ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมาก ๆ

อัล-อาลัม : สถานีโทรทัศน์อั​​ล-อาลัม ได้รายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าวต่าง ๆ ของลิเบียว่า ทูตอเมริกาในลิเบียได้ถูกฆ่าตายในระหว่างการโจมตีสถานกงสุลอเมริกาในเมืองเบนกาซีในช่วงคืนวันอังคารที่ผ่านมา

ตามการรายงานของเว็บไซต์สถานีโทรทัศน์อัล-อาลัม ในการประท้วงต่อต้านการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามที่ปรากฏในภาพยนตร์ของอเมริกาเรื่องหนึ่ง ประชาชนชาวเมืองเบนกาซีได้บุกโจมตีไปยังสถานกงสุลอเมริกาในเมืองเบนกาซีในช่วงคืนวันอังคารที่ผ่านมา ยังผลทำให้อาคารของสถานกงสุลถูกเผาอย่างราบเรียบและมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

บางแหล่งข่าวได้รายงานว่า นักการทูตสหรัฐจำนวนสี่คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น คือ นายคริสโตเฟอร์ สตีเว่นส์ ทูตของอเมริกาในลิเบียได้ถูกฆ่าตายในการโจมตีครั้งนี้

การบุกโจมตีได้เกิดขึ้นโดยการปาระเบิดเพลิงและการยิงลูกกระสุนเข้าไปในอาคาร และบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารพยายามที่จะต้านทานด้วยการยิงตอบโต้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และภายหลังจากการโจมตีไม่นานนัก เพลิงได้ลุกไหม้อาคารของสถานกงสุล

สถานทูตอเมริกาในกรุงตริโปลีกำลังพยายามที่จะเคลื่อนย้ายบรรดาเจ้าหน้าที่กงสุลของประเทศของตนที่อยู่ในเมืองเบนกาซีซึ่งมีจำนวน 35 คนพร้อมด้วยบรรดาศพของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตไปยังเมืองหลวงของลิเบีย

ในขณะเดียวกัน ผู้ประท้วงชาวอียิปต์จำนวนหลายร้อยคน ในการประท้วงต่อต้านการดูหมิ่นท่านศาสดาของอิสลาม (ซ็อลฯ) ในภาพยนตร์อเมริกันเรื่องหนึ่งได้บุกเข้าไปยังสถานทูตของประเทศนี้ในกรุงไคโรในช่วงวันอังคาร และได้ดึงธงชาติของประเทศนี้ลง

ธงชาติของอเมริกาซึ่งได้ถูกลดครึ่งเสาในวันอังคาร เนื่องจากวันครบรอบปีของเหตุการณ์การโจมตี 11 กันยายน แต่กลุ่มผู้ประท้วง ภายหลังจากปีนกำแพงขึ้นไปบนหลังคาของสถานทูตสหรัฐได้แล้ว จึงได้จัดการเผาธงชาติของอเมริกา

 

ขอให้สงบโดยไว อย่าได้เป็นจุดเริ่มแห่งสงครามใหญ่เลยครับ

 

ปีนี้ครบ20ปีครับ

 

เป็นเรื่องใหญ่และรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ไปแล้ว กับตัวอย่างหนังเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งที่มีการเผยแพร่ตัวอย่างออกมาทางเว็บไซต์ YouTube และได้ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในหมู่ชาวมุสลิมถึงขั้นก่อให้เกิดการประท้วง และก่อเหตุรุนแรงในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศลิเบียมีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน รวมถึง คริสโตเฟอร์ สตีเว่นส์ ทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบียด้วย

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้กล่าวประณามการกระทำรุนแรงดังกล่าว และยืนยันว่าต้องมีคนรับผิดชอบ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากความไม่พอใจของเหล่าชาวมุสลิมต่อหนังที่มีเนื้อหาลบหลู่ศาสดา นบีมุฮัมมัด ที่มีชื่อเรื่องว่า Innocence of Muslims

ตามข้อมูล Innocence of Muslims เป็นหนังอิสระที่อ้างว่าใช้ทุนสร้างราว 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นผลงานของ แซม เบซิล นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวสหรัฐฯ เชื้อสายอิสราเอลวัย 50 เศษ ที่สร้างหนังเรื่องนี้เพื่อจุดประสงค์ชัดเจน ในการต่อต้านศาสนาอิสลาม กับการล้อเลียนชีวิตของ นบีมุฮัมมัด ให้ออกมาในรูป "ตัวตลก และคนเจ้าชู้" ส่วนภาพของอิสลามก็ถูกโจมตีเป็น "ศาสนาจอมปลอม"

หนังไม่เพียงนำเสนอศาสดาของศาสนาออกมาในรูปของคนธรรมดา ๆ แต่ยังมีแนวโน้มเป็นพวกรักร่วมเพศ ที่ลืมตาดูโลกขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าพ่อของตนเองคือใคร และเจริญรุ่งเรืองขึ้นมากับการส่งเสริมการมีทาสเด็ก และคบชู้ ด้วยข้ออ้างทางศาสนา

ตัวอย่างหนังที่มีความยาว 14 นาที ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ผู้ชม รับรู้ถึงความไม่เป็นมืออาชีพของคนสร้าง ทั้งการถ่ายทำด้วยเทคนิคกรีนสกรีนที่ไม่แนบเนียน, คอมพิวเตอร์กราฟฟิกอันด้อยคุณภาพ และการแสดงที่แข็งเป็นท่อนไม้ กลับเป็นงานที่สร้างกระแสขึ้นมาได้อย่างไม่มีใครคาด หลังตัวอย่างดังกล่าวถูกเผยแพร่ในเดือน ก.ค. และถูกสื่อในอียิปต์นำไปพูดถึง ต่อมาถูกแพร่กระจายไปเรื่อย ๆ ในประเทศมุสลิม จนทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะที่ลิเบีย ซึ่งเกิดความรุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตามยังมีคำถามว่าสุดท้ายแล้วหนังเรื่อง Innocence of Muslims มีฉบับเต็มอยู่จริง ๆ หรือไม่ หรือมีเพียงตัวอย่าง 14 นาทีนี้เท่านั้น มีกระทั่งคำถามว่า แซม เบซิล มีตัวตนอยู่ จริงหรือไม่? เป็นแค่นามแฝงของใครบางคนเท่านั้น

ขณะเดียวกันขั้นตอนการสร้างหนังเรื่อง Innocence of Muslims ก็เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากล ข่าวระบุว่าผู้สร้างบอกทีมงาน และนักแสดงทุกคนว่า หนังมีเนื้อหา และฉากหลังอยู่ในอียิปต์ แต่เมื่อถ่ายทำเสร็จหนังกลับถูกนำมาพากย์เสียงทับ ให้ไปเกี่ยวข้องกับเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวของศาสนาลงไปภายหลัง

"ทีมงาน และนักแสดงทุกคนรู้สึกไม่พอใจกับการโดนเอาเปรียบจากผู้สร้าง พวกเราไม่มีส่วนแม้แต่น้อยกับหนัง ที่มีการบิดเบือนเกี่ยวกับจุดประสงค์ และความมุ่งหมายของมันไป ... เราช็อคเมื่อหนังถูกแก้บทพูด และหลอกลวงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้" หนึ่งในทีมงานออกแถลงการณ์หลังเกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น

ซินดี ลี การ์เซีย ก็เป็นนักแสดงอีกคนที่มีส่วนร่วมในหนัง เธอบอกว่าได้รับบทหนังที่มีชื่อว่า "Desert Warriors" โดยไม่ทราบเลยว่านี่จะกลายเป็น Innocence of Muslims ในเวลาต่อมา เพราะหนังที่เธอรับเล่นนั้น มีเรื่องราวฉากหลังอยู่ในอียิปต์เมื่อ 2,000 ปีก่อน และตัวละคร "มุฮัมมัด" ก็ถูกเรียกว่า "มิสเตอร์จอร์จ" ในการถ่ายทำ

ถึงตอนนี้ เบซิล ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการหลบซ่อนตัว เพราะเกรงว่าตนจะกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มชาวมุสลิม ล่าสุดเขาได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุที่เกิดขึ้น โดยแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุรุนแรง และมีความสูญเสีย แต่ยังคงยืนยันถึงจุดยืนทางการเมืองของตน และเรียกศาสนาอิสลามว่าเป็น "มะเร็งร้าย" พร้อมอ้างว่า Innocence of Muslims เป็นหนังการเมืองไม่ใช่หนังศาสนา

เบซิล ยังแสดงความเห็น ถึงเหตุร้ายในลิเบียที่ทำให้ทูตสหรัฐฯ เสียชีวิต ว่าเป็นปัญหาของการรักษาความปลอดภัยที่ควรมีการปรับปรุง

ขอบคุณผู้จักการ

 

ซัดกันให้หนำใจ..... แล้วมาสั่งซื้อ ข้าวไทย ไปเป็นสะเบียง

เกษตรกรไทยรวยแน่ ไชโย !!!!



++++ข้าวไทย ไปสงครามโลก +++

 

จะเอาข้าวที่ไหนไปขายเขาล่ะคุณ Numtrn น้ำท่วมหมดแล้ว!?

 

ที่ นำจำ ไว้น่ะ........

 

อิหร่านเอาด้วย รวมตัวชุมนุมประท้วงหนังหมิ่นอิสลามร่วม 500 นอกสถานทูตสวิส



เอเอฟพี - ผู้ชุมนุมร่วม 500 คนรวมตัวกันในกรุงเตะหราน วันนี้ (13) เพื่อประท้วงภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาอิสลามที่สร้างในสหรัฐฯ เรื่อง “อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม” พร้อมตะโกนด่าทอทั้งอเมริกา และผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้

Around the World - Manager Online - อิหร่านเอาด้วย รวมตัวชุมนุมประท้วงหนังหมิ่นอิสลามร่วม 500 นอกสถานทูตสวิส

 

ล่าสุดข่าวบอกตอนนี้บานปลายใหญ่แล้ว

 

ถ้าดูตามประวัติศาสตร์ ก็รบกันมาตลอดอยู่แล้ว

 

เลบานอนจุดไฟเผาร้านเคเอฟซี หลังไม่พอใจต่อภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลาม

เอเอฟพี - กลุ่มประท้วงก่อเหตุจุดไฟเผาร้านเคเอฟซี สาขาหนึ่งทางภาคเหนือของเลบานอนเมื่อวันศุกร์(14) จนเกิดปะทะกับตำรวจ และทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปกว่า 25 คน ปฏิบัติการโจมตีเพื่อระบายความโกรธแค้นต่อภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม อันชุดชนวนความขุ่นเคืองและการชุมนุมประท้วงดุเดือดทั่วโลกมุสลิม

เหตุโจมตีร้านฟาสต์ฟูดชื่อดังของสหรัฐฯ มีขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทางเสด็จถึงเลบานอน ในกำหนดการเยือน 3 วัน พร้อมกับทรงเรียกร้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคริสเตียน-มุสลิม และกล่าวตำหนิพวกหัวรุนแรงทางศาสนา

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าฝูงชนราว 300 คน หลั่งไหลออกจากมัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองตริโปลี ทางเหนือของเลบานอน หลังเสร็จสิ้นพิธีสวดมนต์ประจำสัปดาห์ พร้อมกับโบกธงสัญลักษณ์อิสลามิสต์ ตะโกนต่อต้านสหรัฐฯและสมเด็จพระสันตะปาปา


ชาวปากีสถานก็ประท้วงต่อต้านสหรัฐฯและผู้ผลิตภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลามในหลายเมือง

เมื่อเดินทางมาถึงร้านเคเอฟซี ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของตริโปลี คนเหล่านั้นก็เริ่มขว้างหินใส่ตำรวจ ทุบทำลายข้าวของและจุดไฟเผา จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บไป 5 นาย ส่วนตำรวจก็ตอบโต้ด้วยการแก๊สน้ำตาและยิงปืนขึ้นสู่อากาศ

ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตเป็นเหยื่อของกระสุนปืน ทว่ากรณีแวดล้อมยังไม่เป็นที่ชัดเจน

ขณะเดียวกันสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีผู้ประท้วงชาวซูดานราว 10,000 คน รวมตัวเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงคาร์ทูมเมื่อวันศุกร์(14) แสดงพลังต่อต้านภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลาม หลังจากลงมือโจมตึสถานทูตอังกฤษและเยอรมนีไปหมาดๆ

การปะทะมีขึ้นหลังจากกองกำลังรักษาความมั่นคงปิดกั้นถนนที่มุ่งสู่สถานทูตสหรัฐฯ จนสร้างความไม่พอใจแก่ผู้ประท้วงและขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ หลังจากก่อนหน้านี้ผู้ชุมนุมที่แตกกลุ่มออกมาราว 5,000 คนบุกเข้าไปยังสถานทูตอังกฤษและเยอรมนี ก่อนลงมือจุดไฟเผาจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ที่ปากีสถาน มีรายงานว่าประชาชนหลายพันคนจับกลุ่มชุมนุมกันตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ ในนั้นบางแห่งจุดไฟเผาธงชาติสหรัฐฯและเรียกร้องสำเร็จโทษผู้ผลิตภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาของพวกเขา


มีผู้ประท้วงชาวซูดานราว 10,000 คน รวมตัวเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงคาร์ทูมเมื่อวันศุกร์(14)

ตำรวจต้องเข้ารักษาความปลอดภัย ณ สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงอิสลามาบัด ช่วงสั้นๆ หลังจากเกิดเหตุรุนแรงตามสถานกงสุลและสถานทูตสหรัฐฯ ทั้งในอียิปต์ ลีเบียและเยเมน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตามเหตุประท้วงในเมืองหลักไม่ว่าจะเป็นลาฮอร์ การาจี เกวตตา เปชวาร์ รวมถึงในเมืองหลวง ก็ผ่านพ้นไปอย่างสันติ

ส่วนที่อิรัก ประชาชนหลายพันคนรวมตัวกันตามเมืองต่างๆทั่วประเทศเป็นวันที่ 2 โดยมีการจุดไฟเผาธงชาติสหรัฐฯและอิสราเอล แสดงพลังต่อต้านภาพยนตร์ต่อต้านอิสลามที่ก่อความโกรธกริ้วในโลกมุมลิม เช่นเดียวกับในปาเลสไตน์ ที่ผู้ชุมนุมหลายพันคนรวมตัวกันในฉนวนกาซาและอีกหลายร้อยคนในเยรูซาเลม โดยที่เยรูซาเลม ได้มีการปะทะกับตำรวจจนมีผู้ได้รับบาเจ็บไปหลายราย

ในอัฟกานิสถาน ประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวกันบนท้องถนนสายต่างๆ จุดไฟเผาหุ่นจำลองของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯและเรียกร้องสำเร็จโทษผู้ผลิตภาพยนตร์ที่พวกเขาระบุว่าดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด

 

ดูจากความเชื่อ รูปแบบศาสนา และการเผยแผ่ศาสนา ที่สุดท้ายก็ต้องการครองโลกนั่นเอง ยังไง ๆ ก็หลีกเลี่ยงสงครามใหญ่ไม่พ้นหรอก ช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง แต่ดันมาเกิดยุคนี้ ที่มีอาวุธค่อนข้างรุนแรง รบกันรับรองว่าตายกันเยอะตายกันโหด จะตายกันชนิดที่ว่าพอจบแล้ว ความเชื่อในลักษณะนี้จะถูกมนุษย์เอือมระอาอย่างรุนแรงจนไม่อยากจะไปแตะต้องมันอีกแล้ว เกิดซะให้มันจบ ๆ ไป โลกจะได้เริ่มใหม่กันเสียที

 

ชาวมุสลิมในหลายประเทศทั่วโลกรวมตัวกันชุมนุมประท้วงต่อต้านภาพยนตร์เรื่อง "อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม" ที่มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม และศาสนาโมฮัมเหม็ด

เอเอฟพี - ชาย ที่อ้างตัวเป็นผู้สร้างภาพยนต์ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม จนก่อให้เกิดกระแสการชุมนุมประท้วงรุนแรงไปทั่วโลกอาหรับ และในหลายประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เผยกับสถานีวิทยุแห่งหนึ่งว่า เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ทำหนังเรื่องนี้

"ไม่ ผมไม่เสียใจ ผมรู้สึกสลดใจกับการสังหารเอกอัครราชทูต แต่ผมไม่เสียใจเลยที่ทำหนังเรื่องนี้" นาคูลา เบสลีย์ นาคูลา วัย 55 ปี ชาวอีปยิปต์เชื้อสายคอปต์ ที่อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย กล่าวกับสถานีวิทยุเรดิโอ ซาวา ที่ออกอากาศในโลกอาหรับ

เขายังอ้างการเสียชีวิตของ คริส สตีเวน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบีย และเจ้าหน้าที่อเมริกันอีก 3 คน จากการโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเบงกาซี ซึ่งตามรายงานระบุเป็นฝีมือของม็อบต่อต้านภาพยนตร์ดังกล่าวที่ชื่อ "อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม"

"ผมเป็นคนที่ปล่อยหนัง ระยะเวลา 14 นาทีดังกล่าว และนำไปลงในอินเทอร์เน็ต และผมกำลังคิดที่จะปล่อยหนังฉบับเต็มด้วย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงหนังของผม" นาคูลากล่าว

เขายังเผยว่า "ผมตีพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่ง (เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม) ในปี 1994 และหนังสือเล่มนั้นก็สร้างความประทับใจให้กับหลายๆ ฝ่าย ซึ่งขอให้ผมสร้างภาพยนตร์จากหนังสือเล่มนี้ และนั่นคือสิ่งที่ผมทำ" หลังบอกว่ารู้สึกผิดที่พลเมืองอเมริกันตกเป็นเป้าของความรุนแรง

"ผมมีข้อความส่งถึงทั้งโลก ไม่ใช่แค่ชาวมุสลิม ผมหวังว่าคุณจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ฉบับเต็มก่อนที่คุณจะตัดสิน" นาคูลาเสริม

ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์อื้อฉาว ซึ่งมีเนื้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม และศาสนาโมฮัมเหม็ดเรื่องนี้ ยังคงเป็นบุคคลปริศนา โดยมีการถกเถียงว่าอาจเป็นฝีมือชาวยิว หรือชาวคริสต์นิกายคอปติก ซึ่งเบื้องต้นมีการระบุว่า ผู้สร้างคือ แซม เบซิล ชาวอเมริกัน-อิสราเอล ที่มียิวหนุนหลังทางการเงินอยู่
ขอบคุณผู้จักการ

 

บาทหลวงคนนี้แหละครับตัวดี ทั้งร่วมแรง ร่วมโปรโมตหนังเรื่องนี้เต็มที่ครับ ,

 

เพราะอวิชชา ความไม่รู้ ควายึดมั่นเป็นตัวกูของกู ถึงได้เป็นกันขนาดนี้
ศาสดา อุบัติขึ้นเพื่อสั่งสอนถ่ายทอดธรรมแห่งความดี นานวันท่านก็จากไป
ศาสนา อุบัติจากธรรมของศาสดา เป็นอุบายให้คนทำดี นานวันก็สูญหายไป
สิ่งทั้งหลายไม่แน่นอน เป็นอนิจจัง ล้วนเป็นสมมุติทั้งสิ้น
ทั้งศาสดาและธรรมที่สมมุติว่าเป็นศาสนา ล้วนอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา เกิดขึ้น นานวันก็เสื่อม
ใครที่ยึดมั่นว่า ศาสดากู ศาสนากู ก็คือยึดสมมุติ ยึดความไม่แน่นอนเป็นที่ตั้ง
ถ้าขัดแย้งกันขนาดฆ่ากัน แล้วมันจะตายจากกันด้วยดีได้อย่างไร
ถ้าโลภะ โทสะ โมหะ ที่มันเป็นสมมุติ ยึดเอาเป็นที่ตั้ง แล้วมันจะไปไหน จะพบกับสิ่งดีๆไม๊
ฆ่ากันทำไม เพราะความไม่รู้ใช่ไม๊ ความไม่รู้เป็นอาวุธของมาร แล้วจะเจอพระได้อย่างไร

 

โลกมุสลิมเดือด!ชุมนุมต้านหนังดูหมิ่นหลายปท.-เผาKFCที่เลบานอน

 

ผู้ชุมนุมตูนิเซียต้านหนังหมิ่นอิสลามจู่โจมสถานทูตมะกัน-อียิปต์ก็ปะทะเดือด

 

ถ้าพูดว่าแหย่รังแตน ก็น่าจะใช่

ถ้าเจตนาให้บานปลาย ก็ใช้ได้เลย

ไม่รู้ว่า แบบนี้จะเป็นวิกฤต หรือโอกาศ

ยังไงก็แล้วแต่ คนที่เป็นนักคิดมักได้เปรียบ คนที่ใช้กำลังเสมอ

 

ทางเดินที่สุดโต้ง..กับทางเดินสายกลาง..ไม่รู้มีเส้นแบ่งขีดกันตรงไหน พิจารณาด้วยความสงสัย 2 ศาสนาที่ขัดแย้งกัน ถึงหนทางจะสุดโต้งไม่ว่าจะซ้ายจัดหรือขวาจัด.. แต่ทำไมคนของเขาทั้งสองกลับแสดงถึงศรัทธาได้อย่างน่านับถือ..ถือศีลละมาดได้อย่างเคร่งครัดทุกวัน.. หรือเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์เป็นประจำ.. เปรียบเทียบทางสายกลางแบบเถรวาทอย่างเรา ดูเหมือน ทุกวันนี้ย่อหย่อนไปมาก คุณธรรมจรืยธรรมที่คนรุ่นเก่าปลูกสร้างสั่งสอนมาให้รู้จัก รักษาจิตใจ ไม่ให้คิดในทางเบียดเบียนสังคมหรือใครนั้น..บางครั้งกลับถูกมองจากคนไทยพันธุ์ X ด้วยซ้ำว่าไม่ทันกาล.. ทุกวงการที่เป็นเสาหลักของสังคมไทยเสื่อมถอย..เด็กไทยตอนนี้น้อยคนจะรู้จักโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ใช้เวลากับร้านเกมส์ กับเพื่อนมากกว่าอยู่กับปู่ ย่า ตา ยายครอบครัว ..ความรัก ความใกล้ชิด เห็นอกเห็นใจกันแบบพี่น้อง ที่เป็นเสน่ห์ของสังคมไทย.. ปัจจุบันคงหาซื้อดูได้เฉพาะเวลาที่ไปเที่ยวพักผ่อนแบบโฮมสเตย์ในชนบทเท่านั้น..ทำให้เกิดคำถามในใจว่า ถ้าวิถีทุกอย่างยังดำเนินไปแบบนี้ การเลือกวิธีปฏิบัติแบบเคร่งครัดแบบทางสายมหายานเช่นทางทิเบต กับปฏิบัติแบบทางสายกลาง (แบบไทยๆ)..แบบไหนจะช่วยรักษาแก่นแท้ทางพุทธศาสตร์ และสืบอายุพุทธศาสนาไว้ได้ครบตามวาระ..?

 

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ถ้ายังไม่ตายเสียก่อน เราก็จะได้ทราบกัน สาธุ