จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    โมทนาสาธุกับจิตบุญ ๘๗ ๘๘ ๘๙ และครูผู้ฝึกสอนด้วยครับ
    เป็นเลขที่งามจริงๆเหมือนท่านพี่ภูกล่าวไว้จริงๆเหลืออีกเพียง ๑๑ ดวงเท่านั้น
    ไม่น่าเชื่อจริงๆ จากวันที่ผมก้าวเข้ามา ตั้งแต่เดือน เมษายน จนถึงวันนี้ ไม่นานเลย
    จากกลุ่มจิตบุญเล็กๆ ที่เราทำไปตามที่ต้องทำ มิได้คาดหวังใดๆจนถึงวันนี้
    ยิ่งชัดแจ้งขึ้นเรื่อยๆ จิตเกาะพระนี้จะนำพาดวงจิตกลับบ้านได้อย่างมากมาย
    ครูทุกท่านทำด้วยจิตบริสุทธิ์โดยแท้ มิได้อยากได้
    มีแต่อยากให้ .... แต่คนที่ไม่เอาจริงผ้มก้อไม่ง้อนะจ๊ะ

    ...ฝากถึงทุกท่านที่จิตยกแล้ว ..... ลองกลับไปมองวันที่ตัวท่านเองเดินเข้ามาด้วยนะครับ ท่านรู้สึกเช่นไร อยากให้ครูช่วยขนาดไหน อยากพ้นทุกข์มากมายเช่นไร พอมีครูมาช่วยท่าน ให้เดินทางสายมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา จนท่านถึงฝั่งแล้ว
    กรุณาอย่าเป็นจิตบุญที่จบแล้ว จบเลย .....
    กรุณามองคนที่เหลือด้วย เค้าก้อรู้สึกเช่นเดียวกับท่านตอนที่เค้าอยากจะพ้นทุกข์เช่นกัน
    แล้วท่านจะไม่มาช่วยกันหรือ จะปล่อยเค้าให้ยืนอยู่ตรงนั้นหรือ ....
    ถ้าท่านจะไม่ทำ ผมก้อไม่สามารถบังคับได้ครับ ตามสบาย
    ..... แต่ ผมทำไม่ได้ครับ ..... ใครจะยังงัยผมไม่รู้ แต่ผมจะทำครับ ทำๆๆๆๆ ทำจนหมดลม หมดเวลาที่จะต้องใช้กายนี้แล้ว ทำให้เต็มที่เพื่อท่านพ่อ เพื่อเผยแผ่ธรรมให้ฟ้าสว่างกลบความืดที่ปิดบังเรามานานแล้ว

    เรือลำนี้ถึงมันจะเล็ก แต่ มันจะไม่ยอมจมครับ ขึ้นมาเถอะครับ เราจะนำพาท่านไป แต่คนที่จะขึ้นต้องเอาจริงนะ ครูทุกท่านมิใช่ทำงานนี้เพียงด้านเดียว ยังคงต้องทำงานหาเลี้ยงขันธ์ ครอบครัว ต่อไป
    แต่ข้างในจิตนั้น ไม่เหน็ดไม่เหนื่อยที่จะทำทางธรรมนี้อีกเพราะฉะนั้น
    ถ้าเอาจริงก้อก้าวขึ้นมา เราจะนำพาท่านไป
    ถ้ายังไม่มั่นใจ ยังไม่ต้องขึ้นมา ให้โอกาสคนที่เค้าตั้งใจจริง
    เมื่อท่านพร้อมแล้วก้อมา เราไม่ทอดทิ้งท่านหรอกครับ

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม มีความก้าวหน้าในการปฏิบัิตครับ


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จมจบ.๑๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  2. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ช่วงนี้ (เริ่มไตรมาตรสุดท้ายของปี 55) ให้พวกเราเริ่มจับตาดูพฤติกรรม (นโยบาย) ของภาครัฐทั้งในและนอกประเทศ ว่ามีความผิดปรกติอย่างไรบ้าง

    การทำให้สภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น รัฐจะนำเนินการดังนี้
    ธนาคารกลางพิมพ์ธนบัตรกว้านซื้อสินทรัพย์จากธนาคารพานิชย์ --> ธนาคารพานิชย์เกิดสภาพคล่องทางการเงิน
    ธนาคารพานิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจ --> ภาคธุรกิจเกิดสภาพคล่องทางการเงิน
    ภาคธุรกิจผลิตสินค้าและบริการมากขึ้น --> เกิดการจ้างงาน
    ใช้จ่ายมากขึ้น --> ลดค่าเงินแข็งตัว
    ค่าเงินไม่แข็งมาก --> นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนเพิ่มขึ้น
    เงินหมุนเวียนมากขึ้น --> เศรษฐกิจดีขึ้น

    จะไม่สำเร็จได้ถ้า
    ธนาคารพานิชย์แทนที่จะปล่อยสินเชื่อให้มากที่สุด กลับนำเงินไปใช้นอกระบบ
    ธนาคารพานิชย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0% --> ผู้เกษียณอายุไม่นำเงินมาฝาก
    ลดการใช้จ่าย --> สินค้าขายไม่ได้
    สินค้าค้างสต๊อก --> หยุดกระบวนการผลิต
    บริษัท/โรงงานปิดตัว --> คนตกงาน
    คนตกงานเพิ่มขึ้น --> อาชญากรรมสูงขึ้น

    ดูได้จากข้อมุล 3 ตัวหลักตามลำดับ คือ (ดูของ USA นะ)
    - ตัวเลขการจ้างงานในต่างประเทศ
    - คำสั่งซื้อสินค้าคงทนจากประเทศเรา
    - จำนวนการขายบ้านหลังใหม่

    หากค่าดังกล่าวสูงขึ้นส่งผลให้
    ดอกเบี้ยเงินฝากลดลง --> เงินไหลเข้า (แนะนำให้รีบซื้อพันธบัตร หรือตราสารหนี้)
    ค่าเงินบาทแข็งขึ้น --> ไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น (แต่ต้องดูแลบริหารสินทรัพย์ให้ดี และติดตามอัตราแลกเปลี่ยนโดยตลอด)

    มีเนื้อหาส่วนหนึ่งอ้างอิงเนื้อหาจาก คุณเสถียรฯ

    "โดยถ้าปัจจัยดังกล่าวข้างต้นมีความผันผวนหรือผิดเพี้ยนไปจากปรกติวิสัย โดยไม่เป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจแล้ว ให้เริ่มสังเกตุความเป็นไปได้ของภัยพิบัติต่างๆที่โลกจะได้รับตามมาต่อไปกันด้วยนะครับ"

    "ความสุขจงมีแด่ผู้ที่กระทำแต่กรรมดี"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  3. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญน้องใหม่ดวงที่ 87,88 และ 89 พร้อมทั้งครูผู้ฝึกสอนจิตบุญทุกๆ ท่านด้วยค่ะ สาธุ๊ :cool::cool:
     
  4. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    แหม๊..คุณวัฒนี้หาอะไรสนุกมาให้เล่นอีกแล้ว เราก็ขอร่วมแจมหน่อยก็แล้วกัน
    คนจิตหยาบมาถามคนที่จิตละเอียดกว่านี้ แล้วมันจะอธิบายยังไงให้เข้าใจล่ะหึ ถ้าเป็นเรา เราก็จะตอบว่า
    "อ้าว..แล้วอย่างนี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราที่เป็นพระศาสดาเอกของโลก ที่ท่านสละราชสมบัติ ทิ้งลูก ทิ้งเมีย เพื่อออกแสวงหาความหลุดพ้น จนค้นพบและประกาศเป็นศาสนาพุทธขึ้นมาทุกวันนี้ ท่านก็เป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลกเลยซิ รึว่าไงน้อง??"
    วิสัชนา...สาธุ
     
  5. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    555555555 ผมก็ตอบใกล้ๆเคียงกันเลยครับ
    แต่ก็มีคนแย้งมาอีกแต่ไม่ขอเล่าดีกว่า คือเขาปักใจไปเช่นนั้นแล้ว อธิบายไปก็เปล่าประโยชน์ คงต้องวางอุเบกขาอย่างเดียว วาระเขายังไม่ถึงนั่นเองครับ
     
  6. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณบังอร จิตบุญ๘๘ เพื่อเป็นธรรมทานแก่ทุกท่านครับวันที่

    9กย เวลา 21.21 ขณะที่นั่งตอบการบ้านให้ผู้ฝึกอยู่
    ...อยู่ดีๆก้อมีข้อความทาง LINE เข้าในมือถือผม ...
    สวัสดีเราและแนะนำตัวว่าได้รับคำแนะนำจากคุณจุ๋ม ว่าผมสอนด้านนี้ แล้วสนใจอยากสอบถามผมก้อ งงงงง
    ... มาไงเนี่ย ตอนนั้นศิษย์ก้อเยอะพอควร แต่จิตก้อเมตตาจริงๆ รับไว้ตลอด 55555 (ไม่ยอมเหน็ด ยอมเหนื่อยเลย จิตเราเนี่ย)
    คุณบังอรไม่สะดวกส่งทางเมล์ ไอ้เราก้อ พิมพ์ในโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวก
    แต่ก้อ เอาฟ่ะ เมตตากันไป เค้าตั้งใจจริง วิธีไหนก้อต้องปรับตัวกันไป ไม่ต้องมีข้อแม้เยอะ ทำๆไปครับเพื่อช่วยทุกคน

    คุณบังอร ก่อนหน้านี่เธอปฏิบัติธรรมมานานแล้ว ตั้งแต่วัยรุ่น 16-17 ปีเธอฝึกมาหลายแนวครับฝึกถึงขนาดที่ว่า จิตสบาย สุขมาก อะไรมาก้อรับมือได้ สบายๆ มาถูกทาง
    แต่แล้ว ..... บททดสอบของเธอก้อเข้ามา สามีของเธอได้เสียชีวิตไป เหมือนฟ้าผ่าลงมาในชีวิต
    จากที่เคยคิดว่าปฏิบัติมานานแสนนาน จิตเป็นสุขยิ่งนัก พอทุกข์จากการพลัดพรากมาเยือน
    ..... เธอรับไม่ไหวครับ ฟูมฟาย เศร้าใจ ท้อแท้ จิตตก เอาไม่อยู่
    ....นี่เอง เธอถึงได้รู้ว่าที่ทำมานั้น ยังไม่ถึงไหนเลย อีกไกลนักที่จะไปถึงที่หวัง
    แค่ทุกข์ตัวนี้เข้ามา เธอก้อไปไม่เป็นแต่ก้ออย่างว่าละครับ

    คนเราเมื่อเจอทุกข์ มี 2 ทาง ที่จะเดินต่อ
    1.ไปทางมืด
    2.หาทางพ้นทุกข์ ทางสว่าง

    คุณบังอรเธอไม่มั่นใจว่าจะกลับบ้านได้ อารมณ์นั้นเธอเพียงต้องการให้จิตใจกลับมาเข้มแข็ง
    ผ่านพ้นทุกข์กองนี้ไปให้ได้ (เธอไม่คิดว่าจะไปบ้านเดิมของจิตได้แน่ๆ)

    ผมอยากจะบอกให้ทุกท่านได้ทราบนะครับเวลาที่ท่านคิดว่าปฏิบัติมานาน หรืออายุที่ผ่านร้อนหนาวมานานนั้น .....ไม่สามารถนำมาซึ่งความก้าวหน้าทางจิตได้
    ถ้าท่านทำไม่ถูกวิธี เดินมรรคไม่ตรงทางต่อให้ทำไปจนหมดลม เกิดแล้ว เกิดอีก ถ้ายังไม่ตรงทาง ก้ออย่าคาดหวังว่าจะมีฟลุ้คนะครับ

    ธรรมนั้น ไม่มีฟลุ้ค ไม่มีเกือบ ไม่มีอีกนิดเดียว .... มีแต่ได้ กับ ไม่ได้ครับ

    หลายคนเมื่อเจอเหตุการณ์ที่ทดสอบเรา แล้วเราไม่ผ่าน จะหมดกำลังใจไป หาทางใหม่ หรือ สุดโต่ง ปล่อยไปตามกระแสแห่งกิเลสดีกว่า ง่ายดี ช่างมันแล้ว ปล่อยวาง(แบบโง่ๆๆๆๆๆ)

    อายุ เวลาการฝึก ..... ทุกคนมักจะเอามาหลอกตัวเองเสมอว่า จะมีผลต่อกการปฏิบัติ เอามาสร้างอัตตาให้ตนเอง จนลืมที่จะกลับมาทบทวนตัวเอง ยอมรับความจริงว่า...เราพลาดที่ใด เรายังต้องทำสิ่งใดเพื่อให้ก้าวหน้า
    ถ้าท่านยอมรับความจริงแล้ว เริ่มใหม่ เดินให้ตรงทางแห่งมรรค(ศีล สมาธิ ปัญญา)
    ผมรับรองได้ ..... ไม่ตกรางแน่ๆ เดินตรงถึงแน่ๆ
    อย่าเอาสิ่งสมมติ(เวลาการฝึก / อายุผู้ฝึก) มาเป็นตัวชี้วัดของละเอียดนะครับ
    มันทำไม่ได้จริงๆ

    จะวางของละเอียด ต้องเอาปัญญาที่ละเอียดจริงๆมาวาง มาละ
    เอาตาข่ายไปตักน้ำ เมื่อไหร่จะเติมน้ำจนเต็มโอ่งละ .....
    หรือเอาแก้วมาตักน้ำ แต่ตักวันละหยด แล้วเมื่อไหร่มันจะเต็มโอ่งละ อีกนานแค่ไหน .....

    เอ้าาา .... เลยไปไกลแล้ว กลับมาคุณบังอรต่อครับ
    ทุกวันๆ ถ้าคนไม่รู้จะคิดว่าผมนี่อะไร นั่งกดโทรศัพท์คุยอะไรก้อไม่รู้ นึกว่าเป็นวัยรุ่น(ตอนปลายๆๆๆๆๆๆ) มานั่งคุย LINE
    ภรรยาก้อรุ้(ถ้าภรรยาไม่เข้าใจ อาจหัวแตกได้ 5555) ฟูจิก้อรู้ว่าพ่อกำลังปฏิบัติการสอนอยู่
    ปล่อยให้เราคุยไป สอนไป ไม่มากวน
    คุณบังอรเธอเป็นคนที่ฝึกมานาน ของเดิมเยอะ ศีลครบบริบูรณ์นานแล้ว เพียงแต่ขาดกำลังใจ เดินสมาธิไม่ต่อเนื่อง เลยไม่ไปไหน

    ผมให้เธอทำอะไร วางกำลังใจอย่างไร ... เธอตั้งใจทำๆๆๆๆๆ ไม่สงสัย มั่นใจในครุ
    ในธรรมที่ครูสอน ไม่สงสัยแล้วไปหาเองถามครูในสิ่งที่ยังไม่ชัด ..... นี่แหละครับ คนแบบนี้จะไปไวเพียรทำ อดทน ไม่อยาก

    เธอฝึก9กย - 4ตค ..... 26 วันครับ
    ไม่นานใช่ไหมครับ
    ..... ทุกท่านที่ตั้งใจจริงทำได้นะครับ
    ..... ครูนี่แหละที่จะนำพาท่านไป
    แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวผู้ปฏิบัติเอง ต้องตั้งใจจริง ไม่สงสัย ไม่อยาก ครุให้ทำอะไรก้อทำ
    มีสติประคองจิต คอยตรวจสอบทุกสิ่งกระทบ ทำหน้าที่เป็นตัวตรวจจับ...
    อึ้ย หลุดแล้ว ..... เกาะพระด่วนวิ้วๆๆๆ มีอารมาณ์แล้ว ตัดลงไตรลักษณ์ด่วน
    อ้าวววว ...... ติดสุขไปแล้ว กลับมาด่วน
    กิ้งงงงงง ...... ติดเฉยไปแล้ว กลับมาชนกิเลสด่วน

    ผู้ฝึก ..... เกาะพระให้ตลอด เพื่อให้จิตทรงสมาธิและพัฒนาให้ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ(ฌาณ1-4)
    สติ ..... ประคอง เป็นผู้ช่วยจิต มิใช่ผู้บังคับจิต ... ปล่อยให้จิตเกาะพระไป
    จิต ..... เมื่อผู้ฝึกทำให้จิตทรงสมาธิ เกาะพระได้ดีแล้ว เมื่อเค้าทรงฌาณ4ได้ตลอดแล้ว(ผู้ฝึกทำ) เค้าจะพัฒนาของเค้าเองนะ จนเกิดวิปัสสนาญาณ จนถึงปัญญาญาณ และวางในทุกสิ่ง จนเข้าถึงธรรมได้เอง
    (ผู้ฝึกมิต้องไปยุ่งนะ ถึงยุ่งก้อไม่รู้เรื่อง ของละเอียด ปล่อยให้จิตทำไป กายโง่ๆไม่รู้เรื่องหรอกครับ อิอิ)
    ขอให้ท่านมั่นใจในสิ่งที่ฝึกอยุ่นะครับขอเลยนะ(ครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้) .....ผู้ฝึกนั้น จิตเกาะพระไป สบายๆ ไม่ต้องอยาก ไม่ต้องสงสัย ศีลให้พร้อม ....
    ที่เหลือจิตเมื่อเกาะพระได้ดีแล้ว เค้าจะทำงานเองโดยอัตโนมัติ
    แยกกาย แยกจิตให้ชัดเจน แล้วคุณจะได้ไม่สับสนในการฝึกถ้าไม่ทำเช่นนั้น เด๊่ยวท่านจะ งงงงงงง ...

    อันนี้กายทำ หรือ จิตทำหว่า
    อันนี้จิตเครียด หรือ กายเครียดหว่า
    อันนี้ กายสุข ทุกข์ หรือ จิตหว่า

    ขอให้ทุกท่าก้าวหน้าในการปฏิบัตินะครับใครอยากสอบถามอย่างละเอียด โทรถามได้นะครับ (มาขอหลังไมค์นะ)
    จิตเกาะพระนี้ เราไม่มีสายนะ ถามกันได้หมดครับ ผมตอบได้ทุกคน คนนี้ศิษย์คนนั้น คนนี้ ครูทุกคนช่วยกันหมดครับ มิต้องเกรงใจ

    ขอส่งผลบุญ บารมี พลังพุทธะทั้งหมดของข้าพเจ้าที่มีให้ทุกท่าน ทั้งจิตบุญและผู้ฝึกทุกท่านครับขอให้ผู้ที่ฝึกได้มีความก้าวหน้าและเดินทางกลับบ้านได้ด้วยเทอญ .... สาธุ



    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  7. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอเพิ่มอีกนิดครับผมได้ถามคุณบังอรว่าเป็นไง ทุกข์ยังมีไหม เธอบอกว่า ทุกข์ยังมีคะครู แต่ ..... เราไม่เอาแล้ว

    ทุกท่านครับ ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้ด้วยนะครับ
    ทุกข์ก้อยังมีอยู่เช่นนั้น โลกธรรม๘ ก้อยังมีเสมอ กิเลสก้อยังมี อารมณ์ก้อยังมีแต่ ..... เราไม่เอาแล้ว

    กายอยู่ในกระแสโลก แต่
    จิตอยู่เหนือกระแสโลก อยู่ในกระแสธรรมทุกสิ่งที่เกิด
    จิตรู้ แต่ไม่เอา

    ไม่ใช่ว่าเรายกแล้วจะอยู่เหนือทุกสิ่งนะ
    เรายังคงต้องเจอทุกสิ่งเช่นเดิมแต่เราเข้าใจธรรม เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจไตรลักษณ์ ว่ามันเป็นเช่นนั้นๆจริงๆ

    เราจึงไม่ยึด ไม่ห่วง ไม่เอา ไม่อยาก

    เรามีแต่ วาง มีแต่ว่าง มีแต่ธรรมะ อยู่ในธรรมชาติ

    ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ยังไม่ละทิ้งจากกายนี้ ขอให้มีสตินะครับ ประคองจิตไป จนถึงวันหมดลม


    ขอให้เจริญในธรรม



    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  8. NAJA_X

    NAJA_X เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +155

    ถ้าเราไม่คิดพึ่งผู้อื่น เราจะไม่มีอารมณ์น้อยใจเช่นนั้น
    แต่เราจะบังเกิดกำลังใจ รีบตามเขาไปสิจ๊ะ

     
  9. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    Optal .... OpSar .... OPPPPPP

    ชื่อน้ำยาล้างตาครับ ......เวลาฝุ่นเข้าตา หรือละคายเคืองตา เรามักใช้น้ำยาล้างตา ล้างสิ่งสกปรกออกไปล้างไป มันก้อหลุดไปไปกับน้ำยา ตาก้อสว่าง สบาย
    แต่เดี๋ยวมันก้อมาอีกแหละมันมาเราก้อล้าง ..... ก้อแค่นั้น

    แล้วถ้าผมจะถามทุกท่านละ ..... มีน้ำยาล้างใจ น้ำยาล้างจิตไหมมีไหม ที่ล้างกิเลส ล้างทุกข์ ล้างสุข ล้างอารมณ์ ล้างอัตตา ออกจากจิตได้

    ถ้ามี ..... คงจะเป็นสิ่งที่ขายดีที่สุดในโลกแพงเท่าไหร่ ก้อคงจะไปหา ไปซื้อมาให้ได้

    เงินซื้อได้ทุกสิ่ง เป็นคำพูดที่เราได้ยินบ่อยๆ มีเงินก้อมีสุข .....
    จริงๆรึมีเงินแล้ว จ่ายให้เจ้ากรรมนายเวรนได้ไหม ...
    เอ้า เอาไป 100 ล้าน อย่าให้เราทุกข์นะ อย่าให้เราป่วยนะ อย่าให้เราแก่นะ

    เราอยู่กับสิ่งหยาบมานาน จนคิดว่ามันไม่หยาบ มันปกติ กิเลสมันหลอกเรามีกี่ภพ กี่ชาติ ให้เรายังคงต้องมาเวียนว่ายตายเกิด มาอยู่กับกองทุกข์(สิ่งสมมติ)

    สติเราไม่ได้ทำงานมานานมาแล้ว จนเราคิดว่าไม่มีสติก้อได้ทำไปตามใจฉัน ตามอารมณ์ ตามสัญชาติญาณ ตามอะไรก้อแล้วแต่...

    จิตถูกปิด ถูกเคลือบ มานาน จากกิเลส สิ่งยึดโยงมากมายที่เราสร้างไว้สิ่งเหล่านี้ยึดแน่นมากๆๆๆๆๆจะใช้อะไรล้างก้อคงไม่ออก .....มีสิ่งเดียว คือ ธรรมแต่กว่าที่ท่านจะมีธรรม ท่านคงต้องแลกนะ ต้องตั้งใจ ต้องเอาจริง

    มนุษย์ถูกสร้างมาให้ทำอะไรก้อได้ และเหมาะสมที่สุดที่จะบรรลุได้ เพราะ มนุษย์นั้น มีทั้งสุข ทั้งทุกข์ จึงมีความอยากที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้ง่ายกว่า เทวดา หรือพรหม ที่มีแต่สุข แล้วใยจะมาสนใจ ปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์

    ก่อนที่จิตจะสว่าง ..... ตาท่านต้องสว่างก่อนนะมองเห็นความจริงแห่งทุกข์ สุข และสิ่งสมมติทั้งหลาย ว่าล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยงการเกิดมานั้น ทุกข์ยิ่งนักกิเลสนี้น่ากลัวนักแต่
    หลายคนก้อกว่าจะตาสว่างก้อผ่านมาหลายสิบปี ถึงจะสำนึก มาเริ่มหาหนทางกันหลายคนก้อสว่างเร็ว แต่หาทางเดินต่อไม่เจอ ....
    หลายคนหาทางเจอ แต่ไปต่อไม่เป็น ....
    หลายคนเดินมาหลายทางจนท้อ ....
    หลากลายสารพัดที่จะเจอทางเดินแห่งธรรม ไม่มีอะไรมาก ศีล สมาธิ ปัญญา แค่นั้นเองแต่ใครละจะเดินได้ ไม่หลง ไม่ งง ไม่ท้อ ไม่เหนื่อย แล้วแต่ความเพียร อดทน ของแต่ละบุคคลใครที่เจอแล้ว เอาจริง ก้อจะได้จริงๆ

    ธรรม นี้ ไม่เลือกให้ใคร
    ธรรม มีอยู่แล้ว ใครอยากได้มาเอาเลย
    ไม่เลือก คนรวย คนจน
    ไม่เลือกคนปกติ คนพิการไม่เลือกเพศ
    ไม่เลือกอายุธรรมไม่เลือก มีแต่ท่านเท่านั้นที่จะวิ่งหาธรรมแล้ววันนี้ท่านล้างตาหรือยังตาสว่างหรือยังตาสว่างแล้ว

    มาล้างจิตกันนะเอาให้เจอธรรมแท้

    ผมเอาใจช่วยทุกท่านครับ


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  10. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ติดสงสัยเป็นเครื่องขวางกั้นความเจริญของจิต

    ธรรมทานจากการบ้านในเมล
    ..............................

    ก็เพราะไปติดตัวสงสัยซึ่งเป็นเครื่องขวางกั้นความเจริญของจิตเข้าแล้วไงคะ ให้ทิ้งสงสัย ตัดอยาก วางใจเป็นกลาง สติช้าก็ให้รู้ว่าสติช้า แต่ไม่จำเป็นต้องไปบังคับให้สติเร็วขึ้น แต่ที่ครูทั้งหลายย้ำให้ทำสติตามจิตให้ทัน หมายความว่าให้ผู้ปฏิบัติมีสติรู้สึกตัวอยู่ในกายในจิตบ่อย ๆ ถ้าเราทำได้บ่อย ๆ สติมันก็จะวิ่งไปทันกับจิตเอง

    คุณคงเพ่งมากเกินไป วางกำลังใจหนักเกินไป ทีนี้ลองผ่อนอารมณ์ให้สบายมาก ๆ เลยค่ะ นึกถึงพระแบบว่านึกเบา ๆ สบาย ๆ เหมือนเรานึกฮัมเพลง หรือนึกถึงภาพวิวทะเล ภูเขา แม่น้ำ สายลม แสงแดด ท้องฟ้า คือทุกอิริยาบถเราต้องอยู่บนความสบายค่ะ

    ถ้าคุณตัด 2 ตัวนี้ได้ คือวางสงสัยกับอยากลงซะ ไม่ต้องไปใส่ใจกับมัน นึกไว้เสมอว่าเราทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน เราจะไปนิพพานในชาตินี้ แต่เราจะเดินทางสายกลาง ทำจิตเกาะพระด้วยใจเป็นกลาง ไม่อยาก ไม่สงสัยในทางที่พระพุทธเจ้าท่านเคยเดินมาก่อนเรา เรากำลังเดินตามหลังท่านอยู่ เราจะเดินไปข้างหน้าตามกำลังที่เรามี

    เราจะไม่แข่งบุญแข่งวาสนากับใคร แต่เราจะเอาความอยากและความสงสัยมาแปรเปลี่ยนเป็นความเพียร เพียรนึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้าที่ท่านทรงเสียสละความสุขส่วนตน มาสอนธรรมะให้กับบรรพบุรุษของเราได้สืบทอดและปฏิบัติกันมาเป็นเวลานานหลายพันปี

    ตามรายงานที่บอกเล่ามา คุณกำลังผจญอยู่กับตัวอุทธัจจะสังโยชน์คือความฟุ้ง เพราะสติเดินทางไม่ต่อเนื่อง แต่เราอย่าไปสนใจกับมันมาก ให้เราสนใจจิตเราอย่างเดียว มันฟุ้งก็ให้รู้ว่ามันฟุ้ง มันเกิดก็ให้รู้ว่ามันเกิด มันดับก็ให้รู้ว่ามันดับ

    คุณอย่ารีบไปตัดอารมณ์กระทบ ไม่ว่าจะเป็นสมาธิ โกรธ หงุดหงิด เบื่อหน่าย เซ็ง ให้มีสติตามดูมันตั้งแต่เกิดจนดับไปเอง เมื่ออารมณ์ดับแล้วให้ใช้ปัญญาสรุปจบด้วยว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ดับไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กี่ครั้ง ๆ ก็เห็นเป็นเพียงอารมณ์เกิดดับอยู่อย่างนั้น ไม่เคยมีตัวมีตนให้เห็นสักครั้งเดียว เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรยึดว่าอารมณ์เป็นของเราจิต

    เมื่อพิจารณาเรื่องอารมณ์เกิดดับจนวางไปแล้ว จึงค่อยนำจิตไปเกาะพระ จิตเห็นภาพพระเป็นอย่างไรให้ดูอย่างนั้น อย่าไปอยาก อย่าไปสงสัยจิต จะเป็นการเข้าไปขัดขวางการทำงานของจิต

    กายก็ดีจิตก็ดีก็ยังไม่เที่ยง ล้วนแต่บังคับไม่ได้ ขอให้คุณพิจารณาถึงความจริงในข้อนี้

    เรื่องสมาธิก็ไม่ต้องไปกังวลกับมันมาก ได้แค่ไหนก็ทำไปตามกำลังของเรา แต่ขอให้มีสติตามดูตามรู้สภาวธรรมที่เกิดดับไปเรื่อย ๆ เมื่อจิตวางความอยากความสงสัยแล้ว จิตจะมีความว่างพอที่จะเข้าไปเรียนรู้ธรรมชาติในจิต ความคิด ความฟุ้ง ความอยาก ความสงสัย ล้วนแต่เป็นการงานอันหนักเหนื่อยของจิตทั้งสิ้น

    เมื่อวางอยากจึงว่าง

    เมื่อวางสงสัยจึงรู้

    ส่วนเรื่องการเห็นโทษในโทสะ อัตตา มานะ คุณทำได้ดีค่ะ จิตเกิดวิปัสสนาญาณขึ้นมาแล้ว ลองชนกับกิเลสดูนะคะ ว่าโทสะ อัตตา มานะ ยังมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า แล้วรายงานผลด้วยค่ะ

    พี่เพ็ญขอแนะนำเพิ่มเติมว่าคุณลองค้นเข้าไปในจิตดูสิคะว่า จิตของคุณติดกรรมเรื่องใดอยู่หรือไม่ ขอบารมีท่านพ่อเปิดทางให้คุณเห็นกรรมในจิตของตนเองด้วย เมื่อเห็นแล้วก็ให้ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน แล้วแผ่เมตตากับอุทิศบุญให้เขาด้วย ทำแล้วได้ผลเป็นประการใดช่วยรายงานให้ทราบด้วยค่ะ

    เมลนี้ขอให้ปรับจิตให้เป็นกลาง และทำจิตเกาะพระให้ผ่อนคลายขึ้นค่ะ

    พี่เพ็ญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  11. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    สมาธิไม่นิ่ง ฟุ้ง จิตไม่สงบ สติช้าน่ารำคาญ...ครูนก ชายมีคำตอบให้

    พี่เพ็ญไปยกการตอบปัญหาธรรมของครูนก ชาย มาจากในเมลค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นที่กำลังปฏิบัติจิตบำเพ็ญและจิตเกาะพระ

    ................................

    สวัสดีครับคุณจ๋าย

    ปัญหาของคุณจ๋ายเกิดตอนไหนครับ ตอนนั่งสมาธิหรือเปล่า หรือว่าในระหว่างวัน ถ้าในขณะที่นั่งสมาธิแล้วรู้สึกหนักหัว ก็เป็นเพราะต้องทำอะไรผิดสักอย่างแน่นอน ใจไม่เป็นกลางจริงๆ ใจไปคอยหวังจะให้มันสงบ ให้มันนิ่ง ใจอยากให้เกิดอย่างนั้นอย่างนี้ พอมันไม่นิ่งไม่สงบ ก็เครียด อึดอัด รำคาญใจ ยิ่งเป็นการเพ่ง เค้น คั้น จึงทำให้หนักน่ะครับ ผมแนะว่าถ้าวันไหนรู้สึกว่าจิตใจมันฟุ้งซ่านมากนักก็อย่าไปบังคับ เห็นโทษแล้วยัง เรียนรู้แล้วยังว่าจิตนี้บังคับแล้วเขาก็ดิ้นสุดแรงเกิดเหมือนกัน ก็ให้ปล่อยไปซะในวันนั้น วันรุ่งขึ้นเอาใหม่ อาจจะนิ่งสงบดีก็เป็นได้ หากเขานิ่งสงบดีก็ให้ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เวลาที่กำหนดไว้แล้วค่อยออกจากสมาธิ

    เรื่องการทำสมาธินี่กี่รายต่อกี่รายก็จะเป็นจะตายกันทั้งนั้น ไม่ได้มีอะไรเลยนะ ก็เพราะไม่ยอมรับความจริงตามธรรมชาติของจิตที่ว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ก็เพราะหมายมั่นกันทั้งนั้นว่าจิตนี้เราต้องบังคับให้ได้ ต้องเอามันให้อยู่หมัด จึงไปไม่ถึงไหนกัน ที่ถูกต้องคือให้ปล่อยใจเป็นกลางที่สุด สงบก็ดี ฟุ้งซ่านก็ช่างมัน ถ้าวางกำลังใจได้อย่างนี้เรื่อยๆ บ่อยๆ แล้ว ต่อไปมันจะสงบได้ท่ามกลางความฟุ้งซ่านนั้นแหล่ะ เปรียบเหมือนน้ำไหลนิ่ง คือข้างบนมันไหล เคลื่อนไหวอยู่ตลอด แต่ข้างล่างมันนิ่งสงบไม่ได้ไหลเหมือนกับข้างบน อย่างนั้นสุดยอดนะครับ มันก็คิดของมันไป จิตก็รู้ว่าความคิดเกิดขึ้นอยู่ตลอดแต่ไม่สนใจ สักแต่รู้ว่ามีอะไรผุดขึ้นมา แต่ไม่นึกไม่คิดไม่ปรุงต่อ มันเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเรื่องเห็นจะได้นะ แต่จิตไม่สนใจเลย กลับนิ่งเฉยเกาะอยู่กับพระนั่นแหล่ะ เป็นหนึ่งอยู่อย่างนั้น นี่วางกำลังใจในการปฏิบัติใหม่นะครับ

    ความโกรธเคือง เพราะอัตตามานะ มันเกิดขึ้นเพราะยังคิดว่ากายนี้เป็นเรา จิตนี้เป็นของเรา ให้พิจารณานะครับว่าหากเราตายวันนี้ แล้วเราบอกว่าจะไปนิพพานเนี่ย เราจะแบกความโกรธ ความแค้นเคือง ความพยาบาทไปด้วยมั้ย จะแบกมันข้ามภพข้ามทะเลสีทันดรไปด้วยหรือ อุบายวิธีง่ายๆ ทุกครั้งที่มีความโกรธหงุดหงิด เคืองใจเพราะยึดมั่นถือมั่นในตัวตนก็คือให้คิดว่าวันนี้ฉันจะตายแล้ว ใครจะพูดอะไร ทำอะไรก็ช่างหัวมัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ให้ระลึกเสมอว่าวันนี้เป็นวันตายของเราครับ จิตใจมันจะปล่อยวางแทบทุกอย่างเลย โดยเฉพาะโทสะความโกรธเกลียดพยาบาทเนี่ย มันจะวางลงได้ง่ายมากๆ เราจะไม่เอามันข้ามทะเลสีทันดรไปกับเราแน่นอน เราจะทิ้งมันไว้ที่นี่ ตรงนี้ เดี๋ยวนี้

    มันก็ไม่จบง่ายๆ อย่างที่คิด เดี๋ยวจะมีเรื่องใหม่เข้ามาแหย่หนวดเสืออีกนั่นแหล่ะ ตายเมื่อไหร่ก็ถึงจะหยุดโจมตีนะ แต่ให้เราเอาสติคอยยั้งคอยเบรคตนเองให้ทันเสมอๆ ระลึกถึงความตายเป็นมรณานุสติทุกครั้งที่ความโกรธมันเกิดขึ้น มากๆ เข้าความโกรธมันก็จะหายไป คงเหลือเป็นความหงุดหงิดเล็กๆ น้อยๆ แล้วเราก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวางต่อไป ทิ้งมันไปให้ไว รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง จิตใจก็จะไม่ขุ่นมัวเพราะกิเลส

    เรื่องราวต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต สู่จิตสู่ใจของเรานั้นให้พิจารณาลงไตรลักษณ์ให้หมดเลยครับ ทั้งรูปและนาม ชื่อเสียง หน้าตา ความเคารพยกย่อง การเป็นคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มันเป็นของไม่มีอยู่จริง อุปโลกขึ้นมาแล้วมันก็อยู่ไม่นาน ไม่ได้อยู่กันเป็นเดือนเป็นปีนะ เพียงชั่วหันหลังให้กัน หรือเราเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาก็นินทาว่าร้ายเราแล้ว หลายๆ ครั้งเราก็ได้ยินผู้คนเขานินทาว่าร้ายคนบางคนที่แสนจะดี เราเองก็ชื่นชมเขา ไอ้คนที่กำลังนินทาก็ชื่นชมคนๆ นั้นเหมือนกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนินทาซะหน่อย ได้รับรู้รับฟังแล้วทำให้จิตได้เรียนรู้ว่าความเคารพยกย่องนับถือกันนั้นมันชั่วคราว ไม่ได้ตั้งอยู่ชั่วนาตาปีอะไร ไอ้เราก็มัวแต่ดิ้นรนวุ่นวายใจอยากจะให้คนอื่นเขาเคารพพินอบพิเทา เชื่อถือในตัวเรา เรียกว่าดิ้นรนขวนขวายหาสิ่งที่มันไม่ยั่งยืน มันเหมือนการค้าที่ขาดทุนอยู่ตลอด คือเหนื่อยแทบตายกว่าจะทำให้คนยอมรับ แต่แค่ชั่วข้ามคืนจากสรรเสริญก็เปลี่ยนเป็นนินทาไปในทันที คุณจ๋ายรู้มั้ยว่าการเป็น nobody ในสังคมเนี่ย มันเป็นสุขอย่างที่สุด สุขลึกล้ำเลยนะ ดีกว่าเป็น somebody มากมายนัก ไม่ต้องระมัดระวังกลัวจะเสียชื่อ กลัวจะเสียหน้า กลัวคนจะนินทา กลัวอะไรต่อมิอะไร ก็เรามันเป็นแค่มดปลวกจะทำอะไรก็ไม่สะเทือนฟ้าดิน ไม่มีใครเขาสนใจ ไปไหนมาไหนโอ้ยยยสะบายใจ แต่งตัวยังไงก็ได้ ถ้าเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นครูบาอาจารย์ใหญ่โต จะไปไหนทีก็ต้องแต่งหน้าทำผม แต่งตัวเต็มยศ ไม่งั้นเดี๋ยวคนเห็นแล้วเขาจะเสื่อมศรัทธา กลัวไปสารพัดนะ แต่ถ้าเราไม่ได้คิดว่าเป็นเจ้าใหญ่นายโตมีตำแหน่งแห่งที่ เราก็ไม่ต้องทุกข์กับการคอยระมัดระวังตัวใดๆ เลย การไม่มีตัวตน ไม่มีอัตตา นี่มันช่างเป็นสุขแท้ ใครด่า ดูถูกดูแคลนก็ไม่เจ็บ ซะงั้นนะ...

    สติต้องฝึกให้เขาทำงานไว การจะทำให้สติกระฉับกระเฉงก็คือให้หมั่นระลึกถึงพระบ่อยๆ นั่นแหล่ะ ทำอะไรนิดหน่อยก็ให้ย้อนกลับไปหาพระ กินข้าว อาบน้ำ ดูหนัง ขับรถ ทำงาน หรือแม้กระทั่งนั่งประชุมอยู่ ก็ให้เอาจิตแว๊บเข้าไปหาพระเสียบ้าง ทำบ่อยๆ สติจะถูกกระตุ้นให้ทำงาน เขาจะตื่นตัวขึ้นมาเอง ทำงานได้ไวขึ้น ท่านเรียกพุทธานสติ คือการฝึกสติโดยเอาพระพุทธเป็นอุบายเครื่องล่อให้สติเกาะ สติได้เกาะพระบ่อยๆ สติได้ออกกำลัง สติก็ไวขึ้นเอง ประเด็นสำคัญอีกอย่างก็คือ สติทำงานไว กับอารมณ์กระทบที่เกิดขึ้นมันคนละเรื่องกัน สติไวไม่ได้หมายความว่าอารมณ์ไม่เกิด อารมณ์เกิดได้ตลอดเวลา แต่ถ้าสติไว ก็จะรู้ทัน รู้ได้ไว เมื่อรู้ได้ไวก็ปล่อยวางลงได้ไว เท่านั้นเอง

    ดีใจที่คุณจ๋ายมีสติปัญญาพอที่จะค้นพบว่ามีกิเลสละเอียดคือความอยากดีฝังอยู่ลึกๆ ในจิต นี่เรียกว่าเกิดปัญญาขึ้นมาแล้วนะครับ หาอยากนะกิเลสตัวนี้ อยากดี อยากบรรลุธรรม อยากทำบุญ อยากสร้างบารมี อยาก ฯลฯ ทั้งหลายที่เป็นความดีต่างๆ ล้วนเป็นกิเลสอย่างละเอียด ยังเป็นของหนักอยู่นะครับ แม้จะเป็นของหนักแต่มันก็เจือปนไปด้วยความสุขใจใช่มั้ยล่ะในเวลาที่ได้ทำหรือได้มันมา คนจึงหลงว่าเป็นของดี ไม่ยอมรับว่ามันคือกิเลสอุปาทานตัวหนึ่ง การที่คุณจ๋ายได้ค้นพบและปรับเปลี่ยนวางกำลังใจตนเองเสียใหม่นั้นเป็นการสมควรแล้ว วางลงไปซะ เพราะจิตเดิมจิตแท้นั้นไม่มีดีไม่มีเลว ไม่มีบุญไม่มีบาป ดี-เลว บุญ-บาป เป็นสิ่งที่ถูกอุปโลกขึ้นมาภายหลัง จิตเดิมจิตแท้ที่แยกออกมาจากจิตดวงใหญ่นั้นมีแต่ความสว่างไสวประภัสสรและอุเบกขาเท่านั้น การที่เราเกิดความคิดดี คิดชั่ว อยากทำดี อยากทำชั่วนั้น เป็นเพราะอำนาจของกรรมทั้งสิ้น บีบคั้นให้เราคิด พูด ทำ ไปในทางต่างๆ ที่เป็นกุศลและอกุศล

    เห็นว่ากำลังใจสะดุดหลุมอากาศ คืนนี้เลยพิมพ์นิยายให้อ่านเล่นๆ เพื่อจะได้แง่คิดออะไรบ้างนะครับ

    นก ชาย

    ขอบคุณครูนก ชาย สำหรับเมลการบ้านที่ละเอียดละเมียดละไมค่ะ

    พี่เพ็ญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  12. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ภาษาต่างประเทศตอนนี้เรายังไม่มีรูปแบบที่พอจะสื่อเป็นเรื่องเป็นราวได้ ก็ขอฝาก สายภาษาอังกฤษ พี่ภู ครูดัช ครูวิทย์ ครูนก(ชาย) ครูลูกพลัง ครูอุษาวดี ครู...(นึกไม่ออกใครช่วยมาต่อที โดยเฉพาะสาย ตปท.)

    สายภาษาญี่ปุ่น-ภาษาพูด(ไม่ถนัดเขียน) ครูวิทย์ คุณอิ๋ว(เชียงใหม่) แต่คุณอิ๋วยังไม่รับสอนค่ะ แต่เธอเคยบอกว่าจะเดินตามครูเพ็ญไปทุกแห่งหากวันนั้นมาถึง วันที่มีบ้านให้พวกเราได้พักกายพักจิตชวนรื่นรม ตอนนี้ขอทำงานทางโลกรอไปพลางก่อนค่ะ

    ครูท่านใดที่สื่อภาษาอังกฤษได้ ลองนำขึ้นข้อความเป็นภาคภาษาอังกฤษบ้างก็ได้นะคะ เอาแบบสั้น ๆ กระชับ เข้าใจง่าย แต่ถ้าใครสามารถขยายธรรมหรืออธิบายจิตเกาะพระเป็นภาษาอังกฤษได้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อยค่ะ

    โดยเฉพาะพี่ภู ทำไมไม่ลองเขียนสื่อธรรมะเป็น version ภาษาอังกฤษบ้างคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  13. klangprai

    klangprai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    5,167
    ค่าพลัง:
    +6,057
    สาธุ ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นค่ะ
     
  14. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ภาษาญี่ปุ่นนั้นผมแนะนำน้องดาวครับ เธอจบเอแบค ได้ทั้งภาษาอังกฤษ และ ญี่ปุ่น
    แต่ตอนนี้ติดภาระกิจทางโลก ทำโทอยู่ครับ
    ไว้เธอผ่านแล้ว จะช่วยเราได้เยอะครับ

    ส่วนผม ขออยู่แนวหลังนะครับ 55555555555555 (กลัวพี่ภูจะถีบมาข้างหน้าจิงๆๆๆๆ เหอะๆๆๆๆ)



    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  15. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ความเพียรเป็นตัวสำเร็จ

    <O[​IMG]
    ใครนี่ เมื่อมองไม่เห็นฝั่ง ก็ยังกระทำความเพียร
    ว่ายอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร
    ท่านรู้อำนาจประโยชน์อะไร จึงพยายามว่ายอยู่อย่างนี้นัก ฯ
    ดูกรเทวดา เราพิจารณาเห็นวัตรของโลก
    และอานิสงส์แห่งความพยายาม
    เพราะฉะนั้น ถึงจะไม่เห็นฝั่ง
    เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร ฯ
    ฝั่งมหาสมุทรอันลึกประมาณไม่ได้ ย่อมไม่ปรากฏ
    ความพยายามอย่างลูกผู้ชายของท่าน ย่อมเปล่าประโยชน์
    ท่านยังไม่ทันจะถึงฝั่ง ก็จักต้องตายเป็นแน่ ฯ
    บุคคลผู้กระทำความเพียรอยู่ แม้จะตาย ก็ชื่อว่าไม่เป็นหนี้
    คือ ไม่ถูกติเตียนในระหว่างหมู่ญาติ เทวดา และพรหมทั้งหลาย
    อนึ่ง บุคคลเมื่อกระทำกิจของบุรุษอยู่ ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง
    การงานอันใดยังไม่ถึงที่สุดด้วยความพยายาม
    การงานอันนั้นก็ไร้ผล มีความลำบากเกิดขึ้น
    ความปรากฏแก่บุคคล ผู้กระทำความพยายามในอันมิใช่ฐานะใด
    จะมีประโยชน์อะไรด้วยความพยายามในอันมิใช่ฐานะนั้น ฯ
    ดูกรเทวดา ผู้ใดรู้แจ้งว่า
    การงานนี้ยังไม่ถึงที่สุดด้วยความพยายามแล้ว
    ไม่ป้องกันอันตราย ชื่อว่าไม่พึงรักษาชีวิตของตน
    ถ้าผู้นั้นพึงละความเพียรในฐานะเช่นนั้นเสีย
    ก็จะพึงรู้ผลแห่งความเกียจคร้านนั้น ฯ
    ดูกรเทวดา คนบางพวกในโลกนี้
    เห็นอยู่ซึ่งผลแห่งความประสงค์ จึงประกอบการงานทั้งหลาย
    การงานเหล่านั้นจะสำเร็จก็ตาม ไม่สำเร็จก็ตาม
    ดูกรเทวดา ท่านย่อมเห็นผลแห่งการงานอันประจักษ์แก่ตนแล้วมิใช่หรือ
    คนอื่นๆ พากันจมลงในมหาสมุทรเราคนเดียวเท่านั้นพยายามว่ายข้ามอยู่
    และได้เห็นท่านมาสถิตอยู่ใกล้เรา
    เรานั้นจักพยายามตามสติกำลัง
    จักทำความเพียรที่บุรุษพึงกระทำ ไปให้ถึงฝั่งแห่งมหาสมุทร ฯ
    ท่านใดถึงพร้อมด้วยความพยายามโดยธรรม
    ไม่จมลงในห้วงมหรรณพทั้งลึก ทั้งกว้างเห็นปานนี้
    ด้วยการกระทำความเพียรของบุรุษ ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
     
  16. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    วันนี้เห็นไฟติดๆดับๆที่เพดาน
    ก็คิดถึงสติ
    มีสติอยู่คือ(ใจ)สว่างเป็นกุศล
    ขาดสติก็เปรียบเหมือนไฟดับเป็นอกุศล ย่อมมืดมนมองไม่เห็นอะไร
    เลยเห็นว่าการขาดสตินี้น่ากลัวจริงหนอ
     
  17. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=700><TBODY><TR><TD>
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>
    สร้างกุศลจิตด้วยการเจริญสติ
    ฉะนั้น ถ้าใครหวังว่า จะสร้างกุศลให้เกิดขึ้นมากๆ ก็ให้
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>เจริญสติ กุศลจิตก็จะเกิดขึ้น เท่ากับว่า ชีวิตประจำวันนั้น สามารถ
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ทำกุศลได้ตลอด ทำบุญได้ตลอดเวลา
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>เดินไปด้วยสติ ก็เดินไปด้วยบุญกุศล นั่งมีสติ
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ก็นั่งด้วยบุญกุศล เวลานอน มีสติรู้ไป ก็นอนด้วยบุญกุศล
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>แม้เวลาคิดมีสติ ก็คิดด้วยบุญกุศล คู้ เหยียด เคลื่อนไหว มีสติรู้ทัน
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ก็เป็นไปด้วยบุญกุศล ได้ทำบุญตลอดเวลาสร้างกุศลอยู่สม่ำเสมอ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 width=700><TBODY><TR><TD width=73>
    </TD><TD>อกุศลกรรมที่เกิดในชีวิตประจำวัน
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ปฏิบัติ นอกจากจะไม่ได้กุศลแล้ว
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ยังกลับเป็นอกุศลอีก
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>อย่าคิดว่า การที่เราไม่ได้ฆ่าเขา ไม่ได้ไปลักขโมยเขา
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ไม่ได้ประพฤติผิดในกาม ไม่ได้พูดโกหก ไม่ได้ดื่มสุราเมรัย แล้วเราจะ
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ไม่ได้ทำบาปทำกรรมอะไร อกุศลก็จะไม่เกิด อย่าเข้าใจอย่างนั้น
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>เพราะความโลภก็เป็นบาป ความหลงก็เป็นบาป ฟุ้งซ่านหงุดหงิด
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>เร่าร้อน อิจฉาริษยา มานะทิฐิ ถือเนื้อ ถือตัว เป็นธรรมฝ่ายอกุศล
    </TD></TR><TR><TD width=73>
    </TD><TD>ฝ่ายบาปทั้งนั้น

    ที่มา
    ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน
    พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมรังสี)
    http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/pk_kasem/pk-kasem_06_09.htm
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    วันนี้เห็นภาพหินกร่อนไปเพราะโดนน้ำเซาะ
    ก็นึกถึงเขาพระสุเมร ที่ราบเป็นหน้ากลองได้เมื่อมีเทวดาหรือนางฟ้าเหาะเอาผ้าทิพย์มาปาดทุกๆ 100 ปี (ระยะเวลาทั้งหมด = 1 กัลป์)
    กิเลสก็เช่นกัน ถ้ามีความเพียรในการละกิเลสอย่างต่อเนื่อง กิเลสก็ย่อมหมดไปได้ในที่สุด

    แต่มาเจอกระทู้นี้แล้วอย่ารอจนถึง 1 กัลป์ เลยนะ อิอิ :z8
     
  19. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    การปฏิบัติ เป็นเครื่องยังพระสัทธรรมให้บริ<WBR>สุทธิ์

    "สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแ<WBR>สดงว่า ..ธรรมของพระตถาคต เมื่อเข้าไปประดิษฐานในสันดานขอ<WBR>งปุถุชนแล้ว ย่อมกลายเป็นของปลอม แต่ถ้าเข้าไปประดิษฐานในจิตสันด<WBR>านของพระอริยเจ้าแล้วไซร้ ย่อมเป็นของบริสุทธิ์แท้จริง และเป็นของไม่ลบเลือนด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อยังเพียรแต่เรี<WBR>ยนพระปริยัติถ่ายเดียว จึงยังใช้การไม่ได้ดี ต่อเมื่อมาฝึกหัดปฏิบัติจิตใจกำ<WBR>จัดเหล่า กะปอมก่า คือ อุปกิเลส แล้วนั่นแหละ จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จเต็มที่<WBR> และทำให้พระสัทธรรมบริสุทธิ์ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากหลักเดิ<WBR>มด้วย"

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

     
  20. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    ปาติหาริย์มีจริง...

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=J1OlwYJ364k"]Whitney Houston & Mariah Carey - When You Believe (The Oprah Winfrey Show Live) - YouTube[/ame]
    chearr

     

แชร์หน้านี้

Loading...