{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย Amuletism, 2 มกราคม 2012.

  1. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    ร่วมฉลอง 150,000 view ด้วยคนครับ
    จะรอฉลอง 200,000 view ในอนาคตอันใกล้ครับ


    เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นลูกเสือชาวบ้าน
    พิมพ์ ท จุด 9 นิยม เนื้อทองแดง ปี 2520



    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 441.jpg
      441.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.6 KB
      เปิดดู:
      608
    • 442.jpg
      442.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.4 KB
      เปิดดู:
      567
    • 443.jpg
      443.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.4 KB
      เปิดดู:
      83
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ตุลาคม 2012
  2. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์ฐานบัว
    (เหรียญหลวงปู่ทวดเปิดโลก)
    หลวงปู่ดู่ วัดสะแก พ.ศ. 2532

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    เหรียญรุ่นเศรษฐี เนื้อทองแดง
    ปี 2531 หลวงปู่ดู่ วัดสะแก

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 00.jpg
      00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.9 KB
      เปิดดู:
      1,781
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.3 KB
      เปิดดู:
      1,802
  4. กำแพงพระ

    กำแพงพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +1,966
    ภาพหลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,021
    [Amuletism;]ภาพประสบการณ์ของเหรียญพระอาจารย์นำ
    วัดดอนศาลา รุ่นแรก พ.ศ. 2519
    เหรียญที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว
    เป็นบล็อคประสบการณ์(จีวรจุดหลังผด)
    ไม่ใช่บล็อคลาแตกนะครับ

    [​IMG]




    [​IMG]

    [​IMG]
    เยี่ยมเลยครับพี่Amuletism แต่ราคาซื้อไม่ไหวครับแรงจริงๆ ^___^
     
  6. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,021
    มีแต่รุ่นใหม่นี้ได้หรือเปล่าครับพี่Amuletism เช่ามาจากวัดเลย ตอนลงใต้ ^___^
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  7. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    พี่ ryan boy ครับ ผมว่าถ้าไม่ซีเรียสมาก
    ตอนนั้น ผมเช่ามาเหรียญแรกเป็นบล็อคสายฝน
    ราคาเบาที่สุด ก็น่าจะอยู่ที่สองหมื่นครับ
    จริงๆ เหรียญนั้นเป็นเหรียญที่ผมมีประสบการณ์ตรงเลย
     
  8. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    แจ๋วเลยครับ พี่ Ryan boy
    เหรียญปั้มออกมาได้สวยมากๆ
    อยากไปกราบท่านมากๆ
    แต่ยังไม่มีโอกาสไปพัทลุงสักที
     
  9. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ขอบคุณครับ คุณ Khotee และคุณ Soul Power
     
  10. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    คำว่า "เนื้อกะลา" นี่แหละครับ
    ที่ผมยังไม่สามารถแยกได้ว่าพิจารณาอย่างไร
    เขาก็พยายามสอนให้ดูองค์จริง
    จำได้ว่าเจอหลวงปู่เอี่ยมอีกพิมพ์หนึ่ง
    ติดรางวัลเหมือนกันครับ เขาบอกห้าแสนกว่า
    ผมก็ถอดใจครับ เพราะรู้สึกว่าเรายังดูเนื้อไม่ออก
    และพระก็แพงมาก ซ้ำวันนั้นเป็นเวลาไม่สะดวกอีก
    ก็เลยอดไปเหมือนเคยตามระเบียบครับ
     
  11. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ขอบคุณมากครับ พี่รับโชค
    ผมว่าเป็นที่การจัดแสงและไฟครับ
    เหรียญโกหว่านั้น เป็นเหรียญของพ่อท่านคลิ้ง
    ที่ผมชอบมากที่สุดครับ เป็นเหรียญหน้าตรง
    ที่เหมือนท่าน มียันต์ช้างผสมโขลงที่เป็นเอกลักษณ์
    เจตนาการสร้างดี สร้างเพียงห้าพันองค์เท่านั้น
    อนาคตไกลต้องถึงแสนแน่นอนครับ
     
  12. ksongrit

    ksongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +7,405
    เอาของแปลกมาให้ชมกันครับ
    ได้จากเมืองคอน ผู้ใหญ่ท่านให้มาครับ ดูไม่เป็นเหมือนกัน

    [​IMG]
     
  13. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    วัตถุมงคลชิ้นนี้คืออะไรหรือครับ
    แล้วพี่ ksongrit อยู่นราธิวาสใช้พระอะไรประจำครับ
    ผมเดาว่าเป็นหลวงปู่ทวด
    อยากไปภาคใต้สามจังหวัดเหมือนกัน
    ยังไม่เคยมีโอกาสลงไปเลย
    ก็เกิดสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นก่อนครับ
     
  14. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    มาน้อบกราบหลวงปู่ดู่แห่งวัดสะแกครับ
    ท่านเป็นอริยสงฆ์ที่ผมศรัทธามาก
    เมื่อได้อ่านประวัติและคำสอน คติธรรมต่างๆ
    ผมจึงขอเพิ่มเติมประวัติสั้นๆ พอสังเขปนะครับ
     
  15. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นพระปฏิบัติดีที่น่านับถือรูปหนึ่ง อภินิหารของท่านมีเยอะมาก ท่านเป็นพระที่ปรารถนาในโพธิญาณ ดังนั้นหลวงปู่ดู่ จึงบำเพ็ญบารมีในชาตินี้ มิได้มุ่งหวังเป็นพระอรหันต์  คำสอนในการปฏิบัติของหลวงปู่ดู่ น่าสนใจมาก เข้ใจง่าย ไม่ซับซ้อนทุกคนสามารถฝึกกรรมฐานแนวของหลวงปู่  คำภาวนาที่ท่านสอนลูกศิษย์ในการภาวนาให้ยึดถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ โดยบริกรรมว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ  ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ  สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อให้จิตใจเกิดความสงบเป็นสมาธิพอสมควร จากนั้นน้อมจิตพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์   สำหรับวิธีปฏิบัติอย่างละเอียดขอแนะนำให้ไปหาหนังสือของวัดมาศึกษาดูครับ  ผมขอแนะนำว่าท่านสอนได้ดีมากทีเดียว   หลวงปู่ดู่  เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง ตรงกับวันวิสาขบูชา  เมื่อท่านอายุได้ 21 ปี ก็ได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2468  ณ อุโบสถวัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแด่ เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อฉาย วัดกลางคลองสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายาว่า “ พรหมปัญโญ ”   ในพรรษาแรกๆ นั้น หลวงปู่ดู่ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัด ประดู่ทรงธรรม (ในสมัยนั้นเรียกว่าวัด ประดู่โรงธรรม) โดยศึกษากับ ท่านเจ้าคุณเนื่อง พระครูชม หลวงพ่อรอด (เสือ) เป็นต้น   ในด้านการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน นั้น หลวงปู่ดู่ ได้ ศึกษา กับ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม ผู้เป้นพระอุปัชฌาย์ และ หลวงพ่อเภา ซึ่งเป็นศิษย์องค์สำคัญของหลวงพ่อกลั่น และ มีศักดิ์เป็นอาของ นอกจากนี้ยังได้ศึกษาจากตำราที่มีอยู่ จากชาดกบ้าง ธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่านเป็นผู้รักการศึกษา ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจาก พระอาจารย์อีกหลายท่าน ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี สระบุรี ฯลฯ    หลวงปู่ดู่ ให้ความนับถือหลวงปู่ทวดมาก มีลูกศิษย์หลายคนเชื่อว่าหลวงปู่ดู่ เป็นภาคหนึ่งของหลวงปู่ทวด ที่ลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมี หลวงปู่ดู่ มีพระสหธรรมิกที่สนิทกันหลายองค์เช่น หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรี หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ เป็นต้น  แต่ที่แปลกคือ หลวงปู่ดู่ ไม่เคยพบหน้าหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง แม้แต่ครั้งเดียว แต่หลวงปู่ดู่ ให้การยกย่องหลวงพ่อเกษม เป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง  ส่วนหลวงพ่อเกษม ก็เคยแนะนำลูกศิษย์ให้หาพระเครื่องหลวงปู่ดู่ รุ่นเปิดโลก ไว้บูชากัน  หลวงปู่ดู่  ได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันพุธที่ 17 มกราคมพ.ศ. 2533 รวมสิริอายุได้ 85 ปี 8 เดือน 65 พรรษา ยังความเศร้าโศกเสียใจแก่ลูกศิษย์อย่างยิ่ง   ปัจจุบันเท่าที่ทราบลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่ ยังมีหลายท่านที่น่าไปกราบสักการะเช่น หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ  หลวงพ่อติ้ว วัดมณีชลขันธ์  ครูบาบุญชุ่ม  เป็นต้น
     
  16. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ประวัติ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา ชาติภูมิ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง เป็นวันเพ็ญวิสาขปุรณมี ณ บ้านข้าวเม่า ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โยมบิดาชื่อ พุด โยมมารดาชื่อ พ่วง นามสกุล หนูศรี มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 3 คน ตัวท่านเป็นคนสุดท้อง เมื่อหลวงพ่อถือกำเนิดได้ไม่นาน มารดาของท่านก็เสียชีวิต และเมื่อท่านอายุได้ 4 ปี บิดาของหลวงพ่อก็เสียชีวิตอีก ทำให้หลวงพ่อกำพร้าตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านจึงได้อาศัยอยู่กับยาย และ พี่สาวชื่อ สุ่ม เป็นผู้ดูแลเอาใจใส่ เมื่อท่านถึงวัยที่ต้องศึกษา ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดกลางคลองสระบัว วัดประดู่ทรงธรรม และวัดนิเวศธรรมประวัติ ตามลำดับ เมื่อตอนที่ท่านยังเป็นทารกมีเหตุอัศจรรย์ที่ทำให้เชื่อว่าท่านจะต้องเป็น ผู้มีบุญวาสนามาเกิด คือในช่วงหน้าน้ำหลาก คืนหนึ่งขณะที่บิดาและมารดากำลังทำขนมอยู่นั้น มารดาท่านได้วางตัวท่านไว้บนเบาะนอกชานบ้าน แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดตัวท่านได้กลิ้งตกลงไปน้ำ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ตัวท่านกลับไม่จมน้ำ กลับลอยน้ำไปติดอยู่ข้างรั้ว กระทั่งสุนัขที่บ้านเลี้ยงไว้ มาเห็นเข้าจึงเห่าและวิ่งกลับไปกลับมา มารดาท่านจึงสงลัยว่าคงจะมีเหตุการณ์ผิดปกติ จึงได้ตามสุนัขออกมาดู ก็พบท่านลอยน้ำอยู่ติดกับข้างรั้ว อุปสมบท เมื่อท่านอายุได้ 21 ปี ก็ได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับวันอาทิตย์แรม 4 ค่ำ เดือน 6 ณ อุโบสถวัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแด่ เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อฉาย วัดกลางคลองสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายาว่า “ พรหมปัญโญ ” ศึกษาธรรม ในพรรษาแรกๆ นั้น หลวงปู่ดู่ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัด ประดู่ทรงธรรม (ในสมัยนั้นเรียกว่าวัด ประดู่โรงธรรม) โดยศึกษากับ ท่านเจ้าคุณเนื่อง พระครูชม หลวงพ่อรอด (เสือ) เป็นต้น ในด้านการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน นั้น หลวงปู่ดู่ ได้ ศึกษา กับ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม ผู้เป้นพระอุปัชฌาย์ และ หลวงพ่อเภา ซึ่งเป็นศิษย์องค์สำคัญของหลวงพ่อกลั่น และ มีศักดิ์เป็นอาของท่าน เมื่อท่านบวชได้พรรษาที่ 2 ประมาณปลายปี พ.ศ. 2469 หลวงพ่อกลั่นก็ได้มรณภาพ ท่านจึงได้ศึกษากับหลวงพ่อเภาเป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้ศึกษาจากตำราที่มีอยู่ จากชาดกบ้าง ธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่านเป็นผู้รักการศึกษา ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจาก พระอาจารย์อีกหลายท่าน ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี สระบุรี ฯลฯ เมื่อพ.ศ. 2486 ครั้นออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อก็ออกเดินธุดงค์ จากวัดสะแก มุ่งหน้า สู่ป่าเขาแถบจังหวัดกาญจนบุรี ในระหว่างทาง ก็แวะนมัสการสถานที่สำคัญต่างๆ ทางพุทธศาสนา นิมิตธรรม ในคืนหนึ่ง ในช่วงก่อน ปี พ.ศ.2500 เล็กน้อย หลังจากที่ท่านสวดมนต์ทำวัตรเย็น และเข้าจำวัดแล้วนั้น เกิดนิมิตไปว่าได้ฉันดาว ที่มีแสงสว่างมากเข้าไป 3 ดวง ขณะที่ฉันนั้นรู้สึกว่า กรอบๆ ดี เมื่อฉันหมดก็ตกใจตื่น ท่านจึงได้พิจารณานิมิตที่เกิดขึ้น ก็เกิดความเข้าใจในนิมิตนั้นว่า ดาวสามดวง ก็คือ ดวงแก้วไตรสรณาคมน์ นั้นเอง ท่านจึงท่อง “ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ” ก็เกิดปิติขึ้นในจิตท่านอย่างท่วมท้น เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และมั่นใจว่า การยึดมั่นพระไตรสรณาคมน์ เป็นวิธี ที่เข้าสู่แก่นแท้ เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา ท่านจึงกำหนดเอา พระไตรสรณาคมน์ เป็นองค์บริกรรมภาวนา เมตตาธรรม หลวงปู่ดู่ ท่านให้การต้อนรับแขกอย่างเสมอเท่าเทียมกันหมด ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ท่านจะพูดห้ามปรามหากมีผู้เสนอตัวเสนอหน้าคอยจัดแจงเกี่ยวกับแขกที่มาหาท่าน เพราะท่านทราบดีว่ามีผู้ใฝ่ธรรมจำนวนมากที่อุตสาห์เดินทางมาไกล เพื่อนมัสการและซักถามข้อธรรมจากท่าน หากมาถึงแล้งยังไม่สามารถเข้าพบได้โดยสะดวก ก็จะทำให้เสียกำลังใจ เป็นเมตตาธรรมอย่างสูงที่หลวงพ่อมีให้ศิษย์ทั้งหลาย และหากมีผู้สนใจการปฏิบัติกรรมฐาน มาหาท่าน ท่านจะเมตตาสนทนาธรรมเป็นพิเศษอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย หลวงปู่ทวด ท่านให้ความเคารพในองค์หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ เป็นอย่างมากทั้งกล่าวยกย่อง ว่าหลวงปู่ทวดท่านเป็นผู้ที่มีบารมีธรรมเต็มเปี่ยม เป็นโพธิสัตว์จะได้มาตรัสรู้ ในอนาคต ให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ยึดมั่น และระลึกถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อติดขัดในระหว่างการปฏิบัติธรรม หรือประสบปัญหาทางโลก ท่านว่า หลวงปู่ทวดท่านคอยที่จะช่วยเหลือทุกคนอยู่แล้ว แต่ขอให้ทุกคนอย่าท้อถอย หรือละทิ้งการปฏิบัติ สร้างพระ หลวงพ่อดู่ ท่านมิได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ การที่ท่านสร้าง หรืออนุญาตให้สร้างพระเครื่องหรือพระบูชา ก็เพราะเห็นว่า บุคคลจำนวนมากยังขาดที่ยึดเหนี่ยงทางด้านจิตใจ เพราะศิษย์ หรือ บุคคลนั้น มีทั้งที่ใจใฝ่ธรรมล้วนๆ กับ ยังต้องอิงกับวัตถุมงคล ท่านเคยพูดว่า “ติดวัตถุมงคลยังดีกว่า ที่จะไปให้ติดวัตถุอัปมงคล” แม้ว่าหลวงปู่ดู่ท่าน จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิฐานจิตให้ แต่สิ่งที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้นก็คือการปฏิบัติ การภาวนา นี้แหละ เป็นสุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง บางคนมาหาท่านเพื่อต้องการของดีเช่นเครื่องรางของขลัง ซึ่งมักจะได้รับคำตอบจากท่านว่า “ ของดีนั้นอยู่ที่ตัวเรา พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละของดี ” ปัจฉิมวาร นับตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาสุขภาพหลวงพ่อเริ่มทรุดโทรม เนื่องการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ด้วยเหตุจากการที่ต้องต้อนรับแขก และบรรดาศิษย์ทั่วทุกสารทิศ ที่นับวันก็ยิ่งหลั่งไหลกันมานมัสการท่านมากขึ้นทุกวัน แม้บางครั้งจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่างหนัก ท่านก็อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่าน เล่าว่า บางครั้งถึงขนาดที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่น และมีน้ำตาคลอเบ้า ท่านก็ไม่เคยปริปากให้ใครต้องเป็นกังวลเลย ภายหลังตรวจพบว่า หลวงพ่อ เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แม้ว่าทางคณะแพทย์ จะขอร้องท่านให้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ท่านก็ไม่ยอมไป ประมาณปลายปี พ.ศ.2532 หลวงปู่ดู่พูดบ่อย ครั้ง เกี่ยวกับ การที่ท่านจะละสังขาร ซึ่ง ในขณะนั้นหลวงปู่ดู่ท่านได้ใช้หลักธรรม ขันติ คือความอดทนอดกลั้นระงับ ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นจากโรคภัย จิตของท่านยังทรงความเป็นปรกติสงบเย็น จนทำให้คนที่แวดล้อมท่านไม่อาจสังเกตเห็นถึงปัญหาโรคภัยที่คุกคามท่านอย่าง หนัก วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาบ่ายนั้น มีนายทหารอากาศผู้หนึ่งมากราบท่านเป็นครั้งแรก หลวงพ่อท่านได้ลุกขึ้นนั่งตอนรับ ด้วยใบหน้าที่สดใส ราศีเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ จนบรรดาศิษย์ เห็นผิดสังเกต หลวงพ่อยินดีที่ได้พบกับศิษย์ผู้นี้ ท่านว่า “ต่อไปนี้ ข้าจะได้หายเจ็บไข้เสียที ” คืนนั้นมีคณะศิษย์มากรายท่าน ท่านได้พูดว่า “ ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้อง ICU ไปนานแล้ว ” พร้อมทั้งพูดหนักแน่นว่า “ข้าจะไปแล้วนะ” และกล่าวปัจฉิมโอวาทย้ำให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท “ถึง อย่างไรก็ขอให้อย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติ ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย ขึ้นเวทีแล้วต้องชก อย่ามัวแต่ตั้งท่า เงอะๆ งะๆ” หลังจากคืนนั้นหลวงพ่อก็กลับเข้ากุฏิ และละสังขารไปด้วยอาการสงบด้วยโรคหัวใจ ในกุฏิท่านเมื่อเวลาประมาณ 5 นาฬิกา ของ วันพุธที่ 17 มกราคมพ.ศ. 2533 รวมสิริอายุได้ 85 ปี 8 เดือน 65 พรรษา ยังความเศร้าโศกและอาลัยแก่ ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง อุปมาดั่งดวงประทีปที่เคยให้ความสว่าง ดับไป แต่เมตตาธรรมและคำสั่งสอนของท่านยังปรากฏ อยู่ในดวงใจของ ศิษยานุศิษย์ตลอดไป จึงขอยกธรรมคำสอนของหลวงพ่อที่สอนให้ศิษย์ เข้าถึงธรรมด้วยการสร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้นที่ตนเองดังนี้ “ตราบใดก็ตาม ที่แกยังไม่เห็นความดีในตัวเอง ก็ยังไม่นับว่า แกรู้จักข้า แต่ถ้าเมื่อใด แกเริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้ว เมื่อนั้นข้าว่า แกเริ่มรู้จักข้าดีขึ้นแล้วล่ะ”
     
  17. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สวัสดียามเช้าครับ และขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆให้อ่านกันเช่นเคยครับ
     
  18. ninetar

    ninetar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2011
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +53
    แสนห้าวิวแล้วจ้า...ยินดีด้วยครับ ผมเข้ากระทู้นี้บ่อยๆ เพราะมีพระสวยพระแท้ให้ดู ความรู้ประกอบแน่นๆ เต็มๆ ขอบคุณครับ
     
  19. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    พระกำนั่ง



    เมื่อพูดถึง "พระกำนั่ง"
    หากเป็นลูกศิษย์ที่เคยปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงปู่ดู่
    ก็จะไม่นึกแปลกใจอะไร เพราะได้ยินได้ฟังจนคุ้นหู
    แต่ถ้าเป็นคนอื่น ก็มักต้องขอให้พูดซ้ำอีกครั้งว่า คืออะไร

    พระกำนั่งนี้ หากพูดเต็ม ๆ ก็อาจพูดว่า "พระสำหรับกำนั่งสมาธิ" หรือ "สมเด็จฯ กำนั่ง" ก็เรียก
    เพราะพระที่หลวงปู่สร้างไว้สำหรับกำนั่งสมาธินั้น โดยมากจะใช้พิมพ์ของสมเด็จโตฯ วัดระฆัง
    ซึ่งจริง ๆ แล้วก็อาจมีพิมพ์อื่น ๆ ปนบ้าง เช่น
    พิมพ์เหรียญยันต์ดวง และ พิมพ์พระพรหมใหญ่ เป็นต้น

    พระกำนั่งนี้ หลวงปู่จะแจกให้ผู้จะปฏิบัติกรรมฐาน
    ใช้กำไว้ในมือข้างขวา โดยหันเศียรพระออกไปนอกตัวเรา กำเพียงเบา ๆ
    แล้วก็บริกรรมภาวนา ไตรสรณคมณ์
    (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ  ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ)

    และพร้อม ๆ กับการบริกรรมภาวนา ท่านก็ให้ ตั้งนิมิตองค์พระ ที่เรารู้สึกศรัทธา และจดจำได้ง่าย เช่น
    พระพุทธชินราช 
    พระแก้วมรกต
    หลวงพ่อโสธร ฯลฯ
    หากไม่มี ก็ให้ลืมตามอง สมเด็จฯ กำนั่ง ที่อยู่ในมือนั้นแหละ เป็นองค์นิมิต
    นึกให้ชัด ถ้านึกไม่ออก ก็อาจลืมตามามองดูอีก จนกระทั่งชัดทั้งลืมตา และ หลับตา

    อย่าลืมว่า เริ่มจากการเห็นโดย ความรู้สึก
    มิใช่เห็นอย่าง ลืมตาดูทีวี
    เพราะฉะนั้น จะหวังให้องค์นิมิตชัดแจ่มในตอนต้นนั้นไม่ควร

    พระสมเด็จกำนั่งที่หลวงปู่สร้างขึ้น ก็เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการปฏิบัติกรรมฐาน
    โดยพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ที่ท่านอธิษฐานจิตลงไป
    จะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้จิตของเรารวมเป็นสมาธิได้ง่ายขึ้น รวมทั้งป้องกันนิมิตร้ายต่าง ๆ

    ส่วนทางด้านปัญญา ท่านว่าเมื่อจิตสงบแล้ว ก็ให้นึกอธิษฐานขอบารมีจากองค์พระ
    ให้ธรรมที่สมควรแก่จิตของเราขณะนั้น...จงบังเกิดรู้ขึ้นมา
    (อาจเป็นข้อธรรมผุดขึ้นให้เราพิจารณา)

    พระกำนั่งนี้ก็แปลก บางคนพอได้กำในระหว่างการปฏิบัติแล้ว
    ก็มักรู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าอ่อน ๆ วิ่งไหลผ่านมือที่กำพระอยู่นั้น
    ทำให้เกิดอาการปีติ...อันเป็นอาหารของใจ ที่ทำให้ใจเจ้าของเกิดกำลังขึ้นมา

    พระกำนั่งเป็นของไม่มีราคา (เพราะท่านแจกให้เปล่า)
    แต่มีคุณค่าเหลือประมาณ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ปฏิบัติ

    อย่างไรก็ดี ท่านก็มิได้สอนให้ลูกศิษย์ยึดติดในพระกำนั่ง
    จนกระทั่งหากไม่มีพระกำนั่ง จะนั่งปฏิบัติกรรมฐานมิได้

    ผู้ปฏิบัติควรวางใจของตน เพื่อสร้างความชำนาญในการเข้าสมาธิให้สม่ำเสมอ
    ทั้งในยามที่มีพระกำนั่ง และ ในยามที่ไม่มีพระกำนั่ง
    เพราะสุดท้ายแล้ว ย่อมมารวมลงที่ใจที่มีศรัทธา เชื่อมั่นในคุณพระที่มีอยู่...อย่างจะนับจะประมาณมิได้


    ***จากบทความของ คุณสิทธิ์
    ที่มา luangpudu.com / luangpordu.com
     
  20. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ขอบพระคุณมากครับ ท่านพี่ทั้งสองท่าน(f)(f)(f)
     

แชร์หน้านี้

Loading...