สวัสดีครับ ขออนุญาติตั้งกะทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางในการเริ่มจัดกระเป๋าฉุกเฉินสำหรับใครที่ยังไม่รู้ควรจะเริ่มอย่างไร หรือสำหรับ bug out มืออาชีพ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเป็นแนวทางต่อๆไปครับ ในปัจจุบันภัยพิบัติต่างๆ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้วนะครับ ถ้าเราพักเรื่องการทำนายต่างๆ ไว้ก่อนและมาดูสถานการณ์ที่ผ่านมา อะไรที่เราคิดว่าไม่น่าเกิด ไม่น่าเป็นไปได้ มันมีให้เห็นกันแล้ว แผ่นดินไหวกลางเมืองที่นิวซีแลนด์ ทอนาโดถล่มรัฐต่างๆในอเมริกา สึนามิที่ญี่ปุ่น โคลนถล่มที่จีน และน้ำท่วมกทม T T. ถ้าเรามองกลาง ๆ มันก็คืออะไรก็เกิดขึ้นได้แหล่ะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเราลองสมมุติมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่กล่าวมาเกิดขึ้นกับเราและคนในครอบครัว เราก็ต้องดูแลตัวเราและครอบครัวได้ในระดับนึงนะครับ (สำหรับท่านที่อ่านถึงบรรทัดนี้แล้วบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าซีเรียสเกินเหตุ แนะนำให้ปิดกะทู้ไปเลยครับ สำหรับผมห่วงคนในครอบครัวเสมอ ผมขอสู้ดีกว่าครับ ด้วยความเคารพ) การรอความช่วยเหลือจากภาครัฐต้องหลังจากเหตุวุ่นวายสงบแหล่ะครับ แต่สำหรับรัฐบาลไทยก็เอ่ออ ขอไม่พูดต่อแล้วกัน-*- เอาหล่ะครับเข้าเรื่องกันดีกว่า หลักในการจัดกระเป๋าฉุกเฉินเบื้องต้นนั้นง่ายมากครับ ให้นึกถึงสิ่งที่เราขาดไม่ได้ในชีวิต (ไม่ใช่แฟนนะครับ) เอาที่ขาดแล้วมีผลต่อชีวิตเราจริงๆครับ ใช่แล้วนั่นคือปััจจัย4นั่นเอง ในกระเป๋าแห่งชีวิตของเรานั้นต้องการอาหารน้ำ ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยก่อนครับ อย่างอื่นคือoption ใส่ทีหลังเมื่อต้องการ ผมขอเริ่มเป็นข้อๆดังนี้ครับ 1.อาหารและน้ำ ตามที่เราได้รู้กันน่ะครับ คนเราขาดน้ำไม่เกิน3วัน ขาดอาหารไม่ควรเกิน7วัน(จริงๆ ถ้าไม่ใช้พลังงานเลยเช่นติดในซากตึกมีน้ำพอประทังชีพ อยู่ได้เป็นเดือนนะครับ) ในกระเป๋าแห่งชีวิตของเราต้องมีน้ำและอาหารให้เพียงพอ เราจะกะอย่างไรดี ก็ให้เราคิดในปริมาณขั้นต่ำที่เรากินกันนะครับ สำหรับเราและคนในครอบครัว อาหารต้องมีในกระเป๋าอย่างน้อย3-7วัน เมนูนี่อย่าเน้นมาม่าอย่างเดียวนะครับ ลองกินมาม่า1อาทิตย์จริงๆดูสิครับแค่คิดก็เครียดกันทั้งครอบครัวแล้วครับ ผมลองทำน้ำหนักกับปริมาณในรูปแบบผมเองได้ดังนี้ครับ (ครอบครัวผมมี3คน พ่อ แม่ ลูกสาว) ทั้งหมดน้ำหนัก5.1กิโลกรัม ทาน3คนได้1อาทิตย์ครับประกอบไปด้วย 1. Seven Oceans 3 pack x500g= 1500g. --> 3 วัน 2.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 18ซองx 100g= 1800g --> 2วัน 3.ข้าวสาร 450g x 2 ห่อ = 900 g --> 2 วัน - ไก่กระเพรา 3x105 = 315 g - แกงเผ็ดไก่ 3x105 = 315 g - ไก่ผัดเผ็ด 3x105 = 315 g - ไก่กะเทียม 3x105 = 315 g - แกงกะหรี่ไก่ 3x105 = 315 g - พะโล้ไก่ไข่นก 3x105 = 315 g กับข้าว=1890g เป็นอาหารซองของโรซ่ารสชาติดีมากครับ 4.หมูผักแห้งใส่มาม่า น้ำหนัก 5090 g - มีอาหารแล้วอย่าลืมเตาทำอาหารนะครับ เตาที่นิยมใช้กันมี 3 แบบใหญ่ๆ ครับ ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ใช้แอลกอฮอร์เป็นเชื้อเพลิง ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ผมทดลองใช้หลายอย่างเหมือนกันครับยกมาบางส่วนเป็นตัวอย่างนะครับ >>เตาที่ใช้น้ำมัน ผมลองใช้ msr dragonfly ซึ่งสามารถใช้น้ำมันได้เกลือบทุกชนิดในการจุดเตาขึ้นไม่ว่าจะเป็นเบนซิน ดีเซล หรือแม้กระทั่งเอเทอนอล แต่พลังงานที่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำมันชนิดนั้นด้วย >>เตาที่ใช้แก๊ส ผมจะไม่บอกถึงชนิดของแก๊สนะครับ เอาเป็นแก๊สในที่นี้ให้หมายถึงแก๊สกระป๋องยาว(ซื้อได้ตามห้างทั่วๆไป) กับแก๊สซาลาเปา(แก๊สกระป๋องสั้น ซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ outdoor) เตาแก๊สในบ้านเรามีให้เลือกหลายประเภทครับ ผมยกตัวอย่างบางรุ่นแล้วกันครับ >>> fire maple FMS-105 (ของจีนคุณภาพใช้ได้ครับ) ใช้กับแก๊สซาลาเปาแต่สามารถใช้หัวแปลงใช้กับแก๊สกระป๋องยาวได้ ตัวนี้สะดวกนะครับมีที่จุดไฟในตัวด้วย >>>KOVEA camp5 (ของเกาหลียอดนิยมครับ) ใช้กับแก๊สซาลาเปาแต่สามารถใช้หัวแปลงใช้กับแก๊สกระป๋องยาวได้ >>> MSR pocket rocket (ของอเมริกาครับ) ตัวนี้เบามากแต่ไม่มีขาตั้งเตามาครับต้องใช้กับแก๊สซาลาเปาเท่านั้น (ผมใช้เป็นเตาสำรองเลยใช้ตัวเล็ก วางบนแก๊สซาลาเปานั่นแหล่ะครับ) >>เตาที่ใช้ได้ทั้งแก๊สและน้ำมันครับ เตาแบบนี้ตัวเดียวครอบจักรวาลเลยครับกินเชื้อเพลิงได้ทุกรูปแบบ มีหลายค่ายทำแข่งออกมาครับเช่น fire maple , kovea แต่ตัวที่โดนใจผมที่สุดคือ primus omnifuel ครับ ใช้มาหลายปี หลายทริปไม่เคยงอแงครับ - ส่วนต่อมาคือน้ำครับ คนเราใช้น้ำในการทำกับข้าวและดื่มเฉลี่ย 1คน/4ลิตร/วัน ถ้าเราต้องแบกน้ำ1อาทิตย์ของ3คน ก็คือ 84ลิตรครับ 84กิโลนั่นเอง แค่คิดก็ไม่ไหวแล้วครับ จริงๆแล้วโลกเราประกอบด้วยน้ำถึง3ส่วนด้วยกัน การหาน้ำมันง่ายกว่าอาหารอีกครับ แต่เราสามารถนำน้ำนั้นมาบริโภคได้หรือไม่เท่านั้นเอง ทางเลือกที่ดีของการเตรียมน้ำคือ เครื่องกรองน้ำครับ เครื่องกรองน้ำต้องมีขนาดไส้กรองไม่มากกว่า0.2ไมครอนเท่านั้นครับ เพราะจะสามารถกรองพวกแบคทีเรีย โปรโตซัว ไข่พยาธิ สิ่งสกปรกต่างๆได้ ถ้าเป็นน้ำฝนกรองแล้วดื่มปลอดภัย100%ครับ แต่ถ้าน้ำตามคลอง หรือน้ำท่วมขัง แค่นี้ไม่พอครับ เพราะน้ำที่กล่าวมามันอาจมีไวรัสปะปนอยู่ด้วยไวรัสพวกนี้ขนาดเล็กมากครับผ่านไส้กรองเราได้สบายๆ เราจึงจำเป็นต้องฆ่าเชื้อไวรัสก่อนครับ วิธีที่ใช้กันเป็นมาตรฐานคือสารเคมี ในที่นี้ได้แก่ ไอโอดีนและคลอรีน (คลอรีนกลิ่นในน้ำปะปาน่าทานกว่านะครับ ไอโอดีนกลิ่นเดียวกับยาล้างแผลเบตาดีนนั่นแหล่ะครับ) และแสงUV ผมขอแนะนำคลอลีนและUVนะครับเพราะไอโอดีนไม่สามารถฆ่าโปรโตซัวCryptosporidium ได้ ตัวนี้โดนเข้าไปคนที่ภูมิต้านทานไม่ดีก็อุจจาระร่วงน่ะแหล่ะครับ เราสามารถหาคลอรีนและUVได้จาก - ยาเม็ดคลอรีนของ aquamira tablets ครับ1เม็ดต่อ1ลิตร - เครื่องทำคลอรีนของ MSR ชื่อ MSR MIOX ครับ - เครื่องทำUV ของ steripen ส่วนเครื่องกรองน้ำมีหลาหลายในท้องตลาดครับแนะนำดังนี้ครับ 1. ถ้าถูกๆคุณภาพดีต้อง lifestraw รุ่นpersonalครับ กรองได้1000 ลิตร ไส้้กรอง 0.2ไมครอนและผ่านไอโอดีนอีกทีนึง ทำให้กำจัดพวกแบคทีเรีย ไข่พยาธิ และไวรัสได้ครับ ข้อเสียคือมันเป็นหลอดดูด ทำน้ำเก็บไม่ได้ 2. ถ้าไม่ซีเรียสราคาใช้ Katadyn Pocket Water Microfilter กรองได้50,000ลิตรครับ แต่ถ้าน้ำเสียจริง ๆต้องฆ่าเชื้อด้วย ไอโอดีนหรือคลอรีน เพราะไส้กรอง 0.2ไมครอน ไวรัสผ่านได้ครับ ตัวนี้ใช้ไส้กรองแบบ ceramic ไม่สามารถกำจัดกลิ่นในน้ำได้ครับ ถ้าจะดูดกลิ่นต้องผ่าน adapter ที่ใส่ถ่านกัมมันต์อีกทีนึงครับ 3. ผมใช้อยู่คือ msr miniwork micro filter กับ msr miox ครับ ตัวแรกคุณสมบัติกรองได้0.2ไมครอน และไส้กรองเป็นแบบ ceramic carbon ทำให้น้ำปราศจากกลิ่นใดๆ ตัว2เป็นตัวทำคลอรีนครับ 4.Sawyer Point Zero Two Purifier & Bucket Adapter ตัวนี้มีกรองที่ละเอียดถึง 0.02ไมครอนมาด้วยครับ (แต่ผมว่าไวรัสสายพันธุ์ต่อๆไปอาตัวเล็กกว่านี้ได้) ใช้เคมีฆ่าเชื้อชัวร์สุดครับ 5. ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องขนาด lifestraw family ครับ ตอบทุกโจทย์ ฆ่าเชื้อด้วยกะเปาะคลอรีนข้างใน และผ่านไส้กรองcarbonอีกที ราคาไม่แพงครับ ข้อเสียคือต้องหมั่นเติมน้ำเองบ่อยๆ และตัวเครื่องพกพาไม่สะดวกครับ 2.ยารักษาโรค ยาเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถขาดได้ครับ ยิ่งคนที่มีโรคประจำตัวด้วยแล้วต้องมีติดตัวไว้ตลอดครับ ส่วนกระเป๋ายาฉุกเฉินต้องมียาที่ครอบคลุมกับอาการที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อต้องอยู่ในที่ที่เราไม่คุ้นเคยครับ เวลาจัดยาแบ่งจัดเป็น2ส่วน ส่วนแรกคือยาที่ใช้รับประทาน อีกส่วนคือยาที่ใช้ภายนอกครับตัวอย่างยาของผม ยาที่ใช้รับประทาน กลุ่มลดไข้ บรรเทาปวด -tylenol 500mg ผู้ใหญ่ 2 เม็ด ทุก 4 ชม. กลุ่มแก้แพ้ - Actifed ลดน้ำมูก 1 เม็ดหลังอาหาร ช ก ย - Loratadine ลดน้ำมูก ไม่ง่วง 1 เม็ด หลังอาหาร ช ยาแก้ไอ - ยาแก้ไอไม่มีเสมหะ(กดศูนย์กลางไอที่สมอง) เด็กซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan) 3 เวลา ช ก ย ก่อนหรือหลังอาหาร ยาแก้ไอน้ำเชื่อมต่าง ๆ - ยาแก้ไอ้มีเสมหะ S-carboxymethylcysteine(Flemex) ละลายเสมหะ กิน 2 เม็ด ช ก ย หลังอาหาร ถ้าอาการดีขึ้นควรลดเหลือครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ไม่ควรใช้กับคนมีแผลในกระเพาะอาหาร Bromhexine แก้เจ็บคอ คอแดง - Amoxiclin ฆ่าเชื้อ ยี่ห้อ Coamox 500mg กิน 2เม็ด ช ย หลังอาหา - Zithromax 2เม็ดต่อวัน แก้อักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย(ปฏิชีวนะ) - ดอกซีไซคลิน (Doxycycline) แผลอักเสบต่าง ๆ - เมโทรไนดาโซล (Metronidazole) รักษาบิดได้ สำหรับการรักษาโรคบิดและฝีในตับ * ผู้ใหญ่ ให้ครั้งละ 800 มก. วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารนาน 5 วัน * เด็กให้วันละ 35-50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (สูงสุดไม่เกิน 2 กรัม) วันละครั้ง นาน 5 วัน สำหรับโรคบิดในลำไส้ และ 1-3 วันสำหรับโรคฝีในตับ * สำหรับการรักษาโรคพยาธิทริโคโมแนส ให้ 2 กรัม ครั้งเดียว แก้ท้องเสีย - Imodium แก้ท้องเสียเฉียบพลัน 2 เม็ดทุก 4 ชม. - Norfloxacin 400mg ฆ่าเชื้อ 1 เม็ดก่อนอาหาร ช ย - Ultracabon ดูดซับสารพิษ 2เม็ด ก่อนอาหาร ช ก ย - เกลือแร่ หรือน้ำตาลทราย2ชอ้นโต๊ะเกลือครึ่งช้อนชา แก้แสบท้อง ท้องอืด - ซาโนเส็ค ยับยั้งการหลั่งกรด - อีโน ท้องอืด ยาแก้เมารถ เรือ - ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) มีชื่อการค้าว่า ดรามามีน (Dramamine) ยากระตุ้นให้อาเจียน (Ipecac syrup เป็นยาที่นิยมใช้ในเด็ก โดยยามีส่วนประกอบเป็น alkaloid ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นให้เกิดการอาเจียนคือ cephalin และ emetine โดยอาจมียานี้ที่บ้านและควรให้เด็กกินยานี้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ - ไอโอดีนเม็ด โปแตสเซียม ไอโอดีน คือ เกลือชนิดหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติทำให้ต่อมไทรอยด์เกิดการอิ่มตัว เพื่อจะสามารถป้องกันไอโอดีนกัมมันตรังสีไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อในร่างกาย (triferdine) ยาใช้ภายนอกและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล - เบตาดีน - ฮีรูดอย - เคาเตอร์เพลน - วิค - คารามายด์ - แป้งเย็นตรางู - ซีม่าโลชั่น - ยาทาฆ่าแบคทีเรียภายนอก - พลาสเตอร์ปิด - ผ้ากอซขนาด 2 นิ้ว 4 นิ้ว - เทปปิดแผล 3m - ผ้าพันแผลขนาด 2 นิ้ว, 3 นิ้ว - ผ้าปิดปาก 3m - กรรไกร - เข็มเย็บแผล - กระดาษทำความสะอาดแบบเปียก - ปรอทวัดไข้ - เข็มกลัดซ่อนปลายคละขนาด 3.เครื่องนุ่งห่ม คำว่าเครื่องนุ่งห่มนอกจากเสื้อผ้าแล้วยังมีพวกอุปกรณ์กันหนาวต่าง ๆด้วยครับ ถ้าท่านใดขึ้นไปนอนบนดอยเป็นประจำจะรู้ว่าหนาวนั้นมันน่ากลัวขนาดไหน คราวนี้ในกรณีฉุกเฉินเราควรจะมีเครื่องนุ่งห่มอย่างไรบ้าง ผมยกตัวอย่างของผมแล้วกันนะครับ- ผ้าห่มฉุกเฉิน หลักการทำงานของผ้าห่มฉุกเฉินก็คือเก็บความร้อนที่ออกจากร่างกายเราตลอดเวลาเอามาทำไออุ่นให้แก่เราน่ะแหล่ะครับ(ผมชอบนะ มันแบบเหมือนใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด^^เพราะฉะนั้นผ้าห่มฉุกเฉินจะทำจากวัสดุที่สะท้อนความร้อนนั่นเองครับ - ถุงนอน วัสดุที่ใช้ทำถุงนอนมีหลายแบบ หลายอย่างนะครับภายในจะเป็นพวกใยสังเคราะห์ หรือไม่ก็ขนเป็ด ขนห่าน ราคาก็แตกต่างกันมากพอสมควรขึ้นอยู่กับงบประมาณแล้วล่ะ แต่พวกขนเป็ดให้ความอบอุ่นสูงกว่าใยสังเคราะห์และยังพับได้เล็กกว่าด้วย ผมใช้2ตัวนี้ครับ 1.deuter orbit 500 ถุงนอนที่รับประกันความอุ่นที่ 5 องศา ต่ำสุด -7 องศา 2. Sea to summit trek tk I ตัวนี้เป็นขนเป็ดประกันความอุ่นที่ 0 องศา ขนเป็ดมีข้อดีคือเบามากและถ้าพับจะเหลือเล็กนิดเดียว ข้อเสีย คือเวลาไม่ได้ใช้ต้อง เก็บในถุงที่ให้มาเพื่อไม่ให้เส้นใยเสียทรง ทำให้ไม่สามารถไว้ในกระเป๋าได้ตลอดเวลา 4.ที่อยู่อาศัย ที่อยู่อาศัยสามารถป้องกันเราจากลมหนาว สัตว์เลื้อยคลาน หรือช่วยให้เรามีพื้นที่ทำให้เราอุ่นใจขึ้นครับ ที่อยู่อาศัยชั่วคราวในที่นี้ไม่มีอะไรสะดวกไปกว่า เต็นท์อีกแล้วครับ เต็นท์ในท้องตลาดมีให้เลือกเยอะแยะมากมายตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น ส่วนราคาที่แตกต่างกันมากๆเพราะวัสดุที่ใช้ทำ มาตรฐานซีลกันน้ำ สุดท้ายสำคัญมากครับ คือขนาดและน้ำหนัก อย่าลืมนะครับเราจัดกระเป๋าฉุกเฉิน น้ำหนักต้องน้อยและขนาดกระเป๋าต้องเหมาะสมสามารถเคลื่อนย้ายได้ทันทีโดยไม่เป็นภาระมากนัก ผมยกตัวอย่างการเลือกเต็นท์นะครับ - ต้องดูก่อนสมาชิกในครอบครัวมีกี่คน เลือกให้เหมาะสมนะครับเพราะถ้าเต็นท์เค้าระบุนอนได้2คน การจะอัดเข้าไป3คนนี่แทบไม่ได้เลยครับพื้นที่จะน้อยมาก - ขนาดและน้ำหนักที่เรายอมรับได้ครับ บางคนเสียเงินเป็นหมื่นเพื่อให้ได้เต็นท์ที่ใหญ่และน้ำหนักเบากันมาเลยทีเดียว ครอบครัวผมมี3คน ผมยกตัวอย่างเต็นท์3แล้วกันนะครับ >>> karana Zenith-3 เต็นท์3คนสัญชาติไทยครับ คุณภาพสมราคา ผ้าที่ใช้เป็นpolyester พื้นเป็นPU (แข็งและน้ำหนักมาก) น้ำหนักทั้งหมดในแพ็คเกจประมาณ 6 กิโลครับ ข้อดี ซื้อหาได้ง่าย ราคาถูก กันน้ำสนิทแน่นอน ข้อเสีย น้ำหนักมาก แพ็คเกจใหญ่ วัสดุที่ใช้ก็ตามราคาสินค้าครับ >>> MSR Mutha Hubba เต็น3คนสัญชาติอเมริกา วัสดุที่ใช้เป็นพวกcondura ทำให้น้ำหนักเบามากครับ น้ำหนักรวมแพ็คเกจแล้ว3กิโลกรัม ข้อดี น้ำหนักเบา และเล็ก กันน้ำสนิท และระบายอากาศได้ดี ข้อเสีย ราคาแพงครับ-*- ่ >>>ยังมีอีก2-3แบบ ของเพื่อนครับ ไว้จะถ่ายมาให้ชม สุดท้ายหลังจากปัจจัย4แล้วนั้น สิ่งสำคัญอื่นๆ คือoptionเสริมครับ ไม่มีก็พอได้ แต่ถ้ามีจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นครับ แล้วผมจะทยอยมาลงเพิ่มให้นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ท่านใดมีความคิดเห็นอื่นนำมาเสริมได้เลยครับ ขอบคุณมากครับ กระเป๋าฉุกเฉิน ตอนที่2 หลังจากเราได้ปัจจัย4ทั้งหมดที่เราต้องการมาแล้วนะครับ ต่อมาถ้าเรามีพื้นที่ของกระเป๋าเหลือเราต้องใส่ปัจจัยที่5 ลงมาครับ คราวนี้ปัจจัยที่5คืออะไร ในส่วนตัวผมจะบอกว่าปัจจัยที่5คือความจำเป็นของเราครับ ผมจะบอกว่าแต่ละคนมีความจำเป็นไม่เท่ากันนะครับ บางคนใช้ชีวิตแบบวิถีชาวบ้าน บางคนใช้ชีวิตแบบสังคมเมือง สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างทำให้ความคิดแตกต่างไปด้วย การจัดของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกันแน่นอน และนี่คือปัจจัย5ครับสำหรับคนไม่เคยใช้ชีวิตลำบาก ลองอย่างนี้ครับให้สมมุติว่าถ้าต้องลำบากอะไรที่เราต้องการนอกเหนือจากปัจจัย4 ลองใช้ชีวิตที่ไม่มีอะไรเลยสักวันนึงครับเราจะรู้ว่าเราขาดอะไร ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ก็เริ่มจากตื่นนอนเลยครับ เราต้องแปรงฟันทุกวันมั๊ย เราต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมั๊ยถ้าไม่มีมันแล้วเราเป็นอะไรมั๊ย การเดินทางไปที่ต่างๆ ถ้าไปด้วยกำลังตัวเองต้องใช้อะไรบ้าง ระหว่างเดินหิวน้ำมีน้ำกินมั๊ย กลับบ้านเย็นไม่มีไฟฟ้าเลยจะเป็นอะไรมั๊ย ถึงตงนี้ถ้ายังไม่รู้หรือยังไม่แน่ใจ ให้ไปตั้งแคมป์ที่ตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ ที่ไม่มีร้านค้าในนั้นดูครับ (จัดของไปแค่ปัจจัย4พอ เราจะรู้เลยครับเราต้องการอะไร) ถ้ายังไม่มีเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ผมก็ขออนุญาติแชร์ปัจจัย5ของผมแล้วกันครับ เพื่อเป็นไอเดียอุปกรณ์ทุกอย่างของผมจะซีเรียสเรื่องน้ำหนักนิดนึงครับเพราะต้องแบกด้วยตนเอง เวลาจัดเป้เดินทางหรือเป้ฉุกเฉินผมจะไม่ให้เกิน18กิโลกรัมเด็ดขาด ด้วยน้ำหนักประมาณนี้ผมแบกขึ้นภู ดอย ม่อน ต่างๆได้สบายๆครับ เป้ใบนี้ความจุ65ลิตรที่จะจัดรวมน้ำหนักเป้แล้วประมาณ17กิโลกรัม นิดๆครับ อยู่ได้3คน เป็นระยะเวลา1อาทิตย์โดยไม่ต้องพึ่งพาใครแน่นอนครับ ของทั้งหมดที่จะยัดลงเป้ครับ ่ ยัดลงไปแล้วครับ 17.4 กก.(หนักอาหารถึง 5.1 กิโล ตามรายการข้างบนครับ) ผมสูง173ซม. ความสูงกระเป๋าประมาณนี้ครับ ต่อไปปัจจัย5ของครอบครัวผมนะครับ ผมยกจากในเป้มากระจายให้ชมอีกทีนึง ทุกอย่างในรูปข้างบนอยู่ในกระเป๋าเทาใบเดียวครับ รายการดังนี้ครับ 1.ไฟแช็ค แท่งจุดไฟ ไม้ขีดกันน้ำ แท่งเรืองแสง สำลีแผ่น(ทำเป็นเชื้อเพลิง) เทียนไข 2.ไฟฉายถือ ไฟฉายคาดหัว 3.ตะเกียงแก๊ส ตะเกียงไฟฟ้า 4.ถ่านชาร์ต AA , AAA ชุดชาร์ตพลังแสงอาทิตย์ 5.เชือก15เมตรx2 6.มีด 4.5 นิ้ว มีดพับเอนกประสงค์ 7.นกหวีด กระจกพับ 8.ปากกา ดินสอ สมุดเล็ก 9.ผ้าปิดจมูก 10.เข็มทิศ 11.เข็ม ด้าย เข็มกลัด ที่ตัดเล็บ 12.ไพ่(แก้เครียด เช็คดวงอิอิ) 13.ipadลูกสาว(พยายามหาสิ่งที่ครอบครัวเราชอบติดไว้นะครับเพื่อลดความตึงเครียด เพราะความเครียดจะทำลายจิตใจคุณทุกคนทำให้บรรยากาศที่ไม่ดีอยู่แล้วเลวร้ายลงไปอีก) 14.เมล็ดพันธุ์พืชที่คุณๆชอบนะครับ ระยะยาวเราปักหลักตรงไหนได้นาน ก็อร่อยล่ะครับ 15.อาวุธพิเศษ^^ ไม่นำออกสื่อแล้วกันครับ 16.สิ่งนี้สำคัญมากครับ คือทักษะในการเอาตัวรอดในสภาวะต่างๆ ปกติพี่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และพี่ลูกหาบเทคนิคจะเพียบมากผมก็ครูพักลักจำครับ ถ้าเอาเป็นวิชาการหน่อนก็ผมอ่านของSAS. และBackpacker อยู่ครับ แต่เอ่อคือจริงๆให้ภรรยาแปลให้อ่านน่ะครับ-*- ผมเป็นฝ่ายบู๊มากกว่า สรุปก็คือว่าจัดปัจจัย5 ให้อยู่ในรูปแบบชีวิตที่เราต้องการให้มากที่สุด โดยคำนึงถึงน้ำหนักที่เราสามารถพามันไปได้โดยไม่เป็นภาระเรานั่นแหล่ะครับ ครั้งหน้าผมขออนุญาติเอาหนังสือที่คุณแฟนแปลมาสรุปให้ทุกท่านนะครับ ขอบคุณครับ
การจัดอุปกรณ์ต้องตั้งสมมติฐานไว้ 2 แบบ 1.มีเวลาเตรียมการอพยพไปก่อนเกิดภัยพิบัติ หรือสามารถเอาของทุกสิ่งบรรทุกยานพาหนะไปได้และออกพ้นเขตภัยพิบัติ จัดได้ตามที่คิดว่าจะมีอะไรบ้างแบบไปแคมปิ้งเลย 2.แต่ถ้าต้องเดินด้วยเท้า หรือขี่จักรยานไปคงจะนำสัมภาระไปได้เพียง 2 - 3 เป้เท่านั้น คงจะพยายามจัดเตรียมอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นจริงและเป็นอุปกรณ์ที่นำพาไปโดยสะดวก คือแพ็คลงหมดหรือผูกติดเป้ได้สะดวก เช่น ผมเลือกเปลมุ้งพร้องฟลายชีท พกพาสะดวก แม้น้ำนองก็ผูกนอนตามศาลา ต้นไม้ได้ เพราะตอนเร่รอนในป่าก็นอนแบบนี้ ถ้าคนไม่เคยแบกเป้เดินทางไกล จะเป็นเรื่องที่ทรมานแสนสาหัส ทดลองดู เอาทรายละเอียดใส่ถุงพลาสติก 5 - 6 กก.มัดปากถุงให้แน่นกันทรายไหลตกหล่นในเป้ เอาใส่เป้ทดลองวิ่ง/เดินระยะทางไกลๆดูก่อน และที่สำคัญจะลืมไม่ได้เรื่อง รองเท้า ถ้ารองเท้ามันกัดเท้า /เท้าพองจะแสนสาหัสมาก เตรียมรองเท้ากีฬาพร้อมถุงเท้า และรองเท้ารัดสนแบบ ADDAไว้สักคู่ ซึ่งเป็นรองเท้าที่ใส่วิ่งออกกำลังกาย เที่ยวได้ เดินไกลได้ เพราะเท้าเจ็บ พอง ท่านต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้ารัดสนนี้แทน
อยากเรียนถามคุณ marine 24 ว่า ผมซื้อเชือกร่ม 7 คอร์ จากจีนมา ไม่รู้ว่า คุณภาพพอใช้ได้ไหมครับ คิดว่าคุณ marine24 น่าจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าทหารเยอะ...
ผมว่าชุดอุปกรณ์ที่คุณ deviltrek เตรียมไว้น่าจะเหมาะกับการเดินทางไปกับรถยนตร์นะครับ ถ้าเป็นไปได้ลองจัดชุดกระเป๋าฉุกเฉินที่เตรียมไว้สำหรับฉวยติดตัวไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัวไว้ด้วยกะจะดีนะครับ โดยต้องคำนึงถึงน้ำหนักและความจำเป็นในการใช้ให้มากที่สุด สำหรับผมจะพยายามใช้อุปกรณ์ที่หลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงอุปกรณ์ที่ใช้ได้ไม่กี่ครั้งแล้วต้องทิ้ง ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น มีด ที่จุดไฟเพื่อก่อกองไฟแบบธรรมชาติ ฯลฯ (พอดีผมไม่ได้อาศัยในต่างจังหวัดที่มีป่าใกล้ๆ ถ้าอยู่เมืองอาจต้องเปลี่ยนโจทย์) อีกอย่างที่ผมเตรียมไว้เนี่ยเผื่อในกรณีที่ต้องเอาตัวรอดมากกว่าสองสามวัน และเน้นการหาวัสถุดิบรอบๆตัวในการดำรงชีพโดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่ อาหารจะไม่เน้นความอร่อยแต่เน้นอาหารแห้งที่เบาและอยู่ได้นานใช้ได้หลายมื้อ
ขอช่วยให้ความเห็นครับ พอดีผมเพิ่งซื้อเชือกร่ม (paracord) ของอเมริกา(จากการแนะนำของเจ้าของร้านแดงรัสเซียที่ผมเข้าไปซื้ออุปกรณ์หลายอย่าง) ซึ่งแข็งแรงพอที่จะสามารถใช้ช่วยลากคนขึ้นมาจากน้ำได้ด้วยขนาดที่เล็กและเบามาก ทนแรงดึงได้ดีแต่ไม่ทนแรงกระชาก(ตามที่เขาเขียนบอกไว้ที่ตัวสินค้า) เส้นนี้ประมาณสามร้อยกว่าบาทครับ ส่วนเชือกจีนเนี่ยผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคุณสมบัติพอกันหรือไม่
ผมไม่ชำนาญเท่าใด เนื่องจากอุปกรณ์หลายอย่างมีเฉพาะบางหน่วยที่มีใช้ เรื่องอุปกรณ์ที่ไฮเทคหรือคุณภาพสูง อาจจะต้องขอความรู้จากทหาร หรือตำรวจที่อยู่หรือเคยพวกพลร่ม หน่วยซีล เขาจะรู้ดี อุปกรณ์ของพวกเขาจะดี ครบเครื่อง แต่ส่วนผมพวกพลรบเดินดิน อุปกรณ์ที่ใช้ จะตามมี ตามเกิด เป้ผมยังใช้ของเขมร (แต่จริง คือ จีนแดงช่วยเหลือ มันซีลข้างในด้วยยางเคลือบด้านในกันน้ำ กันฝนได้ในระดับหนึ่ง)
ชุดนี้น้ำหนักรวม 17กิโลกรัมครับ ใส่ในเป้65ลิตรครับ เป็นชุดที่ผมใช้ในการเดินป่าครับ ปกติผมแบกประมาณ12กิโลครับ ถ้ารวมอาหารจะเป็น17กิโลกรัมครับ เดี๋ยวจะเอาภาพตอนลงเป้ฉุกเฉินแบเต็มๆมาฝากนะครับ^^. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วยครับ
พอดีคอมผมช้าเลยดูกระทู้ไม่ละเอียดถี่ถ้วน มาดูอีกทีอย่างถี่ถ้วนทั้งกระทู้ก็พบว่าชุด bugout ของคุณ deviltrek จัดได้มืออาชีพเลยครับ ใช้เป้ Gregory ที่ออกแบบมาดีเยี่ยมสำหรับความสบายในการแบกด้วย อุปกรณ์ชั้นดีทั้งนั้นเลย (คงเดินป่าบ่อย) อีกอย่างใช้ trekking pole ด้วยซึ่งคนไทยไม่ค่อยนิยมใช้นักแต่ผมพบว่ามันช่วยในการเดินป่าได้มากครับ ผมเองก็ใช้เสมอเวลาไปเดินป่า(แต่หยุดไปนานเหมือนกัน)
ขอบคุณมากครับ น่าจะมีคนเปิดร้านขายของประเภทนี้แยะหน่อยหาซื้อบางอย่างยาก บางทีก็ไกลมาก ไม่ชอบสั่งทางเน็ตไม่เห็นของจริง