พระศรีอาริย์จะมาปรากฎพระองค์ในเมืองไทยระหว่างวันที26 พ.ย.นี้

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย bamrung, 15 ตุลาคม 2006.

  1. NARASAWA

    NARASAWA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +408
    ผะหยา

    ผะหยา หรือ ผญา เป็นคำภาษาอีสาน
    สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากคำว่า ปรัชญา
    เพราะภาษาอีสานออกเสียงควบ "ปร" ไปเป็น
    เช่น คำว่า เปรต เป็น เผต โปรด เป็น โผด
    หมากปราง
    เป็น หมากผาง
    ดังนั้นคำว่า ปรัชญา อาจมาเป็น ผัชญา แล้วเป็น ผญา อีกต่อหนึ่ง
    Entertainment : IsanGate ประตูสู่อีสานบ้านเฮา
    ความหมายของผญาที่คุณติงโพสมาหมายอย่างมีนัยว่าอย่างไรครับ

     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    "เทียวทางเวิ้ง เหิงนานหลาย มันสิค่ำ"


    "หมกปลาแดกตั้งโจ้โก้ สังมาจ้ำถืกแต่ตอง "

    หมกปลาแดก=หมกปลาร้า
    ปรกติใช้ใบตองห่อ แล้วนำไปหมกในขี้เถ้าร้อนๆจนสุก
    หรืออาจหมายถีงแจ่วบองที่ห่อด้วยใบตองก็ได้ค่ะ
    คนอีสานนั้นชอบรับประทานปลาร้า
    ถือว่าเป็นอาหารที่อร่อยสุด เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
    ดังนั้น หมกปลาแดก คืออาหารชั้นเลิศ
    ที่ใครๆก็ชอบรับประทานกว่าอาหารอย่างอื่น

    ตั้งโจ้โก้ อุปมาว่าตั้งอยู่ด้านหน้า

    สังมาจ้ำถืกแต่ตอง หมายถึง แทนที่จะเอาข้าวหนียวจิ้มปลาร้า กลับเอาข้าวเหนียวจิ้มใบตองแทน ซึ่งไม่อร่อยเลย

    "หมกปลาแดกตั้งโจ้โก้ สังมาจ้ำถืกแต่ตอง " ความหมายในทางธรรม หมายถึง ปัจจุบันนี้
    พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนั้นยังอยู่
    และใครก็ตามที่ปฏิบัติย่อมเห็นผลไม่มีบิดพริ้ว
    เหตุใดเราจึงเฝ้ารอยุคสมัยของพระศรีอาริย์
    นั่นคือสอนให้เราเร่งปฏิบัติ เร่งความเพียรค่ะ
     
  3. NARASAWA

    NARASAWA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +408
    ผมไปพบกระทู้เก่าๆ
    ท่านเคยมาแล้ว
    2549 ? หรือ เลื่อนมาเป็นปีนี้ (kiss)
    http://palungjit.org//newreply....eply&p=6667839
    ว่ากันตามความเชื่อนะครับ
    ผมไม่มีความรู้
    จึงไม่ทราบว่าความจริงคืออะไร

     
  4. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ตรงใจผมมากเลยครับ :cool:
     
  5. Pisitchai001

    Pisitchai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2012
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +362
    ผมว่า ... ถ้าพลาดพระศรีอารย์ไปจะเป็นไรไหม เพราะตอนนี้พระโพธิสัตว์บารมีรอตรัสรู้
    ก็ต่อคิวกันยาวเหมือนกัน ก็คงจะเจอองค์อื่น ไม่แปลกใจที่เกิดภัยพิบัติ ยังไงคนทำดีสั่งสมบุญกุศลไว้มาก บุญก็สะท้อนเข้าตัวเหมือนกัน...
     
  6. Sestulee

    Sestulee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +2,386
    เป็นไปตามแต่คิด เถียงกันไม่รู้จบเพราะต่างคิดว่าตนรู้
    จริงแท้ไม่แน่รู้จริงแค่ไหนในสิ่งที่ยกมาอ้าง ฟังเค้าว่ามาหรือก๊อปมาวาง
    บางอย่างมันไกลเกินปัจจุบัน ยากที่จะพิสูจน์ได้ว่าถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่
    แม้ปัจจุบันสมัย เมื่อเวลาผ่านไปเป็นอดีต เรื่องบางเรื่องยังยากที่จะพิสูจน์แม้ว่าเรื่องนั้นเพิ่งผ่านเป็นอดีตไปเพียงแค่เสี้ยวนาที

    เรื่องในอดีตแม้มีหลักฐานระบุก็ใช่ว่าจะจริงและถูกต้องเสมอไป เพราะใครล่ะจะบอกได้ว่าคนสมัยก่อนไม่พูดโกหก ไม่นิยมแต่งเรื่องเล่าแล้วจดบันทึก เมื่อเวลาผ่านไป พันปีหมื่นปีกลับกลายว่าเรื่องเล่าที่บันทึกกลับกลายเป็นบันทึกทางประวัติศาสน์ไปซะงั้น

    ในทางกลับกันก็อย่าไปรีบเร่งปฏิเสธว่าเรื่องในอดีตที่มีใครมาบอกกล่าวแต่ไม่มีบันทึกหลักฐานนั้นไม่จริง มันด่วนเร็วเกินไป

    เมื่อเรื่องในอดีตยังไม่อาจรู้และพิสูจน์ได้เที่ยงแท้แล้วเหตุใดถึงคิดว่าจะสามารถรู้อนาคตได้และจะเป็นจริงอย่างว่า ก็แค่อาจจะถูกหรือผิดเช่นกันอย่างเรื่องในอดีตนั่นล่ะ

    ทั้งในอดีต จน ปัจจุบันสมัย ล่วงถึง อนาคต มีทั้งจริงและไม่จริง ใช่และไม่ใช่ ถูกและผิด ขนาดปัจจุบันที่เปลี่ยนเป็นอดีตในช่วงอายุเราที่ได้รับรู้กัน เราต่างก็รู้เรื่องจริงบางเรื่องยังถูกบิดเบือน บางเรื่องถูกปิดบัง บางเรื่องทำถูกให้ผิด บางเรื่องทำผิดให้ถูก เมื่อเป็นเช่นนั้นบันทึกที่มีมันก็เป็นเรื่องที่ถูกๆผิดๆ

    ประวัติศาสตร์ของแต่ล่ะชาติยังเขียนและบันทึกไว้ไม่เหมือนกันเลยทั้งๆที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันและบางครั้งก็เหตุการณ์เดียวกัน นั้นก็เพราะการเขียนบันทึกให้เกินจริงมีการต่อเติมเพื่อเหตุผลต่างๆในแต่ล่ะเหตุการณ์

    แค่อยากแสดงความคิดเห็นครับ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด
    ขอบคุณครับ
     
  7. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    กรรมตั้งแต่ปี 2006 พ.ย. ไหนเนี่ย
     
  8. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตราบที่ยังมีศาสนาพุทธอยู่ จะไม่มีองค์อื่นมาคับ จนศาสนาหายไปจะมีพระปัจเจกเจ้ามาตรัสรู้แต่ไม่สามารถสอนผู้อื่น และ อีกหลายแสนปีคับ กว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นคือ(ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สั่งสมบารมีกันเป็นอสงไขยคับ) และจะมีแผ่นดินไหวหนัก เหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราอุบัติขึ้นบนโลกคับ และพุทธองค์ก็ทรงพยากรณ์ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปไว้เหมือนกันว่าจะมาอีกเมื่อไหร่ ดั่งที่ตรัสกับพระอานนท์เถระ ลองไปหาอ่านดูคับ ถ้าพุทธองค์พยากรณ์ไม่มีผิดพลาดอยู่แล้วคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2012
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ถ้าเปลี่ยนชื่อเเล้วไม่เป็นคนโกหกก็ไม่น่าเปลี่ยน
     
  10. พินพุ่ม

    พินพุ่ม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +87
    เรื่องเปลี่ยนชื่อ สั่งปุ๊บอยากเปลี่ยนดั่งใจนึกเลยนะ

    แต่ยกเลิกชื่อเก่านี่สิ ยากนะ ใครทำได้บ้าง อิอิ
     
  11. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    แหล่งข้อมูล จากหนังสือชื่อ ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า (มุนีนาถทีปนี) สำนักพิมพ์ คณะสังคมผาสุก ผู้แต่ง พระเทพมุนี (วิลาส ญาณวโร) ISBN: 974-7437-92-9
    ในเรื่องของมหากัป นั้น มีการแบ่งมหากัป ออกเป็น 2 ประเภท คือ
    1. ประเภทที่ มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ เรียกว่า อสุญกัป
    2. ประเภทที่ไม่มี พระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ สุญกัป
    อสุญกัป คือ กัปที่ไม่สูญจากพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังรวมถึง การที่จะมีพระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอริยบุคคล และพระจักรพรรดิ จะได้มาอุบัติในมหากัปดังกล่าวนี้ด้วย
    ในทางตรงกันข้าม สุญกัปคือ กัปที่ไม่มีบุคคลผู้วิเศษเหล่านี้เลย
    หากพูดถึงเรื่องอสุญกัปแล้ว ไม่กล่าวถึงเรื่องต่อไปนี้คงจะไม่ครบถ้วนกระบวนความนะครับ
    ในบรรดาอสุญกัปนั้น คือกัปที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ยังมีชื่อเรียกตามจำนวนสมเด็จพระพุทธเจ้าที่เสด็จมาตรัสรู้อีก ดังต่อไปนี้
    1. สารกัป อสุญกัปใดที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง 1 พระองค์ อสุญกัปนั้นเรียกว่า สารกัป
    2. มัณณฑกัป อสุญกัปใดที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง 2 พระองค์ อสุญกัปนั้นเรียกว่า มัณฑกัป
    3. วรกัป อสุญกัปใดที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง 3 พระองค์ อสุญกัปนั้นเรียกว่า วรกัป
    4. สารมัณฑกัป อสุญกัปใดที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง 4 พระองค์ อสุญกัปนั้นเรียกว่า สารมัณฑกัป
    5. ภัทรกัป อสุญกัปใดที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 5 พระองค์ อสุญกัปนั้นเรียกว่า ภัทรกัป
    ในกัป ประเภทสุดท้ายนี้ เป็นกัปที่ประเสริฐที่สุด คือมี พระพุทธเจ้าเสด็จมาตรัส มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ เหล่าสัตว์โลก คือ มนุษย์และเทวดาอินทร์ พรหม ผู้ที่มีจิตเป็นกุศลโสภณ ปฏิสนธิด้วยไตรเหตุ ประกอบไปด้วยบุญวาสนาบารมี ย่อมสามารถที่จะกระทำอาสวะกิเลส ให้สูญสิ้นไปจากขันธสัน-ดาน แห่งตนโดยชุกชุม เป็นกัปที่หาได้โดยยากยิ่ง นานแสนนาน จึงจักปรากฏมีในโลกเรานี้สักครั้งหนึ่ง ท่านจึงขนานนามอสุญกัปนี้ว่า ภัทรกัป = กัปที่เจริญที่สุด (เราอยู่ในกัปที่เรียกว่า ภัทรกัป ซึ่งมีพระพุทธองค์ของเราเป็นลำดับที่ 4 ในอนาคตกาลจะมีพระศรีอริยเมตไตยมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในลำดับที่ 5 ลำดับสุดท้ายในกัปนี้)
     
  12. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ถ้าพลาดก็ออกทัวร์กันยาวคับไม่รู้กี่กัป กี่แสนปี เผลอทำไม่ดีลงไปชั้นล่างอีก กว่าจะได้ขึ้นมาเป็นคนอีกรอบยากและนานแสนนานคับ พุทธองค์ก็ตรัสอยู่ว่าการเกิดเป็นคนนั้นยาก และจะเจอพระธรรมอีกยากมากคับ เกิดในที่อโคจรบ้างเห็นธรรมได้ยาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2012
  13. ดาบปู

    ดาบปู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +0
    มนุษย์ขี้เหม็นอยากเห็นแต่พระศรีอารย์... ถ้าเป็นอรหันตสาวกฟังฉันได้ เพราะฉันเป็นสาวก เห็นสักแต่ว่าเห็น รูสักแต่ว่ารู้ เห็นแล้ว ดับเลย เห็นแล้ว รู้แล้วปล่อยผ่านไป รู้มากสัญญามาก ทางสายกลางแห่งพระศรีอริยเมตไตรย ไม่เอียงซ้าย ไม่เอียงขวา ไม่เอียงหน้า ไม่เอียงหลัง ถอยหลังก็ไม่ถอย ไปก็ไม่ไป หยุดอยู่ก็ไม่หยุดอยู่
    ผู้ข้องย่อมไม่แวะ ผู้แวะย่อมไม่ข้อง ผู้ไม่ข้องไม่แวะ คือ ผู้ที่ขัดข้อง
    ผู้ที่ขัดข้องย่อมไม่เติม ผู้ที่ข้องแวะคือผู้เติม เติมไม่ดัง ดังไม่เติม ดังบ่ดี ดีบ่ดัง
    นี่คือธรรมะ ธรรมชาติ ของครูบาใบบอน น้ำใสก็ไม่ติด นำขุ่นก็ไม่เกาะ
    ครูบาใบบอน ใบบอนที่หายไป...
    พระพุทธเจ้าที่อยู่ในความมืด "อนวโลกิเตศวร" อยู่ในเงามืดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ กลับมาทุกกึ่งศาสนา เพราะเราอยู่ในความมืด จึงไม่มีใครเห็นเรา
    " พระยาธรรมิกราช จักกะยะตา "
    " ศรีรามธรรมราชา อมิตตตาพุทธ"
    ลงมาแล้ว ล้านอรหันก็เจาะเกราะท่านไม่ได้ เว้นแต่เกี่ยวข้องถึงเปิดญาณให้เห็น และผู้มีธรรมสัญญา แต่การเข้าใกล้และฟังธรรมยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร เพราะเป็นโลกอุดรพิสดาร พิสดารนอกเหตุ เหนือผล เป็นสิ่งผู้คนไม่ควรรู้ ..อจินไตย พระโพธิสัตว์ท่านศึกษาจักรวาล ยกให้เป็นเรื่องของท่าน สาวกศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจก็พอ ยืนยันอีกแปดปีพระองค์แสดงตัวแน่นอน การพบเห็น อยู่ที่ธรรมสัญญาของแต่ละท่านแล้วละ
    การที่เราปล่อยให้สมองว่างโดยไม่คิดอะไรเลย อะไรมากระทบ ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่เห็น เห็นแล้ว ดับ เลิกรู้ เลิกคิด (สมองกลวง)นั้นแหละนิพพานในร่างมนุษย์ นิพพานที่นี่ นิพพานเดี่ยวนี่ ...เราเป็นแค่ผู้ส่งสาร...ให้กับลูกหลานของพระพุทธเจ้า...
     
  14. ดาบปู

    ดาบปู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +0
    มหาธารณีสูตร
    หัวใจพระพุทธเจ้าผู้กลับมา พระอนวโลกิเตศวร
    หัวใจแห่งปัชรปารมิตา อวโลกิเตศวร
    เมื่อ อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อปรัชชา อมิตา บรมมาพุทธจักตุจักกะยะตา อมิตา ทรงหยั่งลึกสู่กระแสธรรมแห่งปรัชญา ปารมิตา ความเข้าใจอันสมบูรณ์ และถูกต้องตามหลักธรรมชาติ พระองค์ก็ทรงประจักษ์ในเบญจขันธ์ และพบว่าที่แท้ ขันห้า คือความว่าง ทั้งรู้แจ้งแทงตลอดเช่นนี้ พระองค์ก็อยู่เหนือความกลัว และ ความทุกข์ ทั้งปวง
    ดูก่อนสารีบุตร รูปคือ ความว่าง
    ดูก่อนสารีบุตร ธรรมในการเกิดขึ้นทั้งปวงแห่งปัจจัย ย่อมประกอบด้วย ความว่างธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ไม่มีผู้ใดสร้าง และ มิอาจทำลายได้ ทั้งไม่มีเพิ่มขึ้น หรือ ลดน้อยลง
    ดังนั้น ในความว่าง จึงไม่มีทั้งรูป เวทนา สัญญา สังขาร หรือ จิตใจ ไร้รูป เสียง กลิ่น รส และธรรมารมณ์ ปราศจากซึ่งธาตุ นับตั้งแต่ จักษุธาตุ เป็นต้นไป จนถึง มโนวิญาณธาตุไม่มีความเกิดขึ้นแห่งอิทับ ของ ปัจจยะตา นับตั้งแต่ อวิชชา ไปจนถึง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสมุทัย ไม่มีนิโรธ ไม่มีมรรค ไม่มีความเข้าใจ ไม่มีการบรรลุธรรม เพราะเหตุที่ไม่มีการบรรลุธรรม และ อาศัย ปรัชญา ปารมิตา เพราะมีตามองเห็นตัวเองว่า การเกิดเป็นทุกข์ จึงไม่เอาตาไปยึดเห็นรูปอื่นให้มากระทบตัวเองเป็นทุกข์ ความเข้าใจอันสมบูรณ์ นั้น แล

    พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย จึงไม่มีเครื่องขวางกั้นใดๆ อยู่ในจิตใจของท่านเลย เมื่อปราศจากเครื่องขวางกั้น ข้าพเจ้าทั้งหลาย หรือ สรรพสัตว์ทั้งหลาย เหล่านั้น ก็อยู่เหนือความกลัว หมดจากความปรุงแต่ง ของ อิทธิรสทั้งปวง เป็นอิสระ จึงเป็นอิสระ จึงอยู่นอกเหนือมารยาการทั้งปวง และ ประจักษ์แจ้งใน นิวะระณะ (นิวรณ์) อย่างสมบูรณ์
    พระพุทธเจ้าทั้งปวง ทั้งใน อดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนอาศัย ปรัชญา ปารมิตา ช่วยให้ท่าน บรรลุถึงการตรัสรู้อันถูกต้องสมบูรณ์ และเป็นสากล นั้นๆ
    ด้วยเหตุนี้ แล ข้าพเจ้าทั้งหลาย และ สรรพสัตว์โลก พึงรู้ว่า ปารัชญา ปารมิตา คือมหามนต์ ของ พระพุทธเจ้าที่อยู่ในความมืด เพราะท่านอยู่ในความมืด จึงไม่มีความตาย และ ไม่มีใครเห็น เพราะท่านอยู่ในความมืด และปราศจากมนต์ตราทั้งมวล มนต์ของท่าน หรือคำตรัสของท่าน จึงเป็นมนต์อันสูงสุด ไม่มีมนต์ใดเทียบเทียมได้ เป็นเครื่องทำลายความทุกข์ทั้งปวง เป็นสัจจะอันไม่กลับกลาย
    ดังนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลาย จึงควรประกาศ ปารัชญา ปารมิตา มหามนต์ ของพระพุทธเจ้าที่อยู่ในความมืด และถูกไฟไหม้ ให้อุโฆษออกไป และสวดมนต์นี้บูชาท่าน

    ดังนี้แล...

    คะเต คะเต คะเต คะเต
    ปาระคะเต ปาระสังคะเต
    โพธิอมิตา อปรัชจักตุจักกะยะตา
    มหาโพธิ อวโลกิเตศวร สวาหา…(ผู้หยุดแสวงหา)
    ************
    โอโอ ไปไป ไปไป สู่ฝั่งโน้น ขึ้นสู่ฝั่งโน้น ฝั่งแห่งความดับทุกข์
    ฝั่งอันเป็นที่พึ่งของตนเอง และผู้อื่น และสรรพสิ่งทั้งปวง
    จึงพ้นจากความยึดถือมั่นหมายได้โดยอย่างแท้จริง โอโพธิ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    พระ.........................ไตรย

    ....ลูกหลานพระศรีฯทั้งหลาย ... จำไว้ให้ดี..พระองค์ไม่เคยแสดงตนให้ใครรู้จัก..เว้นแต่เกี่ยวข้องเป็นพุทธประเพณี และมหาอัครสาวกที่มีธรรมสัญญาเท่านั้น ส่วนสำนักทั้งหลายทั้งปวงแต่ละที่ที่อ้างปรุงแต่งเป็นญาณพระศรีฯ นั้น ก็แล้วแต่วิบากของใครของมัน สำหรับลูกหลานพี่น้องของเรา เราเพียงอยากบอกให้รู้ว่า พระองค์รักเคารพองค์ปัจจุบันและธรรมขององค์ปัจจุบันเป็นที่สุด ท่านไม่เคยคิดให้ใครมาศึกษาธรรมะของท่าน ..เรากล่าวแค่นี้ ถ้าเป็นลูกหลานของเราก็จะเข้าใจ.. เราเข้ามาไม่ได้อยากโก้ อยากเท่หรอก แต่เราตามมาให้กำลังใจกำลูกหลานเรา ...ลูกหลานของฉันเท่านั้น...จึงจะเข้าใจที่ฉันกล่าวออกไป
    หัดขี้เกียจรับรู้ขี้เกียจเห็นบ้างเน้อ...

    จบปริญญาดอกเตอร์ซักยี่สิบปริญญา มันก็ไปนิพพานบ่อได้เด้อ แต่ถ่าฮู่ลมหายใจ ห่วย มันเข้าท่าเด่นเนี่ยะ
     
  15. ดาบปู

    ดาบปู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +0
    กระบวนการเกิดขึ้น และ การดับไปของทุกข์
    เพราะอวิชชา เป็น ปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขาร เป็น ปัจจัย จึงมีนามรูป
    เพราะนามรูป เป็น ปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
    เพราะมีสฬายตนะ เป็น ปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะมีผัสสะ เป็น ปัจจัย จึงมีเวทนา
    เพราะมีเวทนา เป็น ปัจจัย จึงมีตัณหา
    เพราะมีตัณหา เป็น ปัจจัย จึงมีอุปาทาน
    เพราะมีอุปาทาน เป็นปัจจัย จึงมีภพ
    เพราะมีภพ เป็น ปัจจัย จึงมีชาติ(ความเกิด)
    เพราะมีชาติ เป็น ปัจจัย จึงมีความแก่ ความตาย
    ความโศกเศร้า คร่ำครวญ ความเป็นทุกข์
    ความเสียใจ และ ความคับแค้นใจ(ความสิ้นหวัง)
    กองทุกข์ทั้งหลาย นั้นมีความเกิดโดยอาการอย่างนี้แลฯ ถ้าถอนความยึดถือมั่นหมาย ออกจากอัตราตัวตนได้หมดเสียแล้ว จึงไม่มีการเกิดอีกในโลกทั้งสาม จึงเรียกว่า นิพพาน... ....พระโพธิสัตว์ใช้กรรม....
    ก็เพราะว่า อวิชชา (ความโง่เขลา) เป็นเหตุแห่งปัจจัยนี้แหละหมดไปเสียแล้ว ดับโดยไม่มีเหลือ ด้วยมรรค กล่าวคือ วิราคะ สังขารจึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ
    เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
    เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
    เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
    เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
    เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
    เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
    เพราะภพดับ ชาติ (ความเกิด) จึงดับ
    มรณะโสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายะสะจึงดับ
    กองทุกข์ทั้งหลาย ย่อมดับไปโดยอาการอย่างนี้แหละโยม
    “ ปติสัมปมุติบาท ”
    การเกิด และ การดับของความทุกข์ทั้งปวง
    “ ศรีรามธรรมราชา ”

    ..สมเด็จองค์ปฐม ตรัสรู้ ปรินิพพาน ในประเทศไทย..นี่คือความโชคดีของประเทศไทย

    ... ศรัทธากับกำลังใจเท่านั้นถึงจะพบพระศรีฯ ... ..สัจจะบารมี นะ
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ยังงงอยู่ครับ
     
  17. ผู้ผ่านทาง

    ผู้ผ่านทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +51
    ใยข้องแวะ ใยข้องเกี่ยว

    มิข้อง มิเกี่ยว

    อะไร คือสิ่งใด มิเคยแปรเปลี่ยน

    จิตเดิม จิตมั่น แม้กาล ล่วงผ่าน จิตยังคงมั่น ดั่งหินผา

    ยามเมื่อกาลบรรุลุ ผู้ใฝ่ จึงจักถึง หากมิถึงซึ่งกาลใด ร่ำร้องไป ไร้ความไซร์

    อ ว โล มิมีใด ไร้ ลักษณ์ ไร้กาล ไร้ทุกสิ่ง

    ว่าง จึงวาง

    วางจึงจบ

    มนุษย์ ยามสุข มิขนขวาย ยามโศกตรม เฝ้าคิดคำนึง ถึงพุทธา

    กาลยังไม่มา เฝ้าพร่ำ รำพันหา

    หาก กาลปจจ มิขวนขวาย กลับละเลย

    xxxx เฝ้ามองกาลผ่านพ้นนักเนินนาน

    เป็นดั่งนี้ มานานเนิน นี้แหละมนุษญ์ผู้ ละเลย
     
  18. ผู้ผ่านทาง

    ผู้ผ่านทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +51
    องค์ ปถมะ ผู้ปราชญ์เปรื่อง

    องค์พุทธา ผู้กล้าแกร่ง ยืนทนง อาจกล้า แถลงศาสน์

    เหล่าโพธิ ขันอาสา จักดำรง แลสืบสาน ธัมม์ อันพิสุทธิ์ ตราบช่วงกาล

    ** เกิด เพื่อหน้าที่ ดำรงเพื่อหน้าที่ แลจักต้องตาย เพื่อหน้าที่ **

    สัตย์ปฎิญาณ อันแกร่งกล้า ท้ากระแส.......................นิพพาน

    หน้าที่จักดำรง แลสานสืบ ผ่านกาล ย้อนกาล แลถึงกาล

    ยามถึงกาล จักประกาศ โลกาก้อง เถลิง เกริกเกียรติ ธัมมะ
     
  19. Dek_AWar

    Dek_AWar สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    สัจจธรรผ่านเนินนานมา นั่งดูโลกาเกิดก้องกู่ดับ ฝูงนกการายล้อมจับจ้องมองดู โลกกายิ่งใหญ่ ดับลงคาตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2012
  20. วรสกุล

    วรสกุล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +27
    แจ้งคุณ NARASAWA นะครับ หมากผางก็คือหมากผางครับ ไม่ใช่มะปรางแต่อย่างใด ต้นผางจะคล้ายๆต้นหางนกยูง แต่มีผลคล้ายๆต้นลิ้นฟ้า เมล็ดภายในฝักจะเป็นลักษณะเหมือนซิกการ์ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...