เรื่องลี้ลับ มช.ที่ไม่ได้มีแค่ ป็อก... ป็อก...ครืด

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 25 ตุลาคม 2009.

  1. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    มช.

    พื้นที่แต่เดิมของบริเวณที่ก่อสร้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และสวนสัตว์ส่วนใหญ่แต่เดิมเป็นพื้นที่ของเวียงเจ็ดริน หรือเจ็ดลิน

    [​IMG]

    ข้อมูลจาก wikipedia ได้ความดังนี้

    "ตำนานที่กล่าวถึงการสร้างเวียงเจ็ดลินคือ ตำนานสุวรรณคำแดง และตำนานเชียงใหม่ปางเดิม ที่ได้อธิบายถึงการก่อร่างสร้างเมืองของชนพื้นเมืองในแถบดอยสุเทพ ซึ่งในตำนานย้อนไปถึงเรื่องราวของเจ้าหลวงคำแดง อันเป็นอารักษ์ของเมืองเชียงใหม่ ว่าได้เดินทางตามเนื้อทรายทอง มาถึงดอยสุเทพ และได้มีลูกกับนางผมเฝือและนาง*********กว้าง จากนั้นก็สร้างเมือง “ล้านนา”ให้ลูกได้อยู่จากนั้นก็ได้กลับไปยังดอยหลวงเชียงดาว
    เมืองที่เจ้าหลวงคำแดงได้สร้างนั้น ต่อมาได้ล่มเป็นหนองใหญ่ แล้วก็ได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นมาอีกเมือง ชื่อว่า “เมืองนารัฏฐะ” โดยมีเจ้าเมืองชื่อว่า “มินนราช” สืบมาจนถึงสมัยของ “พระยามุนินทพิชชะ” คนไม่มีศีลไม่มีสัจ เจ้าเมืองขาดคุณธรรม ทำให้อารักษ์และเชนบ้านเชนเมืองไม่พอใจ บันดาลให้เมืองล่มลงเป็นคำรบสอง
    ถัดมาก็ไปสร้างเมืองอีกเมืองหนึ่งอยู่ทางตะวันออกของตีนดอยอุสุปัพพตา นามว่า “เวียงเชฏฐบุรี” หรือ “เวียงเจ็ดลิน” ซึ่งขณะนั้นมีทั้งไทยและลัวะอยู่ด้วยกัน ฝ่ายข้างไทย มีพระยาสะเกต เป็นหัวหน้า ฝ่ายลัวะมีพระยาวีวอเป็นหัวหน้า
    เวียงเชฏฐปุรีนี้มีผู้ปกครองสืบมา 14 ท้าวพระญา ก็ถูกผีขอกฟ้าตายืน มาล้อมเวียงทำให้ชาวเมืองเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมาก ยามนั้นเจ้ารสี จึงขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากพระยาอินทาธิราช พระยาอินท์จึงให้ชาวลัวะทั้งหลายถือ ศีล 5 ศีล 8 เมื่อนั้นผีทั้งหลายก็ไม่มาเบียดเบียนอีกต่อไป และนอกจากนี้ พระอินทร์ก็ยังให้ลัวะ 9 ตระกูลดูแลรักษา ขุมเงิน ขุมคำ (ทอง) และขุมแก้ว บ้านเมืองเจริญและบ้านเมืองขยายมากขึ้น
    จากเวียงเชฏฐปุรีจึงขยายไปสร้างเวียงใหม่อีกสองแห่งคือ “เวียงสวนดอกไม้หลวง” และ “เมืองล้านนานพบุรี” ตามลำดับ สำหรับตำนานจะกล่าวถึงเวียงเจ็ดรินหรือเวียงเชฏฐปุรีเพียงเท่านี้ จากนั้นจะเป็นเรื่องราวของเสาอินทขีลต่อไป
    นอกจากตำนานนี้แล้ว เวียงเจ็ดลิน หรือเวียงเชฏฐปุรี ยังกล่าวถึงในตำนานของขุนหลวงวิรังคะ อันเป็นเจ้าแห่งลัวะบริเวณเชิงดอยสุเทพ ที่ทำการสู้รบกับหริภุญไชย ด้วยเหตุที่พระนางจามเทวีไม่ตอบรับจิตปฏิพัทธ์ซ้ำยังดูหมิ่น จึงยกทัพเพื่อจะมาต่อท้ากับเมืองหริภุญไชย แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับสองโอรสฝาแฝดของพระนางจามเทวี
    จากเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า เวียงเจ็ดลิน เป็นเมืองที่มีการพัฒนาและเจริญมาในระดับหนึ่งในเชิงดอยสุเทพ และจากตำนานชี้ให้เห็นว่า การตั้งถิ่นฐานของผู้คนในดินแดนนี้มาเนิ่นนานแล้ว

    เวียงเจ็ดลินนับจากสมัยพระญาสามฝั่งแกน
    เวียงเจ็ดลินที่เห็นในปัจจุบันนี้ สร้างในสมัยของพระญาสามฝั่งแกน ในปี พ.ศ. 1954 เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันเมืองเชียงใหม่ ในคราวที่ท้าวยี่กุมกามพี่ชาย ได้ชักชวนพระญาไสลือไทแห่งสุโขทัย ยกทัพมาตีเชียงใหม่ และมาตั้งทัพอยู่บริเวณเชิงดอยเจ็ดลิน อันเป็นบริเวณเวียงเจ็ดลิน
    ทางเมืองเชียงใหม่ จึงทำการตั้งกองทัพ โดยใช้เกวียน 200 เล่มตั้งเรียงรายจากแจ่งหัวลินไปทางเชิงดอยเจ็ดลิน ทำให้พญาไสลือไทยมีความเกรงกลัวจึงยกทัพหนีกลับไปยังสุโขทัย ทำให้พระญาสามฝั่งแกนาเอาเหตุอันที่พระญาไสลือไทพ่ายกลับไป จึงสร้างเวียงยังที่ตั้งทัพนั้นเอง การสร้างเวียงเจ็ดลินใช้ผังเมืองเป็นรูปวงกลม เพราะเวลามีข้าศึก จากศูนย์กลางไปยังกำแพงเมืองจะใช้เวลาพอ ๆ กันทุกทิศทาง ทำให้การป้องกันเมืองทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
    นอกจากนี้ การศึกบริเวณดอยเจ็ดลินครั้งนี้ ทำให้ก่อให้เกิดตำแหน่งขุนนาง หนึ่งในสี่ขุนนางสำคัญ นั่นคือตำแหน่ง “เด็กชาย” นอกเหนือจากตำแหน่ง “สามล้าน – แสนพิงไชย – จ่าบ้าน” ด้วยเหตุที่มีหนุ่มวัย 16 ผู้หนึ่งนาม เพ็กยส มีความกล้าหาญไปสอดแนมทัพของท้าวยี่กุมกามและพระญาไสลือไท และได้ตัดหัวข้าศึกมาถวาย พระญาสามฝั่งแกนจึงให้ตำแหน่งเป็น “เด็กชาย” สืบมาถึงปัจจุบัน
    เมื่อพระญาสามฝั่งแกนสร้างเวียงเจ็ดลินแล้ว ก็ใช้เป็นที่ประทับพักผ่อน และได้ประทับที่เวียงนี้มากกว่าที่จะประทับอยู่ในเวียงเชียงใหม่ จนเป็นเหตุให้ท้าวลก ได้ลุกมาชิงอำนาจเป็นพระเจ้าติโลกราชได้
    เวียงเจ็ดลินก็ยังมีความสำคัญอยู่เสมอมา ด้วย “น้ำ” ที่เวียงเจ็ดลินนี้ ถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ อนึ่ง ได้รับน้ำจากดอยสุเทพ และ ศูนย์กลางของเมืองก็ยังเป็นแหล่งน้ำผุด และมีรสชาติโอชา ในสมัยของพระญายอดเชียงราย ได้นำน้ำจากเวียงเจ็ดลิน มาทำน้ำอบเพื่อส่งไปเป็นน้ำสรงพระธาตุดอยตุง
    ในสมัยของพระมหาเทวีจิรประภา พระไชยราชากษัตริย์แห่งอยุธยา ได้ยกทัพเพื่อที่จะมาตีเมืองเชียงใหม่ แต่ด้วยนโยบายทางการเมืองของพระมหาเทวี จึงได้ผูกไมตรีเป็นพันธมิตรกับพระไชยราชา และได้พาเสด็จมายังเวียงเจ็ดลินนี้ด้วยเช่นกัน
    เวียงเจ็ดลินยังมีความสำคัญมาจนถึงสมัยของเจ้าเจ็ดตน ดังสมัยของเจ้าหลวงพุทธวงศ์ (พ.ศ. 2369 – 2389) ก็มาประทับที่เวียงเจ็ดลิน ในระหว่างที่มีเคราะห์ และในระหว่างปีพ.ศ. 2458 – 2468 เวียงเจ็ดลินก็ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง เชียงใหม่ด้วยเช่นกัน"

    ส่วนข้อสรุปที่ว่า เป็นสุสานเก่า เป็นแดนประหาร อันนี้ไม่ทราบ เพราะส่วนตัวไม่เคยเห็นวัตถุพยานยืนยัน แต่ถ้าถามว่าผีเยอะใหม ส่วนตัวตอบได้ว่าเยอะ ไอ้ที่ไม่เล่ากันปากต่อปากมีอีกมากมาย
     
  2. jomjamp

    jomjamp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    767
    ค่าพลัง:
    +1,810
    เคยคราบ

    ผมฟังเป็นชื้อผัดไทยนะ

    แล้วหอแปดเหลี่ยมเป้นสะดือเชียงใหม่(ฟังมา)แล้วทำหอสายฟ้าไว้สะกดอีกที

    ถ้ามาดูของจิงแล้วจะรู้ว่าเจ๋ง

    มันคือศิลปะ
     
  3. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    ก็ๆ หอ3หญิง(หอแปดเหลี่ยม)กะหอ2หญิงนี่แหล่ะ
    ไม่รู้เป็นไงนะคะ พอขึ้นไปแล้ว ถ้าไม่ คุ้นจริงๆ จะหลง ไม่ลงทางเก่าค่ะ
    ขึ้นอีกทางแล้วไปลงอีกทาง หึหึ จะเกี่ยวกับอาถรรพณ์ หรือเปล่าก็ไม่รุ้นะ
    เคยขึ้นไปหาเพื่อน แล้วก็หลง บ่อยครั้ง:boo:
     
  4. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
     
  5. ืnoui004

    ืnoui004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +104
    เทคโนราชมงคล อีกเสียงครับ
     
  6. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    อยู่หอ 8 ห้องสีชมพูมีจริง ไม่เคยเห็นว่าใช้เป็นห้องพักหรือทำกิจกรรมอะไร ปิดไว้ตลอด แต่ก็ไม่เคยเจออะไร ป็อก ป็อก ครืด นี่เคยได้ยิน ส่วนหอนาฬิกา ลุงรหัส เคยไปขับรถวนซ้าย 3 รอบเที่ยงคืน ก็บอกว่าไม่เจออะไร แต่เท่าที่ทราบ ม.เชียงใหม่ วัดฝายหิน สวนสัตว์เชียงใหม่ และราชมงคลเชียงใหม่ บริเวณนั้นเมืองเก่า ตามตำนานสุวรรณคำแดง เมืองที่เจ้าหลวงสุวรรณคำแดงสร้างไว้ ได้กลายเป็นเวียงหนองล่ม (แผ่นดินถล่ม จนเมืองกลายเป็นหนองน้ำ) จึงได้มาสร้างเมืองใหม่ชื่อเวียงเจ็ดลิน ปัจจุบันหากใครเคยไปสวนสัตว์เชียงใหม่ อาจจะเคยเห็นพื้นที่ติดรั้วสวนสัตว์ มีซากปรักหักพังมองเห็นเป็นเขตกำแพงเมืองเก่า คือเวียงเจ็ดลินนี่เอง กำแพงเวียงนี้ สร้างในสมัยพระยาสามฝั่งแกน เป็นลักษณะเกือบจะเป็นวงกลม ด้านหลังติดดอยสุเทพ จึงไม่เป็นวงกลมเสียทีเดียว ง่ายต่อการป้องกันข้าศึก เพราะตั้งอยู่ในชัยภูมิซึ่งเป็นที่สูง และการเดินเท้าจากจุดศูนย์กลางเวียงไปประตูทิศต่างๆ จะใช้เวลาเท่ากัน เนื่องจากมีสงครามกับสุโขทัย จึงอาจเป็นได้ที่บริเวณนั้นเคยเป็นสนามรบ หรืออาจเป็นเพียงเวียงที่เจ้าหลวงแปรพระราชฐานในโอกาสต่างๆ ก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณในพื้นที่ใกล้เคียง เวียงเจ็ดลิน มีความสำคัญอีกประการคือ มีน้ำผุด (คาดว่าเป็นพุน้ำแร่ : combattgirl) และธารน้ำที่ไหลลงมาจากยอดดอยสุเทพ ซึ่งใช้ในการสรงน้ำพระธาตุดอยตุง (หากข้อมูลมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด ขอน้อมรับความผิดไว้แต่ผู้เดียว คนแก่ความจำอาจเลอะเลือน)
     
  7. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    บริเวณวัดฝายหิน ติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนนี้ เคยเป็นที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น การฟ้อนผีมดผีเม็ง (เม็ง เป็นคำเรียกชาวมอญ) การบูชาผีปู่แสะย่าแสะ
    ตำนานเล่าว่าปู่แสะเป็นยักษ์ที่รักษาดอยสุเทพ ย่าแสะเป็นยักษ์ที่รักษาดอยคำ (แถวงานพืชสวนโลก) ทุกปีจะต้องมีคนล้มตาย เชื่อว่าเพราะปู่แสะย่าแสะมาจับคนกินเป็นอาหาร (จริงๆอาจเกิดจากโรคระบาดก็ได้ ฟังตำนานเขาต่อไปก่อนละกัน) จนกระทั่งพระพุทธเจ้าเสด็จมายังดอยสุเทพ ได้เทศน์โปรดจนปู่แสะย่าแสะหันมารักษาศีล เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ ชาวเมืองเกรงว่าหากพระพุทธเจ้าไม่อยู่ ปู่แสะย่าแสะอาจกลับมากินคนและสัตว์อีก จึงได้สร้างพระบด (ภาพเขียนพระพุทธเจ้าบนผืนผ้า) นำไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ เมื่อลมพัดภาพพระบดจะแกว่งไกว ประดุจว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระดำเนิน เคลื่อนไหวอยู่บริเวณดอยสุเทพ ปู่แสะย่าแสะจะได้ไม่กล้าทำความเืดือดร้อนให้ชาวเมือง นอกจากนี้ ยังมีการเซ่นไหว้บูชายัญด้วยวัวควายต่อปู่แสะย่าแสะ เพื่อจะได้ไม่ต้องมากินคนเป็นอาหาร ปัจจุบัน พิธีกรรมเหล่านี้ไม่มีแล้วค่ะ ไม่แน่ใจใน youtube มีหรือเปล่า
     
  8. PaPaEarthEarth

    PaPaEarthEarth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2010
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +73
    เคยเรียนอยู่ มช 9 ปี ปี 33-42 ได้ฟังเรื่องที่เล่ามาบ้าง แต่โดยส่วนตัวและเพื่อนๆในกลุ่ม
    ไม่เคยมีประสบการณ์เองเลย อยู่กันอย่างสบายๆ ชิวๆ ครับ จะมีที่น่ากลัวกว่าก็แบบ ประเภทเดินเข้าหอ 3 มีเสียงจากชั้นสอง ทำนอง คนนี้ชอบนะ รักจริง ฟังแล้วเสียว 555
     
  9. PaPaEarthEarth

    PaPaEarthEarth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2010
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +73
    เคยเรียนอยู่ มช 9 ปี ปี 33-42 ได้ฟังเรื่องที่เล่ามาบ้าง แต่โดยส่วนตัวและเพื่อนๆในกลุ่ม
    ไม่เคยมีประสบการณ์เองเลย อยู่กันอย่างสบายๆ ชิวๆ ครับ จะมีที่น่ากลัวกว่าก็แบบ ประเภทเดินเข้าหอ 3 มีเสียงจากชั้นสอง ทำนอง คนนี้ชอบนะ รักจริง ฟังแล้วเสียว 555
     

แชร์หน้านี้

Loading...