"บันทึกในเวลางาน"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย markdee, 22 ธันวาคม 2012.

  1. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    " ทางมีไว้ให้เดิน...แล้วเราก็เดินตามทางนี้แล้ว..ปัญหามันอยู่ที่ว่า..เราจะสำคัญตนเองผิดไปหรือเปล่า...หรือเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า...เส้นทางที่เดินนี้..ถูกต้องแล้ว ? "
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เดินทางไหนล่ะครับ
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คำถามแบบนี้ เวลาตอบแล้ว ก็อาจจะดูว่า เชย หรือไม่ก็อาจจะโดน
    กล่าวหาเอาดื้อๆว่า ภาวนาไม่เป็น แต่ ..........เชื่อไหมว่า ยังไงก็
    ใช้วิธีนี้กันทุกคน

    คำตอบคือ " เผลอแล้วรู้ "

    คือ หากเรายังฟังธรรมบ่อยๆ ฟังบ่อยๆ นะ ฟังซีดี หรืออ่าน พระไตรปิฏกก็ได้
    หากเรายังสดับธรรมเนืองๆ เดี๋ยวเถอะ จิตมันจะสะดุ้งเอง

    ทำไมสะดุ้ง ก็เพราะว่า ผัสสะที่ได้จากการยังหมั่นสดับธรรม ทำให้ระลึก
    ได้ใน อกุศลธรรมที่เรายังไม่ได้ละอะซิ ก็เรียกว่า ไปเห็น สภาวะจิตที่
    เผลอหรือถลำ หรือ จม ไปนาน มองไม่ออก

    เรียกอีกอย่างว่า เจริญแล้วเสื่อม เห็นเสื่อมแล้วก็กลับมาเจริญกันต่อไป

    หากจะใช้ภาษา พุทธวัจนะ ก็จะใช้คำว่า " เธอจงพิจารณาการกำเริบกลับ
    ของสิ่งที่ข้ามไปแล้วไว้ด้วย "

    **************

    เนี่ยะ ถ้าเมือไหร่ จิตใจที่ได้รับการอบรม มันเฝ้นธรรม เห็นสภาวะที่เผลอ
    หรือ เสื่อม หรือ อกุศลที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่ได้ละได้ โดยอาศัยการยังหมั่น
    สดับธรรมเนืองๆ ( ต้องสดับนะ ไม่เอา สนทนา ถ้าจะ สนทนา ต้องเป็น
    ฝ่ายฟัง ไม่เอาเป็นฝ่ายพูด เพราะจะเห็นยาก )

    จะเห็นว่า การสดับธรรมะ อ่านพระไตรปิฏก หรือ ฟังธรรมจากซีดี วิทยุ
    เนืองๆ แล้ว จิตมันสะดุ้ง เราจะมั่นใจเองว่า " เราอาศัยระลึก " คือ
    สดับธรรมเพื่ออาศัยระลึกเห็นอกุศลธรรม ไม่ใช่เพราะเรา ตั้งใจจดจำ
    จะเมคอะไรขึ้นมาเป็น

    ธรรมทับจิต ไม่มี

    มีแต่ ธรรมจักหมุนทำลายอกุศลธรรม และเป็นประโยชน์ต่อสัตว์โลกเสมอ

    ****************

    แต่ กิเลสทับธรรม อันนี้มีนะ คือ คนที่เอากิเลสนำหน้าการปฏิบัติ เอากิเลส
    มาฉาบหน้าการปฏิบัติ อันนี้ เราไม่ถือว่าเป็น พวกหมั่นสดับธรรม พวกก๊อปปี้
    ธรรม พวกเอาธรรมเป็นเครื่องมือการค้า หากิน นี่จะไม่จัดเป็นนักปฏิบัติ
    จัดเป็น นักคิด หรือ เดียรถีย์ ไปเลย
     
  4. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    คนที่เอากิเลสไปนำหน้าการปฏิบัติ
    เดียรถีย์
    เดรัจฉานวิชาหรือไม่อย่างไรขอรับ

    หากปฏิบัติเพื่ออยาก
    มากกว่าดับทุกข์
    หรือไม่อย่างไร

    ถามอีกว่าท่านที่ไม่ทุกข์ปฏิบัติเพื่ออะไร

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  5. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    เรียนรู้ทุกข์..เข้าไปดูทุกข์..ไปรู้ขนาดของทุกข์..เห็นการดำรงค์อยู่ของทุกข์....และทุกข์นั้นก็จากไปค่ะ
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ก็ดีแล้วนี่ครับ

    โลกนี้
    นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด
    นอกจากทุกข์ไมมีอะไรดับ

    ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น
    ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

    การกำหนดรู้ทุกข์ จึงเป็น สิ่ง ที่ไม่ผิดทาง
     
  7. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ยังไม่ค่อยเข้าใจ..แต่ก็ใช่ค่ะฟังธรรมอยู่ฟังเรื่องเล่าจากพระอาจารย์สมภพฟังมากๆในเทศนาเดิมๆ...แรกๆไม่รู้เรื่อง...แต่สภาวะธรรมมันเกิดขึ้นตามแบบที่ท่านเล่าจริงๆค่ะ
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เวลาคนเรา เกิดลังเล สงสัย

    ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
    ไม่มีความเชื่อใจในตัวเอง

    เอ๊ะ นี่อะไร เอ๊ะ นี่ผิดหรือถูก

    เมื่อไปเดินหาคำตอบ ตามเรื่องราวความสงสัยนั้น
    มันก็จะได้คำตอบแบบนอกๆ
    ไม่ได้คำตอบที่ต้นตอ คือที่ ใจ

    สงสัยมันผุดออกมาที่ ใจ
    นั่นเรียกว่า ทุกข์ได้เกิดขึ้นมาแล้ว

    หากสงสัยผุดขึ้นมาไม่กำหนดรู้
    นิวรณ์ก็ลากไปกิน
    ยาวเป็นหางว่าวเลยทีนี้
     
  9. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ใช่ค่ะ..แรกๆไม่ทันเลยโดนลากไปจริงๆ..รู้ไม่เท่าทันอารมณ์ และจิตมันก็ไวมากๆจนดูไม่ออกมันเป็นเนื้อเดียวกันเลย..ก็อาศัยความตั้งมั่นทำบ่อยๆ จึงค่อยรู้จักมันค่ะ..เรื่องที่ผุดในใจ พอมันรู้นอกแล้วมันก็เข้ามารู้ในเองค่ะ แต่ยังรู้ไม่ลึกซึ้งหรอกน๊ะค๊ะ
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ความสงสัยเป็นสิ่งร้ายกาจ

    หากไม่ฝึกหนดรู้ ความสงสัยไปด้วย
    ก็ยากจะเข้าถึงเนื้อใน
    ซึ่งปกติ เราก็ไม่สามารถไปถึงเนื้อในได้เลย
    ก็ต้อง วิ่งสู่ฟัดกันไปตาม สถานะการณ์

    การกำหนดรู้ความสงสัยบ่อย ๆ
    ก็เป็น การงดอาหาร อวิชาไปในตัว


    เพียรต่อไป ไม่ย่อท้อ ยังไงก็ไปถึงเส้นชัย
     
  11. ทศมาร

    ทศมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +237
    เวลาที่ผ่านวิปัสนูได้จะมีญาณตัวนึง ที่ทำให้ใจเราเชื่อมั่นในเส้นทางของตนเอง ญาณก็เหมือนจิตที่มีปัญญารู้เอง ไม่ใช่คิด
    สรุปคือถ้าผ่านวิปัสนูกิเลสหรือ ความพึงพอใจในอาการหรือสภาวะบางอย่างที่ได้จากการปฎิบัติิธรรม ไม่ติดไม่ดีใจจนทำให้ไม่รู้รูปนามต่อ จะพบเส้นทางนั้นเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอยู่
     
  12. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ปัจจุบันพบเส้นทางเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอยู่ค่ะ เริ่มๆเข้าใจอะไรๆมากขึ้น เรียงลำดับศัพท์แสงทางธรรมได้ดีขึ้น กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ต้องมองย้อนกลับไปกลับมาหลายๆรอบเลยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...