ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

หนังเสือ...ผมมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหนังเสือมาให้ฟังเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมยังเด็กๆประมาณ ม.ศ.๓-๔ นี่แหละ

แถวบ้านผมตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ กลางคืนจึงมืดน่ากลัว และก็แปลกว่า จะมีผีเข้าชาวบ้านให้เห็นบ่อยๆเกือบทุกๆเดือน วันหนึ่งผมได้ไปดู เห็นคนรู้จักกันนี่แหละเป็นผู้หญิงอายุกลางคน ผี ที่มาเข้าก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร นั่งก้มหน้านิ่งงึมงำๆ เท่าที่เห็นบ่อยก็เป็นอาการเช่นเดียวกันถ้าผีเข้านี่จะไม่สบตาใคร

มีคนลุงแก่คนหนึ่งท่านก็อยากลองว่าเข้าจริงไหม ก้แอบเอาหนังเสือแผ่นเล็กๆไปยัดที่นอนตอนผีเผลอลุกขยับจาที่นอน พอขยับมาอีกที สะดุ้งโหยงๆๆ ร้องลั่นเลย ด่าใหญ่เลย กูไม่นั่งๆๆ มีแต่หนามแหลมๆๆ กุไม่นั่ง ...พอลุงแกแอบเอาออกไม่ให้เห็น บอกผีมานั่ง ก็นั่งได้ บอกว่าหนามแหลมๆหายแล้ว..
คนที่อยู่ใกล้ๆ ถามว่า แหลมยังไง ผีบอก แหลมยาวๆๆ นั่นไงๆ มันอยู่ตรงไอ้คนนั้นไง อย่าไปใกล้มันนะ เข้าใกล้มันไม่ได้หนามมันคม

ก้เลยรู้ว่า อ้อ ถ้าใครมีตะกรุดหนังเสือ นี่ ผีจะมองเห็นมีหนามแหลมอยู่รอบตัวเรา ผีมันกลัวไม่กล้าเข้ามาใกล้..ครับ

 

แค่อ่าน ปสก..ก็ สุดๆแล้วครับ.....

 

ถูกเลยครับ
มาตามติดและติดตามครับ

 

ท่าน เอท ผมลุ้นซะตัวโก่งเลยนะนี่

 

จริงอยู่หรอพี่เอท จะพยายามเชื่อนะพี่

 

ไม่ทราบว่า บ้าน 3 หลังนี่ ไทย หรือ เทศ ครับ ชื่อคุ้นหูจัง อิอิ

 

ผ้ายันต์ลายมือนี่ผมสงสัยมาครับ โดยส่วนตัวชอบมากเช่นกันแต่บางทีได้มาโดยไม่ทราบของใครจะทำอย่างไรครับ หรือเจ้าของเขาจะมาตามไหม

อันนี้ประสบการณ์จริงๆเลย จากเพื่อนสนิมเอาเข้าบ้านไป แม่กะคนที่บ้านเห็นเป็นดวงไฟลอยในห้องนอนตรวหัวนอน(ห้องชั้นสอง) แล้วลอยลงมาขั้นล่าง พวกเขาก็เดินตามดวงไฟนั้นไป(เหมือน งง งง ไม่ได้กลัว สงสัยแต่อย่างใดแค่คิดว่าดวงไฟอะไรหรอแล้วตามไปเฉยๆ) ดวงไฟนั้นก็ลอยเข้าห้องนอนชั้นล่างและหายไปในกระเป๋าที่เก็ยผ้ายันต์นั้นไว้ ขณะนั้นผมกับเพื่อนลั่นล้าได้ที่อยู่นอกบ้านเลย..
พอเช้าอีกสองอาทิตย์ต่อมาผมไปหาเพื่อนที่บ้าน เพื่อนเอาผ้ายันต์มาโชร์ผม แม่เพื่อนแสดงอาการตกใจมากแล้วบอกว่าแบบนี้เลย แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง(ต่อหน้าผม) ผมจึงทราบครับ

เลยลดความชอบลงกระทันหันมากลัวแทน 5555 เพราะบางทีเพื่อนๆก็เอาผ้ายันต์มาฝากผมกับเพื่อนเหมือกัน เค้าบอกไม่รู้มีคนให้ต่อมา 555 งามไส้ไหมล่ะ

 

อิอิอิ เล่าไว้แกล้งคนคิดเยอะ 5555

 

เชื่อเค้าเถอะ........ 55555 จริงๆ ของแบบนี้ไม่ชอบไป

 

เรื่องนี้ก็เป็นอีกอุทาหรณ์หนึ่งที่เห็นด้วยเหมือนกันว่าควรจะรู้ที่มาที่ไปด้วย

ว่าแล้วก็เล่าอีกเรื่อง..เรื่องราวก้เกิดขึ้นตอนผมอยู่ ม.พัน๗ นี่แหละ.ตอนนั้นทางกองพัน ก็จัด ๕ ส.นะสิ ทำความสะอาดรื้อค้นจัดจ่าย พร้อมจ่ายแจกวัตถุมงคลที่ คนมาบริจาคให้สมัยขึ้นที่ทหารม้าไปรบที่ บ้านร่มเกล้าฯเพราะตอนนั้นฝ่ายจัดแจกของขลังแจกไม่ทัน เพราะ เขามาบริจาคให้ทีหลัง ถ้าจะไปแจกแนวหน้าก็ต้องฝ่า กระสุนปืนใหญ่ ที่ลาวยิงราวปั้นลูกปืนเอง..ต้องถามน้องเอทว่าจริงไหม พ่อเล่าให้ฟัง หรือเปล่า
เลยนักรบหน้าแนวก็ไม่ได้หรอก เพราะมาให้ภายหลังแนวหน้าขึ้นรบแล้ว พวกหลังแนวก็ เก็บรักษาไว้บ้าง แจกกันเองบ้าง
ผมจำได้ว่า พระพิมพ์ผงกลมจันทร์ลอยปี๑๖มั้ง ลป.โต๊ะ มีเกือบร้อยองค์ ผมมาไล่แจกกำลังพลในภายหลัง พระพุทโธ ก็มี ไม่มีใครรู้จัก ตอนนั้นชอบส่องพระจึงขอจัดการมรดกซะ
ที่เหลือลูกน้องเอาพระพิมพ์ต่างๆใส่ห่อผ้ายันต์เก่าๆให้ผมไปเก็บไว้ที่บ้านพัก
ไม่ถึงเดือน ก็เดือดร้อนเพราะเวลาผมไม่อยู่ เสียงรองเท้าคอมแบท เดินไปมาบนห้องทุกวันใหม่ๆก็กลางคืน หลังๆมากลางวันก็แสดงฤทธิ์เดช ทหารประจำตัวผมไม่กล้าอยู่จะขอลาออกซะแล้ว
พอขึ้นไปค้นดู เอ มันอะไรกันหนอ เลยสงสัยผ้ายันต์ผืนดังกล่าว คลี่ออกดู โห นี่มันเลือดคนนี่นา ถามได้ความว่าสมบัติบางชิ้นก้เอามาจากศพที่ตายในสนามรบเพื่อมอบให้ญาติแต่ไม่มีคนมารับก็เลยมาอยู่ที่คนเก็บ
ผมก็เลยนำไปทิ้งไว้ที่โคนต้นโพธิ์ที่วัด ทำบุญสังฆทานให้เจ้าของยันต์ บัดนั้นก็หายไป.ทันที

 

สวัสดีครับพี่คำรณ ผมรบกวนถามหน่อยครับ ถ้าผมเก็บผ้ายันไว้ในกระเป๋าตัง จะถือว่าต่ำไปไหมครับ เพราะใส่ในกาเกงด้านหลัง ขอบคุณครับ

 

๕๕๕ ไม่เหนียวขนาดนั้นหรอกครับ..แต่ใครยืมตังค์นี่ยากหน่อย..

เท่าที่ใช้มาไม่มีผลครับ..บอกแล้วครับ อยู่ที่จิตของตัวผู้ใช้นี่แหละ จะพลิกแพลง ให้แผลงฤทธิ์เพียงใด เราคุมได้หมด ถ้าเรามีจิตที่ฝึกมาดีแล้ว อย่าไปพะวงเรื่องการพกพา มาถึงขั้นนี้ จะไปอยู่ที่การชักโยงเชื่อมจิตจิตให้เรา เพ่ง/กำหนด ให้พลังที่มีอยู่ของชิ้นนั้นๆออกมาแสดงในด้านของเขาได้เลยครับ

ถ้าไม่ใช่ประเภทปลุกมาทางผีล้วนๆนี่ยังไง จิต เราก็เอาอยู่ครับ

ใครที่คล้องหรือใช้พระเครื่องหลายๆองค์ ลองฝึกทดลองดูก็ได้ เราแค่เพ่ง/นึก ไปที่องค์พระนั้น สมมุติว่าพระขุนแผน ลองนึกจับภาพพระที่เราคล้องอยู่ ว่าภาวนาในใจว่า สุนะโมโล ถ้าสัมผัสได้ความเย็นแห่งกระแสพลังก็จะแผ่ออกมา...นี่เป็นการฝึกจิตสมาธิได้ด้วยครับ
ถ้าเป็น องค์อื่นๆก็ พุทโธ ก็ได้ แต่ให้นึกถึงพระองค์นั้น...องค์เดียวเท่านั้น

 

ผ้ายันต์ไม่ควรเก็บไว้แบบนั้นครับ ยิ่งเราต้องนั่งทับยันต์ด้วยไม่ดีครับ

จะให้ดี ถ้าไม่ใหญ่ก็เลี่ยมไปเลย หรือทำแหนบ เหน็บเสื้อ/กระเป๋าเหมาะสมกว่า

 

ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ ยากตรงนี้แหละครับอาจารย์

 

คาถาพระยาไก่เถื่อน

เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุภู ภูกุตะกุฯ
อุปเท่ห์การใช้
ใช้ภาวนาเวลาค้าขาย เรียกลูกค้าดีนักแล
ถ้าจะทำน้ำมนต์เพื่อประพรมร้านค้า/สินค้า ใช้บทคาถานี้ภาวนา ๓ ,๕,๗,๙ จบ ทำน้ำมนต์ แล้ว ให้หายอด สวาท ๓ ยอด ยอดรัก ๓ ยอด ยอดกาหลง ๓ ยอด มัดรวมกัน ตัดหัวท้าย ประพรมร้าน/สินค้า ทำให้ค้าขายดี ทำบ่อยๆ เสมอ จะเกิดลาภสักการะได้เป็นเศรษฐีแล

คาถาพระยาไก่เถื่อนนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีแพร่หลายมากนัก หรือมีก็ไม่มีวิธีการใช้ ผมจึงนำมาให้กับผู้ที่มีอาชีพค้าขายทำมาหากินนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ

 

ขอบคุณพี่คำรณ สำหรับคำตอบคำ พอดีได้ผ้ายันพระสีวลีมาครับ ขนาด 12*8 จะได้ อยากเก็บไว้ติดตัวเลยใส่ไว้ที่กระเป๋าตังครับ (เพื่อเงินจะไหลมาเทมา หรือไหลออก เพราะเก็บผิดวิธี:'''() เด๋วนิมนท่านไปอยู่กระเป๋าพกดีกว่า แฮะๆ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

 

พี่คำรณครับ ผมตาอ่านบทความพี่มานานและเห็นพี่เคยพูดถึงการกวาดคอ เวลาเจ็บคอ พี่พอมีคาถาสำหรับแก้โรคปวดท้องไหมครับ แฮะๆๆ แบบว่าผมไม่ค่อยถูกกับยาสักเท่าไหร่ และหมอด้วยครับ อิอิ พอดีผมเป็นคนธาตุอ่อน เกิดวันศุกร์ด้วย ยิ่งอ่อนเข้าไปใหญ่ เหอๆๆๆ (แต่อย่าอื่นไม่อ่อนนะครับ อิอิ) กินอารัยผิดนิดผิดหน่อยก็จะปวดท้องเสมอ พี่พอมีวิถีบ้างไหมครับ ขอบคุณครับ

ปล. วันนี้ไม่รู้กินอะไรมายังปวดท้องไม่หายเลยครับ:'''(

 

ขอบคุณครับอาจารย์ สำหรับคาถาพระยาไก่เถื่อน
เหมือนจะรู้ใจลูกศิษย์อยากได้อยู่พอดีเลยครับอาจารย์ จะได้นำไปภาวนาช่วงที่ไม่มีลูกค้า

 

ไม่เป็นไรครับ ฝึกบ่อยๆ ว่างๆก็ลองฝึกอัดลมหายใจกลั้นนึกภาวนา วิธีนี้ก็ดี ฝึกบ่อยๆ เป็นเร็ว สูดลมหายใจให้ลึกสุดกลั้นิ่งไว้จนท้องพอง จนกลั้นไม่อยู่แล้วค่อยๆผ่อนทีละนิดๆๆ ลองดูครับ จะรู้สึกว่า สมองโล่งเบา
และใครที่หายใจสั้นๆไม่ดีครับโรคภัยเบียดเบียนง่าย หมั่นฝึกลมให้หายใจยาว ลึก ช้า
เพราะว่าลมหายใจเรานั้นจะไปสร้างปราณให้วิ่งไปทั่วร่างกาย รักษาสมดุลให้ธาตุทั้งหมด ถ้าธาตุลมพร่อง ธาตุอื่นรวนเร ครับ
ใครที่จะทดสอบว่าลมหายใจตัวเองสม่ำเสมอเพียงใดทำง่ายๆ จับเวลา ๑ นาที ลมเข้าขีดไว้ จับเวลาอีก ๑ นาที ลมออกขีดไว้(เข้าทีหนึ่งก้ขีดทีหนึ่ง เอาทีละขา..) แล้วมานับดูว่าอะไรมากกว่าอะไรของผมปกติทั่วไป จะเข้าอยู่ที่ ๑๔ ครั้ง ออก๑๓ ครั้ง ครับ
ถ้าใครสัดส่วนเข้าน้อยออกมากกว่า แสดงว่าหายใจสั้น ออกซิเจนเข้าน้อย เผาผลาญมาก และถ้าใคร นับได้มากถึง ๓๐ ไม่ดีแน่แล้ว ท่านมีโรคประจำตัวแน่นอน ลองกำหนดหายใจใหม่

ผมฝึกสมาธิมาหลายแนวครับ แต่ เน้นทางด้าน อานาปานสติ ลมเป็นหลัก ครูอาจารย์ท่านเน้น ลมหายใจมาก
ท่านบอกว่าฝึกถูกทางร่างกายแข็งแรง แก่ยาก ๕๕๕
ฝึกตั้งลมไว้ ๓ ฐาน ง่ายไปหายาก
ฐาน๑ ขั้นต้น ครั้งแรกก็นั่งท่าสบายที่สุด สูดลมให้ลึก กลั้นไว้ ๕ ครั้ง ได้ ๑๐ ครั้งยิ่งดี จากนั้นก็ดูลมที่จงอยจมูก(ตรงร่องปากบน) นึกกำหนดว่า อ้อนี่ลมเข้า อ้อนี่ลมออก ที่จมูกนี่แหละทำไปเท่าไหร่ก็ได้แต่ละวัน ถ้าเย็นดั่งตู้เย็นที่ตรงนั้นใช่แล้ว..สำเร็จ
ฐานที่๒ ขยับลงไปกำหนดที่ทรวงอก เหมือนฐาน๑ทำไปเรื่อยๆ เย๋็นวาบๆตลอดเหมือนตู้เย็น สำเร็จ
ฐาน๓ ยากสุด ใต้สะดือ ๑ นิ้ว ทำเหมือนกันเลยกับฐานที่ ๑ ๒ ถ้าเย็น ครบเลยคราวนี้
แต่ว่ามันแค่ สมถะ ครับผมก็ฝึกแค่นี้แหละ ครูอาจารย์ท่านสอนไว้แค่นี้ บอกว่ารักษาฐาน ๓ ได้นานๆค่อยมาต่อวิชาใหม่ โห เย็นได้แค่แป้บเดียวก้หายไอ้ ฐาน๓ ยากสุด
ไม่เป็นไรครับที่ผมอธิบายไว้ เผื่อใครอยากทดสอบนำไปฝึก ไม่หวงห้าม ทำได้เลย แต่ที่นำมาบอกอยากให้ทำครั้งแรกก็คือ การฝึกขั้นต้น นั่นแหละเหมาะกับใช้ วิชาคาถาอาคมแล้ว แค่นั้นแหละครับ

 

เอ มันก้มีแต่ วิชากวาดคอนะ เนี่ย ๕๕๕

ไม่ใช่จะใช้คาถาเสกหายไปหมดทุกอย่างนะเนี่ย

พี่ว่าถ้าปวดท้องมันมีหลายสาเหตุแล้ว ขนาดหมอยังบอกยากเลย

ถ้าปวดท้องกระเพาะ(ปวดตรงบริเวนลิ้นปี่นั้นแหละ) นี่ก็กินน้ำแร่ ไปเลย ๑ ขวด หายชั่วคราว ทันที