อย่าเอา ศาสนา มาเพื่อ การเมือง???

นอกจากกลไกทางกฎหมายแล้ว กลไกทางสังคมก็มีนี่คะ การให้ความสำคัญกับกฎหมาย ก็หมายถึงเราต้องทุ่มเททรัพยากรที่มีจำนวนมากเพื่อค้นหาและออกแบบกฎหมายที่ดีที่สุด แต่มีใครนึกออกมั่งคะว่ากฎหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยควรมีหน้าตาอย่างไร ดิฉันคนหนึ่งละที่รับไม่ได้กับกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของพลเมือง ถ้าไม่มีเสรีภาพพื้นฐานรองรับ คนเราอาจเลือกทำชั่วไม่ได้ก็จริง แต่ก็เลือกที่จะทำดีไม่ได้เหมือนกัน (หมายถึงถ้าทำดีก็คือเพราะถูกสั่งให้ทำ ไม่ใช่เพราะเลือกที่จะทำ) คนที่ไม่ดื่มสุราทั้งที่กฎหมายไม่ห้าม หรือไม่ผิดลูกเมียทั้งที่กฎหมายไม่ห้าม ก็เพราะเขาเลือกที่จะทำเช่นนั้น และการเลือกก็คือสาระสำคัญของความเป็นมนุษย์ แต่ดิฉันก็รับรองไม่ได้ว่าในสังคมที่ให้เสรีภาพในการเลือก ศีลธรรมจะไม่เสื่อม จะเสื่อมหรือไม่เสื่อมอยู่ที่สังคมและวัฒนธรรมเอื้อให้เป็นแบบใด ดังนั้น น่าจะหากลไกทางสังคมที่สร้างให้คนเกิดความคุ้นชินที่จะเลือกทำในสิ่งที่ดีและถูกต้องมากกว่าค่ะ

 

เห็นด้วยครับ ก็เหมือนคำโบราณที่ว่า

สองคนยลตามช่อง ฯ นั่นหละครับ

 

ทรัพยากรบ้านเรามีเกินต้องการแล้วครับ

ปี ๆ หนึ่ง เนติบัณฑิตไทยจบเป็นร้อย ๆ

นักศึกษาปริญญาโท(มหาบัณฑิต) ด้านกฏหมายทุกมหาวิทยาลัยมีเป็น พัน ๆ

ไหนจะท่านผู้เชี่ยวชาญตามศาลฯ ,ตามสำนักอัยการ ฯลฯ มีเป็นพัน ๆ

ไม่ต้องทุ่มงบเยอะครับ แค่ จัดหน้าที่ให้พวกนี้ทำ หรือ เรียกตัวมาช่วยราชการด้านนี้ก็จบครับ

กฏหมายที่ออกมาแล้ว คนไทยทุกคนเคารพ และทำตามครับ
ไม่มีการใช้เส้นสายอิทธิพล หรือ เลือกบังคับให้ทำครับ

แต่ถ้าเป็นผม กฏหมายที่ดีที่สุดในความเห็นผมคือ ศีล 5 ครับ
เพราะ ถ้าไปไล่ดูทุกมาตราในกฏหมายไทย มันไม่หนีไปจากรากฐานศีล 5 ครับ


เช่น กฏหมายอาญา ทำร้ายร่างกาย หรือ ฆาตกรรมมันก็มาจาก ศีลข้อ 1 ปาณาติบาต

ข้อหา ฉ้อโกง หรือ ลักทรัพย์ มันก็มาจากศีลข้อ 2 อทินฯ

ข้อหา ข่มขืน กระทำชำเรา หรือ ล่อลวงเยาวชนอายุต่ำกว่าเกณฑ์ มันก็มาจาก ศีลข้อ 3

ข้อหา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือ กล่าวความเท็จ มันก็มาจากศีลข้อ 4 มุสาวาทฯ

ข้อหา ดื่มสุราเกินอัตราที่กำหนด มันก็มาจาก ศีลข้อ 5 สุราเมรัยฯ

แล้วแบบนี้ กฏหมายที่ดีที่สุด คือ อะไรครับ ศีล 5 หรือเปล่า ?

ถ้าคิดว่า กฏหมายไหนดีกว่า ศีล 5 ขอให้ยกมาให้ดูหน่อยครับ ขอแบบมีเหตุมีผลนะครับ ?


และ ถามว่า ศีล 5 บังคับให้รักษาหรือไม่ ?

ถ้าเทียบกับ ศาสนาอื่น ศีล 5 ของทางพุทธ เคยถูกบังคับให้ทุกคนที่นับถือพุทธต้องรักษาให้ครบหรือไม่ ?

 

เห็นคนไทยเห่อตามฝรั่งเมืองนอกเมืองนา พูดอะไรนิด ก็เสรีภาพ (Freedom) อะไรหน่อย ก็ อิสระภาพ ภราดรภาพ โอ้โห นี่เราจะเป็นเมืองกรีกโบราณกันแล้วสินะครับเนี่ย !!!

ในความคิดผม อะไรคือสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่กฏหมายไม่รองรับบ้างครับ ?

ขอคุณ คะนิ้ง บอกมาหน่อยครับ

มันต้องพูดกันถึงกรอบของแต่ละส่วนก่อน ที่ ประชาชนขอมาว่า สิทธิั้ขั้นพื้นฐานเนี่ยมันประกอบด้วยอะไรบ้าง ขอบเขตแค่ไหนครับ ?

แล้ว กฏของรัฐ ไปจำกัดสิทธิอะไรตรงไหนบ้าง

(ผมเดา ๆ เอาว่า ) น่าจะเกี่ยวเนื่องกับ เรื่อง ที่ผมคุยกับ คุณ yukanta ไปด้วยหรือไม่ครับ ?


ที่สำคัญ เราเรียกร้องสิทธิ แล้ว เราเคยทำอะไรตามที่กฏหมายกำหนดบ้างหรือไม่ ?

จอห์น เอฟ เคเนดี้ กล่าวสุนทรพจน์ว่า

"จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่านบ้าง แต่จงคิดว่า ท่านจะทำอะไรให้ชาติของเราบ้าง "


ฝรั่งคิดแต่จะทำให้ชาติ แต่คนไทยคิดแต่จะเอาจากชาติ

เฮอะๆๆ

จริงหรือครับ ที่ว่าเลือกทำชั่วไม่ได้ ?

อย่างงี้ คดีข่มขืนกระทำชำเรานี่ มันเกิดเพราะอะไรครับ ?

คนที่ไปข่มขืนชาวบ้านนี่ เขาเลือกทำชั่วไม่ได้เหรอครับ ?

ทำไมเขาไม่ไปข่มขืนญาติพี่น้องของเขาหละครับ เขาไปข่มขืน ภรรยา หรือ ลูกสาวชาวบ้านทำไมหละ?

แบบนี้ แสดงว่า ก็เลือกคนที่จะโดนข่มขืนสิครับ และมันก็เป็นการเลือกทำชั่วด้วยจริงหรือไม่ ?

ไหนบอกเลือกทำชั่วไม่ได้ไง ?

 

แล้ว ถ้ากฏหมายสั่งว่า ห้ามลักทรัพย์ ห้ามฉ้อโกง ห้ามข่มขืนกระทำชำเรานี่
แบบนี้ โดนบังคับไม่ให้ทำหรือเปล่าครับ ?

แสดงว่า คุณคะนิ้ง ละเมิดกฏหมายด้วยเหรอครับ ?

 

มนุษย์ทางพระพุทธศาสนามีหลายประเภทนะครับ ลองหาดู

๑. มนุสสเปโต

๒. มนุสสติรัจฉาโน

๓. มนุสสเนรยิโก

๔. มนุสสเทโว

๕. มนุสโส

http://watsunmamout.igetweb.com/index.php?mo=3&art=46204

คุณกิ่งจะ Scope ที่มนุษย์เทโว หรือ มนุสโส เ่ท่านั้นใช่ไหมครับ ?

แล้วโลกใบนี้ ยังมีมนุษย์อีกหลายประเภท จะให้ทำไงกับมนุษย์ที่เหลือดีครับ ?

 

คุณคะนิ้งก็รู้นี่ครับ ว่าไม่สามารถทำให้ มนุษย์ทุกแบบเป็นมนุษย์ที่ดีได้

เขาก็ถึงมี ศีล 5 มาคุมความประพฤติไว้ และ ก็มีกฏหมายออกมา เพื่อคุมความประพฤติอีกชั้น

รากฐานกฏหมายทั่วโลก มันก็มาจากกฏทางศาสนาเกือบทั้งนั้น แล้วแบบนี้ ศาสนา ไม่เกี่ยวกับทางโลกเลยหรือครับ ?


แล้ว กลไกทางสังคมที่คุณว่า คืออะไรครับ ?

วัฒนธรรม ประเพณีหรือเปล่า ?

ถ้าใช่ แล้ว วัฒนธรรมประเพณี ของไทยโบราณ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไหมครับ ?

 

เมื่อพูดถึงทรัพยากร ดิฉันไม่ได้หมายถึงนักกฎหมายเท่านั้นหรอกค่ะ หมายถึงประชาชนอย่างพวกเราทุกคนด้วยที่ต้องช่วยกันคิด ก้อมันกฎหมายสำหรับเรานี่คะ "-.-" แล้วคิดแค่วันสองวัน เดือนสองเดือน ปีสองปีก็ยังไม่พอด้วย เรื่องสำคัญระดับนี้มันมีหลายแง่มุมที่ต้องพิจารณา ดูแค่ภาพภิกษุสันดานกานั่นเป็นไรคะ เราตอบได้ง่ายๆ หรือว่าศิลปินควรมีเสรีภาพในการแสดงออกแค่ไหน เสรีภาพเหล่านี้ต้องถูกคานด้วยประโยชน์สุขของสังคมแค่ไหน ถ้าสองอย่างนี้ปะทะกัน เราจะยอมเสียอะไรแค่ไหน การจะตอบคำถามเรื่องกฎหมายในอุดมคติได้ คุณต้องรู้ก่อนว่าสังคมในอุดมคติควรเป็นอย่างไร แล้วคุณคิดว่าเราทุกคนตกลงกันได้เรื่องนี้หรือคะ?

 

ดิฉันไม่กล้าพูดหรอกค่ะว่ามีกฎหมายใดดีกว่าศีลห้ามั๊ย เพราะกฎหมายที่พูดถึงนี้ไม่ใช่ของดิฉันคนเดียว เกรงว่าพูดไปแล้วจะไปกระทบกระเทือนใจคนที่เค้าคิดต่างกัน ในทางกลับกัน ดิฉันก็คงไม่มีความสุขที่จะอยู่ใต้กฎหมายใดกฎหมายหนึ่ง เพียงเพราะมันเป็นสิ่งที่คนอื่นหรือคนกลุ่มอื่นชอบเท่านั้นด้วย
แต่ที่แน่ๆ ไม่ค่อยเห็นด้วยค่ะที่เปรียบศีลห้าซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับคนที่มีใจเลื่อมใสทางศาสนา (religious person) กับกฎหมายซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับทุกคนทั้งที่เลื่อมใสและไม่เลื่อมใสศาสนา สิ่งที่ผลักดันให้คนปฏิบัติตามกฎหมายก็เพราะความกลัวถูกลงโทษ กับเพราะสำนึกที่ว่ากฎหมายนี้มีความชอบธรรม เพราะเราให้ความเห็นชอบมันด้วยกระบวนการอย่างใดอย่างหนึ่ง (เช่นลงประชามติรับกฎหมายนั้น) แต่สิ่งที่ผลักดันให้คนปฏิบัติตามศีลห้า ก็เพราะศรัทธาในคำสอนของศาสนาหรือปรารถนาจุดหมายปลายทางที่จะตามมา เช่น การหลุดพ้น ศีลในศาสนาพุทธจึงแยกไม่ออกจากคำสอนในภาพรวมทั้งหมดของศาสนาด้วย ถ้าจะยกระดับศีลมาเป็นกฎหมายได้ คุณก็ต้องตัดสิ่งนี้ออกจากบริบทคำสอนทั้งหมดก่อน พร้อมที่จะทำมั๊ยเล่าคะ?

 

ประการแรก ความคิดเรื่องเสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพเพิ่งเกิดขึ้นสมัยศตวรรษที่สิบเจ็ด ในยุคของฌอง ฌาค รุสโซนี่เองค่ะ กรีกโบราณยังมีระบบทาส และระบบนี้ไปด้วยกันไม่ได้กับความคิดเรื่องความเสมอภาคค่ะ (ยกเว้นจะตีความแบบเลี่ยงบาลีคือบอกว่าไปกันได้กับความเสมอภาคระหว่างพลเมือง ซึ่งไม่ใช่ทาสอยู่แล้ว)
ประการที่สอง เสรีภาพสำคัญยังไง ก็คงพอๆ กับอากาศที่เราหายใจนั่นแหละค่ะ ตราบใดที่ยังมีอยู่ก็ไม่รู้ค่า เมื่อไม่มีแล้วถึงจะสำนึก
เอากันง่ายๆ ที่พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันตรงนี้ได้ ก็เพราะกฎหมายเราคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและสื่อสาร เสรีภาพของสื่อ และเสรีภาพทางความคิด รวมทั้งเสรีภาพในความเป็นส่วนตัว ฯลฯ ลองคิดดุว่าถ้าประเทศเรามีกฎหมายให้รัฐสามารถดักฟังข้อความหรือตรวจสอบอีเมล์ กระทู้หรือข้อมูลทุกเรื่องของเราได้ และลงโทษเราถ้าเราคิดต่างไปจากที่รัฐต้องการสิคะ เราจะอึดอัดคับข้องใจกันขนาดไหน ถ้าคุณอยากเข้าใจจริงๆ ว่าเสรีภาพสำคัญยังไง ไม่ต้องถามใครหรอกค่ะ ถามตัวคุณเองนั่นแหละดีที่สุด เพราะคุณจะรู้เองว่าอะไรที่คุณต้องการบ้างในชีวิต และเสรีภาพอะไรที่จำเป็นสำหรับการบรรลุสิ่งนั้นค่ะ

 

สงสัยคุณจะอ่านข้อความของดิฉันไม่แตกค่ะ ดิฉันไม่ได้บอกว่าคนเราเลือกทำชั่วไม่ได้ แต่บอกว่า ถ้า กฎหมายจำกัดเสรีภาพของเรา นั่นเท่ากับการทำในสิ่งที่กฎหมายสั่งหรือไม่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามอาจไม่ได้มาจากการเลือก และเป็นแค่การทำตามคำสั่ง เหมือนเด็กไม่ทำชั่วและทำดีเพราะพ่อแม่สั่ง และไม่กล้าขัดเพราะกลัวถูกลงโทษ
แต่เมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ คุณว่าความคิดเขาควรต้องเปลี่ยนไปมั๊ยคะ? เค้าควรทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะเห็นว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องมั๋ย หรือเพราะมันเป็นคำสั่งเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กๆ? ถ้าเป็นอย่างแรก ก็ดูเหมือนว่าเค้าเลือกเอง แต่ถ้าอย่างหลัง ก็คงต้องแล้วแต่สถานการณ์ ถ้าคำสั่งนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ขัดกับเหตุผลหรือสิ่งที่เค้าเองเชื่ออยู่ แต่ยังทำตาม ก็น่าสงสัยว่าจะใช่การเลือกหรือ? ส่วนคนที่ยังคงเลือกทำชั่วอยู่ทั้งที่มีกฎหมายห้าม ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาเลือกหรือไม่เลือกทำเช่นนั้น ไม่เคยมีโอกาสคุยกับคนพวกนี้ซักที แต่ดิฉันเชื่ออย่างหนึ่งว่าคนที่โตมาในสิ่งแวดล้อมที่ปากกัดตีนถีบ ไม่มีทั้งเวลาและคนที่จะคอยอบรมศีลธรรมให้ หรือแม้กระทั่งคนรวยๆ มีการศึกษาก็ตาม แต่ไม่เคยได้เรียนรู้ว่ามนุษย์สามารถข่มความปรารถนาแบบต่ำๆ ของตัวเองได้ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม หรือไม่เคยได้รู้ว่าโลกนี้มีความสุขอย่างละเมียดอยู่ด้วย คนพวกนี้มีอิสรภาพน้อยกว่าคนที่ใกล้ชิดพุทธศาสนาแน่ เพราะเขามีชุดทางเลือกในการดำรงชีวิตที่น้อยกว่าค่ะ

 

ดิฉันไม่นิยมการแยกมนุษย์ออกเป็นประเภทๆ ค่ะ ยิ่งลำดับชั้นๆ ด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบใหญ่ จะว่าผิดหลักศาสนาก็ยอมค่ะ ส่วนนึงเป็นเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับมนุษย์คนอื่นมากพอที่จะไปจัดประเภทเขา ที่รู้ก็แค่ผิวๆ คือรู้จากข่าวหนังสือพิมพ์หรือคนเล่าให้ฟัง หรืออาจเจอเองกับตัวบ้าง แต่ไม่เคยรับรู้เข้าไปถึงแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำหรือการใช้ชีวิตของใคร รวมทั้งไม่เคยรู้ด้วยว่าคนเหล่านั้นมีแรงจูงใจแบบนั้นด้วยสาเหตุอะไร เพราะมีธาตุแท้เป็นคนชั่วหรือเพราะปัจจัยที่เขาเองควบคุมไม่ได้ค่ะ

 

ดิฉันไม่ปฏิเสธการใช้กลไกทางกฎหมายค่ะ สำหรับคนที่ชอบละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น กฎหมายจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่คิดว่ากฎหมายคือทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคม ขณะเดียวกันดิฉันก็ยังไม่สรุป (ประสบการณ์ยังไม่พอค่ะ) ว่าคำสอนทางศาสนาเพียงอย่างเดียวเพียงพอสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเหมือนกัน เพราะคนที่เลื่อมใสศาสนาเดียวกันก็อาจหมางใจกัน เนื่องจากตีความคำสอนหรือหลักปฏิบัติทางศาสนาต่างกันและต่างคนต่างเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกโดยไม่ยอมลงให้กัน ซึ่งถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สังคมศาสนานั้นก็คงไม่สงบสุขอยู่ดี เรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดสมัยพุทธกาลด้วยใช่มั๊ยคะ ถ้าดิฉันจำไม่ผิดนะ ที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จหนีไปอยู่ในป่าเมื่อภิกษุสองรูปทะเลาะกัน ทำให้สงฆ์แบ่งเป็นสองฝักฝ่าย จนในที่สุดชาวบ้านที่รังเกียจเรื่องนี้และศรัทธาในพระพุทธองค์คว่ำบาตรเลิกถวายอาหารให้ภิกษุทั้งสองพวกที่ก่อเรื่องจนอยู่ไม่ได้และต้องเลิกทะเลาะกันในที่สุดน่ะค่ะ

กลไกทางสังคมก็คืออะไรที่ชาวบ้านแบบเราๆ นี่แหล่ะค่ะสามารถทำได้ที่เพื่อป้องปรามไม่ให้คนอยากทำความชั่ว หรือทำให้คนที่ทำความชั่วร้อนตัวจนไม่อยากทำอีก รวมทั้งการให้รางวัลแก่คนที่ทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้องเหมาะสมจะเป็นแบบอย่างแก่คนอื่นๆ กลไกนี้มีแนวคิดมาจากที่ว่าคนเราเป็นสัตว์สังคม และต้องการการยอมรับ ต้องการอยู่ในสังคมอย่างอบอุ่น มีเกียรติและเสมอภาคกันค่ะ ตำแหน่งของมันก็น่าจะอยู่กลางๆ ระหว่างศาสนากับกฎหมายนะคะในความเข้าใจของดิฉัน

 

เรื่องภาพนั่น ผมมองว่า ศิลปินเขาก็มีสิทธิเสรีภาพจะวาดอะไรก็ได้อยู่แล้วครับ
คนที่ออกมาประท้วงจะสมมติสงฆ์ หรือ ฆราวาส เองก็มีิสิทธิที่จะเห็นต่างจากคนอื่นด้วยเหมือนกัน
เรื่องนี้ เป็นเรื่องปกติครับ ถ้าอยู่ในสังคมประชาํธิปไตย

ทุกอย่างขึ้นกับ จิตสำนึกของบุคคล ๆ นั้นครับ

ถ้าศิลปินจิตสำนึกดี เขาก็อาจวาดรูปที่ดีกว่านี้ ล้อเลียนน้อยกว่านี้ จะวาดพระไม่ดีไม่ว่าหรอกครับ
แต่เอาธงชัยพระอรหันต์มาทำแบบนี้ มันก็ไม่เหมาะ

สมมติสงฆ์เอง ก็ควรวางโลกธรรม 8 ให้ได้เหมือนกัน เพราะคนนินทา สรรเสริญ มีอยู่เป็นธรรมดาของโลก

สังเกตุดูครับ มีสมมติสงฆ์กลุ่มเดิม ๆ ออกมาประท้วง ในขณะที่พระอีกเป็นแสน ๆ เขาเฉย ๆ กัน
สมมติสงฆ์กลุ่มนี้ก็รู้ ๆ กันอยู่


สำหรับผม สังคมในอุดมคติคือ คนรักษาศีล 5 พอเลยครับ ได้สัก 50 % ของคนในชาติ นี่ก็ใช้ได้แล้วครับ ผมประเมินให้ผ่านเลยอะ

เพราะคนที่มีศีล 5 ประจำใจ เขาก็คงไม่ไปฆ่าใคร ไม่ไปลักขโมยใคร หาเลี้ยงชีพชอบโดยสุจริต ไม่ไปผิดลูกเมียชาวบ้าน ไม่โกหกใคร ไม่ใส่ความใคร ไม่ดื่มสุรา หรือติดสิ่งเสพย์ติด

แค่นี้ ปัญหาโรคเอดส์ ปัญหาการโจรกรรมลักทรัพย์ ปัญหาฆาตกรรม ปัญหาการฟ้องร้องเรื่องฉ้อโกง ปัญหาเด็กแวนซ์ เด็กสเก๊า สก๊อย ปัญหาเด็กใจแตก ก็หายไปอย่างน้อย 50 % แล้วครับ

แบบนี้ ทุกคนเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ไม่มีใครล่วงละเมิดสิทธิของคนอื่น หรือไม่จริงครับ ?

แล้ว สังคมในอุดมคติของคุณคะนิ้งเป็นอย่างไรหละครับ ?
ต้องการสิทธิเสรีภาพอะไรมากน้อยแค่ไหน ศีลธรรมเป็นอย่างไร ?

 

ไม่เห็นต้องกลัวเลยครับ คุณไม่ได้ไปพูดพาดพิงใคร ใส่ร้ายใคร
ในสังคมประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิที่จะพูดไม่ใช่หรือ ?

ตราบใดคุณยังไม่ไปใส่ร้าย ใส่ความใคร และเรื่องนั้นมันเป็นประโยชน์ต่อสังคม กฏหมายอนุญาติให้พูดได้ครับ ลองไปดูในประมวลกฏหมายดูก็ได้ ครับ

ประชาธิปไตย มาจากเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่เสียงส่วนน้อย

เราลอกมาจากฝรั่ง ก็เอามาให้หมดสิครับ ดูฝรั่งเวลาออกกฏหมายมา เคยสนใจเสียงส่วนน้อยไหม ?

คนไทยอะไรหน่อยก็หยวน ๆ ประเทศมันก็เลยหยวน ๆ แบบทุกวันนี้ไงครับ

ถ้ามันเป็นเสียงส่วนใหญ่ คุณก็ต้องทำตามครับ ไม่งั้นก็ต้องตั้งรัฐอิสระเอาเอง
ระบบประชาธิปไตยมาจากเสียงส่วนใหญ่ครับ รัฐในฝันหนะ มันไม่มีหรอกครับในโลกนี้
ไม่งั้นมันคงไม่มีปัญหาใน 3 จังหวัดใต้ตอนนี้หรอกครับ

สำหรับคนที่ปฏิบัติศีล 5 อยู่เป็นปกติ เขาก็ไม่รู้สึกอะไรนี่ครับ
กลับกัน คนที่มีจิตสำนึกรู็้้ว่า อะไรควร อะไรไม่ควร เขาก็ไม่รู้สึกอะไร

อย่าลืมครับ ที่ผมบอกไป กฏหมายทุกประเทศในโลกนี้ ร่างมาจากอะไรครับ ?
ความเชื่อทางศาสนาอยู่แล้วครับ จะมีส่วนเจือปนมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องมาจากหลักศาสนาอยู่ดีครับ
คุณหนีไม่พ้นหรอกครับ

ก็อย่างที่ผมได้แยกเป็นข้อ ๆ ไป ให้ดูแล้ว เมื่อวานนั่นเอง

คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ ?

มาคุยเรื่อง หลักทางพระพุทธศาสนา กันก่อนดีกว่า คือ

ศีล --> สมาธิ ---> ปัญญา 3 สิ่งนี้แยกจากกันไม่ได้ครับ

แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจหลักทางพระพุทธศาสนาเลยนะครับเนี่ย ?


การที่จะหลุดพ้นได้เนี่ย ศีล สมาธิ ต้องทรงตัวนะครับ สมาธิ ถึงจะตั้งมั่น และจะส่งผลให้ ปัญญา จึงจะเกิดเพื่อการหลุดพ้นได้

ปัญญา ไม่เหมือน สัญญา นะครับ

สัญญา คือ ความจำได้ เช่น เรารู้ว่า 2 คูณ 2 ได้ 4 อันนี้คือ สัญญา

่ส่วน ปัญญา คือรู้ว่า ถ้าเราเกิดมามีขันธุ์ 5 คือร่างกายนี้ จะเต็มไปด้วยความทุกข์ (ชาติทุกขา ชราปิทุกขา มรณัมปิทุกขัง โสกปริเทวทุกขโทมนัสสุปายาส )

คุณเคยอ่านพระไตรปิฏกไหมครับ ?

พระสุตันตปิฏกหนะครับ ถ้าเคยอ่่าน ลองบอกผมมาหน่อยสิครับว่า พระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จนถึง พระอรหันต์ องค์ไหนบ้างที่แยกเรื่องศีล ออกจาก การปฏิบัติพระกรรมฐานครับ ?

ขอยกตัวอย่างมาให้ดูหน่อยสักองค์

ผมถ้าเลยครับ หามาให้ได้ ผมให้องค์ละ 100 บาท (ผมไม่ลบข้อความนี้ครับ ขอทุกคนเป็นพยาน)



---------------------------------------------------------

ประการต่อมา ผมไม่ใช่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ ผมไม่มีสิทธิตัดเรื่องศีลออกจากการปฏิบัติได้ครับ

ถ้าคุณจะตัด ต้องไปทูลตรงต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นครับ

และผมมั่นใจว่า พระ เณร หรือ อุบาสก อุบาสิกา คนไหนก็ไม่ทำแบบผมเหมือนกัน ไม่มีใครเขาตัดหรอกครับ

----------------------------------------------------------


อะ ทีนี้มาคุยกันเรื่องที่คุณถาม

ว่าตัดศีลได้ไหม คุณยิ่งคิดผิดเข้าไปอีกครับ ที่จะบัญญัติศีลเป็นกฏหมาย เพราะอะไร ?

เพราะพอศีลเป็นกฏหมาย ก็เท่ากับคุณต้องรักษาศีลไปในตัว

พอคุณรักษาศีลไปในตัว (ไม่่ว่าจะเพราะกลัวกฏหมาย หรือ เต็มใจก็ตาม) สมาธิก็เกิด (สีลานุสสติกรรมฐาน) ปัญญาก็จะตามมา

คุณก็จะรู้ผิดชอบชั่วดีว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ

ถ้าอัดวิปัสนายานเข้าไปหน่อย ให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างก็จบครับ

เห็นไหมครับ ศีล สมาธิ ปัญญา แยกกันไม่ออกจริง ๆ

คุณยิ่งจะแยกเท่าไร คุณยิ่งวิ่งเข้าหาเท่านั้นครับ

แล้วคุณจะหนีไปไหนได้ครับ ยกเว้นจะเปลี่ยนศาสนาเท่านั้น

 

แล้ว การที่บ้านเมืองปกติดี เพราะคนกลัวกฏหมาย ไม่ดีเหรอครับ ?
ไม่ใช่สังคมอุดมคติที่คุณต้องการ หรือ ใคร ๆ ต้องการหรือครับ ?

เด็กจะเปลี่ยไหม

ก็ต้องถามต่อว่า แล้ว มีอะไรมากระตุ้นเขาในทางชั่ว ๆ ไหมหละครับ ?
เขายังได้รับคำสอนเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า ?

ก็นั่นไงครับ ไม่มีคนคอยอบรม ไม่มีศีลพื้นฐาน คุณก็รู้นี่ครับ

 

ก็เพราะคุณไม่รู้หนะสิครับ คุณถึงบอกว่าผิดก็ยอม

การแบ่งระดับของมนุษย์ หรือจะระดับของคนในพระพุทธศาสนาเนี่ย พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกที่แบ่งนะครับ

แบ่งไปทำไม ?

แบ่งเพื่อ หาคำสอนให้เหมาะสมไงครับ !!!!!!!!!!!!!!!! (ชุดคำสอน คำที่คุณชอบใช้ไง)

อย่างที่ผมยกตัวอย่างเรื่องการสอนในกระทู้อื่น ๆ

เด็กวัยรุ่น จะให้อัดพระอภิธรรมเลยดีไหม ?

เขาจะฟังเหรอ ? ขี้คร้านจะพากันเบื่อ แต่ถ้าสอนแบบ ท่านมหาธรรมะเดลิเวอรรี่ เด็กวัยรุ่นชอบไหม ?

ฉันใดก้ฉันนั้นครับ

พระปัญญาธิคุณของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มากกว่า ที่คุณคะนิ้งคิดไว้เยอะครับ

คุณคิดดูครับ คนที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าได้เนี่ย ต้องเวียนว่ายตายเกิด ลงนรกทุกขุม สวรรค์ทุกชั้น ทุกภพภูมิ ต้องเรียนรู้ให้หมด เป็นเวลา แสน ๆ ล้านปี (แสนแสนล้านปีนะครับ นับเวลาโลกมนุษย์ ผมบอกไว้ คุณน่าจะยังไม่ทราบ)

ต้องผ่านการเพาะบ่มเรียนรู้ ผิดชอบชั่วดี เอาตัวเองเข้าทดสอบ

คนที่กำลังใจขนาดนี้ รักคนอื่นยิ่งกว่าตัวเอง ชีวิตตัวเองก็สละให้ได้

คนแบบนี้ จะแบ่งคน แบ่งมนุษย์เพื่อรังเกียจเดียดฉันหรือครับ ?

ถ้าคิดผิด คิดใหม่นะครับ !!!!!!!!!!!!

---------------------------------------------------------


คนที่เกิดมา ยากดีมีจน สูงต่ำดำขาว นั่น เพราะกรรมเก่าส่งผลมาครับ

ถ้าคุณเป็นคนพุทธ และ ยังไม่เข้าใจตรงนี้ อย่างที่คุณเขียนไว้ว่า

ก็ขอให้รับทราบไว้ครับว่า .........กรรม เป็นเครื่องกำหนดบุคคล ครับ

 

เรื่องนี้ มันมาจากการประพฤติตัว ของ สมมติสงฆ์ ที่ทำตัวเป็นภิกขุพาณิชย์ ครับ
แย่งกัน บิณฑบาตร

พระพุทธองค์ทรงเตือนแล้ว แต่ไม่ฟังกันครับ พระองค์เลยเสด็จไปประทับที่ในป่า แล้วมีลิง กับ ช้างปาลิไลยกะ มาคอยดูแล ครับ

ไม่ใช่แค่สมมติสงฆ์ 2 รูปนะครับ แต่เป็น 2 กลุ่มครับ เป็นภิกษุชาวเมืองโกสัมพี ครับ

ลองหาอ่านใน พระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 17
ขุททกนิกาย อุทาน เมฆิยวรรค นาคสูตร

ในเวปที่ http://202.44.204.76/cgi-bin/stshow.pl?book=25&lstart=2662&lend=2711

จะใช้ ทฤษฏีจิตวิทยา ก็ได้ครับ จะใช้ของใคร มันก็ไม่หนี คำสอนในพระพุทธศาสนาอยู่ดีครับ
จะของ ฟอยด์ จะของใคร ๆ ก็ตาม มันก็หนีไม่พ้นคำสอนในพระพุทธศาสนาครับ

มีของดีอยู่กับตัวมาแต่โบราณ ก็รู้จักนำมาปัดฝุ่นใช้สิครับ

อย่างที่ผมบอกไป แค่ศีล 5 เรื่องเดียว คุณจะตอบโจทย์ได้ทุกข้อที่คุณต้องการ

ทั้งเรื่อง เสรีภาพ ภราดรภาพ อิสระภาพ ความเสมอภาค ถ้ายังไม่เข้าใจ ถามใหม่ได้ครับ

จะบรรยายให้เป็นข้อ ๆ เลย โดยใช้แึค่ศีล 5 นี่หละครับ

 

คุณเด็กเมื่อวานซืนคะ ดิฉันอยากเสนอมุมมองสองแบบ
มุมมองแรก ในฐานะคนที่เริ่มสนใจศาสนาพุทธ และเป็นคนที่มาจากทางโลกมากๆ ดิฉันคาดหวังว่าจะพบชาวพุทธที่มีความเข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคลมากพอๆ กับที่เข้าใจคำสอนทางพุทธศาสนาเพื่อที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกันได้เพื่อก่อเกิดปัญญาใหม่ร่วมกันค่ะ
คนที่เข้ามาเว็บนี้ย่อมมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นเบื้องต้นอยู่แล้ว แต่มุมมองอื่นที่เขาพกพาเข้ามาด้วยก็มี ที่ถูกต้องดิฉันเห็นว่าควรแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนามีพื้นที่ให้กับมุมมองเหล่านี้อย่างไรและที่ตรงไหนในคำสอนของพุทธศาสนาเอง ไม่ใช่การปฏิเสธมุมมองเหล่านี้ทิ้งทั้งหมด คุณเองไม่ใช่เหรอคะที่เสนอว่าพุทธศาสนาสามารถเป็นศาสนาสำหรับทุกคนได้ แต่การที่คุณปฏิเสธความคิดเห็นที่ต่างออกไปทั้งหมด ก็เหมือนคุณกีดกันคนบางกลุ่มไม่ให้เข้าถึงพุทธศาสนามากกว่าจะเปิดกว้างสำหรับพวกเขาค่ะ หรือดิฉันต้องหาคนที่เข้าใจพุทธศาสนาได้ลุ่มลึกกว่านี้เพื่อจะทำเช่นนั้นได้คะ?

 

อีกประการหนึ่ง อย่าหาว่ายังงั้นยังงี้เลยนะคะ ข้อความของดิฉันทั้งสั้น ทั้งเข้าใจง่าย แต่คุณยังอ่านแล้วตีความผิดหลายจุดมาก สรุปเกินที่ดิฉันกล่าวไว้ก็เยอะ ซึ่งดิฉันขอไม่ชี้แจงนะคะ แต่เข้าใจว่าคนที่อ่านกระทู้นี้คนอื่นก็คงมองเห็น "-.-"
ดิฉันชักสงสัยแล้วค่ะว่า พระไตรปิฏกซึ่งเนื้อหาทั้งเยอะและซับซ้อน คุณจะอ่านถูกซักกี่เปอร์เซ้นต์ คุณน่าจะไปทดสอบกับผู้รู้ท่านอื่นในเว็บนี้นะคะ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองค่ะ