ชาวเมืองจำปานาคบุรี ในอดีต ไปอัญเชิญธาตุพระโมคคัลลาน์ มาจากที่ไหน?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 1 มกราคม 2013.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    พิจารณา จาก ตำนานบ่อพันขัน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ดังนี้

    ในขณะเดียวกันนั้น พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลายซึ่งประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงแผ่พระสัพพัญญตญาณตรวจดูสัตว์โลกในเวลาปัจจุบันสมัยตามพุทธวิสัยของพระองค์ ได้ทรงเล็งเห็นความโหดร้ายของนกอินทรีผัวเมียซึ่งกำลังเบียดเบียนสัตว์โลกอยู่ จึงทรงตรัสเรียก พระโมคคัลลานะเข้ามาหาแล้วตรัสว่า ดูก่อนโมคคัลลานะเธอเป็นผู้ได้เอกทัตคะในทางฤทธิ์เธอจะไปช่วยสรรพสัตว์ที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่นั้นเถิด ครั้นแล้วพระโมคคัลลานะก็ถือบาตรและจีวรเหาะเหินมุ่งหน้าสู่ดงท้าวสาร ได้มาพักอยู่ดงท้าวสารเข้าฌาณเตโชกสิณเพ่งไฟเป็นอารมณ์ เกิดเป็นเพลิงลุกโพลงขึ้นไปกระทบทรมานนกอินทรีผัวเมียทั้งสองร้อนแทบใจจะขาด นกอินทรีผัวเมียจึงแผดเสียงร้องขึ้นดังไปไกลได้ร้อยโยชน์สะเทือนไปถึงพื้นบาดาล

    ขณะนั้นมีพญานาคอยู่ฝูงหนึ่งซึ่งอยู่ในบ่อแห่หนึ่งไม่ไกลจากดงท้าวสารได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังจนหวั่นไหวนึกว่าอันตรายจะมาถึงตัว จึงโผล่ขึ้นมาจากพื้นบาดาลพ่นพิษออกไปเป็นควันมืดฟ้ามัวดิน พิษไปถูกลูกตาของมนุษย์ที่อยู่บ้านใกล้เคียงเป็นอันตรายจำนวนมาก บางคนถึงกับลูกตากระเด็นออกมา ต่อมาหมู่บ้านนั้นได้ชื่อว่า บ้านตาเด็น ปัจจุบัน คือ บ้านตาเณร อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

    เพราะพิษของ พญานาคมีรสเค็มจัดยิ่งกว่าเกลือเสียอีก พระโมคคัลลานะอรหันต์ เมื่อเล็งเห็นเหตุการณ์ดังนั้นจึงเข้าฌาณเตโชกสิณ เกิดเป็นเปลวไฟไปปกปิดปาดบ่อที่พญานาคโพล่ขึ้นมาพ่นพิษ ไม่ให้โผล่ขึ้นมาพ่นพิษได้อีก และท่านเกรงว่าพญานาคจะขึ้นมาได้อีก จึงอธิษฐานเท้าซ้ายเหยียบที่ชายจีวร ปัจจุบันยังเหลือให้เห็นเป็นรอยเท้าคนขนาดยาว 1 เมตร กว้าง 40 เซนติเมตร อยู่ระหว่างเนินย่าน้อยบริเวณบ่อพันขัน และอธิษฐานเท้าขวาเหยียบที่ชายจีวรห่างกันไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร ตรงปากน้ำลง ลำน้ำเสียว ( คอคีบ ) มีรอยขนาดเท่ากันยังเหลือปรากฏอยู่เหมือนเดิม ปัจจุบันเป็นที่น่าเสียดายที่ทางราชการได้ปิดบ่อเป็นฝายกั้นน้ำ จึงทำให้น้ำท่วมทั้งสองรอย ต่อมาจีวรของพระมหาโมคคัลลานะ จึงเกิดเป็นแผ่นหินเป็นรูปจีวรและท่านเกรงว่าประชาชนต่อไปจะไม่มีน้ำจืดกิน จึงได้อธิษฐานใช้นิ้วชี้ชี้ลงไปตรงผ้าจีวรผืนนั้น เกิดรอยแตกเท่าขันน้ำมีรัศมีกว้าง 9 นิ้ว ความลึกประมาณ 8 นิ้ว มีน้ำไหลออกมาประจำ ชาวบ้าเรียกว่า น้ำสร่างโครก เพราะมีลักษณะเหมือนครกตำข้าว และบริเวณทั้งหมดทั่วบริเวณนั้น เรียกว่า บ่อพันขัน

    เมื่อปราบพญานาคเสร็จแล้วก็แสดงธรรมโปรดชาวเมืองให้ยึดมั่นใน พระรัตนตรัย จากนั้นก็กลับเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ และมิได้กลับคืนมาสู่ดินแดนแถบนี้ จนกระทั่งนิพพานข่าวการนิพพานของพระเถระเจ้าได้แพร่กระจายรู้ถึงชาวเมือง จึงได้ส่งคนให้ไปอัญเชิญพระอัฐิธาตุมาทำสถูปบรรจุไว้ที่ดงเท้าสาร ปัจจุบันสันนิษฐานว่าคงเป็น พระธาตุอรหันต์โมคคัลลาน์ วัดกลาง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด


    จึงตั้งเป็นกระทู้ถามว่า ชาวเมืองจำปานาคบุรี ในอดีต ไปอัญเชิญธาตุพระโมคคัลลาน์ มาจากที่ไหน?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2013
  2. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    จาก ความในอรรถกถาสรภังคชาดก ปรากฏใน เล่ม ๖๑ อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ พระโมคคัลลาน์ปรินิพพาน ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ดังพระอรรถกถาว่า

    “พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภการปรินิพพาน ของพระมหาโมคคัลลานะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อลงฺกตา กุณฺฑลิโน สุวตฺถา ดังนี้.ได้ยินว่า พระสารีบุตรเถระกราบทูลให้พระตถาคตเจ้า ซึ่งประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงอนุญาตการปรินิพพานแล้ว เดินทางไปปรินิพพาน ณ ห้องที่ตนเกิด ในนาลันทคาม. พระศาสดาทรงสดับข่าวว่า พระสารีบุตรปรินิพพานแล้ว จึงเสด็จไปยังกรุงราชคฤห์ ประทับอยู่ในพระเวฬุวันวิหาร.คราวนั้น พระมหาโมคคัลลานเถระ อยู่ที่กาฬศิลาประเทศ ข้างภูเขาอิสิคิลิ.ก็ท่านพระมหาโมคคัลลานะนั้น เที่ยวไปยังเทวโลกบ้าง อุสสทนรกบ้าง ด้วยความเป็นผู้ถึงที่สุดด้วยกำลังฤทธิ์. ท่านเห็นอิสริยยศใหญ่ของพุทธสาวกในเทวโลก เห็นทุกข์ใหญ่หลวงของติตถิยสาวกในอุสสทนรก แล้วกลับมายังมนุษยโลก แจ้งแก่มนุษย์ทั้งหลายว่า อุบาสกคนโน้น และอุบาสิกาคนโน้นบังเกิดเสวยมหาสมบัติในเทวโลกชื่อโน้น สาวกของเดียรถีย์คนโน้นกับคนโน้นบังเกิดที่นรกเป็นต้น ในอบายชื่อโน้น. มนุษย์ทั้งหลายพากันเลื่อมใสในพระศาสนา ละเลยพวกเดียรถีย์เสีย. ลาภสักการะใหญ่หลวงได้มีแก่สาวกของพระพุทธเจ้า. ลาภสักการะของพวกเดียรถีย์ก็เสื่อมลง. พวกเดียรถีย์เหล่านั้นจึงพากันผูกอาฆาตในพระเถระว่า เมื่อพระเถระนี้ยังมีชีวิตอยู่ อุปัฏฐากของพวกเราก็แตกแยก ทั้งลาภสักการะก็เสื่อมลง พวกเราจักฆ่าพระเถระให้ตาย.พวกเดียรถีย์ทั้งหลาย จึงจ้างโจรชื่อสมณกุตต์ เป็นเงินพันหนึ่ง เพื่อให้ฆ่าพระเถระ. โจรสมณกุตต์คิดว่า เราจักฆ่าพระเถระให้ตาย จึงไปยังถ้ำกาฬศิลาพร้อมด้วยสมุนโจรเป็นอันมาก. พระเถระเห็นโจรสมณกุตต์กำลังเดินมา จึงเหาะหลบหลีกไปเสียด้วยฤทธิ์. วันนั้นโจรเห็นพระเถระเหาะไปจึงกลับเสียได้มาติด ๆ กัน ทุก ๆ วันรุ่งขึ้น รวม ๖ วัน. ฝ่ายพระเถระก็หลบหลีกไปด้วยฤทธิ์ ดังที่เคยมา. แต่ในวันที่เจ็ด อปราปรเวทนียกรรมที่พระเถระทำไว้ในปางก่อนได้โอกาส. ได้ยินว่า ในชาติก่อน พระเถระเชื่อถ้อยคำของภรรยาประสงค์จะฆ่ามารดาบิดาให้ตาย จึงนำไปสู่ป่าด้วยยานน้อย. ทำอาการดุจโจรตั้งขึ้น แล้วโบยตีมารดาบิดา. มารดาบิดาทั้งสองมองไม่เห็นอะไร เพราะมีจักษุพิการ จำบุตรของตนนั้นไม่ได้ โดยสำคัญว่า นั่นเป็นพวกโจร ต่างปริเทวนาการ เพื่อประโยชน์ต่อบุตรอย่างเดียวว่า ลูกเอ๋ย ให้โจรพวกโน้นมันฆ่าพ่อฆ่าแม่เถิด เจ้าจงหลบเอาตัวรอดเถิด. บุตรชายคิดว่า มารดาบิดาของเราทั้งสองท่านนี้ แม้จะถูกเราทุบตี ก็ยังร่ำไรรำพัน เพื่อประโยชน์แก่เราผู้เดียว เราทำกรรมอันไม่สมควรเลย. ลำดับนั้น เขาจึงปลอบโยนมารดา บิดา แสดงอาการดุจพวกโจรหนีไป แล้วนวดฟั้นมือเท้าของท่านทั้งสองพูดว่า คุณแม่คุณพ่ออย่ากลัวเลย พวกโจรหนีไปแล้ว แล้วนำกลับมายังเรือนของตนตามเดิม.กรรมนั้นไม่ได้โอกาส ตลอดเวลามีประมาณเท่านี้ ตั้งอยู่เหมือนกองเพลิง ถูกเถ้ากลบไว้เฉพาะหน้า แล้ววิ่งเข้าสู่สรีระอันไม่มีที่สุดนี้. ก็กรรมนี้ได้โอกาสในที่ใดย่อมให้ผลในที่นั้น เปรียบเหมือนสุนัขอันนายพรานพบเนื้อแล้วปล่อยให้ไล่ติดตามเนื้อ ทันกันในที่ใดก็กัดในที่นั้นฉะนั้น ขึ้นชื่อว่าผู้ที่จะพ้นจากกรรมนั้นได้ไม่มีเลย. พระเถระรู้ว่า กรรมที่ตนทำไว้หน่วงเหนี่ยวจึงมิได้หลบหลีกต่อไป. เพราะผลของกรรมนั้น พระเถระจึงไม่สามารถจะเหาะไปในอากาศได้. ฤทธิ์ของพระเถระแม้สามารถทรมานนันโทปนันทนาคราชแลสามารถยังเวชยันตปราสาทให้หวั่นไหว ก็ถึงความทุรพลเพราะกำลังแห่งกรรม. โจรจับพระเถระได้ ทุบจนกระดูกของพระเถระ มีขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารแหลกละเอียดไป เหมือนบดฟางให้เป็นแป้งฉะนั้น แล้วโยนไปที่หลังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง ด้วยสำคัญว่าตายแล้ว พร้อมด้วยสมุนโจรหลีกกลับไป. ฝ่ายพระเถระกลับได้สติ แล้วคิดว่า เราจักถวายบังคมลาพระศาสดาก่อน จึงจักปรินิพพาน ดังนี้ แล้วเยียวยาอัตภาพด้วยฌานทำให้มั่นคง แล้วเหาะไปยังสำนักของพระศาสดาทางอากาศ ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อายุสังขารของข้าพระองค์ถดถอยแล้ว ข้าพระองค์จักปรินิพพาน. พระศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนโมคคัลลานะ เธอจักปรินิพพานหรือ? ทูลตอบว่า พระพุทธเจ้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ. ตรัสถามว่า เธอจักไปปรินิพพานที่ไหน? ทูลตอบว่า ที่แผ่นหิน ในถ้ำกาฬศิลา พระเจ้าข้า.ตรัสว่า โมคคัลลานะ ถ้าเช่นนั้นเธอจงกล่าวธรรมแก่เราก่อน แล้วค่อยไปเพราะบัดนี้ การที่จะได้เห็นสาวกเช่นเธอ ไม่มีอีกแล้ว. พระมหาโมคคัลลานะทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักกระทำตามพระพุทธดำรัส แล้วเหาะขึ้นไปบนอากาศ สูงชั่วต้นตาล แสดงฤทธิ์มีประการต่าง ๆ เหมือนพระสารีบุตรเถระในวันที่จะปรินิพพาน กล่าวธรรมกถาถวายบังคมพระบรมศาสดาแล้วปรินิพพาน ณ ดงในกาฬศิลาประเทศ. ในทันใดนั้นเอง ชาวเทวโลกทั้ง ๖ ชั้น เกิดโกลาหลเป็นอันเดียวกันว่า ข่าวว่า อาจารย์ของพวกเราปรินิพพานแล้วต่างถือของหอม มาลา ธูป เครื่องอบ และจันทน์จุรณอันเป็นทิพย์ทั้งฟืนนานาชนิดมา (ประชุมกันแล้ว). จิตกาธารแล้วด้วยจันทน์แดง สูง ๙๙ ศอก. พระศาสดาประทับอยู่ใกล้ๆ ศพพระเถระ ตรัสสั่งให้จัดการปลงศพของพระเถระ. รอบ ๆ สุสาน ฝนดอกไม้โปรยตกลงมาในที่ประมาณโยชน์หนึ่งได้มีมนุษย์อยู่ระหว่างเทวดา เทวดาอยู่ระหว่างมนุษย์. ถัดเทวดาโดยลำดับ พวกยักษ์ยืนอยู่ ถัดพวกยักษ์มาก็เป็นพวกคนธรรพ์ ถัดจากพวกคนธรรพ์มาเป็นพวกนาค ถัดจากพวกนาคมาเป็นพวกครุฑ ถัดจากพวกครุฑมาเป็นพวกกินนรา ถัดจากพวกกินนรามาเป็นพวกกินนร ถัดจากพวกกินนรมาก็เป็นฉัตร ถัดจากฉัตรออกมาเป็นสุวรรณจามร ถัดจากสุวรรณจามรออกมา เป็นธงชัยถัดธงชัยออกมาเป็นธงแผ่นผ้า. ผู้ที่มาประชุมทุกเหล่า บรรดามีต่างเล่นสาธุกีฬาอยู่ตลอดเจ็ดวัน. พระศาสดาตรัสสั่งให้เก็บธาตุของพระเถระมาทำเจดีย์บรรจุไว้ที่ซุ้มประตู พระเวฬุวันวิหาร.”


    จึงเป็นปริศนาว่า ชาวเมืองจำปานาคบุรี ในอดีต ไปอัญเชิญธาตุพระโมคคัลลาน์ ซึ่งปรินิพพานและได้รับการเผาพระสรีระที่เมืองราชคฤห์ มาจากที่ไหน?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.9 KB
      เปิดดู:
      104
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2013
  3. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ดังใน พระอรรถกถา อรรถกถา เล่ม ๔๒ อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตก-สุตตนิบาต กล่าวไว้ว่า

    พระศาสดา (เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน) ประทับนั่งบนกองทราย ทรงปรารภปุโรหิตของพระเจ้าโกศล ชื่ออัคคิทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "พหุง เว สรณัง ยันติ" เป็นต้น.

    อัคคิทัตได้เป็นปุโรหิตถึง ๒ รัชกาล
    ดังได้สดับมา อัคคิทัตนั้น ได้เป็นปุโรหิตของพระเจ้ามหาโกศล. ครั้นเมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว พระราชาทรงพระนามว่า ปเสนทิโกศลทรงดำริว่า "ผู้นี้เป็นปุโรหิตแห่งพระชนกของเรา" จึงตั้งเขาไว้ในตำแหน่งนั้นนั่นแล ด้วยความเคารพ ในเวลาเขามาสู่ที่บำรุงของพระองค์ทรงทำการเสด็จลุกรับ. รับสั่งให้พระราชทานอาสนะเสมอกัน ด้วยพระดำรัสว่า "อาจารย์ เชิญนั่งบนอาสนะนี้."

    อัคคิทัตออกบวชนอกพระพุทธศาสนา
    อัคคิทัตนั้น คิดว่า "พระราชานี้ทรงทำความเคารพในเราอย่างเหลือเกิน, แต่เราก็ไม่อาจเอาใจของพระราชาทั้งหลายได้ตลอดกาลเป็นนิตย์เทียว; อนึ่ง พระราชาก็เยาว์วัย ยังหนุ่มน้อย, ชื่อว่าความเป็นพระราชากับด้วยคนผู้มีวัยเสมอกันนั่นแล เป็นเหตุให้เกิดสุข; ส่วนเราเป็นคนแก่, เราควรบวช." เขากราบทูลให้พระราชาพระราชทานพระบรมราชานุญาตการบรรพชาแล้ว ให้คนตีกลองเที่ยวไปในพระนครแล้ว สละทรัพย์ของตนทั้งหมดในเพราะการให้ทานเป็นใหญ่ตลอด ๗ วันแล้ว บวชเป็นนักบวชภายนอก. บุรุษหมื่นหนึ่งอาศัยอัคคิทัตนั้น บวชตามแล้ว. อัคคิทัตนั้นพร้อมด้วยนักบวชเหล่านั้น สำเร็จการอยู่ในระหว่างแคว้นอังคะ แคว้นมคธะและแคว้นกุรุ (ต่อกัน) ให้โอวาทนี้ว่า "พ่อทั้งหลาย บรรดาเธอทั้งหลาย ผู้ใดมีกามวิตกเป็นต้น เกิดขึ้น, ผู้นั้นจงขนหม้อทรายหม้อหนึ่งๆ จากแม่น้ำ (มา) เกลี่ยลง ณ ที่นี้." พวกนักบวชเหล่านั้นรับว่า "ดีละ" ในเวลากามวิตกเป็นต้นเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำอย่างนั้น. โดยสมัยอื่นอีก ได้มีกองทรายใหญ่แล้ว. นาคราชชื่อ อหิฉัตตะ หวงแหนกองทรายใหญ่นั้น. ชาวอังคะ มคธะ และชาวแคว้นกุรุ นำเครื่องสักการะเป็นอันมากไป ถวายทานแก่พวกนักบวชเหล่านั้นทุกๆ เดือน.

    ซึ่ง จากอรรถกถา นี้ ยังทำให้เห็น ความผิดปรกติ ของแคว้นกุรุ ที่เขาชี้ที่อินเดีย ว่า อยู่ที่ "นิวเดลฮี" ผิดปรกติ อย่างไร ให้ดูจากแผนที่ ชมพูทวีปสมัยพุทธกาล ที่เขาว่า อยู่อินเดีย ตามไฟล์แนบนี้

    เป็นไปได้หรือไม่? ที่ เมืองจัมปานาคบุรี ในตำนานบ่อพันขัน ที่พระโมคคัลลาน์ มาปราบพญานาค จะเป็น "เมืองจัมปา ซึ่งเป็นเมืองหลวง ของแคว้นอังคะ ที่มีอาณาเขตติดกัน ทั้ง ๓ แคว้น คือ มคธ อังคะ และกุรุ หาก ราชคฤห์ แคว้นมคธ ครอบคลุมพื้นที่ จังหวัด ชัยภูมิ นครราชสีมา และขอนแก่น ในปัจจุบัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2013
  4. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขอเรียนเชิญ เพื่อนสมาชิก ไปอ่านรวมกระทู้ที่เกี่ยวข้อง กับงาน "ฟื้นฟูประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในถิ่นไทย-พม่า" และร่วมให้ข้อมูล ในภารกิจพลิกประวัติศาสตร์โลก เพื่อ "คืนความจริง" ให้แผ่นดิน ครับ....ช่วงจากนี้ไป คงจะเข้าสู่ Mode ปรกติ คือ งานประจำยุ่งอีกเช่นเดิม อาศัยช่วงวันหยุด จึงได้ ตั้งกระทู้ ไว้ เพื่อรอคอย เพื่อสมาชิกมาเติมเต็ม ขอบคุณ ทั้งผู้ที่มาแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะ “ผู้ที่เห็นค้าน” เพราะความเห็นของท่าน ทำให้เกิด การต่อยอด ในการค้นคว้า และค้นหา นี่คือ ประโยชน์ที่ได้จากถกเถียงกัน ครับ
    หากคำถามใด หรือข้อสงสัยใด ยังไม่ได้เข้ามาตอบ หรือมาตอบไม่ทันใจ ต้องขออภัย แต่จะพยายามมาติดตาม และ Update ทุกกระทู้ ก่อน นอน ในแต่ละวันนะครับ

    เบาะแส ที่อาจนำไปสู่ข้อพิสูจน์ว่าชมพูทวีปคือ "แผ่นดินพม่าและไทย"
    http://palungjit.org/threads/เบาะแส-ที่อาจนำไปสู่ข้อพิสูจน์ว่าชมพูทวีปคือ-แผ่นดินพม่าและไทย.400180/
    "เมืองราชคฤห์" ในอุรังคธาตุนิทาน อยู่ที่อินเดียจริงหรือ?
    http://palungjit.org/threads/เมืองราชคฤห์-ในอุรังคธาตุนิทาน-อยู่ที่อินเดียจริงหรือ.409690/
    ชาวเมืองจำปานาคบุรี ในอดีต ไปอัญเชิญธาตุพระโมคคัลลาน์ มาจากที่ไหน?
    http://palungjit.org/threads/ชาวเมื...ปอัญเชิญธาตุพระโมคคัลลาน์-มาจากที่ไหน.409676/
    เมืองราชคฤห์ที่พระเจ้าตากสิน ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมา อยู่ที่ไหน?
    http://palungjit.org/threads/เมืองร...อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมา-อยู่ที่ไหน.409670/
    เมือง "เทวทหะ" ที่พระชาวเวียงจันทน์ ได้ส่วนแบ่งธาตุพระอานนท์มา อยู่ที่ไหน?
    http://palungjit.org/threads/เมือง-...ได้ส่วนแบ่งธาตุพระอานนท์มา-อยู่ที่ไหน.409672/
    พระพุทธศาสนาดั้งเดิม แบบเถรวาท ไม่เคยมีอยู่ในแผ่นดินอินเดีย
    http://palungjit.org/threads/พระพุทธศาสนาดั้งเดิม-แบบเถรวาท-ไม่เคยมีอยู่ในแผ่นดินอินเดีย.409966/
    "เมืองสาวัตถี" ในสมัยพุทธกาลอยู่ที่อินเดียจริงหรือ?
    http://palungjit.org/threads/เมืองสาวัตถี-ในสมัยพุทธกาลอยู่ที่อินเดียจริงหรือ.410147/
    เมืองอาฬวี สมัยพุทธกาล อยู่ที่นี่ อำเภอแจ้ห่ม ลำปาง
    http://palungjit.org/threads/เมืองอาฬาวี-สมัยพุทธกาล-อยู่ที่นี่-อำเภอแจ้ห่ม-ลำปาง.410336/
    โยนก ไม่ใช่เปอร์เซียอย่างที่ฝรั่งบอก แต่อยู่ภาคเหนือของไทย
    http://palungjit.org/threads/โยนก-ไม่ใช่เปอร์เซียอย่างที่ฝรั่งบอก-แต่อยู่ภาคเหนือของไทย.410395/
    ปริศนาจาก "วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์" ที่ปราจีนบุรี
    http://palungjit.org/threads/ปริศนาจาก-วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์-ที่ปราจีนบุรี.409680/
    "ศรีลังกา" ในอดีต ไม่เคยรู้จัก พระบาง พระแก้วมรกต และพระพุทธสิหิงค์
    http://palungjit.org/threads/ศรีลัง...-พระบาง-พระแก้วมรกต-และพระพุทธสิหิงค์.410391/
    "วิชัยกุมาร" ที่ไปสร้างเมืองที่ลังกาทวีป ไปจากสิงห์บุรี ประเทศไทย
    http://palungjit.org/threads/วิชัยกุมาร-ที่ไปสร้างเมืองที่ลังกาทวีป-ไปจากสิงห์บุรี-ประเทศไทย.410900/
    พระนางเหมชาลา-พระทันทกุมาร ไปลังกา จากภาคกลางของไทย
    http://palungjit.org/threads/พระนางเหมชาลา-พระทันทกุมาร-ไปลังกา-จากภาคกลางของไทย.410915/
    พระโมคคัลลาน์ เหาะจากอินเดีย มาที่ เขาพระพุทธฉายจริงหรือ?
    http://palungjit.org/threads/พระโมคคัลลาน์-เหาะจากอินเดีย-มาที่-เขาพระพุทธฉายจริงหรือ.410870/
    สถานที่ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาปรินิพพานที่อินเดีย เคยจมอยู่ใต้มหาสมุทร!!!
    http://palungjit.org/threads/สถานที...นิพพานที่อินเดีย-เคยจมอยู่ใต้มหาสมุทร.395119/
    ประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ที่อาจนำไปค้นพบหลักฐานว่า "สังกัสสะอยู่ที่พุกาม"
    http://palungjit.org/threads/ประเพณ...ปค้นพบหลักฐานว่า-สังกัสสะอยู่ที่พุกาม.368462/
     
  5. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เวลานี้ ผมขอเสนอ สมมติฐานที่ตั้ง ของ พระนครราชคฤห์ ที่พระเจ้าตากสินอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาประดิษฐานไว้ ที่วัดราชคฤห์วรวิหาร กรุงธนบุรี ว่า

    แนวทางที่ 1 น่าจะ อยู่ในเส้นทางจากกรุงธนบุรี ไปเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นทั้งเส้นทางยกทัพไปรบลาว และเส้นทางอัญเชิญพระแก้วมรกต-พระบาง จากลาว มากรุงธนบุรี
    แนวทางที่ 2,3,4,.... ขอเวลาพิจารณา บริบท อื่นๆ ก่อนนะครับ


    และ ที่พระนครราชคฤห์ นี้เองเป็นที่ ทั้ง พระมหากัสสปมหาเถระ อัญเชิญ "พระอุรังคธาตุ" ออกเดินทาง ไปสู่ ภูกำพร้า ที่นครพนม และ ชาวเมืองจำปากนาคบุรี ที่ตั้งอยู่ บริเวณอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด มาขอแบ่ง "พระธาตุของพระโมคคัลลาน์" ไปบรรจุไว้ที่ เจดีย์หรือธาตุ ที่เมืองจำปานาคบุรีตามนี้..

    "เมืองราชคฤห์" ในอุรังคธาตุนิทาน อยู่ที่อินเดียจริงหรือ?
    http://palungjit.org/threads/เมืองราชคฤห์-ในอุรังคธาตุนิทาน-อยู่ที่อินเดียจริงหรือ.409690/

    เมืองราชคฤห์ที่พระเจ้าตากสิน ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมา อยู่ที่ไหน?
    http://palungjit.org/threads/เมืองร...อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมา-อยู่ที่ไหน.409670/



    ซึ่ง หากพิจารณา ความเป็นไปได้ ในขณะนี้ พระนครราชคฤห์ จึง มีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ใน พื้นที่ หุบเขา อันเป็นที่ของ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2013
  6. วรสกุล

    วรสกุล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +27
    ที่ยโสธรก็มีพระธาตุอานนท์ครับ
     
  7. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
  8. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เอาเป็นว่า หลังปีใหม่ ค่อยมาสนทนาแลกเปลี่ยนกันนะครับ เนื่องจาก กระผม นายธนบดี วรุณศรี จะขอกราบลาอุปสมบท ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2557 - วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม 2558 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเพื่อเป็นการสั่งสมบุญบารมีแก่ตัวกระผมเองด้วย

    หากกรรมอันใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่านด้วย กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม จะด้วยเจตนาหรือมิได้เจตนาก็ตาม ขอทุกท่านได้โปรดอโหสิกรรมอดโทษให้แก่กระผมด้วย และขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้มีส่วนร่วมแห่งบุญครั้งนี้โดยทั่วกัน

    และก็เป็นเหตุ "บังเอิญ" ที่จะต้องไปอุปสมบทที่วัดในอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีแหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัด และผมตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นที่ตั้งของอโศการาม-ปาตลีบุตร สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช องค์อุปถัมภ์การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 นั้น

    โดยการอุปสมบทของกระผมจะมีขึ้น ณ อุโบสถ วัดหนองหว้า ตำบลด่านคล้า อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นวัดของพระอุปัชฌาย์ คือ ท่านพระครูวิสารวรกิจ เจ้าคณะอำเภอโนนสูง เจ้าอาวาสวัดหนองหว้า เมื่ออุปสมบทเสร็จแล้ว จึงจะกลับมาพำนักที่วัดใหม่รุ่งอรุณ ตำบลใหม่ อำเภอโนนสูง

    ซึ่งเมื่อลาสิกขาแล้ว ก่อนจะกลับกรุงเทพฯ คงจะได้มีโอกาส แวะไปชม ไปสัมผัส แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัด ซึ่งมีจุดเดน อยู่ 5-6 ประการ ดังนี้

    1. แหล่งโบราณคดีที่มีความต่อเนื่องทางวัฒนธรรมที่ยาวนานที่สุดในประเทศไทย
    2. หลุมขุดค้นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    3. มีโอกาสได้รับการพิจารณาให้เป็น “แหล่งมรดกโลกบ้านโนนวัด” ในอนาคต
    4. มีความเก่าแก่อยู่ในยุคหินใหม่ ประมาณ 4,500 ปีมาแล้ว ร่วมสมัยเดียวบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ถึงประมาณ 1,000 ปี
    5. มีลวดลายที่ปรากฏบนภาชนะดินเผา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่บ้านโนนวัด
    6. ครั้งแรกของประเทศไทยที่พบว่าเป็นศพผู้ใหญ่ที่ถูกนำบรรจุใส่ในภาชนะดินเผาขนาดใหญ่มีอายุราว 4,000 ปี

    คงจะได้มีโอกาส อุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล แก่ดวงวิญญาณ ทั้งหลายเหล่านั้น หากยังไม่ได้ไปผุด ไปเกิด หรือเป็นเทวดาคุ้มครองสถานที่ตรงนั้นอยู่ เผื่อว่าท่านเหล่านั้น จะได้อนุเคราะห์ สงเคราะห์ ให้งานศึกษา ค้นคว้า เพื่อเปิดประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในถิ่นไทย ได้มีความเจริญก้าวหน้า ยิ่งๆ ต่อไป ครับ
    และในระหว่างนี้ คงจะต้องเร่ง เคลียร์งานประจำต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เป็นกังวลใจ และไม่เสียงาน เนื่องจากต้องลางานไปบวชครั้งนี้ จึงของด การเข้ามาสนทนา แลกเปลี่ยนความเห็น ไว้เท่านี้ก่อน ..แล้วเจอกันหลังปีใหม่นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...