เรื่องเด่น เชื่อมั้ยเพลงนี้พญานาคที่ภูกระดึงร้องให้ฟัง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 28 สิงหาคม 2012.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำถาม อยากทราบว่าพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านวางจิตอย่างไรกับคำที่ว่า รู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็น เวลาท่านได้ยินเสียงเพลง หรือท่านเห็นการแสดงที่รื่นรมย์ ท่านฟังแล้วทำอย่างไรหรือท่านต้องไม่สนใจฟังเลย แล้วเวลาท่านละสังขารจิตท่านดับสลายหรือไม่ แล้วจิตท่านไปไหน ขอความเมตตาคุณแม่ช่วยให้ปัญญาด้วยครับ
    คำตอบ (ภาวะจิตดวงเดิมดวงแรก)
    ความจริงอยากตอบคำถามนี้มา็ิกเลย แต่ต้องหยุดพิจารณา ให้รอบคอบก่อนตอบว่าควรหรือไม่ จึงคิดว่าถ้าสนใจธรรมกันจริงๆ ก็จะจัดถามตอบในภวันตุเตสักวันดีไหม ถ้าตอบผ่านเฟสจะอธิบายขยายความไม่ได้มากและไม่ชัดเจนเพราะเป็นคำถามภูมิธรรมของพระอริยะบุคคล คนตอบต้องแน่ใจแล้วว่าตนรู้แล้วและรู้ตื้นลึกแค่ไหนเรานัดมาคุยกันดีกว่าคำถามมาจะตอบแบบสั้นๆ พระอรหันต์ไม่ต้องวางแล้ว ท่านขึ้นฝั่งทิ้งแพ แพของพระอรหันต์คือ ศีล สมาธิ สติ ปัญญา อริยะสัจสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม วิปัสสนา พรหมวิหารสี่ คือแพของพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านขึ้นฝั่งทิ้งแพแล้วจึงไม่ต้องใช้แพอีกต่อไป (พระอรหันต์ที่ยังมีรูปอยู่ที่ยังไม่นิพพาน ก็ยังต้องระวังสติ ไม่เผลอให้รูปทำกรรมโดยไม่เจตนา อันน
    ี้เป็นข้อความในพระไตรปิฏก) สำหรับอาจารย์ภาวะที่สัมผัสได้จากการปฏิบัติธรรมได้รู้ว่า เมื่อสิ่งสมมุติปรุงอารมณ์จิตเราไม่ได้ให้เป็นไปตามอารมณ์ที่มากระทบจิต ก็จะรู้ได้ว่า ภาวะนั้นไม่มีอะไรปรุงได้เป็นอิสระเอกเทศจากสิ่งทั้งมวลภาวะความรู้สึกหยุดปรุงเรื่องที่จะออกไปจากจิตทั้งหมดโดยอัตโนมัติจะรู้แต่แค่ สักแต่ว่า ผู้ใดสามารถดำเนินจิตเข้าสู่ นิโรธสมาบััติ ซึ่งเป็นที่พักจิตของพระอรหันต์ และพระอนาคามี ต้องใช้กำลังของสมาธิขั้นสูงดับสังขารสามคือ กายสังขาร (ลมหายใจ) วจีสังขาร(ความนึกคิดปรุงแต่ง)จิตสังขาร(เวทนา) ถ้าผู้ใดเข้าถึงภาวะนี้แม้จะไม่ถาวรก็จะเข้าใจ ภาวะสูญญาตาชั่วขณะเป็นอย่างไร และเมื่อรู้แล้วก็มีความปรารถนา อยากเข้าถึงสูญญาตาแบบถาวรคือ (พระนิพพาน) ดังนั้นพระอรหันต์ทั้งหลาย จิตจึงไม่ดับสูญและไม่ปรุงแต่งไม่ว่ากิเลสหรืออารมณ์ใดๆที่มากระทบจิต ขึ้นฝั่งทิ้งแพ(โปรดอย่าเชื่อยายเฒ่าเล่าให้ฟัง จนกว่าภาวะดังกล่าวจะเกิดกับตนเอง กาลามสูตรสิบประการของพระพุทธเจ้าที่ชอบมากคือข้อที่สิบ อย่าปลงใจเชื่อว่าสมณะท่านนี้คือครูของเรา จนกว่ามรรคผลจะเกิดกับจิตตนเอง แต่สิ่งที่สำคัญคือความเคารพซึ่งกันและกันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัจธรรมดำรงอยู่ได้นาน(คำตรัสของพระพุทธเจ้า)
    คำถามธรรมที่สูงแบบนี้จะไม่ตอบผ่านเฟสอีก ไม่ว่าจะมีคำถามใดๆถามกลับมาอีก ขอเชิญที่ภวันตุเต สาธุกับผู้ถามด้วย ขอให้เจริญในธรรม
     
  2. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    Chalatip Samahitoได้โพสต์ไปยังวารุณี สวัสดิภักดิ์

    คุณแม่คะ ขอความเมตตาคุณแม่ช่วยไขข้อความกังวลของหนูด้วยค่ะ ..เวลาหนูทำบุญ หนูสนุกมากที่จะชวนคนมาทำบุญ ตอนหลังๆเพื่อนๆลูกศิษย์ที่สอนก็จะฝากปัจจัยไว้จำนวนนึงเลย แล้วขอมีส่วนร่วมบุญกับหนู ปัญหาสงสัยคือ..มีบางบุญ เช่น การสร้างกุฏิ ได้ปัจจัยตามต้องการแล้ว แต่เพื่อนฝากปัจจัยมาให้ทีหลังโดยระบุว่าขอมีส่วนร่วมในการสร้างกุฎิด้วย ...ถ้าหนูนำปัจจัยนี้ไปร่วมในบุญอื่นๆ ที่เป็นการสร้างกุฎิเหมือนกันแต่คนละวัด หรือ ไปสร้างโรงครัว หรือ สร้างเมรุ จะเป็นบาปไม๊คะ เพราะไม่ได้ตรงตามประสงค์ของผู้ที่ประสงค์จะทำบุญสร้างกุฎิน่ะค่ะ ...หนูกลัวบาปเพราะความไม่รู้



    ตอบ [บุญทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเจตตานาที่ผู้ทำได้อนุโมทนาแล้วจึงทำไปตามวความต้องการของผู้ทำ แม้ว่าเงินเต็มแล้วก็ต้องก็เอาส่วนเกิดที่เหลือนทำบุญกับวัดให้หมดวัดจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ถือว่าเป็นเงินที่เกิดจากการอนุโมทนาในกิจนั้น แม้ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นสิ่งที่เหมือนกันถือว่าไม่ตรงกับเจตตานาที่เขาสาธุแก้ได้ด้วยการบอกกล่าวให้เจ้าของเงินเขารู้ว่าเอาไปทำอะไรแล้วให้เขาอนุโมทนาก็ถือว่าปฎิบัติแบบทำชอบ ทั้งที่ลับและที่แจ้ง เล่าให้ฟังนะมีเจ้าภาพช่วยถมสระช่วยเงินคิดว่ามากกว่าค่า่ถมสระก็บอกเขาว่าจะส่งคืนเขาไมยอมรับคืนบอกว่าที่เหลือคุณแม่จะใช้ทำอะไรก็ได้อนุโมทนา อย่างนี้ถือว่าไม่ผิด ตอบแค่นี้คงเข้าใจนะจ๊ะ
     
  3. sedkamol

    sedkamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2009
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +691
    ขอบคุณมากๆครับ ที่ได้นำมาเผยแพร่
     
  4. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เรียนอาจารย์วารุณีที่เคารพ
    ทิพย์ขออนุญาตมา ณ ที่นี้ในการยกตัวอย่างความเมตตาไม่มีประมาณ ที่คนเราพึงเจริญไว้ในใจเสมอ เพราะสามารถยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านได้ ดังที่อาจารย์ได้เขียนไว้ในหนังสือตำนานรักข้ามภพ ที่ทิพย์ทองได้พยายามเจริญพรหมวิหารและ
    เจริญสติเจริญธรรม พร้อมแผ่เมตตาไม่มีประมาณให้แก่พญาครุฑตลอดจนสามารถทำให้ทุกสิ่งสงบเรียบร้อยได้ เพื่อเผยแผ่ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ลูกหลานที่ได้มาอ่านในเฟส Tippa Whiteface Macky ได้รับรู้และหมั่นเจริญให้ถึงพร้อมต่อไป กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

    ด้วยความเคารพ
    ทิพย์

    จากเพจhttp://www.facebook.com/tippa.macky
     
  5. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำถาม ข้อแรกครับ อาจารย์ เหตุใดท่านอรหันต์จี้กง ถึงได้สำเหร็จบรรลุธรรมครับครับ ข้อสองครับ สูบบุหรี่ผิดศีลหรือเปล่าครับ
    อาจารย์ครับผมเป็นคนที่มีสติปัญญาน้อย ผมชอบนั่งสมาธินะครับ อ่านหนังสือบ้างนั่งฟั่งเทศน์ทางเน็ตบ้าง จนไม่รู้เกิดสับสนอะไรหลายอย่าง ผมเป็นพนักงานเงินเดือนครับ เพิ่งลาออกมาหางานทำใหม่เพื่อหาเวลามาทางนี้ให้มากขึ้น และจากอะไรอีกหลายอย่าง แต่ก็ยังเหมือนตัวเองยังบังคับนิสัยตัวเองไม่ได้ค
    รับ
    ตอบ ยอมรับจริงๆลูก ว่าเรื่องพระจี้กงสำเร็จบรรลุธรรมไม่รู้ เพราะไม่เคยศึกษาว่าเขาสอนแบบ มหายาน หรือเถรวาท สอนแบบเดียวกันหรือเปล่า อีกอย่างสิ่งใดที่เราไม่รู้แจ้งรู้จริงจึงไม่ควรพูด ถ้าพูดเรากำลังเดาเอา เป็นการพูดไม่ถูกต้อง เป็นการระเมิดลัทธิของคนอื่นจะทำให้เขาเสียหาย เรื่องนี้ต้องถามผู้นับถือท่านจี้กงเขาจะรู้และตอบได้ดีถูกต้อง คงมีคำตอบให้หายสงสัย การสูบบุหรี่เป็นบาปหรือเปล่าไม่รู้ ในศีลสิบไม่มี ถ้าตอบว่าบาป ตอบแบบนี้ก็มีคำถามกลับมาได้อีกว่า ทำไม พระอรหันต์อย่างหลวงปู่แหวนจึงสูบบุหรี่ ทำไมไม่เป็นบาป ก็ต้องอธิบายไม่จบง่าย ถ้าตอบสั้นจบก็คือสำหรับหลวงปู่บุหรี่คือสิ่งสมมุติสำหรับท่านไปแล้ว ในอดีตกาล พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า พระอรหันต์เมื่อสำเร็จแล้วอุปนิสัยเดิมเป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น อย่างเช่น พระสารีบุตร เคยเดินแบบกระโดดมาตอนที่ยังไม่สำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วก็ยังเดินแบบเดิม ไม่เรียบร้อย พระพุทธองค์จึงตรัสว่าเมื่อสำเร็จก็ไม่ได้เปลี่ยนอุปนิสัย เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เช่นหลวงปู่แหวนสูบบุหรี่ ตอบสั้นพอเข้าใจแค่นี้นะลูก คำตอบนี้คงเอาไปใช้ได้กับคำถามเรื่องอุปนิสัยตนเองที่ถามมาได้นะ การตั้งใจอย่างที่ปฏิบัติที่เล่าให้ฟังทำดีแล้ว อย่ากังวลกับเรื่องล็กๆน้อยๆ ตั้งใจจริงๆ ไม่นานก็เห็นผล
    จากวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  6. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำถาม ข้อแรกครับ อาจารย์ เหตุใดท่านอรหันต์จี้กง ถึงได้สำเหร็จบรรลุธรรมครับครับ ข้อสองครับ สูบบุหรี่ผิดศีลหรือเปล่าครับ
    อาจารย์ครับผมเป็นคนที่มีสติปัญญาน้อย ผมชอบนั่งสมาธินะครับ อ่านหนังสือบ้างนั่งฟั่งเทศน์ทางเน็ตบ้าง จนไม่รู้เกิดสับสนอะไรหลายอย่าง ผมเป็นพนักงานเงินเดือนครับ เพิ่งลาออกมาหางานทำใหม่เพื่อหาเวลามาทางนี้ให้มากขึ้น และจากอะไรอีกหลายอย่าง แต่ก็ยังเหมือนตัวเองยังบังคับนิสัยตัวเองไม่ได้ค
    รับ
    ตอบ ยอมรับจริงๆลูก ว่าเรื่องพระจี้กงสำเร็จบรรลุธรรมไม่รู้ เพราะไม่เคยศึกษาว่าเขาสอนแบบ มหายาน หรือเถรวาท สอนแบบเดียวกันหรือเปล่า อีกอย่างสิ่งใดที่เราไม่รู้แจ้งรู้จริงจึงไม่ควรพูด ถ้าพูดเรากำลังเดาเอา เป็นการพูดไม่ถูกต้อง เป็นการระเมิดลัทธิของคนอื่นจะทำให้เขาเสียหาย เรื่องนี้ต้องถามผู้นับถือท่านจี้กงเขาจะรู้และตอบได้ดีถูกต้อง คงมีคำตอบให้หายสงสัย การสูบบุหรี่เป็นบาปหรือเปล่าไม่รู้ ในศีลสิบไม่มี ถ้าตอบว่าบาป ตอบแบบนี้ก็มีคำถามกลับมาได้อีกว่า ทำไม พระอรหันต์อย่างหลวงปู่แหวนจึงสูบบุหรี่ ทำไมไม่เป็นบาป ก็ต้องอธิบายไม่จบง่าย ถ้าตอบสั้นจบก็คือสำหรับหลวงปู่บุหรี่คือสิ่งสมมุติสำหรับท่านไปแล้ว ในอดีตกาล พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า พระอรหันต์เมื่อสำเร็จแล้วอุปนิสัยเดิมเป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น อย่างเช่น พระสารีบุตร เคยเดินแบบกระโดดมาตอนที่ยังไม่สำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วก็ยังเดินแบบเดิม ไม่เรียบร้อย พระพุทธองค์จึงตรัสว่าเมื่อสำเร็จก็ไม่ได้เปลี่ยนอุปนิสัย เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เช่นหลวงปู่แหวนสูบบุหรี่ ตอบสั้นพอเข้าใจแค่นี้นะลูก คำตอบนี้คงเอาไปใช้ได้กับคำถามเรื่องอุปนิสัยตนเองที่ถามมาได้นะ การตั้งใจอย่างที่ปฏิบัติที่เล่าให้ฟังทำดีแล้ว อย่ากังวลกับเรื่องล็กๆน้อยๆ ตั้งใจจริงๆ ไม่นานก็เห็นผล
    จากเพจ วารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  7. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ถาม คุณแม่หนูมีเรื่องจะปรึกษาคะเพื่อนสนิทของหนูมีอารมณ์เหงาเขาบอกว่าเหมือนเขาอยู่คนเดียวบนโลกนี้บางครั้งร้องไห้คนเดียวบ่นว่าทรมานมาก เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง เหมือนเป็นโรคซึมเศร้าเราจะช่วยให้กำลังใจเขาได้อย่างไรบ้างคะให้เขามองเห็นสัจธรรมของชีวิตให้เขารู้สึกดีขึ้นคะเขาเป็นคนดีคนนึง หนูไม่รู้จะช่วยปลอบเขายังไงดีคะ
    ตอบ คนที่รู้สึกเดียวดาย เป็นคนที่ต้องการความอบอุ่น จะเป็นคนเหงาง่าย สิ่งที่จะเยียวย
    าจิตใจได้คือ ความรักใส่ใจเอื้ออาทรคือสิ่งที่เขาต้องการต้องการ สิ่งเหล่านี้หนูสามารกทำให้เพื่อนได้ เหมือนอย่างที่หนูได้ทำแล้วเวลานี้ คือคำถามที่หนูหาวิธี ช่วยเขา เวทนาที่เขาได้รับอยู่ดังที่หนูเล่ามา คือเวทนาที่เกิดกับจิตมันเกิดแล้วหาวิธีกำจัดมันไม่ได้ มันทรมานจริงๆ ยิ่งกว่าเวทนาที่เกิดทางกายทางกายนั้นใส่ยาแผลหายก็ทุเลาการเจ็บปวด แต่ทางใจรักษาได้ด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้า ทางเดียวเท่านั้น วิธีง่ายๆคือปลงปล่อยวางอารมณ์ที่มาปรุงจิตให้เศร้าหม่นหมองใจ ทำให้จิตหดหู่ ด้วยการเอาจิตไปยึดคำบริกรรม พุทโธ และจดจ่อกับลมหายใจเข้าออก พอทำได้จิตมีที่ยึด ที่อาศัย อาการต่างๆที่เป็นอยู่จะค่อยหายไป พุทโธ ถ้าทำได้แล้วจริงๆจะไม่ทำให้เราเหงา แล้วทำจิตแบบที่พระท่านสอนว่า อยู่หลายคนเหมือนอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็เหมือนอยู่หลายคน ลองบอกเพื่อนให้หัดภาวนา พุทโธ นะช่วยได้จริง ถ้าเราภาวนาได้จริงผลย่อมเกิด เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
    จากเพจวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  8. น้ำโอ๋

    น้ำโอ๋ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +8
    สวัสดีคะ เราชื่อน้ำโอ๋นะคะ เพิ่งสมัครเข้ามาเปนสมาชิกใหม่ เพื่อต้องการอยากให้ผู้รู้ช่วยชี้แจง เกี่ยวกับความฝัน พอดีในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เราจะฝันถึงพญานาคบ่อยมาก ฝันครั้งแรก ฝันว่าแม่พาเราเดินไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ซึ่งข้างหน้าที่เราเห็นนั้นเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่และกว้างมาก สักพักก้อมีลำแสงสีเขียวพุ่งขึ้นมากลางน้ำ มีเสียงตะโกนจากคนข้างๆว่า เป็นพญานาคออกมาหาคู่ เราพาแม่วิ่งหนีสุดชีวิต วิ่งเข้าไปในบ้านของเราเอง แต่ปรากฎว่าบนพื้นกระเบื้องในครัวมีลูกงูสีเขียวเยอะแยะเต็มไปหมดทั่วพื้นครัว ในฝันเราวิ่งหนีสุดแรง สักพักได้ยินเสียงแม่ร้องตะโกนมาว่าเข้ามาแล้วลูก หนีเร็ว ในฝันเราวิ่งหนีไปจนสุดทาง แต่หนีไม่พ้น หลังเราชนฝาผนังในขณะที่พญานาคสีเขียวตนนั้นก็เลื้อยเข้ามาใกล้ใบหน้าเราถึงใกล้ที่สุดเราหลบตาแต่สักพักหัวของพญานาคตนนั้นก้อแตกออกมาเป็นเจ็ดหัว เราร้องกริ๊ดสุดแรง สักพักเราก็หนีออกมาได้ ในฝันเราไปหลบในห้องเก็บของ สักพักเสียงข้างนอกเงียบ เราแง่มประตูออกมาดู ปรากฏว่าเจอผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรา หน้าตาคมเข้มแบบไทยแท้ สีผิวเข้มแต่ไม่ถึงกับดำ แต่ตัวสูงมากๆ แต่งตัวธรรมดา พอเจอหน้าเราเค้าก้อยิ้มให้ เราเองก็ยิ้มกลับไป เค้าบอกเราว่าเค้ามาตามคู่หมั้นของเค้า สักพักเค้าก้อมาจับแขนเรา จูงมือเราออกจากห้องเก็บของ และก็บอกกับเราว่า เราเป็นคู่หมั้นของเค้านะ ในฝันเรารู้สึกเคลิ้มมากเดินตามเค้าออกมา เค้ากำลังจะพาเราออกจากประตูบ้าน สักพักเหมือนสติเรากลับมา เราตอบกลับไปว่า เราไม่ไปนะ เราจะไปหาแม่ แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้รักเค้าด้วย เค้าคงมาตามคนผิดแล้วละ เรามีคนที่เรารักแล้ว เราไม่ไปนะ สักพักเราก็สะบัดแขนหลุดจากมือเค้า แล้วเราก็วิ่งกลับไปหาแม่ในบ้าน ในฝันเค้ามองตามเรา แต่สายตาของเรากลับมองเค้าด้วยความเฉยชาเหมือนคนแปลกหน้าคนหนึ่ง สักพักเราก้อตกใจตื่น เหงื่อแตกท่วมตัวเลย หนึ่งปีเต็มๆที่เราไม่เคยฝันถึงงูหรือพญานาคอีกเลย แต่มาเมื่อตอนปลายเดือนพฤศจิกายน 2555 ก่อนวันลอยกระทงประมาณห้าวัน เรากลับมาฝันอีกแล้ว คราวนี้เราฝันเห็นงูใหญ่ตัวสีขาวมีหงอนตาสีแดง จ้องมองเราอยู่ ในฝันเราอยู่ในบ้านส่วนงูใหญ่ตัวนั้นอยู่นอกบ้าน เค้ามองเราผ่านทางหน้าต่างสักพักก็กระโจนเข้าหาเรา เรารีบวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน ในฝันงูตัวนั้นเลื้อยพยายามจะเข้ามาทางในครัวหลังบ้าน ลักษณะตอนเลื้อยจะเป็นคล้ายๆกับคลื่นน้ำ ซึ่งเลื้อยผิดกับงูทั่วไป และที่สังเกตเห็นได้คือ บนหัวมีหงอน ลำตัวเมื่อเลื้อยจะมีสีขาวออกทองๆ สง่ามาก แต่ในฝันเสียงเลื้อยของงูตัวนั้นดังกึกก้องมาก เราหนีแบบไม่คิดชีวิตอีกรอบ สักพักเค้าก้อเลื้อยเข้าไปในครัวแล้วก้อหายออกไป เราจึงกลับเข้ามาในบ้านตามเดิม แต่อยู่ๆก้อมีงูใหญ่ตัวสีดำ ตาแดงจ้องมองเราจากนอกหน้าต่างซึ่งเป็นที่เดียวกับที่งูสีขาวตัวนั้นมองมาตอนแรก แล้วก้อกระโจนเข้ามาทางหน้าบ้าน เรารีบวิ่งไปปิดประตูบ้านทันที ปล่อยหั้ยงูตัวสีดำตัวนั้นเลื้อยอยู่หน้าบ้าน เราฝันจนเราเหนื่อยตกใจตื่นมาตอนประมาณตีสาม เหงื่อแตกทั้งตัว วันนั้นทั้งวันเรารู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก เหมือนคนอดนอนทั้งคืนเลย หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ฝันอะไรทำนองนี้อีกเลย จนมากระทั่งคืนวันที่ห้า ธันวาคม 2555 เรากลับมาฝันอีกว่าเรากับเพื่อนผู้หญิงสองคนไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารติดแม่น้ำโขง ในฝันเหมือนนั่งกินข้าวกันกลางน้ำ สักพักเพื่อนคนนั้นก้อชี้ไปตรงกลางลำน้ำโขงว่า ดูรายนั้นดิ พญานาคตัวสีดำใหญ่มากถูกจับมัดลากด้วยเรือลำใหญ่กำลังแล่นผ่านเราไปพอดี เราหันไปมอง สบตากับพญานาตัวสีดำตัวนั้นพอดี สายตาของเค้าดูวิงวอนอาลัย แต่สายตาที่เราส่งกลับไปกลับเป็นสายตาเย็นชา เรามองแล้วก้อหันกลับมากินข้าวกับเพื่อนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สักพักเมื่อเราตื่นเรารู้สึกหดหู่ใจมาก อยากร้องไห้ มันเหมือนมีอะไรบ้างอย่างทำให่เรารู้สึกแบบนั้น มาจนวันนี้เรายังจำสายตาคู่นั้นได้ดีมากๆ รบกวนผู้รู้ช่วยทำนายฝันให้เราหน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆๆๆคะ
     
  9. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำตอบคำถามสุดท้ายที่อาจารย์ฝากไว้
    ในโลกนี้ ไม่มีใครเลยที่จะไม่เคยชั่วทำผิด แล้วก็ไม่มีใครอีกเหมือนกัน ที่ไม่เคยทำความดี สิ่งที่ทำไม่ดีมันผ่านไปแล้ว จึงไม่ครวนึกถึงเมื่อมันผ่านไปแล้ว มันย้อนกลับมาไม่ได้ จึงไม่มีประโยนช์ที่จะมานั่งนึกถึง สิ่งที่สำคัญคือ คนที่รู้ว่า่ตนเองเป็นคนไม่ดีคือคนที่มีสติมีปัญญาจึงมองเรียกว่าเห็นตนเอง ชั่ว ดี เลว อย่างไร คนชนิดนี้พระพุทธเจ้าเรียกคนมีปัญญา เป็นบัณฑิต เมื่อตั้ง
    ใจบำเพ็ญภาวนาด้วยปัญญาที่มี จึงไม่ใช่เรื่องอยากจะเห็น อริยะสัจสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม การหาเหตุที่เกิดแห่งทุกข์ แล้วรู้วิธีดับเหตุที่เกิดแห่งทุกข์ อย่างที่หนูพยายามทำอยู่ สักวัน พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะกระจ่างแจ้งที่จิตตนเอง แล้วหนูจะเข้าใจในธรรมทั้งหลายด้วยจิตตนเอง ขอให้หนูมีสติพิจารณาในทุกเรื่องด้วยตนเองแล้วอย่าเดินหลงทางธรรม จะกลายเป็น มีจิตเป็นกุศลธรรม ผิดทางธรรมกลายเป็นอกุศลธรรม เหตุจากความเชื่อง่ายไม่ใช้สติพิจารณาในทุกเรื่องให้ถ่องแท้
    กาลามสูตร สิบประการ ข้อสุดท้ายพระพุทธเจ้าเตือนเราแล้ว ในข้อที่สิบ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับว่าสมณะท่านนี้เป็นครูของเรา แม้แต่อาจารย์เองเมื่อมองดูภายนอกดูว่าเป็นผู้ปฎิบัติธรรมแต่ข้างในเป็นเปรต หนูก็ไม่รู้ดังนั้น พระพุทธพระองค์ทรงรู้ว่าในปัจจุบันนี้คนจะไม่ค่อยมีสติปัญญาแล้วเชื่ออะไรง่ายๆเป็นเหตุพาให้หลงทางธรรม โดยน้อมใจเชื่อง่ายๆเกินไป จึงฝากกาลามสูตรสิบประการไว้เตือนใจ อาจารย์ก็เลยฝากเตือนคุณต่อ ที่บอกก็เพราะคุณอยากให้อาจารย์ แนะนำการปฎิบัติ ตรงนี้แหละคือเบื้องต้นที่สำคัญ ต่อไปนี้คงไม่ได้คุยกันทางเฟสแล้วคงต้องบอกลาอีกครั้ง ขอให้ความตั้งใจที่จะเดินไปหาพระพุทธองค์ขอให้เดินไปถึงและได้เฝ้าพระองค์ดังที่ตั้งใจ ขออย่าให้ อวิชาความหลงผิดสกัดกั้นการเดินทางในครั้งนี้
    สิ่งที่อยากฝากไว้สำหรับผู้ตั้งมั่นในการปฎิบัติธรรมคือ ไอ้บ้า ไอ้บอ ไอ้ยก ไอ้ยอ ไอ้ปอ ไอ้ปั้น อย่าเอามันมาเป็นเพื่อน ธรรมทั้งหลายเกิดได้ด้วยที่จิตตนเอง เมื่อใดที่ธรรมบังเกิดขึ้นแล้วขอให้รู้ว่าตัวเราเองทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเองมิใช่ใครที่ไหน เกิดที่จิต รู้ที่จิต แจ้งที่จิต ดับที่จิต ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คำตอบสุดท้ายอยากให้คนที่ยังไม่เข้าใจได้รู้บ้าง...

    จากเพจวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  10. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    วารุณี สวัสดิภักดิ์
    ‎16/12/12
    ปราบผี นับถอยหลังไปประมาณ๔๘ปีตอนนั้นอาจารย์อายุประมาณ๑๑ขวบเป็นเด็กซุกซนแก่นมาก อาจารย์บอกว่าเป็นตัวแสบของหมู่บ้าน..นุ่งกางเกงขาสั้น(เป็นสาเหตุทำให้อาจารย์ไม่เคยนุ่งผ้าถุงเหมือนเด็กคนอื่นๆจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังนุ่งผ้าถุงไม่เป็นจึงไม่เคยมีผ้าถุงเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ) วันๆหนังสือไม่เคยเรียนพกแต่หนังสติ๊กหนีโ
    รงเรียนเข้าป่ายิงนกตกปลาทุกวัน...เป็นที่เอือมระอาคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้าน... บ้านอาจารย์มีสวนผลไม้กับป่ายางโดยเฉพาะสวนยางติดกัน...ขี้ยางถ้าไม่เก็บ…อาจารย์จะช่วยเก็บไปขายได้สตังค์ซื้อขนมกินหมดที่เหลือหยอดกระปุกเอาไว้ซื้อจักรยานเพราะฝันอยากได้เอาไว้ขี่ไปเที่ยวหมู่บ้านต่างตำบลที่อยู่ใกล้กัน..พ่ออาจารย์เป็นคนดุมากเป็นที่เกรงกลัวของลูกๆทุกคน..อาจารย์ก็กลัวพ่อมากกลัวคนเดียวไม่กลัวใครเลย..ชาวบ้านชอบมาฟ้องพ่อเรื่องต่างๆทุกครั้งบทลงโทษจะโหดมาก..คำสอนของพ่อ ที่ถูกปลูกฝังมาส่งผลและฝังอยู่ใต้จิตสำนึกเป็นผลดีในช่วงวัยที่โตขึ้น อาจารย์บอกว่าไม่เคยรู้เลยว่าได้ซึมซับคำสอนและเก็บบันทึกไว้อยู่ใต้จิตสำนึกโดยไม่รู้ตัว คำสอนคือ(เป็นคนต้องมีศักดิ์ศรี ของใครอย่าอยากได้ของเขา มีแค่ใหนก็ให้พอใจเท่าที่มี อย่าเป็นคนคตในข้องอในกระดูก ต้องเป็นคนแบ่งปันรักพี่รักน้องมีอะไรก็แบ่งปันกันอย่ามีหรือกินคนเดียวต้องรู้จักเพื่อแผ่ อย่าเป็นคนปากอย่างใจอย่าง ต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่อย่าชอบนินทาชาวบ้านจะนำพาเรื่องเดือดร้อนมาถึงตัว อย่านำไฟเข้าบ้าน(ข้อนี้สำคัญเน้นมากจำไว้ให้ดี ถ้าจำไม่ดีหลังขาด) อย่าเป็นคนชอบลักเล็กขโมยน้อย(อันนี้อาจารย์บอกตอนนั้นคำสอนนี้ช่วยไม่ได้(ชอบขโมยขี้ยางเค้าเป็นประจำ)เพราะอยากได้จักรยานเอาไว้ขี่ไปเที่ยวหมู่บ้านข้างเคียงเดินไปมันเมื่อยขา..อยากได้จักยานร้องจ้าหามันทุกวัน)ในกาลต่อมามีลูกก็สอนแบบนี้ซึ่งลูกๆก็น่ารักปฎิบัติตาม...วันหนึ่งลูกชายที่เป็นทนายองค์กรใหญ่สองคนอีกคนเป็นวิศวะ อีกคนด้านโฆษณาพากันเข้ามาหาแล้วถามว่า..สิ่งที่คุณแม่พร่ำสอนมาทั้งหมดใช้ไม่ได้เลยกับคนรุ่นใหม่ยุคนี้..คุณแม่สอนสอนผิดหรือเปล่าครับ..อาจารย์บอกเจอคำถามนี้..อึ้งไปเหมือนกัน พ่อของอาจารย์นอกจากจะเป็นคนดุแล้วยังเป็นคนมีวิชาอาคมแบบพวกจอมขมังเวทย์อันนี้ยิ่งทำให้ตอนเด็กยิ่งกลัวพ่อมาก..วันหนึ่งช่วงหน้าหน้าหนาว...บ้านนอกนิยมปลูกบ้านอยู่ใกล้กันเป็นกลุ่มในหมู่ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านใกล้เคียง...บ้านก็จะปลูกเป็นบ้านใต้ถุนสูงเวลาหน้าหนาวสมัยก่อนจะหนาวมาก..ชาวบ้านจะก่อไฟใต้ถุนแล้วนั่งล้อมวงผิงไฟ...วันหนึ่งอาจารย์นั่งผิงไฟใต้ถุนบ้านย่าเล็กซึ่งเป็นน้องสาวของย่าใหญ่เป็นแม่ของพ่อ..กำลังผิงไฟแล้วก็นอนอยู่ข้างกองไฟ... กำลังเคลิ้มๆจะหลับได้ยินเสียงเอะอะตะโกนบอกบ้านไกล้เคียง...เร็วๆๆ..ผี...เข้าตายิ้ง..เท่านั้น แหล่ะคนในระแวกใกล้เคียงวิ่งตรงมาที่บ้านลุงยิ้งที่ปลูกติดกับบ้านย่าเต็มไปหมด พอคนมาแล้วก็ถามว่าเป็นใครมาจากไหน..ผีก็กลายเป็นเจ้าพ่อทันที คนเลยพากันนั่งไหว้กันเป็นแถว...เจ้าพ่ออยากกินเหล้ากินไก่กับแกล้มอีกหลายอย่าง...อาจารย์นั่งฟังอยู่ใต้ถุนเกิดนึกพิเรนเลยหยิบกิ่งไม้ที่มีไฟแดงกิ่งเท่าปลายนิ้วก้อยแหย่ลอดรอยแยกกระดานตรงที่เจ้าพ่อนั่งทรงอยู่...ด้วยความคิดตอนนั้นว่าเจ้าพ่อคงไม่ร้อนที่ถูกไฟไหม้ก้นแน่เพราะเป็นถึงเจ้าพ่อ..พอไฟไหม้ผ้าที่ก้นที่เจ้าพ่อทะลุถึงเนื้อเท่านั้นเอง..เปิ้ล...หมดเวลาแล้ววันนี้พรุ่งนี้โพสต่อตอนจบ..จ้าาขอให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยเรื่องวัยเด็กที่ตลกมากมายของอาจารย์...นะจ๊ะ
     
  11. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    แอบเก็บมาเล่าเรื่องขำขัน วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่ง ขับรถเข้ามาหาอาจารย์อายุเขามากแล้ว พอได้พบอาจารย์ เขากราบอาจารย์แล้วก็ถามว่าจำผมได้ไหมครับอาจารย์ท่านก็ งง บอกว่าจำไม่ได้เคยมาหรือ เขาก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อห้าหกปีก่อน เขาเข้ามาหาอาจารย์ ตอนนั้นเขาแข็งแรงดีเขามากับเพื่อนที่เป็นนายทหาร พอบอกซื่อเพื่อนท่านก็จำได้ แล้วก็จำเรื่องแสบที่เขาทำกันได้ แต่วันนี้เขาหมดสภาพ ตัวดำพูดไปก็หอบเหมือนคนวิ่งมาไกลๆ หน้าก็เหลื่องอมทุกข์หนัก เขาเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ครั้งแรกที่เขามาพบอาจารย์ ท่านได้ทักเขาไปว่าเขามีบางอย่างซ่อนเล้นอยู่ในตัวเป็นจุดสีดำเท่าปลายนิ้วก้อย ให้ระวังโรคเกียวหัวใจ ตอนนั้นเขายังสบายดี แล้วคิดอยากลองดีอย่างเดียว เพราะเห็นว่าท่านเป็นผู้หญิง เขาเองก็มีดีมีวิชาอาคมท่านบอกเขาไม่เชื่อกลับไปยังนั่งนินทากันในวงเหล้าหัวเลาะกันสนุกสนาน แล้วยังเกล่าคำหยาบกับอาจารย์อีกต่างหาก ในวันนี้เขาป่วยหนักทุกข์ทรมานมาก เหนื่อยหอบหายใจไม่ออก หนี้ล้นพ้นตัวถูกเขาโกงบ้านก็ไม่มีต้องไปอาศัยเขาอยู่เขาก็บอกให้หาที่อยู่ใหม่ ในวันนี้เขาคิดจะไปฆ่าตัวตายที่ป่าลึกเมื่องกาณ์ เขาเข้าไปซื้อเชื่อกคิดว่าจะผูกคอตาย เขารู้สึกผิดว่าเคยนินทาอาจารย์ไว้มากอยากขอขมาก่อนตาย อาจาย์นั่งนิ่งฟังเขาเล่าจบก็สงสารแล้วเห็นว่าโรคที่เขาเป็นนั้นเป็นทั้งถูกของและโรคหัวใจ ก็บอกเขาว่าตายมันง่ายเกิดยาก พอดีวันนั้น ท่านอาจารย์สุรัตน์เจ้าอาวาสวัดนายโรงท่านอยู่ด้วย ท่าได้เอาเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอดแช่น้ำแล้วท่านกับอาจารย์ก็นั่งสมาธิขอบารมีหลวงปู่รอดให้ช่วยรักษา อัศจรรย์ในขันน้ำเกิดมีน้ำแบบน้ำเดือด จากนั้นก็ให้เขาดื่ม จากวันนั้นเขาก็เลิกคิดฆ่ตัวตายเข้านั่งสมาธิสวดมนต์ทุกวัน อาการเขาหายวันหายคืน เรื่องนี้ลืมไปแล้วนึกขึ้นได้เอามาเล่าให้ฟัง ก็เพราะเมื่อวานไปวัดนายโรงมาท่านอาจารย์สุรัตน์ท่านสร้างเบี้ยแก้แล้วเชิญอาจารย์ไปร่วมงานอาจารย์ไม่ชอบไปในที่คนเยอะจะไม่ไปท่านก็ไม่ยอม ท่านจึงเลือกไปเมื่อวานก่อนงานปลุกเลกจริงวันเสาร์ เรื่องนี้เป็นที่มาของลำพันผุดข้างบน
    จาก วารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  12. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    Happy Okayได้โพสต์ไปยังวารุณี สวัสดิภักดิ์
    21 ธันวาคม บริเวณ Bangkok
    มีวันหนึ่งที่ผมกลับมาจากภวันตุเต เดินไปกินไอติมร้านปากซอย ไปเจอหญิงชราคนหนึ่งนั่งขายผักที่เก็บได้จากข้างถนน ดูจากผักแล้วเป็นพวกผักกระถิน ผักบุ้งยอดเล็กๆๆ คุณยายตัวผอมๆน่าสงสารมาก ผมนึกเห็นถึงสิ่งที่อาจารย์ทำให้เห็นเลยครับ คือทานปัจจัยช่วย ผมก็เลยหยิบเงินแล้วมอบให้คุณยาย คุณยายทำหน้าตาเศร้าและซึ้งใจมากเลย ผมก็บอกว่า ขอให้คุณยายมีความสุขมากๆนะครับ เพื่อนที่เดินไปด้วยก็อนุโมทนาสาธุ ด้วยกัน จากสิ่งที่อาจารย์ทำให้เห็นเลยทำให้ผมได้สังเกตุคนที่อยู่ข้างๆถนนมากขึ้น เพราะคิดว่าถ้าเจอใครที่น่าสงสารก็พอช่วยได้ ก็จะช่วยอะครับ เลยหยิบมาเล่าให้อาจารย์ และญาติธรรมทุกท่านได้ฟังครับ.
     
  13. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    แอบเก็บมมาเเล่าเรื่องขำขัน วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่ง ขับรถเข้ามาหาอาจารย์อายุเขามากแล้ว พอได้พบอาจารย์ เขากราบอาจารย์แล้วก็ถามว่าจำผมได้ไหมครับอาจารย์ท่านก็ งง บอกว่าจำไม่ได้เคยมาหรือ เขาก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อห้าหกปีก่อน เขาเข้ามาหาอาจารย์ ตอนนั้นเขาแข็งแรงดีเขามากับเพื่อนที่เป็นนายทหาร พอบอกซื่อเพื่อนท่านก็จำได้ แล้วก็จำเรื่องแสบที่เขาทำกันได้ แต่วันนี้เขาหมดสภาพ ตัวดำพูดไปก็หอบเหมือนคนวิ่งมาไกลๆ หน้าก็เหลื่องอมทุกข์หนัก เขาเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ครั้งแรกที่เขามาพบอาจารย์ ท่านได้ทักเขาไปว่าเขามีบางอย่างซ่อนเล้นอยู่ในตัวเป็นจุดสีดำเท่าปลายนิ้วก้อย ให้ระวังโรคเกียวหัวใจ ตอนนั้นเขายังสบายดี แล้วคิดอยากลองดีอย่างเดียว เพราะเห็นว่าท่านเป็นผู้หญิง เขาเองก็มีดีมีวิชาอาคมท่านบอกเขาไม่เชื่อกลับไปยังนั่งนินทากันในวงเหล้าหัวเลาะกันสนุกสนาน แล้วยังเกล่าคำหยาบกับอาจารย์อีกต่างหาก ในวันนี้เขาป่วยหนักทุกข์ทรมานมาก เหนื่อยหอบหายใจไม่ออก หนี้ล้นพ้นตัวถูกเขาโกงบ้านก็ไม่มีต้องไปอาศัยเขาอยู่เขาก็บอกให้หาที่อยู่ใหม่ ในวันนี้เขาคิดจะไปฆ่าตัวตายที่ป่าลึกเมื่องกาณ์ เขาเข้าไปซื้อเชื่อกคิดว่าจะผูกคอตาย เขารู้สึกผิดว่าเคยนินทาอาจารย์ไว้มากอยากขอขมาก่อนตาย อาจาย์นั่งนิ่งฟังเขาเล่าจบก็สงสารแล้วเห็นว่าโรคที่เขาเป็นนั้นเป็นทั้งถูกของและโรคหัวใจ ก็บอกเขาว่าตายมันง่ายเกิดยาก พอดีวันนั้น ท่านอาจารย์สุรัตน์เจ้าอาวาสวัดนายโรงท่านอยู่ด้วย ท่าได้เอาเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอดแช่น้ำแล้วท่านกับอาจารย์ก็นั่งสมาธิขอบารมีหลวงปู่รอดให้ช่วยรักษา อัศจรรย์ในขันน้ำเกิดมีน้ำแบบน้ำเดือด จากนั้นก็ให้เขาดื่ม จากวันนั้นเขาก็เลิกคิดฆ่ตัวตายเข้านั่งสมาธิสวดมนต์ทุกวัน อาการเขาหายวันหายคืน เรื่องนี้ลืมไปแล้วนึกขึ้นได้เอามาเล่าให้ฟัง ก็เพราะเมื่อวานไปวัดนายโรงมาท่านอาจารย์สุรัตน์ท่านสร้างเบี้ยแก้แล้วเชิญอาจารย์ไปร่วมงานอาจารย์ไม่ชอบไปในที่คนเยอะจะไม่ไปท่านก็ไม่ยอม ท่านจึงเลือกไปเมื่อวานก่อนงานปลุกเลกจริงวันเสาร์ เรื่องนี้เป็นที่มาของลำพันผุดข้างบน

    เล่าโดย Ubonwattana Limlertpong
     
  14. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ความบังเอิญ หรือ.....

    เรื่องย่อ จบบริบูรณ์

    “มณีสวาท”

    บทประพันธ์ : จินตวีร์ วิวัธน์
    บทโทรทัศน์ : ณัฐวัฒน์
    กำกับการแสดง : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
    แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
    ผลิต : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
    ออกอากาศ : รอคอนเฟิร์มวันออกอากาศ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3
    ระยะเวลาออกอากาศ : มกราคม 2556
    จำนวนตอนออกอากาศ : 14/+/-/

    อสรพิษขึ้นชื่อในเรื่องความผูกพยาบาท…อาฆาต แม้ตัวเล็กๆ ยังมีฤทธิ์รุนแรงยิ่งนัก หากเป็นความพยาบาทของนางพญาอสรพิษนั้นเล่า…มิยิ่งรุนแรงมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันทวีหรอกหรือ?

    ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ ทายาทแห่งวังนาเคนทร์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ เพื่อรับหน้าที่เป็นเลขานุการให้กับ ภิงคาร รมช.ต่างประเทศผู้เป็นน้าชาย ด้วยรูปลักษณ์ที่เลิศล้ำ ร่ำรวยทรัพย์สมบัติทั้งชาติกำเนิดอันสูงส่ง ทำให้คุณชายภุชคินทร์กลายเป็นชายที่สาวไฮโซทั้งสังคมให้ความสนใจมากที่สุด รวมไปถึงไฮโซสาวสังคมหน้าใหม่อย่าง เจ้าอุรคา ณ เชียงตุง

    ในงานเลี้ยงรับรองระดับชาติซึ่งแขกคนสำคัญระดับนักการเมือง ทูตานุทูต และชาวสังคมชั้นสูงมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งนั้น ภุชคินทร์ได้พบกับเจ้าหญิงสูงศักดิ์เลอโฉมนาม เจ้าอุรคา ที่มาปรากฎตัวพร้อมกับเครื่องแต่งกายสีเขียวโดดเด่นเป็นสง่ากับดวงหน้างดงามประดับรอยยิ้มลึกลับและอัญมณีรูปหยดน้ำสีเขียวเข้มแปลกตาที่เรียกว่า มณีนาคสวาท
    เจ้าอุรคาก้าวเข้ามาเป็นดาวดวงใหม่ของสังคมไฮโซอย่างลึกลับไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงของเจ้าหญิงคนนี้ รู้กันแต่เพียงว่านอกจากความงามเจิดจรัสและฐานะอันร่ำรวย เธอยังมีความสามารถในการพยากรณ์แม่นระดับหาตัวจับยาก
    คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสะดุดตาสะดุดใจในบุคลิกงามสง่าท่าทีอันเปี่ยมไปด้วยปริศนาและคำพูดคำจาที่ลึกลับกำกวมของเจ้าอุรคา
    ในขณะเดียวกันที่ความงามของเจ้าอุรคาไปโดนใจรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคเข้าอย่างจัง สุบรรณ ครุฑไพทูรย์ หรือที่นักข่าวเรียกกันว่า “รัฐมนตรีที่ถูกปองร้ายมากที่สุด” เขาก้าวขึ้นมาจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งงานถูกและผิดกฎหมาย ทำให้มีศัตรูมากมายถึงกับมีการโดนลอบปองร้ายอยู่หลายครั้งหลายครา

    และทุกครั้งเขาก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฎิหารย์ จนได้สมญานามจากบรรดานักข่าวว่า “แมว
    เก้าชีวิต” เพราะถูกปองร้ายอยู่บ่อยๆสุบรรณจึงต้องมีนายตำรวจและมือปืนมือดีติดตามตลอดเวล

    สุบรรณพยายามหาทางเข้าไปตีสนิทกับเจ้าอุรคาทุกวิถีทางตามงานสังคม และด้วยความดูไม่
    น่าไว้วางใจของเจ้าอุรคา ทำให้คนใกล้ชิดของสุบรรณอย่าง ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ ซึ่งเป็นตำรวจติดตามเพื่อนรักของภุชคินทร์ และ อำนาจ สมุนมือขวาที่ดูแลธุรกิจด้านมืดให้รมต.สุบรรณนั้น ต่างเกิดความหวาดระแวงและจับตามองเจ้าอุรคาอยู่เงียบๆ
    ในคืนงานเลี้ยงงานหนึ่ง ตำรวจจับกุมตัวชายคนขับรถของเจ้าอุรคาพร้อมอุปกรณ์วางระเบิดได้ที่ใกล้กับรถของรมต.สุบรรณ แต่เจ้าอุรคากลับให้การปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับชายชาวต่างด้าวผู้นั้น บอกแต่เพียงว่าชายคนนั้นเป็นญาติห่างๆ ของแม่บ้านและเธอไหว้วานให้ช่วยขับรถมางานเลี้ยงเท่านั้น
    ที่น่าประหลาดใจที่สุด คือในทันทีที่ตำรวจนำตัวชายมือระเบิดเข้าห้องขัง ชายต่างด้าวคนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เล่นเอาตำรวจทั้งโรงพักงงเป็นไก่ตาแตก

    ร.ต.อ.ไพศิษฐ์สงสัยว่า เจ้าอุรคาและพรรคพวกน่าจะอยู่ในขบวนการอะไรสักอย่าง
    ซึ่งสมาชิกระดับหัวหน้าได้รับการฝึกวิชาชั้นยอดโดยเฉพาะวิชานินจัตสุคือล่องหนหายตัวได้ ผู้กองไพศิษฐ์หอบเอาความขุ่นข้องใจไปขอให้คุณชายภุชคินทร์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยหาข่าวเกี่ยวกับเจ้าหญิงผู้ลึกลับคนนี้ เนื่องจากลำพังตัวเขาเองนั้นไม่สามารถเข้าถึงตัวเจ้าอุรคาได้เพราะเจ้าอุรคาประกาศอย่างชัดเจนว่าเธอไม่สนใจเรื่องการเมืองและยังแสดงท่าทีไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในทุกกรณี
    แต่ภุชคินทร์กลับมิต้องใช้ความพยายามในการเข้าใกล้เจ้าอุรคาเท่าใดนัก เพราะเธอได้พาตัวเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของเขา ด้วยการเข้ามาทำงานการกุศลร่วมกับ หม่อมภาณี มารดาของภุชคินทร์.. ประกอบกับเจ้าอุรคาเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร้านเพชรพลอยของ เจ้าประกายคำ ซึ่งเป็นร้านเพชรประจำของหม่อมภาณี ภุชคินทร์จึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับเจ้าอุรคาบ่อยครั้ง
    วันหนึ่ง หม่อมภาณีได้สร้อยพร้อมจี้พลอยล้อมเพชรเก่าแก่มาจากร้านของเจ้าอุรคาในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ พอภุชคินทร์เห็นก็สะดุดตาทันที เพราะจำได้ว่าเหมือนสร้อยที่เจ้าอุรคาห้อยติดตัวเป็นประจำ หม่อมภาณีบอกว่าพลอยสีเขียวเข้มจัดนั้นคือ พลอยนาคสวาท พลอยในตำนานเก่าแก่
    ตำนานเล่าถึงพญานาคกับพญาครุฑ...สองเผ่าพันธุ์กึ่งเทพกึ่งอมนุษย์อันเป็นอริศัตรูกันมาแต่โบราณ พญานาคมีที่อยู่ในนครใต้บาดาลที่เรียกว่า โภควดี ส่วนพญาครุฑนั้นอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
    ครั้งหนึ่งพญานาคกับพญาครุฑเกิดการต่อสู้กันและพญานาคเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ขณะที่ใกล้จะตาย พญานาคกระอักเลือดออกมา 3 ครั้ง เลือดที่ออกมาครั้งแรกกลายเป็นพลอยสีเขียวเข้มจัด นั่นคือ นาคสวาท ส่วนเลือดที่กระอักออกมาครั้งที่ 2 นั้นได้กลายเป็น มรกต ส่วนครั้งสุดท้ายที่เลือดใกล้หมดปนกับน้ำลายจึงกลายเป็นพลอยสีเขียวอ่อนจางมีเส้นสีแดงเจืออยู่ เรียกว่า ครุฑธิการ
    ทั้งที่ไม่เคยสนใจเรื่องเพชรพลอยมาก่อน แต่คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสนใจพลอยและตำนานพญาครุฑและนาคเป็นอันมาก และเมื่อเขาสัมผัสกับพลอยนาคสวาท เขาถึงกับหน้ามืดซวนเซเกือบจะล้มลง ความรู้สึกเจ็บปวดแปลบเกิดขึ้นทั่วร่างกาย ภาพแปลกประหลาดแว่บเข้ามาในหัวสมองอย่างรวดเร็ว ไม่ปะติดปะต่อ จับใจความไม่ได้
    แต่ด้วยความเป็นคนสมัยใหม่ ภุชคินทร์เชื่อว่าคงเกิดจากการแพ้สารบางอย่างในพลอยมากกว่าจะเป็นเรื่องลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้
    ขณะเดียวกัน รมต.สุบรรณซึ่งตกพุ่มม่ายมานานกว่า 3 ปี แม้ว่าเขาจะมีผู้หญิงมาก หน้าหลายตา แต่เขาไม่เคยยกย่องใครขึ้นมาแทนที่คุณหญิงนันทกาคุณหญิงคนเดิมที่เสียชีวิตไป แต่เมื่อได้รู้จักกับเจ้าอุรคาทำให้ความรู้สึกของสุบรรณเปลี่ยนไป เจ้าหญิงสูงศักดิ์คนนี้แหละที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ของเขาอย่างแท้จริง!
    นั่นเป็นแค่ความรู้สึกของสุบรรณ หากแต่คนอื่นเมื่อมองผ่านความงามของเจ้าอุรคา
    เข้าไปสิ่งที่สัมผัสได้นั้นคือความลึกลับและน่าสะพรึงกลัวที่มีกลิ่นไอแห่งความตายปะปน มีคนเห็นเธอและเพื่อนชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตางดงามราวรูปสลักในชุดดำชื่อ ยมนา ซึ่งบังเอิญเข้าไปอยู่ในที่เกิดเหตุโศกนาฎกรรมอยู่เป็นประจำ
    วันหนึ่งภุชคินทร์พา ฟีบี้ หรือ เฟื่องวลี หลานภริยาของรมต.ภิงคารไปทานอาหารทีร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งและได้เจอเจ้าอุรคาที่นั่น เจ้าอุรคาแนะนำให้ภุชคินทร์รู้จักกับเพื่อนชายที่มาด้วยกันที่ชื่อ ยมนา ซึ่งภุชคินทร์รู้สึกว่าชายเงียบขรึมคนนี้มีลักษณะบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงความตาย
    ฟีบี้ ซึ่งเรียนและเติบโตที่เมืองนอกจนมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เธออาศัยความเป็นญาติห่างๆ ยึดเอาภุชคินทร์เป็นคู่ควง ฟีบี้หลงไปว่าความอ่อนโยนของภุชคินทร์ที่มีให้กับเธอคือความรัก เธอมั่นใจสุดๆว่าตำแหน่งคุณผู้หญิงของวังนาเคนทร์จะตกเป็นของเธออย่างแน่นอน แต่พอได้เจอกับเจ้าอุรคา ความมั่นใจของฟีบี้เริ่มสั่นคลอนทันที เพราะเธอสังเกตว่าภุชคินทร์ให้ความสนใจกับเจ้าอุรคามากกว่าหญิงสาวทั่วไป ฟีบี้จึงแสดงอาการไม่ชอบเจ้าอุรคาออกหน้าออกตา
    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ภุชคินทร์และฟีบี้เดินออกจากร้านอาหารไปยังไม่ทันถึงรถ ก็มีคนบ้าถืออาวุธสงครามเข้าไปบุกยิง เสี่ยปิง และสมุนตายคาที เมื่อได้ยินเสียงปืนภุชคินทร์รู้สึกเป็นห่วงเจ้าอุรคาจึงย้อนกลับเข้าไปดู แต่กลับพบว่าเจ้าอุรคาออกมาจากภัตตาคาร ไม่มีความหวาดกลัวหรือตกใจใดๆ ส่วนยมนาเพื่อนของเจ้าอุรคาหายตัวไปเสียแล้ว
    วันรุ่งขึ้นข่าวเสี่ยปิงเจ้าของร้านอาหารหรูที่รู้กันว่าประกอบอาชีพไม่สุจริตและสมุนโดนยิงถล่มตายคาที่ดังไปทั่ว ตำรวจสรุปว่าเป็นการฆ่าเนื่องจากการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่สำคัญเสี่ยปิงที่ตายนั้นมีความเกี่ยวพันโยงใยกับรมต.สุบรรณ เพราะเสี่ยปิงเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญของนายอำนาจ
    อำนาจซึ่งดูแลธุรกิจทั้งถูกและผิดกฎหมายของรมต.สุบรรณ สงสัยว่าการฆาตกรรมครั้งนี้เป็น
    ฝีมือของ เสี่ยทรงยศ ซึ่งเป็นอดีตคู่แข่งทางการค้าคนสำคัญของรมต.สุบรรณ ที่ถูกกลั่นแกล้งจนธุรกิจล้มละลาย
    ในขณะที่ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าอุรคาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเสี่ยปิง เพราะเจ้าอุรคาและเพื่อนชายนั่งติดกับโต๊ะที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อีกทั้งยมนาเพื่อนชายที่ไปด้วยกันก็หายไปจากที่เกิดเหตุอย่างไร้ร่องรอย

    วันหนึ่งผู้กองไพศิษฐ์ไปหาเจ้าอุรคาที่บ้าน เพื่อซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์วันเกิดเหตุ แต่เจ้าอุรคาปฏิเสธบอกว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขณะที่ผู้กองไพศิษฐ์ขับรถกลับจากบ้านของเจ้าอุรคาถึงสี่แยกเขาพบว่ามีอุบัติเหตุ
    สัญชาตญาณของตำรวจผู้กองไพศิษฐ์รีบจอดรถและตรงเข้าไปช่วยเหลือ ข้างๆที่เกิดเหตุนั้นไพศิษฐ์พบเจ้าอุรคากับยมนายืนดูอยู่ เจ้าอุรคาบอกไพศิษฐ์ว่าชายผู้ตายเป็นนายแพทย์ใหญ่ที่มีฉากหน้าเป็นคนใจบุญชอบบริจาคเงินหลายล้านเข้าการกุศล แต่เบื้องหลังนั้นเป็นใจบาปหยาบช้าค้าแม้กระทั่งอวัยวะมนุษย์
    ไพศิษฐ์งุนงงว่าเจ้าอุรคารู้ได้อย่างไรว่าผู้ตายเป็นคนอย่างนั้น ก่อนจะซักถามเจ้าอุรคา
    และยมนาก็หายไปเสียแล้ว
    หลังจากคืนนั้นผู้กองไพศิษฐ์เก็บเอาข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเจ้าอุรคาและยมนามาขบคิด เขาไม่สามารถนำเรื่องที่พบเจอไปเล่าให้ใครฟังได้เลยนอกจากภุชคินทร์ เพราะข้อสงสัยของเขายืนยันไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ว่า--ที่ไหนมีคนตายจะต้องเจอยมนาที่นั่นทุกครั้งไป!
    เจ้าอุรคาเคยพูดล้อเล่นบอกภุชคินทร์และผู้กองไพศิษฐ์ว่า เธอสามารถเป็นได้หลายอย่างทั้งหมอดู ทั้งนักเล่นกล ทั้งนักสะกดจิต
    แต่ความลับของเจ้าอุรคาที่ไม่มีใครรู้เลยนั่นคือร่างเนรมิตของ อุรคาเทวี นางพญานาคีผู้
    เป็นธิดาเจ้าครองโภควดีนครใต้บาดาล เธอจึงมีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ทั่วไป
    ส่วนยมนาที่เจ้าอุรคาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอนั้น คือ ยมทูตหรือทูตแห่งความตาย
    มารอรับวิญญาณเพื่อนำไปยังปรโลกเพื่อฟังคำพิพากษาว่าประกอบกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง
    ยามมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์!
    เจ้าอุรคาเองก็ขึ้นมาเยือนโลกมนุษย์เพราะมีภารกิจความรัก ความแค้นในอดีตฝังลึกอยู่ในหัวใจที่รอคอยการสะสาง
    เมื่อครั้งหนึ่งที่พญาครุฑที่ชื่อ พญาสุบรรณ บุกเข้ามาถึงเมืองโภควดีซึ่งเป็นนครใต้บาดาลและได้จับตัว ภุชเคนทร์ เจ้าชายพญานาคที่เป็นที่สนิทเสน่หากับอุรคาเทวีไปเป็นอาหารต่อหน้าต่อตา เธอตามไปช่วยภุชเคนทร์และเกิดการต่อสู้กับพญาสุบรรณจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมาเป็นมณีนาคสวาท
    ส่วนภุชเคนทร์ถึงแก่ความตายอย่างทรมานก่อนตายได้สัจจะอธิษฐานไว้ว่าเกิดชาติหน้า
    ชาติใดจะไม่ขอกลับมาเกิดเป็นพญานาคอีก
    เจ้าอุรคาโกรธแค้นพญาสุบรรณมากจนปฏิญาณกับตนเองว่าจะตามจองเวรพญาสุบรรณ
    เจ้าอุรคาเฝ้ารอคอยจนพญาครุฑเวียนว่ายตายเกิดสังสารวัฎจนภพนี้มาเกิดบนโลกมนุษย์เป็นบุรุษผู้มีบุญวาสนามีอำนาจใหญ่โตด้วยบุญบารมีจากชาติในอดีตซึ่งก็คือรมต.สุบรรณ!
    ด้วยความที่เป็นกัลยาณมิตรยมนารู้ว่าเจ้าอุรคาเต็มไปด้วยความแค้นต้องการจองเวรรมต. สุบรรณ ยมนาจึงคอยขัดขวางไม่ให้เจ้าอุรคาทำการสิ่งใดที่ขัดต่อกฎแห่งกรรม เพราะเวลาของรมต.สุบรรณบนโลกมนุษย์ยังไม่หมด บุญเก่าที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อนทำให้เจ้าอุรคาไม่สามารถทำอันตรายต่อสุบรรณได้เลย
    ส่วนพญานาคภุชเคนทร์ที่ถูกพญาสุบรรณทำร้ายจนตาย ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีชาติกำเนิดสูงส่งก็คือ ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ นั่นเอง!
    เจ้าอุรคาบอกกับยมนาว่า...เธอยังคงมีความรักมั่นคงให้กับภุชคินทร์ไม่เสื่อมคลาย หากแต่ว่าชาติภพนี้เป็นอุปสรรคความรักของเธอกับภุชคินทร์ การมาเยือนโลกมนุษย์ของเธอจึงเพียงต้องการให้ ภุชคินทร์รำลึกได้ว่าภพหนึ่งเขาเคยเป็นพญานาคภุชเคนทร์ที่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานที่จะไม่ขอเกิดเป็นพญานาคอีก เจ้าอุรคาต้องการเพียงให้ภุชคินทร์ถอนคำสัตย์นั้นเพื่อว่าสักวันหนึ่งทั้งสองจะได้ครองคู่กันในภพภูมิเดียวกันอีกครั้ง
    เจ้าอุรคาคอยเป็นห่วงเป็นใยในทุกเรื่องของคุณชายภุชคินทร์ มีคนเห็นร่องรอยของพญานาคแถวกำแพงรั้ววังนาเคนทร์จนกลายเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ใหญ่โต หรือมีคนเห็นงูใหญ่ว่ายอยู่ในคลองใกล้วัดแถววังนาเคนทร์
    หญิงสาวคนใดที่เข้ามาในชีวิตของภุชคินทร์ไม่ว่าจะเป็น ฟีบี้ หรือ พนอฤดี เพื่อนรุ่นพี่ของ นารีวรรณ ซึ่งเป็นน้องสาวบุญธรรมของภุชคินทร์ ต่างก็โดนเจ้าอุรคากลั่นแกล้งให้เห็นภาพหลอนจนแทบเสียสติไปทุกคน
    ครั้งหนึ่งเจ้าอุรคามอบแหวนที่มีหัวเป็นพลอยครุฑธิการให้กับภุชคินทร์ใส่ติดตัว ทันทีที่ฟีบี้เห็นแหวนพลอยครุฑธิการ เธออ้อนวอนขอจนภุชคินทร์ยอมใจอ่อนยกให้ ฟีบี้ดีใจมาก รีบนำกลับไปอวด เฟื่องฟ้า ผู้เป็นมารดา
    สองแม่ลูกดีอกดีใจนึกว่าเป็นแหวนหมั้นหมายจากคุณชายภุชคินทร์ ต่างฝันเฟื่องถึงงานวิวาห์ใหญ่โตแห่งปี หารู้ไม่ว่าความน่าสะพรึงกลัวได้มารออยู่ตรงหน้า
    ในคืนนั้น ฟีบี้เข้านอนไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความหวังบนใบหน้า เธอฝันว่าตัวเองไปอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า จู่ๆก็มีร่างพญานาคใหญ่โตน่าหวาดกลัวเลื้อยไล่เธอพร้อมแยกเขี้ยวยาวเตรียมทำร้าย ฟีบี้วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานไปจนในที่สุดพญานาคก็ตามทัน พญานาคก้มลงมาจนใกล้ใบหน้าฟีบี้ น้ำลายของพญานาคหยดออกมาจากเขี้ยวยาวและกลายเป็นพลอยใสสีเขียวอ่อนเหมือนแหวนพลอยที่เธอเพิ่งได้จากภุชคินทร์ไม่มีผิด
    เมื่อฟีบี้ตื่นจากความฝันอันสยดสยอง เธอกรีดร้องโวยวายอาละวาดราวกับเสียสติ เฟื่องฟ้าซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับ ผู้การนรินทร์ บิดาของ นาถสุดา แฟนสาวของผู้กองไพศิษฐ์ซึ่งเป็นผู้สนใจธรรมะและปฎิบัติธรรมจนมีณาณระดับหนึ่ง ได้นั่งสมาธิและรู้ว่าแหวนนั้นมีอาถรรพ์ติดมาจึงรีบให้เฟื่องฟ้านำแหวนไปคืนให้กับภุชคินทร์ทันที
    หลังจากวันนั้นฟีบี้แทบจะกลายเป็นคนเสียสติ เห็นภาพหลอนคนศีรษะเป็นงูอยู่เรื่อยจนเข้ารักษาที่รพ.อยู่นานนับเดือน ยิ่งวันไหนที่ภุชคินทร์เดินทางไปเยี่ยม ฟีบี้ที่อาการดีขึ้นแล้วจะเกิดเห็นภาพหลอนขึ้นมาอีกครั้งจนอาการกลับแย่ลงไปอีก
    ในงานราตรีเมตตามหากุศล ซึ่งมีหม่อมภาณีเป็นโต้โผใหญ่ เจ้าอุรคารับอาสาจัดการแสดงโชว์บนเวทีทั้งหมด ทุกคนในงานต่างตะลึงงันกับการแสดงโชว์หุ่นพญานาคที่เคลื่อนไหวได้ราวกับของจริง พร้อมกับการเต้นที่อ่อนพริ้วราวกับงูจริงของนักแสดงที่ไม่มีใครเห็นว่าเข้ามาในงานตอนไหนและเมื่อแสดงเสร็จก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
    จากนั้นเจ้าอุรคาได้ขึ้นไปแสดงมายากลบนเวทีโดยเชิญภุชคินทร์ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโดยมีภาพมัลติวิชชั่นสวยงามบรรยายให้เห็นถึงเมืองๆหนึ่งชื่อ โภควดี จากนั้นก็เห็นงูใหญ่ (พญานาค) ตัวหนึ่งกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานก่อนโดนนกยักษ์ (พญาครุฑ) ตรงเข้าทำร้าย ถึงฉากนั้นภุชคินทร์เกิดความรู้สึกประหลาดคือเจ็บปวดแปลบไปทั้งตัวจนแทบจะทนไม่ได้ ในที่สุดภาพมัลติวิชชั่นก็จบลงท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริศของทุกคนว่ามันเหมือนจริงมากเสียจนเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง คนดูปรบมือสนั่นหวั่นไหว
    ยังไม่ทันสิ้นเสียงปรบมือ….เจ้าอุรคาก็ยิงธนูใส่ ชรายุ สาวใช้คนสนิทและลูกธนูได้กลายเป็นงูยักษ์มีชีวิตพุ่งเข้ารัดร่างของชรายุจนนอนแน่นิ่งไป แต่เมื่อเจ้าอุรคาใช้พัดขนนกโบกเบาๆ งูยักษ์ก็หายวับไปกับตา ชรายุก็ลุกขึ้นมาได้ดังเดิม เรียกเสียงปรบมือกึกก้องจากแขกทุกคนในงาน
    ขณะที่ยืนดูการแสดงอย่างใกล้ชิดในฐานะผู้ช่วยนักมายากลของเจ้าอุรคา ภุชคินทร์รู้สึกทึ่งมาก เพราะมายากลของเจ้าอุรคานั้นแนบเนียนมากจนจับผิดอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะโชว์ชุดสุดท้ายที่เจ้า
    อุรคาเล่นนอกบทด้วยการเสกเชือกให้กลายเป็นงูแล้วขว้างลงไปที่รมต.สุบรรณที่นั่งอยู่ด้านล่างทันที!
    ทุกคนในงานหวีดร้องด้วยความตกใจ แต่รมต.สุบรรณเป็นคนเดียวที่นิ่งเยือกเย็นไม่มีอาการสะทกสะท้าน เขาคว้าหมับเข้าที่กลางตัวงูเมื่อพลิกมาดูก็พบว่าเป็นงูยาง ไม่ใช่งูมีชีวิตอย่างที่เห็นบนเวที บรรดาลิ่วล้อต่างโกธรที่เจ้าอุรคาเล่นแรง แต่ตรงกันข้ามสุบรรณกลับรู้สึกสนุกสนานไปกับการแสดงของเจ้าอุรคาเป็นอย่างมาก
    ในคืนนั้น รมต.สุบรรณชวนเจ้าอุรคาไปที่บ้าน อ้างว่ามีเครื่องเพชรเก่าแก่จะขายให้เจ้าอุรคา
    ขณะที่เดินออกจากงานเลี้ยง มีชายลึกลับบุกเข้ามายิงรมต.สุบรรณอย่างอุกอาจ โชคดีที่ อากร มือปืนคุ้มกันรีบพาตัวเองเข้ามาบังเจ้านายไว้ได้ทัน นายสุบรรณจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อากรได้รับบาดเจ็บหนัก
    เจ้าอุรคาขัดอกขัดใจมากที่ทำร้ายนายสุบรรณไม่สำเร็จ ยมนาปรากฏตัวขึ้นมาต่อว่าเจ้าอุรคาที่กระทำการรุนแรงฝ่าฝืนกฎแห่งกรรม เจ้าอุรคาจึงรู้ว่าที่สุบรรณไม่เป็นอะไรก็เพราะยมนาขัดขวางไว้นั่นเอง
    ขณะที่เจ้าอุรคากับยมนายืนถกเถียงกัน คนอื่นๆไม่มีใครเห็นยมนา แต่อากรซึ่งกำลังบาดเจ็บสาหัสจนใกล้ตายกลับมองเห็นยมนาจึงร้องขอชีวิตด้วยความกลัว ซึ่งหลังจากนายอากรรอดชีวิตออกจากโรงพยาบาล เขากลับใจละทิ้งอาชีพมือปืนแล้วตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่อไถ่บาปกรรมที่ก่อมาตลอดชีวิต

    เจ้าอุรคามีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ดั่งเช่นพญานาคพระญาติในสมัยพุทธกาลที่เคยขอบวชกับพระพุทธเจ้าซึ่งแม้ไม่ได้รับอนุญาตแต่ก็มีจิตศรัทธาคอยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเรื่อยมา
    เมื่ออากรมือปืนของนายอำนาจมาบวชที่วัดใกล้บ้าน เจ้าอุรคาจึงถือโอกาสไปตามไปทำบุญกับพระอากรที่วัดเป็นประจำ จึงมีโอกาสได้พบกับผู้การนรินทร์และเฟื่องฟ้าซึ่งมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้ฟีบี้ที่ยังป่วยอยู่ในโรงพยาบาล
    เจ้าอุรคาบอกเฟื่องฟ้าให้เลิกหวังในสิ่งสูงค่าเกินเอื้อมแล้วฟีบี้จะหายจากอาการป่วยและได้พบกับเนื้อคู่แท้ครองรักมีความสุขตลอดชีวิต ผู้การนรินทร์ซึ่งมีความสามารถพิเศษมองเห็นร่างจริงของเจ้าอุรคา รีบแสดงความเคารพสูงสุด เจ้าอุรคากำชับผู้การว่าอย่าได้บอกความลับนั้นกับใครเด็ดขาด
    พอ.นรินทร์เป็นทหารเกษียณราชการที่ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐานจนสามารถนั่งทางในเห็น “อะไร” ที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เขาเป็นพี่ชายของคุณหญิงนันทกาภริยาของรมต.สุบรรณซึ่งรมต.สุบรรณพยายามเชื้อเชิญผู้การมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวหลายครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธจากผู้การทุกครั้งไป ยิ่งหลังจากคุณหญิงของรมต.สุบรรณเสียชีวิต ผู้การนรินทร์ซึ่งมีนิสัยรักสันโดษและสมถะก็ยิ่งเหินห่างจากน้องเขย แต่รมต.สุบรรณยังคงตามตื้อผู้การผ่านทางนาถสุดาเสมอ
    วันหนึ่งผู้การนรินทร์นั่งทางในและเห็นลางบอกเหตุภิบัติภัยร้ายที่จะมาถึงตัวรมต.สุบรรณ ผู้การจึงรีบมาเตือนให้อดีตน้องเขยระวังตัวและหมั่นทำบุญสร้างกุศลเพื่อให้กรรมหนักผ่อนเป็นเบา แต่รมต.สุบรรณไม่สนใจ ยังคงก่อกรรมขยายอำนาจของตัวและกอบโกยทรัพย์สมบัติด้วยความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    นายอำนาจเชื่อว่าเหตุการณ์ร้ายๆ รวมกับที่อากรสมุนมือขวาคนสำคัญของเขาหนีไปบวชนั้นเป็นฝีมือของเจ้าอุรคา นายอำนาจส่งลูกสมุน ปัญญา และ สมศักดิ์ ไปทำร้ายเจ้าอุรคาถึงบ้าน
    ปัญญาใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจากทางเหนือเข้าต่อกรกับเจ้าอุรคา แต่คนธรรมดาฤาจะสู้พญานาคีอันมีฤทธีแก่กล้าได้ ปัญญาสิ้นชีวิตภายใต้คมเขี้ยวพญานาคของชรายุ ส่วนสมศักดิ์นั้นเจ้าอุรคาส่งกลับไปเตือนนายอำนาจว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร??? สมศักดิ์ในสภาพไร้สติเหนี่ยวไกปืนใส่นายอำนาจก่อนจะปลิดชีพตัวเอง โชคยังดีที่นายอำนาจยังไม่ถึงที่ตาย เขาจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นต่อเจ้าอุรคา พร้อมทั้งประกาศว่าจะต้องเอาชีวิตสตรีผู้นี้ให้จงได้
    นายอำนาจสบโอกาสเหมาะเมื่อเจ้าอุรคาเชิญรมต.สุบรรณไปรับประทานอาหารที่บ้าน เขาวางแผนร้ายจะลอบวางระเบิดบ้านของเจ้าอุรคา ระเบิดจะทำงานทันทีที่รมต.สุบรรณและนายอำนาจพ้นไปจากบ้านเจ้าอุรคา แต่เขากลับไม่รู้ว่าวันนั้นคือวันสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสทำชั่วต่อไปบนโลก!!
    เจ้าอุรคาต้อนรับรมต.สุบรรณด้วยอาหารเลิศรสตกแต่งอย่างสวยสดงดงาม จนรมต.สุบรรณลิ้มลองแล้วต้องชมไม่ขาดปาก โดยเฉพาะเมนูพิเศษอย่าง “งูเห่าผัดเผ็ด” นั้นรมต.สุบรรณกินอย่างเอร็ดอร่อยในขณะที่นายอำนาจกลับเห็นเป็นภาพงูเห่ามีชีวิตเลื้อยอยู่บนจาน
    นายอำนาจร้องตกใจและรีบขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่สายตาของเขากลับ
    ยิ่งพบภาพน่ากลัวมากขึ้น นายอำนาจเห็นภาพอสรุกายร่างกายอัปลักษณ์มีศีรษะเป็นงูเข้ามารุมทำร้ายจนนายอำนาจหัวใจวายตายในสวนของบ้านเจ้าอุรคานั่นเอง
    เจ้าอุรคาฉายสไลด์ชุดพิเศษที่รมต.สุบรรณชมแล้วเกิดอาการเคลิ้มกึ่งฝันเห็นดินแดนโภควดีและในขณะที่เจ้าอุรคากำลังจะย้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์นองเลือดในอดีต ยมนาซึ่งมารับวิญญาณของนายอำนาจได้เข้ามาขัดจังหวะขัดขวางการกระทำของเจ้าอุรคาไว้ได้ทันพอดี ทำให้เจ้าอุรคาโกรธยมนาเป็นอันมาก แต่ยมนาได้ตักเตือนด้วยสุรเสียงเกรี้ยวกราดของอำนาจแห่งยมทูต สั่งมิให้เจ้าอุรคาทำร้ายรมต.สุบรรณอีกต่อไปมิฉะนั้นเขาจะลงโทษเจ้าอุรคา
    เจ้าอุรคาหวาดกลัวจึงรับปากว่าจะไม่ทำอันตรายต่อชีวิตนายสุบรรณอีก แต่จะขอรอเวลาให้ได้
    ชมความย่อยยับของนายสุบรรณแล้วจะยอมกลับนครใต้บาดาลแต่โดยดี

    เจ้าอุรคาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำของภุชคินทร์ด้วยหลายวิธีการ แต่ภุชคินทร์ได้ลืมชาติในอดีตไปจนหมดสิ้นจนเจ้าอุรคาทดท้อใจ
    ภุชคินทร์รู้สึกว่า เจ้าอุรคามักจะพูดจาแปลกๆและกำกวม มีหลายครั้งที่เธอพยายามพูดถึงอดีตที่เขาไม่เข้าใจและจำไม่ได้ ต่อเมื่อเขาได้เจอกับ ดร.วิชัยสิงห์ นักเทววิทยาชาวอินเดียแห่งมหาวิทยาลัยพาราณสี ที่เดินทางมาเพราะได้ข่าวว่ามีคนเห็นพลอยนาคสวาทที่เมืองไทย ดร.วิชัยสิงห์ตามหาพลอยนาคสวาทเพราะเชื่อเรื่องตำนานของพญานาคและเขากำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
    วันหนึ่งดร.วิชัยสิงห์ได้มีโอกาสรู้จักกับเจ้าอุรคา เจ้าอุรคารับรู้การมาของดร.วิชัยสิงห์จึงเตือนให้ดร.วิชัยสิงห์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเขียนเรื่องราวของตำนานพญานาคและพลอยนาคสวาทเสีย ดร.วิชัยสิงห์สัญญากับเจ้าอุรคาว่าจะไม่นำไปเรื่องราวไปเขียน ถ้าเขาผิดคำสัญญาขอให้เขาตายอย่างทุกข์ทรมาน ดร.วิชัยสิงห์ก็แค่รับปากส่งๆไปอย่างงั้นเองเพราะเห็นว่าเจ้าอุรคาดูเอาจริงเอาจัง เขาหวังว่าเมื่อตำราที่เขาค้นคว้าได้ตีพิมพ์มันจะนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ
    ดร.วิชัยสิงห์ได้สะกดจิตช่วยให้ภุชคินทร์รื้อฟื้นความทรงจำในชาติภพที่เป็นภุชเคนท์เป็นพญานาคได้ นั่นทำให้ดร.วิชัยสิงห์ตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ความเชื่อเรื่องพญานาคของเขามีจริง เพราะความละโมบโลภมาก ดร.วิชัยสิงห์หมายมั่นว่าจะเอาเทปที่บันทึกการสะกดจิตและเรื่องการระลึกชาติของภุชคินทร์ไปหาผลประโยชน์โดยลืมคำสัญญาที่ให้กับเจ้าอุรคาไว้เสียสิ้น
    เจ้าอุรคาแค้นดร.วิชัยสิงห์ที่จะเอาเรื่องของภุชคินทร์ไปเขียนหนังสือจึงส่ง อหิเหร รูปสลักงูบน
    แผ่นศิลาให้ดร.วิชัยสิงห์ … คืนวันนั้นดร.วิชัยสิงห์ได้พบกับถูกฆาตกรรมอย่างลึกลับ
    เมื่อภุชคินทร์รู้ว่าตัวเองเป็นพญานาคภุชเคนทร์คนรักเก่าของเจ้าอุรคาในภพภูมิเดิมและก็ได้รู้อีกว่าแม้กาลเวลาจะผ่านมากี่ภพกี่ชาติความรักที่เจ้าอุรคามีต่อเขามิได้ลดน้อยลงเลย อีกทั้งยังเข้าใจสาเหตุของการตามล้างแค้นของเจ้าอุรคา เขาจึงรีบไปหาเจ้าอุรคาเพื่อบอกว่าเขาขอโทษที่ก่อนหน้าลืมเรื่องราวต่างๆจนหมดสิ้น เขาขอให้เจ้าอุรคาอโหสิกรรมให้รมต. สุบรรณและกลับไปยังนครใต้บาดาล เพราะเขาไม่ต้องการเห็นคนที่เขารักต้องก่อกรรมทำเข็ญให้หนี้กรรมติดตามไปอีกกี่ชาติกี่ภพ!
    รมต.สุบรรณเห็นว่าเจ้าอุรคาสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณชายภุชคินทร์มาก จนเกิดเป็น
    ความหึงหวง เขาสั่งให้ สุรินทร์ ซึ่งเป็นมือปืนคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ไปจัดการกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจของเขาเสีย
    สุรินทร์จับตัวภุชคินทร์ไปขังไว้เตรียมสังหาร แต่เจ้าอุรคาซึ่งรับรู้ได้เธอจึงบอกให้ไพศิษฐ์ตามไปช่วยภุชคินทร์ไว้ได้ทันเวลา สุรินทร์ซึ่งหนีรอดกลับมารายงานความล้มเหลวต่อรมต.สุบรรณ รมต.สุบรรณปลิดชีวิตสุรินทร์อย่างเลือดเย็น
    ภุชคินทร์และไพศิษฐ์ติดตามสุรินทร์มาถึงบ้านรมต.สุบรรณเขาประหลาดใจมากที่ผู้คนหายไปจากบ้านรมต.สุบรรณจนหมดสิ้น ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านที่เคยมีการอารักขาสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
    เมื่อเข้าไปถึงในบ้าน เขาทั้งสองพบกับหมอกควันสีเขียวลอยละล่องทั่วไปหมดจนแทบมองไม่เห็นทาง ภุชคินทร์ได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวของเจ้าอุรคาจึงเดินตามเสียงไปจนถึงห้องหนึ่งที่มีประตูเปิดออกไปเป็นสถานที่ๆทั้งเขาและไพศิษฐ์ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้
    เพราะเมื่อเปิดประตูออกไป…เขาพบว่ากำลังยืนอยู่ในถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม แสงภายในถ้ำมืดสลัวมีเพียงแสงสว่างอยู่ตรงกลางถ้ำ และตรงกลางนั้น รมต.สุบรรณ
    ถูกพันธนาการมตัวไว้อย่างแน่นหนา
    ไพศิษฐ์แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าเจ้าอุรคานั้นได้กลับไปอยู่ในร่างของอุรคาเทวี พญานาคีผู้มีร่างท่อนบนเป็นมนุษย์และท่อนล่างเป็นหางพญานาคขดเป็นบัลลังก์สูง กำลังโกธรเกรี้ยวที่รมต.สุบรรณลงมือทำร้ายชายอันเป็นที่รักของเธอเป็นครั้งที่สอง
    เจ้าอุรคาย้อนภาพให้ทั้งภุชคินทร์ รมต.สุบรรณและไพศิษฐ์ได้เห็นเรื่องราวในอดีตชาติที่พญาสุบรรณทำร้ายเจ้าชายภุชเคนทร์จนเสียชีวิตและทำร้ายเจ้าอุรคาบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับกระอักเลือดออกมาเป็น มณีนาคสวาท
    เมื่อรมต.สุบรรณเห็นอดีตชาติของตัวเองก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดหวั่นต่อวิบากกรรมที่กำลังจะได้รับ เขารู้สึกผิดที่ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับภุชเคนทร์และอุรคา โดยขอขมาและขออโหสิกรรมต่อภุชคินทร์และเจ้าอุรคาเพื่อให้ความแค้นจบลงที่ชาตินี้
    ที่แรกเจ้าอุรคาไม่ยอมแต่ยมนาปรากฎตัว เตือนสติเจ้าอุรคาให้หยุดวงล้อของกรรมเสีย จนเจ้าอุรคายอมให้อภัยและอโหสิกรรมให้กับรมต.สุบรรณในที่สุด รวมทั้งภุชคินทร์ด้วย ในกาลไหนเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
    ขณะเดียวกันบุญเก่าที่สะสมมาของรมต.สุบรรณก็หมดลง กงกรรมที่รมต.สุบรรณได้ทำไว้ได้ย้อนกลับมาหาเขาเหมือนรอยเกวียน เสี่ยทรงยศที่ขณะนี้ไม่ต่างกับหมาจนตรอกได้บุกเข้ามาในบ้านแล้วเอาปืนกระหน่ำยิงรมต.สุบรรณจนบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งยังโรงพยาบาล หมอได้ทำการช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแต่ในที่สุดก็ไม่อาจหยุดยื้อชีวิตของรมต.สุบรรณไว้ได้ ก่อนตายวิญญาณละจากร่างรมต.สุบรรณเห็นยมนามายืนรอรับเขาอยู่
    หลังจากรมต.สุบรรณได้ตายลง ก็ไม่มีใครได้พบเห็นเจ้าอุรคาอีกเลย
    ภุชคินทร์อยู่ในอาการเศร้าซึมเมื่อต้องจากพรากหญิงอันเป็นที่รักไปตลอดกาล เหลือเพียงมณีนาคสวาทที่เป็นตัวแทนแห่งความรักระหว่างเขากับเจ้าอุรคา
    จนวันหนึ่งเจ้าอุรคาที่ยังคอยติดตามความเป็นอยู่ของภุชคินทร์ด้วยความเป็นห่วงตัดสินใจหนีขึ้นมาบนโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อพบภุชคินทร์เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อบอกให้เขาหมั่นทำบุญสร้างกุศล ตั้งจิตอธิษฐานให้ได้กลับไปเกิดในชาติภพภูมิเดิมอีกครั้ง
    และเมื่อนั้น เธอและเขาก็จะได้พบและรักกันอีก

    ตัวละครใน “มณีสวาท”

    ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ รับบทโดย วิทยา วสุไกรไพศาล
    เชื้อพระวงศ์หนุ่มนักเรียนนอก รูปงาม ฐานะร่ำรวย หัวสมัยใหม่ อ่อนโยนจิตใจดีมีเมตตา อดีตชาติที่ชาติที่ผ่านมาเคยเป็นพญานาคชื่อภุชเคนทร์

    เจ้าอุรคา ณ เชียงตุง รับบทโดย ศรีริต้า เจนเซ่น
    เจ้าหญิงผู้ลึกลับผู้สูงศักดิ์ สวยสง่า มีความงามเป็นเลิศ จิตใจเด็ดเดี่ยว เต็มไปด้วยรอยแค้นแรงรัก เจ้าอุรคาอีกร่างหนึ่งนางพญานาคีที่กลับมาทวงความแค้นคนที่พรากความรักของนางไป ขณะเดียวกันก็มาทวง ความรักที่ถูกลืมเลือนไปแล้วเพราะชาติภพ

    รมต.สุบรรณ ครุฑไพทูรย์ รับบทโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
    นักการเมืองเจ้าเสน่ห์ที่มาจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งถูกและผิดกฎหมาย หน้าตาและบุคลิกดีแม้จะอายุก้าวเข้าวัยกลางคนเป็นคนเจ้าชู้ เป็นคนเลือดเย็น นิ่งสงบได้แม้อยู่ในเหตุการณ์วิกฤตถึงชีวิต

    ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ ถาวรวัฒน์ รับบทโดย โทนี่ รากแก่น
    มือปราบหนุ่มปากกล้าอนาคตไกลที่ถูกขอตัวมาเป็นตำรวจติดตามรมต. สุบรรณเป็นเพื่อนร่วมมัธยมของภุชคินทร์ มาจากครอบครัวฐานะปานกลางกำพร้าบิดามารดา จึงมักจะน้อยเนื้อต่ำใจ กลัวว่าคนจะครหาว่าใช้แฟนสาวซึ่งเป็นหลานของรมต.สุบรรณเป็นสะพานสู่ความสำเร็จ

    นาถสุดา สิทธิรัช รับบทโดย เจสสิกา ภาสะพันธุ์
    คู่หมั้นสาวของไพศิษฐ์ สวย ทันสมัย อ่อนหวาน เป็นกำลังใจสำคัญให้กับไพศิษฐ์ บุตรสาวคนเดียวของพอ.นรินทร์
    เฟื่องวลี วรราชสุวัฒน์ รับบทโดย ชล วจนานนท์
    หลานภริยาของรมช.ภิงคาร สวย เปรี้ยวจนเข็ดฟัน โตเมืองนอก เอาแต่ใจ ไม่ยอมคน

    ยมนา รับบทโดย ปัญญาพล เดชสงค์
    ยมทูตกัลยาณมิตรของเจ้าอุรคาในร่างมนุษย์สวมชุดดำ สูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาราวกับรูปสลัก ปรากฎตัวที่ไหนต้องมีคนตายที่นั่น

    เฟื่องฟ้า วรราชสุวัฒน์ รับบทโดย สุปราณี เจริญผล
    น้องภริยาของรมช.ภิงคาร แม่ของเฟื่องวลี เป็นม่ายผู้ดีเก่า ฐานะร่ำรวยจากกองมรดก ธรรมะธัมโมชอบเข้าวัดเข้าวา ร่างกายอ่อนแอ รักและห่วงลูกสาวมากจนตามใจเกินเหตุ

    ภิงคาร รับบทโดย กมล ศิริธรานนท์
    รมช.กระทรวงต่างประเทศ น้องชายของหม่อมภาณี เป็นน้าชายของภุชคินทร์ เป็นนักการเมืองคนซื่อมือสะอาด

    หม่อมภาณี รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์
    มารดาของภุชคินทร์ที่ยังสาวสวย เป็นคนทันสมัย ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ชอบทำงานสังคมงานการกุศล

    นารีวรรณ รับบทโดย อารดา อารยวุฒิ
    หลานห่างๆที่หม่อมภาณีขอมาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เด็ก ร่าเริง น่ารักน่าเอ็นดู ช่างประจบ หัวอ่อนเชื่อคนง่าย มองโลกในแง่ดี

    อำนาจ รับบทโดย ปิยะ วิมุกตายน
    เลขานุการส่วนตัวของรมต.สุบรรณที่ทำหน้าที่เป็นสมุนมือขวาดูแลกิจการทั้งถูกและผิดกฎหมายให้กับรมต.สุบรรณ เป็นคนขี้โมโห เจ้าอารมณ์ โหดร้าย มุ่งทำชั่วไม่กลัวบาปกรรม

    พอ.นรินทร์ สิทธิรัช รับบทโดย ศานติ สันติเวชกุล
    พ่อของนาถสุดา เป็นพี่ภริยาเก่าของรมต.สุบรรณ เป็นคนธรรมะธัมโม สามารถนั่งทางในมองอดีตและอนาคต รักสันโดษ สมถะ

    พะนอฤดี รับบทโดย อริญรดา ปิติมารัชต์
    เพื่อนของนารีวรรณ มาจากฐานะปานกลาง หวังจะร่ำรวยแบบก้าวกระโดดด้วยการแต่งงานกับภุชคินทร์

    ชรายุ รับบทโดย อุษณีย์ พึ่งป่า
    นางกำนัลที่ติดตามเจ้าอุรคามาจากนครโภควดี มาเป็นสาวรับใช้ที่เมืองมนุษย์

    ทรงยศ รับบทโดย กลศ อัทธเสรี
    ศัตรูคู่อาฆาตของสุบรรณ

    อติศรี รับบทโดย น้ำเงิน บุญหนัก
    ยายของไพศิษฐ์ หญิงโสดวัยชรา ใจดีมีอารมณ์ขัน ชอบทำบุญทำทาน

    ดร.วิชัยสิงห์ รับบทโดย กมล ทองพลับ
    นักเทววิทยาจากอินเดีย

    อากร รับบทโดย-
    มือปืนลูกสมุนมือขวาของนายอำนาจ เหี้ยมโหด ฉลาดสุขุม

    สุรินทร์ รับบทโดย ฐิติอานันท์ พัทธไพสิฐ
    มือปืนหน้าหยกจอมเจ้าชู้ สมุนของนายอำนาจ
     
  15. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ลักษมี จันทรตรา ...ขอถามคุณวารุนีหน่อยค่ะคนเราสามารถมีอะไรทางจิตได้หรือค่ะช่วยตอบหน่อยค่ะ
    คำตอบเหล่านี้อาจารย์ไม่ตอบคำถามทางเฟสแล้วแต่เปิ้ลเอาคำถามเหล่านี้ไปถามอาจารย์ท่านตอบมาเปิ้ลมา เลยจำมาเล่าให้ฟัง อาจจะไม่ละเอียดละออลึกซึ้งเท่าที่อาจารย์พูดก็ขออภัยด้วย
    ....เปิ้ลอ่านแล้วไปถามท่านว่าคนเราทำอะไรทางจิตได้หรือ
    ....ท่านตอบว่าแค่กสิณสิบก็แสดงฤทธิ์เช่นทำให้ไฟลุก ทั้งน้ำ ทั้งลม พระอริยะบางท่านเหาะเหินเดินอากาศยังทำได้ ด้วยอำนาจจิตดวงเดียว ในความเป็นจริง จิตของคนเรานั้นไม่มีรูปร่าง มีแต่สังขารที่เรียกว่ารูป สีสรรก็ไม่มี สิ่งที่ทำให้มีคืออุปทานปรุงแต่งให้มีให้เป็น จิตทำอะไรก็ได้ถ้าฝึกจิตได้ดีแล้ว สามารถทำสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุด ในสามโลกได้คือ ตัดอาสวะตัดภพชาติเกิดได้จึงไปนิพพานได้ และนิพพานก็ไม่สามารถไปด้วยวิธีอื่นได้ จะไปได้ก็ที่จิตดวงเดียว ส่วนทางโลกบางเรื่องแค่คิดอะไรกิเลสก็ปรุงจิตแล้ว ไม่ว่าดีหรือชั่วถ้าเรามีสติ ทันเราก็หยุดมันทันก่อนคำพูดที่เกิดที่จิต จะหลุดออกจากปากก็จะจบแค่ที่จิตไม่ผ่านปากออกมา คำพูดก็ไม่มีขึ้นมา แต่ถ้าหยุดไม่ได้มันผ่านออกปากแล้วมันก็จะไปจนกว่าจะหมดเรื่อง หรือเหนื่อยมันจึงจะหยุดเอง ต่อจากนั้นก็จะส่งเรื่องต่อไปให้สังขาร สังขารจะลงมือทำต่อไป ดีหรือชั่ว ทุกอย่างก็เกิดจากจิตก่อนทั้งนั้น และทุกอย่างเริ่มจากกิเลสปรุงจิตที่วางเปล่า สัญญาอุปทานก่อตัวเรื่องราวจึงเกิดจากจิตดวงเดียวเช่นกัน แล้วคุณละว่าจิตสามารถทำและมีอะไรทางจิตได้ไหม แม้ในขณะหลับจิตที่ฝึกจนรู้ตื่นตลอดเวลา แม้ยามหลับ จิตก็ยังตื่นไม่ได้หลับไปตามสังขาร เมื่อจิตยังฝึกตื่นตลอดเวลาไม่ได้มันก็ไปด้วยกันกับความฝันแบบตามเรื่องตามราวที่เกิดกับจิตในขณะที่ฝันไป มีทั้งรัก ทั้งบู๊ ล้างผลาญครบทุกรส แต่ถ้าจิตฝึกตื่นแล้วจิตจะแยกออกจากสังขาร เวลามันจะฝันก็เป็นเรื่องของสังขาร เป็นไปแบบไม่มีสติตามเรื่องตามราวของมัน ส่วนสติที่ฝึกตื่นอยูตลอดก็จะเป็นเป็นฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ และเฝ้าดูความฝันของสังขารที่กำลังทำอะไรแบบโง่ๆและตลกๆ เมื่อใดที่ผู้ฝึกจิตจนตื่นอยู่ตลอดก็จะเข้าใจคำตอบได้ไม่ยาก แต่ผู้ที่ยังก็ยังมีคำถามว่า ทำไมๆๆ ไม่ใช่ๆๆ ไม่จริงๆๆ ผู้ตอบนิ่งเสียตำลึงทอง คำถามสองคำแต่ความหมายเชิงอธิบาย มันไม่ง่าย อาจารย์ทำให้ง่ายได้แค่นี้เข้าใจหรือเปล่าไม่รู้ แต่เชื่อเรื่องปัญญาของแต่ละคนไม่เท่ากันแล้วเชื่อว่ามีผู้ใฝ่ธรรมอีกมากที่เข้าใจคำตอบนี้ คำถามนี้เมื่อเปิ้ลนำมาถามเพราะเขาเองก็อยากรู้ ทั้งๆที่หยุดตอบทางเฟสแล้วก็ยังมีคำถามมา จะไม่ตอบก็เป็นเรื่องของธรรมด้วยจึงต้องตอบเปิ้ลกับเจ้าของคำถาม แล้วสั่งไว้ว่า อย่ารับคำถามผ่านเฟสมาถามอีกมันจบแล้ว เราพอแล้ว
    อธิบายสติฝึกแล้วตื่นตลอด สังขารที่ไม่มีสติเวลาหลับความฝันก็จะไปกับสังขารความฝัน ส่วนสติที่ถูกฝึกให้รู้ตื่นตลอดก็จะเฝ้าดูสังขารความฝัน แล้ววิพากษ์วิจารณ์ความฝันที่ไม่มีสติคือ สมมุติว่าสังขารในความฝันๆ ตัวเจ้าของความฝัน กำลังเดินไปที่ต้นไม้ ตัวสติที่รู้ตื่นก็มองเห็นสังขารเดินไปที่ต้นไม้ก็จะสงสัยว่าเดินไปทำไม พอเดินไปถึงต้นไม้ ตัวสังขารที่ไม่มีสติมันจึงคิดไม่เป็นมันก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ตัวสติที่ตื่นก็สงสัยว่ามันปีนต้นไม้ทำไม พอปีนถึงกิ่งก็คลานไปหาปลายกิ่งแบบไม่ได้มีสติคิดว่าปลายยอดไม้กิ่งมันอ่อนแล้วจะหักทำให้ตกลงไปตายได้ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสังขารที่ไม่มีสติระลึกรู้เหมือนปกติยามตื่น ส่วนสติที่ฝึกให้รู้ตื่นแม้ยามหลับ ก็จะนึกคิดพิจารณาเมื่อมองเห็นสังขารไม่มีสติยามฝันไปว่าขึ้นต้นไม้ว่า ปีนไปทำไมที่ปลายยอดเดี๋ยวตกลงมาตายหรอก นี่แหละที่เขาเรียกว่ากายหลับ แต่สติกับจิตไม่หลับที่เขาเรียกทางธรรมว่าสติตื่นจิตตื่น หรือหลับในตื่น เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เคยอ่านเจอ เรื่องหนึ่งมานานจนจำไม่ได้แล้วว่าใช่หลวงปูแหวนหรือเปล่า มีคนถามท่านว่า หลวงปู่ครับพระอรหันต์ยังฝันอยู่อีกไหมครับ หลวงปู่ตอบว่า สังขารมันก็ฝันไปตามเรื่องตามราวของมัน ก็สงสัยว่ามันเป็นยังไงนะ เมื่อฝึกสติรู้ตื่นตลอดเวลาได้จึงเข้าใจคำตอบของหลวงปู่ว่า อ๋อมันเป็นอย่างนี้นี้เอง...แล้วคุณละตื่นในขณะสังขารหลับกันบ้างแล้วหรือยัง.

    จากเพจ http://www.facebook.com/varunee.sawasdeepak
     
  16. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    แอบเก็บมาเล่า(ตอนต่างประเทศ)
    แปลกแต่จริง เมื่อก่อน อาจารย์จะบอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า ภวันตุเตในวันข้างหน้า จะมีแต่คนต่างชาติและคนที่แต่งงานกับคนต่างชาติจะเข้ามาสนทนาธรรม มากมาย เราก็ได้แต่สงสัยจริงหรือ ณ ตอนนี้มีคนที่อยู่ต่างประเทศ เริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆ เมื่อมาแล้วก็เกิดความประทับใจ บอกกล่าวเพื่อนๆต่อๆกันไป ตอนนี้ก็มีมากมายหลายประเทศที่อยากเข้ามา ทางเราก็ยินดีต้อนรับอีกไม่กี่วันนี้ก็จะเข้ามาอีกกลุ่ม สงสัยเรื่องนี้คงจะเป็นอีกเรื่องที่คงจะเป็นความจริง แล้วจะมีผู้ที่จะนำเรื่องราวที่เข้ามาสัมผัสกับอาจารย์แล้วนำไปเขียนเรื่องราวต่างๆโดยได้ขออนุญาติอาจารย์แล้ว เรื่องที่เขาจะเขียน เขาตั้งชื่อว่า ความมหัศจรรย์ของจิต พวกเราจะได้อ่านกันหรือเปล่าต้องคอยดู เปิ้ลเก็บมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกัน
     
  17. skycode

    skycode Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +84
    เศร้าจังครับ ใจจะขาด ต้องรอคอย สิ่งอันเป็นที่รัก
     
  18. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ตำนานรักข้ามภพ ติดต่อสั่งได้ที่สำนักพิมพ์ช่อแก้ว ติดต่อ0863247404คุณเสาวนีย์ สวัสดิภักดิ์ ทราบว่าตอนนี้ยอดจองเข้ามามากครับ รายได้ทุกบาทเข้าเป็นค่าใช้จ่ายในสถานปฏิบัติธรรมภวันตุเตทั้งหมดครับ อนุโมทนาด้วยครับ
     
  19. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    ทุกครั้งที่ได้อ่านเนื้อเพลงรักข้ามภพหรือเปิดCD เพลงนี้ฟัง มักจะมีขนลุกบนศรีษะและตามแขนขาเสมอ เพลงนี้ช่างเพราะเหลือเกิน เนื้อเพลงปนไปด้วยความรัก ความปรารถนา ความมั่นคงต่อความรัก และความเจ็บปวดที่แสนจะสุขใจและด้วยความเต็มใจที่แฝงไว้ด้วยความหวังแห่งการรอคอย มันเหมือนมีมนต์สะกดทุกครั้งที่ได้อ่านหรือได้ฟังค่ะ แปลกเหลือเกินกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้
     
  20. 2554

    2554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +719
    เรื่องบางเรื่อง เพลงบางเพลง นวนิยาย ตำนาน หรือ นิทาน พื้นบ้าน บางเรื่อง

    ถ้าถ่ายทอดออกมาจากจิตวิญญาณ ของภพภูมิ ที่มีอยู่จริง มักจะ ลึกซี้ง กินใจ

    ในเนื้อหาสาระ ของเรื่องนั้น มากกว่า เรื่องที่แต่งขึ้น

    ดังเรื่องนี้ รักข้างภพ ที่เจ้าของกระทู้นำมาลง

    ตัวละครภพภูมิ มีจริงตามนั้น

    จะยกตัวอย่างเช่นเรื่อง ภูตแม่น้ำโขง ของสิทธา เชตวัน เจ้านางทอหูกก็มีจริงๆ

    หรือ เรื่องอื่นๆก็คล้ายๆกัน

    ๒๕๕๔ ก็โชคดีที่ได้มีโอกาสมารับรู้ อนุโมทนา.............☺
     

แชร์หน้านี้

Loading...