อย่าเอา ศาสนา มาเพื่อ การเมือง???

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 8 กันยายน 2007.

  1. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    พระพุทธองค์ ทรงให้ หลักพื้นฐาน 3 ประการ ง่ายๆใน..การรักษาพระพุทธศาสนา
    ศีล
    สมาธิ
    ปัญญา

    พุทธบริษัทที่ดีทั้งหลาย
    เข้าถึง เข้าใจ ได้จริงแท้เพียงใด??
    เข้าถึงจิตใจ ได้ลึกซึ้ง เพียงใด??
    ทำการใดๆ เป็นปรมัตต์(คิด พูด ทำ ตรงใจบริสุทธิ์) หรือยัง??
    คิด
    พูด
    ทำ
    ตรงกันไหม???บนพื้นฐานไตรสิกขา???
    เข้าใจ เข้าถึง หลักไตรลักษณ์???อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


    อันว่าปัญญา นั้นสำคัญยิ่งนัก(บัวใต้ตม ยังเติบโต พ้นน้ำได้ ให้ดอกได้)
    แม้พระพุทธองค์ ยังสอนชัดๆ ไม่ให้ยึดติด ยึดมั่น ถือมั่น ว่าเหนือผู้อื่น
    "ผู้ใดเห็น ธรรม ผู้นั้นเห็น ตถาคต" (ให้ความสำคัญ พระธรรม มาก่อน พระองค์)
    เพราะทรงกลัวว่า พุทธบริษัทรุ่นหลังๆ จะไม่ใช้ปัญญา พิสูจน์ ธรรม ให้แจ้ง
    พระองค์ทรงกลัวว่า พุทธบริษัทรุ่นหลังๆ จะศรัทธา พระองค์ มากเกินไปจน งมงาย ชักจูงง่าย
    เมื่องมงาย จะไม่ใช้ปัญญา ของตัวเองปฎิบัติ เพื่อพิสูจน์ ธรรม ว่าจริงเท็จอย่างไร???แล้วไม่แจ้งจริง
    พระพุทธองค์ จึงทรงตรัสไว้ง่ายๆว่า "ตน เป็นที่พึ่งแห่ง ตน"
    ด้วยทรงหวังว่า พุทธบริษัทรุ่นหลังๆ จะศึกษา และปฎิบัติ ด้วยตัวเอง
    อย่าสักแต่ว่า ท่อง จำ คำหรูๆ ฟังดูเหมือน รู้ธรรมสูง แต่ไม่เข้าใจ เนื้อหา
    อย่าอ้าง คำหรูๆ ให้คนคิดว่า มีภูมิธรรม สูงกว่า แต่ภูมิปัญญา แค่หางอึ่ง
    ทองแท้ ต้องใช้ คำ ภาษา ง่ายๆ ให้คนเข้าใจทั่วกัน
    ดุจดั่ง พระอริยสงฆ์ เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงพ่อฤษีฯ หลวงตามหาบัว ฯลฯ
    (good) (good) (good) (good) (good) (b-cap)
    อย่าให้คนชั่ว มาชักจูง ชี้นำ เพื่อผลทาง การเมืองเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2007
  2. อริยชโย

    อริยชโย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +119
    ก่อนอื่นต้องบอกว่า สงสัยท่านที่ตั้งกระทู้คงเป็นอริยสงฆ์ด้วยกระมัง จึงทราบด้วยว่าพระรูปนั้นรูปนี้เป็นพระอริย โอ...สาธุ....มาโปรดข้าน้อยด้วยเถิด..ท่าน..ผู้ตั้งหัวข้อกระทู้..

    แต่ขะน้อย..ขอแสดงความคิดแย้งดังนี้...อาณาจักรพยายามแยกเราออกจากการเมืองมาโดยตลอด..ตั้งแต่ตั้งเป็นกฎหมายต่างๆ เช่นกฎหมายเลือกตั้ง..พระ ภิกษุ สามเณร จัดเข้าในกลุ่มผู้วิกลจริต...พยายามพูดให้พระกลัว โดยยกความไม่เหมาะสมมากล่าวอ้างต่างๆนานา....แต่เมื่อจะมีการเลือกตั้งคราใดอีกนั่นแหละ...นักการเมืองก็มักจะเข้าไปหาพระ...โดยเฉพาะหลวงตามบางรูป..เข้าไปใกล้ มั่น..เพื่อจะให้ดูประหนึ่งว่า..เป็นลูกศิษย์..หรือเป็นพวกกันเอง..หวังผล..ทางจิตวิทยาอย่างแน่นอน...โดยหลวงตาก็ไม่รู้เท่าทันได้...เหมือนสมัยหนึ่ง..เมื่อพรรคหนึ่งประกาศรวมกับอีกพรรคหนึ่ง..แล้วเดินทางไปกราบนมัสการพระอีกรูปหนึ่งที่กลาวว่าเป็นอริยสงฆ์..ทางภาคอีสาน...ท่านได้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยไม่รู้ตัวแล้วครับ..และอีกหลายๆตัวอย่าง..แต่ที่น่าสนใจก็คือ พระสงฆ์-สามเณร แม่ชี เป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่ต้องอยู่ภายไต้รัฐธรรมนูญเดียวกัน ทำผิด-ถูก กฎหมายเดียวกัน ต้องได้รับการคัดเลือก ทหารกองเกิน และต้องปฏิบัติตามกฎหมายเท่าๆกัน หลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้แท้จริงเป็นอันเดียวกัน แต่คนพยายามแยกออกจากกัน แต่ความจริงมันคือสิ่งเดียวกัน....ทุกวันนี้ เขา ( คนที่ไม่หวังดี ) พยายามเอาจุดอ่อนของเรา คือ พระต้องสำรวม สงบ สว่าง อยู่นิ่งๆ พระเราส่วนหนึ่งกลัวจะไม่สำรวม ตกอยู่ภายไต้อาณาจักร ....ถ้าทุกคนต่อสู้เพื่อพุทธโดยส่วนรวม เขาจะไม่เห็นแก่ตัว...พระผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งจำต้องนิ่งเพื่อจะสำรวม....พุทธ....คือ..ต้อง..รู้ ( ทันเกมส์)....ตื่น ( จากการกดขี่ )...เบิกบาน ( ด้วยธรรม)..กล้าหาญ....
    ผม..............จะไม่อดทนอีกแล้ว...ถ้าพุทธจะต้องหายไป..จากเมืองไทย..ด้วยความเคารพ..และรำลึกถึงวีรชนผู้ต่อสู้เพื่อ พุทธ..ทุกท่าน..ทุกคน...ฃ
    talaw1234@hotmail.com........................คุยกันครับ กัลยาณมิตร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2007
  3. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,092
    ใจเย็นนะครับ พุทธไม่หายไปจากเมืองไทยในช่วงเวลานี้หรอกนะครับ

    พวกเราช่วยกัน รักษา ให้ดีที่สุดในฐานะของเรา นะครับ

    เท่านี้ ศาสนาของเรา ก็จะมั่นคง และ เสื่อมถอยน้อยลง ไปจนครบอายุ

    ของพระศาสนาที่พึงจะมีได้ตามพระดำรัสครับ

    -----------------------------------------------
    *เพราะศรัทธา เป็นเรื่องที่ไม่มีใครจะรักษาให้กับใครๆได้

    ต้องมั่นคงและรักษาไว้ด้วยตัวของเราเองครับ

    แต่เรื่องที่จะไปสร้างศรัทธานั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ครับ

    -------------------------------------------------

    สัพเพ ธัมมา อนัตตา

    อนุโมทนา ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2007
  4. มานพ บุญจันทร์

    มานพ บุญจันทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +65
    ผมก็เห็นด้วยกับคุณ อริยฯ ดาราจักร เข้าใจว่าคนที่ตั้งกระทู้คงเข้าไม่ถึงจิตใจของคนที่ต้องการรักษาพุทธศาสนาเอาไว้คู่กับชาติไทยเรา ในความคิดเห็นของผมเนี่ยผมเข้าใจว่าทุกคนที่ออกมารณรงค์ให้มีการบัญญัติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยก็เพราะว่าเป็นการมองการไกลที่ต้องการให้ศาสนาของเรานี้ได้รับการปกปักรักษาโดยกฎหมาย มิเช่นนั้นแล้วต่อไปภายภาคหน้า กิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ที่เคยปฏิบัติกันมา เช่น วันสำคัญทางศาสนาต่าง ๆ ที่ทางราชการอนุญาตให้เราหยุดงานเพื่อไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นก็จะค่อย ๆ หมดไป เป็นการบั่นทอน เพื่อลดความสำคัญของศาสนา และ พระสงฆ์ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้สืบทอดศาสนากับฆราวาสห่างกันมากขึ้น และขาดช่วงไปในที่สุด จิตใจของคนจะยิ่งเสื่อมทรามลง บุคลากรทางศาสนาจะถูกทอดทิ้ง ขาดการเหลียวแล ซึ่งในปัจจุบันเราก็สามารถสัมผัสได้แล้วว่า ทั้ง ๆ ที่มีการเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางศาสนาเต็มที่ แต่เมื่อเทียบกับคนที่ไม่สนใจในความสำคัญของวันนั้น ๆ ยังนับว่าน้อยมาก ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่ต้องการให้ศาสนาไปเกี่ยวกับการเมืองดังที่คนตั้งกระทู้หรือคนที่มีอำนาจปกครองบ้านเมืองขณะนี้เข้าใจ แต่เราต้องการให้การเมืองเข้ามามีบทบาทในการปกปักรักษา และคุ้มครองพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับชาวไทยตลอดไป ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททุกคนที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาที่ทรงกล่าวว่า พุทธศาสนาจะคงอยู่หรือสูญสลายก็ขึ้นอยู่กับ ภิกษุสงฆ์กับพุทธบริษัททั้งหลาย ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่าในเมื่อศาสนาพุทธของเราเป็นศาสนาที่ชุ่มเย็น เป็นสิ่งที่สะอาด บริสุทธิ์ ไม่เป็นการดีหรือที่จะให้มีกฏหมายขึ้นมารองรับ และปกปักรักษาให้พุทธศาสนาได้คงอยู่คู่กับลูกหลานของเราสืบไปในภายหน้า สุดท้ายก็ขอฝากโลกธรรมแปดประการให้ท่านที่กำลังเสวยบุญเก่าขณะนี้ที่ส่งผลให้มีตำแหน่งหน้าที่ในบ้านเมืองขณะนี้ได้นำไปคิดใคร่ครวญให้ดี
     
  5. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171


    (verygood) (verygood) (verygood)


    "
     
  6. สัมภเวสี.

    สัมภเวสี. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +253

    แล้วคุณจะรู้ได้ไงยังว่า นักการเมืองจะไม่เอาศาสนามาเพื่อการเมือง คิดให้รอบด้านนะ คิดข้อดี ข้อเสีย ที่เราจะได้ อย่าคิดข้อดีอย่างเดียว เพราะคนที่เล่นการเมืองส่วนใหญ่ก็มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง และคงไม่แปลกที่เขาจะเอาศาสนามาเพื่อการเมือง มาเรียกคะแนนนิยมเขาด้วย กลวิธีต่างๆ แล้วถึงตอนนั้นเราจะรู้ทันเขาไหม?
     
  7. nanthiya

    nanthiya สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +8
    เห็นด้วย

    เห็นด้วยกับผู้ตั้งกระทู้ถ้าพุทธศาสนิกชนทุกคนคิดได้แบบนี้ ศาสนาพุทธก็คงจะมีผู้ศรัทธาที่ถูกต้องไม่หลงงมงายแบบนี้
     
  8. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    แล้วนักการเมืองคนไหนบ้างในประเทศไทยนี้ หรือ ในโลกนี้ ไม่หาวิธีต่าง ๆ มาเรียกคะแนนนิยมหละครับ ?

    ยุค จ.หวานจ๊วบ นั่นก็เล่น เจาะ 3 จังหวัดใต้ นโยบาย ฮา... นั่นเห็นไหม

    นี่ตอนนี้ พรรคสีฟ้า ก็ เริ่มยิง spot จับมือ อิสลามแล้ว แล้วพรรคไหนมันไม่หาเสียงมั่งหละครับ ?

    ตอนรายการ ไป รับฟังความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญของ แจมสาก ปิ่นสังกะสี ที่ อุบลฯ

    สส.ประชาธิปัตย์ วิฑูร นามบุตร มาเป็นตัวแทนภาคการเมือง ตอนแรก ตอบแบบแทงกั๊ก

    จนสุดท้าย แจมสาก บอกว่า ไม่ต้องแทงกั๊ก จะสนับสนุนบรรจุพระพุทธศาสนาในรัฐธรรมนูญหรือเปล่า นายวิฑูร ตอบว่า สนับสนุน

    -----------------------------------------------------

    พอ พระท่านไปเคลื่อนไหวที่ หน้ารัฐสภา พวกเด็กเก่าหน้าเหลี่ยม ก็มาขอแจมด้วย พระท่านก็ไล่ส่งไปแล้ว


    มันก็พอ ๆ กัน ฝ่ายไหน มันก็เหมือนกัน หารับประทานเข้าตัวเองทั้งนั้น ไม่มีฝ่ายไหนดีกว่ากันหรอกครับ

    ถ้าเอาโมหะเรื่อง ขั้วเก่า ขั้วใหม่ออก มองให้รอบด้าน จะเห็นเอง ว่า นักการเมืองมันก็กำพืดเดียวกันทั้งนั้นแหละ ทุกพรรค ทุกคน
     
  9. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    มาดูกันให้ครบ

    ในยุค ราชาธิปไตย พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ และ คอยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
    ในหลาย ๆ ครั้ง ที่พระเริ่มธรรมวินัยเรรวน ก็ได้ทางโลก คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ คอย ดูแล
    และ ลงโทษ อลัชชี และ สมี ที่ทำผิดทั้งหลาย

    เช่น ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ยุค ร.1 ลงมา ก็มี จับพระที่ต้อง อธิกรณ์ สึกไปหลายราย
    นี่ก็เห็น ๆ กันอยู่

    และยังมี กฏหมายมาตราต่าง ๆ มาคอย ปราบ และ ปราม คนที่ยังอยู่ในผ้าเหลือง และ ที่โดนจับสึกออกมาแล้ว ให้เข็ดหลาบ

    อย่างเช่น การโกนศรีษะ และ สักหน้าผาก เพื่อประจาน ความเลว ของ อลัชชี เหล่านี้

    แบบนี้ จะเรียกว่า ทางโลกก้าวก่าย พระพุทธศาสนาหรือเปล่าหละครับ ?
    -----------------------------------------------------------------
    พอหลังยุค 2475 ที่เขาว่า กันว่า จะอภิวัฒน์บ้านเมืองให้ ทันสมัย ไม่ต้องตกอยู่ใต้การปกครองของคน ๆ เดียวแล้ว

    แ้ล้วสถานพระพุทธศาสนาเป็นอย่างไรบ้าง ?

    ใน พรบ.สงฆ์ ปี 2535

    บทที่บอกว่า

    มาตรา 44 ผู้ใดพ้นจากความเป็นพระภิกษุเพราะต้องปาราชิกมาแล้วไม่ว่าจะมีคำวินิจฉัยตาม มาตรา 25 หรือไม่ก็ตาม แต่มารับบรรพชาอุปสมบทใหม่โดยกล่าวความเท็จหรือปิดบังความจริง ต่อพระอุปัชฌาย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี"

    แล้วในทางปฏิบัติจริง ทำไ้ด้หรือเปล่า ?

    สมีวันชัย ยังไปโผล่หน้างานศพหลวงพ่ออุตตมะ อยู่เลย ตำรวจเคยจับได้หรือไม่
    หรือแม้แต่ ยันตระ ที่หนีไป อเมริกา รัฐบาลทำอะไรเพื่อพระพุทธศาสนาได้มั่งหรือเปล่า ?

    คนพวกนี้หลาบจำไหม ?
     
  10. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    หรือเห็นๆ อย่าง วัดพระบาทน้ำพุ นั่น เป็นไง หน้าที่พระรักษาเยียวยา คนไข้โรคเอดส์หรือเปล่า ?
    มันหน้าที่ของพระเหรอ ?

    รัฐบาลช่วยอะไรได้มั่ง นอกจากไป ยืนหน้าบานยิ้มแฉ่งถ่ายรูป อวดฝรั่ง แล้วก็ เชิญชวนคนบริจาค

    แทนที่จะให้งบก็ไม่ให้ แล้วถ้าปีหน้า เศรษฐกิจตกสะเก็ดอีก ใครรับผิดชอบ ?

    ------------------------------------------------------

    นี่ยกตัวอย่างขำ ๆ ให้ดูเท่านั้นเองครับ


    ไหน ๆ พวกคุณ(คณะราษฏรและลูกหลาน) ยึดอำนาจของ พระมหากษัตริย์มาแล้ว คุณก็ทำหน้าที่แทนท่านด้วยสิครับ หน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนาของพระมหากษัตริย์หนะ ก็ทำเสียด้วย ไม่ใช่ จะเอาแต่อำนาจแสวงหารับประทานเพื่อตนเองและพวกพ้องเท่านั้น
     
  11. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    พระราชินี ทรงเตือน สติคนไทย
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเล่าต่อว่า วันพฤหัสบดี 19 ก.ค. ดยุกกลางฟอน บาเยิร์น เชิญข้าพเจ้าไปเลี้ยงน้ำชาที่พระราชวังนิวเซนบวร์ก ซึ่งเป็นพระราชวังของราชวงศ์นี้ ใหญ่โต สง่าสวยงามเหลือประมาณ เวลาค่ำนายกรัฐมนตรีบาวาเรีย มิสเตอร์เอ็ดมัล เลี้ยงอาหารค่ำที่อยู่ของเขา เพรสซิเดนต์ แมนชั่น เป็นห้องเลี้ยงที่ใหญ่มาก โต๊ะที่เลี้ยงเป็นโต๊ะยาว นั่งพร้อมกันได้ 86 คนทั้งหมด และข้าพเจ้าก็ได้พบปะคนไทยและนักเรียนไทยในเยอรมันนับพันคน ซึ่งหลายๆ คนอุตส่าห์ใช้เวลาเดินทางมาพบหลายชั่วโมง และมีความยินดีที่ได้พบกันอย่างแท้จริง คำแรกที่เขาถามว่า พระเจ้าอยู่หัว ในหลวงสบายดีหรือเปล่า ก็บอกว่าสบายดีและแข็งแรงขึ้นทุกวันแล้วหลังจากผ่าตัด ส่วนมากจะห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และห่วงใยบ้านเมือง ข้าพเจ้าได้พบปะนักเรียนไทยประมาณ 4,000 คนได้ เขาขอพบได้ถามอะไรข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่คิดว่าจะได้ถูกถามเรื่องพระพุทธศาสนากับรัฐธรรมนูญ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดเลยที่จะโดนถามอย่างนั้น ก็อธิบายไม่ได้มีกระดาษเลยว่า ข้าพเจ้าคิดเองว่าพระบวรพุทธศาสนาประเสริฐสุด สูงส่งแล้ว และได้รับการสนับสนุนมาตลอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากคนไทยทั้งชาติ พระบวรพุทธศาสนาเป็นของที่สะอาดสูงสุด ทุกคนก็คิดว่าไม่อยากให้เข้าไปพัวพันกับการเมือง ข้าพเจ้าพูดเช่นนั้นต่อหน้านักเรียนไทย 4,000 คน ควรเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้าว่าเป็นแสงสว่างในหัวใจของคนไทยทั้งหลาย

    การเมืองบางครั้งก็มีความผิดพลาด บางครั้งก็มัวหมองได้หลายเรื่อง เพราะฉะนั้น ไม่ควรเอาพระบวรพุทธศาสนาไปไว้กับกฎหมายสูงสุดแห่งประเทศไทย ควรจะทิ้งพระบวรพุทธศาสนาไว้เช่นนี้ ที่ถูกเทิดทูนโดยประชาชนทั้งชาติ พอข้าพเจ้าพูดจบ เล่าจบ ข้าพเจ้าได้รับการปรบมือดังลั่น นานไปหมด

    ในเมืองไทยข้าพเจ้าทราบว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่คนนับถือมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คงจะไม่ให้ใครมาแตะได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า การเมืองบางครั้งก็มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก เพราะฉะนั้น ดีแล้วที่พระบวรพุทธศาสนาแยกไปเสียให้พ้นการเมืองจะดีกว่า ไม่ทราบว่าทุกท่านในที่นี้เห็นอย่างเดียวกับข้าพเจ้าหรือเปล่า อันนี้ข้าพเจ้าถามนักเรียนไทย

    พระองค์ทรงเล่าต่อว่า ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์บอกว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นศาสนาของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกๆ ของสุโขทัย เวลาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็จะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำนุบำรุงพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต ซึ่งเดี๋ยวนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ก็เช่นเดียวกัน ยังถือธรรมเนียมเหมือนอย่างคนไทยทั้งหลายถือว่าพระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทยที่จะพึ่งพาเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิต พระบวรพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้น ไม่มีวันยอมให้สลายหรือล่มลงไปเป็นอันขาด และดินแดนของชาวพุทธนี้ชาวพุทธได้ทำชื่อเสียงมามากมาย เช่น ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าเชลยศึกสมัยที่ตอนนั้นทางญี่ปุ่นได้ยึดครองประเทศไทย เชลยศึกต่างชาติต่างๆ ได้รับการช่วยชีวิตได้รับการป้อนน้ำ แอบไปป้อนน้ำ เสี่ยงต่อชีวิตตนเอง ซ่อนอาหาร ซ่อนตัวเขาด้วย ที่พูดอย่างนี้ ไม่อยากที่จะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริงว่า บรรพบุรุษของไทยเรานี้ ที่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ ไม่กี่ปี 50 ปีก็ตาม ก็ยังปฏิบัติตนทำให้ต่างประเทศชื่นชมและนับถือประเทศไทยและน้ำใจของคนไทยที่มีความเมตตากรุณา และมีความกล้าหาญที่จะแสดงความเมตตากรุณาด้วย อันนี้ขอให้ท่านคิดดูดีๆ สิ และชาวต่างประเทศมาพูดกับข้าพเจ้าว่าที่เขาชอบกรุงเทพมหานครเหลือเกิน เพราะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยน่าอัศจรรย์ โบสถ์พุทธ โบสถ์พราหมณ์ สุเหร่าอิสลาม ทุกศาสนาอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่เคยมีใครคิดไปวางระเบิดหรือไปรบกวนศาสนาอื่นเลย ให้อิสระ สิทธิเสรีภาพในการที่จะนับถือศาสนาใดก็ได้ ซ้ำสนับสนุน นี่แหละฝรั่งเขาบอกคือการปฏิบัติต่อกันของคนที่มีความเจริญอย่างแท้จริง เจริญสุดทางด้านจิตใจ อันนี้น่าชื่นใจมาก ถึงเวลาที่สวดของใครๆ ก็ไป ใครทำพิธีของใครก็ไป โดยไม่ไปรังแกซึ่งกันและกัน อันนี้ต่างประเทศคิดว่ายอดสุดๆ คนไทยนี้ ข้าพเจ้าก็คิดพูดเฉพาะกับท่านว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นว่าต้องถือว่าเป็นกรณีพิเศษ นักเรียนไทยที่เยอรมันก็ฮากันตรึมลั่น เขาก็จะฆ่าพระ รังแกพระ ไม่ให้ออกไปบิณฑบาต ไม่เหมือนคนไทยทั้งชาติที่เคยทำมา พวกเราต้องมีอารมณ์เย็น เราไม่เคยไปเบียดเบียนรังแกอะไรใครที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อของแต่ละบุคคล เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการที่จะเชื่อในศาสนาใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้ามากเกินไปต้องคอยเตือน คอยดูแล คอยสำทับ แต่ก็น่าเศร้าใจ

    [b-wai] [b-wai] [b-wai]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>องค์กรชาวพุทธฯ สนองพระราชดำรัส เลิกหนุนพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 สิงหาคม 2550 15:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ประธานองค์กรชาวพุทธฯ สนองพระราชดำรัส ยุติการเคลื่อนไหวบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ด้านพระเทพวิสุทธิกวี หยุดบทบาทเช่นเดียวกัน แต่เรียกร้องให้หาวิธีอื่นส่งเสริมให้พุทธศาสนามีความมั่นคงอยู่รอดได้

    พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ประธานองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์กรชาวพุทธฯ ซึ่งมีเครือข่าย 800-900 องค์กร ซึ่งทำงานเทิดทูน 3 สถาบันสูงสุดของประเทศ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไว้ องค์กรชาวพุทธฯ จะยุติการเคลื่อนไหวให้มีการบัญญัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2007
  12. Pure_Heart

    Pure_Heart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2005
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +171
    เห็นด้วยกับพระราชินีครับ
    ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บรรจุพระพุทธศาสนาในรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ใช่ว่า เราจะไม่ทำอะไรเลย พุทธศาสนิกชน ต้องช่วยกันทำนุบำรุง รักษาไว้ให้คงอยู่เหมือนเดิม และชอบสอดส่องดูแล พระภิกษุที่ประพฤติไม่เหมาะสม หรือพวกอลัชชีต่างๆ ดีกว่า

    ผมว่าเป็นเพราะ กิเลส ตัฒหา และความอยากมี อยากได้ของพุทธบริษัทเอง ที่ทำให้หน้าที่ของพระสงฆ์เปลี่ยนไป เช่น จตุคามรามเทพ มำให้พระสงฆ์กลายเป็นผู้ปลุกเสก หรือบ้าหวย อยากรวย ทำให้พระสงฆ์ต้องใบ้หวย

    ผมอยากให้ช่วยกัน ให้รัฐบาลออกกฎหมายลงโทษ พวกทำลายพุทธศาสนา อย่าเข้มข้นมากกว่าเดิม นอกจากจะจับสึก ก็ให้จำคุก หรือ ปรับ หนักๆ เพื่อไม่ให้ใครเป็นเยี่ยงอย่าง
     
  13. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ออกกฏหมายให้หนักกว่าเดิม ?
    จะทำได้อย่างไรครับ ? มีอะไรมารองรับครับ ?

    ฐานความผิด ขนาดแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ยังปรับไม่เกิน 6,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี (กรณี อ.กู้ นั่นตัวอย่าง )

    แถมยังเป็นความผิดลหุโทษอีก ถ้าไม่เคยต้องโทษมาก่อน ก็ รอลงอาญาได้ตั้ง 2 ปี
    ใครมันจะหลาบจำครับ ?

    นี่ยังไม่พูดถึง ฐานความผิดที่ต้องปาราชิกไปแล้ว กลับมาแอบบวชใหม่นะครับ
     
  14. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อะ ลองดูนะครับ จาก พรบ.

    พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตราที่ 1-21
    http://www.kodmhai.com/m4/m4-2/Nthailaw4-2/N815.html


    " มาตรา 44 ผู้ใดพ้นจากความเป็นพระภิกษุเพราะต้องปาราชิกมาแล้วไม่ว่าจะมีคำวินิจฉัยตาม มาตรา 25 หรือไม่ก็ตาม แต่มารับบรรพชาอุปสมบทใหม่โดยกล่าวความเท็จหรือปิดบังความจริง ต่อพระอุปัชฌาย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี"

    โห โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จิ๊บ ๆ ครับ แบบนี้ นี่ขนาดโดนปาราชิกนะครับ !!!!!


    " มาตรา 15ตรี มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
    (1) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม
    (2) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร
    (3) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนาศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์
    (4) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา
    (5) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
    เพื่อการนี้ ให้มหาเถรสมาคมมีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคำสั่ง มีมติหรือออกประกาศ โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายและพระธรรมวินัยใช้บังคับได้ และ จะมอบให้พระภิกษุรูปใดหรือคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตาม มาตรา 19 เป็นผู้ใช้อำนาจ หน้าที่ตามวรรคหนึ่งก็ได้

    ฮึ ๆ ๆ แล้วกรณี ของ นายรัก รักษ์พงศ์ หละครับ เป็นไง หนีไปตั้ง พวกอโศกแล้ว รัฐบาลใบ้กินไม่เห็นทำอะไรเลยครับ

    " มาตรา 15จัตวา เพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัยและเพื่อความเรียบร้อยดีงามของคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมจะตรากฎมหาเถรสมาคม เพื่อกำหนดโทษหรือวิธีลงโทษทางการปกครอง สำหรับ พระภิกษุและสามเณรที่ประพฤติให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนา และการปกครองของคณะสงฆ์ ก็ได้
    พระภิกษุและสามเณรที่ได้รับโทษตามวรรคหนึ่ง ถึงขั้นให้สละสมณเพศต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันทราบคำสั่งลงโทษ" <---- กฏหมายเขียนแบบนี้ แต่ ในพระธรรมวินัย ไม่ต้องสึกนะครับ หมดจากความเป็นพระตั้งแต่ ทำปาราชิกแล้ว
     
  15. สัมภเวสี.

    สัมภเวสี. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +253
    ใช้สติอ่านให้เข้าใจว่าที่อ้างอิงน่ะ เขาพูดถึงอะไรนะ หรือถ้าสงสัยมาก คุยPm หรือโทรคุยจะดีกว่านะ ถ้ากล้าพอ ไม่ใช่แค่กล้าแค่หน้าจอดีแต่บ่นๆ แล้วก็ไม่ทำอะไรให้สังคม เห็นมาเยอะแล้วแบบนี้
     
  16. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อีกประการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา

    รัฐบาลทำอะไรไว้บ้าง

    1.. แม้แต่การศึกษาศาสนา บางยุค รัฐบาลถึงกับยกเลิกหลักสูตรเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
    เพราะเห็นว่ารัฐไม่มีหน้าที่สอนศาสนา
    โดยลืมไปว่าพระพุทธศาสนาคือรากฐานทางสัมคมและวัฒนธรรมไทย (สมัย นายบุญสม มาร์ติน ที่เป็นคริสต์ และ ได้รับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา)

    2.. เวลาเกิดปัญหาอลัชชีขึ้น รัฐก็ปัดว่าเป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่จะแก้ปัญหา
    เพราะถ้าไม่เข้าข่ายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ รัฐก็ทำอะไรไม่ได้
    ส่วนทางคณะสงฆ์ก็แก้ปัญหาลำบาก
    เพราะระบบการปกครองถูกกำหนดด้วยกฏหมายโบราณ
    และขาดระบบงานและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมารองรับ
    หากอลัชชีมีผิดเรื่องโกงเงินก็จัดการง่ายหน่อย
    หากเป็นเรื่องเสพย์เมถุน ก็ยากจะหาพยานหลักฐานมาเล่นงานได้

    3..เมื่อเกิดข่าวอลัชชี ชาวบ้านก็รู้เห็นกันทั่ว
    ส่วนการสอบสวนลงโทษ กลับทำได้ยากลำบาก ใช้เวลามาก
    เพราะกฏหมายและระบบงานไม่เอื้ออำนวย
    เรื่องเหล่านี้จึงเป็นอาหารปากของคนที่ไม่เข้าใจระบบการปกครองคณะสงฆ์
    แล้วส่งผลให้เกิดวิกฤตศรัทธาตามมา ระลอกแล้วระลอกเล่า

    อ้างอิงจาก http://larndham.net/wimutti/board/D00000164.html
     
  17. satit5915

    satit5915 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +14
    อยากให้ช่วยกันส่งเสริมพุทธศาสนาในด้านอื่นๆดีกว่า เช่นในด้านการให้การศึกษา ให้ความรู้ ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น อย่าไปยุ่งกับการเมืองเลย เดี๋ยวจะเป็นเหยื่อของพวกนักการเมือง บรรจุหรือไม่บรรจุไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่เราต้องช่วยกันส่งเสริม สนับสนุน และสอดส่องดูแล ให้พุทธศาสนาของเราเจริญยิ่งขึ้นไป และอยู่ร่วมกันได้ในทุกๆที่
     
  18. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    น่าสงสาร ชาวพม่า จังเลย
    สัตว์โลกทั้งหลาย อย่าได้เบียดเบียนกันเลย
    เอวัง.....................
     
  19. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    จะส่งเสริมไหวหรือครับ ?

    1.. อัตราการดื่มสุราของคนไทย เป็นอันดับ Top 5 ของโลกไปแล้ว เพราะอะไร ?

    การโฆษณาใช่หรือไม่ ?

    กฏหมายควบคุมการดื่มสุราจริงจังแค่ไหน ?

    ค่านิยมในสังคมหรือเปล่า ?


    นี่ถ้า อิสลามเขาครองเมือง ป่านนี้ กฏหมายควบคุมดื่มสุราออกมานานแล้วครับ

    ตอนที่ร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่ผ่านมาเนี่ย พวกเขาแถว 3 จังหวัดใต้ จะขอเป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษด้วยซ้ำไป

    มันหมายความว่า ถ้าเข้า 3 จังหวัดปั๊ป ต้องเข้มงวดเรื่องกฏศาสนาของเขาด้วยซ้ำ

    อันนี้ น่ายกย่องเขา เพราะเขายึดมั่นในหลักศาสนาเขา แล้วลองมามองคนพุทธดูบ้าง เป็นไงบ้าง ?

    คิดแบบศาสนาอื่นเขาบ้างไหม ?



    2.. ปริมาณการทำแท้งของเด็กวัยรุ่น และ การติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ในหมู่วัยรุ่น

    แบบนี้ ศีลข้อ 3 ได้รับการส่งเสริมมากน้อยแค่ไหน ?


    แล้วรัฐทำอะไรกับข้อนี้

    ออกโฆษณา ยืดอกพกถุง <---แบบนี้ส่งเสริมให้เสียตัว หรือ ให้รักนวลสงวนตัวครับ ศีลข้อ 3 เป็นไงบ้าง

    ศีลข้อ 3 ไม่ใช่แค่ ผิดภรรยาชาวบ้านนะครับ ลูกของเค้าถ้าพ่อแม่ไม่อนุญาติ ก็ผิดศีลข้อ 3 นะครับ


    แล้ว นโยบายที่เกื้อกูลพระพุทธศาสนา จะทำอย่างไรครับ

    ลำพัง แค่ เอกชนรณรงค์กัน ไหวเหรอครับ ?


    ก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับการเมืองหรอกครับ แต่อย่างว่า ทุกอย่างในบ้านเมืองนี้จะขับเคลื่อนได้ ก็ต้องมีการเมืองมายุ่ง

    ก็เหมือนกับคนที่อยู่ในโลกนี้ มันหนีคนไม่ดีได้หรือเปล่าหละครับ ?



    ต่อให้ ไปส่งเสริมด้านอื่น จะส่งเสริมด้านไหนครับ ? และจะส่งเสริมไหวเหรอ ในเมื่อ หนังสือโป๊ยังวางขายอยู่บนแผงอย่างเสรี

    เด็กจะทานเหล้าก็เสรี ทีวีก็มีแต่รายการล่อแหลมเสรี ส่วนรายการพระพุทธศาสนาต้องอยู่ตอนตี 4 ตี5 ใครเขาจะตื่นมาดูครับ ? (รายการของ มจร ดูได้ทุกเช้า ตี5 ก็มาแล้ว ช่อง 9 อสมท)

    แล้วจะส่งเสริมตอนไหนหละครับ ?


    อยากจะถามท่านทั้งหลายเหมือนกันว่า จะส่งเสริมแนวอื่นจะส่งเสริมยังไง ผมอยากจะฟังเสียเหลือเกิน ขอเป็นแบบรูปธรรมจับต้องได้ด้วยนะครับ
     
  20. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    การติเพื่อก่อนั้น น่าสรรเสริญนัก
    การติเพื่อทำลาย ทุกข์อยู่ใน ใจผู้ติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...