WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

เรืออับปางกลางแม่น้ำในอินโดฯ เสียชีวิต 1 สูญหาย 22 คน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กันยายน 2555 15:13 น.

สำนักงานกู้ภัยท้องถิ่นอินโดนีเซีย ระบุว่า เรือโดยสารชื่อ เคเอ็มยู ซูยา อินดา ประสบอุบัติเหตุล่มกลางแม่น้ำมาฮากัม เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ขณะที่บนเรือมีผู้โดยสารทั้งหมด 97 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คน และสูญหายไป 22 คน ล่าสุด ทหาร และตำรวจ ต่างระดมกำลังเร่งค้นหา
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่เรือกำลังออกเดินทางจากเมืองซามารินดา เมื่อช่วงเช้าวานนี้ เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเรือเมลัก ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกาะ


ดินถล่มที่อินเดีย มีผู้เสียชีวิต 19 คน คาดถูกฝังอีกราว 30

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กันยายน 2555 15:04 น.

เกิดเหตุดินถล่มรุนแรงในรัฐอุตตราขัณฑ์ ทางเหนือของอินเดีย หลังเกิดฝนตกหนักมาตั้งแต่วันพุธ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน ซึ่งทั้งหมดพบศพแล้ว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์จัดการภัยพิบัติ คาดว่าจะมีผู้ที่ถูกฝังอยู่ใต้กองซากปรักหักพังอีกราว 25-30 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหา แต่โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตเลือนลางเต็มที่

 

โรคเลปโตสไปโรซีส (โรคฉี่หนู)

โรคนี้พบได้ทั้งในคนและสัตว์ โดยในสัตว์ที่เป็นพาหะนั้นอยู่รอบตัวเราเอง มักพบในหนู วัว ควาย สุกร หมา แมว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวสำคัญที่พบบ่อยที่สุดคือ หนูนั่นเอง ซึ่งเป็นที่มาของ โรคฉี่หนู เชื้อโรคนี้ เป็นเชื้อแบคทีเรีย ชื่อว่า "เลปโตสไปร่า" แรกเริ่มนั้น หนูเป็นตัวแพร่โรคที่สำคัญ เพราะเชื้อจะอยู่ในไต ของหนู เมื่อหนูฉี่ออกมา เชื้อก็จะออกมาด้วย และปนเปื้อนอยู่ในน้ำ ดินโคลนที่ชื้นแฉะ หนองบึง หรือในนาข้าว เมื่อเราไปย่ำน้ำ โดยไม่ใส่อะไรป้องกัน

การติดต่อ
โอกาสติดต่อจากคนสู่คนมีน้อยมาก ไม่ต้องรังเกียจ แต่เป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์ สู่คนง่ายมาก เพียงจากฉี่หนู ที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ในน้ำ และที่แย่ก็คือ เชื้อนี้สามารถมีชีวิตอยู่ในน้ำ ได้หลายเดือน และ สำหรับสัตว์นั้น ที่น่ากลัวก็คือ เมื่อสัตว์เช่น วัว ควาย หมู ไปกินน้ำหรืออาหาร ที่มีเชื้อนี้เข้าไปในร่างกาย เชื้อก็จะเข้าสู่กระแสเลือด และเข้าไปที่ไต ทุกครั้งที่สัตว์พวกนี้ฉี่ออกมา ก็จะปล่อยเชื้อโรคออกมาด้วย

การเข้าสู่ร่างกาย
เชื้อแบคทีเรียเลปโตสไปร่า สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง โดยเฉพาะทางผิวหนังที่มีบาดแผล หรือ รอยถลอก รวมทั้ง เยื่อบุตา เยื่อบุจมูก และเยื่อบุภายในปาก หรือติดต่อโดยการกินอาหารดิบ โดยเฉพาะ เครื่องในสัตว์ และพืชผัก ที่ปนเปื้อนฉี่หนู เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จะกระจายไป เจริญเติบโต ในกระแสเลือด และอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะ อวัยวะสำคัญ เช่น หลอดเลือด ตับ ไต ปอด และกล้ามเนื้อ

อาการของผู้ป่วย
อาการป่วยด้วยโรคเลปโตสไปโรซีสที่ไม่รุนแรง จะเกิดขึ้นหลังจากได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย เฉลี่ยประมาณ ๑-๒ สัปดาห์ บางคนจะไม่มีอาการใดๆเลย หรือ มีอาการไม่รุนแรง และจนถึงมีอาการรุนแรง

อาการที่ไม่รุนแรง
คล้ายคนเป็นไข้หวัดใหญ่คือจะเริ่มจากการมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะคลื่นไส้ อาเจียนหรือท้องเสีย ตาแดง และมีอาการ ปวดกล้ามเนื้อน่อง หลัง หรือหน้าท้อง บางคนอาจจะมีอาการเจ็บคอ เป็น ผื่น หรือไอร่วมด้วย อาการ ต่างๆ จะหายใน ๑ สัปดาห์ หลังจากนั้นบางราย จะมีอาการไข้ขึ้นมาใหม่อีก ๒-๓ วัน เนื่องจาก ปฏิกิริยา ของภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย

อาการที่รุนแรง
กลุ่มนี้เป็นอาการที่ทำให้โรคฉี่หนู เป็นโรคที่น่ากลัวโรคหนึ่ง ทำให้เสียชีวิตได้โดยง่าย หากไม่ได้รับการดูแล ที่เพียงพอ อาการสำคัญคือ ตัวเหลือง ตาเหลือง ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้คือ ไตวาย มีเลือดออกตามร่างกาย เช่น เลือดกำเดา ไอเป็นเลือดหรือจ้ำเลือดตามตัว เมื่อเป็นมากขึ้น จะมีอาการของ หัวใจล้มเหลว หากไม่ได้รับ การรักษาทันท่วงที ผู้ป่วยก็จะเสียชีวิตในที่สุด

การตรวจวินิจฉัย แพทย์จะใช้วิธีการเจาะเลือด และเก็บปัสสาวะไปตรวจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักจะนิ่งนอนใจ และไปพบแพทย์ เมื่ออาการรุนแรงมากขึ้นแล้ว เพราะไม่รู้ว่า ป่วยด้วยโรคนี้ มักคิดว่าเป็นไข้ธรรมดา อาการสำคัญ คือปวดกล้ามเนื้อมาก มีไข้ ให้สงสัยไว้ก่อน ให้พบแพทย์ เพื่อวินิจฉัย หากมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากโรคฉี่หนู ชนิดรุนแรงนี้ อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น และทำให้ถึงตายได้

สาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคเลปโตสไปโรซีส ส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่เชื้อลุกลามไปที่ไต ทำให้เกิด อาการช็อก ไตวาย และเสียชีวิต ภายใน๑-๒ วัน หลังจากมีอาการ



การรักษา
แพทย์จะให้ยาไปรับประทาน ในรายที่เป็นมากก็จะฉีดยาให้ และให้นอนพักในร.พ.ประมาณ ๒-๗ วัน อาการจะทุเลาลงจนสามารถกลับบ้านได้

ชีวิตประจำวันต่อไปนี้ มีโอกาสติดโรคได้ง่าย
-ไถนา ดำนา เกี่ยวข้าว หว่านแห โดยไม่สวมรองเท้าบู๊ต ทำให้เกิดบาดแผล รอยขีดข่วน จึงติดโรคได้ง่าย
-เดินเท้าเปล่าในคอกสัตว์ โดยพื้นคอกสัตว์เปื้อนเยี่ยวสัตว์
-ชำแหละสัตว์โดยไม่สวมถุงมือ โดยเฉพาะทำอาหารจากหนู
-กินเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ที่ยังไม่ได้ปรุงให้สุก
-เดินย่ำน้ำ ลุยโคลน ที่น้ำขัง หรือชื้นแฉะ
-อาบน้ำ กลืนน้ำ และลืมตาในน้ำ ที่มีเชื้อโรคอาศัยอยู่
-กินผักสด ผลไม้ที่ปนเปื้อนเยี่ยวหนู และล้างไม่สะอาด
-ดื่มน้ำ กินอาหาร ที่ปนเปื้อนเยี่ยวหนู ที่ไม่ทำให้ร้อนก่อนกิน

การป้องกัน
เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคฉี่หนู ควรหลีกเลี่ยงจากแหล่งสกปรก บริเวณที่เป็นแหล่งสะสม ของเชื้อโรค และควรปฏิบัติตัวให้ถูกสุขลักษะดังนี้

๑. หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ลุยน้ำหรือว่ายน้ำในขณะที่มีน้ำท่วมขัง ถ้าหากจำเป็น ต้องพยายามไม่ให้น้ำเข้าตา จมูก หรือปาก

๒. หลีกเลี่ยงการเดินย่ำโคลน ดินชื้นแฉะ ด้วยเท้าเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีบาดแผล รอยขีดข่วน ที่ขา และเท้า ควรสวม รองเท้ายางหุ้มข้อ เพื่อการป้องกันเชื้อโรค

๓. ดูแลบ้านเรือนให้สะอาด ไม่ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งหากินของหนู ซึ่งเป็นพาหะนำโรค

๔. กำจัดขยะ ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และที่อาศัยของหนู

๕. ควรเก็บอาหารไว้ในที่มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้หนูถ่ายปัสสาวะรดอาหาร

๖. อาหารที่ค้างมื้อ เมื่อจะนำมากินในมื้อต่อไป จะต้องนำมาอุ่นให้เดือดเสียก่อน เพื่อให้เชื้อโรค ที่อาจปะปน อยู่ในอาหาร ถูกทำลายโดยความร้อน

๗. ถ้ามีบาดแผลหรือรอยถลอก ควรปิดปลาสเตอร์ก่อนลงน้ำ

๘. นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคทุกปี

๙. ควรปิดฝาโอ่งน้ำหรือภาชนะบรรจุน้ำ เพื่อป้องกันหนูมาถ่ายปัสสาวะลงไปในน้ำ

๑๐. ภาชนะที่ใช้ใส่อาหาร ควรล้างทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรค

๑๑. ล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหาร

(ข้อมูลจาก หมอชาวบ้าน ฉบับที่ ๒๗๒ และ น.ส.พ.ไทยรัฐ)

 

บัสประสานงารถบรรทุกน้ำมันไฟคลอกสยอง50ศพ

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2555 เวลา 14:39 น.



เกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสารชนประสานงากับรถบรรทุกน้ำมัน ในประเทศอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 50 ศพ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
วันนี้ ( 14 ก.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากจังหวัดกาซนี ประเทศอัฟกานิสถาน ว่า เกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสารชนประสานงากับรถบรรทุกน้ำมัน ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 50 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก

นายโมฮัมหมัด อาลี อาห์มาดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาซนี กล่าวว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 6.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 09.00 น. วันเดียวกัน ตามเวลาในประเทศไทย ) บนถนนในเขตอับ บันด์ ของจังหวัดกาซนี ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงสายหลังจากกรุงคาบูล ไปยังจังหวัดกันดาฮาร์ ทางตอนใต้ของประเทศ จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่อาจระบุได้ว่า รถบรรทุกน้ำมันคันเกิดเหตุเป็นของบุคคล หรือนิติบุคคลรายใด

ทั้งนี้ เปลวไฟลุกท่วมไปทั่วบริเวณทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 50 ศพ และบาดเจ็บอีกราว 6 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงที่สุดแล้ว.

 

16.44น. หน้าอาคารชิโณไทย "อโศก" น้ำท่วมสูงเท่าฟุตบาท ฝนยังตกหนัก ..

เครดิตภาพ Meawzilaz

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย"
ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 14 กันยายน 2555

บริเวณความกดอากาศสูงได้แผ่ลิ่มลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ส่งผลทำให้ร่องมรสุมกำลังแรงเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 14–18 กันยายน 2555 ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในช่วงวันเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “ซันปา” (SANBA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวเข้าสู่คาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 15-17 กันยายน 2555 พายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

ประกาศ ณ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 16.30 น.

(ลงชื่อ) สมศรี ฮั่นตระกูล

(นางสาวสมศรี ฮั่นตระกูล)

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา​

 

ภาพแผนที่แสดงศักยภาพการเกิดน้ำท่วมโดย NASA (24 ชั่วโมง)

 

แม่น้ำยมพิจิตรล้นท่วมบ้านเรือน 100 หลังคาเรือน

17:13 น. nationchannel
น้ำเหนือพาเศษกิ่งไม้วัสดุอัดติดสะพานแขวนข้ามแม่น้ำยม ชาวบ้านต้องคอยกำจัดเพื่อป้องกันสะพานแขวนเสียหาย ขณะที่แม่น้ำยมล้นท่วมบ้านเรือนในเขตแม่น้ำยม กว่า 100 หลังคาเรือนแล้ว


ระดับแม่น้ำยมที่เพิ่มสูขึ้นอย่างต่อเนื่องจากน้ำเหนือที่ไหลจากจังหวัดสุโขทัย ผ่านอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษรุโลก เข้าสู่พื้นที่อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร โดยน้ำเหนือนอกจากจะมีปริมาณมากขึ้นแล้ว ยังมีเศษวัสดุ ทั้งกิ่งไม้ขนาดใหญ่และขยะจำนวนมากพัดมากับน้ำ ทำให้อัดติดกับคอสะพานแขวนข้ามแม่น้ำยม ที่บ้านจระเข้ผอม ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม เพื่อป้องกันความเสียหายเพราะหากเศษวัสดุจำนวนมากอัดติดกับสะพานจะส่งผลให้สะพานแขวนซึ่งมีอายุกว่า 20 ปี เสียหายส่งผลกระทบกับการเดินทางของประชาชนเนื่องจากสะพานแขวนดังกล่าวเป็นสะพานเพียงแห่งเดียวที่ใช้เชื่อมระหว่างหมู่บ้าน วัด และโรงเรียน

ขณะที่ผู้สูงอายุในพื้นหมู่ที่ 1 ที่ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร พยายามหนุนโต๊ะเพื่อใช้ในการเก็บอุปกรณ์ของมีค่าเป็นการป้องกันความเสียหาย หลังจากแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเริ่มเข้าท่วมบริเวณชั้นล่างของบ้าน โดยการหนุนโต๊ะเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากโต๊ะมีน้ำหนักมาก และผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 65 ปี และสุขภาพไม่แข็งแรง แต่ก็ต้องทำเนื่องจากเกรงว่าสิ่งของมีค่าจะเสียหายจากน้ำท่วม

สำหรับเหตุผลที่ผู้สูงอายุต้องทำงานเองเนื่องจากปัจจุบันคนวัยทำงานในพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมซ้ำซาก ส่วนใหญ่นิยมออกไปขายแรงงานในกรุงเทพมหานคร และในเขตปริมณฑล หรือเมืองใหญ่ เนื่องจากในพื้นที่ประสบอุทกภัยซ้ำซากไม่สามารถประกอบอาชีพสร้างรายได้ จึงต้องออกขายแรงงานในพื้นที่อื่นทำให้ในหมู่บ้านส่วนใหญ่เหลือเพียงผู้สูงอายุกับเด็ก เมื่อเกิดอุทกภัยผู้สูงอายุจึงต้องรับมือและสู้กับน้ำท่วมตามรำพัง

ทั้งนี้ ขณะนี้สถานการณ์แม่น้ำยมที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบกับพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำยม 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอสามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และอำเภอโพทะเล ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำยมไปแล้วกว่า 100 หลังคาเรือนแล้ว

 

ตาพายุสวยมาก

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อุตุฯ ประกาศฉบับ 10 เตือนภัยฝนตกหนักทั่วไทย 14-18 ก.ย.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กันยายน 2555 19:10 น</TD></TR></TBODY></TABLE>กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ เตือน "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย" ฉบับที่ 10 ว่า บริเวณความกดอากาศสูง ได้แผ่ลิ่มลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ส่งผลทำให้ร่องมรสุมกำลังแรง เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ตอนบน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 14-18 กันยายน 2555 ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในช่วงวัน-เวลาดังกล่าวไว้ด้วย
อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ซันปา" (SANBA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวเข้าสู่ คาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 15-17 กันยายน พายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กทม.เร่งระบายน้ำท่วมขังถนนหลัก 16 จุด คาดเสร็จ 2 ทุ่ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กันยายน 2555 19:20 น</TD></TR></TBODY></TABLE>จากสถานการณ์ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ทำให้ถนนหลายสายใน กทม. มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร โดยนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ได้ลงตรวจในพื้นที่และเร่งการระบายน้ำ พร้อมเปิดเผยว่า มีน้ำท่วมขังทั้งหมด 16 จุด เนื่องจากฝนตกอย่างหนัก ทวีวัฒนา สูงสุดถึง 142 ม.ม. ดินแดง 95 ม.ม. บางพลัด 85 ม.ม. สามเสน 77 ม.ม. ในขณะนี้ น้ำลดลงเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนจุดที่มีปัญหาก็ลดลงแล้ว กทม. กำลังเร่งดำเนินการระบายน้ำ หากไม่มีฝนกระหน่ำลงมาอีกระลอก คาดว่าเวลาประมาณ 20.00 น. น่าจะระบายน้ำออกจากถนนได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ จากเหตุน้ำท่วมยังทำให้ถนนหลายสายการจราจรติดขัดอย่างหนัก อาทิ ถนนจรัญสนิทวงศ์ รถหนาแน่น ติดขัดมีท้ายแถวสะสมถึงแยกบางพลัด ถนนรัชดาภิเษก จากแยกประชานุกูล มุ่งหน้าต่างระดับรัชวิภา รถหนาแน่นติดขัด ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษเฉลิมมหานคร รถหนาแน่นติดขัดเช่นกัน

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฝนกระหน่ำทำน้ำท่วมผิวถนน-รถติดทั่วกรุงฯ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กันยายน 2555 18:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><CENTER></CENTER>

วันนี้ (14 ก.ย.) หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานครมีน้ำท่วมขังและการจราจรติดขัดสลับหยุดนิ่งเป็นช่วงๆ ตามถนนสายสำคัญ เช่น ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ถนนพหลโยธิน ถนนรัชดาภิเษก ถนนรามคำแหง ถนนงามวงศ์วาน โดยระดับน้ำส่วนใหญ่มีระดับเสมอกับทางเท้า ประมาณ 20-30 เซนติเมตร

อย่างไรก็ตามสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานครได้แจ้งว่าน้ำที่ท่วมขังตามผิวจราจรบนถนนสายต่างๆ เริ่มมีน้ำแห้งเป็นปกติ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้โพสต์ภาพสถานการณ์น้ำท่วมขังในครั้งนี้อีกด้วย

อนึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยในช่วงวันที่ 14-18 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-20 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=25 vAlign=bottom width=102 align=right></TD><TD height=25 vAlign=bottom background=/images/TabGalleryUBG.gif align=middle></TD><TD height=25 vAlign=bottom width=11 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=7 vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โลกมุสลิมเดือด!ชุมนุมต้านหนังดูหมิ่นหลายปท.-เผาKFCที่เลบานอน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กันยายน 2555 22:29 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เลบานอนจุดไฟเผาร้านเคเอฟซี หลังไม่พอใจต่อภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลาม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - กลุ่มประท้วงก่อเหตุจุดไฟเผาร้านเคเอฟซี สาขาหนึ่งทางภาคเหนือของเลบานอนเมื่อวันศุกร์(14) จนเกิดปะทะกับตำรวจ และทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปกว่า 25 คน ปฏิบัติการโจมตีเพื่อระบายความโกรธแค้นต่อภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม อันชุดชนวนความขุ่นเคืองและการชุมนุมประท้วงดุเดือดทั่วโลกมุสลิม

เหตุโจมตีร้านฟาสต์ฟูดชื่อดังของสหรัฐฯ มีขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทางเสด็จถึงเลบานอน ในกำหนดการเยือน 3 วัน พร้อมกับทรงเรียกร้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคริสเตียน-มุสลิม และกล่าวตำหนิพวกหัวรุนแรงทางศาสนา

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าฝูงชนราว 300 คน หลั่งไหลออกจากมัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองตริโปลี ทางเหนือของเลบานอน หลังเสร็จสิ้นพิธีสวดมนต์ประจำสัปดาห์ พร้อมกับโบกธงสัญลักษณ์อิสลามิสต์ ตะโกนต่อต้านสหรัฐฯและสมเด็จพระสันตะปาปา

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=370><TBODY><TR><TD vAlign=top width=370 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชาวปากีสถานก็ประท้วงต่อต้านสหรัฐฯและผู้ผลิตภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลามในหลายเมือง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อเดินทางมาถึงร้านเคเอฟซี ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของตริโปลี คนเหล่านั้นก็เริ่มขว้างหินใส่ตำรวจ ทุบทำลายข้าวของและจุดไฟเผา จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บไป 5 นาย ส่วนตำรวจก็ตอบโต้ด้วยการแก๊สน้ำตาและยิงปืนขึ้นสู่อากาศ

ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตเป็นเหยื่อของกระสุนปืน ทว่ากรณีแวดล้อมยังไม่เป็นที่ชัดเจน

ขณะเดียวกันสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีผู้ประท้วงชาวซูดานราว 10,000 คน รวมตัวเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงคาร์ทูมเมื่อวันศุกร์(14) แสดงพลังต่อต้านภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลาม หลังจากลงมือโจมตึสถานทูตอังกฤษและเยอรมนีไปหมาดๆ

การปะทะมีขึ้นหลังจากกองกำลังรักษาความมั่นคงปิดกั้นถนนที่มุ่งสู่สถานทูตสหรัฐฯ จนสร้างความไม่พอใจแก่ผู้ประท้วงและขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ หลังจากก่อนหน้านี้ผู้ชุมนุมที่แตกกลุ่มออกมาราว 5,000 คนบุกเข้าไปยังสถานทูตอังกฤษและเยอรมนี ก่อนลงมือจุดไฟเผาจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ที่ปากีสถาน มีรายงานว่าประชาชนหลายพันคนจับกลุ่มชุมนุมกันตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ ในนั้นบางแห่งจุดไฟเผาธงชาติสหรัฐฯและเรียกร้องสำเร็จโทษผู้ผลิตภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาของพวกเขา

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มีผู้ประท้วงชาวซูดานราว 10,000 คน รวมตัวเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงคาร์ทูมเมื่อวันศุกร์(14)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ตำรวจต้องเข้ารักษาความปลอดภัย ณ สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงอิสลามาบัด ช่วงสั้นๆ หลังจากเกิดเหตุรุนแรงตามสถานกงสุลและสถานทูตสหรัฐฯ ทั้งในอียิปต์ ลีเบียและเยเมน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตามเหตุประท้วงในเมืองหลักไม่ว่าจะเป็นลาฮอร์ การาจี เกวตตา เปชวาร์ รวมถึงในเมืองหลวง ก็ผ่านพ้นไปอย่างสันติ

ส่วนที่อิรัก ประชาชนหลายพันคนรวมตัวกันตามเมืองต่างๆทั่วประเทศเป็นวันที่ 2 โดยมีการจุดไฟเผาธงชาติสหรัฐฯและอิสราเอล แสดงพลังต่อต้านภาพยนตร์ต่อต้านอิสลามที่ก่อความโกรธกริ้วในโลกมุมลิม เช่นเดียวกับในปาเลสไตน์ ที่ผู้ชุมนุมหลายพันคนรวมตัวกันในฉนวนกาซาและอีกหลายร้อยคนในเยรูซาเลม โดยที่เยรูซาเลม ได้มีการปะทะกับตำรวจจนมีผู้ได้รับบาเจ็บไปหลายราย

ในอัฟกานิสถาน ประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวกันบนท้องถนนสายต่างๆ จุดไฟเผาหุ่นจำลองของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯและเรียกร้องสำเร็จโทษผู้ผลิตภาพยนตร์ที่พวกเขาระบุว่าดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ภูเขาแห่งไฟ” ในกัวเตมาลาปะทุรุนแรง ทางการสั่งอพยพชาวบ้านกว่า 30,000 คน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 กันยายน 2555 09:28 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=825><TBODY><TR><TD vAlign=top width=825 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภูเขาไฟซึ่งได้ชื่อว่า "ขุนเขาแห่งเพลิง" ในกัวเตมาลา เกิดการปะทุรุนแรงจนต้องอพยพชาวบ้านกว่า 33,000 คน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - ทางการกัวเตมาลาสั่งอพยพชาวบ้านราว 33,000 คนไปยังสถานที่ปลอดภัย หลังภูเขาไฟซึ่งได้ฉายาว่า “ขุนเขาแห่งเพลิง” (Volcano of Fire) เกิดการปะทุรุนแรงต่อเนื่องหลายครั้ง

กลุ่มควันหนาทึบที่ปกคลุมท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้จากกรุงกัวเตมาลาซิตี ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 75 กิโลเมตร ขณะที่ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์หลายคนบอกว่า เห็นควันเถ้าถ่านลอยเลียบลงมาตามลาดภูเขา

“การปะทุลักษณะนี้ถือว่ารุนแรงกว่าปกติ และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายปี ด้วยเหตุนี้เราจึงประกาศเฝ้าระวังระดับสีส้ม” ในพื้นที่รอบภูเขาไฟซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของกัวเตมาลา กุสตาโว ชิกนา จากสถาบันแห่งชาติว่าด้วยแผ่นดินไหววิทยา, ภูเขาไฟวิทยา, อุตุนิยมวิทยา และอุทกวิทยา ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อท้องถิ่น

การระเบิดของภูเขาไฟความสูง 3,763 เมตรทำให้หมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งถูกปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่าน เสียงดังกระหึ่มสามารถได้ยินจากที่ไกลๆ หลายกิโลเมตร

มาเรียโน แลม โฆษกกลุ่มอาสาสมัครป้องกันไฟ ระบุว่า ชาวบ้านหลายครอบครัวกำลังอพยพออกจากพื้นที่ด้วยรถบัสและรถบรรทุกที่ปกติจะใช้ขนสินค้าและสัตว์เลี้ยง แต่ยังมีบางคนลังเลที่จะทิ้งบ้าน และขอ “ยอมรับความเสี่ยงเอง”

สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ CONRED ตั้งศูนย์อำนวยการขึ้นที่เทศบาล ซาน ฮวน อะโลเตนันโก เขตซากาเตเปเกวซ เพื่อประสานความช่วยเหลือแก่พลเมืองที่ได้รับผลกระทบแล้ว

การระเบิดทั้งขั้นกลางและขั้นรุนแรงทำให้ภูเขาไฟสั่นสะเทือน และพ่นเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศถึง 3,000 เมตร โดยหมอกควันได้ลอยไกลออกไปทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ สถาบันภูเขาไฟวิทยาแห่งชาติ ระบุ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=510><TBODY><TR><TD vAlign=top width=510 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=724><TBODY><TR><TD vAlign=top width=724 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เย็นนี้ฝนเพิ่งตกหนักแถบภาคเหนือ ลองไปดูที่น้ำปิงแล้ว น้ำเอ่อสูงขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู้ภาคกลางระบายน้ำไปหมดรึยัง กำลังจะมีน้ำเหนือก้อนใหม่ไหลลงไปอีกรอบ พรุ่งนี้มะรืนนี้ ฝนก็เหมือนจะจ่อเข้าหนักอีก ระบายน้ำกันให้ด่วนเน้อคนภาคกลาง

 

-ศาสนาที่ตนนับถือสำคัญที่สุด ใครแตะต้องไม่ได้ เหมือนพวกบ้าคลั่ง
-แต่การระเบิดทำลายพระพุทธรูปที่บามิยันไม่เห็นคนที่นับถือศาสนาพุทธเดือดร้อน แต่สุดท้ายพวกที่ระเบิดทำลายพระพุทธรูปที่บามิยันก็ไปไม่รอด
-มีทรัพย์สมบัติอยู่กับตัวไม่รู้รักษา (พระพุทธรูปที่บามิยัน) ถ้าอนุรักษ์ไว้จะนำเงินเข้าประเทศปีละหลายพัน-หมื่นล้าน ดูอย่างประเทศจีนเขาว่าพวกฮ่องเต้ ซูสีไทเฮา พวกขุนนางนี้ไม่ดีชั่วเลว กดขี่ข่มเหง เอาเปรียบประชาชน แต่อนุรักษ์ทรัพย์สินโบราณสถานไว้ทั้งหมด เอาไว้ให้ลูกหลานจีนเก็บเงินเข้าประเทศ

 

ดิน น้ำ ลม ไฟ ไวรัส ยังไม่พอ ยังมีเรื่องศาสนาเข้ามาอีก เรื่องสุดท้ายนี้เเรงกว่าไวรัสหลายเท่า เอาเข้าไป