มีใครเล่นหมากล้อม (โกะ) กันบ้างครับ ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นาย Touru, 13 กันยายน 2007.

  1. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    สิ่งที่ผมถือว่าเป็นเรื่องลึกลับอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ใครเป็นผู้คิดค้นหมากล้อมขึ้นมาครับ และคิดขึ้นมาได้อย่างไร ? มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งและมหัศจรรย์พอๆ กับใครสร้างพีระมิดขึ้นมาเลยนะครับ (สำหรับผมนะ)

    ก่อนอื่นมารู้จักหมากล้อมกันก่อนดีกว่าครับ

    [​IMG]

    หมากล้อมคืออะไร ดูเหมือนจะเป็นคำถามง่ายๆ แต่ตอบยากและมีความลุ่มลึกพอๆกับคำถามที่ว่า ชีวทัศน์คืออะไร ซึ่งแต่ละคนจะให้ความหมายที่แตกต่างกันตามมุมมอง ทัศนคติ และ ประสบการณ์ส่วนบุคคล เช่นเดียวกัน นักหมากล้อมและผู้ที่สนใจชื่นชอบในศิลปะหมากล้อมต่างก็มีคำตอบที่หลากหลายเกี่ยวกับคำถามที่ว่า หมากล้อมคืออ ะไร แต่โดยทั่วไปแล้วเป็นที่เข้าใจในหมู่คนจีนว่า หมากล้อมคือศิลปะแขนงหนึ่งในศิลปะจำนวน 4 แขนงของจีนที่สืบทอดมาแต่โบราณ อันได้แก่การดีดพิณ การเดินหมากกระดาน การเขียนพู่กัน และการวาดรูป ซึ่งหมากกระดานในที่นี้ หมายถึงหมากล้อมนั่นเอง

    นอกจากความเป็นศิลปะแล้ว หมากล้อมยังมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากศิลปะอื่นๆ คือ ยังครอบคลุมถึงศาสตร์สาขาต่างๆ อาทิ ยุทธศาสตร์ อีกนัยหนึ่งว่า

    หมากล้อมคือยุทธศาสตร์ เนื่องจากเป็นการรบประชันกำลังของกองทัพหมากดำและหมากขาว ในการช่วงชิงครอบครองชัยภูมิขนาด 361 ตารางเมตร โดยที่ต่างฝ่ายต่างมีกำลังทหารเท่ากัน และไม่มีฝ่ายใดอยู่ในสภาวะที่ได้เปรียบและเสียเปรียบก่อนการประจัญบานดังนั้น ตลอดช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีนที่ผ่านมา จึงมีนักการทหารจำนวนนับไม่ถ้วนหลงใหลในเกมหมากล้อมรวมทั้ง จอมพล เฉินอี้ แม่ทัพแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้ปลุกกระแสให้หมากล้อมเป็นที่นิยมแพร่หลายในประเทศจีนอีกครั้ง นับตั้งแต่ศตวรรษเป็นต้นมา

    หมากล้อมคือคณิตศาสตร์ เนื่องจากความสำคัญของเม็ดหมากและความได้เปรียบเสียเปรียบของกองกำลังหมากบนกระดานศึก แม้กระทั่งการพลิกแพลงของรูปเกมตลอดการแข่งขัน ล้วนคิดคำนวณด้วยหลักการคณิตศาสตร์ว่าครอบครองพื้นที่ได้เท่าใด ฝ่ายใดได้สัดส่วนที่มากกว่า และจบการแข่งขันไปด้วยการชนะไปกี่แต้ม กี่เม็ด หรือ กี่จุด ซึ่งหากจะมองว่าการเล่นหมากล้อมเปรียบเสมือนการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในช่วงสุดท้ายของเกมก็ว่าได้ โดยที่ก่อนจะถึงช่วงเวลานั้น แต่ละฝ่ายต้องเร่งทำคะแนนให้ได้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง

    กล่าวกันว่า หมากรุกคอมพิวเตอร์ที่สามารถเอาชนะนักหมากรุกชาวแชมป์โลกและเดินหมากได้เร็วจนเป็นที่ตลึงของผู้คน หากนำมาใช้เดินหมากล้อมละก็ กว่าจะวางหมากได้สักเม็ดต้องใช้เวลาที่เนิ่นนาน

    หมากล้อมเป็นการละเล่นที่เก่าแก่ที่สุดก็ว่าได้ขณะที่คอมพิวเตอร์เป็นผลสำเร็จแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดูเหมือนทั้งสองสิ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเลย แต่เพราะความต่างมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์จึงเชื่อมโยงให้หมากล้อมและคอมพิวเตอร์รวมเป็นส่วนเดียวกันได้ เช่น การจดบันทึกและการจัดเก็บรูปเกมของหมากในแต่ละกระดาน การแข่งขันด้วยคอมพิวเตอร์ รวมทั้งผู้แข่งขันทั้งสองฝ่ายสามารถประชันเม็ดหมากโดยผ่านทางจอคอมพิวเตอร์แทนที่จะต้องมานั่งประจันหน้าเข้าหากัน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับวงการหมากล้อมอีกเป็นต้นไป การพัฒนาทางคอมพิวเตอร์จึงเป็นส่วนช่วยเผยแพร่หมากล้อมในวงกว้าง ในขณะที่หมากล้อมก็ได้เสริมเติมศักยภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้เป็นสมองกลที่มีความ "ปราดเปรื่อง" ยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องพิสูจน์แต่ก็เป็นเครื่องชี้วัดอย่างหนึ่งที่มีนำหนักพอสมควร

    หมากล้อมคือปรัชญาและแนวคิด ในระหว่างที่เดินหมากแน่นอนว่า นักหมากล้อมย่อมเกิดความขัดแย้งทางความคิดระหว่าง ความได้เปรียบของหมากและกำลังของเม็ดหมาก ความได้เปรียบของเม็ดหมากและกำลังของเม็ดหมาก การโจมตีและการรักษาพื้นที่ครอบครอง การครองพื้นที่ในสัดส่วนที่ใหญ่และเล็ก เป็นต้น ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่มีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงตามเกมหมากที่เดินรุดหน้าต่อไป เพราะฉะนั้น บนกระดานหมากที่ทุกคนเห็นว่าเม็ดหมากแต่ละเม็ดที่ถูกหยิบวางลงนั้นอยู่ในสภาพที่แน่นิ่ง แต่แท้จริงแล้วในความสงบนิ่งมีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหว ซึ่งเกิดจากปัจจัยและเงื่อนไขที่ส่งผลให้รูปหมากเกิดการเปลี่ยนแปลง อาทิ การรุกโจมตี การรักษาพื้นที่ครอบครองและการต้านรับกองกำลังฝ่ายตรงข้าม สิ่งเหล่านี้ล้วนผันเปลี่ยนเคลื่อนไหวเหมือนสายน้ำที่ไหลรินอย่างต่อเนื่อง นักหมากล้อมที่มีไหวพริบเชาว์ปัญญา และช่างสังเกตย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ซ่อนเร้นอยู่บนกระดานหมาก ทำให้มีโอกาสกำชัยชนะได้มากกว่า และไต่ขั้นขึ้นเป็นยอดเซียนหมากแห่งพิภพหมากล้อม

    ชาวตะวันออกและชาวตะวันตกมีความแตกต่างในรายละเอียดย่อยเกี่ยวกับความเข้าใจในหมากล้อมอยู่ไมน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากระบบความคิดในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันซึ่งหยั่งรากลึกจนกลายเป็นความเคยชิน นั่นคือ ชาวตะวันตกมักพยายามค้นหาคำตอบและหลักเหตุผลอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ได้คำอธิบายที่สมบูรณ์แบบที่สุดจึงพยายามมองเห็นว่าควรวางเม็ดหมากตำแหน่งใดถึงจะดีที่สุด ขณะที่ชาวตะวันออกส่วนใหญ่ยึดหลักแนวทางสายกลาง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเกมหมากที่มีความไม่ชัดเจน ไม่อาจมองและคาดสถานการณ์ล่วงหน้าได้ และหาตำแหน่งการวางหมากที่ดีที่สุดไม่พบ การเดินหมากในจุดที่คิดว่าน่ามีความสำคัญรองลงมา หรือในตำแหน่งที่พอใช้ได้ และ สามารถควบคุมเกมได้ นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีทีเดียว

    หมากล้อมคือศิลปะการชิงชัย ลักษณะของเม็ดหมากทั้งหมดบนกระดาน ความงามและประสิทธิภาพสูงสุดของการจัดวางรูปหมากและแนวความคิดในการวางหมากทุกเม็ด ล้วนดึงดูดความสนใจของทั้งผู้เล่นและผู้ชมในฐานะที่เป็นความงามทางศิลปะ แต่เป้าหมายที่สูงสุดที่แท้จริงไม่ใช่เพื่อการชื่นชม หากแต่เพื่อกำชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะเพิ่มความหมายของเม็ดหมากให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น กล่าวโดยตรงก็คือ แพ้ชนะคือเครื่องมือตัดสินความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ ของรูปหมากทั้งกระดาน

    ฝ่ายชนะชนะได้เพราะการสูญเสียของฝ่ายพ่ายแพ้ นักหมากล้อมที่สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้าและมีชื่อเสียงอยู่ในระดับหนึ่งล้วนเคยลิ้มลองรสชาติแห่งความพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วน และได้ย่างกรายผ่านเส้นทางของการแพ้ชนะมาอย่างล้มลุกคลุกคลาน จนกระทั่งจิตใจถูกขัดเกลาให้เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว

    ในสังคมปัจจุบันที่แสวงหาความยุติธรรมและความเสมอภาค หมากล้อมถือว่าเป็นการชิงชัยที่มีคุณสมบัติดังกล่าวอย่างครบถ้วนและเป็นเสน่ห์ของหมากล้อมโดยแท้ เนื่องจากกระดานหมากล้อมวางหันด้านหน้าขึ้นบน เปิดกว้างให้ผู้เล่นเลือกหาตำแหน่งและหยิบวางเม็ดหมากได้ตามความต้องการโดยที่หมากทุกเม็ดจะถูกวางลงบนกระดาษล้วนมีคุณค่าและความเสมอภาคที่เท่าเทียมกัน ส่วนหมากเม็ดใดจะแสดงประสิทธิภาพได้มากกว่าขึ้นอยู่กับผลการวางหมาก ดั่งคำเปรียบเปรยที่ว่า "หมากล้อม คือ การชิงชัยเพื่อแสวงหาพื้นที่ที่จะดำรงอยู่" ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับคนเรา นั่นก็คือคนเราเกิดมาในสภาพเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน มีโอกาสที่เท่ากัน ส่วนใครจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดอยู่ที่ผลการกระทำในภายหลัง

    แม้ว่าหมากล้อมยังไม่ได้บรรจุให้เป็นรายการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายและความมีชีวิตชีวาในการที่เป็นเกมแข่งขันอย่างหนึ่ง ผู้ที่เฝ้าดูการเดินหมาก ฟังคำบรรยายและคำชี้แนะรู้หลักการ แต่ไม่ลงมือฝึกฝนไม่เคยประชันฝีมือในการแข่งขันจริงก็ยากที่จะเล่นหมากล้อมได้ดี เช่นเดียวกัน ผู้ที่เฝ้าชมการแข่งขันหมากล้อม หากเล่นหมากล้อมไม่เป็น ก็คงไม่เข้าใจและไม่สนุกกับการแข่งขันแตกต่างจากกีฬาบางประเภท เช่นยิมนาสติก ฟุตบอล ว่ายน้ำ กระโดดสูง ยิงธนู ฯลฯ ที่มแว่าผู้ชมจะเล่นกีฬาดังกล่าวไม่เป็นก็ยังคงสนุกสนานกับการเชียร์อยู่รอบขอบสนามได้อย่างจุใจ

    นอกจากนนี้ หมากล้อมยังถูกขนานนามให้เป็น "สื่อการเสวนา" ที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ในระหว่างการเดินหมาก ปัจจุบันแม้ว่าเทคโนโลยีการสื่อสารจะพัฒนาอยู่ตลอดเวลาและมีความทันสมัยขึ้นทุกขณะ การสื่อสารโดยผ่านทางคอมพิวเตอร์และโทรสารได้ย่นระยะทางระหว่างกัน และ ย่อโลกใบนี้ให้เล็กลง แต่เครื่องมือเหล่านี้ไม่ใช่เหตุผลที่คนเราไม่ต้องเจอะเจอพบหน้าคร่าตากันอีกแล้ว เพราะมนุษย์ยังต้องการเห็นหน้าซึ่งกันและการสื่อสารกันโดยตรง ซึ่งหมากล้อมเป็นสื่อกลางที่ดีอย่างหนึ่งที่ได้เสริมสร้างมิตรภาพระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมานับไม่ถ้วนแล้ว และที่ผ่านมามีคู่ปรับหมากล้อมหลายคู่ที่กลายเป็นกัลยานมิตรต่อกัน จากการที่ได้มีโอกาสปะทะฝีมือเม็ดหมากระหว่างกัน หากมองในภาพกว้างจะเห็นว่าแนวโน้มของโลกกำลังจะเห็นว่าแนวโน้มของโลกกำลังก้าวสู่การแลกเปลยี่นของวัฒนธรรมตะวันออก กับ วัฒนธรรมตะวันตก และหยิบเก็บส่วนดีของอืกวัฒนธรรมหนึ่งมาเติมเต็มให้กับวัฒนธรรมของตน ซึ่งหมากล้อมก็สามารถแสดงบทบาทการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมได้ดี ดังเห็นได้จากชาวตะวันตกที่รักในศิลปะหมากล้อมสามารถเรียนรู้และเข้าใจความเป็นชาวตะวันออกโดยผ่านแนวความคิดและปรัชญาที่สอดแทรกอยู่ในหมากล้อม ด้วยความหลากหลายของหมากล้อม ทำให้หมากล้อมเป็นมากกว่าศิลปะ กีฬา หรือศาสตร์สาขาใดสาขาหนึ่ง จึงเป็นสาเหตุที่ว่าเหตุใดหมากล้อมจึงลุ่มลึกและมีเสน่ห์ชวนค้นหา

    โดย มร. หัว หยี่ กัง
    ผู้อำนวยการศูนย์อบรมและศึกษาหมากล้อม สมาคมหมากล้อม
    แห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2007
  2. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    [​IMG]

    ในประวัติศาสตร์การเล่นโกะตลอดระยะเวลากว่า 3,000 ปี ไม่เคยมีกระดานไหนเลยที่หมากขาวจะกินได้หมดกระดาน หรือหมากดำจะกินหมากขาวได้หมดกระดาน โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นต่างมีระดับฝีมือใกล้เคียงกันหรือเท่าๆกันแล้วยิ่งไม่ควรที่จะมีความคิดละโมบโลภมาก หรือคิดทำลายล้างคู่ต่อสู้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีทรัพยากรเท่าเทียมกัน จึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะทำให้ฝ่ายหนึ่งได้ผลประโยชน์มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปแย่งผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายหนึ่งครอบครองไว้ก่อนแล้วมาเป็นของตน จึงเป็นการ ส่งเสริมพัฒนาทัศนคติในเรื่องการอยู่ร่วมกันและการเคารพสิทธิของผู้อื่นในฐานะต่างก็มีโอกาสเท่าเทียมกันอีกทั้งยังช่วยพัฒนาส่งเสริมคุณธรรมในด้านความมีเมตตา ไม่คิดฆ่าคิดทำลายส่งเสริมความสันโดษ ไม่ละโมบโลภมากไม่อยากได้ในสิ่งที่ไม่สมควรจะได้

    ผู้เล่นที่ชอบใช้กำลังทำลายล้างคู่ต่อสู้จะพบสัจธรรม 2 ลักษณะ คือ

    1. กรณีที่ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ จับคู่ต่อสู้กินได้ เขาจะพบว่าเขาเองก็มีต้นทุนได้มาซึ่งชัยชนะนั้นเขาจะซึมซับทัศนะคติของการ "ได้อย่างเสีย" หรือภาษาอังกฤษมักพูดว่า "No Free Lunch" เขาจะซาบซึ้งในความหมายของ Zero Sum Game นอกจากนั้นในบางครั้งในการพยายามใช้กำลัง Force ให้ได้มา จะพบว่าอาจมีต้นทุนแพงกว่าผลที่ได้รับมาเสียอีก "นั่นคือการฝืนธรรมชาติ จะต้องใช้กำลังมากเป็นพิเศษ"

    2. ในอีกกรณีหนึ่งคือ เมื่อเขาทำลายล้างคู่ต่อสู้ไม่สำเร็จ และได้รับปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงจนบางครั้งอาจทำให้แพ้ในเกมนั้นไปเลยเขาก็จะประจักษ์แจ้งแก่ใจถึง "กฎแห่งกรรม"กรรมใดใครก่อผู้นั้นจะต้องรับผลแห่งกรรมนั้น

    เราสามารถจะเรียนรู้จุดอ่อนของตัวเราเองได้จากเกมที่เล่นแพ้ซึ่งหลักในการเล่น หมากล้อมที่สำคัญคือ การนำเกมที่แพ้มาวิเคราะห์ว่าเราได้ทำอะไรผิดไปบ้างเป็นการปรับแนวทางทัศนคติและลดอัตราของผู้เล่นลง คือยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่นไม่เอาแต่ใจตัวเอง-ดื้อดันทุรัง,ยอมรับผิดยอมรับว่าไม่รู้ได้

    กล่าวโดยสรุปหมากล้อมจะสามารถพัฒนาทัศนคติของผู้เล่นเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกัน การเคารพสิทธิของผู้อื่น ส่งเสริมคุณธรรมด้านความมีเมตตา ความสันโดษและลดทิฐิมานะ และมีความเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรมซึ่งก็เป็นคุณประโยชน์โนประเด็นที่ 2 ที่ท่านศาสตราจารย์ประเวศ วะสี ได้กล่าวในพิธีเปิดการแข่งขัน Thailand U-Go Tournament ครั้งที่ 1 ว่า "การฝึกเล่นหมากล้อมจะช่วยส่งเสริมคุณธรรม-จริยธรรม"

    อย่างไรก็ตามเราเคยสังเกตบ้างไหมว่า การคิด การกระทำของเราแต่ละครั้งไม่ได้เป็นไปตามหลักคุณธรรม-จริยธรรม" หรือใช้เหตุผลพิจารณาเสมอไปทุกๆครั้งทั้งๆที่เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าอะไรคือสิ่งที่สังคมยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดีมีคุณธรรมหรือการใช้อารมณ์ตัดสินเรื่องราวต่างๆ โดยขาดเหตุผลก็เป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่งที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเราขาด "สติ" คือความรู้สึกตัวหรือความระลึกได้ อย่างเช่นตอนนี้ ตาท่านกำลังอ่านหนังสืออยู่ แต่ใจท่านคิดถึงเรื่องอื่นนี่เรียกว่าอ่านโดยขาดสติ หรือเช่นเมื่อเราเอาไก่ชนหรือปลากัดมาปล่อยใส่กัน มันจะตีกัน / กัดกันเสมอไปจนอาจถึงตายไปข้างหนึ่ง นั่นก็เป็นเรื่องของ Extream ของการขาดสติ คือไม่มีโอกาสมีสติเลย จับมาใส่กันเมื่อไหร่มันจะต้องตีกัน / กัดกันเสมอไปแต่คนเราเป็นสัตว์ประเสริฐสามารถที่จะมีสติรับรู้ได้ว่าเอ๊ะ ! นี่เรากำลังจะทำอะไร? ณ ตอนนี้สัมปชัญญะ จะเข้ามาบอกว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด? ควรหรือไม่ควร? ซึ่งถ้าเรามีทัศนะคติที่ดีมีคุณธรรม - จริยธรรม เป็นพื้นฐานอยู่ในจิตใจ เราก็จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งดีงาม เป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคมโดยส่วนรวม

    ซึ่งก็เป็นคุณประโยชน์ในประเด็นที่ 3 ที่ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้กล่าวไว้ว่า "การเล่นหมากล้อม เป็นการฝึกเจริญสติ" จนอาจถึงขั้นมีสมาธิ คือการมีสติต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานๆนั่นเอง

    ดังนั้นจึงใคร่ขอเรียนเชิญให้ท่านมาเรียนโกะ เพื่อจะได้เป็นคนเก่งงาน รู้จักจัดการชีวิตให้มีความสุขความเจริญ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติสืบต่อไป

    (b-smile)ที่มา http://www.happygenius.com
     
  3. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    ตำนานปรัมปรา กำเนิดหมากล้อม


    <CENTER>เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกว่า 20,000 ปีมาแล้ว
    ก่อนดาวศุกร์จะมาอยู่ในวงโคจรเดียวกับระบบสุริยะจังกรวาลของเรา
    มีนักคิดสองคนอาศัยอยู่ในทวีปเอเชียชื่อ Hei และ Bai
    ตลอดทั้งวัน พวกเขาเฝ้ามองวัตถุที่เปล่งแสงบนท้องฝ้า(พระอาทิตย์) มันเคลื่อนตัวข้ามฝากฟ้าไปในแต่ละวัน
    เวลากลางคืน เขาก็ยังเฝ้ามองวัตถุอีกอย่างที่เปล่งแสง(พระจันทร์) ลอยข้ามฟ้าไปเช่นกัน
    </CENTER>



    <CENTER>[​IMG]
    พวกเขาหลงเสน่ห์ในพระจันทร์ เพราะมันจะเปลี่ยนรูปร่างไปในทุกๆคืน
    จึงมีคนถามขึ้นมาว่า แล้วจะใช้เวลาเท่าไหร่ กว่าพระจันทร์จะเปลี่ยนรูปร่างจนครบหนึ่งรอบ?

    ทั้งสองคนก็คิดหาคำตอบ
    Hei คิดจะใช้วิธีนับนิ้วมือ
    แต่ Bai คิดว่ามันต้องใช้จำนวนวันมากกว่าที่จะใช้นิ้วนับได้แน่ๆ
    เลยออกความเห็นให้ใช้เม็ดหินวางไว้บนดินแทนการใช้นิ้วมือนับ โดยวางแถวละ5 ตามจำนวนนิ้วบนมือ

    เจ็ดวันผ่านไป

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ......
    .....
    ....
    ...
    ..
    .
    สามสิบวันผ่านไป

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    เขาใช้เม็ดหินสีดำเพื่อแทนจำนวนวันที่ใช้ จากเต็มดวงจนถึงมืดทั้งดวง
    และเม็ดหินขาวเป็นจำนวนวันจากเดือนมืดไปจนสว่างเต็มดวง

    จากการเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของพระจันทร์ พวกเขาค้นพบว่า
    พระจันทร์วนครบหนึ่งรอบ เรียกว่า 1 เดือน
    โดยแบ่งเป็นสัปดาห์ได้6 สัปดาห์ และสัปดาห์ละเจ็ดวัน


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    พวกเขาขีดตารางไว้บนพื้นดินขนาด 5x6 และ 3x10 มีจุดตัดทั้งหมด30จุด, เรียกว่าตารางพระจันทร์
    แต่แล้วเม็ดฝนก็ได้ทำลายตารางที่พวกเขาทำขึ้น
    พวกเขาจึงคิดวิธีทำตารางพระจันทร์ใหม่ให้คงทนและสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยการแกะสลักจากแผ่นไม้


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ต่อมามีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า
    พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นและตกที่เดียวกัน
    จากแนวระนาบในแต่ละวัน แต่ละคืน
    พระอาทิตย์ใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าพระจันทร์มาก
    ก็มีคนถามขึ้นอีกว่า
    แล้ววัน เดือน ปี ที่พระอาทิตย์ใช้ในการเดินทางครบหรึ่งรอบล่ะ เป็นเท่าไหร่

    เพื่อจะได้คำตอบ Hei และ Bai วางเม็ดหินไว้บนตารางพระจันทร์ เพื่อจะนับวัน แต่มันไม่ง่ายเหมือนการนับพระจันทร์แล้ว
    การนับพระอาทิตย์ ต้องใช้เวลา เม็ดหิน หรือแม้แต่ตารางพระจันทร์เป็นจำนวนมาก
    ทุกๆวัน Hei และ Bai เฝ้ามองพระอาทิตย์ตก บนแนวระนาบต่างๆ แล้ววางเม็ดหินลงไปบนตาราง
    สุดท้ายแล้ว พวกเข้าต้องใช้กระดานพระจันท์ถึง12 แผ่น และเม็ดหิน361เม็ด


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    พวกเขาเรียกการเดินทางของพระอาทิตย์ว่า ปี
    เขาคิดการวาง ตารางพระจันทร์ 12 อันบนกระดาน 19x19
    ซึ่งมีจุดตัด 361 จุด พอดีกับวันใน1ปี
    และตั้งชื่อมันว่า ตารางพระอาทิตย์


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    เพื่อให้สอดคล้องกับ 361วันในตารางพระอาทิตย์

    พวกเขาได้แบ่ง 1ปีเป็นดังนี้
    1. มี 4 ฤดู ~ แบ่งตารางได้เป็น 4 ส่วนใหญ่
    2. มี 12 เดือน ~ จากจำนวนของตารางพระจันท์ 12 อัน
    3. มี 72 สัปดาห์ ~ จากจำนวนเดือนที่แยกออกมาจากตารางพระจันทร์
    4. วันสุดท้าย(วันสิ้นปี) ~ จากจุดสุดท้ายบนกระดาน(กลางกระดาน)
    </CENTER>

    หมายเหตุ: &copy; Craig R. Hutchinson, 15 August 2005
     
  4. longhorn48

    longhorn48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +874
    นั่นสินะ หัตถ์เทวะอยู่ไม่ไกลแล้ว....ท่านโทยะเมยิน...
     
  5. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    [​IMG]


    สูงสุดคืนสู่สามัญ

    "หมากกระดานแต่ละชนิด" คือ สถานที่ประลองยุทธ์ทางปัญญาแต่ใช้กลวิธีทางศึก

    ผู้ทำการศึกพึ่งรู้ หนัก เบา ช้า เร็ว รู้เขารู้เรา ประยุกต์ใช้กลศึก ร้อยรบบ่มิพ่าย

    รวมพลังบุ๋นบู้ประสานเป็นหนึ่ง เหมือนวิทยายุทธ์สายกำลังภายใน ผู้ใดประยุกต์ได้จักรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ รู้ธาตุทั้งปวง


    ๑.ฝ่ากำลังภายในใช้วิทยายุทธ์เอี้ยก้วย
    วรยุทธของเอี้ยก้วย
    พูดถึงตัวละครที่เป็นตัวเอกของเรื่อง ย่อมต้องมีวิทยยุทธสูงส่งเป็นธรรมดา เอี้ยก้วยก็เป็นอีกตัวละครที่เป็นเช่นนั้น วรยุทธของเอี้ยก้วยนั้นมีมากหลาย แต่ละวิชาล้วนมีที่มาแตกต่างกัน บ้างได้มาง่ายบ้างได้มายาก บ้างได้โดยบังเอิญ บ้างได้เพราะความพยายาม ในส่วนนี้จะมาไร่เรียงดูว่าเอี้ยก้วยได้วิชาจากที่ใดบ้าง และแต่ละวิชามีรายละเอียดอย่างไร
    [​IMG]

    ลมปราณคางคง
    เอี้ยก้วยพอจะมีพื้นฐานอยู่บ้างจากมารดา แต่คงจะนับเป็นวรยุทธจริงจังไม่ได้ วิชาแรกที่เอี้ยก้วยได้เรียนรู้จริงๆคือวิชา ลมปราณคางคง ของ อาวเอี้ยงฮง ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดวิชาฝีมือในแผ่นดิน เอี้ยก้วยได้รับถ่ายทอดตั้งแต่เด็ก และก็ได้นำมาใช้ในหลายเหตุการ ภายหลังได้พบอาวเอี้ยงฮงอีกครั้งก็ได้รับการชี้แนะเพิ่มเติมถึงเคล็ดความพิสดาร พร้อมทั้งสอนวิชาเก้าอิมแบบย้อนกลับ ทำใหได้วิชาบังคับชีพจรย้อนกลับไปด้วย

    [​IMG]

    วิชาสำนักสุสานโบราณ
    ต่อมาพอได้เข้าไปในสุสานโบราณก็ได้เซียวเหล่งนึ่งเป็นอาจารย์ สอนวิชากำลังภายใน วิชาตัวเบา เพลงหมัดฝ่ามือ อาวุธและอาวุธลับของสำนักสุสานโบราณ เอี้ยก้วยสำเร็จวิชาทั้งหมดนี้ตอนอายุสิบหกปี วิชาเหล่านี้บัญญัติโดยสตรี จึงมีความคล่องแคล่วอ่อนช้อยเกินพอ แต่ขาดความหนักแน่นแกร่งกร้าว แต่เอี้ยก้วยมีนิสัยคึกคะนองชอบกระโดดโลดเต้น วิชาฝีมือแนวนี้กลับสอดคล้องกับนิสัยใจคอของเขา

    [​IMG]

    เพลงกระบี่สำนักชวนจินก่า
    หลังจากนั้นเพื่อต้องการฝึกเคล็ดวิชาสุรางคนางค์ ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้วิชาของสำนักชวนจินก่าก่อน เดิมทีเซียวเหล่งนึ่งศึกษาวิชานี้จากเครื่องหมายอักษรในห้องศิลาที่ เฮ้งเต้งเอี้ยงจารึกไว้ในตอนฝึกฝนวิชา แต่ก็ยังคงไม่เข้าใจ ดีทีเอี้ยก้วยเคยได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาของชวนจินก่าจากเตียจี้เก่ง แต่เตียจี้เก่งถ่ายทอดให้แต่เคล็ดวิชา ไม่ถ่ายทอดวิธีฝึกปรือให้ เอี้ยก้วยเพียงท่องจำขึ้นใจ แต่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ ยามนี้ท่องให้เซียวเหล่งนึ่งฟัง นางจึงทำการค้นคว้า บ่งชี้เคล็ดความสำคัญ และใช้เวลาหลายเดือน เรียนรู้วิชาฝีมือที่เฮ้งเต้งเอี้ยงจารึกทิ้งไว้ได้

    [​IMG]

    เคล็ดวิชาสุรางคนางค์ ( วิชาดรุณี สาวหยก )
    เคล็ดวิชาสุรางคนางค์ ลิ้มเฉียวเอ็งบัญญัติขึ้นมาเพื่อทำลายล้างวิชาฝีมือสำนักชวนจินก่า เพลงกระบี่สุรางคนางค์เป็นดาวข่มของเพลงกระบี่ชวนจินก่าอย่างแท้จริง ทุกกระบวนท่า ทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะพลิกแพลงอย่างไร ก็ไม่อาจสลัดหลุดการครอบคลุมของเพลงกระบี่สุรางคนางค์ได้ เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่งใช้เวลาหลายเดือนฝึกวิชาภายนอกสำเร็จ แต่วิชาภายในฝึกได้ยากเย็นกว่า ใช้อีกหลายเดือนถึงฝึกสำเร็จ

    [​IMG]

    วิชาจากคำภีร์เก้าอิม ( คัมภีร์นพยม )
    ต่อมายังได้รู้วิชาจากคำภีร์เก้าอิม ซึ่งจารึกไว้บนเพดานห้องใต้ดิน ผู้จารึกคือเฮ้งเต้งเอี้ยง หลังจากลิ้มเฉียวเอ็งเสียชีวิต เฮ้งเต้งเอี้ยงลอบเข้าสุสานโบราณได้เห็นเคล็ดวิชาสุรางคนางค์ ที่ลิ้มเฉียวเอ็งจารึกไว้ สร้างความตระหนกจนหน้าถอดสี จึงพาตัวเองเข้าสู่ส่วนลึกของภูเขา ใช้เวลา 3 ปี หาวิธีทำลาย แต่ก็ยังหาไม่ได้จึงล้มเลิกไป สิบกว่าปีให้หลัง หลังจากได้คัมภีร์เก้าอิมมา ลองเปิดผ่านตาดูเห็นว่ามีหนทางเอาชนะได้ จึงจารึกเคล็ดวิชาเก้าอิม บนเพดานห้องศิลาใต้ดิน พร้อมกับระบุวิธีทำลายเคล็ดวิชาสุรางคนางค์ อย่างไรก็ตามวิชาเก้าอิมที่จารึกไว้นี้ไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ คัดเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเอาชนะวิชาของลิ้มเฉียวเอ็ง เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่งใช้เวลาปีเศษในการฝึกฝน

    [​IMG]

    วิชาไม้เท้าตีสุนัข
    อีกแขนงวิชาที่นับว่าเป็นวิชาสุดยอดพิศดารของยุทธภพ นั้นคือวิชา ไม้เท้าตีสุนัข ซึ่งเป็นวิชาที่จะถ่ายทอดให้กับเจ้าสำนักกระยาจกเท่านั้น แต่เอี้ยก้วยได้เรียรู้วิชานี้โดยบังเอิญ โดยเริ่มต้นจากได้เรียนรู้กระบวนท่าทั้ง 36 ท่า จากอั้งฉิกกงบนยอดเขาฮั้วซั่ว และได้รู้เคล็ดวิชาจากอึ้งย้งในตอนที่แอบฟังอึ้งย้งถ่ายทอดวิชาให้ลู่อู่ค่า ตอนนั้นอึ้งย้งทวนหลายครั้งเพื่อให้ลู่อู่คาจำได้ แต่เอี้ยก้วยมีสติปัญญาล้ำเลิศพอฟังถึงรอบที่ 3 ก็ จดจำได้หมดไม่มีตกหลนแม้ซักคำ เอี้ยก้วยจึงได้วิชานี้ครบทั้งกระบวนท่าและเคล็ดวิชา แต่จะอย่างไรวิชาที่สุดยอดนี้ยังมีรายละเอียกปลีกย่อยวิธีใช้ วิธีปรับเปลียนพลิกแพลงที่หลากหลาย จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำเพิ่มเติม ซึ่งเอี้ยก้วยก็ไปได้ในส่วนนี้อีกประมาณหกเจ็ดส่วนของทั้งหมดในตอนที่ไปช่วยอึ้งย้งจากการตามล่าของกิมลุ้น ด้วยมันสมองของเอี้ยก้วย ถ้าหากได้ฝึกซ้อมขบคิดต่อ ย่อมสามารถใช้วิชานี้ได้อย่างสมบูรณ์

    [​IMG]

    เพลงกระบี่ขลุ่ยหยก และดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ ( ดรรชนีธรรม )
    เมื่อครั้งหนีการตามล่าจากลี้มกโช้ว ได้พบกับ มารบูรพา อึ้งเอี๊ยซื้อ เอี้ยก้วยพูดจาเก่งและยังมีนิสัยหลายอย่างตรงกับอึ้งเอี๊ยซือ คุยกันถูกคอ จึงได้รับการถ่ายทอดดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ ( ดรรชนีเส่งคุน ) เพื่อไว้เอาชนะฝ่ามือเบ็ญจพิษของลี้มกโช้ว และเพลงกระบี้ที่ดัดแปลงจากขลุ่ยหยกอีกชุดไว้ทำลายแซ่ปัดของนาง วิชาฝีมือทั้งสองนี้ล้วนลึกล้ำพิศดาร คาดหวังความสำเร็จขั้นต้นต้องใช้เวลาหนึ่งปี หากคิดเอาชัยลี้มกโช้วต้องใช้เวลาสามปี

    [​IMG]

    กระบี้เหล็กนิลดำ
    เอี้ยก้วยไปหาพี่อินทรี และได้ฝึกฝนยอดวิชาจากยอดคนผู้ล่วงลับนาม ต๊กโกคิ้วป้าย โดยได้พี่อินทรีเป็นคู่ซ้อม จากนั้นพี่อินทรีพาไปฝึกซ้อมกับการจู่โจมกับน้ป่าในลำธาร สลับกันการกินดีงูที่พี่อินทรีหามาให้ จนสำเร็จ ล่วงรู้ว่าเพลงกระบี่ของกระบี่หนักสิ้งสุดแต่เพียงนี้ ภายหน้ามีกำลังเพิ่มพูนกระบี้ที่ใช้จะมีน้ำหนักเบาลงทุกที นั่นเพราะพลังการฝึกปรือเพิ่มพูนเป็นล้ำลึกขึ้นอยู้กับการเพาะสร้างของตัวเอง ด้านเพลงกระบี่กลับบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว

    [​IMG]

    วิชากระบี่ไม้
    หลังจากรู้ว่าต้องรอเซียวเหล่งนึ่งเป็นเวลานาน จึงกลับไปหาพี่อินทรีใช้เวลาไปกับการฝึกซ้อมวิชากระบี่ แต่ฝึกอยู่หลายเดือนรู้สึกไม่คืบหน้า ภายหลังพี่อินทรีพาลงใต้ไปที่ชายฝั่งทะเลได้ฝึกซ้อม พุ่งกระบี่ไม้ฟาดฟันกลางคลื่นพิโรธ ในช่วงเวลาน้ำทะเลหนุนสูงทุกเที่ยงวันเที่ยงคืน ฝึกซ้อมโดยไม่ว่างเว้น เสียงกระบี่ยิ่งฟาดฟันยิงดังสะเทือนเลือนลั่น จากนั้นค่อยๆเบาลง และกลับจากเบาเป็นดัง จากดังเป็นเบา ย้อนทวนรวมเจ็ดครั้ง สุดท้ายจากเบาเป็นเบา ดังเป็นดัง ฝึกปรืออยู่ชายฝั่งทะเลนี้ถึง 6 ปี

    [​IMG]

    เพลงฝ่ามือกำสลดวิญญาณสลาย
    และสุดท้าย ในช่วงเวลาที่เอี้ยก้วยเฝ้ารอเซียวเหล่งนึ่งนั้น ด้วยความสามารถสติปัญญาอันล้ำเลิศ มีความรู้จากวิชาที่ได้เรียนมาหลากหลาย รวมกับประสบการณ์การต่อสู่อย่างโชกโชน ได้คิดค้นบัญญัติยอดวิชาขึ้นเอง โดยให้นามว่า วิชา ฝ่ามือกำสลดวิญญาณสลาย ซึ่งมีด้วยกันหลายท่า บ้างก็เป็นวิชาที่ดัดแปลงมาจากวิชาที่เคยได้รับการถ่ายทอดมา บ้างก็เป็นท่าที่คิดขึ้นเองเป็นเอกเทศไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชาใด รวมแล้วได้ 17 ท่า ถือเป็นอีกหนึ่งยอดวิชาในยุทธภพ


    _____________________


    [​IMG]


    ๒.ฝ่ายการทำศึกทั้งหมากกระดานและชีวิต พึงใช้ 36 กระบวนยุทธ์

    36กลยุทธ์แห่งชัยชนะ ในการสัประยุทธ์ทุกปริมณฑล

    กลยุทธ์ชนะศึก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2007
  6. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    36กลยุทธ์แห่งชัยชนะ ในการสัประยุทธ์ทุกปริมณฑล

    เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งมากครับ ผมคิดว่าเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติธรรมได้เช่นกัน โดยเปลี่ยนข้าศึกให้เป็นตัวแทนของกิเลสตัณหา ครับ
     
  7. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    (verygood)

    ผู้รู้การศึก รู้จักปรับเปลี่ยน พลิกแพลง กลศึก นำธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ที่มี มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เมื่อรู้เราอย่างถ่องแท้เมื่อใด รู้เขาก็จักแจ่มแจ้ง - ขงเบ้ง

    ท่านกล่าวได้ชอบแล้ว รู้จักนำมาประยุกต์ให้เป็น ให้เหมาะกับตนเองในทุกๆเรื่องที่พบเจอ แม้จะวิกฤตสักเพียงไหนก็คือโอกาสสำหรับเรา

    ธรรมะมีอยู่ทุกสรรพสิ่ง ขอให้ท่านWitเจริญในธรรมยิ่งๆไปครับ สาธุ
     
  8. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    กระทุ้นี้เยี่ยมจริงๆครับ นับถือๆๆ ...
     
  9. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ผมเล่นโกะใน
    www.thaibg.com
    ประจำครับ
    ชื่อที่ใช้ชื่อ kong001-แมวเหม่ง-sk001

    ใครว่างๆก็เข้าไปเล่นด้วยกันนะครับ
     
  10. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    ขอบคุณ คุณ - - (ไม่รู้ว่าจะออกเสียงอย่างไรดีครับ แหะ ๆ ;) ) ที่ให้ความรู้เรื่องกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์มากมายจริง ๆ ครับ แถมยังมีเพลงเพราะ ๆ มาทำให้การอ่านกระทู้นี้ได้อรรถรสมากขึ้นอีกครับ (b-smile)

    คุณ Wit ก็คิดประยุกต์เข้ากับการปฏิบัติธรรมได้เยี่ยมไปเลยครับ นับถือ ๆ ;)

    คุณ kong_sorakrit ครับ ผมก็เล่นที่ Thaibg.com เหมือนกันครับ แต่ไม่ค่อยได้เล่นบ่อยนะครับ ถ้าว่างๆ จะเล่น ผมเองยังเพิ่งประมาณ 8 คิวเองครับ ไม่ค่อยมีเวลาได้ฝึกฝนฝีมือเลย แต่ถ้ามีโอกาส หลังคุยเรื่องงานกับเพื่อน ๆ เสร็จ ก็จะเอากระดานออกมานั่งเล่นกับเพื่อนบ้าง ผมว่า ระหว่างเล่นมันเป็นการฝึกจิตขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งครับ คือฝึกเอาชนะความอยากเอาชนะ และใจที่คิดละโมบ โลภมากครับ เพราะการจะเล่นให้ชนะได้ต้องเกิดจากการไม่คิดเอาชนะ เหมือนสุภาษิตโกะที่ว่ากันว่า "ชนะได้เพราะไม่คิดเอาชนะ" และต้องรู้จักการเผื่อแผ่แบ่งปันด้วยครับ เพราะการที่เราจะครอบครองพื้นที่ทั้งหมดนั้น เป็นไปไม่ได้เลยครับ

    ถ้ามีโอกาสคงได้ขอคำชี้แนะจากคุณ kong_sorakrit บ้างนะครับ [b-hi]


    ขอให้ทุกท่านที่คิดดี ทำดี ได้รับสิ่งดี ๆ ในชีวิตนะครับ
     
  11. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    งี้ต้องหัดเล่นบ้างแล้ว...
     
  12. zatons

    zatons Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +30
    ผมเล่นมาจะ4ปีแล้วครับ ว่างๆก็เล่นใน THAIBG เหมือนกันครับ ชื่อzephiroth หวังว่าคงได้พบแลกเปลี่ยนความรู้กับ คุณkong และท่านอื่นด้วยครับ
     
  13. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,105
    ค่าพลัง:
    +2,696
    มันเหมือนยากน่ะครับ เลยไม่ค่อยชอบเล่นหมากกระดานพวกนี้สักเท่าไหร่
     
  14. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ชอบเล่น
    หมากรุก...ไทย
     
  15. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ชอบเล่น
    หมากรุก...ไทย
    (b-smile) (b-smile) (b-smile) (one-eye) [b-hi]
     
  16. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    36กลยุทธ์นี่แหละครับ ที่การเมือง ธุรกิจ ฯลฯ ทั่วโลกเขาใช้กัน ถ้าหากใครจำได้และใช้เป็นอย่างมีคุณธรรม ขอเน้นว่าต้องทำไปเพื่อคุณธรรมจริงๆ เช่นป้องกันคนอ่อนแอ่ที่จะถูกทำร้ายจากผู้ไม่ดี หรือปราบมารนั่นเอง แทนที่จะต้องใช้กำลังเข้าต่อสู้ เราใช้กลยุทธ์เหล่านี้ก็จะได้ชัยชนะโดยง่าย

    แต่ถ้าใครเอาไปใช้เพื่อเป็นเล่ห์เหลี่ยม เป็นเครื่องมือหาประโยชน์เข้าตน สิ่งเหล่านี้เหมือนมีอาถรรพ์ มันเป็นดาบสองคม แม้ทางโลกจะเจริญเพียงใด แต่ทางธรรมตกต่ำลงไปเรื่อยๆ วิชาทางธรรมต่างๆก็ไม่สามารถจะเรียนได้เลย เพราะฉะนั้นขอเตือน ผู้ที่จะนำกลยุทธ์ไปใช้ในทางไม่ดี ท่านจะได้ปาบเต็มๆ แทนที่บุญกุศลจะเกิด


    นอกจาก36กลยุทธ์ของจีน ยังมี พิชัยสงคราม13บทของซุนวูอีก เข้าใจว่า36กลยุทธ์ประยุกต์มาจากพิชัยสงคราม13บท ของซุนวู นะ

    (b-smile) (b-smile) (b-smile)
     
  17. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ขอบพระคุณมากครับ ^ ^

    คนคิดเขาคิดไว้ดีแล้วน่ะครับ เราแค่ลองเปลี่ยนมุมมองเท่านั้นเอง แต่ก็แบบว่า....เข้ากันได้อย่างประหลาดเลยนะครับเนี่ย ^ ^
     
  18. สัมภเวสี.

    สัมภเวสี. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +253
    แล้ววิชากำลังภายในนี่มีจริงๆไหม หรือแค่เพียงคนแต่งนิยายเขียนขึ้นมาเฉยๆ
     
  19. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    มีจริงครับ แต่ว่ามีน้อยคนมากที่จะฝึกได้สำเร็จ และก็อาจจะชำนาญเชี่ยวชาญมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละด้านแต่ละสาขาน่ะครับ อาจจะไม่ถึงขั้นอย่างในหนังหรอกนะครับ(หรือไม่แน่ก็ไม่รู้....) ลองหาดูได้จากคลิปต่างๆน่ะครับ

    อย่างบางท่านที่ฝึกชี่กง สามารถเอามือเปล่าจับหลอดนีออนแล้วเร่งพลัง สามารถทำให้หลอดไฟส่องแสงสว่างได้โดยที่ไม่ต้องใช้ บัลลาสต์ หรือ สตารท์เตอร์ เลยล่ะครับ (เคยมีอาจารย์ชี่กงจากเมืองนอกมาแสดงท่ามกลางผู้คน ที่งานวันวิทยาศาสตร์ทางจิตเมื่อหลายปีก่อนด้วยล่ะครับ เห็นได้ด้วยตาเปล่านี่แหละครับ)

    ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งมีชื่อไทยว่า "ลมปราณ" เป็นเรื่องราวของผู้ฝึกชี่กงที่ใช้พลังลมปราณรักษาโรค ท่านนี้เก่งมากจนได้ใบรับรองให้รักษาผู้ป่วยได้ตามกฎหมายของเมืองนอกเลยล่ะครับ
     
  20. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    ผมคิดว่า ภูมิปัญญาทางโลกฝั่งตะวันออก เป็นปรัชญาที่แฝงข้อคิดไว้ลึกซึ้งมากเลยครับ สังเกตว่า สมัยนี้ ทางฝั่งตะวันตก เริ่มศึกษาและให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาเหล่านี้อยู่มากเลยทีเดียว

    แล้วมีใครพอทราบไหมครับว่า ต้นกำเนิดของหมากล้อมนี่เกิดขึ้นมาได้อย่างไรครับ ที่ผมหามาได้ก็มีแค่ตำนานตามที่ Post ไว้ด้านบน

    ที่หมากล้อมมันน่าอัศจรรย์เพราะว่า ดูเรียบง่ายมีแค่หมากดำและขาว รูปแบบ กฎกติกาก็ไม่ได้ศึกษายาก ใครล้อมพื้นที่ได้มากกว่าก็ชนะ แต่แฝงด้วยปรัชญาและแนวคิดอันลึกล้ำในเกมหมากกระดานเยอะมากๆ จึงเป็นเรื่องเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งครับ เป็นเกมหมากกระดานเพียงเกมเดียวที่คอมพิวเตอร์ยังไม่สามารถชนะคนได้ และผมว่าคงอีกนานที่คอมพิวเตอร์จะชนะคนได้ในเกมหมากล้อมครับ

    เนื่องด้วยรูปแบบการวางที่เป็นไปได้ทั้งหมดในเกมๆ หนึ่งมีได้อย่างน้อยก็ 361! เข้าไปแล้ว รวมไปถึงบางครั้ง การกินหมากคู่ต่อสู้ได้เยอะ กลับเป็นการเสียเปรียบก็มี ซึ่งเรื่องแบบนี้ การตัดสินใจแบบนี้ ต้องใช้คนเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ครับ

    ปริศนาบนกระดานขนาด 19*19 จุด ก็ยังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไปครับ (b-smile)
     

แชร์หน้านี้

Loading...