<<<<<<<______คนส่องพระ ______>>>>>>>

555 มาถึงก็เล่นบทดาวยั่วเลยนะครับ

deeja__a สวัสดีครับคุณ wannachai

 

ทานมื้อเที่ยงหรือยังคร้าบพี่โญ....

เมื่อวานถามเรื่องเหรียญที่พี่โญรักมากที่สุด...งั้นวันนี้อยากทราบว่าพระเนื้อผงองค์ไหนที่พี่โญรักและชอบมากที่สุดคร้าบบ ^__^

 

555 เนื้อผงนี่เรื่องยาวเลยอ่ะ แบบว่าติดผงครับ catt3

 

เห็นลงไปกราบหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ.เพชรบุรี

เลยควานหามาลงมั่ง catt3



pig_cryy2 จมูกมีรอยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้



น้อมกราบพระรัตนตรัย

น้อมกราบหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม

:z5

 

สวยมากกกกกครับพี่โญ....(^^)

 

สุดยอดเลยครับพี่โญ..มีเหรียญรุ่นแรกด้วย(good)(good):z5:z5

 

ว้าววววว ชอบบบบบบบ

 

เสียดายแทนเลยครับพี่รัก....แต่โชคดีที่ยังเหลืออยู่1องค์ยะครับเนี๊ยย ^^

 

จากที่ตามอ่านกระทู้ นี้มีแต่คนโพสธรรมะ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้อ่าน ผมชอบธรรมะที่คุณ nitikoon29 เอามาลงมากๆ ยาวๆ ก้ยังตามอ่าน คุณคนอวดพระ ธรรมะสั้นๆ แต่บาดลึก อยากถามความเห็ทั้งสองท่านว่าคนประเภทข้างบน เป็นคนแบบไหนครับ...

โดยเฉพาะอันนี้ คุณคนอวดพระ เขียนได้คมมากๆ...

 

คุณอั๋น ในฐานะที่คุณเจ้าของกระทู้ ที่มีคนเข้าเยอะอันดับต้นๆ มีความเห้นว่ายังงัยบ้างครับ ผมถามคุณคนอวดพระ หรือ คุณ nitikoon 29 ก็ไม่ตอบผม หรือ ว่าสิ่งที่ผมถามมันไร้สาระ หรือ เพราะผมเป็นคนใหม่...

 

แหล่งที่มาของข้อมูล http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOVEU1TVRFMU13PT0=
วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7295 ข่าวสดรายวัน

พระสมเด็จเหม็น วัตถุมงคลดัง-หลวงพ่ออุ้น
คอลัมน์ มุมพระเก่า
อภิญญา

สมัยก่อนพระเครื่องที่สร้างขึ้นโดยพระคณาจารย์ ซึ่งมีตำแหน่งระดับชั้นสมเด็จ เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มักจะเรียกพระพิมพ์สี่เหลี่ยมว่า "พระสมเด็จ" ระยะหลังมีพระเกจิอาจารย์หลายรูป สร้างพระพิมพ์สี่เหลี่ยมคล้ายพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เซียนพระและนักสะสมเลยนิยมเรียก "พระสมเด็จ" เฉกเช่นเดียวกัน แต่จะมีคำต่อท้ายระบุว่าเป็นพระสมเด็จรุ่นไหน และพระเกจิอาจารย์รูปใดสร้าง อย่างเช่น "พระสมเด็จเหม็น" ของ "หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม" วัดตาลกง ต.มาบ ปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

ที่หยิบยก "พระสมเด็จเหม็น" มาพูดถึงในครั้งนี้ ก็เพื่อระลึกถึงหลวงพ่ออุ้นที่ท่านเพิ่งละสังขารไป

จะว่าไปแล้ว เมืองเพชรบุรี มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เก่งทางด้านพุทธาคมมากมายหลายรูป หลายยุคหลายสมัย อาทิ หลวงพ่อแช่ม วัดนางยาง, หลวงพ่อแก้ว วัดหัวนา, หลวงพ่อโศก วัดปากคลอง, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง, หลวงพ่อมี วัดพระทรง, หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม, หลวงพ่อปลอด วัดปากทะเลใน, หลวงพ่อคุณ วัดพระนอน, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ, หลวงพ่อทอง วัดเขากระจิว, หลวงพ่อผิว วัดตาลกง ซึ่งปรากฏอยู่ในทำเนียบพระเกจิอาจารย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย



พระครูวินัยวัชรกิจ หรือ หลวงพ่ออุ้น ก็เป็นอีกท่านหนึ่ง ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังร่วมสมัยในปัจจุบัน ศิษย์สายตรงหลวงพ่อผิว อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลกง ผู้เป็นลุง ท่านเชี่ยวชาญวิชาไสยศาสตร์เวทมนตร�คาถาอาคมรุ่นเดียวกับ หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง และมีความสนิทสนมกับหลวงปู่นาค วัดหัวหิน

หลวงพ่ออุ้นได้ถวายตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เล่าเรียนวิชาไสยศาสตร์สมถกรรมฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน โดยเรียนฝึกวิชากสิณจนเชี่ยวชาญในกสิณ 10 ทั้งได้เรียนตำรับผงเมตตาต่างๆ ชั้นสูงจากหลวงพ่อ ทองศุขจนครบถ้วน

โยมบิดาของหลวงพ่ออุ้น เป็นหมอไสย ศาสตร์มีความรู้เรื่องยาโบราณเป็นอย่างดี ท่านจึงเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ นอก จากนั้น ยังได้เรียนวิชาการสักยันต์ด้วย ท่านจึงเป็นที่พึ่งทางด้านจิตใจของชาวบ้าน เคยมีเรื่องเล่าว่า ในสมัยก่อนเมื่อชาวบ้านถูกคุณไสย หรือผีเข้า ถ้าขู่ว่าจะพาไปหาหลวงพ่ออุ้นผีมักจะออกทันที

ตลอดชีวิตในเพศบรรพชิต หลวงพ่ออุ้น ทุ่มเทให้กับวงการพระพุทธศาสนาอย่างมาก โดยเฉพาะการสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุต่างๆ ปรากฏเป็นรูปธรรมมากมาย เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ ฌาปนสถาน สำนักสงฆ์ โรงเรียน ถนนหนทาง กำลังวัด เป็นต้น

:z5

 

เหตุแห่งที่มาของการสร้างวัตถุมงคล พระสมเด็จเหม็นจนโด่งดัง ครั้งหนึ่งอุโบสถหลังเก่าของวัดตาลกงมีอายุ 160 กว่าปี มีสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างหนัก หลวงพ่อผิว เจ้าอาวาสในขณะนั้นชราภาพมากแล้ว จึงดำริให้หลวงพ่ออุ้น รับผิดชอบดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น

ภายในอุโบสถหลังเก่านี้ หลวงพ่อตุ้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลกงได้นิมนต์หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี มาทำผงอิทธิเจ บรรจุได้ 1 โอ่ง ประมาณปีพ.ศ.2447 ต่อมาปีพ.ศ.2495 หลวงพ่ออุ้นได้นำมาเก็บรักษาไว้ และนำมาผสมกับผงพุทธคุณของท่าน แล้วบดผสมข้าวปากบาตรและข้าวก้นบาตร กดพิมพ์ทำเป็นพระผงสมเด็จคะแนนขึ้น ส่วนหนึ่งนำไปบรรจุในอุโบสถหลังใหม่ และส่วนหนึ่งแจกแก่พุทธศาสนิกชน

พระสมเด็จเหม็น หรือ พระสมเด็จพิมพ์คะแนน จำนวนการสร้างประมาณ 84,000 องค์ ผสมผงอิทธิเจ ผงปัถมัง ผงมหาราช ของหลวงพ่ออุ้น ผสมกับผงอิทธิเจของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ บรรจุอยู่ในอุโบสถหลังใหม่ จำนวน 50,000 องค์ แจกออกไปให้บูชาประมาณ 30,000 กว่าองค์

:z5

 

รออ่านธรรมะต่อดีกว่า...เหอๆ

 

ลักษณะของพระสมเด็จเหม็น 1.มียันต์หลัง ว.ต.ก.ชัดเจน อยู่ประมาณ 4,000 องค์ 2.มียันต์หลังและคำว่า ว.ต.ก. ไม่ชัดเจนเนื่องจากป้ายสีผึ้งอยู่ประมาณ 30,000 องค์ 3.มียันต์หลังไม่ชัดเจน เนื่องจากพิมพ์สึกจนเลือนรางประมาณ 50,000 องค์

สำหรับเนื้อที่พิมพ์ยันต์หลังชัดเจน จะมีเนื้อลองพิมพ์เป็นสีแดงอมน้ำตาลประมาณ 500 องค์ เนื้อแก่น้ำมันประมาณ 2,500 องค์ และผงเก่าในอุโบสถล้วน เนื้อจะออกขาวและยุ่ยอ่อน ถูกเบาๆ ก็จะเป็นรอย ถูกน้ำไม่ได้จะละลาย อยู่ประมาณ 1,000 องค์ ทั้งหมดนำมารวมกัน และทำพิธีปลุกเสกตั้งแต่ปีพ.ศ.2497 เรื่อยมาจนถึงปีพ.ศ.2505 จึงได้นำออกแจก รวมระยะเวลาปลุกเสกนานถึง 8 ปี

ในส่วนที่เรียกขานกันว่า "สมเด็จเหม็น" เนื่องจากองค์พระมีกลิ่นเหม็นนี้ คงเกิดจากข้าวปากบาตรและข้าวก้นบาตรที่นำไปหมักผสมกับผงต่างๆ เหม็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการหมักว่านานเพียงใด หลังจากพระสมเด็จเหม็นได้ถูกแจกจ่ายออกมา ผู้นำไปอาราธนาพกพาติดตัว ต่างประจักษ์พุทธคุณซึ่งเปี่ยมล้นครบทุกด้าน ทั้งอยู่ยงคงกระพัน มหาอุด เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์และค้าขาย กล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวาง

พระสมเด็จที่เหม็นเพียงชื่อเท่านั้น!!!

:z5

 

องค์นี้เขาเรียกว่าพระอะไรครับน้อง nitikoon

:z5

 

ออกที่วัดบางขุนพรหม ประมาณปีไหนครับพี่ช้าง พอจะจำได้หรือเปล่าครับ

:z7