ตำนานพระพุทธศาสนาและพระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย aeiou1234, 24 กรกฎาคม 2012.

  1. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "ขอบคุณมากครับ สำหรับคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ผมขออนุญาตแย้งเรื่อง พระแก้วมรกตครับ เดิมทีนั้นพระแก้วมรกตประดิษฐานที่ เชียงราย,ลำปาง,เชียงใหม่ ตามลำดับก่อนจะถูกพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชผู้มีเชื้อสายของกษัตริย์เชียงใหม่,ลาวอัญเชิญไปลาวคราวที่เสด็จกลับไปครองเมืองแทนพระราชบิดาที่สิ้นพระชนม์ครับต่อมาลาวรบกับไทย ไทยชนะจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมายังกรุงธนบุรีและเมื่อผลัดแผ่นดิน ร.๑ได้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้นเพื่อใช้ประดิษฐานพระแก้วมรกตสืบต่อมาจนทุกวันนี้ครับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2012
  2. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    ขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นและมีความเห็นแย้งนะ ที่ทุกท่านกล่าวมาเรื่องพระแก้วมรกต จริงๆ ก่อนหน้านี้ผู้โพสกระทู้ก็รู้ข้อมูลที่ท่านรู้ๆ กัน แต่ด้วยเหตุผลนี้ จึงขอตอบนะ "ข้อมูลที่พวกท่านทราบนั้นเป็นข้อมูลหลังๆจากไทยทำศึกษาชนะและเขียนปฏิวัติใหม่ เพราะคนยุคเก่าเขาไม่ได้บันทึกไว้ ทั้งศิลปะวัฒนธรรมในยุคนั้นผสมผสานกัน เช่น เราชนะศึกก็เกณเชลยศึกมารวมกันจากถิ่น หรือเมืองต่างๆ และรวมทำงานด้วยศิลป์ท่ีหลากหลาย ทำให้ช่างที่ผลิตงานศิลป์แต่ละช่าง มีถนัดในงานด้านศิลป์ของเมืองตนเองที่มา และคนยุคหลังได้เขียนเป็นตำรา โดยใช้พุทธศิลป์วิเคราะห์ถิ่นที่มาจากการจดบันทึก เลยทำได้ประวัติตามข้อมูลที่พวกท่านเข้าใจกัน ซึ่งผู้โพสกระทู้ อยากให้ทราบอีกมุมมองหนึ่งที่จะได้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน มิได้มีเจตนาจะไปขัดแย้งหรือเห็นต่างทำให้เกิดการบล๊อกความคิดเห็นต่างๆนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2012
  3. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138
    เออ งง เหมือนกัน ตรงนี้แหละะ
     
  4. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    พระฤาษีตาไฟ ท่านมิเคยทรงเจ้าเข้าทรงใคร ท่านพระเป็นพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ สั่งสอนคนโดยใช้ปัญญา และใช้เหตุและผลเป็นตั้ง ตอนกลียุคเช่นนี้ โดยพวกแอบอ้างไปใช้หาผลประโยชน์ เพื่อการใดต่างๆ ดังนั้น มนุษย์ทุกคนสามารถติดต่อกับพระกุกุสันโทด้วยอภิญญาจิตได้ ฝึกปฏิบัติจริงๆ มิได้แค่พูดเพ้อเจอแล้ววิจารณ์ แต่ไม่เคยแม้ปฏิบัติจริงแม้ครั้งเดียว ถึงจะเข้าใจดีกว่าอ่านข้อมูลนี้ซะอีก แต่การมาบอกกล่าวเช่นนี้มิได้มิได้มีโอ้อวดแต่อย่างใด มาเปิดเผย เพื่อแนะนำการไปพิสูจน์ความจริงที่น่าทึ่งสำหรับข้อมูลนี้มากกว่า (สรุปพระฤาษีตาไฟ ท่านยังมีชีวิตอยู่ และไม่เข้าทรงใคร ตอนนี้พำนักที่ จังหวัดสระแก้ว)<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138
    ตรงแดงๆอ่านะ ขอพูดถึงหน่อย

    ที่พูดถึงพระกกุสันโท ท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกของภัทรกัลป์นี้ใช่ป่ะ ก็ท่านนิพพานไปแล้ว แล้วท่านจะเอาอะไรมาติดต่อกับท่านอีกล่ะ

    ก็พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันท่านก็ยังคงอยู่ "ปรากฏเป็นพระแสงธรรมกาย ปรากฏได้ทุกที่" แล้วทำไมไม่ติดต่อกับท่านล่ะ พระพุทธเจ้าในอดีตนิพพานไปแล้ว จะติดต่อไปทำไม


    แล้วนิมิตที่ท่านติดต่อได้น่ะ "มายาภาพรึเปล่า"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  6. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138
    พูดถึงพระฤษีตาไฟ เท่าที่เราพอจะรู้จัก

    ในตอนที่ท่านเป็นมนุษย์ ท่านก็เป็นพระฤษีที่ชอบนั่งสมาธิ แล้วในขณะเดียวกัน ก็เพ่งพระอาทิตย์ไปด้วย ทำให้ดวงตามีฤทธิ์เป็นไฟ และด้วยความที่ท่านมีธาตุไฟเยอะ ท่านก็ออกจะดุๆ หรือโมโหง่ายนะจ้ะ
     
  7. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    พระกุกุสันโท ท่านเป็นพระอรหันต์และเป็นศาสดาแรกของโลกด้วย ที่ยังไม่ดับขันธ์ หมดแล้วซึ่งกิเลส จึงไม่มีอารมณ์โมโหง่าย และมีเมตตาจิตสูง กับมนุษย์ที่อยู๋ในศีลธรรมทุกคน และยังมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุผลท่านอยู่เพื่อรอรับศาสดาองค์ใหม่ ของแต่ละช่วงยุคของพระฤาษี 7 องค์ รวมทั้งสั่งสอนพระที่เข้าถึงธรรมหลายๆรูปตอนนี้ ไม่ให้นอกลู่นอกทางจากคำสอน ตอนนี้ท่านพำนักอยู่จังหวัดสระแก้ว ครั้งแรกผู้โพสกระทู้ได้รู้ก็ทึ่งเหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องความจริง เพื่อมาบอกกล่าวกันให้ผู้อ่านพิสูจน์ด้วยตนเอง ด้วยการปฏิบัติจริงๆจังๆ ใครมีบุญวาสนา เข้าถึงอภิญญาจิตอย่างแท้ รับรองว่าเจอตัวจริงๆ แบบมหาบุญกุศลเลยที่เดียว จึงมาบอกบุญมิได้เจตนาขัดแย้งกับท่านใดนะ. (ข้อมูลนี้ผู้โพสกระทู้ได้เก็บข้อมูลไว้นานแล้วและได้เอามาเผยแพร่ ช่วง พ.ศ.2555 เพราะกำลังพ้นช่วงกลียุคอย่างแท้จริง เจตนาเอาความจริงมาเปิดเผย เพื่อชักจูงมาทำความดี) ซึ่งก็ย่อมโดนถูกคอมเม้นท์เป็นธรรมดา ยินดีน้อมรับทุกโพสเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  8. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "การแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติครับ"
     
  9. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    ขอบคุณมาก ที่ช่วยตอบเป็นกำลังใจเสมอมา
     
  10. ลุงจิ๋ว

    ลุงจิ๋ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2008
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +990
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง...มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง
     
  11. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    แอบงงนิดนึง ในเมื่อศาสดาแรกของโลกยังอยู่่ ผู้ที่บรรลุพระอรหันต์ต่อมาก็ต้องถือเป็นสาวกมิใช่หรือ เช่น ถ้ามีผู้ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ในตอนนี้ก็ต้องถือเป็นสาวกของพระสมณโคดมทั้งหมด จะเป็นศาสดามิได้ เพราะศาสนาของพระสมณโคดมยังอยู่ พระกกุสันธพุทธเจ้าดับขันธ์ไปแล้ว ถ้ายังไม่ดับขันธ์องค์ที่ตรัสรู้ตามมาก็เป็นได้แค่สาวกมิใช่ศาสดาอย่างแน่นอน ไปเอาคำของลัทธินอกศาสนาพุทธมารึป่าว ของศาสนาพุทธกัปป์นี้มี 5 องค์แค่นั้นนะ แล้วแต่ละองค์ก็ไม่ได้คาบเกี่ยวกันด้วย ไม่มีการรอ
     
  12. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    ศาสดาองค์แรกยังมีชีวิตอยู่ แต่หมดเวลาของท่านในการเผยแผ่ศาสนา เพราะในยุคนั้น เขาเรียกว่า "ศาสนายุคพระกุกุสันโท" แต่เหตุผลที่ท่านยังไม่ดับขันธ์ เพราะต้องอยู่รับศาดาองค์ใหม่ ที่จะมาจุติที่ชมพูทวีป
    และท่านนิมิตรเมืองหนึ่งเมืองเป็นป่าหิมพานต์ใหญ่ ที่จังหวัดสระแก้ว ใครมีบุญ ท่านจะเปิดทางให้ได้พบเจอแน่นอน (อันนี้เรื่องจริงยิ่งกว่าจริง)
    และศาสดาองค์ที่ 4 พระนาม "พระสมณโคดม" เราจะเรียกว่า "ศาสนายุคพระสมณโคดม" หรือเรียกอีกชื่อว่า "ศาสนาพุทธ" นั้นเอง ก็เหลืออึก 2,445 ปี ในเผยแผ่ศานา ซึ่งยุคศาสดาองค์ต่อไป พวกท่านคงรู้จีกชื่อกันดี
    ผู้โพสกระทู้มิกล้านำข้อมูลเหล่านี้ มากล่าวเท็จ เพราะเป็นของสูง หรือเอามาพิมพ์สนุก มาทำเป็นเรื่องเล่นๆ มิได้ บาปหนา แต่ทำไปเพื่อเป็นวิทยทานด้านความรู้โดยแท้
    ซึ่งมีเจตนาอยากให้ผู้ฝึกอภิญญาจิตที่ยังขาดเป้าหมาย มาเพ่งพิจารณาพิสูจน์ แล้วจะได้เจอ และจะทราบว่าเรื่องที่กล่าวไปนี้ คือ เรื่องจริง!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2012
  13. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53

    เคยได้ยินคำกล่าวของพระรูปหนึ่งไหม (แอบลืม)
    "ที่ท่านเห็นหนะเห็นจริง แต่ไม่ใช่ความจริง"

    ขอหลักฐานจากพระไตรปิฎกด้วยจ้า วรรคไหน เล่มไหน บทไหน
    เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือจ้า เพราะ ที่พูดมาไม่มีหลักฐานอ้างอิงเลย
    เรื่องฤาษีทั้ง 7 เนี่ย
     
  14. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    ไม่มีในบันทึก เพราะเป็นยุค 17,000 กว่าปีแล้ว แต่พระไตรปิกฏ เพิ่งมีหลังยุคพระกุกุสันโท เวลาห่างกันมาก ดังนั้นยุคอดีตการสั่งสอน ของสูง เอามากล่าวมั่วๆไม่ได้ พิสุจน์เองจะดีกว่าดีมั้ย?
    "ที่ท่านเห็นหนะเห็นจริง แต่ไม่ใช่ความจริง" นั่นเป็นปริศาธรรม ให้ขบคิด หมายถึง การไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ที่เห็น ให้มองแค่เห็นแต่มันเปลี่ยนแปลงกันได้เสมอ ไม่ใช่สิ่งตายตัว มิให้หลงไหล ประมาณนั้น
    ของคุณสำหรับปริศนธรรมดีๆที่แนะนำนะ

    ดังคำกล่าวของพระท่านนี้

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=QeXqEGiWqns&feature=player_embedded"]????????? ???????????? - YouTube[/ame]

    ความจริงคือความจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2012
  15. bhodhithas

    bhodhithas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +591
    ผู้ที่กล่าวอ้างและผู้ที่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ ย่อมมิใช่ผู้เป็นศาสนิกที่เชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าสมณโคดมที่แท้จริง
    ด้วยคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า

    1.เป็นผู้ทรงทศพลญาณ
    2.เป็นผู้ไม่มีคำตรัสสอนใดขัดแย้ง แม้ใน 84000 พระธรรมขันธ์
    3.เป็นผู้ตรัสแต่ความจริง และความจริงนั้น เป็นอกาลิโก

    พุทธบริษัท 4 พึงศึกษาในคำสอนของพระพุทธองค์ให้แจ้ง

    1.พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์คือผู้สิ้นจากกิเลศ หมดเชื้อในวัฎฎะแล้ว นิพพานแล้วย่อมไม่มาเกิดอีก (ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่จะยังทรงรูปขันธ์ในร่างมนุษย์)

    2.ในช่วงเวลาหนึ่งๆ จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นได้เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น (ไม่มีพระพุทธเจ้าซ้อนพระพุทธเจ้าในกาลเวลาหนึ่งใดแน่นอน)

    3.ยกเว้นในช่วงว่างแห่ง พุทธันดร เท่านั้น ที่สามารถมีพระปัจเจกพุทธเจ้า อุบัติขึ้นซ้อนๆกันหลายๆพระองค์ได้ แต่พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้า เนื่องเพราะบารมีต่ำกว่าพระพุทธเจ้า

    4.ยุคนี้เป็นยุค พระพุทธเจ้าสมณโคดม เป็นองค์ที่ 4 ในภัทรกัป และจะสิ้นสุดเขตศาสนาของพระองค์ท่านในอีกประมาณ สองพันสี่ร้อยกว่าปีเบื้องหน้า


    หากใครอยากพบพระพุทธเจ้าหลายๆพระองค์ในยุคเดียวกัน ก็จงอธิษฐานเกิดในยุคมิกสัญญีโน้นเถิด แต่ก็อย่าลืมว่า พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นไม่สามารถสอนหรือเผยแผ่ประกาศศาสนาดังเช่น พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ได้
     
  16. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    รูปแบบศิลปกรรมของพระแก้วมรกต
    พระแก้วมรกตน่าจะเป็นต้นแบบที่สำคัญของพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา ซึ่งเป็นกลุ่มพระพุทธรูปที่เกิดจากพระพุทธรูปแบบล้านนาระยะแรกผสมกับอิทธิพลศิลปะสุโขทัย๑๓ พระพุทธรูปที่สลักจากหินทรายสกุลช่างพะเยา จัดอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปศิลปะล้านนากลุ่มหนึ่งที่มีลักษณะแตกต่างจากพระพุทธรูปสำริดที่พบได้โดยทั่วไปในศิลปะล้านนา ซึ่งพระพุทธรูปล้านนานิยมหล่อด้วยสำริดโดยที่พระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยาจะมีลักษณะใกล้เคียงกับพระแก้วมรกต กล่าวคือ มีพระพักตร์ค่อนข้างกลมไปจนถึงรูปไข่ มีพระหนุเป็นปม และที่สำคัญคือส่วนพระเศียรไม่ทำเม็ดพระศก (ขมวดพระเกศา) แต่จะมีส่วนที่เป็นพระเกตุมาลา บางองค์เจาะเป็นรูหรือร่องไว้บนพระเศียรหรือพระนลาฏ ทำให้สันนิษฐานได้ว่ารูหรือร่องดังกล่าวมีไว้สำหรับสวมเครื่องครอบพระเศียร ลักษณะเช่นนี้คล้ายกับการประดับเครื่องทรงของพระแก้วมรกต๑๔ ซึ่งลักษณะดังกล่าวต่างจากพระพุทธรูปสำริดในศิลปะล้านนาเช่นกัน เช่นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยา ซึ่งเป็นหลักฐานสนับสนุนว่าพระแก้วมรกตน่าจะสร้างขึ้นในล้านนา และเป็นฝีมือช่างแถบเมืองเชียงราย – พะเยา ซึ่งพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยากลุ่มหนึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับพระแก้วมรกตทั้งลักษณะทางศิลปกรรมและเทคนิคการสร้าง จึงน่าจะเป็นหลักฐานสนับสนุนด้านรูปแบบทางศิลปะได้แนวทางหนึ่ง๑๕ ดังนั้นจึงทำให้เชื่อได้ว่าพระพุทธรูปที่สลักจากหินทรายเป็นพระพุทธรูปในกลุ่มช่างพะเยา ที่มีความถนัดในการสลักหิน ขณะที่พระพุทธรูปล้านนาทั่วไปจะนิยมหล่อจากโลหะมากกว่า รูปแบบทางพุทธลักษณะบางประการของพระพุทธรูปล้านนาทั้งสองจึงแตกต่างกัน ซึ่งพระแก้วมรกตมีลักษณะใกล้เคียงกับพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยามากกว่า ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าจะเป็นไปได้มาก และเมืองพะเยากับเมืองเชียงราย เชียงแสน อยู่ไม่ไกลกันลักษณะดังกล่าวจึงค่อนข้างใกล้เคียงกับตำนานพระแก้วมรกตหลายฉบับ
    จากข้อสังเกตดังกล่าวแม้ว่าจะทำให้ทราบที่มาของพระแก้วมรกตว่าได้สร้างขึ้นในล้านนา แต่ไม่สามารถกำหนดอายุและที่มาของการสร้างพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยาได้ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด เหตุใดจึงใช้วัสดุที่เป็นหินในขณะที่พระพุทธรูปอื่นๆในล้านนานิยมสร้างด้วยสำริด พิจารณาจากรูปแบบศิลปะที่ปรากฏ ทำให้เชื่อว่า พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนาและคงมีความสัมพันธ์ด้านรูปแบบกับพระพุทธรูป หินทรายสกุลช่างพะเยา ทั้งลักษณะรูปแบบ วัสดุ และเทคนิค พระแก้วมรกตกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยาคงมีอายุใกล้เคียงกัน จึงจัดว่าพระแก้วมรกตน่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนาสกุลช่างพะเยาได้

    การกำหนดอายุสมัยพระแก้วมรกต
    จากตำนานพระแก้วมรกตหลายฉบับได้กล่าวถึงประวัติพระแก้วมรกตที่ยาวนานตั้งแต่ พ.ศ. ๕๐๐ (พุทธศตวรรษที่ ๖) หรือบางฉบับตั้งแต่ พ.ศ.๑๒๐๐๑๖ (พุทธศตวรรษที่ ๑๓) แต่ลักษณะรูปแบบทางศิลปะของพระแก้วมรกต ทำให้นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะส่วนใหญ่เชื่อว่าพระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนา ช่วงที่ล้านนาเริ่มรับอิทธิพลศิลปะสุโขทัย โดยพิจารณาจากหลักฐานศิลาจารึกวัดพระยืน จ.ลำพูน จ.ศ.๗๓๒ (พ.ศ.๑๙๑๓) เป็นหลักฐานแสดงการติดต่อทางพุทธศาสนาระหว่างสุโขทัยกับล้านนา ที่พระเจ้ากือนาแห่งเชียงใหม่ นิมนต์พระสุมนเถระ ลังกาวงศ์จากสุโขทัยขึ้นไปเผยแผ่พุทธศาสนา พระพุทธรูปในล้านนา หรือที่เรียกว่าพระพุทธรูปเชียงแสนที่มีอิทธิพลสุโขทัย น่าจะสร้างราว พ.ศ.๑๙๑๓ หรือหลังจากนั้นเป็นต้นมา และจากหลักฐานเอกสารพงศาวดารกล่าวว่าได้พบพระแก้วมรกตในเจดีย์เมืองเชียงราย เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๙ จากหลักฐานรูปแบบทางศิลปะสันนิษฐานว่าช่วงปีที่สร้างพระแก้วมรกตน่าจะอยู่ระหว่างปี พ.ศ.๑๙๑๓ – ๑๙๗๙ หรืออยู่ในราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐๑๗ ดังนั้นอายุสมัยของพระแก้วมรกตไม่น่าจะมีอายุเก่าแก่ตามที่ตำนานหลายฉบับกล่าวถึง ซึ่งไม่สอดคล้องกับเอกสารหรือตำนานพระแก้วมรกตหลายฉบับ สันนิษฐานว่า อายุสมัยของพระแก้วมรกตน่าจะถูกสร้างขึ้นไม่เกินไปกว่าต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ราว ๕๐๐ - ๖๐๐ ปีมาแล้ว
    สรุป
    จากรูปแบบทางศิลปกรรมที่ปรากฏในพระแก้วมรกต บางตอนค่อนข้างขัดแย้งกับตำนานหรือพงศาวดารที่กล่าวไว้ แต่บางตอนก็สอดคล้องกับตำนาน ดังนั้นอายุสมัยของพระแก้วมรกต จึงน่าจะกำหนดจากรูปแบบศิลปะที่ปรากฏมากกว่าตำนาน ซึ่งมักเขียนขึ้นภายหลังการสร้างหรือการค้นพบพระพุทธรูปเพื่อสร้างศรัทธาให้กับพระพุทธรูป ตำนานพระแก้วมรกตทั้งหลายมีความใกล้เคียงกัน เพราะได้คัดลอกกันต่อๆมา ที่ผิดเพี้ยนกันไปบ้างเพราะผู้แต่งสมัยหลังเพิ่มเติมแก้ไขข้อความขึ้นอีก เน้นความสำคัญของพระพุทธรูป ตำนานพระแก้วมรกตจึงจัดเป็นวรรณกรรมทางพุทธศาสนาที่ใช้เป็นเครื่องตัดสินรูปแบบและอายุสมัยของพระแก้วมรกตได้ จึงใช้ศิลปะที่ปรากฏช่วยในการกำหนดอายุสมัย อายุสมัยที่ได้แตกต่างจากอายุสมัยที่กล่าวถึงไว้ในตำนานอย่างสิ้นเชิง และจากการวิเคราะห์รูปแบบศิลปะกับตำนานและเอกสารทางประวัติศาสตร์ทำให้การกำหนดอายุสมัยของพระแก้วมรกตค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก
    ดังนั้นจากหลักฐานต่าง ๆที่กล่าวมาพอสรุปได้ว่า พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในอาณาจักรล้านนาทางตอนเหนือของประเทศไทย แต่ไม่สามารถระบุชัดเจนไว้ว่าสร้าง ณ ที่ใดและสมัยใด จัดเป็นพระพุทธรูปแบบล้านนาที่ใกล้เคียงกับพระพุทธรูปล้านนาแบบเชียงแสนสิงห์สองหรือรุ่นหลังที่มีอิทธิพลศิลปะสุโขทัยเข้าไปปะปน กำหนดอายุอยู่ในราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐ หรือมีอายุประมาณ ๕๐๐ – ๖๐๐ ปีมาแล้ว




    * นายสมศักดิ์ ฤทธิ์ภักดี ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ ฝ่ายจัดแสดง ส่วนจัดแสดงทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน
    สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์ ค้นคว้าและเรียบเรียง
    ๑ สุภัทรดิส ดิศกุล. ประวัติวัดพระศรีรัตนศาสดาราม. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๒๕, หน้า ๒๑.
     
  17. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    <TABLE style="MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" border=0 cellPadding=5><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" border=0 cellPadding=5><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. วรสกุล

    วรสกุล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +27
    จาก...และยังมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุผลท่านอยู่เพื่อรอรับศาสดาองค์ใหม่ ของแต่ละช่วงยุคของพระฤาษี 7 องค์ รวมทั้งสั่งสอนพระที่เข้าถึงธรรมหลายๆรูปตอนนี้ ไม่ให้นอกลู่นอกทางจากคำสอน

    ศาสดาองค์แรกยังมีชีวิตอยู่ แต่หมดเวลาของท่านในการเผยแผ่ศาสนา เพราะในยุคนั้น เขาเรียกว่า "ศาสนายุคพระกุกุสันโท" แต่เหตุผลที่ท่านยังไม่ดับขันธ์ เพราะต้องอยู่รับศาดาองค์ใหม่

    รวมทั้งสั่งสอนพระ(ในฐานะอะไร?)
    แต่หมดเวลาในการเผยแผ่(อันนี้เข้าใจ)
    แต่ 2 ประโยคนี้มันขัดกันมากๆ...หมดก็คือต้องหยุด(แถมหมดเพราะนิพพานด้วยนะ) แล้วจะสั่งสอนพระอีกหลายๆองค์ในฐานะอะไร

    และ...ต้องอยู่รับศาสดาองค์ใหม่----->เพื่ออะไร...ในเมื่อพระพุทธองค์เป็นผู้ตรัสรู้"ด้วยพระองค์เอง"โดยชอบ

    จริงๆแล้วผมชอบเรื่องราวที่คุณนำเสนอมากๆเลยนะครับ ยังไงก็รบกวนชี้แจงให้หายสงสัยด้วยนะครับ
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ผมทราบมาว่าพระแก้วมรกต ไม่ใช่มรกต แต่เป็นหยกเขียว อีกองค์ที่สร้างไว้คู่กันทำจากหยกขาว หรือหยกน้ำนม องค์สูงประมาณคืบหนึ่ง ผมไปเห็นที่ภูเก็ตของคหบดีท่านหนึ่งสะสมไว้ เรื่องพระแก้วมรกตนี่ก็ทำให้แม่บ้านคนลาว ที่บ้านผม เขาเคืองประเทศไทยว่าไปปล้นของลาวมา ทำให้เมืองไทยเกิดแต่เรื่องไม่ดี แล้วบอกว่าทุกๆปีจะมีวันที่พระแก้วเสด็จกลับไปเมืองลาว คนลาวจะพากันจัดงานต้อนรับ เป็นอยู่ประจำทุกปีๆละ1วัน ตรงนี้ใครเคยไปเห็นไปเจอจริงๆช่วยเล่าให้ฟังหน่อย...อ่านเรื่อง จขกท. แล้วก็สนุกดีนะครับ ผมเองเคยเจอพระที่อายุมากๆรูปหนึ่งประมาณ 200 กว่าปี หลวงปู่น้อย ถ้ำภูกำพร้า ฟังทีแรกจากปากมหาเศรษฐีท่านนึงทางภาคกลาง เล่าให้ฟังว่า เจ้าลาวที่เคยได้แวะมาหานั้นเล่าให้ฟังอีกทีว่า สมัยเด็กๆ เสด็จพ่อพาไปหาหลวงปู่ ตอนนั้นหลวงปู่ก็แก่มากแล้ว จนเจ้าลาวคนนี้70กว่า ไปเจอหลวงปู่ หลวงปู่ก็ยังแก่มากเหมือนเดิม และบอกอีกว่าทุกๆ120ปี หลวงปู่จะมีฟันใหม่งอกขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง ผมชวนเพื่อนๆน้องๆแถวอำนาจเจริญไปตามหา ก็เจอท่านจริงๆนะ ท่านออกมานั่งรอรับพวกเราก่อนไปถึงวัดไม่ถึง 5 นาที แต่เสียดายที่คุยไม่รู้เรื่องขนาดเอาคนอีสานไปด้วยแล้ว เพราะท่านพูดภาษาไทลื้อ ทราบว่าอยู่ฝั่งลาวมานานมากจน ลาวเกิดสงครามจึงข้ามมาอยู่ฝั่งไทย หนังท่านเหี่ยวหมดทั้งตัวยันศีรษะ แต่ยังพูดได้ ฟังชัดเจน นี่ก็เป็นเรื่องแปลกในใจผมที่ท่านอายุยืนได้ถึง200กว่าปีเชียวนะครับ...ส่วนเรื่องหลวงปู่เทพ โลกอุดรนั้น ผมไม่เคยเจอ แต่เจอพระที่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากหลวงปู่เทพ โลกอุดรเท่านั้น ซึ่งท่านก็ไม่ยอมจะเล่าอะไรสักเท่าไร ท่านว่าเวลามาท่านจะมาให้เห็น แล้วเห็นเฉพาะพระที่ท่านจะสอน คนอื่นก็มองไม่เห็น ผมว่าเรื่องจะมาโปรดกันได้นั้นคงต้องด้วยมีวาสนาต่อกันมาก่อน อย่างเราๆนี่ท่านคงไม่มอง หรือมองแล้วคงต้องถอนหายใจสักเฮือกนึงแล้วเดินหนี...สำหรับผมแล้ว คำสอนหลวงปู่เทศน์ หลวงปู่ดุลย์ หลวงพ่อฤษี หลวงพ่อพุธ ก็มากมายเกินพอแล้วครับ ปัญหาของผมมันติดอยู่เพียงว่ายังทำตามที่ท่านสอนไว้ไม่ได้ครบเลยครับ ดังนั้นก็เลยไม่ได้คิดว่าจะเจอหลวงปู่เทพ โลกอุดร เพราะท่านก็คงสอนบัวเหล่าสุดท้ายอย่างผมไม่ไหวอยู่ดี ว่าปะ..ตอนนี้ก็ฝึกเอาตามหลวงปู่หลวงพ่อเราสอนให้รอดก่อนละกันนิ...ส่วนยุคของพระพุทธศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแต่ละพระองค์นั้น นานแสนนาน นับล้านปี หรือหลายล้านปี ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ถึงนะครับ เพียงแต่ก็เคยได้ยินครูบาอาจารย์เล่าให้ฟังเหมือนกันว่า พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า หากพระผู้มีพระภาคเจ้าประสงค์จะมีพระชนชีพอยู่ก็อาศัยอิทธิบาท4 สามารถมีอายุขัยได้นานถึง 1 กัปป์ จะว่าไปแล้ว คำว่า พุทโธอัปปมาโน ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดคิดได้ด้วยสติปัญญาส่วนตัวซะแล้ว ถ้าเป็นผมนะ ก็นัดรวมกลุ่มกันไปหาที่สระแก้ว เอากินเนสบุ๊คไปด้วย ไปหาหลวงปู่ จะเจาะเลือดตรวจ DNA หาอายุที่แท้จริงอะไรสักกะอย่าง ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันก็คงทำได้ อีกอย่างที่อยากเห็นก่อนคือ ท่าน จขกท. พอจะลงรูปถ่ายของหลวงปู่ที่สระแก้วและภาพถ่ายบริเวณที่ท่านพักอาศัยได้ไหมครับ..ผมว่าหลายๆคนก็คงอยากเห็น
     
  20. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
    เห็นด้วยกับคุณraming 2555 ครับ และมีหลักฐานอ้างอิงไหม เพราะเชื่อได้ยากนัก ถือว่าอ่านนิทานก็แล้วกันอิอิอิ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...