จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

เอาล่ะ ถึงเวลาปิดม่านกรรมของพี่ภูแล้ว
ขอให้ทุกท่านโมทนาบุญกับพี่ภูนะคะ
ท่านสอบผ่านกฎไตรลักษณ์อีกครั้งหนึ่งแล้วหลังจิตยก
เมื่อคืนที่ผ่านมานี่เอง(เมืองไทย) 9 ต.ค. 55 เวลาสามทุ่มกว่า
ส่วนพี่ภูนอนไม่หลับทั้งคืน(เมกา) 55555
ดูจิตื่นเต่เช้ามาหาพรรคพวก นึกว่าจะรอดเหรอ
แต่กิเลสกรรมของพี่ภูมันไม่รอด ฮ่าๆ ถูกขยี้ป่นปี้ตายคากฎไตรลักษณ์ไปแล้ว
สรุปว่าครูเพ็ญไม่ต้องรอจนถึงวันที่ 15 แล้วค่ะ
ปิดงานไปอีกหนึ่งสำหรับพี่ภู

จิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระ ขอให้รักษากำลังใจตัวเองไว้ให้ดี
อย่าปล่อยให้จิตไหลไปผิดช่องผิดทางกันนะ
กิเลสละเอียด กรรมละเอียดที่ยังคั่งค้างขุดคุ้ยมันออกมาทำลายให้หมด
อย่าให้ครูเพ็ญชำเลืองไปเห็นว่าจิตบุญท่านใดเลี้ยงกรรมเลี้ยงกิเลสไว้ดูเล่นกันนะ
ไม่งั้นครูเพ็ญจะดุ ฮึ่ม
พี่ภูชมว่าครูเพ็ญดุแล้วน่ารัก งั้นครูเพ็ญจะดุบ่อย ๆ โดยเฉพาะกับพี่ภู อิอิ

นับจากนี้ไปเชิญพี่ภูพักผ่อนตามอัธยาศัย ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุขกายสบายใจเถิด

ลูกขออาราธนาบารมีสมเด็จพ่อองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกข์พระองค์ สมเด็จพ่อองค์ปัจจุบัน พ่อแม่ครูอาจารย์ทุกท่านในโลกมนุษย์และโลกทิพย์
โปรดเป็นพยานในการขอขมากรรมในการช่วยยกจิตพี่ภูในครั้งนี้ด้วยเถิด
ลูกทำไปโดยหน้าที่มิได้มีเจตนาทำร้ายจิตใจใคร
ขอพี่ภู ท่านพ่อทุกพระองค์ และจิตบุญทุกท่านโปรดให้อโหสิกรรมกับข้าพเจ้าด้วยเถิด
บุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าทำไว้ดีแล้วตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน
ข้าพเจ้าของอุทิศให้บ้านรากแก่นแห่งโพธิญาณทั้งหมด

สวัสดี

 

_/\_ สาธุ
ขออนุโมทนาบุญกับคุณ ภูทยานฌาน และคุณครูทุกท่านด้วยครับ

 

ผมก้รอโมทนาบุญกับคุณพี่UncleGeeอยู่นะครับ ฮิๆๆๆๆ จะกดดันท่านพี่ไหมนี่

 

พุทธะอยู่เหนือธรรมชาติ

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน
ตามอ่านตลอดแต่ก็เพิ่งจะมีโอกาสเข้ามาสนทนาตอนนี้
คือตามที่อ่านดูก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้
จนต้อง ขออาราธนาท่านพ่อช่วยทำให้เข้าใจและแปลออกมาได้
ดังนี้ค่ะ........


เขาตอบว่าอาจารย์เราคือธรรมชาติคือภพ ภูมิ วิชชา และซะตาทั้งหลาย

อันธรรมชาติ ก็คือ ความเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นธรรมะ
ที่เราต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ เห็นมัน รับรู้ รับทราบมัน รู้จักกับมัน
(เรียนรู้ศรัทตรูมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็น จุดอ่อนของศรัทตรูเท่านั้น
และยิ่งเห็นจุดอ่อนของศรัทตรูมากเท่าไหร่ ความเป็นไปใน
การกำจัดศรัทตรูยิ่งมีได้อย่างเต็มเปี่ยม-อุปมาอุปมัยเท่านั้น)
แล้วทำการเดินจิตให้ไหลไปตามความเป็นธรรมชาติ เพื่อ
การกระพือปีกให้บินหนีออกจากธรรมชาติ ออกจากภพ ออกจากภูมิ
ออกจากวิชชา ออกจากชะตา เพื่อขึ้นทะยานสู่ศูนย์กลางแห่งความว่างล้น
คือไม่มีอะไร ไม่มีอันใด ไม่มีอย่างไร ไม่มีทุกสิ่งทุกอย่าง
อยู่ในความว่าง ของ ความว่าง ฉะนั้น เมื่อจิตใดเดินไปถึง
ตรงนี้แล้ว ก็ถือว่า ไม่มีแม้แต่ธรรมชาติ อยู่เหนือธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง
อยู่เหนือภพ อยู่เหนือภูมิ อยู่เหนือวิชชา อยู่เหนือชะตา
ศาสนาพุทธ มิได้ทำการสอนเพื่อให้คงดำรงอยู่กับความเป็น
ธรรมชาติตลอดไป(โปรดเข้าใจตรงนี้) แต่สอนเพื่อให้อยู่เหนือ
ความเป็นธรรมชาติ หรือพูดง่ายๆคือ ศาสนาพุทธพยายาม
เข้ามาลากเอาดวงจิตที่ยังวนเวียนอยู่ตรงนี้ให้ออกไปจาก
ตรงจุดนี้ .....ดังเช่น
มีขวดโหลทรงกลมบอลลูน ปากขวดเล็กพอที่จะสอดมือข้างหนึ่งได้
ข้างในขวดโหล เต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติ ข้างนอกขวดโหล
โล่ง ว่าง กระจ่างเบา วันหนึ่ง เมื่อมองเข้าไปในขวดโหล ก็เจอกับ
ดวงจิตเยอะแยะอัดแน่นเต็มไปหมด แล้วพระองค์ก็ทรงมีเมตตา
เพื่อการช่วยดึงดวงจิตให้ออกมาจากขวดโหล โดยการสอดมือ
แล้วโกยเอาออกมา มากน้อยก็แล้วแต่ว่าดวงจิตจะอยู่ในบริเวณที่
มือยื่นเข้าไปโกย วันหนึ่ง ธรรมชาติ นายใหญ่ เจ้าแห่ง
ขวดโหลเริ่มตระหนักว่า ดวงจิต เป็นส่วนประกอบของความตั้งอยู่
ของธรรมชาติ หากวันหนึ่งวันใด ขาดดวงจิต วันหนึ่งวันนั้นธรรมชาติก็ไม่เหลือ
กลายเป็นขวดโหลที่ว่างเปล่า ไร้สิ่งใด เจ้าของขวดโหลก็เลย
ต้องทำการหยุดยั้งมือที่จะเข้ามาโกยเอาดวงจิตซึ่งเป็นหัวใจ
ของการเดินกระบวนการธรรมชาติ ...แล้ววิธีไหนล่ะ
ที่จะหยุดมือนั้นได้......ท่านคิดได้หรือยัง?
ศาสนาพุทธมิได้เป็นศรัทตรูกับธรรมชาติ แต่ต้องยอมรับ
ให้ได้ว่า ศาสนาพุทธนั้นอยู่เหนือธรรมชาติ
หากแม้นเมื่อใด เจ้าของขวดโหลจะทำลายล้างทุกสิ่งอย่างใน
ขวดโหล ก็ทำได้ แต่ก็เป็นไปตามกฎคือ มันจะก่อเกิดขึ้นมาใหม่
ด้วยมีปัจจัย หัวใจคือ พลังงาน ดวงจิตอยู่แล้ว และเมื่อนั้น
พระองค์ก็จะต้องกลับมาโกยเอาดวงจิตขึ้นไปใหม่
หากธรรมชาติจะทำลาย ทุกสิ่งอย่างให้สิ้นราบไป
ก็มิอาจทำลาย พระพุทธศาสนา ลงได้ ด้วย
......เรา อยู่ เหนือ ธรรมะ ชาติ......
ด้วยกาลชะนี้แล

ดชน.ผู้ส่งสาร์น

 

เหว๋อ ทำไมกระูทู้นี้ เวปนี้ นับวันยิ่งเข้ายากเข้ากันดารไปทุกวันเนี่ย

 

เห็นโบราณท่านว่าไว้ หวานเป็นลม ขมเป็นยา เลยลองส่งมาให้คุณภู มีทั้วชนิดเม็ดแลชนิดชงดื่ม ลองดูค่ะ ลองดูผเ(เอ้ ไม่รุ้เป็นไง แซวคุณภูอยู่เรื่อย แซวมาด้วยความเคารพ) คลื่นใส้ ปวดหัว ตัวร้อน ร้อนนอก ร้อนใน เห็นเขาว่าใช้ดีๆ จาได้แ็ข็งแรงดังหนุ่มน้อยในรูป

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=0dikJEa6hUA&feature=related]540716 ฉ่อยเหตุเกิดที่ร้านก๋วยเตี๋ยว - YouTube[/ame]

 

ดีใจจังค่ะ เลยเอามาก๊าก กันอีก อันนี้ของคุณพี่พอใจนะคะ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=aA2mx9FteAA&feature=related]เพลงฉ่อย เรื่อง ร้านเสริมสวย จากรายการ คุณพระช่วย - YouTube[/ame]

 

คุณแพทเรียนอยู่กับใครคะ พี่เพ็ญหาการบ้านไม่เจอง่ะ สำเนามันเยอะ ตาลาย @.@ ฮ่าๆๆ

 

ปัจฉิมโอวาทก่อนปรินิพาน (พุทธโอวาท)

“อานนท์ ! เราเคยบอกเธอแล้วมิใช่หรือว่<WBR>า
บุคคลย่อมต้องพลัดพราก จากสิ่งที่รัก
ที่พึงใจเป็นธรรมดา หลีกเลี่ยงไม่ได้

อานนท์เอย ! ชีวิตนี้มีความพลัดพรากเป็น<WBR>ที่สุด ...
สิ่งทั้งหลายมีความแตกไป ดับไป สลายไป
เป็นธรรมดา จะปรารถนามิให้เป็นอย่างที่<WBR>มันควรจะเป็นนั้น
เป็นฐานะที่ไม่พึงหวังได้ ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไป
เคลื่อนไปสู่จุดสลายตัวอยู่<WBR>ทุกขณะ”

​

 

ขออนุโมทนาบุญ กับท่านภูด้วย ถึงกำลังใจและความกล้าหาญในการเอาชนะกิเลสอีกครั้งหนึ่ง มันทำให้เราคิดถึงเวลาที่จิตละดวงเจตสิก(ส่วนประกอบของจิต)ทีละดวง (ก่อนหน้าที่จะทำจิตเกาะพระ) เวลาที่จิตละดวงเจตสิกนั้น ต้องใช้กำลังใจและความกล้าหาญอย่างสูง ที่จะเอาชนะมัน หลังจากที่ละได้แล้วนั้น จิตจะพบกับความว่าง โล่ง เบา สบาย (สภาวะตรงนี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจ ต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติถึงแล้วเท่านั้น จึงจะเข้าใจ) สำหรับนักปฏิบัติ โปรดตรวจดูดวงจิตของท่านเถิดว่า ดวงจิตของท่านเป็นเช่นไร (สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา พรม) ดวงเจตสิกเหล่านั้นจะนำท่านไปเกิดในที่ต่างๆในถพต่างๆ ให้ท่องเที่ยวไปในวัฏฏสังสารที่ไม่มีที่สิ้นสุด นำท่านไปสู่ความทุกข์ต่างๆ มากมาย เพราะความไม่เที่ยงแท้ของสิ่งต่างๆ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) ไม่สามารถบังคับให้เป็นตามใจเราได้ (เพราะมันไม่ใช่ของเรา) โปรดนำดวงจิตมาขัดเกลาด้วย ศีล สมาธิ และปัญญาเถิด แล้วท่านจะพบกับความสุขที่แท้จริง

ต้องขออนุโมทนาบุญอีกครั้งกับ พี่หมีภู อิอิ

 

พี่ copy การบ้านฉบับสุดท้าย ของ คุณแพท ส่งเมล์ไปให้ ครูพี่เพ็ญ แล้วค่ะ เมื่อสักครู่ค่ะ... พี่แนท

คุณแพท เรียน อยู่กับ ครูดัช ครูผึ้ง และครูริน ค่ะ

 

ขอโมทนาสาธุกับพี่ภูด้วย จากภูทยานฌาน กรรมของพี่ภูแท้ๆ กรรมนี่ไม่เคยยกเว้น ยกไว้กับใครๆ แม้นกระทั่งพระพุทธเจ้า แม้นกระทั่งในหลวงของปวงชนชาวไทย แม้นกระทั่งพระอรหันต์ ก็หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม ด้วยเหตุนี้แลฯ พระพุทธเจ้าทรงไม่สรรเสริญ หรือยินดีกับใครที่จะไปก้าวล่วงกรรม มีแต่จะต้องยอมชดใช้กรรมกันไป จนกว่าจะละขันธ์ ละสังขารกันไปโน้นแหล่ะ ถึงจะพ้นจากโลกนี้ไปได้ จิตอยู่ส่วนจิต กายอยู่ส่วนกาย กรรมอยู่ส่วนกรรม อย่าได้ไปแตะกรรมกันเข้านะ เหมือนท่านกำลังเอามือไปแตะรังแตน รังผึ้ง เดี๋ยวมันจะกลับมาต๋อยเอานะ กรรมนั้นก็เหมือนเด็ก จะต้องอาศัยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจเขา เพราะไปโทษเขาซะทีเดียวก็ไม่ได้ ท่านลองมองดูให้ดีๆกันเถิด แล้วจะเห็นได้ว่า กรรมมันต่อเนื่อง เกี่ยวเนื่องยาวกิดลเดียวก็นับว่าไม่พอ จะต้องยาวไปถึงภพชาติกันเลยทีเดียว และจะพ้นกรรมนี้กันได้ เราจะต้องนำจิตหนีเข้าไปพระนิพพานอย่างเดียว กรรมนั้นถึงจะตามไม่ได้ ตราบใดที่ท่านยังมีขันธ์๕ กันอยู่ กรรมหนัก กรรมเบา หรือว่าเศษกรรมนั้น จะไม่มีวันหมดสิ้น เหมือนเรายังหายใจ หมดลมหายใจก็ไม่แน่นักว่าจะหมดกรรมหรือเปล่าเลย นอกจากหนีไปพระนิพพานนั้น หรือจิตเหนือขันธ์๕ เหนือโลก จึงจะถือว่า เหนือกฎแห่งกรรม หรือพ้นจากบ่วงกรรม

ขอโมทนาสาธุกับกรรม และครูเพ็ญที่ห่วงใยกัน พี่ภูเข้าใจทุกเจตนา ทุกดวงจิต พี่ภูก็เหมือนพ่อแม่ ก็ต้องคอยแต่ให้อภัยลูกๆ ไม่เคยไปจดจ้องว่าเมื่อไหร่ลูกจะทำผิด แต่จะมองว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับใจ เพราะคุณพ่อคุณแม่ มีแต่จะให้อภัย ให้โอกาส หรือว่ามีแต่ให้กับให้ มิมีประมาณ
และพี่ภูก็เหมือน ตำหนิได้นะ ว่าหรือด่ากันได้ทุกท่านนะ เพราะผมถือว่าคนที่กำลังตำหนิ ว่าหรือด่าผมนั้น คืออาจารย์ใหญ่ของผมเลยทีเดียว และอีกอย่างนึงว่า ผม(จิต)เป็นอนัตตาหรืออัตตากันแน่ ....สวัสดี

 

อะไรกันคุณลิน จิตยกแล้วก็เลยเรียกพี่โบ(ราณ)เลยเร๊อะ ...อิอิ

คุณลินดาที่ท่านน่ารักเสมอเลย คนเรารักกันน่ะเน๊อะ หยอกย้อกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว คนเราเกลียดกันจะมาทำแบบนี้หรอ ไม่มีทาง จริงม่ะ ขอใจนะหลานเอ๋ย ที่เป็นห่วงลุงภู ปู่ภู ก็มันแก่ทุกวันๆเลย เห่อ ว่าแต่ว่า ยาหอม ยาลม ยาอมน่ะ เธอไปซ์้อมาให้ปู่ภูน่ะ มันหมดตะหลาดหรือหล่ะ หลานลินดาเอ๋ย! ไม่ต้องห่วงลุงปู่ภูมากนักหรอก แค่ครูเพ็ญเป็นห่วงเป็นใยคนเดียว ล่อลุงปู่ภูเทียบเดี้ยงแล้ว เจ้าลินดาหลานรักเอ๋ย....ฮ่าๆ

 

ขอโมทนาสาธุๆ
พี่ภูขอให้พวกเราส่งบุญกุศลไปให้กำลังใจคุณหมออุษาวดีด้วยนะ
เพราะคุณหมอท่านกำลังเรียนหลักสูตร พระไตรลักษณ์
พี่ภูส่งบุญกุศลและบารมีอันน้อยนิดของตนทั้งหมดนี้ ไปให้คุณหมอทางเมล์ เรียบร้อยแล้วนะครับ พี่ภูขอเอาใจช่วยนะ จิต(ตนเอง)สำคัญยิ่งกว่าอื่นใด นอกนั้น ไม่ใช่(ของกรู)

ปล.ทำไมพี่ภูมองเห็นชื่อพระอานนท์เป็นคุณหมออุษาวดีอยู่เรื่อย จิตคนเรานี่มันไวสิ้นดี เมื่อท่านรู้อะไรมาให้วาง ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้ารู้แล้ว แต่วางไม่เป็น อันนั้นไม่จบแน่

 

สาธุๆ ขอโมทนาบุญกับผู้ที่มีปัญญาอย่างคุณ ผมไม่ผิดหวังในตัวคุณเลย หวังว่าคงจะมีโอกาสได้พบปะธรรมะสังสรร ธรรมะสัญจร กันสักรอบสองรอบคงน่าจะดีนะ

 

สวัสดีครับ คุณแนท(คนสวย) สวยทั้งกาย สวยทั้งจิตเลยนะท่านนี้ มาป่านนี้ท่านยังไม่ค่อยแน่ใจอีกหรือ? หรือว่าหลังจากกลับวัดท่าซุงและได้พบจิตเกาะพระสัญจรสักรอบนึงก่อน ใช่ไหม๊ ถึงจะอุ่นใจ จิตยกหลายวันแล้ว จิตเข้าที่เข้าทางดีหรือยัง? ปล่อยกายปรับตัวสักเล็กน้อยก่อนนะ เด๊ี๋ยวเธอจะเข้าใจไปเอง แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วส่วนหนึ่ง แต่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ ขอโทษนะ หมีภูไม่รู้ แต่มันมาถึงที่เอง ฮ่าๆ (คุณแนทจะงงไหมพวกเรา ว่าหมีภูกำลังพร่ำอะไร ติดครูเพ็ญมา...อิอิ)

 

เจ้าค่า จะพยายาม จัดเวลาลงไปเพื่อร่วมกับธรรมะสังสรร ธรรมะสัญจรให้ได้สักครับ แต่นึกภาพไม่ออกว่าไปแล้วจะนั่งเงียบหรือโม้แหลกหลาน กันแน่ ส่วนตัวรักความสงบเป็นที่สุดเลย

วันนี้มีปิติมากกว่าทุกวันเลย อิ่มเอิบใจเป็นที่สุดได้พบเห็นกับข้อความดีๆ สาธุ สาธุ สาธุ อย่างสูงครับ

 

ทุกท่านจิตพร้อม? รับ(ทุก)ภัย(พิบัติ)กันหรือยัง

เสพได้นะข่าวเรื่องภัยพิบัติ ผู้ที่ถึงธรรมแล้ว จิตใจย่อมเยือกเย็นและเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา(จิตผู้ใดที่มองเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดานั้น ไม่ธรรมดา)
มีแต่จิตเท่านั้น ที่สำคัญยิ่ง ดูแต่จิต(ตนเอง)เท่านั้นถึงจะได้ของจริง อย่าไปหลงดูอย่างอื่นที่มิใช่จิตตนเอง อันนี้จะขอเตือนผู้ที่มิใช่จิตบุญ แต่บุญนั้น ขอให้แนะนำไปดู เมื่อดูเสร็จก็กลับมาดูที่จิตของตนเองว่า เป็นเช่นไร ๑ตื่นเต้น ๒เฉยๆ ดูอาการหรืออารมณ์จิตตนเองให้ได้ ถ้ามีสตินะ ดูได้แน่

ธรรมตนเอง ก็คือ ที่จิตตนเอง หรือจิตตนเอง ก็คือ ธรรมของตน
เพราะผู้ใดเห็นจิตตนเอง ผู้นั้นเห็นธรรมตนเอง
ผู้ใดให้ความสำคัญกับจิตตนเอง ผู้นั้นได้เห็นความจริงอันประเสริฐแล้ว พบแต่ความสงบสุขแล้ว

ธรรมะ ธรรมดา ธรรมชาติ ที่แท้ก็เป็นสิ่งเดียวกัน แต่จิตสามารถแยกแยะได้มากมายยิ่งกว่านี้ เมื่อจิตได้กลายเป็นธรรมะ ธรรมดา ธรรมชาติแล้ว ทุกท่านก็จะไม่เกรงกลัวความตายของตนเองที่กำลังมาเยือน ถ้าทุกท่านรู้และเข้าใจธรรมชาติแห่งจิต ว่ามาจากไหนและจะไปที่ไหน ผู้ที่มีปัญญาได้กำหนดที่ไป(จุติ)เรียบร้อยแล้ว ในเมื่อทุกท่านก็รู้และเข้าใจกันไปหมดแล้วว่า ร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลก คือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟมาประชุมกันแค่ชั่วคราว แล้วในที่สุดก็ต้องแตกดับ แยกย้าย สูญหรือสลายกลายเป็นธาตุกลับบ้านเก่า บ้านใครบ้านมัน จิตคนเราก็เหมือนกัน ถึงแม้นชาตินี้ ภพนี้เราเป็นพ่อแม่ลูกพี่น้องหรือญาติกัน แต่พอมีใครตายไปก่อน สรุปแล้วเราเป็นอะไรที่กล่าวไปแล้ว แค่ชาตินั้เท่านั้น ภพนี้เท่านั้นเอง พวกท่านจงพิจารณากันให้ดี แล้วจิตพวกท่านใสหรือยัง วางหรือยัง ว่างหรือยัง บริสุทธิ์หรือยัง จิตเป็นกลางหรือยัง จิตเข้าใจอริยสัจดีหรือยัง เข้าใจกฎพระไตรลักษณ์ของพระพุทธเจ้ากันดีหรือยัง และท้ายที่สุด มาถึงวันนี้ หรือลมหายใจตอนนี้กันแล้ว จิตพร้อมหรือยัง? อย่ามัวหลงสอน อย่ามัวหลงเรียน หรือทำใดๆก็ตาม เพราะเมื่อเราหมดลมตอนไหนกันเมื่อไหร่ มีใครรู้ล่วงหน้ากันบ้าง อย่าได้ประมาทกันนะ และจดจำชื่อกระทู้นี้ให้ดี มันมีเหตุต้องใช้ชื่อกระทู้นี้...

ท่องจำกันให้ดีๆว่า จิตเท่านั้นที่จะไปต่อ จิตเท่านั้นที่จะไปพระนิพพาน มิใช่ร่างกาย แต่ถ้าใครจะไปพระนิพพาน ขอถามคำเดียวและคำสุดท้ายว่า ท่านละสักกายทิฎฐิ(ร่างกาย) กันได้จริงๆแล้ว หรือยัง???

ขอให้ตอบตนเอง

ฟังดังนี้ อ่านดังนี้ บางท่านสติมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย 555+
เอากันให้ดีนะ ปล่อยให้กายยังคงทำหน้าที่กับทางโลกไป แต่แยกจิตออกมาก่อน ซ้อมตายก่อน ฝึกตาย ก่อนตายจริง

 

ฆ่าฉันให้ตายสิ เจ้าโรบิ้น...คุณก้องภพ เอ๊ย คุณก้องเกียรติ ชื่อท่านยังดังขนาดนี้ แล้วจิตของท่านหล่ะน่าจะดังไปถึงพระนิพพานแล้วมั้ง ป่านนี้ฯ

ที่คุณบอกว่ามีนิสัยรักความสงบหรือชอบปลีกวิเวกนั้นน่ะ ไม่จริงหรอก เพราะจะปลีกวิเวกแค่พวกชาวมนุษย์โลก หรือต่ำกว่าพระโสดาบันเท่านั้นเอง แต่พอคุณมาทำจิตเกาะพระสัญจร แล้วคุณจะติดใจ นี่ขนาดคุณแนทท่านอยู่ถึงลอนดอน ท่านยังจะติดตามห้อยสอยไปร่วมวงด้วยเลย กลิ่นบุญบารมีคุณวิทย์นี่ แรงจริงๆ
ผมว่านะ คุณน่ะ พอได้มาอยู่กับจิตบุญหรือว่าคนมีบุญมาร่วมประชุมกัน บางท่านตั้งใจมา บางท่านติดตามห้อยสอยเขาก็แล้วแต่ ผมว่าคุณน่ะพร่ำไม่หยุดแน่ และเกือบจะทุกงาน คุณจะต้องมาร่วมให้ได้ ยกเว้น ติดภาระหน้าที่จำเป็นคอยดูดิ่ ถ้าไม่เชื่อพี่ภูนะ เพราะอะไรถึงกล่าวกับท่านเช่นนั้น ก็เพราะว่าจิตบุญไม่มีคนจะครบด้วย หรือไม่อยากพบคนอื่นๆ
ถึงว่าครูเพ็ญ หรือครูเกษท่านอยากได้บ้านรากแก่น อ๋อ หมีภูนึกออกแล้ว
สรุปแล้ว หมีภูหรือใครก็ได้ที่ใจบุญมาช่วยกันสร้างศาลพระภูมิ เอ๊ย มาสร้างบ้านรากแก่นให้อยู่ที ฮ่าๆ
เห็นท่า นับวันจิตบุญนี้ เห็นทีจะไปอยู่รวมกับคนอื่นเขาไม่ได้แน่ ผมนึกถึงอีกท่านนึง ก็คือ ครูดัชนีไฉไลของเรานี่เอง ท่านบอกว่าเห็นกิเลสโลก จะอ๊วก อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง ทำไมหมีภูไม่รู้ รู้ตั้งนานแล้ว อ๊วกจนชินซะแร๊ะ หมีภูไม่หนี เพราะความจริงเราหนีกิเลส(ร่างกาย)ไม่พ้น นอกจากรอให้หมดอายุขัยตนเองก่อน ข้าพเจ้าจะไม่ขอเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉานอีกแย้วววว จิตเพิ่งจะรู้จักธรรม คืออริยสัจจ์นี้ และพระไตรลักษณ์อย่างแจ่มแจ้งแล้ว

แล้วคราวนี้นะ คุณก้องภพ เอ๊ย ก้องเกียรติเอ๋ยยย คุณน่ะจะพูดไม่หยุด เพราะอะไรรู้ไหม๊ เพราะคุณชอบพูดเรื่องสาระหรือธรรมะ เรื่องที่ไร้สาระคุณจะหันหน้าหนีทันที เท่าที่ผมรู้มานะ ผมสังเกตเห็นคุณเริ่มเกาะกระทู้ และก็แอบฝึกเองด้วย(เพราะว่าข้านี้ก็ปัญญามากเหมือนกัน) จนรอทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยย ครูจ๋าครูอยู่ไหน ผมรักครู คิดถึงครูขึ้นมาเลยเชียวน่าตีก้นจริงๆ แต่ถ้าคุณตัดสินไวกว่านี้ จิตคุณยกไปตั้งนานแล้ว เพราะปัญญาท่านมาก จิตก็พร้อม สติท่านก็มาก แต่ขาดความต่อเนื่องเท่านั้นเอง ก่อนคุณลูกพลังเสียอีก ดีนะครูลูกพลังนี่ ปัญญาท่านมากทั้งทางโลกและทางธรรม ในที่สุดหลอดไฟก็เสร็จท่าน คือเดียวนี้มีแสงภายในกาย ภายในจิตไปแล้ว เพราะท่านไม่หน้ามืดกับทางโลก หรือไม่แพ้กิเลสโลกแล้ว จิตท่านรอดไปแล้ว จิตท่านใส๊ปิ๊งๆเลย ใครเป็นยังไม่รุ๊ กรูรู้+วางลูกเดียวเลย สรุปแล้วท่านไม่หลงโลกแน่ๆ รวมทั้งคุณด้วย สนทนาธรรมเพียงเท่านี้ก่อน

ปล. ตกลงพายุสุริยะจักวาล ทั้งภายใน ภายนอกของหมีภู หายไปหมดหรือยัง? ฮ่าๆ