อย่าเอา ศาสนา มาเพื่อ การเมือง???

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 8 กันยายน 2007.

  1. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    ดิฉันว่าปัญหาของดิฉันคงไม่ใช่ที่เอาของฝรั่งเค้ามาแล้วเอาไม่หมดหรอกค่ะ แต่ดิฉันไม่นิยมการฉวยเอาความคิดของใครมาใช้ (หรือยึดถือ) ทั้งกระบิ โดยไม่คิดวิเคราะห์หรือตรวจสอบกับเหตุผลและประสบการณ์เท่าที่เคยมีก่อนค่ะ ดังนั้น ถ้าดิฉันจะเลือกรับหรือพูดแค่บางส่วน ก็เพราะพิจารณาเท่าที่พอทำได้แล้วว่าส่วนที่รับนั้นน่าจะใช้ได้กับสังคมไทย แต่นอกนั้น ยังไม่แน่ใจและต้องขอเวลาคิดก่อนค่ะ
    คุณรู้มั๊ยคะว่าในบรรดาคนที่ชอบแสวงหาความรู้นั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่การไม่รู้หรอกค่ะ แต่คือการไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ต่างหาก ซึ่งลักษณะที่พอสังเกตได้คือ คนที่เผชิญปัญหานี้อยู่มักคิดว่าตัวเองมีคำตอบสำหรับทุกเรื่องแล้วค่ะ "-.-"
    ส่วนทางแก้น่ะหรือคะ ก้อหาองค์ความรู้แบบอื่นที่แตกต่างกันมาเทียบกันไงคะ จะได้เห็นว่าจุดอ่อนในองค์ความรู้ของคุณอยู่ตรงไหน ส่วนถ้าไม่พบ นั่นก็อาจแสดงว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาข้างต้นแล้วล่ะค่ะ เพราะไม่มีองค์ความรู้ไหนที่ไม่มีข้อผิดพลาดเลย แต่ทั้งนี้เน้นว่าคุณต้องใช้เหตุผลให้มากๆ นะคะ เพราะถ้าใช้ศรัทธาอย่างเดียว นั่นไม่เรียกกระบวนการแสวงหาความรู้ตั้งแต่ต้นค่ะ
     
  2. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    มุมมองที่สองคือของคนนอกศาสนาค่ะ คนเหล่านี้มีสิทธิที่จะได้แลกเปลี่ยนและเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาโดยความใจกว้างของชาวพุทธเองมั๊ยคะ? ชาวคริสต์หลายคนมีความเลื่อมใสทางศาสนาและใฝ่ในทางธรรมมากเสียกว่าคนที่คุณเปรียบเปรียบว่าเป็นมนุษย์ระดับล่างๆ ในสังคมพุทธของเราตั้งเยอะ คนพวกนี้ก็นับถือสิ่งที่เทียบได้กับศีลห้าของเรา คุณบอกว่ากฎหมายควรมาจากศีลห้า เขาบอกบ้างว่าแล้วมาจากบัญญัติสิบประการไม่ได้เหรอ เนื้อหาก็คล้ายๆ กัน ทำไม่ต้องศีลห้าด้วย อย่าบอกนะคะว่าคุณเป็นประชาธิปไตยจ๋าประเภทยึดแต่เสียงส่วนใหญ่ และไม่ฟังเสียงส่วนน้อยเสียเลย ถ้างั้นแสดงว่าคุณเข้าใจประชาธิปไตยไม่แตกอีกเรื่องแล้วค่ะ ระบอบนี้ต้องมากับขันติธรรม และขันติธรรมก็คือการยอมรับในความแตกต่างไม่ว่าจะในระดบพื้นฐานขนาดไหน ถ้าลองประกาศปาวๆ ว่ากฎหมายต้องเป็นศีลห้าล่ะก็ ความเข้าใจหลักคิดทางการเมืองของคุณมีปัญหาแล้วล่ะคะ เห็นใจนะคะ
     
  3. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    อ้อ แล้วเรื่องจัดประเภทมนุษย์นั้น คุณคิดว่าตัวคุณเองอยู่ประเภทไหนคะ? สูงต่ำยังไง แล้วมีเกณฑ์ยังไง อันนี้ดิฉันไม่ต้องการรุ้คำตอบหรอกนะคะ ให้คุณไปคิดเอาเอง แต่ขอให้สงสัยไว้นิดนึงนะคะว่าถ้าตอบได้วันนี้พรุ่งนี้ ค่อนข้างน่าสงสัยค่ะ เพราะท่านที่มีปัญญาหลายท่านที่ดิฉันรู้จัก ท่านก็ยังค้นหาตัวเองกันอยู่เลยว่าตัวเป็นใคร คำถามแบบนี้ต้องตอบแบบช้าๆ ได้พร้าเล่มงามค่ะ แล้วพอตอบของคุณเองเสร็จแล้ว ค่อยขยับไปตอบของคนใกล้ๆ ตัวซักสองสามคนก่อนนะคะ แล้วอย่าลืมใช้เวลาด้วย จากนั้นก็ค่อยขยายวงกว้างออกไปอีก ซักไม่กี่ปีคุณคงจัดประเภทคนในประเทศไทยได้ครบหรอกค่ะ "-.-"
     
  4. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    สุดท้ายค่ะ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากนะคะที่คุณนำคำพูดของดิฉันมาวิเคราะห์ทุกประโยคเลย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญเลยค่ะ อจ.ที่มหาวิทยาลัยของดิฉันยังไม่เคยทำแบบนี้เลยค่ะ แล้วรู้มั๊ยคะว่าท่านทำยังไงกับเปเปอร์ยาวๆ ของดิฉัน ท่านใช้วิธีจับประเด็นสำคัญ เข้าให้ถึงแก่นของสิ่งที่ดิฉันต้องการเสนอ แล้วก็วิเคราะห์วิจารณ์อย่างปราศจากอคติค่ะ อจ.ของดิฉันทุกท่านย้ำสิ่งหนึ่งมาที่ดิฉันคิดว่าสามารถใช้ได้ทุกกาละเทศะจริงๆ คือ ให้ไหวทันและหลีกเลี่ยง dogma ทุกรูปแบบให้มากที่สุดค่ะ เพราะมันคือสิ่งที่ขัดขวางความเจริญทางปัญญา ปล.ปัญญาในที่นี้รวมความหมายทางโลกด้วยค่ะ แบบว่าการอยู่ให้ได้อย่างสงบ เคารพซึ่งกันและกัน และอย่างมีเกียรติเสมอหน้ากันน่ะค่ะ คุณพอรู้จักมั๊ยคะ?
     
  5. thanawh

    thanawh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +128
    เวรชัดๆ

    มวยแบบนี้ข้าไม่ชอบดู คนละชั้น เลิกกันได้แล้วสงสารคนดู คะนิ้งเอ็งต้องไปหาคู่ชกใหม่ที่เชิงมวยไล่กันทัน เอ็งมาต้อนตือเขา เดี๋ยวคนหาว่ามวยล้ม ฝ่ายหนึ่งจับประเด็นไม่เป็น เด็กเมื่อวานซืนจะต่อยคะนิ้งที่สาวรีย์ ง้างหมัดมาจากสะพานควาย การ์ดเปิดโล่งโจ้งก็โดนสอยร่วงไม่สะใจคนดู

    คะนิ้งเอ็งมาเจอกับข้าสักยกเป็นไร เอาเรื่องอะไรว่ามา พระเครื่องเอ็งส่องเป็นไหม เปิดประเด็นมาเลย เอ็งมีพระอะไรมาโชว์ข้า อย่าเอาพระเก๊มาอวดนะอายเขา พระแท้หากแกจะปล่อยฉันให้ราคาเท่าที่ห้างชั้นนำ ราคามาตรฐานเอ็งเข้าใจไหม
     
  6. kanlayanee

    kanlayanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +399
    ต่างคนต่างมีเหตุผลน่าฟัง แต่เหมือนคนดูดยาคุยกัน เรื่องเดียวกันแต่คุยคนละทาง วุ้ย ถูกทั้งคู่แหละ แต่เห็นเหมือนคุณ khaning อย่างนึงว่า การที่เอาข้อความยกมาแย้งเป็นตอนๆเลยเนี่ย มันดูเสียมารยาทไปนิด ลองแย้งแบบยกทวนข้อความแบคร่าวๆเป็นข้อๆไปน่าจะดูนุ่มกว่า อย่างน้อยก็ไม่ทำให้รู้สึกเหมือนโดนเขาพูดด้วยแล้วชี้หน้าไปด้วย ยกอ้างอิงมาบ้างนิดหน่อยไม่แปลก แต่ยกมาแบบยิบขนาดนี้ระวังความรู้สึกคนอื่นบ้างก็ดี จะเจตนาไม่เจตนายังไงก็เหอะ
     
  7. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ผมก็บอกไปในมุมที่ผมรู้เหมือนกันนี่ครับ ซึ่งแน่ ๆ หละ บางส่วนคุณก็ยังไม่เข้าใจ
    ซึ่งผมก็บอกไปในหลาย ๆ จุด

    มุมของคุณผมก็รู้ดีครับ และ ผมก็ไม่ได้ยก พระอภิธรรม มาเปรียบเทียบทั้งดุ้น

    ผมเอาปัญหาทางโลกมาเปรียบเทียบให้คุณเห็นชัด ๆ กันเลย ไม่ต้องเอาปัญหาในอุดมคติมาปรับใช้ให้เสียเวลาครับ

    คุณจะเอามุมมองทาง สังคมศาสตร์ หรือ จะจิตวิทยามาจับ ผมก็ตอบไปในมุมมองของผมที่รู้เกี่ยวกับศาสนาพุทธมาบ้างเหมือนกันครับ

    ซึ่งแน่นอนคุณคงไม่ทราบแน่ ๆ ซึ่ง แล้วแต่จะมองเหมือนกันครับ ถ้ามองว่า ผมหา Reference มาให้ แล้วคุณตามไปหาก็ได้เหมือนกัน

    หรือจะมองว่า พยายามจะบอกว่า ผมเก่ง ผมสุดยอด แบบนี้ก็มองได้เหมือนกันครับ

    สุดแล้วแต่คนจะมองครับ จะมองว่ากีดกันหรือไม่แล้วแต่นะครับ
     
  8. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    เวลาผมจะเขียน ผมก็พร้อมรับคำติอยู่แล้วครับ ดังนั้นไม่มีปัญหาครับ จะชี้แจงหรือไ่ม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ

    อย่างที่ผมบอกไปครับ หลักพระพุทธศาสนา คือ ศีล-->สมาธิ--->ปัญญา

    ส่วนในพระไตรปิฏก สำหรับผม เป็น Reference ครับเอาไว้ตรวจสอบตัวเองอีกที ว่าสิ่งที่เข้าใจถูกต้องหรือไม่

    แล้วแต่ความชอบแต่ละคนครับ คุณจะอ่านให้หมดก็ได้ 84,000 พระธรรมขันธ์
    หรือจะเน้นเอาตรงที่ชอบก่อน ก็ได้เหมือนกัน

    ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองถูกแต่อย่างใด ตรงไหนผิด ผมก็กลับมาแก้ไข

    ก่อนจะเขียนต้องมั่นใจก่อนว่า มีอยู่ในพระไตรปิฏกจริง ๆ ไม่ใช่ผมแต่งขึ้นมา เพราะผมไม่ใช่พระพุทธเจ้า ถ้าทำให้คนเข้าใจผิดเป็นมิจฉาทิฐิ โทษมันก็สูง


    คุณคะนิ้งเอง ก็ผ่านการเรียนมหาวิทยาลัยมาแล้ว ย่อมต้องเคยทำวิทยานิพนธ์มาบ้างไม่มากก็น้อย

    เวลาทำวิทยานิพนธ์ เขาต้องใช้แหล่งอ้างอิงมิใช่หรือครับ ?

    ดังนั้น อะไรที่มันเป็นเนื้อหาหลัก ๆ ของ ทางพระพุทธศาสนา ที่ไม่ควรบิดเบือนแต่งเติม คุณก็ควรค้นหาก่อน แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือครับ ?

    เขียนแบบนี้ เดี๋ยวจะบอกว่า ปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงพระพุทธศาสนาหรือเปล่า ?


    เท่าที่ผมจำได้ หลักสูตรพระพุทธศาสนาเบื้องตน (ที่เคยมีสอนในโรงเรียนตอนผมยังเด็ก) ก็มีเนื้อหาเบื้องต้นอยู่แล้ว ศีลเป็นอย่างไร มีกี่ข้อ พระพุทธประวัติต่าง ๆ ประวัติพระอัครสาวกเป็นอย่างไร

    ถ้าคนที่เคยเรียนมา น่าจะรู้ครับ


    สำหรับผม ผมเห็นว่า เป็นการตรวจสอบตัวเอง ตรวจทานตัวเองอยู่เสมอครับ และฝึกฝนตัวเองให้มีความขยันหมั่นเพียรยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

    อย่างที่พระพุทธองค์๋ตรัสไว้ตอนก่อนปรินิพพาน ครับ ที่พระองค์สอนว่า ไม่ให้ประมาท

    ดังนั้นใครจะ่อ่านแล้วชอบใจไม่ชอบใจ ผมไม่ถือสาครับ

    แต่ผมสนใจเนื้อหาสาระสำคัญที่เขียนลงไปครับ ต้องถูกต้องเสมอ ไม่บิดเบือนหรือแต่งเติมใหม่ครับ

    อันไหน เป็นข้อคิดเห็นส่วนตัว ผมก็จะบอกครับว่า ผมคิดแบบนี้
     
  9. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222

    สำหรับแนวคิดของผม เรื่องทางโลก ไม่ว่าจะเรื่องอะไร มีคำตอบอยู่ในพระพุทธศาสนาหมดอยู่แล้วครับ

    จะหาว่าศรัทธาจะคลั่งอะไรก็แล้วแต่เถอะครับ

    ตั้งแต่ผมเริ่มรู้ธรรมะมาบ้าง ผมยังไม่เคยเห็นอะไรในโลกนี้ เรื่องไหนก็ตามพ้นไปจากคำสอนของพระพุทธศาสนาสักข้อเลยครับ

    คำสอนของพระพุทธองค์เป็นจริงทุกกาล ทุกสมัย ไม่เคยล้าสมัยแต่อย่างใด ครับ

    และ พระพุทธองค์ ก็ทรง เชิญชวน ให้มาทดสอบความจริงของคำสอนของพระพุทธองค์ มาตั้ง 2 พันกว่าปีแล้วครับ

    ดังในบทสรรเสริญพระธรรม ที่เราสวดมนต์กันว่า

    ๑. สวากขาโต ภควตา ธัมโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว

    ๒. สันทิฏฐิโก แปลว่า ผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง หมายความว่า ผลของการปฏิบัติธรรมนี้
    ไม่ใช่จะปฏิบัติกันไปตามเรื่อง ผลของการปฏิบัติธรรมนี้เป็นความสุขใจ ท่านปฏิบัติจริงจะได้รับผล
    จริงในชาตินี้

    ๓. อกาลิโก แปลว่า ไม่เลือกกาลไม่เลือกสมัย หมายถึงผลของการปฏิบัติธรรมนี้ได้รับผล
    ทุกขณะที่ปฏิบัติ ไม่จำกัดกาลเวลาว่าจะต้องเป็นเวลานั้นเวลานี้


    ๔. เอหิปัสสิโก แปลว่า ควรเรียกให้มาดู ข้อนี้ท่านกล้าท้าทายว่า การปฏิบัติธรรมนั้น
    ของท่านกล้ายืนยันผล ขอให้ทำถูก ทำตรง ทำพอดีเถอะ ท่านรับรองผลว่า ต้องได้รับผลแน่นอน
    ขออย่างเดียว ขอให้เอาจริงเท่านั้น อย่าทำแบบสุกเอาเผากิน คนไม่จริงพระธรรมท่านก็ไม่จริง


    ๕. โอปนยิโก แปลว่า ควรน้อมเข้ามา ท่านหมายความว่า ผู้หวังผล คือความสุขทางใจ
    สุขทั้งในชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไปแล้ว เชิญเข้ามาฝึกได้ ไม่จำกัดกาลเวลา ไม่จำกัดเพศและวัย
    ไม่จำกัดเชื้อชาติ สัญชาติและศาสนา ถ้าเข้ามาจริง ปฏิบัติจริง ท่านรับรองว่า ต้องได้ผลจริง


    ๖. ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ แปลว่า อันวิญญูพึงรู้เฉพาะตน คำว่า วิญญู หมายถึง
    ท่านผู้รู้ คือผู้ปฏิบัติที่ได้รับผลแล้ว ท่านผู้นั้นจะรู้ผลเองว่า การปฏิบัติพระธรรมนี้มีผล คือความสุข
    อันประณีต และมีความเยือกเย็นใจเป็นพิเศษ มีความสุขประณีตกว่าความสุขอันเกิดขึ้นจากโลก
    วิสัยหลายพันล้านเท่า


    ดังนั้น ถ้าอยากรู้ว่า สิ่งที่ผมคิดโดยส่วนตัวว่า คำสอนในพระพุทธศาสนาตอบได้ทุกข้อของคุณคะนิ้งจริงไม่ ก็ไม่ยากครับ เข้ามาพิสูจน์กัน

    ผลดีไม่ได้เกิดขึ้นกับใคร ก็เกิดกับตัวคุณคะนิ้งเองครับ
     
  10. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    แลกเปลี่ยนอย่างไรครับ ? ขอให้ขยายความหน่อย


    ขอคุยเกินไปนิด
    ------------------------------------------------------
    ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นมา อย่างบางทีก็บอกว่า พระพุทธศาสนา เป็นคัมภีร์หนึ่งของศาสนาเขาบ้าง
    บ้างก็โจมตีว่า คนพุทธที่สมถ เป็นคนขี้เกียจคร้าน สันหลังยาวบ้าง (ฝรั่งด่าคนไทย)

    ที่เคยคุยมา พอเราบอกไป ก็บอกว่าเออ ของฉันก็มี

    หลายปีมานี้ มีกระแสใหม่ พยายามจะบอกว่า พระนิพพานก็เหมือนกับการไปอยู่ักับพระเจ้าของศาสนานั้น ๆ (ฮั่นแน่ ....)

    ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นแบบนั้นหรือเปล่า

    ในความคิดของผม ถ้าศาสนาเหมือนกัน จะมาแบ่งแยกทำไมให้เมื่อยตุ้ม ?
    อีกประการ ในหลักทางพระพุทธศาสนา จะไม่มีการมาตรัสรู้ซ้อนกันขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใน 1 พุทธันดร

    เช่น ในพุทธันดรนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า พระสมณโคดม เสด็จตรัสรู้แล้ว

    ก็จะไม่มี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดมาตรัสรู้ซ้อนกันอีก ดังนั้น ที่ใคร ๆ อ้างตัวว่า เป็นพระพุทธเจ้า หรือ พระปัจเจกพุทธเจ้ามาตรัสรู้ และ สอนคำสอนซ้ำ ๆ กัน ก็ขอให้ทราบไว้ว่า คน ๆ นั้นโกหก ครับ

    เช่นกัน

    แล้ว ศาสดาของศาสนาอื่น ก็ไม่ใช่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นก็ไม่มีทางที่จะสอนได้อย่างพระพุทธองค์


    เขียนแบบนี้ อาจบอกว่า อ้าว ก็หลักการมันเหมือน ๆ กันเลย คล้าย ๆ กันเลยในทุกศาสนา ทุกศาสนาก็สอนให้คนเป็นดี


    แบบนี้ก็ต้องขอตอบว่า พระพุทธศาสนา เกิดก่อน คริสต์ 543 ปี เกิดก่อน อิสลามเป็นพันกว่าปี

    ถ้าจะมองว่า ใครเลียนแบบใคร จะให้คิดอย่างไรดีครับ ?


    ศาสนาพราหมณ์ที่เกิดก่อนพุทธ ก็ยังต้อง Reengineering ใหม่เป็น ฮินดู เพิ่ม Concept อาตมัน ขึ้นมาใหม่เลย เพราะโดนศาสนาพุทธ สอนเรื่อง นิพพาน

    แบบนี้ ในมุมมองของทุก ๆ ท่าน ศาสนาไหน เป็นเจ้าตำรับครับ สำหรับเรื่องพระนิพพาน ?

    ส่วนเรื่องข้อธรรมอื่น ๆ ก็เหมือนกัน หรือไม่ใช่ครับ ?

    ศาสนาพุทธเคยขยายไปถึงดินแดนปากีสถานนะครับ อัฟกานิสถานก็เคยไปถึง แถวนั้น ก็มีพ่อค้าเร่มาจากตะวันออกกลางก็เยอะ
    ------------------------------------------------------
     
  11. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ขอโทษนะครับที่ต้องแยก เพราะ ชี้แจงไปทีละประเด็น ผมไม่อยากสรุปรวม ๆ ครับ เพราะถ้าเขียนแล้วคนเข้าใจผิด จะเป็น มิจฉาทิฐิไป ขออภัยครับ

    ----------------------------------------------------------------
    ผมไม่ได้เป็นคนแบ่งแยกระดับมนุษย์ครับ ผมไม่เก่งขนาดนั้น เป็นคำสอนในพระพุทธศาสนาครับ
    อยู่ในพระไตรปิฏกครับ

    เรื่องขันติธรรม ทางคริสต์ เขาว่าไว้อย่างไรครับ ?
    ผมไม่ใช่คนคริสต์เสียด้วยสิ เห็นทางคริสต์มีขันติธรรม ผมก็อยากรู้เหมือนกัน

    เพราะผมรู้แต่ ขันติ ของทางพุทธ มันเหมือนกันไหมครับ ?


    เรื่องการเทียบ ระหว่างศาสนา ก็อย่างที่ผมบอกไปครับ ในมุมมองส่วนตัวผม คนมาก่อน ก็ย่อมต้องเป็นเจ้าตำรับ ศาสนาพุทธเกิดก่อนคริสต์ตั้ง 543 ปีนะครับ ไม่ใช่ปีสองปี นี่คือ FACT ส่วนหนึ่ง

    โอเค อาจบอกว่า คนเก่ง ๆ ก็มี ศาสนาพุทธสอนไปไม่ถึงอิสราเอลหรอก บรา บรา บรา....อะไรก็ว่ากันไป


    เรื่องการบัญญัติกฏหมาย นั่น ก็ในเมื่อมันคล้ายกัน ก็ไม่มีปัญหาครับ ขอให้คุณทำให้ได้กันเถอะครับ
    ในเมื่อมันคล้ายกัน จะกลัวอะไรหละครับ ?


    พุทธห้ามดื่มเหล้า คริสต์บอกห้ามดื่มเหล้า พุทธเรียกศีล 5 คริสต์บอกบัญญัติ 10 ประการ

    จะกลัวอะไรหละครับ ในเมื่อห้ามดื่มเหล้าเหมือนกัน ?

    กลัวว่า จะต้องมาปฏิบัติตามกฏหมายที่มาจากศีล 5 ทั้ง ๆ ที่ก็ห้ามดื่มเหล้าเหมือนกันเนี่ยนะครับ ?

    พอเป็นกฏหมายแล้ว เขาไม่บอกหรอกครับว่า มาจากศาสนาไหน ในเมื่อก็ห้ามดื่มเหล้าทั้งคู่

    จะกลัวอะไรหละครับ ?
     
  12. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ่ส่วนตัวผมเหรอครับ โอ๊ย อย่างเก่ง ผมก็อยู่ มนุสโส ครับ
    อาจจะเป็น เนริยโก ด้วยซ้ำไป ผมไม่ใช่พวก มนุษย์แบบใจเป็นเทวดาหรอกครับ ไม่เคยคิดเลยสักนิด

    เกณฑ์ที่ผมใช้ตัดสิน หนะเหรอครับ

    ก็ดูง่าย ๆ ครับ ศีล 5 ครบไหม ? , สมาธิประจำวันทำบ้างปล่าว ? , วิปัสนาญาณหละ ? (เกณฑ์ตัดสินใจส่วนตัวผมนะครับ)

    ถ้าหาอะไรก็แล้ว มันยังตอบได้ว่า เออทำหมด (ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง)

    ผมก็ยังต้องถามตัวเองต่ออีกว่า แล้วยังมีขันธุ์ 5 คือร่างกายนี้อยู่ไหม ซึ่งคำตอบแน่ ๆ ว่ายังมีอยู่เพราะยังไม่ได้ตาย

    ผมก็ต้องขอตอบตัวผมเองว่า ผมยังเลวมาก เพราะยังมีขันธุ์ 5 อยู่ ขึ้นชื่อว่ามีขันธุ์ 5 อยู่ก็ยังเลวอยู่ ขันธุ์5พังเมื่อไร ไปนิพพานเมื่อไร ก็เป็นคนดีเมื่อนั้น หลวงพ่อที่ผมเคารพท่านสอนผมมาแบบนี้ครับ ผมก็เลยทำตามที่ท่านสอนมาครับ

    ผมก็คิดแค่นี้ทุกวันหละครับ ไม่เคยไปคิดว่า ใครเลวกว่าใคร ใครดีกว่าใคร ใครดีเท่าใคร
    เพราะหลวงพ่อท่านบอกว่า เป็นสิ่งไม่ดีครับ ผมก็เชื่อตามที่ท่านสอนครับ


    พระท่านบอกว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ดังนั้น ก็อย่างที่ผมบอกไป ผมไม่ใช่พระพุทธเจ้า ผมไม่ได้สอนว่า ใครเป็นแบบไหนประเภทไหน พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้สอน

    อีกอย่าง

    กรรมเป็นเครื่องจำแนกบุคคลด้วยครับ โปรดจำไว้อีกครั้งหนึ่ง

    คุณคะนิ้งทำอะไรไว้ กรรมนั้น ซึ่งมีทั้งกรรมดี และ กรรมไม่ดี ก็จะสนองคุณเองในอนาคต ไม่ใช่ว่า คุณคะนิ้งทำดี แล้ว กรรมดีนั้นไปสนองคนอื่นเสียเมื่อไรหละครับ จริงไหม ?

    เหมือนที่พระโบราณท่านเปรียบไว้ว่า ใครทำใครได้ครับ

    เพราะฉะนั้น คนที่เกิดมายากดีมีจน ก็เพราะผลที่เขาทำไว้ในอดีตครับ

    หรือดูง่าย ๆ เลย นักศึกษาไปสอบ ถ้าคุณอ่านหนังสือคุณก็สอบได้ ถ้าคุณไม่อ่านก็สอบไม่ได้

    ไม่ใช่ว่า คุณอ่านหนังสือ แ้ล้วทำให้คนอื่นสอบได้เสียหน่อย แบบนี้จริงหรือไม่หละครับ ?


    การอ่านหนังสือ มันก็คือ กรรมที่คุณทำนั่นหละครับ
     
  13. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ขอโทษด้วยครับ อย่างที่ผมบอกไป ว่า ถ้าเขียนผิด แล้วทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเป็นมิจฉาทิฐิ โทษมันสูงครับ

    ถ้าอย่างไร ก็แยกเป็นหัวข้อ ๆ สิครับ ตรงไหนความเห็นส่วนตัว ตรงไหนคือ FACT
    การศึกษาศาสนาพุทธให้ถูกวิธี ก็คือ ปริยัติ-->ปฏิบัติ-->ปฏิเวธ

    ส่วนใหญ่ ฝรั่งหรือคนโลกตะวันตก (รวมถึงคนไทยอีกมาก) ยังมองศาสนาพุทธ เป็นเหมือนปรัชญา ของพวก ฝรั่งกรีก หรือ คาลิล ยิบราน อะไรเถือก ๆ นั้นอยู่เลยครับ

    แบบนี้ มันก็ยังไม่เข้าถึงศาสนาพุทธโดยแท้ เพราะก็ยังไม่เริ่มปฏิบัติเลย มานั่งคิดนอนคิด
    เท่านั้นไม่พอ ยังเอาความคิดของตนเองเข้าไปปรุงแต่งว่า เออ น่าจะเป็นอย่างงี้ น่าจะเป็นอย่างงั้น
    มันก็เท่ากับ เอาความคิดตัวเองไปใส่ให้พระไตรปิฏก แทน คำสอนของพระพุทธเจ้า
    แทนที่จะได้ผลดีกลับได้ผลเสีย


    อีกอย่าง ถึงถ้าทำจริง ความดีที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปยังมีกว่าขั้นที่คุณได้รับรู้อยู่เสมอ ขึ้นอยู่ว่า สภาวะธรรมในจิตของคุณ มันอยู่แค่ไหน

    พระโสดาบันจะไปรู้ภาวะธรรมของ พระสกิทาคามี ก็ไม่ได้
    พระสกิทาคามี จะไปรับรู้ภาวะธรรมของ พระอนาคามี ก็ไม่ได้
    พระอนาคามี จะไปรับรู้ภาวะธรรมของ พระอรหันต์ก็ไม่ได้

    ตราบใด เรายังไม่บรรลุอรหันต์ ตราบนั้น ก็ยังมีความดี ที่ิยิ่ง ๆ ขึ้นไป กว่าที่เรารับรู้เยอะครับ

    ส่วนความดีทางโลก เท่าที่เคยเห็นส่วนตัวมา ยังไม่เคยเห็นทางโลก มันจะดีตรงไหนเลยครับ เคยเห็นความดีทางพระธรรมเท่านั้นเอง



    ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่า dogma มันคืออะไรเพราะไม่ใช่คริสต์ ถ้าไม่รบกวนก็บอกแล้วกันครับ


    ------------------------------
    ส่วนเรื่องที่บอกว่า อคติหรือไม่นั้น แล้วแต่บุคคลครับ เรื่องนี้เป็นธรรมดาของโลกอยู่แล้ว
    โลกธรรม 8 ของทางพุทธสอนไว้ครับ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา
    จะไปติดอยู่ทำไมให้เมื่อยตุ้มครับ ตายไปก็เอาไปไม่ได้
     
  14. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    กฎข้อแรกของกรแลกเปลี่ยนคือ คุณต้องเคารพในความคิดเห็นของอีกฝ่ายค่ะ โดยคุณต้องพยายามเข้าใจว่าเค้ากำลังพูดอะไรและเหตุผลสนับสนุนของเค้าคืออะไร แล้วจึงตัดสินกันที่เหตุผลสนับสนุนนั้น ถ้าคุณยังไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ควรถามให้ชัดเสียก่อนจึงค่อยวิจารณ์ การรีบร้อนปฏิเสธในสิ่งที่ขัดกับความคิดความเข้าใจของคุณ โดยไม่พยายามเข้าใจและมองหาข้อดีของสิ่งนั้นก่อนเลย แสดงถึงความไม่เคารพ และลึกๆ ก็คือสะท้อนว่าคุณไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีสถานะเท่าเทียมกันคุณ และมีความสามารถทางเหตุผลเหมือนคุณค่ะ ดิฉันไม่แน่ใจว่าในพุทธศาสนามีคำสอนเรื่องนี้มั๊ย แต่ศาสนาอื่นเค้ามีค่ะ สิทธิเสรีภาพที่คุณมีอยู่ทุกวันนี้ก็มีรากฐานมาจากคำสอนแบบนั้นแหล่ะค่ะ
     
  15. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    เอายังงี้ค่ะ ดิฉันบอกตรงๆ ว่าไม่อยากพูดพาดพิงถึงคำสอนในพุทธศาสนา ที่ดิฉันเข้ามาดูกระทู้นี้ครั้งแรกก็เพราะเห็นว่ามีประเด็นเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องของคนทั้งสังคม และอยากร่วมแสดงความคิดเห็นเหมือนกับคนอื่นๆ และบอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเสนอให้ใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการปัญหาสังคมเสียทั้งหมด เพราะดังที่ได้แสดงเหตุผลไปแล้วว่ามันไม่พอและไม่สอดคล้องกับศักยภาพทางเหตุผลของคนเรา นอกจากนั้น ดิฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับที่จะใช้หลักศีลธรรมของศาสนามาเป็นหลักกฎหมาย (หรือถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ และคิดว่าเนื้อหาก็คล้ายๆ กันอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นต้องประกาศว่ามาจากศาสนาไหน เพราะทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหนต่างก็รักและหวงแหนศาสนาของตน และไม่อยากให้มีสถานะต่ำต้อยกว่าศาสนาอื่นอย่างเป็นสาธารณะขนาดนั้น) แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ คุณก็ยังยืนยันอยู่ตลอดว่าคำสอนของพุทธศาสนาดีที่สุดและควรใช้เป็นกฎหมาย โดยยกเหตุผลต่างๆ มาอ้างซึ่งล้วนมาจากคำสอนของพุทธศาสนาเองเท่านั้น คุณลองจินตนาการดูสิคะว่าถ้าคุณใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีความหลากหลายทางศาสนากว่านี้ และที่คุณไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ และคุณอ้างว่าคำตอบของปัญหาของคนทั้งสังคมควรมาจากคำสอนในศาสนาของคุณ คนศาสนาอื่นเขาจะยอมฟังหรือคะ? แล้วถ้าเค้าก็ยืนยันจะใช้คำสอนของศาสนาเค้าบ้างคุณจะทำอย่างไร? ต่อให้คุณยกเอาคำสอนมาทั้งหมดพระไตรปิฏกมาอ้างเขาก็ไม่เชื่อ อำนาจที่มาจากจำนวนที่เหนือกว่าคุณก็ไม่มี ถึงตอนนั้น สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือใช้เหตุผลทาง
    โลกนี่แหล่ะค่ะหว่านล้อมเขาให้เห็นตามข้อเสนอของคุณ
    แต่ถ้าคุณจะตอบว่าดิฉันคิดเพ้อเจ้อ เพราะในประเทศนี้พระพุทธศาสนาเป็นเสียงส่วนใหญ่ ดิฉันก็คงยอมคุณแหล่ะค่ะ แต่คุณก็ต้องทราบไว้ด้วยว่า การใช้เหตุผลแบบที่คุณทำนั้นใช้ได้กับประเทศนี้และขณะนี้เท่านั้น ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อไหร่ คุณจะใช้วิธีนี้ไม่ได้อีกต่อไป
     
  16. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    โดยส่วนตัวดิฉันไม่เคยพบชาวคริสต์ที่พูดจาดูหมิ่นพุทธศาสนา และส่วนใหญ่ที่เคยคุยกันพอได้รู้ถึงหลักธรรมของเราจริงๆ เขาก็เลื่อมใส แต่ก็มีบางคนเท่านั้นที่คิดจะเปลี่ยน ในแง่หนึ่งต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถไปเปลี่ยนความเชื่อคนอื่นได้ เว้นเสียแต่เจ้าตัวเขาจะอยากทำเช่นนั้นเอง แต่ถ้าดิฉันพบชาวคริสต์คนใดที่อ้างแบบที่คุณกล่าวไปข้างต้น ดิฉันจะยิ่งดีใจค่ะ การที่เค้าเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องอธิบายคำสอนของเราให้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนของเค้าให้ได้ ก็แสดงชัดอยู่แล้วว่าเค้าเห็นว่าคำสอนของเราเป็นสิ่งจำเป็นและถูกต้องในตัวเอง และเค้าคิดว่าการมีคำสอนของเราเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนของเขาให้ผลดีมากกว่าผลเสียกับศาสนาของเค้า ซึ่งก็เป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่หรือคะ
     
  17. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    ขอบคุณที่เตือนเรื่องกรรมค่ะ ดิฉันก็กลัวอยู่เหมือนกัน ถึงได้ขอเว้นไม่พาดพิงถึงคำสอนในพุทธศาสนาไงคะ "-.-"
    แต่ในแง่หนึ่ง ถึงกรรมมีจริง ถ้าทำได้ดิฉันก็ยังอยากช่วยแบ่งเบากรรมหนักของคนอื่นค่ะ และก็อยากให้คนอื่นช่วยแบ่งเบากรรมของดิฉันด้วย เช่น ถ้าเพื่อนที่เรียนด้วยกันเรียนหนังสือไม่เข้าใจเพราะสมองไม่ดีเนื่องจากกรรมเก่าในชาติก่อน ดิฉันก็อยากช่วยติวให้เขาเข้าใจบทเรียนมากขึ้นเพื่อจะสอบได้ ดิฉันไม่รู้ว่าเจตนาที่อยากช่วยรวมทั้งการลงมือช่วยของดิฉันนี้จะแปลได้ว่าเป็นผลบุญของเขาแต่ชาติปางก่อนที่มาช่วยหักลบผลกรรมรึเปล่า แต่ที่รู้คือดิฉันสามารถช่วยสมาชิกในสังคมคนอื่นๆ ได้โดยไม่ดูดายกับความทุกข์ยากที่เขาเผชิญ และไม่คิดว่ามันคือผลลัพธ์ของสิ่งที่คนนั้นเคยทำที่เขาต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียวค่ะ
    ที่สุดแล้ว ไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาอะไร ในฐานะที่เป็นสมาชิกของสังคม เรามีหน้าที่โดยนัยๆ อยู่แล้วที่ต้องทำชีวิตของเราให้ดี และช่วยให้คนอื่นมีโอกาสมีชีวิตที่ดีเหมือนกันกับเราด้วยค่ะ
     
  18. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    ในชีวิตส่วนตัว คนเราจะเชื่อฝังหัวเรื่องใดเรื่องหนึ่งและดำเนินชีวิตไปตามความเชื่อนั้นโดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร กลับจะดีซะด้วยซ้ำ เพราะเค้าก็จะมีความมุ่งมั่นและกำลังใจอันแน่วแน่ ทำให้สามารถบรรลุผลได้มากกว่าคนที่ลังเลสงสัย แต่สำหรับเรื่องทางสังคม ดิฉันว่าลังเลสงสัยไว้บ้างก็ดีค่ะ เพราะสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ สังคมก็คือโลกใบเล็กๆ ใบหนึ่งที่มีปัญหาร้อยแปดให้เผชิญและตัดสินใจ ซึ่งหลายๆ ปัญหาก็ยากเกินความเข้าใจและประสบการณ์ของคนแต่ละคนที่จะตอบได้เองโดยไม่พึ่งพาอาศัยความรู้ของคนอื่นๆ เลย แต่ถ้าทุกคนมีแต่ความเชื่อฝังหัว แค่สื่อสารกันให้เข้าใจยังยาก อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันแก้ปัญหาเลยค่ะ
    ทีนี้ คุณเด็กเมื่อวานซืนคงทราบจุดยืนของดิฉันชัดเจนแล้วนะคะ จะวิพากษ์อะไรก็เชิญค่ะ
     
  19. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    ขอบคุณความคิดเห็นของคุณ Kanlayanee และคุณ Thanawh ค่ะ สำหรับท่านแรก คุณเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีถึงความจำเป็นที่ต้องมีคนกลางที่มีใจเป็นธรรมในสถานการณ์ที่คนเห็นไม่ลงรอยกันค่ะ ส่วนสำหรับท่านที่สอง ดิฉันไม่มีพระเครื่องจะขายค่ะ องค์ที่มีอยู่คุณพ่อให้มา ถึงคุณลุงให้ราคาแพงแค่ไหน ดิฉันก็ไม่ยอมให้เช่าหรอกค่ะ
     
  20. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อ้อครับ

    ตอนแรกที่ผมถกกับคุณคะนิ้ง เริ่มแรกขอบเขตยังจำกัดอยู่แค่ เรื่องของการเมือง จิตวิทยา โดยคุณคะนิ้งยกเอาประสบการณ์ในการทำงานในมูลนิธิฯ มา ส่วนผมยกประสบการณ์ที่ผมเคยอ่านหนังสือพระพุทธศาสนามาคุยกัน
    ซึ่งผมก็ได้ชี้แจงพร้อมยกตัวอย่างประกอบไปด้วยแล้วในหลาย ๆ ปัญหา ดังที่ได้กล่าวไป

    เพราะยังมอง Scope ว่า เป็นการคุยกันระหว่างคนที่นับถือพุทธด้วยกัน ผมก็ได้ชี้แจงไปว่า ปัญหาทางสังคมศาสตร์นั้น ถ้าจะใช้หลักจิตวิทยาที่คุณคะนิ้งเคยได้เรียนมา (ผมสังเกตุจาก คุณบอกว่า มีชุดวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ) ซึ่งผมก็รับรู้ตรงนี้ เพราะผมก็เคยเรียนจิตวิทยามาเหมือนกัน

    ซึ่งผมก็ได้ตอบแล้วว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของผม เพราะผมได้ศึกษาทั้งสองด้านมาพอควรแล้ว ทั้งจากประสบการณ์ตัวเอง และประสบการณ์ของคนรอบข้าง รวมถึงประมวลผลจาก สภาพสังคม ง่าย ๆ เลยครับ อ่านข่าวสารดูทุกวันก็ได้ เมื่อประมวลผลแล้วก็พบว่า พระพุทธศาสนามีคำตอบในทุก ๆ เรื่อง และ วิธีการแก้ปัญหา ก็มีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล ที่ดีกว่าหลักจิตวิทยา เพราะว่า พื้นฐานของวัฒนธรรมและประเพณีไทย อิงมาจาก หลักทางพระพุทธศาสนาครับ

    ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับศาสนาอื่น ด้วยบริบทขั้นต้นที่ยกไป ดังนั้น Scope ของผมจึง Focus ไปที่บริบทของสังคมไทยเท่านั้น อย่างที่ว่ามา

    แต่เมื่อมีการยกศาสนาอื่นมาเปรียบเทียบก็ไม่ว่ากันครับ ก็สามารถพูดคุยได้ มีเหตุผลอะไรก็เอามาเสนอกัน ส่วนที่จะมองว่า พระพุทธศาสนาคับแคบไหม ก็ต้องสุดแล้วแต่มุมมองครับ คงไปบังคับให้คิดเหมือนกันได้ยาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...