พี่ยามงวดนี้ขอเป็นหมอดูบ้างครับอิ อิ..

ในห้อง 'บริการรับดูดวง' ตั้งกระทู้โดย rapee888, 5 ตุลาคม 2012.

  1. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    จะเลือกสุข หรือ เลือกทุกข์

    พระไพศาล วิสาโล


    ...แต่ละวันจะเป็นวันดีหรือวันร้าย
    อยู่ที่ว่าเราเริ่มต้นวันนั้นอย่างไร
    เริ่มต้นด้วยการเติมสติให้แก่จิตใจ
    หรือเอาเรื่องหม่นหมองมาใส่ตน
    หากเริ่มต้นด้วยดี
    เราก็สามารถรับมือกับเหตุการณ์ร้าย ๆ ได้ด้วยใจที่ปกติ
    ซึ่งพาไปสู่สิ่งดี ๆ อีกเป็นทอด ๆ

    วันดีหรือวันร้าย สุขหรือทุกข์ จึงเป็นสิ่งที่เราเลือกได้
    ถ้าเลือกวันดีหรือความสุข
    ก็พึงมีสตินำหน้าเมื่อมีสิ่งต่าง ๆ มากระทบ
    แต่ถ้าอยากเลือกวันร้ายหรือความทุกข์
    ก็ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำใจ
    แล้วปล่อยตัวไปตามเหตุการณ์ต่าง ๆ สุดแท้แต่มันจะพาไป...
     
  2. J00M

    J00M เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +3,263
    พี่ยามปริ้นเก็บไว้ดูแล้วค่ะพี่ยาม...เน็ตที่บ้านยังไม่ได้ติดเลย...อิอิ มีหลักฐานทุกแผ่น...สงสัยพี่ยามจะถูกรางวัล รางวัลใหญ่ขอแล้วกันนะพี่ยาม....เพราะเลขใกล้เคียงกันมากเลย ซื้อล๊อต มา 1 ใบ เลขเดียวกันเลยค่ะ ต่างกันแต้มเดียว เราจะมาลุ้นกันว่าของใครจะมามันจะ+ หรือ - อิอิ หรืออาจจะมา คนละรางวัลเลยนะพี่ยาม
     
  3. rapee888

    rapee888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,692
    ค่าพลัง:
    +8,304
  4. rapee888

    rapee888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,692
    ค่าพลัง:
    +8,304
    พี่ยามปริ้นเก็บไว้ดูแล้วค่ะพี่ยาม...เน็ตที่บ้านยังไม่ได้ติดเลย...อิอิ มีหลักฐานทุกแผ่น...สงสัยพี่ยามจะถูกรางวัล รางวัลใหญ่ขอแล้วกันนะพี่ยาม....เพราะเลขใกล้เคียงกันมากเลย ซื้อล๊อต มา 1 ใบ เลขเดียวกันเลยค่ะ ต่างกันแต้มเดียว เราจะมาลุ้นกันว่าของใครจะมามันจะ+ หรือ - อิอิ หรืออาจจะมา คนละรางวัลเลยนะพี่ยาม<!-- google_ad_section_end -->
    ของพี่จำได้แล้วอิ อิ..
    503113
    500311
     
  5. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    กัลยาณมิตร หรือ ผู้นำบุญ
    ไม่ใช่หมายถึง ผู้ที่ไปเชิญชวนคนมาทำบุญเท่านั้น
    หากแต่หมายถึง บุคคลนั้นจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีงามแก่ชาวโลก
    ทั้งความประพฤติทางกาย วาจา ใจ
    ต้องอุดมไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา
    อย่างนี้จึงจะเรียกว่า “กัลยาณมิตร” อย่างแท้จริง

    หลักสำคัญที่สุดของทุกชีวิต ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละชาตินั้น
    ต่างก็ต้องการแสวงหาความสุขแท้จริงทั้งนั้น
    และความสุขนี้รวมประชุมอยู่ในพระธรรมกาย
    ซึ่งอยู่ในศูนย์กลางกายของมนุษย์ทุก ๆ คน
    ในฐานะที่เราเป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร
    เราก็ต้องไปแนะนำชาวโลก
    เพื่อให้เขาพบความสุขที่แท้จริง
    เพื่อให้เขาเข้าใจเรื่องโลกและชีวิตอย่างถูกต้อง
    เพื่อแนะนำให้เขาได้เข้าถึงพระธรรมกายภายในให้ได้

    การที่เราจะเข้าถึงพระธรรมกายภายในได้นั้นจะต้องสั่งสมบุญ
    ตั้งแต่การให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาอย่างสม่ำเสมอ
    แม้ทีละเล็กละน้อยก็จะค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้น
    แล้วในที่สุดก็จะน้อมนำใจเราเข้าถึงพระธรรมกาย
    พบกับความสุขภายใน ความสุขก็จะขยายออกมาภายนอก
    ทำให้จิตใจเบิกบาน ผิวพรรณวรรณะผ่องใส
    มีพลังใจที่จะดึงดูดหมู่ญาติให้มาร่วมบุญด้วย
    นี้เป็นหลักสำคัญของผู้นำบุญ

    ดังนั้น กัลยาณมิตรจะต้องปฏิบัติธรรมทุก ๆ วัน
    อย่างสม่ำเสมอ ขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว
    ไม่ว่าเราจะมีภารกิจเหน็ดเหนื่อยเมื้อยล้าแค่ไหนก็ตาม
    เราก็จะไม่ทิ้งเรื่องปฏิบัติธรรม
     
  6. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    มีก็มีให้เป็น....ไม่มีก็ไม่มีให้เป็น....
    ก็ ไ ม่ เ ป็ น ทุ ก ข์
    พระครูเกษมธรรมทัต (พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี)
    วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา

    ถ้าเรามีธรรมะจะรู้สึกอุ่นใจ
    จิตใจอิ่มเอิมเป็นสุขอยู่กับธรรมะ มีธรรมะเป็นที่พึ่ง
    เรียกว่ามองสิ่งที่เป็นสาระว่าเป็นสาระ
    มองสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ

    นี่คือคนมีธรรมะมีปัญญา

    ส่วนคนไม่มีธรรมะ

    ก็จะไปหลงใหลเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ
    ไม่ได้เป็นคุณเป็นประโยชน์อะไรแท้จริง
    สิ่งนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อความสุขอย่างแท้จริง
    เราไปเอาจริงเอาจังลุ่มหลงกับมันก็เลยทุกข์

    สำหรับผู้มีธรรมะมีปัญญา
    เขาก็ว่าไม่เป็นสาระ
    แล้วก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมาก
    มีก็ได้ไม่มีก็ได้

    มีก็มีให้เป็น ไม่มีก็ไม่มีให้เป็น
    มีก็มีให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์

    ไม่มีก็ไม่มีให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์

    แต่ถ้าไม่มีธรรมะนี่ เวลาไม่มีก็เป็นทุกข์
    เวลามีก็เป็นทุกข์ เป็นทุกข์ตลอด
    เวลาไม่มีก็อยากจะได้อยากจะมี
    แต่เวลาที่มีจริงๆ แล้วก็ทุกข์

    แต่ถ้าคนที่มีธรรมะก็จะเข้าใจ ถึงไม่มีก็ไม่ทุกข์ใจ
    ถึงเวลามีก็มีอย่างไม่เป็นทุกข์

    เพราะเข้าใจตามจริงแล้วว่า
    ทุกสิ่งล้วนของชั่วคราว
    ในที่สุดเราก็ต้องทอดทิ้งไป
    ควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นสาระคือธรรมะดีกว่า

    ธรรมะคือสิ่งที่เป็นสาระเป็นประโยชน์กับเราอย่างแท้จริง
    สาระคือบุญกุศล สาระ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

    เราจึงต้องเดินเข้าหาที่พึ่งทางใจ
    คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    เวลาที่เหลืออยู่ก็ยังไม่สายเกินไปที่เราจะสะสมความดี
    และขวนขวายในสิ่งที่เป็นสาระแก่ชีวิต ของเราให้คุ้มค่า
    กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา
     
  7. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    ใกล้ตาย จึงนึกถึงพระ
    มีทุกข์มาถึง จึงนึกถึงพระศาสนา

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่


    บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว มักไม่เห็นคุณพระศาสนา
    มัวเมาประมาท ปล่อยกายปล่อยใจ ให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย
    เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ
    จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว

    ทำความดีให้เป็นที่อยู่ของจิต

    ความดีนั้นเราต้องทำอยู่เสมอให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต ให้เป็นมรรค
    คือ ทางดำเนินไปของจิต มันจึงจะเห็นผลของความดี
    ไม่ใช่เวลาใกล้จะตาย จึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีล
    เช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดทั้งหมด
    เหตุว่าคนเจ็บ จิตมัวติดอยู่กับเวทนา ไฉนจะมาสนใจไยดีกับศีลได้
    เว้นไว้แต่ผู้ที่รักษาศีลมาเป็นปกติเท่านั้น จึงจะระลึกได้
    เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ของจิตแล้ว แต่ส่วนมากใกล้ตายแล้วจึงเตือนให้รักษาศีล
    ส่วนคนตายแล้วไม่ต้องพูดถึง เพราะคนตายนั้นร่างกายจิตใจจะไม่รับรู้ใดๆ แล้ว
    แต่ก็ดีไปอย่างเหมือนพระเทวทัต ทำกรรมจนถูกแผ่นดินสูบ
    เมื่อลงไปถึงคางจึงระลึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า ขอถวายคางเป็นพุทธบูชา
    พระเทวทัตยังมีสติระลึกถึงได้ จึงมีผลดีในภายภาคหน้า

    ความดีเราทำเองดีกว่า

    แม้เปรตตนนั้นก็เหมือนกัน ตายไปแล้วจึงมาขอส่วนบุญ
    เมื่อยังมีชีวิตอยู่ทำอันตรายแม้พระพุทธรูป แผ่เมตตาให้ไปได้รับหรือไม่ก็ไม่รู้
    สู้เราทำเองไม่ได้ เราทำของเรา ได้มากน้อยเท่าไรก็มีความปิติ อิ่มเอิบใจเท่านั้น
    ธรรมทั้งหลายไหลมาจากเหตุ กายก็เป็นเหตุอันหนึ่ง วาจาก็เป็นเหตุอันหนึ่ง
    ใจก็เป็นเหตุอันหนึ่ง ทางของบุญหรือบาปเหล่านี้มีอยู่ในตัวของเราเอง ไม่ได้อยู่ที่ไหน
    เราทำเอง สร้างเอง อย่ามัวมั่วอดีต เป็นอนาคต มีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็น "ธรรมดา"

    ความดีต้องทำในปัจจุบัน

    สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว
    สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดีมัน ก็ดีไปแล้ว ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว
    ถ้ามันชั่วมันก็ชั่วไปแล้ว ผ่านไปแล้ว เช่นกัน
    อนาคตยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง เราก็ยังไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร
    อย่างมากก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเอง ว่าควรเป็นยังงั้น เป็นยังงี้
    ซึ่งมันอาจจะเป็น ไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคะเนก็ได้
    ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง ได้สัมผัสจริง
    เพราะฉะนั้นความดีต้องทำในปัจจุบัน ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี
    ต้องทำเสียในปัจจุบันที่เรายังมีชีวิตอยู่
    เราต้องการความดี ก็ต้องทำให้เป็นความดีในปัจจุบันนี้
    ต้องการความสุข ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้.....
     
  8. rapee888

    rapee888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,692
    ค่าพลัง:
    +8,304
    [​IMG]
    กัลยาณมิตร หรือ ผู้นำบุญ
    ไม่ใช่หมายถึง ผู้ที่ไปเชิญชวนคนมาทำบุญเท่านั้น
    หากแต่หมายถึง บุคคลนั้นจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีงามแก่ชาวโลก
    ทั้งความประพฤติทางกาย วาจา ใจ
    ต้องอุดมไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา
    อย่างนี้จึงจะเรียกว่า “กัลยาณมิตร” อย่างแท้จริง
    ยังขอบคุณน้องจำเรียงมากครับที่นำเอาหลักธรรมต่างๆมาให้เพื่อนสมาชิกอ่านกันครับ..
    พี่ยามขอตัวครับไปดูงานก่อนครับ..
    ขอโทษป้าเมาท์และอีกหลายๆท่านที่รออ่านเรื่องน้องกระเป๋าครับ..รับปากครับถ้าว่างจะมาเล่าให้ฟังครับ..มีหลายเรื่องที่ผ่านชีวิตพี่ยามจะเล่าผ่านน้องกระเป๋าครับ...
     
  9. J00M

    J00M เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +3,263
    ขอบคุณพี่ยาม และสมาชิกทุกคน ขอให้โชคดีทุกคนนะค่ะ และขอให้พี่ยามรักษาสุขภาพด้วย...
     
  10. n_nu

    n_nu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +635
    หวัดดีพี่ยามและเพื่อนสมช.ทุกท่านค่ะ.ยังยู่ครบรึเปล่า......คิดถึงทุกคนจร๊..แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง..แต่...ก็แอบเข้ามาติดตามยู่นะจร๊.....คิดถึงค่ะ..คิดถึง.
     
  11. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    หวัดดีสมาชิกทุกท่าน ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างงานยุ่งมากเลย
    รีบเคลียงานด้วยค่ะจะต้องไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลค่ะ
    แต่คิดถึงทุกๆๆท่านเลยค่ะ
     
  12. J00M

    J00M เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +3,263
    อ้าว ! คุณจำเรียงเป็นอะไรค่ะ...ขอให้หายไว ๆ นะค่ะ นอนเล่นโรงพยาบาล อย่านอนนานนะค่ะ...ระวังเจอ คุณหมอหล่อด้วย....เดี๋ยวตกหลุม...55555 ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ
     
  13. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    ธรรมบรรยายของ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    ธรรมโอวาท
    1. คำว่า จิต ได้แก่ ดวงจิต ดวงใจผู้รู้อยู่ ผู้เห็นอยู่ ผู้ได้ยินได้ฟังอยู่ เราฟังเสียง ได้ยินเสียง ใครเป็นผู้รู้อยู่ในตัวในใจ นั่นแหละมันอยู่ตรงนี้ ให้รวมให้สงบเข้ามาอยู่ตรงนี้ ตรงจิตใจผู้รู้อยู่
    2. ตาเห็นรูป ก็จิตดวงนี้เป็นผู้เห็น ดีใจก็จิตดวงนี้หลงไป เสียใจก็จิตดวงนี้หลงไป เสียงผ่านเข้ามาทางโสต ทางหูก็จิตดวงเก่านี่แหละ กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็จิตดวงนี้เป็นผู้หลง เมื่อจิตใจดวงนี้เป็นผู้หลงผู้เมาไม่เข้าเรื่อง เราก็มาแก้ไขภาวนาทำใจให้สงบ ไม่ให้หันเหไปกับอารมณ์ใดๆ เห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดดับอยู่ในตัว ในใจ ในสัตว์ ในบุคคลนี้ว่า มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็แตกดับไปเป็นธรรมดาอย่างนี้
    3. การปฏิบัติบูชา ภาวนานี้ เป็นการปฏิบัติภายใน เป็นการเจริญภายใน พุทโธภายใน ให้ใจอยู่ภายใน ไม่ให้จิตใจไปอยู่ภายนอก
    4. การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก เหมือนแบกไม้หามเสา เป็นของเบาที่สุด นึกภาวนาบทใดข้อใด ก็ให้เข้าถึงจิตถึงใจ จนจิตใจผ่องใสสะอาดตั้งมั่นเที่ยงตรงคงที่อยู่ ภายในจิตใจของตน ใจก็สบาย นั่งก็สบาย นอนก็สบาย ยืนไปมาที่ไหนก็สบายทั้งนั้น ในตัวคนเรานี้ เมื่อจิตใจสบาย กายก็พลอยสบายไปด้วย อะไรๆ ทุกอย่างมันก็สบายไป มันแล้วแต่จิตใจ
    5.ทำอย่างไรใจจะสงบระงับ มีอุบายอะไร ก็อุบายไม่ขึ้เกียจไงละ ให้มีความเพียร จะสู้กับกิเลสราคะ โทสะ โมหะ ในใจได้ ไปสู้ที่ไหน ก็สู้ด้วยความเพียร สู้ด้วยความตั้งใจมั่น เราตั้งใจลงไปแล้วให้มันมั่นคง อย่าไปถอย
    6. เพียรพยายามฝึกตนเองอยู่เสมอ บนแผ่นดินนี้ผู้มีความเพียร ผู้ไม่ท้อแท้อ่อนแอในดวงใจ ไม่ว่าจะทำอะไร ย่อมสำเร็จได้ ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้า เมื่อเห็นแล้วเราต้องตั้งความเพียรลงไป ภาวนาลงไป เมื่อมันยังไม่ตายจะไปถอยความเพียรก่อนไม่ได้
    7. สู้ด้วยการละทิ้ง อย่าไปยึดเอาถือเอา เขาว่าให้เรา เขาดูถูกเรา เสียงไม่ดีเข้าหูก็เพียรละออกไปให้มันหมดสิ้น มนุษย์มีปาก ห้ามมันไม่ให้พูดไม่ได้ มนุษย์มีตา ห้ามไม่ให้มันดูไม่ได้ มันเป็นเรื่องของโลก ท่านจึงตรัสว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจมันเป็นความร้อน ความร้อน คือกิเลส กิเลสเหมือนกับไฟ ไฟมันเป็นของร้อน
    8. เราได้คลานภาวนาจนเข่าแตกเลือดออกมีไหม ไม่มี มีแต่นอนห่มผ้าให้มัน ตลอดคืน มันจะได้สำเร็จมรรคผลอะไร ก็ได้แต่กรรมฐานขี้ไก่ กรรมฐานขี้หมู ไม่ลุกขึ้นภาวนาเหมือนพระแต่ก่อน พระแต่ก่อนท่านเดินไม่ได้ท่านก็คลานเอา
    9. พุทโธในใจ หลงใหลทำไม ไม่ต้องหลง ไม่ต้องลืม นั่งก็พุทโธในใจ นอนก็พุทโธในใจ ยืนก็พุทโธในใจ เดินไปไหนมาไหน ก็พุทโธในใจ กิเลสโลเลละให้หมด โลเลทางตา โลเลทางหู โลเลทางจมูก ทางกลิ่น โลเลในอาหารการกิน เลิกละให้หมด
    10. ไม่ต้องไปรอท่าว่า เมื่อถึงวันตายข้าพเจ้าจะภาวนาพุทโธเอาให้ได้ อย่างนี้ไม่ได้ เราต้องทำไว้ก่อน เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน ตั้งแต่บัดนี้ เดี๋ยวนี้เวลานี้เป็นต้นไป
    11. ความตายนี้ไม่มีใครหลบหลีกได้ ท่านให้นึกให้น้อมให้ได้ว่า ทุกลมหายใจเข้าไปก็เตือนใจของตนให้นึกว่า นี่ถ้าลมหายใจนี้เข้าไปแล้วออกมาไม่ได้ เกิดติดขัดคนเราก็ตายได้ แม้ลมหายใจออกไปแล้ว เกิดอะไรขัดขึ้นมาสูดลมหายใจเข้า มาไม่ได้คนเราก็ตายได้
    12. เราทุกคนดวงใจที่มีชีวิตอยู่ ณ ภายในนี้ ก็อย่าพากันนิ่งนอนใจ อยู่ที่ไหน กายกับใจอยู่ที่ไหน ก็ที่นั่นแหละเป็นที่ปฏิบัติบูชาภาวนา อยู่บ้านก็ภาวนาได้ อยู่ วัดก็ ภาวนาได้ บวชไม่บวชก็ภาวนาได้ทั้งนั้น
    13. ตั้งจิตดวงนี้ให้เต็ม ในขั้นสมถกรรมฐาน พร้อมกับวิปัสสนา กรรมฐาน ให้แจ่มแจ้งในดวงใจทุกคนเท่านั้น ก็พอ เพราะว่าเมื่อเราเกิดมาทุกคน ก็ไม่ได้มีอะไรติดมา ครั้งเมื่อเราทุกคนตายไปแล้วแม้สตางค์แดงเดียวก็เอาไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จงพากันนั่งสมาธิภาวนาให้เต็มที่จนกิเลสโลภะอันมันนอนเนื่องอยู่ใน จิตนี้ให้หมดเสียวันนี้ๆ ถ้ากิเลสความโลภนี้ยังไม่หมดจากจิต ก็ยังไม่หยุดยั้งภาวนาจน วันตายโน้น
    14. การภาวนาละกิเลสให้หมดไปจริงๆ นั้น ต้องปฏิบัติดังนี้ เมื่อกำหนดรูปร่างกายของเรา บริกรรมกำหนดลมหายใจจนจิตตั้งมั่นดีแล้ว ต้องกำหนดรูปร่างของเราเอง นับตั้งแต่ ผม ขน เล็บ ไปตลอดหมดในร่างกายนี้ ให้เห็นตามความเป็นจริง ที่มันตั้งอยู่และมันเสื่อมไป ด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วยมีทวารทั้ง 9 เป็นสถานที่ไหลออกไหลเข้าซึ่งของไม่งาม
    15. อันความตายนั้น จงระลึกดูให้รู้แจ้งด้วยสติปัญญาของตนเอง ยกจิตใจตั้งให้มั่นอย่าได้หวั่นไหว เจ็บจะเจ็บไปถึงไหนก็แค่ตาย อยู่ดีสบาย อยู่ไปถึงไหนก็แค่ตาย แก่ชราแล้วไม่ตายไม่ได้ เมื่อมาถึงบุคคลผู้ใดจะให้ผู้อื่นช่วยไม่ได้ ต้องภาวนาให้พ้นจากความตาย ความตายนั้นมีทางพ้นไปได้ อยู่ที่การละกิเลส ล้างกิเลสในใจให้หมดสิ้น
     
  14. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    16. วันคืนเดือนปี หมดไป สิ้นไป แต่อย่าเข้าใจว่าวันคืนนั้นหมดไป วันคืนไม่หมด ชีวิตของแต่ละบุคคลหมดไปสิ้นไป มันหมดไปทุก ลมหายใจเข้าออก ฉะนั้น ภาวนาดูว่า วันคืนล่วงไป เราทำอะไรอยู่ ทำบุญหรือทำบาป เราละกิเลสได้หรือยัง เราภาวนาใจสงบหรือยัง
    17. ทุกข์อยู่ที่ไหน ทุกข์อยู่ที่ใจยึดมั่นถือมั่น ยึดมั่นถือมั่นในชาติตระกูล ในตัว ในตน ในสัตว์ในบุคคล ความยึดอันนี้แหละที่ยึด ไม่ให้มีทุกข์ให้มีความสุข มันเป็นไปไม่ได้ เหมือนกับว่าเราจะไม่ให้แก่ ก็แก่เรื่อยไป ต้องรู้ว่าแก่เพราะอะไร ก็เพราะว่าจิตมายึดถือ เมื่อจิตมายึดมาถือ จิตจึงมาเกาะอยู่ มาเกิด มาแก่ชรา เจ็บไข้ได้พยาธิ ผลที่สุดก็ถึงซึ่งความตาย
    18. บทภาวนาบทใดก็ดีทั้งนั้น ถ้าภาวนาได้ทุกลมหายใจ ก็เป็นอุบายธรรมอันดีทั้งนั้น ความตั้งมั่นในสมาธิภาวนาของจิตใจคนเรานั้น ย่อมมีเวลาเจริญขึ้น มีเสื่อมลงเป็นธรรมดา ถ้าเรามารู้เท่าทันว่า การรวมจิตใจเข้าเป็นดวงหนึ่งดวงเดียว เป็นความสงบสุขเยือกเย็น อย่างแท้จริง ก็ให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติบูชาภาวนา อย่าได้มีความท้อถอย เมื่อใจไม่ท้อถอยแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เราท้อแท้อ่อนแอได้ เพราะคนเรามีใจเป็นใหญ่เป็นประธาน สำเร็จได้ด้วยใจทั้งสิ้น
    19. ความเที่ยงแท้แน่นอนในโลกนี้ จะเอาที่ไหนไม่มี ผู้ปฏิบัติจงรู้เท่าทัน รู้เท่านั้นแล้วก็ปล่อยว่าง อย่าเข้าไปยึดไปถือ อย่าไปยึดว่าตัวกูของกู ตัวข้าของข้า ตัวเราของเรา เราเป็นนั้นเป็นนี้ ตัวเราของเราไม่มี มีแต่ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม มีแต่หลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งโลก
    20. ให้ทานข้าวของ วัตถุภายนอกก็เป็นบุญ แต่ยังไม่ลึกซึ้ง ให้ทำบุญภายในใจ ให้เป็นบุญอยู่เสมอ ภาวนาพุทโธ นึกน้อมเอาคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอยู่ภายใน นี่แหละ บุญภายใน
    21. อวิชชา แปลว่าไม่รู้ ไม่รู้ต้น ไม่รู้ปลาย ไม่รู้อยู่ จิตจึงได้วนเวียน หลงไหล เข้าใจผิดว่า โลกนี้ยังมีความสุขซ่อนอยู่ ความจริงแล้วในมนุษย์โลกก็ดี เทวโลกก็ตาม พรหมโลกก็ช่าง ล้วนแล้วแต่ตกอยุ่ในกองทุกข์ กองภัย ต้องมีภัย อันตรายรอบด้าน
    22. ชีวิตของคนเราไม่นาน ชีวิตนี้มีน้อยที่สุด เวลาเรายังไม่ตาย ก็ได้ข่าวคน นั้นว่าตาย ที่เขาเอาไปฝังทิ้ง หรือเอาไปเผาไฟ เพื่อไม่ให้กลิ่นมันเหม็นจมูกเขาต่างหาก เราต้องพิจารณา ต้องทำด้วยกำลังศรัทธาของเรา ทำไมพระพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทั้ง หลาย ท่านจึงเกิดอสุภกรรมฐานเห็นแจ้งในจิตในใจได้ เห็นคนก็เห็นก้อนอสุภกรรมฐาน เห็นคนก็เห็นความตายของคนนั้น
    23. สงบแต่ปาก ใจไม่สงบ ก็ไม่ได้ ต้องให้ใจสงบ ใจสงบ ก็คือว่า เมื่อฟุ้งซ่านรั่วไหลไปที่อื่นก็ให้คอยระวัง นึกน้อมสอนใจของตัวเองด้วยว่า ความเกิดเป็นทุกข์ เกิดมาแล้วเป็นทุกข์อย่างนี้แหละ จะไปเอาสุขที่ไหนในโลก ที่ไหน มันก็ทุกข์เท่าๆ กัน เอาสิ่งเหล่านี้มาเตือนใจตนเอง
    24. เวลาความตายมาถึงเข้า กายกับจิตจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ เรียกว่าแยกกันไป จิตทำบาปไว้ก็ไปสู่บาป จิตทำบุญไว้ก็ไปสู่บุญ จิตละกิเลสราคะ โทสะ โมหะ ได้ก็ไปสู่นิพพาน จิตละไม่ได้ก็มาเวียนตายเวียนเกิด วุ่นวายอยู่อย่างนี้ พระพุทธเจ้ามา ตรัสรู้ในโลก มนุษย์ทั้งหลายก็ยังไม่หมดไปจากโลก ยิ่งในปัจจุบันนี้ ยิ่งมากกว่าในสมัย ก่อน มันเกิดมาจากไหน ก็เกิดมาจากจิตที่เต็มไปด้วย อวิชชา-ความไม่รู้ ตัณหา-ความดิ้นรน ไม่สงบตั้งมั่น ก็สร้างตัวขึ้นมาในแต่ละบุคคล แล้วก็มาทุกข์มาเดือดร้อน วุ่นวายอยู่ในวัฏสงสารอย่างนี้แหละ
    25. ให้ละกิเลสออกจากจิตให้หมดทุกคน กิเลสนี้แหละทำให้คนเราเดือดร้อนวุ่นวายอยู่ไม่สิ้นสุด กิเลสนั้นเมื่อย่นย่อเข้ามาก็คือ ความโกรธ ความโลภ ความหลง 3 อย่างเท่านี้ ทำไมจึงเกิดมาสร้างกิเลสให้มากขึ้นไปทุกภพทุกชาติ ทำไมหนอ ใจคนเราจึงไม่ยอมละ การละก็ไม่หมดสักที ในชาติเดียวนี้ตั้งใจละ ทั้งพระเณรและญาติโยมทั้งหลาย ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นอย่าโกรธไปตาม ถ้าไม่โกรธไปตาม มันจะตายเชียวหรือ ทำไมจึงไม่ระลึกอยู่เสมอว่า คนเราจะละความโกรธให้หมดสิ้นไป ในเวลาเดี๋ยวนี้ อย่าให้มีการท้อถอยในการสร้างความดี มีการรักษาศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 พร้อมทั้งการเจริญสมาธิภาวนา ฆ่ากิเลสตัณหาให้หมดไป ใจจึงจะเย็นเป็นสุขทุกคน
    26. ภาวนาให้ได้ทุกลมหายใจเข้าออก เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จิตของผู้ภาวนาก็สูง คำว่าสูง ก็เหมือนกับเรือที่ลอยลำอยู่ในแม่น้ำ ลำคลองหรือที่มหาสมุทรสาคร ก็คือ จิตมันอยู่เหนือน้ำ
    27. จิตอยู่เหนืออารมณ์ เหมือนเรืออยู่เหนือแม่น้ำ มันก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อน จึงจำต้องฝึกอบรมตัวเองให้มีความอดทน
    28. เวลาความสุขมาถึงเข้า เราจะไปเอาความสุขในความสรรเสริญเยินยอ มั่งมีศรีสุขอย่างเดียว แต่เราหารู้ไม่ว่า "ความสุขมีที่ไหน ความทุกข์ก็มีที่นั่น"
    29. มรณกรรมฐานนี้เป็นยอดกรรมฐาน คนเราเมื่ออาศัยความประมาท มัวเมาไม่ได้มองเห็นภัยอันตรายจะมาถึงตน คิดเอาเอง หมายเอาเอง ว่าเราคงไม่เป็นไรง่ายๆ เราสบายดีอยู่ เรายังเด็กยังหนุ่มอยู่ ความตายคงไม่กล้ำกรายได้ง่ายๆ อันนี้เป็นความประมาท มัวเมา
    30. ถ้ามองเห็นความตายทุกลมหายใจเข้าออก สบายไปเลย กูก็จะตาย สูก็จะตาย จะมากังวลวุ่นวายกันทำไม
     
  15. โฮมบุญไทย

    โฮมบุญไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +213
    เฮ้อ!!!ค่อยโล่งอกเห็นพี่ยามกลับมาแล้ว......
     
  16. n_nu

    n_nu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +635
    ขอให้คุณจำเรียงหายเร็วๆค่ะ.เป็นกำลังใจค่ะ.....เฮ้คุณจุ๋มอย่าลืมตัวเลขเด่นๆงวดนี้นะจร๊..จารอ...เจ้าแม่จุ๋ม.เดอจร๊.;41;41;41;41;43jaah
     
  17. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    รื่อง : ขอบคุณมิ่งมิตร ในโลกใบนี้

    อืม...โลกไม่ได้กว้างใหญ่อย่างที่คิด
    โลกนี้กลม ไม่มีเหลี่ยม ไม่มีมุมแบบสี่เหลี่ยม

    ถอนหายใจ คุ้มค่าน่ะ คุ้มค่า...
    ได้เวียนมาเจอคนรู้จัก

    ถ้าเราใช้สายตามองดีๆ เราจะรู้ว่า...เราเห็นอะไร

    เห็นอะไรก็ไม่เท่า...เห็นและเข้าใจตัวเราเอง...

    ไม่รู้จะขอบคุณมิ่งมิตรได้อย่างไร...ขอบคุณจริงๆ นะ...
     
  18. จำเรียง

    จำเรียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +997
    มิตรภาพ...บนโลกไซเบอร์

    ยามเปิดจอเราขอ แค่เห็นหน้า
    เพื่อนแอดมา แอบฉุดคิด.....ใจหวาบหวาม
    ไผเป็นไผไม่สำคัญ ช่วยเอยนาม
    ขาประจำหรือขาจร วอนบอกที

    มิตรภาพวันนี้ มีแต่ให้
    ทั้งใจกายมอบแด่ เพื่อนเสมอ
    เธอออนมาฉันออนไป ได้เจอะเจอ
    ฟังเธอเพ้อ ส่วนฉันฝัน...มัน...พะยะคะ

    ส่งรอยยิ้มตามสาย ออนไลน์ให้
    อยุ่ใกล้ไกลปลายสาย ไม่ต้องหวั่น
    ขอเพียงใจสองใจ ส่งถึงกัน
    คืนวันผ่านนานแค่ไหน...ไม่อาจลืม
     
  19. J00M

    J00M เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +3,263
    ...อันนี้คิดขึ้นมาได้ ณ ปัจจุบัน....แค่บ่น ๆ การทำบุญ กับ ใครก็ตาม คิดดีกับเพื่อน หรือช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อน หรือจะตักบาตรทุกวัน ฯลฯ นานัปการ การทำบุญ เหมือนการคบเพื่อน....ทำบุญดีก็ได้เพื่อนดี ส่วนทำบุญกับเพื่อนที่ไม่ดี....ยังไงผลดีก็ยังมาตกอยู่ที่เรา ส่วนผลไม่ดีก็ตกอยู่กับคนที่คิดไม่ดี เพื่อนไม่ดี...อิอิ...คนเราได้ผลบุญไม่เท่ากัน เพราะสร้างมาไม่เท่ากัน เหมือนกับการซื้อเลข...หลายต่อหลายคนเห็นเลขที่โพสต์ จับไม่กี่ตัว แล้วถูกได้เงิน (ผลบุญตอบแทนคุณ...โดยไม่ต้องขอ)....ส่วนอีกหลายคนที่จับแล้วไม่ถูกเลย แสดงว่าบุญเราน้อยต้องมั่นสร้างมั่นทำให้ทันเขาให้มากขึ้น...แล้วไม่ต้องคิดอะไรเลย แต่อย่าลืมนะ ความโชคดีไม่ได้หมายถึงการเสี่ยงเพียงอย่างเดียว...การที่เราได้เกิดมา กินอิ่ม นอนหลับ คนรอบข้าง เอ็นดูรักใคร่ ก็ถือว่ามีผลบุญมากโขแล้ว....เพราะฉะนั้นผลบุญที่ทำในทุกทีทุกทาง ตั้งแต่เริ่มคิดดี (ก็เป็นบุญ) ลงมือกระทำดี(ก็เป็นบุญ) พูดดี (ก็เป็นบุญ) การทำความสะอาดบ้านทุกวัน คิดถึงพ่อแม่บ่อย (ถึงแม้เสียแล้ว) เปลี่ยนน้ำหิ้งพระ นั่งตั้งสติก่อนสตาร์ทไปไหนต่อไหน ทุกอย่างก็เป็นบุญทั้งนั้น...เราได้ทำบุญทุกวันโดยไม่รู้ตัว...หรือบางคนก็รู้ก็ยิ่งทำ...ขอบคุณค่ะที่ให้บ่น@^_^@
     
  20. boontiga

    boontiga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +2,357
    sa-wad-dee karabbit_jump
     

แชร์หน้านี้

Loading...