ริชชี่ มนุษย์พลังจิตคนเชียงใหม่ที่โด่งดังในตอนนี้

จะลองฝึกดูค่ะ

 

ผมว่าเป็นเรื่องของนานาจิตตังมากกว่านะครับ (glass)

คิดดี พูดดี ทำดี เป็นศรีเป็นพรสูงสุด ไม่มีพรเทพพรมนุษย์เปรียบประดุจความดีที่ทำเอง...สาธุ ๆ ​

 

นวนิยาย เป็นกุศโลบายให้คนสนใจ
ธรรม นั่นแหละคือแก่นที่แท้จริง



จำต้องใช้คู่กับทั้งกุศโลบายและแก่น

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">เท่าที่ตนเองได้ศึกษาและปฏิบัติมาบ้างเล็กน้อย แต่ยอมรับเรื่องราวของคุณริชชี่ครับ ไม่ใช่เพราะตรงกับที่ตนเองรู้แต่เป็นเพราะนั่นคือการทำงานของโลกวิญญานที่ละเอียดซับซ้อน รับรู้ได้ด้วยการพัฒนาทางจิต ไม่ใช่นิยายที่แต่งขึ้นแน่นอนครับ
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อนุโมทนาค่ะ

ใครมีหนังสือเล่มนี้ ไว้ในครอบครองมั่งค่ะ
มีตอนที่คุณริชชี่ ไปที่วัดวรเชษฐ์มั้ยค่ะ ช่วยเข้ามาโพสต์หน่อย

ตอนนี้ หนังสือ ขาดตลาดอ่ะค่ะ หาซื้อไม่ได้เลย

 

อนุโมทนาคะ เข้าไปดูในเวป www.superrichy.com ว่าจะไปซื้อหนังสือมาอ่านค่า

 

ขอโทษทีตอนนี้ริชชี่เขาอายุเท่าไรเหรอคะ เห็นเขายังเรียน ป. 1 ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกต้องไหมคะ แต่ดูเขาไม่เหมือนพราหมณ์นี่คะ ดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไปมากกว่านะคะ

 

ขั้นตอนการฝึกจิตพื้นฐาน


ประโยชน์และความหมายของการฝึกจิต
++ ทุกคนควรมีการฝึกฝนจิตใจเป็นกิจวัตรซึ่งเป็นยาแก้ความเครียดที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นวิธีการผ่อนคลายได้อย่างง่ายดาย
++ การฝึกจิตทำให้ท่านสร้างทัศนคติและตอบสนองชีวิตแบบใหม่ ท่านสามารถเข้าใจจิตใจของตนเองได้อย่างกระจ่าง
++ การฝึกจิตคือขบวนการฟื้นฟูชีวิต สร้างความพอใจ และใช้พรสวรรค์หรือความชำนาญพิเศษของตนเอง ในทางที่ดี
++ การฝึกจิต ต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อได้รับสิ่งที่ดีงาม และมีผลลัพธ์ที่พอใจ

โดยการฝึกจิตวันละนิดทุก ๆ วัน ไม่นานจะกลายเป็นธรรมชาติ และนิสัยได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างความเพียรพยายามที่เข้มข้น

ขั้นตอนการฝึกจิตพื้นฐาน:
1. หาเวลาว่างสำหรับตนเองทุก ๆ เช้าและเย็น 10 หรือ 20 นาที
2. หาสถานที่ ที่สงบเพื่อให้มีการผ่อนคลาย ใช้แสงไฟหรี ๆ และใช้เสียงเพลงเบา ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม
3. นั่งตัวตรงในท่าที่สบายๆบนพื้นหรือบนเก้าอี้
4. ไม่หลับตา และไม่เปิดตาเกินไป มองไปยังจุดใดจุดหนึ่งข้างหน้า
5. หันความสนใจของท่านจากการเห็นและการได้ยินเพื่อเข้าไปสู่ภายในตนเองอย่างช้า ๆ
6. เฝ้าสังเกตการณ์ความคิดของท่านเอง
7. ไม่ควรพยายามที่จะหยุดคิด เพียงแต่เป็นผู้สังเกตการณ์ ไม่วิจารณ์หรือขจัดความคิดออกไป เพียงแต่เฝ้าดู
8. ค่อย ๆ ทำให้ความคิดช้าลง และแล้วท่านจะเริ่มรู้สึกสงบมากขึ้น
9. สร้างความคิดเกี่ยวกับตนเอง ให้มีเพียงความคิดเดียว เช่น ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบ
10. นำความคิดนั้นไปสู่ฉากของจิตใจ จินตนาการว่าตนเองเต็มไปด้วยความสงบ เงียบ และนิ่ง
11. อยู่ในความคิดนั้นให้นานเท่าที่ทำได้ อย่าได้ต่อสู้กับความคิดอื่น หรือความทรงจำที่อาจเข้ามารบกวน เพียงแต่เฝ้าดูมันผ่านไป และกลับมาสร้างความคิดของท่านอีกครั้ง ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบ
12. ยอมรับและพอใจในความคิดและความรู้สึกที่เป็นบวก ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากเพียงหนึ่งความคิด
13. มั่นคงอยู่ในความรู้สึกเหล่านี้ซักครู่ จงระวังความคิดที่ไม่เกี่ยวข้อง
14. สิ้นสุดการฝึกจิตของท่านโดยปิดตาของท่านซักครู่หนึ่ง และสร้างความสงบในจิตใจของท่านอย่างสมบูรณ์

โดยริชชี่

 

คุณ Anice อยู่จังหวัดอะไรครับ

ลองหาดูที่ร้านนายอินทร์นะครับ น่าจะมีเยอะที่สุด ไม่งั้นก็ลองติดต่อที่สำนักพิมพ์น่ะครับ

 

ตอนนี้ริชชี่อายุ 23 ปีแล้วครับ ไม่ได้เรียน ป.1 คับ ^-^

ส่วนเรื่องไม่เหมือนพราหมณ์นั้นก็ถูกต้องแล้วครับ
ถ้าดูเผินๆ เหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป แต่ถ้ารู้จักลึกๆ จะรู้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

ที่หนังสือ Super Richy เป็นที่น่าสนใจ คงเพราะว่า เค้ายังคงใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
แถมยังทำหน้าที่ต่าง ๆ ทางโลกได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงานพิธีกร การสอนพิเศษ โดยที่ยังมีความสามารถทางจิตที่สูงอีกด้วย ซึ่งน้อยคนนักที่จะเป็นได้ครับ


(b-smile)

 

อยู่แถวบางนา ค่ะ ไปที่เซ็นทรัลบางนา ก็หมดทั้ง ซีเอ็ด และ B2S
บิ๊กซีบางนา บางพลีก็หมด สงสัยต้องสั่งทาง net
แต่ใจร้อนอ่ะค่ะ อยากรู้เร็วๆ ก็เลยเข้ามาโพสต์ เผื่อจะมีใครใจดี

 

ขออนุญาตแนะนำค่ะ www.superrichy.com บางครั้งคุณริชชี่เขาก้อแวะเข้ามาคุยค่ะ มีเรื่องราวในเว็ปนี้ เว็ปเขาเลยค่ะ ส่วนเรื่องราวที่วัดวรเชษฐ์มีกล่าวถึงพระอาจารย์สิงห์ทน มีรูป แต่รายละเอียดเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรนี่จะอยู่เล่ม 3 ซึ่งยังไม่วางตลาด เชียร์ค่ะ อย่าลืมติดตามนะคะ

 

โมทนาคับคุณรวย รวยแน่งานนี้ ...รวยบารมีนะอย่าคิดมาก

 

งานนี้คงจะริชชี่ สมชื่อค่ะ โมทนาบุญค่ะ เพราะคงจะช่วยคนที่กำลังทนทุกข์ได้อีกมากมาย

 

ทำไมหนังสือของริชชี่จึงต่างไปจากหนังสือเล่มอื่นๆ ในแนวเดียวกัน

เชิญอ่านได้ที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=89342

(deejai)

 

ใจเย็นๆ นะท่านทั้งหลาย การที่เราพบอะไรมา อย่าเพิ่งเชื่อไป อิงหลักกาลมสูตรกันหน่อย
ริชชี่ เด็กน้อยที่ยังมีตัณหาร้อยแปด จะมาช่วยอะไรใครได้
พระพุทธเจ้า ท่านก็ป่วย และมีหมอชีวกโกมารภัทรคอยรักษา
หลวงปู่มั่นท่านก็ป่วย ก็ต้องทนแบกสังขาร
มีใครบ้างไม่ป่วย มีใครบ้างไม่มีกรรม แล้วริชชี่เป็นใคร จะมาแก้กรรมให้กับคนอื่น
เราควรมองในแง่ร้ายกันบ้างนะ คนที่มาโพสกระทู้นี้อาจจะเป็น ขบวนการของริชชี่เอง ที่ต้องการหาเงิน
อาศัยช่องทางที่คนชอบทางด้านนี้ สนใจ ก็คือ เวปพลังจิต เป็นช่องทาง

คนเราถ้ามีเมตตาบารมี ก็ไม่ต้องมาเปิดตัว ขายหนังสือ ทำยังกับการตลาด คอยชั่วเหลือคนอื่นไปสิ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา กรรมนั้นคือ ขายหนังสือ หาเงิน อย่าบอกว่า ขายหนังสือไม่ต้องการเงิน ต้องการช่วยคน

ก่อนหน้านี้มี น้องพริกถ่ายคลิป แต่สุดท้ายแล้วคือ การสร้างกระแส ตอนนี้ก็เช่นกัน เราชาวพุทธ ควรที่จะอิงหลักกาลมสูตรให้มาก อย่าไปโง่ให้เขาหลอกเอา

 

ตามความจริงแล้วผม เชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมมากกว่า

ใครทำสิ่งใดย่อมได้ผลสิ่งนั้น

ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว

ผมไม่เชื่อ ในเรื่องเหนือความจริง

มองน้ำ ย่อมเป็นน้ำ
มองดิน ย่อมเป็นดิน

ถ้าเค้าสอนเรา เราควรฟังแล้วนำเอาไปคิดใคร่ควรเสียก่อน

สิ่งไหนดี เราก็ควรนำไปปฏิบัติ

 

จริงๆ ถ้าจะบำเพ็ญเพียรแบบ "เทพ" หรือ "มหาเทพ" ไปก่อน
เพราะยังไม่คิดเข้านิพพาน และยังบำเพ็ญทศบารมีแบบโพธิสัตว์ไม่ไหว


ผมว่าบำเพ็ญแบบนี้ก็น่าจะใช้ได้นะ
ดีกว่า เดี๋ยวๆ ปรารถนาพุทธภูมิ เดี๋ยวๆ ลาละ
แต่ไม่ได้อารายซักกะอย่างแม้กระทั่งพ้นทุกข์
(หาเรื่องเม้าท์ในวงสังคมธรรมไปวันๆ)

 

ดีครับที่คุณขันธ์ยกหลักกาลามสูตรมา

กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น

คุณได้พิจารณาตามนี้แล้วหรือยัง ผมว่า อย่างน้อยก็คงยังไม่ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือแล้วมา Post ไว้ก่อน (น่าจะอย่างนั้นนะครับ) ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าจะแสดงความเห็นอย่างไรก็ได้ อยู่ที่ ความคิดเห็นนั้น เป็นประโยชน์กับผู้อื่นมากน้อยเพียงใด ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้อ่านหนังสือจบแล้ว และวิเคราะห์แล้วตามหลักกาลามสูตร ไม่ใช่แค่ฟังตามกันมา หรือคนอื่นเค้าเล่าลือกัน ก็คงไม่เป็นไร เพราะไม่มีทางที่คนเราจะคิด เห็นด้วย เหมือนกันทุกคน

พระพุทธเจ้าท่านได้เคยตรัสเปรียบเทียบคนไว้เหมือนบัว 4 เหล่า

เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาท่านได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า ดังนั้นแล้วจึงดำริที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป
บัว 4 เหล่า ได้แก่

1.พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)

2.พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)

3.พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอยด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)

4.พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)

เรื่องได้เงินไม่ได้เงิน คุณคงคิดอะไรเป็นธุรกิจไปหมด รู้หรือไม่ว่ารายได้ของครอบครัวริชชี่ ได้กันเดือนละเท่าไหร่ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเขียนหนังสือเพื่อเอาเงินเพียงเล็กน้อยหรอกครับ และคนเขียนก็ไม่ใช่ริชชี่ด้วย แต่เป็นคุณกชนก ที่ต้องการบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ แก่คนส่วนมากผ่านทางหนังสือ และริชชี่ก็เห็นด้วยที่จะทำให้หลาย ๆ คนสามารถนั่งสมาธิปฏิบัติด้วยตนเองเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นการช่วยคนทีละมากๆ ไม่ใช่ทีละคน ทีละกลุ่ม ที่มาพบริชชี่

9-10 ปีที่ผ่านมา ริชชี่ช่วยคนไม่ได้คิดเงินใครเลยแม้แต่บาทเดียว "คอยช่วยเหลือคนอื่นไปสิ" ที่คุณบอกมา เค้าก็ทำมาตลอดแหละครับ ถ้าคิดจะทำเพื่อได้เงินจริง ๆ นะครับ ป่านนี้ริชชี่คงรวยเละมากกว่านี้ไปแล้วครับผม เพราะมีคนที่มีฐานะ และหน้าที่ทางสังคม ที่ดี ๆ มากๆ มาพบหลายท่านด้วยกัน เค้าเคารพริชชี่เพราะใจที่คิดจะช่วยเหลือ

และที่ผมมั่นใจว่าคุณไม่ได้อ่านหนังสือเลย เพราะคุณยังมาบอกว่า ริชชี่ช่วยแก้กรรมให้คนอื่น เพราะริชชี่ไม่ได้แก้กรรมให้ใคร กรรมของใคร คนนั้นก็ต้องแก้เอง ริชชี่เพียงแต่ชี้แนะแนวทางให้เท่านั้น

หากเราเข้าใจธรรมชาติของคน ก็จะไม่ต้องเดือดร้อนไปกับเรื่องของคนที่มีความคิดไม่ดีครับผม ริชชี่เคยบอกไว้ ว่าคนที่มาพบริชชี่ คิดอย่างไรได้อย่างนั้น ทำอย่างไรได้อย่างนั้นครับ คิดดี ทำดี ก็ได้ดี คิดไม่ดี ทำไม่ดี เรื่องไม่ดีก็ตกกับตัวเค้าเองครับ


ขออนุโมทนากับทุกท่านที่คิดดี ทำดี ครับ ^_^