เชิญ..ประกาศ..ทฤษฎีสรรพสิ่ง..ตามความคิดของท่าน

ใครมีพระเครื่องอยุธยาอยากปล่อย ซิบมาได้ หากแท้ให้ราคาดี ทฤษฏีสรรพสิ่งอยู่ในพระเครื่องจำไว้ ส่องดีดีจะเห็นธรรม พระเก๊ไม่ต้องซิบมา ฉันมีเยอะแล้ว

 

พวกปลอมพระต้องลงนรก ขายพระเก๊ก็ลงนรก

 

ทำไมไม่มีใครอนุโทมนาฉันเลย

 

อ้างอิง

ถ้าไม่มี พระพุทธเจ้าถ้าไม่มี ไอน์สไตน์

พุทธศาสนา กับ วิทยาศาสตร์จะไม่มีวัน บรรจบกันได้เลยมนุษย์จะไม่มีวัน รู้จักตัวเองจริง

และตอนนี้ ก็บรรจบ กันแล้ว<O</O

<O></O>
เอาอะไรเป็นบรรทัดฐานว่าสองสิ่งนี้สามารถอธิบายด้วยกันได้<O</O
<O></O>
-------------------------------------------------------------------
ด้วย ธรรมฟิสิกส์
ด้วย E = Mc2 (c2 ค่าคงที่)
ดังนั้น E = M
มวลสาร คือ พลังงาน คือ จิตวิญญาณ
กรรม =พลังงาน
กฎพลังงาน ทางฟิสิกส์
พลังงานไม่มีวันสูญหาย

<O</O
-----------------------------------------------------------------------
<O</O
จากทฤษฏีของไอน์สไตล์เท่าที่ผมได้ศึกษามา E คือ พลังที่สามารถวัดค่าได้โดยเครื่องมือทางวิทยาศาตร์ มีหน่วยเป็น จูล (J) พลังงานนี้ก็แบ่งออกเป็นพลังงานจล และพลังงานศักย์ หรือเปลี่ยนสถานะเป็นพลังงานรูปอื่นๆเช่น ความร้อน แสงสว่าง พลังงานกล เป็นต้น ซึ่งก็สามารถคำนวณวัดค่าได้เช่นเดียวกัน<O</O
<O</O

M คือ มวลของสสาร ที่วัดโยหน่วยสากลที่ยอมรับกันคือ กิโลกรัม<O</O
C คือ ความเร็วของแสง โดยประมาณ 3x10^8 m/s ภายใต้สภาวะสุญญากาศที่อุณหภูมิห้อง 25 C <O</O
<O</O

ที่นี้ ถ้าคุณเปรียบเทียบว่า มวลสาร คือ พลังงาน คือจิตวิญญาณ จากที่คุณสรุปมาข้างต้น แสดง ว่า วิญญาณก็ต้องสามารถวัดค่ามาได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์จริงหรือไม่ หมายความว่าทุกจิตวิญญาณมีค่าพลังงานเหมือนกันใช่มั้ย
<O</O
<O</O
อยากถามต่อไปว่า จิตวิญญาณสามารถวัดได้ เปรียบเทียบกับพลังงานได้ในลักษณะอย่างเดียวกันได้หรือเปล่า<O</O
แล้วถ้า กรรมคือพลังงานอย่างหนึ่ง คุณจะนิยามพลังงานของกรรมคือพลังงานอะไร จิตวิญญาณที่มีราคธ โทสะ โมหะ มี กิเลส ตัณหาอยู่ จะนิยามพลังงานเหล่านั้นอย่างไร ถ้า จิตวิญญาคือพลังงาน <O</O
ตามหลักพระพุทธศาสนา พระอรหันต์คือผู้ที่ไกลจากกิเลส หมายความจิตท่านเหล่านั้นไม่เป็นทาสแห่งตัณหา (ตามข้อสรุปของคุณข้างต้น พลังงานคือจิตวิญญาณ) แสดงว่าพลังงานมีกิเลสได้อย่างไร<O</O
<O</O
-----------------------------------------------------------------------------------------------

ไขปัญหา
กฎแห่งกรรม
สุคติภูมิทุคติภูมิ


ชีววิทยา
ร่างกายมนุษย์มีเซลล์กว่า60 ล้านล้านเซลล์
เซลล์มีไมโตรคอนเดรีย ผลิตแผ่พลังงาน ตลอดเวลา
พลังงานจากเซลล์ หลอมรวมกันเป็นหนึ่งอย่างไร?
ใช้จิตวิญญาณ??ธาตุรู้ ควบคุม????<O></O>
<O</O
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าเปรียบเทียบว่า จิตวิญญาณคือพลังงาน ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของอะตอมและโมเลกุลต่างๆ ในสภาวะแวดล้อมหนึ่งๆ

จิตวิญญานรับรู้อารมณ์ ได้เพราะเหตุใด อะไรคือองค์ประกอบของจิตวิญญาณ สามารถแยกย่อยได้เหมือนอะตอมหรือไม่ <O</O
<O</O

ธาตุรู้นี้คือพลังงานอย่างหนึ่งหรือไม่ ถ้าเป็น เป็นพลังงานอะไร แล้วพลังงานจะควบคุมพลังงานได้หรือไม่ ควบคุมเซลในร่างกายได้อย่างไร<O</O
<O</O

คิดดีๆ แล้วค่อยตอบ <O</O

 

คนเขาดู รู้เจตนา ว่า อกุศลจิต
[b-nurse] [b-nurse] [b-nurse]

 

นั่นซิน่ะ[Embarrass [Embarrass [Embarrass ?????

คุณปราบไตรจักร คิดว่าควร เป็นอย่างไร???????????ครับ

กรุณาช่วยเฉลย พอเป็นวิทยาทาน ที
ขอบคุณล่วงหน้า ครับ[Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass

 

ด้วยความเคารพอย่างสูง คุณ Mamboo คะ ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎความสมดุลของธรรมชาติค่ะ แต่ก่อนอื่นขอออกตัวว่าไม่ได้เรียนวิทย์มา แค่คิดตามหลักเหตุและผลเท่านั้น ความสมดุลในที่นี้หมายถึงการปรับคืนสู่สภาวะที่สองข้างเท่ากัน คือ ไม่สุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่งหรือมีแค่ข้างเดียวโดยไม่มีสิ่งตรงข้ามใช่มั๊ยคะ? แต่ถ้าเช่นนั้นความสมดุลก็เหมือนเป็นคุณค่าแบบหนึ่ง แล้วถ้าเช่นนั้นมันเป็นคุณค่าของใครละคะ? กล่าวอีกนัยหนึ่ง ใครเป็นคนทำให้ธรรม ชาติต้องมีลักษณะเช่นนี้ แทนที่จะเป็นลักษณะแบบที่ตรงข้ามกันคือไม่สมดุล ดิฉันว่าคำอธิบายทำนองนี้มันจะโน้มไปในทางว่าธรรมชาตินี้ต้องมีผู้สร้าง แล้วผู้สร้างก็เจตนาให้ธรรมชาติมีสมดุล มันเลยออกมาเป็นเช่นนี้ หรือแม้จะอธิบายทำนองว่าเรื่องของวิวัฒนาการที่ธรรมชาติต้องสมดุลไม่งั้นจะอยู่ไม่ได้ ข้อสงสัยก็ยังไม่หมดค่ะ เพราะทำไมธรรมชาติต้องอยู่ได้ด้วย? คำถามเริ่มต้นของคุณก็เป็นเช่นนี้ใช่มั๊ยคะ คือทำไมต้องมีอะไรแทนที่จะไม่มีอะไร? งั้นก็เท่ากับคำถามเริ่มต้นก็ยังไม่ได้ถูกตอบอยู่ดี

 

E=mc2 ก็เป็นทฤษฎีสัมพันธภาพหนึ่งที่ไอน์สไตน์ใดกล่าว
ว่าเป็นทฤษฏีเขาใดพบในพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าใดค้นพบเมื่อ 2500 ปีที่ผ่านมาเเล้ว
ที่ว่าด้วยเห็น<WBR>ว่า<WBR>ระยะ<WBR>ทางและ<WBR>เวลา<WBR>มี<WBR>ค่า<WBR>สัมพัทธ์ กล่าว<WBR>คือ เปลี่ยน<WBR>แปลง<WBR>ได้<WBR>ตาม<WBR>ความ<WBR>เร็ว<WBR>ของ<WBR>ผู้<WBR>สังเกต จึง<WBR>ทำ<WBR>ให้<WBR>เห็น<WBR>ความ<WBR>เร็ว<WBR>ของ<WBR>แสง<WBR>คง<WBR>ที่ หลัก<WBR>การ<WBR>นี้<WBR>จึง<WBR>เป็น<WBR>หลัก<WBR>การ<WBR>เบื้อง<WBR>ต้น<WBR>ของ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ<WBR>​

(b-malang)

 

อย่าว่าฉันขัดลำไปเสียหมด คนที่ใช้ชื่อไอสไตน์น่ะเป็นตัวจริงหรือ สมัยฉันอ่านตำราฉันอ่านสามจบไม่ใช่เหมือนคนสมัยนี้อ่านจบเดียว ไอสไตน์มันโยนหิน กับนุ่นกำหนึ่งมาจากหอคอย มันลงพื้นเวลาไล่กัน ฉันไม่ใช่คนโง่แกสำเนาบัตรให้ฉัน ฉันจึงเชื่อสนิท คนอย่างฉันไม่ลงใครง่ายๆ แต่หากฉันเชื่อฉันก็สนิทใจ บอกตามตรงฉันจับโกหกแกได้ รูปในตำราจริงๆต้องหนวดยาวกว่านี้ รูปที่แกนำมาใช้นั้นเป็นรูปปลอม

 

khaning นี่แอบแบ๊วหรือ

 

:love: แรงฯลฯ = พลังงาน:love:

หลักปฎิจจสมุทปบาท
หลักสัมพันธภาพ

ไม่ต่างกับ
ขวดโหลที่มีลูกแก้วอยู่เต็ม หากหยิบลูกที่อยู่ล่างๆออกหนึ่ง
จะทำให้ลูกแก้วที่เหลือเคลื่อนไหวปรับตัวสู่สมดุล จนนิ่งได้ในที่สุด

และนั่นคือ
หลักแห่งความสัมพันธกันทั้งจักรวาล ที่มีผลต่อกันทุกสรรพสิ่ง
เป้าหมายสู่การอยู่ร่วมกัน ด้วย ความสมดุลยภาพที่สุด นั่นเอง
(kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss)
<!-- / message --><!-- sig -->

 

สัญญา
คือ การจดจ่ออยู่กับ พันธนาการ แห่งจิตวิญญาณ สู่ความนึกคิด

โลกมนุษย์ เลยมั่ว เพราะ
มัวพากันหลงทาง ห่างความดี หนีไปหาทุกข์ แก่งแย่ง แข่งขันกัน เพื่อ ตน พวกพ้องตน ทรัพย์ตน ทั้งสิ้น
นั่นคือความยึดมั่น ถือมั่น ถือตัว ถือตน จึงหลุดไม่พ้น จากการยึดติดมั่น
ในตัวตน พี่น้องตน พรรคพวกตน ศัตรูตน ทรัพย์สิ่งของๆตน สิ่งเหล่านี้
นี่คือที่มา สัญญา พันธนาการ จิตวิญญาณตน วนเวียนต่อไป ไม่หลุดพ้นเสียที
จึงจำต้องใช้ กุศโลบายธรรม นำทางให้หลุดพ้น
ผลที่สุดแล้ว จึงย่อมเข้าใจได้ว่า
จิตมนุษย์ทั้งมวลนั้น บริสุทธิ์ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทุกสรรพสิ่ง
มีสัญญา พันธนาการ เชิงบวกที่ดี มีความรักต่อกัน อันมีพรหมวิหาร เป็นพื้นฐาน
และในที่สุด จะหลุดพ้นได้ ต้องด้วยความเป็นกลาง วางอุเบกขา ให้รับได้ทั้งบวกและลบ ประดุจนิวตรอน
จากนั้นจึง ผสานตัวเองไป กลายเป็น ความว่าง ทางนิพพาน สูงสุดยอด สู่สามัญ นั่นเอง
(kiss) (kiss) (kiss) (sing) (sing)
จุดประสานมิติ มีอยู่ทุกๆที่ ทุกเวลาขณะจิต ที่คิดดี
ประสานใจ กาย ไปสู่ความว่าง อันมีอยู่ที่ทุกสรรพสิ่ง
และหรือนี่คือ พลังแห่งพุทธานุภาพ นั่นเอง

<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->

 

เอากายมนุษย์และสัตว์ที่เห็นตัวเท่านั้นนะ ประกอบด้วยอะตอมของธาตุ หลัก ๆ คือ C, H,O, N, P และอื่น ๆ อะตอมของธาตุจับกันได้โมเลกุล โมเลกุลนี้อาจเป็นสารประกอบ หรือสารชนิดเดียวก็ได้ โมเลกุลที่สำหลัก ๆ ที่ คัญคือสารได้แก่ โปรตีน คารืโบไฮเดรท ไขมัน น้ำ และแก๊ส ประกอบกันเป็นโครงสร้างพื้นฐานซึ่งก็คือเซลล์นั่นเอง หลาย ๆ เซลล์ก็เป็นอวัยวะ หลาย ๆ อวัยวะก็ทำงานเป็นระบบก็คือร่างกาย โดยแต่ละเซลล์ก็มีนิวเคลียสเป็นตัวควบคุม ส่วนการทำงานอย่างเป็นระบบมันก็มีระบบฮอร์โมน รวมทั้งการสื่อสารอื่น ๆ

คราวนี้ก็เริ่มตั้งแต่อสุจิกับsperm ผสมกันก็เป็นไซโกต และเริ่มมีวิยญาณครอง จากไซโกตก็เป็นตัวอ่อน แล้วก็ทารก พอคลอดออกมาแม่ก็เลี้ยง เป็นเด็กอนุบาล เข้าโรงเรียนปฐม เข้ามัธยม ดิ้นรนเข้ามหาวิทยาลัย จบทำงาน มีครอบครัว ถีบตัวเองในหน้าที่การงานและสังคม สะสมทรัพย์เพื่อลูก เพื่อตัวเองยามแก่ พอ60 ปลดเกษียญ สุข ทุกข์ ปะปน ทุกข์ร้อนต่าง ๆ มากมาย แล้วก็นั่ง ๆ นอน ๆ เลี้ยงหลาน เพราะไม่เคยทำกรรมฐาน แค่รอตาย พอ70เริ่มอวัยวะเสีย เข้าโรงพยาบาลซ่อม อีกไม่นานโน่นก็เสียอีก สักเจ็ดสิบกว่า ๆ ซ่อมไม่ได้แล้วไอ้อะตอมหรือสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ มันเสื่อมสภาพทำงานรวนไปหมด แล้วก็ตาย ถ้าเขาเอาไปฝังมันก็ย่อยสลายผุพัง แร่ธาตุต่าง ๆ ก็กลับลงสู่ดิน พืชก็เอาไปใช้ต่อ ถ้าสัตว์กินพืช และเราก็กินสัตว์อีกที มันเก็เป็นห่วงโซ่อาหาร ถ้าเอาไปเผาก็เป็นเถ้าไป จิตก็ไปหาที่เกาะเกี่ยว ท่องเที่ยวไม่รู้จบสิ้น แล้วก็มาเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกมาศึกษาจักรวาลโลกแตก กิจที่ควรทำไม่ได้ทำ พากันมาเกิดเสียเวลาเปล่า

 

สิ่งเหล่านี้ ได้อธิบาย
กฎแห่งกรรม...พุทธทัศน
ไม่แตกต่าง เป็นเรื่องเดียวกัน กับ
กฎพลังงาน...วิทย์ทัศน
ให้พุทธบริษัท แจ้งจริง
ไม่มีสิ่งใดๆในสากลจักรวาล อจินไตย

ปัญหา???
จิตวิญญาณ ตั้งต้น ที่บริสุทธิ์
เพราะเหตุใด???
จึงไม่บริสุทธิ์ เพราะความคิด
อวิชชา
อารมณ์ ที่เกิดจาก ความไม่รู้
หากรู้แล้ว จะได้มี วิชชา...ไง
จะได้ไม่ ศรัทธา อย่าง งมงาย
(sing) (sing) (sing) (sing)
แล้วคุณๆ ละ
โลภ โกรธ เกลียด หลงผิดๆ อิจฉา
ได้กันหรือยัง??????

 

ถ้าทุกคนเข้าใจ รูป กับ วิญญาณ แล้ว
ฝึกจิตวิญญาณ ด้วยอิทธิบาทสี่
เพื่อให้มี พรหมวิหารสี่ ที่ใจแล้ว
จะมี สังคหวัตถุสี่ ต่อกันและกัน
จะรู้จัก อภัยทาน ที่ยิ่งใหญ่
ก็จะมีใจดีงาม ไม่ตามใจตัวเอง
ไม่ติฉิน ไม่นินทา ไม่ว่ากล่าวใครอีก
เมื่อนั้น สังคม ก็จะมีความสุข
มีแต่สิ่งสร้างสรรค์ ให้สงัคมเจริญยิ่ง
(b-hmm) (b-hmm) (b-flower) (b-flower) [b-hi]
แม้ในสังคม เว็บบอร์ด