่อเธอเข้าใจมัน เธอก็สามารถใช้รักษาคนอื่นได้โดยปราศจากผลข้างเคียง การรักษาโรคโดยการใช้เสียง สี และเทคโนโลยีคริสตัลเป็นสิ่งทันสมัยมากเมื่อเทียบกับยาและวิธีรักษาปัจจุบัน และเธอก็ำกำลังเิริ่มจะค้นคว้าเทคโนโลยีที่เป็นไปได้นี้อย่างเต็มที่

    เธอจะได้รับแรงบันดาลใจพร้อมกับไอเดีย ที่จะช่วยสร้างทัศนคติใหม่ต่อสุขภาพ และเมื่อถึงเวลาเธอจะไม่และไม่สามารถป่วยเป็นโรคได้อีก ซึ่งมันจะเป็นไปได้เมื่อระดับความถี่ของเธอสูงมากเกินกว่าที่พลังงานระดับต่ำใดๆ จะมีผลกระทบต่อเธอ เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะได้ประสบกับการเปลี่ยนแปลงในร่างกายทั้งร่างกาย ร่างกายจะถูกฟื้นฟูให้กลับสู่ความเยาว์วัยอย่างไร้ที่ติและปราศจากร่องรอยของความแก่ชรา ขั้นตอนพวกนี้ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางไปสู่การเป็นมนุษย์กาแลคติก (Galactic Being) พร้อมกับจิตสำนึกที่สมบูรณ์

    (เซโดน่า = ไม่ทราบว่าจะหมายถึงเมืองเซโดน่าที่อยู่ในรัฐอาริโซน่าในประเทศอเมริกาหรือเปล่า-ผู้แปล)

    ขอให้พวกเธออย่าหยุดความตั้งใจ ที่จะนำเอาแสงสว่างเข้ามาสู่โลกมากขึ้นเรื่อยๆ โลกกำลังมีความสุขเพราะเธอเองก็จะถูกฟื้นฟูให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนกัน ขณะนี้เธอค่อยๆ เคลื่อนส่วนต่างๆ ของเปลือกโลกไปสู่ตำแหน่งใหม่อย่างระมัดระวัง บางที่จะสูงขึ้นและบางที่ก็ต่ำลง การเคลื่อนเปลือกโลกนี้ยัิงไม่เสร็จสิ้นดี พื้นที่ส่วนใหญ่ของแอตแลนติส จะโผล่ขึ้นมาตามแนวชายฝั่งที่เคยติดกับแอตแลนติสมาก่อน ประวัติศาสาตร์มากมายของเธอมีพื้นฐานจากเรื่องราวของแอตแลนติสและความจริงของอารยธรรมที่เคยยิ่งใหญ่ก็จะถูกเล่าขานอีกครั้ง แอตแลนติสมีประวัิตศาสตร์ที่ยาวนานและพวกเธอส่วนใหญ่ก็เคยเกิดในยุคนั้น พวกเธอส่วนหนึ่งก็ยังจำการล่มสลายของแอตแลนติสได้และอยู่ที่นั้น ณ วันสุดท้ายของมันเมื่อประมาณหมื่นปีที่แล้ว

    เราคือซาลูซ่าจากซิริอุส และขอลาเธอพร้อมกับความรักและแสงสว่าง

    ขอบคุณ ซาลูซ่า Mike Quinsey.
    New Page 1

    Lastquarter สมาชิก

    'พวกเธอส่วนหนึ่งก็ยังจำการล่มสลายของแอตแลนติส ได้และอยู่ที่นั้น ณ วันสุดท้ายของมันเมื่อประมาณหมื่นปีที่แล้ว'

    ผมเคยฝันเมื่อไม่นานมานี้เท่าไหร่ ฝันเห็นการล่มสลายของอาณาจักรที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ สิ่งก่อสร้างต่างๆที่ทำจากหินละก็รูปทรงคล้ายๆของอารยธรรมเก่าๆที่เราได้ค้นพบเจอมา มันถูกล่มสลายด้วยน้ำทะเล มันกลืนทุกอย่างไปไหนพริบตาทุกคนหนีตาย บางคนไม่รอด บางคนรอด คนที่รอดคือได้รับการช่วยเหลือจากต่างดาวในการย้ายถิ่นฐาน อันนี้คือสิ่งที่ผมฝันเห็น

    waterydis สมาชิก

    เราก็เคยฝันเห็น ขณะที่กำลังถูกน้ำท่วม (หรือจมลงใต้น้ำ) ตอนที่ตัวเองพยายามหอบเอาม้วนกระดาษ และข้าวของที่สำคัญต่างๆ วิ่งหนีน้ำขึ้นหอคอยพร้อมก็เด็กรับใช้ และตอนที่พากันหนีมาตั้งรกรากที่อียิีปต์ ไม่น่าเชื่อว่ามันผ่านมา 12,000 ปีแล้ว ระยะเวลาีนี้ก็พากันเกิดตายกันหลายหน จนเราเบื่อละ หมดตรงนี้ก็จะขอลา

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-349
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.5 KB
      เปิดดู:
      360
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2013
  11. Prompiriya

    Prompiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,081
    สภาวะโลกเปลืี่ยน คนก็เปลื่ยน ไม่ต้องห่วงหรอกครับ โลกไม่แตกหรอกครับ แต่ห่วงสภาพดินฟ้าอากาศ วันมี3ฤดู เช้าหนาว กลางวันร้อน เย็นลมกับฝน จะทำให้คนเจ็บไข้ได้ป่วย และจะก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนเข้ามา ดิน น้ำ ลม ไฟ ก็มีเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็นมาปะปนอยู่ในอากาศ ในน้ำ และทำให้ซึมซับทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี สะสมกันไป นี่คือการทำลายคนในแบบการทำลายล้างประชากรให้น้อยลงทั้งเด็กและผู้ใหญ่
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ประโยชน์ของการแบ่งปันข้อมูลความรู้ให้กับเพื่อน !!!

    [​IMG]

    การติวให้เพื่อนมีประโยชน์อย่างไร?

    Nanni
    เพื่อนชอบให้เราติวให้ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เก่งอะไร แค่พอใช้ได้ แต่เราก็ติวให้ แล้วถ้าเพื่อนขี้เกียจ ไม่ยอมเข้าห้อง แต่พอเวลาสอบจะให้เราติวให้ จะดัดนิสัยพวกนี้ยังไงดี

    Deago
    ไม่เห็นจะต้องไปสนใจ ดัดนิสัยอะไรเขาเลย เขาไม่เข้าห้องเรียน รับรองเขาไม่มีทางรู้เท่าเราแน่ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่ครูเล่าในห้องเขาก็ไม่ได้ และถ้าคุณไม่เหนื่อยเกินไปก็ติวไปเถอะ รับรองอนาคตคุณไม่อับจนแน่(ผมรับประกัน) สิ่งต่างๆที่คุณได้ทำไป มันย้อนมาช่วยคุณนะ

    ผมเคยติวให้เพื่อนแบบคุณ แล้วถึงเวลาอับจนก็มีคนยื่นมือมาช่วย แบบไม่คาดฝันอ่ะ เคยเจอบ้างหรือเปล่า(ผมเจอมาแล้วกับตัวเองเลย) ผมเลยคิดซะว่า ถ้ายังมีแรง(ไม่เหนื่อยมาก ก็ยอมลุงทุนติวให้เพื่อนไป เพื่อผมกำไร...อิอิ) ยังไงขอให้คุณโชคดีนะ ติวให้เพื่อน แล้วอย่าเผลอ ลืมเติมความรู้เข้าตัวด้วยนะครับ

    Toy C
    เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และทบทวนไปในตัวด้วยค่ะ มีประโยชน์กว่าไปเที่ยวเล่น หรือเล่นเกมส์เป็นไหนๆ การติวช่วยให้เพื่อนเข้าใจบทเรียนมากขึ้น ถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งที่ทำด้วยความจริงใจ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน อีกทั้งตัวคุณยังได้ทบทวนอีก สังเกตดีๆ เด็กสมัยนี้ ยิ่งโตขึ้นยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น เฉพาะบางคนนะคะ บางคนไม่อยากติวให้เพื่อน เพราะขี้เกียจอธิบาย เพื่อนเข้าใจยาก ยิ่งอยู่มัธยมปลายหรือมหาลัย ที่มีการแข่งขันกันมากขึ้น ยิ่งไม่ค่อยอยากจะติวให้กัน เพราะกลัวคนอื่นได้คะแนนมากกว่าเรา

    cloud 9
    มีประโยชน์มากๆถึงมากที่สุด ความรู้ต้องแบ่งปันค่ะ จึงจะงอกงาม ยิ่งคุณติว คุณก็จะยิ่งมีความเข้าใจในสิ่งนั้นๆ มากขึ้น ในขณะเดียวกัน คุณก็ทำให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งนั้นด้วย เมื่อคนอื่นเข้าใจ พวกเค้าก็นำความรู้นั้นไปใช้ประโยชน์ได้อีกเรื่อยๆ จากหนึ่ง เป็นสอง สาม สี่ ห้า...ไม่รู้จบ ไม่จำเป็นต้องเก่งหรอกค่ะ ความเมตตา งดงามกว่าความเก่งเยอะ คนเก่งบางคน ก็ไม่มีใครอยากคุยด้วย คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง

    horse toto
    อย่างแรกคือเราได้เตรียมตัว ได้เรียบเรียงความคิด การอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้แสดงว่าตัวเรามีความสามารถในการถ่ายทอดนะ การซักถามจากเพื่อนทำให้เรามองเห็นจุดด้อยด้วย เราจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่นที่จะเข้าใจวิชานั้น ได้โดยที่ไม่ต้องใข้ความพยายามมาก เหมือนกับไปเรื่อยๆ แต่ซึมซับและชัดเจนกับมันในที่สุดค่ะ

    วีตมโล
    ผมว่าการติวให้เพื่อนมีประโยชน์มากเลยครับ โดยใช้ประสบการณ์สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย คือ หากนั่งอ่านคนเดียว จะไม่ค่อยเข้าหัว ง่วงเหงาหาวนอน สอบได้เพียง C หรือ B- เท่านั้น แต่หลังจากนั้น ผมมาติวให้เพื่อนและให้เพื่อนติวบ้าง ปรากฏว่า ผมสอบได้ A+ ไม่น่าเชื่อเลย

    1. ประหยัดเวลาในการอ่านและทำความเข้าใจ
    2. เรื่องที่ไม่รู้ก็ได้รู้ ส่วนเรื่องที่รู้แล้วก็ได้รู้มากขึ้น
    3. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้
    4. ไม่เกิดความง่วงเหงาหาวนอนในการอ่าน
    5. ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างการติวด้วยกัน

    Gaga
    เราก็ได้ทบทวนวิชานั้นเพิ่มอีกรอบหนึ่ง บางทีตอนแรกไม่เข้าใจ แต่พอมาติวให้เพื่อน ทำแบบฝึกหัดเพิ่มขึ้น ก็ทำให้เรารู้เรื่องเข้าใจมากขึ้น บางครั้งดีกว่าอ่านคนเดียว

    ตัว ต.
    การถ่ายทอดความรู้ที่มีให้กับคนอื่นเข้าใจ ทำให้เราแตกฉานในเนื้อหาวิชานั้น ร่วมทั้งเป็นการทบทวนสิ่งที่อ่านหรือเรียนมาค่ะ ทำไปเถอะ คุณจะเก่งและมีความรู้ที่แน่น เพราะเป็นการทบทวน ไม่ควรแกล้งเพื่อนคะ แนะนำเพื่อนดีกว่านะคะ

    A7ba2
    คุณถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งนะครับ เพราะต้องเสียเวลาอ่านของตัวเองมาติวให้เพื่อน ตอนเด็กผมก็เป็นบ่อยเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวลอกการบ้านมากกว่า ทำให้เพื่อนไม่ได้อะไรจากงานนั้นเลย ประโยชน์คือเป็นการทบทวนความรู้ไปในตัวด้วย ถ้าเราอ่านหนังสือมาแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้อ่านหนังสือ ก็ทำให้เป็นการอ่านหนังสือภายในตัวไปด้วย และได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ถามคำถามกันทำให้มีมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น ถือว่าดีทั้งขึ้นทั้งล่อง

    แต่ว่าก็ต้องระวังในบางเรื่อง เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าจะทำให้เสียเวลาอ่านหนังสือของเรา เราจึงต้องอ่านหนังสือไว้ก่อน มิฉะนั้นอาจจะอ่านไม่จบ หรือในบางวันคุณครูสั่งงานเยอะ ก็ต้องทำให้เสร็จก่อนจะไปติว ถือว่าคนที่สามารถติวเพื่อนโดยที่ตัวเองไม่มีปัญหานั้น มีความรับผิดชอบสูงมากเลยทีเดียวครับ

    ?
    การติวให้เพื่อนมีประโยชน์มากครับ เพราะเราได้ความรู้ และจำในสิ่งที่เราสอนเพื่อนด้วย อย่างเช่น บางคน ไอคิวไม่ค่อยดี ความจำไม่ดี ติวไปก็ได้บางส่วน แต่เรามีความรู้มา...ถึงสอนเพื่อนได้ ก็มีความรู้เพี่มอีก

    ที่มา Yahoo! รู้รอบ - การติวให้เพื่อนมีประโยชน์อย่างไร?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2013
  13. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขออนุโมทนากับคุณยรรยงด้วยนะคะ ที่มีความอดทน สนใจเรื่องนี้จริงๆ น่าแปลกที่ดิฉันซึ่งสนใจเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอยู่เหมือนกัน (เรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้น่ะค่ะ ชอบสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เกิดขึ้นจริงรึเปล่า หรือมีคนปล่อยข่าวลือเพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่าง บางเรื่องอาจไม่มีมูลความจริงเลย แต่บางเรื่องก็เป็นจริง แต่ความรู้ของเรายังไม่ถึง ไม่สามารถอธิบายได้) แปลกที่ว่าดิฉันไม่เคยได้ยินเรื่องที่คุณวิจัยนี้เลย ขอติดตามอ่านต่อไป และขอขอบคุณคุณเกษมมากที่เอามาลงเป็นความรู้ใหม่ค่ะ :cool:

     
  14. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    เอามาฝากสำหรับ กระทู้นี้โดยเฉพาะเลยครับ โชคดีครับ

    หลวงปู่ดู่ท่านเทศน์สอนคณะศิษย์วัดท่าซุงที่ได้มโนมยิทธิ
    ซึ่งได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ดู่ ตามคำสั่งหลวงพ่อฤาษีฯ


    หลวงปู่.....เอ้า คณะนี้มาจากไหน (แล้วหลวงปู่ท่านก็เงียบ)...อ๋อเด็กฝาก

    คณะมโนมยิทธิ...หลวงพ่อ(ฤาษี) ท่านให้มากราบเจ้าค่ะ
    หลวงปู่รู้จักไหมเจ้าคะ

    หลวงปู่ดู่...รู้จัก

    คณะมโนมิยทธิ....หลวงปู่เจ้าคะดิฉันฝึกมโนขึ้นไปกราบ
    พระข้างบนดีไหมเจ้าคะ?

    หลวงปู่ดู่.....การไปกราบพระ พบพระนั้นเป็นของดี
    ให้หมั่นรักษาองค์พระ(ภาพพระ)เข้าไว้ พระท่านจะสอน
    ท่านจะบอกวิธีการปฏิบัติ เราก็นำมาประพฤติปฏิบัติตามด้วยความตั้งใจ
    เคร่งครัด แต่ถ้าพบพระแล้ว ท่านสอนแล้วไ ม่นำมาประพฤติปฏิบัติ
    หรือปฏิบัติจนพบพระแล้วไม่สามารถทำให้อารมณ์ชั่วทั้ง ๓ คือ
    โลภ โกรธ หลง มันเบาบางหลง อย่างนี้ยังใช้ไม่ได้ ถือว่าปฏิบัติผิดทาง
    คนที่มัวแต่เอาสิ่งที่ตนเองได้ (ญาณ) ไปดูนั้นดูนี่ ทำนายทายทัก
    ไม่นานอุปทานก็เข้าแทนที่ ทีนี้แทนที่มันจะไปสุคติภูมิ
    มันก็ไปอบายภูมิแทน เหตุจากการแอบอ้าง คำสอนของพระ
    เพราะอารมณ์อุปาทานนั้นเอง จงระวังไว้
    ท่านมหาวีระ ท่านมีบารมีสูง มีข้างบนเป็นกำลังหนุน เป็นอาจารย์ใหญ่สอน
    คนได้จำนวนมาก ข้าขอโมทนา พวกแกเกิดมาพบพระอรหันต์
    ที่มีบารมีสูง อย่าให้เสียทีที่ได้พบ เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติบัติได้(ญาณ)
    มาอบรมตนเอง อย่าเที่ยวไปทำนายทายทักชาวบ้าน
    ข้ออันนั้นเห็นจะไม่ใช่จุดประสงค์ แม้ลูกศิษย์ อยู่ใกล้ข้าแท้ๆ
    ยังเฝือได้ แล้วถ้าพวกแกยังประมาท ระวังนรกจะกินหัวเอา....


    คณะมโนมยิทธิ...เราจะรู้ได้ยังไงเจ้าคะ
    ว่าเวลาเราขึ้นไปกราบนั้น เราเห็นจริงๆ

    หลวงปู่....แกลองใช้อารมณ์นั้น(ญาณ) ตรวจสิ่งที่มองไม่เห็น
    แต่สิ่งนั้นยังมีอยู่สิ เช่น แกลองตรวจดูว่าในกระเป๋าของเพื่อน
    ที่มาด้วยกันมีเงินอยู่เท่าไหร่ ถ้าแกตอบถูก อารมณ์ที่แกขึ้น
    ไปกราบพระ แกก็เห็นจริง แต่ถ้าแกตอบไม่ถูก พระที่แกเห็นก็ไม่จริง...

    คณะมโนมยิทธิ....เราถามเทวดาเลยได้ไหมเจ้าค่ะ

    หลวงปู่....เอ้า เงินในกระเป๋านี้มันเป็นของหยาบ

    แกยังมองไม่เห็นเลย นับประสาอะไรกับเทวดา

    แกจะไปมองเห็นล่ะ กายเทวดาละเอียดกว่ากันเยอะ

    คณะมโนมยิทธิ...ต้องตรวจอารมณ์เช่นนี้ก่อนใช่ไหมค่ะ

    หลวงปู่ดู่... ใช่ ข้าก็ให้ลูกศิษย์ตรวจอารมณ์อย่างนี้ก่อนแล้ว
    ค่อยขึ้นไปกราบพระ ถ้าตรวจแล้วไม่ตรงก็ต้องหัดวางอารมณ์ใหม่
    ไม่นานก็ตรง คราวต่อไป ไม่ต้องกำหนด เขาจะรู้เลยว่า
    อะไรซ่อนอยู่ตรงไหน .....(หลวงปู่เงียบสักพัก) (แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า)
    พระมหาวีระยังสอนให้แกหัดทำเวลาตอนเช้ามืด ให้ลองตรวจว่า
    เช้าวันนี้จะมีใครมาหาไหม เขาจะมาทำอะไร
    ใส่เสื้อสีอะไร ใช่ไหมล่ะ

    คณะมโนมยิทธิ....หลวงปู่รู้ได้ยังไงเจ้าคะ

    หลวงปู่ดู่...ก็พระมหาวีระบอกข้า อยู่ข้างๆนี่แหละ บอกว่า..
    พวกแกมันลิงทะโมน ต้องจับไปมัด เฆี่ยนแล้วสอน
    (เสียงหลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า)ต่อไปให้รีบตั้งใจปฏิบัติ
    อย่าสนใจคนอื่น สนใจจิตตัวเองให้มากๆ รักษาจิตตนเองให้ดี
    รักษาองค์พระ(ภาพพระ)ไว้อย่าให้หาย ชำระใจให้
    ปราศจากความโลภ โกรธ หลง มันก็ถึงเองแหละนิพพาน
    ไม่ใช่ปากก็บอกจะไปนิพพาน แต่ไม่ชำระโลภ โกรธ
    หลงให้ขาดไป อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก
    นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัยการปฏิบัติ
    ซึ่งจุดสำคัญคือการละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง

    ละได้เมื่อไหร่ถึงทันที ละไม่ได้มันจะถึงแค่หัวตะพาน....


    คณะมโนมยิทธิ...สาธุเจ้าค่ะ หลวงปู่


    หลวงปู่ดู่ ...(ให้พร)......
     
  15. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ออ ของแถมครับ คุณโสรัจจะ ตอนแรกก็นึกว่าแม่น พอดูหนังสือที่แกลงทุกปี เห็นว่าแกทายร้ายตลอด ผ่านมาสี่ห้าปี ติด เข้าตำราในกระทู้นี้เลย ร้ายเข้าไว้มันต้องถูกสักอันนึงล่ะ คราวนี้ดังเลย ฟังแล้วอย่าเชื่อผมไปอ่านกันดูย้อนหลังก่อน ค่อยเชื่อครับ

    แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี
     
  16. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ชอบที่หลวงปู่ดู่กล่าวไว้จริงๆ

    เพราะนักปฏิบัติที่เคยพบเห็นหลายคน
    ปากบอกว่าจะเอา มรรค ผล นิพพาน แต่ยังละ โลภ โกรธ หลง ไม่ได้เลย แถมบางคนศีล ๕ ก็ยังไม่ครบ แล้วจะไปกันยังงัยไหว

    ระวังจิตของตนเข้าไว้นั่นแหละดี[/COLOR
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เหตุแห่งภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัว 10 ประการ !!!

    [​IMG]

    ผู้บริสุทธิ์ที่บุคคลไม่ควรประทุษร้าย ไม่ควรปรามาส ไม่ควรล่วงเกินโดยประการทั้งปวง มิฉะนั้นจะเกิดภัยพิบัติ 10 ประการแก่บุคคลผู้ล่วงเกินและเป็นผลพวง นับเนื่อง ถึงบุคคลอื่น ๆ ซึ่งเป็นทายาทแห่งกรรมอันหนักนั้นด้วย ผู้บริสุทธิ์ที่บุคคลไม่ควรประทุษร้ายมีดังนี้:-

    - ผู้มีอุปการะก่อน โดยไม่หวังผลตอบแทน เช่น มารดา บิดา ฯลฯ

    - พระคุณครูอุปัชฌายะธรรมมาจารย์ผู้ทรงคุณทั้งหลายทั้งปวง

    - บรรดาลูกกตัญญูกตเวที พระโพธิสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง

    - ผู้มีดวงใจอิ่มด้วยบุญ ทั้งที่เป็นมนุษย์หรือสรรพสัตว์น้อยใหญ่ แม้แต่รูปปั้น พระปฏิมากรของพระองค์ บรรดาผู้ทรงฌานบริสุทธิ์ ตลอดถึงผู้บรรลุธรรมตั้งแต่เบื้องต้นเป็นลำดับ ตั้งแต่พระอริยะเบื้องต้นตราบถึงพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย

    - พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวง บุคคลทั้งปวงที่เป็นผู้บริสุทธิ์ สุจริต และมีดวงใจอันอิ่มด้วยบุญแม้แต่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชพุทธรรม

    - ผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพสกนิกรทั้งหลายทั้งปวง ก็ตาม นับได้ว่า เป็นผู้มีพระคุณบริสุทธิ์โดยประการทั้งสิ้นทั้งปวง อันบุคคลมิบังควรประทุษร้าย มิบังควรปรามาส มิบังควรล่วงเกิน

    ภัยพิบัติ ๑๐ ประการมีดังนี้

    ภัยพิบัติ ๑๐ ประการ อันเกิดแต่การประทุษร้ายล่วงเกิน ปรามาสผู้ทรงคุณดังกล่าวบุคคลผู้กระทำกรรมหนักนั้น ย่อมได้รับผลอันเหมาะสมแก่การกระทำของตน ๑๐ ประการดังนี้.​

    ๑.แม้มีเงินทอง ย่อมเปรียบเสมือนด้วยก้อนแห่งถ่านเพลิง แม้จับถือแล้วก็ต้องปล่อยทันที ไม่อาจเก็บงำไว้ได้เสมือนว่าเงินทองนั้นเป็นของร้อนเหมือนก้อนถ่านเพลิง ​

    ๒.แม้ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ ย่อมเปรียบเสมือนกระเบื้องแตก มีความหมายว่า ถ้าเป็นกระเบื้องหลังคา ก็ไม่อาจกันร้อน ไม่อาจกันลม ไม่อาจกันฝนได้ ถ้าเปรียบด้วยกระเบื้องคือ ภาชนะ ก็ไม่อาจใส่อาหารได้อย่างโดยบริบูรณ์ ทรัพย์สมบัตินั้นเป็นทรัพย์สมบัติที่ใช้การไม่ได้ ประดุจดั่งว่า เมล็ดฝ้ายผุ ถูกหนอนเจาะเพาะไม่ขึ้น ทรัพย์สมบัติล้วนกลายเป็นของคนอื่น ทั้งหมดเขาเวนคืนหรือถูกยึดไป​

    ๓.บ้านแตกสาแหรกขาด ญาติพี่น้องแตกแยก ขาดความสมาน ขาดความปรองดอง ขาดความสามัคคี แม้นมียศศักดิ์ ฐานันดร อันสูงส่ง ก็เป็นคนปราศจากสง่าราศี เป็นคนไม่มีราศี ย่อมถูกบุคคลผู้เป็นคู่เวรกลั่นแกล้ง ถูกขุดคุ้ยเรื่องเลวร้ายให้ขยาย กระจายความขึ้นเกินกว่าเหตุ ถูกอาเภท ให้บุคคลคู่เวรได้ใส่ร้ายป้ายสี ต่าง ๆ นานา เป็นเหตุให้เป็นที่รังเกียจแก่ผองชนทั่วไป​

    ๔.ย่อมถูกราชทัณฑ์ ต้องโทษ ถูกจองจำ ถูกกฎหมายบีบบังคับ ให้ต้องอาญาร้ายแรง ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว​

    ๕.ย่อมเกิดทุกขเวทนาอย่างแก่กล้าแสนสาหัส โดยหาสมมุติฐานแห่งโรคไม่พบ​

    ๖.ย่อมเกิดโรคร้ายแรง เป็นที่ยิ่ง อันเป็นเหตุ ให้เกิดความทุกขเวทนาแสนสาหัส​

    ๗.อวัยวะร่างกายของเขา ย่อมพิกลพิการไป ด้วยเพราะการประสบอุบัติเหตุในลักษณะต่าง ๆ​

    ๘.จิตใจของเขาผู้นั้น ย่อมไม่อาจหยั่งลงสู่สมาธิรสอันลึกซึ้งได้ ขาดความปราโมทย์ ขาดความสดชื่น ขาดความแช่มชื่นจิต ขาดความปลื้มจิตปีติใจ จิตใจขาดความสุขุมเยือกเย็น ขาดความหนักแน่น ขาดความตั้งมั่นของจิตใจ จิตใจเสียการทรงตัว จิตใจมิอาจเข้าแถวเขาแนวให้เป็นระบียบได้ จิตใจซัดส่าย ฟุ้งซ่าน คิดมาก เกิดความเครียดอย่างแสนสาหัส เป็นเหตุให้เกิด โรคประสาทโรคจิต ชนิดต่าง ๆ ​

    ๙.ทุมเมโท....เขาผู้นั้น ย่อมถึงแก่ความเป็นคนบ้า ควบคุมสติไม่อยู่ แม้นได้รับการบำบัดเยียวยา ด้วยหยูกยาต่าง ๆ ก็มิอาจบำบัดให้หายเป็นปกติได้​

    ๑๐.ปาวโก... เทวทัณโฑ อัสนี อันว่าไฟแห่งบาปเวร ผู้ชำระ อันเกิดขึ้นโดยเหมาะสม แก่การกระทำของตน ย่อมเผาไหม้สมบัติบ้านเรือน ปีละหนบ้าง สองหนบ้าง หากแม้นว่า อันว่าไฟแห่งบาปเวรผู้ชำระ มิล้างผลาญซึ่งสมบัติบ้านเรือนแล้วไซร้ เทวทัณโฑ อัสนี อันว่าอาญาแห่งเทพ คืออัสนีบาต ย่อมฟาดลงกลางกระหม่อม แห่งเขาผู้กระทำซึ่งกรรมนักนั้น (ฟ้าผ่า หรือไฟช๊อตตาย) อันเป็นลางร้ายเป็นความหมายแห่งไฟอันเกิดแต่ไฟแห่งอเวจี เข้ามาเผาผลาญเขาผู้นั้นให้ย่อยยับ เพื่อจักได้อบรมบ่มอุปนิสัยให้ได้เกิดความสำนึก รู้ผิดชอบชั่วดี รู้ความบังควรหรือมิบังควร โดยประการไร ๆ​

    ดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นภัยพิบัติ 10 ประการ ที่เกิดขึ้นจากการประทุษร้าย ปรามาสล่วงเกิน ท่านผู้บริสุทธิ์ดังกล่าว ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสเทศนาไว้แก่พุทธบริษัททั้งหลาย มีภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี สิกขมานา อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายทั้งปวง เป็นต้น​

    ซึ่งในปัจจุบันนี้ ปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ ได้ประสบกันโดยมากและเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันโดยมาก และน่าสะพรึงกลัวมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้น เหล่าบุคคล ผู้รักสงบ รักสันติสุข อย่างโดยชอบธรรม ควรแนะนำซึ่งกันและกัน ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้และทั่วถึง ถึงสาเหตุแห่งภัยพิบัติ ๑๐ ประการนี้ แล้วพากันระงับเหตุแห่งภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการดังกล่าว มิให้เกิดภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการ อันน่าสะพึงกลัวดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ​

    ทั้งแก่ตน คนที่รัก ญาติสนิท มิตรสหาย บริวาร และบุคคลอื่น ๆ ตลอดถึงเพื่อนร่วมชีวิต เพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งปวง ด้วยการพากันสำนึก พินิจตรึกตรองโดยอย่างถี่ถ้วนถ่องแท้ ว่า ณ ทุก ๆ ปัจจุบันขณะนี้ ทุกข์นี้มีมาแต่ไหน และจะดับเหตุแห่งทุกข์นี้ ด้วยวิธีประการไร จึงจะถูกวิธีอย่างโดยบริบูรณ์ อย่างโดยเร่งด่วน จงอย่าได้ประมาทในชีวิตอันน้อยนิดนี้ และจงอย่าได้เป็นผู้ต้องเสียใจ และเดือดร้อนใจในภายหลังเลย ​

    โพสต์โดยคุณ มุณีธรรม 28/02/2552 (2:56 pm)

    ที่มา http://www.navagaprom.com/oldsite/show1.php?id=642<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บุญ-บาป...ทางอินเตอร์เน็ต !!!
    โดยคุณดังตฤน

    [​IMG]

    ถาม – การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไร ผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน

    ตอบ - ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

    สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า ‘มโนกรรม’ สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความ ยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็ คงได้ ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

    แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆว่า ‘ภาษา’ นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

    ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

    อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

    ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

    บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสีย อีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก

    ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า ‘ไอ้โง่’ ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า ‘ไอ้โง่’ ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

    ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง

    โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผล(กรรม)อาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ

    ที่มา http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=21600.0;wap2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2013
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความหายนะอย่างถึงที่สุด 10 ข้อ ของการปรามาสพระรัตนตรัย !!!

    [​IMG]

    Xorce สมาชิก

    อ้างอิงจากหนังสือ "พระประวัติ สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน"

    ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
    แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์ ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้

    การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด 10 อย่างคือ

    บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ ๑
    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที ๑
    สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว ๑
    เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม ๑
    ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ ๑
    ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง ๑
    ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก ๑
    ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน ๑
    หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ ๑
    เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑

    กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน
    มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด วิธีแก้กรรมนี้ ต้องกล่าวขอขมาโทษ แก่พระอริยเจ้า เมื่อพระอริยเจ้าอดโทษไม่เอาโทษแล้ว ก็ไม่ห้าม มรรค ผล นิพพาน กลับมาเป็นปรกติดังเดิม

    ขอขอบพระคุณ องค์สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อนครับ สำหรับธรรมะนี้ ดังนั้นให้เราหมั่นขอขมาพระรัตนตรัยทุกๆวัน เพราะเราไม่รุ้ว่าบุคคลที่เราเดินผ่านไปผ่านมา หรือว่าพบเจอ แล้วเราไปแสดงอากัปกิริยานไม่เหมาะสม ใส่ท่าน บุคคลเหล่านั้น ท่านเป็นพระอริยเจ้าหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและเจริญก้าวหน้าของตัวเราเอง ให้เราอย่าประมาท ปรามาสพระรัตนตรัยเด็ดขาด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บพลังจิต ที่ค่อนข้างจะมีทั้งพระโพธิสัตว์ ทั้งพระอริยเจ้า แวะเวียนมาเสมอๆ ดังนั้นอย่าไปปรามาสท่านใดเป็นอันขาดครับ ความหายนะที่ร้ายแรงก็คือ การหลงว่าเราบรรลุธรรมไปแล้ว เพราะถ้าเราหลงว่าตัวเองบรรลุโดยที่ยังไม่ได้บรรลุจริงๆแล้วล่ะก็ ส่วนมากจะกู่ไม่กลับและมีอบายภูมิเป็นที่ไปครับ แล้วยิ่งเราไปสอนคนผิดๆ เพราะหลงว่าตัวเองบรรลุธรรมไปแล้ว ยิ่งสอนคนด้วยธรรมะผิดๆไปเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ เราเองก็จะยิ่งต้องชดใช้กรรมนานเท่านั้นครับ ดังนั้นอย่าเผลอปรามาสพระเป็นอันขาดครับ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ความหายนะอย่างถึงที่สุด10ข้อ-ของการปรามาสพระรัตนตรัย.170324/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2013
  20. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    ปรามาสไปโลดครับ หากญาณคนนั้นมันไม่ถึงที่สุด เขาคิดไม่ครบรอบ ไม่ตรง ถูกต้องตามจริงแล้วยังมาเสนอเผยแพร่ หวังคนมาสรรเสริญ ยอมรับ อวดตัวเป็นคนประพฤติธรรม ตู่อ้างว่าตัวอาจเป็น ชี้นำว่ามีคนบอก ทำนายทายทัก ว่าเป็นอริยะบุคคลระดับใดระดับหนึ่งแล้่ว ใครๆก็ ควรที่จะระวังการปรามาสเขา...เขาควรได้เอกสิทธ์ในการเป็นอริยะนั้น ทางโลกเขาก็เป็นผู้ให้-สนับสนุนเป็นกรณีพิเศษมากกว่าใครๆ เพราะงั้นคนอื่นเสียงอื่นทีหลังนะจ้ะ
    ตามนั้น..55
     

แชร์หน้านี้

Loading...