ทำไม พระอาจารย์สายหลวงปู่มั่นไม่สอนอภิญญา

ไม่ทราบเหมือนกันครับ
ลองค้นหาในพระไตรปิฎกยังไม่เจอข้อมูลครับ
หากท่านพบเจอก็นำมาเผื่อบ้างนะครับ


แต่ ความเข้าใจส่วนตัวมีข้อสังเกตุ หากเริ่มนับ 1
หมายถึงว่า เริ่ม ต้นการฝึก

หากผู้ใด เริ่มสู่วงการการพ้นทุกข์(ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มตั้งแต่ชาติไหน)
ด้วยการฝึกทำฌานที่เรียกว่า อารัมมนูปนิชฌาน
หรือเรียกว่า ฌานฤษีแล้วได้ฌาน

หากบรรลุธรรม ผู้นั้น น่าจะมีวาสนาใน อภิญญา 6
ซึ่งนอกจาก อาสวะขญาณแล้ว อาจจะมี หูทิพย์ ตาทิพย์เป็นต้นฯ


ทีนี้ กรณี ปฏิปทาทั้ง 4

หากว่ากันที่ชาติปัจจุบัน ของผู้มาศึกษาพระพุทธศาสนา

อภิญญาสมาบัติ สามารถ เกิดได้ทั้ง ปฏิปทาทั้ง 4 เมื่อบรรลุธรรม
เพราะว่า เราไม่สามารถรู้ได้ชัด เสมอเหมือนพระพุทธเจ้า
ว่า แต่ก่อน เคยทำอะไรมามั่ง ในปางก่อน

 

ปฏิปทาของการสิ้นอาสวะ ๔ แบบ


ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑,
ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑,

ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑,
ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑.


ข้อ สังเกตุ ที่ชัด ๆ

มี พระจักขุบาล หรือ พระมหาบาล
ที่ในพระไตรปิฎก กล่าวว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ สุขวิปัสโก

การฝึกของท่าน ลองดูว่า
ปฏิปทา แบบ ไม่ยอมหลับตา ตลอดการฝึก ของพระมหาบาล
เป็นปฏิปทา ของการฝึกแบบลำบากหรือเปล่า
แม้ จะตาแตกด้วยยาพิษ แต่ก็มาเป็นช่วงหลังๆ
แต่ก่อนหน้านั้น ก็มีปฏิปทา แบบไม่ยอมหลับตา

จะเห็นว่า พระอรหันสุขวิปัสโก ก็ไม่ได้ ฝึกแบบสะบายๆเสมอไป
ฝึกแบบนิพพานอยู่ฟากตายเลยทีเดียว


กรณีพระจูฬปันถก ที่ชัดๆ

ฝึกตามพระพุทธเจ้าแบบสะบายๆ เมื่อบรรลุ ก็ ได้ ปฏิสัมภิทา 4 อภิญญา6
​

 

ใช่แล้วคับ บุคคลบางพวกปฏิบัติยังไงก็ไม่ได้อภิญญา ทีนี้เริ่มจะมากล่าวว่าอภิญญาว่าไม่ใช่ทางหลุดพ้นบ้าง เสียๆหายๆบ้าง หารู้ไม่พระอรหันต์ที่ได้อภิญญา6 บางท่านก็บรรลุมาจากอภิญญาแรกคือ บุฟเพนิวาสานุสติญานก่อน แล้วจึงได้อาสวักขยญานตอนหลัง มีจำนวนมากมาย พระพุทธองค์ก็ได้บุฟเพนิวาสานุสติญานเป็นญานแรก

 

ถูกต้องคับ ผมก็ได้ฌานหมุนจนคล่อง และเห็นชาติก่อนได้ เกิดจากการเจริญวิปัสนากรรมฐานให้มากเองไม่มีใครสอนให้ได้ แต่สอนวิธีทำสมาธินั้้นพอได้ สอนอภิญญานั้นดูจะเกินวิสัยมนุษย์ไป

 

แล้วคนที่ไม่รู้เรื่องอภิญญา และปฏิปทาทั้ง ๔ มาตอบอะไรที่นี่ละครับ...

หรืออย่างฌานฤาษีที่ว่าๆกัน... รู้มั้ยครับว่าฤาษีมีปฏิปทาแบบไหน...

รู้มั้ยครับว่าผู้ฝึกอภิญญาต้องทำอะไรลงไปบ้างเพื่อให้ได้อภิญญา

ปฏิปทาทั้ง๔ นั้น มีอธิบายอยู่แล้วในพระไตรปิฏก
และแบบแผนการฝึกทิพจักขุญาณพระพุทธเจ้าก็อธิบายไว้หลายพระสูตร
อภิญญาก็มีเยอะแยะ

ผมเองก็รู้สึกแปลกๆกับเวบพลังจิตสมัยนี้
ทำไมช่างต่างจากสมัยก่อนนัก
แล้วบุคคลผู้ไม่หวัง ไม่รู้เรื่องเรื่องอภิญญา มาทำอะไรที่ห้องนี้ งงมั้ยครับ

 

เอ..ผมก็งงเหมือนกันครับ

 

อยากได้แบบเสื่อมได้ หรือแบบไม่เสื่อมกันละครับ
อยากได้แบบเสื่อมได้ก็ตั้งเป้าไว้ที่อภิญญาที่อยากได้ อยากมีริดแบบไหนก็ตั้งเป้าไป
อยากได้แบบไม่เสื่อมก็ตั้งเป้าไว้ที่อภิญาที่มีริดฆ่ากิเลส มรรค4ผล4 ก็เลือกเอา

 

คำถามคือ ทำไม พระอาจารย์สายหลวงปู่มั่นไม่สอนอภิญญา
คำตอบคือ ทำไม เวลาท่านสอนแบบชัด ๆ กลับไม่มีใครตามทัน

พระอาจารย์สายหลวงปู่มั่นสอนผมแบบชัด ๆ ว่า

"เห็นจิต ฝึกจิต ใช้จิต"

ตามทันหรือเปล่า เข้าใจได้หรือเปล่า แล้วทำได้หรือเปล่า
ท่านไม่พูดมาก ไม่อธิบายจนน่ารำคาญ ถ้าจะฝีกก็ฝึกไปเลย แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรเกินกว่านี้ไปได้หรอก

 

ธรรมก็ดี อภิญญาญาณก็ดี รู้แค่ไหน เข้าใจแค่นั้น

ขออนุญาตครับ
ธรรมก็ดี อภิญญาญาณก็ดี รู้แค่ไหน เข้าใจแค่นั้น
สมัยที่ผมเป็นเด็กอายุ ๖ ขวบ ก็ตามผู้ใหญ่ไปเข้าวัดฟังธรรม
เมื่อฟังไปก็พิจารนาตามไปด้วย ผมก็เลยกลายเป็นคนเงียบขลึม

จำได้ว่าหลวงตาวัดใกล้บ้านท่านสอนว่า

"ปัญญา ดีกว่า อภิญญา"
"เพราะปัญญานั้น ดูอะไรก็รู้ เห็นอะไรก็เข้าใจ สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้"
"ส่วนอภิญญานั้น ต่อให้เก่งขนาดไหน ก็สู้ปัญญาไม่ได้"

ผมก็เลยเห็นดีเห็นงาม มุ่งทางด้านปัญญาเท่านั้น
ส่วนอภิญญา แม้จะมีก็ไม่กล้าบอกใคร
เอาไว้ใช้ในการกู้วิกฤต เพื่อแก้ปัญหาหน้าที่การงานเท่านั้น

เคยมีวิศวกรรุ่นน้องรุ่นหลาน ถามผมว่า ผมเรียนจบอะไรมากันแน่
ทำไมคล่องไปหมด รู้ไปหมด แก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง
แม้บางเรื่องจะแอบไปบอกวิธีแก้ปัญหาให้เขาเงียบๆบ้าง
แม้บางเรื่อง จะแอบแก้ปัญหาคนเดียวเงียบๆบ้าง

ก็อดภูมิใจไม่ได้ว่า เราเป็นคนช่วยกู้วิกฤตให้เขา

มีญาติธรรมบางท่านแม้จะสนิทกับผมมากๆ เขาก็ไม่เชื่อ ผม
บ้างครั้งปรามาศผมด้วยซ้ำ

จนครูบาอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่ง "บึงโขงหลง"
ถึงกับเตือนสติ ท่านผู้นั้นว่า

"ขนาดคุณยังมี จุตุปาตญาณ และ อนาคตังญาณ ติดตัวมา"
"คนๆนั้น ที่อยู่ใกล้ตัวคุณ (ก็ผมนี่ล่ะครับ) ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน"

จนป่านนี้ คนใกล้ตัวผมเขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี
ก็เพราะมนุษย์ชอบเชื่อในสิ่งที่ตนเองมองเห็น ในสิ่งที่ตนเองเข้าใจ

ถ้าอยากดู อภิญญา อยากดูปาติหาริย์ ก็ลองพิจารนาจาก วีดีโอข้างล่าง

แม้ผมจะลงในเว็บนี้ไว้นานแล้ว ก็ไม่เห็นมีใครสนใจ

เมื่อท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์ ท่านกลับจาก ไปทำพิธีที่ กัมพูชา
ท่านก็ได้ อธิฐานจิต ถ่ายพลังทิพย์ ให้แก่ญาติธรรม
เมื่อท่านเริ่มอธิฐานจิต ก็มีกระแสพลัง ที่มองเห็นเป็น
กระแสคลื่น คล้ายๆ ปุยเมฆ ฟุ่งจากยอดเขาศักดิ์สิทธิ์(เมืองเจริญปุระนคร)
พวยฟุ่งขึ้นไปในอากาศ แล้วม้วนเป็นวงกลมกลายเป็นพระอาทิตย์ทรงกลด

แล้ว ท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์ ท่านก็ได้
"รับพลังจากองค์สุริยะเทพ แล้วแผ่ให้ญาติธรรม ทีละคนๆ จนครบหมดทุกคน"

และที่หนักหนาสาหัสกว่านั้น ท่านได้บอกเล่า ในช่วง
สนทนาธรรม-บรรยายธรรมในวันนั้นว่า

"ผู้ที่เดินเข้ามาหาท่านนั้น ถือดอกบัวขาว(ปัญญาธิกะ) ก็มี"
"ถือดอกบัวแดง(วิริยะธิกะ)ก็มี"

ทั้งๆที่ญาติธรรมในวันนั้น ก็เป็นญาติธรรม ธรรมดาๆ นี่ล่ะครับ

ดูวีดีโอเอาเองนะครับ

https://www.youtube.com/watch?v=jFXpALyi6Io&feature=channel&list=UL

https://www.youtube.com/watch?v=2Wi66f-W07c&feature=channel&list=UL

ขออนุโมทนา
ลุงมหา

 

สาเหตุที่ครูบาอาจารย์ไม่สอน อภิญญาญาณ(ต่อ)

ขออนุญาตครับ

สาเหตุที่ครูบาอาจารย์ไม่สอน อภิญญาญาณ นั้นก็เพราะว่า

1. สอนไปก็ทำไม่ได้ เสียเวลาเปล่า
ที่ว่าทำไม่ได้นั้น ก็เพราะว่า อายุขัยของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ไม่เกินร้อยปี
มันก็เลยฝึกไม่ได้เพราะเวลาไม่พอ
ครูบาอาจารย์ท่านบอกเล่าว่า
"อภิญญาญาณที่ท่านมีนั้น มันมีมาตั้งแต่สมัยที่ท่านเป็นฤๅษี"
"มีมาตั้งแต่ที่ท่านฝึกฝนอย่างหนัก ในยุคที่มนุษย์มีอายุขัย เป็นหมื่นๆปี"
"ยุคปัจจุบัน คนอายุแค่ ไม่เกินร้อยปี เวลาฝึกไม่พอ"

2. ถ้าทำได้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด ต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ที่มุ่งสอนให้คนรู้ บาป บุญ คุณ โทษ สร้างความดี ละความชั่ว

เพราะคนจะแห่มาให้หลวงปู่ หลวงพ่อ ช่วยให้ สำเร็จกิจ เรื่องโน้น เรื่องนี้
ไม่หยุดไม่หย่อน ที่หนักหนาสาหัส คือ ได้ดิบ ได้ดี แล้ว ลืมวัดวา อาราม
ลืมครูบาอาจารย์ ทำให้คิดว่า เงินที่หามาด้วยความยากลำบากนั้น
ได้มาด้วยตนเอง ไม่ได้นึกว่า ได้มาด้วยความช่วยเหลือของ ครูบาอาจารย์แม้แต่น้อย

ครูบาอาจารย์ท่านก็เลยเลือกช่วยแต่คนที่ เข้าวัดเข้าวาเท่านั้น

3. ถ้าเกิดทำได้ อาจจะเกิดผลเสียตามมา เำพราะใช้ในทางที่ผิด
เช่น ช่วยให้ลูกศิษย์อยู่ยงคงกระพัน ลูกศิษย์ก็อาจจะไประรานคนอื่น
หรือเป็นโจรผู้ร้ายไปเสีย

4. แม้แต่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ เวลาท่านจะแสดงฤทธิ์ ท่านมักจะทำตอนท่านอยู่องค์เดียวในกุฏิ
แม้แต่องค์หลวงปู่มั่นเอง ท่านก็ไม่เคยแสดงฤทธิ์ต่อหน้าผู้ใด

5. แม้แต่ ผู้ที่มีบุญบารมีแบบที่มีติดตัวมาแต่ชาติปางก่อนแล้วก็ตาม
ถ้าไม่บวชมาอยู่ในสังกัดท่าน อย่าได้หวังว่าท่านจะสอนให้
เผลอๆท่านไม่บอกด้วยซ้ำว่ามีติดตัวมา

6.ศิษย์สายธรรมยุตินั้น ส่วนมาก ต้องผ่านมหาสติก่อน ครูบาอาจารย์จึงจะสอนอภิญญาญาณให้
แต่ส่วนมากจะถูกเกณฑ์ให้ผ่าน "อศุภะ" ก่อน
ครั้นพอผ่าน อศุภะ แล้ว ก็เกิดความเบื่อหน่าย จนไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว

ถ้าอยากรู้ว่า ครูบาอาจารย์สายฤทธิ์ มีท่านผู้ใดบ้าง
ก็ลองไปงาน ชุมนุมชาวยุทธ ของพระผู้ทรงอภิญญา
ก็งานวันครบรอบ วันเกิดของ ผู้นำครูบาอาจารย์สายฤทธิ์

หลวงปู่สายทอง เตชะธรรมโม นั่นละครับ มากันครบหน้า

แต่ถ้าคุณไม่รู้จัก ไม่สนิทสนมกับท่านผู้ใดเลย

ก็คงจะได้แต่ หูไวตาไว แอบดู แอบฟัง เท่านั้นละครับ

หรือไม่ก็หาหนังสือที่เขียนโดยนักเขียนคนดัง "ภันธกานต์ กิ้มทอง" อ่านเอาไว้ก่อน

แม้ว่าท่านผู้นั้น จะนำหน้าผมไปเกือบจะทุกที่ แต่ผมกลับ เก็บรายละเอียดได้มากกว่า เพราะผมยังเข้าออกได้ทุกที่

หรือท่านผู้ใด จะเอาจริง แบบรับไม่อั้น ก็ครูบาอาจารย์ ผู้เป็น หนึ่ง ทางฤทธิ์
หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต ยังไงล่ะครับ

ติดต่อขอบวชได้เลย ท่านบอกว่ารับไม่อั้น เพราะวัดท่านไม่เคยจ้างช่างเลย
ทุกอย่างในวัด พระทำเองทั้งหมด

วิธีการสอนของท่าน ก็ผิดแผกแตกต่างจากพระทั่วๆไป
ต้องไปดู ไปรู้เอง

ว่าแต่ว่า พระท่านจะฝึกทางฤทธิ์ไปทำอะไร
เพราะมันแก้ไขภัยพิบัติไม่ได้
อย่างมาก ก็ช่วยได้ คนสองคนเท่านั้นเอง

ขออนุโมทนา
ลุงมหา

 

อภิญญา แปลว่ารู้ยิ่ง
ถึงมีอภิญญา ในความหมายของอริยะ
ท่านก็จะบอกว่า เป็นเครื่องเล่นเท่านั้น
ถึงไม่มีอภิญญาในอริยะ
ท่านก็จะบอกว่า ไม่ใช่สิ่งที่จะให้ยึดติดอยู่
เพราะท่านมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ตามภูมิธรรม
ของท่านแล้ว อริยะทั้งหลายจึงไม่เดือดร้อน
คนที่เดือนร้อนคือ คือไม่ใช่อริยะ

 

"ถือดอกบัวแดง(วิริยะธิกะ)ก็มี" ผมก็เคยถืออยู่
แล้วกำลังจะบานด้วย มองดูเจ้าของแล้ว ถ้าตายจากภพนี้ลงนรกแน่นอน
เลยสละดอกบัวถวายคืนแก่มหาวีระท่านอื่นไปแล้ว ความพยายามของ
ท่านมหาวีระทั้งหลายนี้ ถ้ายังไม่สุดทางเดิน ความพยามของท่านหาที่สุดขอบเขตของประมาณไม่ได้และไม่ได้ และเป็นปณิธานกว้างใหญ่ไพศาลเกิน
เกินที่บรรยายเป็นตัวหนังสือได้......

 

พุทธภูมิ เส้นทางที่ยากลำบาก เส้นทางที่ยาวไกล ที่สุด

ขออนุญาตครับ

จริงครับจริง
เพราะเมื่อ ภัยพิบัติที่เคยเกิดเกิดขึ้น เช่น สึนามิที่ภาคใต้ น้ำท่วมใหญ่ปี 2554
ท่านที่เป็น "อริยะ" ทั้งหลาย ต่างไม่เดือดร้อน
ที่เดือดร้อน กลับเป็น ชาวบ้าน ชาวเมืองทั้งหลาย
เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนว่า "ให้เป็นที่พึ่งแก่มหาชนทั้งหลาย"
แล้วเหตุไฉน ท่านที่เป็น "อริยะ" ทั้งหลาย กลับเมินเฉย เสียเล่า

เมื่อท่านทั้งหลายต่างก็ทราบว่า ท่านเป็นที่พึ่งแก่ชนทั้งหลายได้
ถ้าท่านที่เป็น "อริยะ" ทั้งหลาย ดาหน้า ออกมาบอกเล่า ออกมาเตือน
๑๐ ท่าน ๑๐๐ ท่าน ๑๐๐๐ ท่าน เราจะเสียหายกันขนาดนี้หรือ
หรือท่านจะถือหลัก "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" เท่านั้นหรือ
หรือท่านจะถือหลัก "รู้แล้วก็ปล่อยวาง" กระนั้นหรือ
หรือท่านจะกลัวว่า เจ้ากรรมนายเวรจะเล่นงานท่านแทน

ขออนุญาตครับ
เห็นหลายๆท่านในเว็บนี้ บอกว่า
"เดินเส้นทางสายนี้บ้าง"
"เคยเดินเส้นทางสายนี้บ้าง"

แล้วเหตุไฉนจึงไม่เข้าใจว่า

"การสร้างทานบารมีนั้น สำคัญขนาดไหน ?"
"การพบ การเจอ การร่วมบุญกับ ผู้มีบุญบารมีสูงที่สุด ของเส้นทางสายนี้นั้น สำคัญขนาดไหน?"
"การร่วมการป้องกัน แก้ไขภัยพิบัติสำคัญขนาดไหน?"

"ถ้าผู้มีบุญบารมีสูงที่สุด ในยุคนี้ ปรากฏขึ้น ท่านจะทำอะไร ท่านจะทำอย่างไร"

หรือ กระทั่ง ผู้ที่เดิน เส้นทางสายนี้
หรือ กระทั่ง ผู้ที่เคยเดิน เส้นทางสายนี้
ก็ไม่รู้จัก พิจารนา ไม่ได้

แล้วบุญบารมีที่ท่านสะสมมานั้น จะเอาไว้ใช้ประโยชน์อันใด

ขออนุโมทนา

ลุงมหา

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=y2fyHjMTeeA&feature=channel&list=UL]คำทำนายภัยพิบัติ ธันวาคม 2555 สิ้น 2561 อ ทิพากร รินไธสงค์ 16 ต ค 2555 ฉะเชิงเทรา - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=E3fOn2haohk&feature=channel&list=UL]20120916 01 นิสัย จริต กิเลส อภัยทาน มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ เปิดบุญ เจริญปุระนคร อ หนองบัวแดง จ - YouTube[/ame]

 

แต่อ่านมา สมมุติ ว่าได้ไม่เคยทําอภิญญาชาตินี้มาก่อน แต่ชาติก่อนเคยทําตามบุญบารมี พอชาตินี้ สมมุติเจริญอานาปานุสติ ได้ฌาน4 เจริญวิปัสสานาฌานตัดกิเลศ เป็นพระอรหันต์

แล้ว ของเก่าที่ทําได้จะเข้าตัว เป็นพระอรหันต์มีฤทธิ ตามที่ตนเองเคยทํามาในอดีตกาลครับ
แต่อภิญญาโลกีย์ ไม่ใช้ฌานพ้นทุกข์ ครับ แต่ถ้าจะพลิกแพลงให้เห็นทุกข์เป็นวิปัสสานาฌานได้ครับ อย่างหลวงพ่อพระราชพรหมยาน สอน (ผมจําไม่ได้หมดนะครับ) พอมีใครได้ฌาน ละลึกชาติแล้วให้ละลึกไป แล้วดูว่ามันทุกข์ไหม แล้วชาตินี้ก็ทุกข์อีก ถ้าเกิดอีกก็ทุกข์อีก อยากเกิดอีกไหม อยากมีขันธ์ห้าอีกไหม แบบนี้ ก็อภิญญาพ้นทุกข์แทน (แต่จริงๆบวกกับวิปัสสานาฌานไปด้วย เพราะ การเห็นทุกข์ นี่เป็นอริยสัจ4) หรือ มโนยิทธิเนี่ย ท่านให้เอาจิตไปไว้แดนพระนิพพาน พอตอนตาย จิตจําอารมณ์นิพพานได้ ไปเลยครับนิพพาน

 

เป็นความรู้ใหม่ ขออนุโมทนา

ขออนุญาตครับ

หรือ มโนยิทธิเนี่ย
ท่านให้เอาจิตไปไว้แดนพระนิพพาน
พอตอนตาย
จิตจําอารมณ์นิพพานได้ ไปเลยครับนิพพาน

เป็นความรู้ใหม่ ขออนุโมทนา

มิน่าล่ะครับ มีหลายๆท่านเดินตามเส้นทางสายนี้
หวังจะเข้าแดนพระนิพพานกันง่ายๆ

ถ้าอย่างไร ก็ ลองถามครูบาอาจารย์สายอื่น ด้วยนะครับ
ว่าเป็นไปได้หรือไม่

ผมก็รอดูว่า หลายๆท่านที่เดินตามเส้นทางสายนี้
จะบอกเล่า จะอธิบายอย่างไร รอแล้ว รออีก ก็ไม่ได้ยิน ได้ดู ได้ฟัง ซักที

ที่แท้ มันเป็นอย่างนี้เอง

แต่ผม ก็เดินตามครูบาอาจารย์
สร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
สร้างหลวงพ่อทันใจ

เพื่อป้องกัน เพื่อ แก้ไข ภัยพิบัติ มหาภัยพิบัติ
อันเป็นบุญ อันเป็นกุศลมากที่สุด
เพราะเป็นการสืบทอดพระศาสนาที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด
โดยยังสามารถรักษาโลกใบนี้จากมหาภัยพิบัติ เอาไว้ได้
เกิดกุศลผลบุญมากมายมหาศาลประมาณไม่ได้

เห็นหลายๆท่าน เดินตามเส้น ทางที่ท่านว่า

หรือ มโนยิทธิเนี่ย
ท่านให้เอาจิตไปไว้แดนพระนิพพาน
พอตอนตาย
จิตจําอารมณ์นิพพานได้ ไปเลยครับนิพพาน

ง่ายที่สุด สบายที่สุด นั่งอยู่บ้าน นอนอยู่บ้าน ก็ไปนิพพานได้ เก๋ไปอีกแบบ

มีโอกาสจะถามครูบาอาจารย์ให้ว่าเป็นไปได้หรือไม่

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่สามารถ บอกเล่าจนผมเข้าใจได้
เป็นความรู้ใหม่ ขออนุโมทนา

ตัวผมเองตอนปฏิบัติใหม่ๆ เคยถามจิตตนเองว่า
"เราจะหาครูบาอาจารย์ที่ท่านมีบุญบารมีสูงที่สุดได้อย่างไร?"
จิตก็ถามผมกลับมาว่า
"แล้วพระพุทธองค์ท่านทำอย่างไร?"
จิตผมตอบว่า
"พระพุทธองค์ ท่านทรงจาริก ออกโปรดมหาชนไปทั่วทุกแว่นแคว้น"
ผมก็เลยเฝ้ามองหา ครูบาอาจารย์ที่
"จาริก ออกโปรดมหาชนไปทั่วทุกแว่นแคว้น"
พอมาเจอท่าน อาจารย์ปู่ หลวงปู่มหาบัว ญาณสัมปัณโน
ท่าน "จาริก ออกโปรดมหาชนไปทั่วทุกแว่นแคว้น"
เพื่อ ทำงานใหญ่ "ผ้าป่าช่วยชาติ"
ผมก็ทุ่มเทช่วยงานตามอัตภาพ
จนได้รับเมตตาจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน
ได้รับมอบ พระรูปหล่อเนื้อทองคำ หลวงตามหาบัว รุ่น ๑
มากถึง ๖ องค์

ต่อมาก็มาเจอ ท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์
"จาริก ออกโปรดมหาชนไปทั่วทุกแว่นแคว้น"
ท่านนำ ท่านพา สร้าง"พระใหญ่ชัยภูมิ" สร้าง "หลวงพ่อทันใจ"
เพื่อป้องกัน เพื่อแก้ไขภัยพิบัติ มหาภัยพิบัติ ให้แก่ ชาติ ให้แก่โลก
ปฏิปทานั้น ยิ่งใหญ่กว่า "ผ้าป่าช่วยชาติเสียอีก"

ท่านผู้ใดจะเดินเส้นทาง สายง่าย สะดวกสบาย
หรือจะสร้างกุศลผลบุญด้วยความยากลำบาก ก็ดู ก็เลือกเอากันนะครับ

ขอโมทนา
ขออนุโมทนา

ลุงมหา

ปิดกรรม ปิดผลบาป ทำได้ไหม ดูเอาเอง ฟังเอาเอง

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=FxdSOSYdjfk&feature=channel&list=UL]20120915 02 มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ปิดกรรมตำหนักเพชร ตอนที่ 1 6 เจริญปุระนคร อ หนองบัวแดง จ - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=fGfo2-8nO2o&feature=channel&list=UL]20120915 04 มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ปิดกรรมตำหนักเพชร ตอนที่ 3 6 เจริญปุระนคร อ หนองบัวแดง จ - YouTube[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=WmXu5RKYrAQ&feature=channel&list=UL]20120915 05 มูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ปิดกรรมตำหนักเพชร ตอนที่ 4 6 เจริญปุระนคร อ หนองบัวแดง จ - YouTube[/ame]

 

อริยะทั้งหลายพิจารณาตามความเป็นจริงเเล้วว่า
สิ่งไหนควรออก คือ เป็นหิตานุประโยชน์แก่ผู้ฟ้ง ธรรมะอันเป็นของเย็นจึงเเสดงออกใจ
โดยอัตตโนมัติ และใจของผู้ฟังก็เย็น ก็ได้เปิดรับกระเเสธรรมด้วย
ส่วนที่ไม่ออก เพราะไม่ประกอบด้วยประโยชน์ผู้ฟังและผู้ฟังก็ปิดใจ
ไม่รับกระเเสธรรม เอาแต่อำนาจอกุศลธรรมทั้งหลายอันเผ็ดร้อนมาปิดใจ
เเทน ท่านก็เฉย คือ สอนไปแล้วก็ไม่เกิดประโยชน์ ประหนึ่ง
ทับพีไม่รู้รสเเกง อีกอย่างวาสนาของท่านอริยะทั้งหลายถ้าได้
สร้างสมบารมีเกี่ยวข้องกับผู้คนหมู่มาก อย่างไง ท่านก็หลีกหนีจากการสอนไม่
ได้เพราะเป็นหน้าที่ แต่บางองค์วาสนาไม่มีบริษัทบริวารมาก ท่านก็อยู่เงียบๆ จวบจนถึงนิพพาน สรุป ขึ้นกับบุญกุศลวาสนาตามที่ได้สร้างสมบำเพ็ญมา ส่วน
การเดินทางไกลนั้น ผู้มีกำลังน้อยก็ย่อมมีความพยามน้อย เหตุเพราะรู้ประมาณ
ตนเอง เผอิญมีรถพยาบาลผ่านมาพอดีเลยอาศัยรถนั้นถึงจุดหมายปลอดภัย
ส่วนผู้มีกำลังมาก เอาละชีวิตนี้ไม่มีความหมายได้ตั้งสัจจะไว้อย่างไร
จะไม่ทำลายคำสัตย์นั้นแม้ตายก็ยอม จึงกัดฟันเดินต่อไป ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย แต่ในระหว่างเดินทางย่อมได้รับความบาดเจ็บมากน้อยเป็นธรรมดา แต่ถึงกระนั้น ก็ย่อมมีความกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ อย่างองอาจไม่สะท้กสะท้าน และได้รับยกย่องว่า "เป็นมหาวีระ แปลว่า ผู้กล้าอันยิ่งใหญ๋" ไม่มีสัตว์ทั้งหลายในโลก 3 เปรียบเทียบได้เลย ข้าน้อยผู้มีกำลังน้อยคงหยุดละการเดินทางไกล และขอคารวะเเด่ท่านมหาวีระทั้งหลายด้วยก้นบึ้งของหัวใจ สาธุ. สาธุ.สาธุ. ขออนุโมทนา.

 

ธรรมดา ภัยอะไรร้ายเเรงก็ดี
เมื่อถึงเวลาเกิดขึ้นก็เกิดขึั้น
ไม่มีใครห้ามได้ ไม่มีใครคาดเดาได้ เป็นอุตุนิยาม
ถึงมีท่านผู้รู้เตือน ผู้มีกรรมมาก
ก็ประมาทไม่เชื่อก็โดนจัดหนักเต็มๆ
ส่วนผู้มีกรรมน้อย เชื่อหลีกเว้น
ไม่โดนมากหรือไม่โดนเลย
หลักของกรรม คือการกระทำ
ดีได้ดี ชั่วได้ชั่ว เมื่อถึงคราวประสบ
เห็นผู้เสวยกรรม ผู้นั้นไม่ถึงกับเป็นสลักขิกกรรม
ก็ช่วยเเนะนำช่วยเหลือ ถ้าเป็นสลักขิกกรรมแล้ว
ก็วางอุเบกขา เพราะสัตว์โลก (เราเขาก็ดี) ย่อมเป็นไป
ตามกรรม

 

อย่าละ กุศลผลบุญใหญ่เสียเล่า จะเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่ ต่อ ปัจจุบัน และ อนาคตชาติ

อย่าละ กุศลผลบุญใหญ่เสียเล่า จะเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่ ต่อ ปัจจุบัน และ อนาคตชาติ

ขออนุญาตครับ

สิ่งที่เป็นปัญหาของ เหล่าชาวพุทธในยุคปัจจุบันอย่างยิ่งยวด คือ

การถูกกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋น
จนแม้เราก็ไม่รู้ว่า อันไหนเป็นเรา อันไหนเป็นกิเลส
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน)

เมื่อถึงคราวควรอยู่เฉยๆ ก็ออกมาบอกว่า
"ฉันนี่ล่ะเคยปรารถนาพุทธภูมิ"
ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ ท่านบอกเล่ามาว่า
"ใครก็พูดเช่นนี้ได้ เพราะวันนี้ ปราถนาพุทธภูมิ พรุ่งนี้ ก็ลาพุทธภูมิเสียแล้ว"
"แล้ว ทำไม ลุงมหา ไม่บอกเขามั่งล่ะว่า ข้าก็ปรารถนาพุทธภูมิเช่นกัน"
"จะได้โอ้ ได้อวด เหมือนเขามั่ง"

เมื่อถึงคราวมีโอกาสจะทำมหาบุญ มหากุศลอันยิ่งใหญ่ ก็ออกมาบอกว่า
"ครูบาอาจารย์ของตนไม่พาทำ"
"หมู่คณะของตนไม่พาทำ"
"คนละสายบุญ"
"ทำแล้วจะได้ประโยชน์จริงหรือ"
"ทำแล้วจะได้บุญจริงหรือ"
"ผู้นำ ผู้พา มีบุญบารมีมากพอที่จะทำให้สำเร็จจริงหรือ"
และอีก ร้อยแปด พันเก้า นานาประการ

สรุปคือ ตนเอง ไม่อยากจะทำบุญ สร้างกุศลผลบุญร่วมกับเขา
สรุปคือ ตนเอง ไม่มีบุญวาสนา บารมี มากพอ ที่จะได้ทำบุญร่วมกับเขา
สรุปคือ ตนเอง ถูกกิเลสในใจตน หลอกลวงต้มตุ๋น ด้วยเหตุผล นานาประการ
สรุปคือ ตนเอง ไม่ได้แม้แต่ โมทนา สาธุการ ร่วมกับเขา
สรุปคือ ตนเอง ขาดปัญญาในการพิจารนาที่ถูกต้อง

ขออนุญาตครับ

เพราะชาวพุทธ ส่วนใหญ่ มีปัญญาคิดได้แค่นี้
จึงไม่มี ท่านผู้ใดมานำ มาพา แก้ไขภัยพิบัติ
จึงไม่มี ท่านผู้ใดมานำ มาพา แก้ไขมหาภัยพิบัติ

เมื่อมีผู้มีบุญบารมีมากพอ
จึงได้มี ท่านผู้มานำ มาพา แก้ไขภัยพิบัติ
จึงได้มี ท่านผู้มานำ มาพา แก้ไขมหาภัยพิบัติ

เพราะชาวพุทธ ส่วนใหญ่ มีปัญญาคิดได้แค่นี้
จึงได้ยกเอาคำสอนบางส่วนของพระพุทธองค์
มาปลอบ มาประโลมใจตนว่า
ที่ตนคิด ที่ตนทำ นั้น ถูกต้องแล้ว เหมาะสมแล้ว

แม้แต่ ครูบาอาจารย์พระเจ้า พระสงฆ์ พระเถระผู้ใหญ่ ยังบอกได้แค่ว่า
"ถ้าแก้ไขภัยพิบัติ ถ้าแก้ไขมหาภัยพิบัติ ไม่ได้จริง"
"อย่างน้อย ก็ยังได้พระมหาปฏิมา พระใหญ่ชัยภูมิเอาไว้กราบไหว้บูชา"

เพราะแม้แต่ครูบาอาจารย์ พระเจ้าพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติ
ก็ลืมพิจารนาคำสอนของครูบาอาจารย์
ขององค์ท่านอาจารย์ปู่ทวด หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ที่ท่านสอนเอาไว้เป็นบรรทัดฐานที่ว่า

"พระโพธิสัตว์ เป็นผู้มีบุญ-บารมีมาก"
"เป็นผู้ที่จะไปเกิดเป็น พระพุทธเจ้าในอนาคต"
"ต้องให้ความเคารพในท่านด้วย"

นั่นก็คือองค์ท่านได้บอกแล้วว่า

"พระโพธิ์สัตว์ คือ ผู้ที่มี ปัญญา บุญ วาสนา บารมี สูงส่งกว่า พระอริยะเจ้าทั้งหลาย"

"พระโพธิ์สัตว์ คือ ผู้ที่สามารถทำได้ แม้แต่ในสิ่งที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายทำไม่ได้"

ก็ไม่มีพระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายธรรมยุติท่านใดใส่ใจ
ก็น่าเห็นใจท่านอย่างยิ่งยวด
เพราะการร่วมมือช่วยเหลือ การทำผ้าป่าช่วยชาตินั้น ก็กินเวลาไปตั้ง ๑๐ ปี
ยังต้องมารักษารากฐานที่ครูบาอาจารย์ท่านพาสร้างเอาไว้อีก
ใหนจะต้องมาช่วยกันสร้าง ธรรมเจดีีย์ ที่วัดป่าบ้านตาดอีก
ใหนจะต้องมารบกับรัฐบาล เรื่องคลื่นความถี่ เรื่อง กสทช อีก
ใหนจะต้องมาดูแล สร้างเสริม เสนาสนะ ของตนอีก

แค่นี้ก็เหนื่อยแทบจะขาดใจแล้ว

แล้วจะมาช่วยคนอื่นได้อย่างไร
แล้วจะมีกระจิต กระใจ ปล่อยให้ คณะศิษย์ของตน มาช่วยงานพระใหญ่ชัยภูมิได้อย่างไร

สรุป ขอเฝ้ามองอยู่เฉยๆดีกว่า จะเฝ้ารอดูว่า
อำนาจของพระมหาพุทธานุภาพ
อำนาจเทวฤทธิ์
อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นั้นจะเป็นจริงได้หรือไม่

สรุป ขอเฝ้ามองอยู่เฉยๆดีกว่า จะเฝ้ารอดูว่า
พระใหญ่ชัยภูมิจะสร้างเสร็จหรือไม่
พระมหาพุทธานุภาพ ที่จะทรงถ่ายทอดผ่านองค์พระใหญ่ชัยภูมินั้น
จะป้องกัน จะแก้ไขภัยพิบัติได้หรือไม่

โดยลืมนึก ลืมคิด ไปว่า เขาสร้างของเขา
แล้วเราไม่ได้ช่วยเขาสร้าง
แม้ผลของการแก้ไขภัยพิบัติ
แม้ผลของการแก้ไขมหาภัยพิบัติ
ทุกๆคนจะได้ประโยชน์กันทั่วหล้า

ที่เสียหายคือ กุศลผลบุญที่ควรจะได้ จากการร่วมสร้าง
ที่เสียหายคือ กุศลผลบุญที่ควรจะได้ จากการร่วมสนับสนุนการสร้าง
ต่างหากที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้มีปัญญา ไม่ถึง
อย่างไรก็ตาม ผู้มีบุญ ไม่ถึง
อย่างไรก็ตาม ผู้มีบารมี ไม่ถึง

ย่อมไม่มีโอกาส ได้มาร่วม การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
ย่อมไม่มีโอกาส ได้มาร่วม สนับสนุนการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ
ได้อยู่แล้ว

เพราะกระทั่ง กิเลสในใจตน ก็ยังไม่เข้าใจ
ทั้งๆที่ไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย
แค่ ยืน พิจารนา
แค่ เดิน พิจารนา
แค่ นั่ง พิจารนา
แค่ นอน พิจารนา
ยังทำไม่ได้

แล้วจะมา วิ่งไปทั่วประเทศ วิ่งไปต่างประเทศ
เพื่อ การสร้าง พระหลวงพ่อทันใจ
เพื่อ การสร้าง พระใหญ่ชัยภูมิ
เพื่อ สนับสนุน การสร้าง พระหลวงพ่อทันใจ
เพื่อ สนับสนุน การสร้าง พระใหญ่ชัยภูมิ
อย่างพวกผม ญาติธรรมพระใหญ่ชัยภูมิได้อย่างไร

แล้วอย่าได้คิดว่า พวกผม จะเหนื่อย จะท้อ นะครับ
เพราะ การ "อิ่มบุญ" นั้น ก็ไม่ต่างจากการ "อิ่มทิพย์" ของพวกเทวดา แม้แต่น้อย

เผลอเป็บเดียว เขาสร้างพระใหญ่ชัยภูมิเสร็จแล้ว
แล้วจะเอากุศลผลบุญจากที่ไหน
ก็คง แม้แต่อยากจะร่วมสร้าง ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาสร้างเสร็จแล้ว
เผลอเป็บเดียว เขาจองเป็นเจ้าภาพ การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิเสร็จแล้ว
แล้วจะเป็นเจ้าภาพกับเขาได้อย่างไร

เมื่อท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์ ท่านบอกว่า

"ต่อให้มี เศรษฐี มหาเศรษฐี เอาเงินมาบริจาค ๑๐๐ ล้าน ๑,๐๐๐ ล้าน หรือแม้แต่ ๑๐,๐๐๐ ล้าน"

"ในทางภาคทิพย์แล้ว ก็มีค่าเพียงแค่ คน ๑ คน กับเงิน ๑ บาทเท่านั้นเอง"

เข้าใจความหมายของคำบอกเล่าอันนี้ไหมครับ

การสร้างพระใหญ่ชัยภูมินั้น
เราไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่า จะสร้างเสร็จ หรือไม่?
เราไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่า จะสร้างเสร็จ อย่างไร?
เราไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่า จะเอาเงินมาจากไหน?

เพราะเป็นเรื่องของเทพ ของเหล่าเทวดา
ที่จะดลจิต ดลใจ ให้ ผู้มีบุญ-บารมี เขามาร่วมสร้างของเขาเอง

ส่วนท่านที่ไม่เชื่อ
ส่วนท่านที่จะไม่มาร่วมสร้าง
ส่วนท่านที่จะไม่มาร่วมสนับสนุนการสร้าง

ท่านก็คงจะติดหล่ม กิเลสในใจตน
แถมยังอ้างพระธรรมคำสอน
หลอกลวงตนไปวันๆ จนเขาสร้างพระใหญ่ชัยภูมิเสร็จ โน่นละ่ครับ

จึงจะมานึกเสียดาย จึงจะมานึกเสียใจ ก็สายไปเสียแล้ว

ขอโมทนาบุญ ร่วมกับญาติธรรม ผู้มีปัญญา ผู้มีบุญ-บารมีทุกๆท่าน
ขออนุโมทนา
ลุงมหา

 

อะไรๆ ในโลกไม่มีสิ่งใดไม่เที่ยงแท้แน่นอน

ปีก่อน 2554 ปีนี้ 2555 ปีหน้า 2556 และต่อๆไป

เรื่องของโลกมันเป็นเช่นนั้นเอง ผลันเปลี่ยนไปตามกฏไตรลักษณ์

 

โลกไม่ได้เปลี่ยนหรอก เราไปให้ค่ามันเฉยๆ มองเฉยๆ ก็จะรู้ว่าโลกมันนิ่ง
ก็เหมือนเรายอมรับการเปลี่ยนแปลงไปในตัว แค่นั้นเอง