โอ้ย ความซวยมาเยือนแล้ว "มีคนให้ผมไปรับขันธ์" ทำยังไงดี?

เมื่อคืนแม่โทรมาบอกน้องให้ผมไปรับขันธ์
บอกว่าผมทำเอง ไม่ต้องรับจากใคร
ทำตามใจที่อยากทำ ทำอะไรก็ได้
ที่ไหนก็ได้ วันไหนก็ได้ แต่ถ้าให้ดี
วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ จะดี (พรุ่งนี้)


แล้วผมต้องทำยังไงละเนี่ย?

(b-ng)

 

คำกล่าวรับขันธ์ของข้าพเจ้า​

ข้าพเจ้า ...... (กล่าวชื่อตนเอง) <O</O
<O</O
ขอตั้งจิตน้อมนบนมัสการเบื้องพระบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั่วอนันต์จักรวาลทั้งปวง<O</O
ขอตั้งจิตน้อมนบนมัสการพระธรรมอันเกิดเองและพระธรรมอันมีผู้ตรัสรู้โดยชอบ<O</O
ขอตั้งจิตน้อมนบนมัสการพระอรหันต์ผู้สำเร็จธรรมเป็นหน่อเนื้อนาบุญโดยแท้ทั้งหลาย<O</O
<O</O
บัดนี้ ข้าพเจ้า ...... (กล่าวชื่อตนเอง)<O</O
ได้รับวิบากกรรมอันยิ่ง ต้องทนทุกข์ทรมาน จากภัยด้านต่างๆ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ อุปสรรคในหน้าที่การงานการศึกษาเล่าเรียน การยอมรับในสังคม ฯลฯ นานัปการ ข้าพเจ้าได้รับรู้ถึงผลกรรมที่ข้าพเจ้าได้ก่อไว้แต่อดีตชาติ และสำนึกผิดทั้งสิ้นแล้ว ขอเจ้ากรรมนายเวรจงโปรดเห็นใจให้อภัยต่อข้าพเจ้าที่ได้ละเมิดล่วงเกินท่านทั้งหลายไปด้วยความเขลานั้น และร่วมรับผลบุญที่ข้าพเจ้าตั้งจิตจะอุทิศตนเพื่อบำเพ็ญเพียรโปรดสัตว์ ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม ตราบชีวิตนี้จะหาไม่ด้วยเทอญ <O</O
<O</O
ข้าพเจ้าขอตั้งจิตบำเพ็ญเพียรตามปณิธาน ดังต่อไปนี้<O</O
<O</O
๑. ขอน้อมนบบูชาพระรัตนตรัยอันควรค่าหาที่สุดมิได้ ตราบเท่าชีวิตนี้จะหาไม่<O</O
๒. ขอดำรงไว้ซึ่งความปกติแห่งมนุษย์อันประเสริฐ ด้วย​

 

เวลารับขันธ์ต้องทำอย่างไรและพูดอะไรบ้าง? แบบนี้ได้ไหมครับ (ข้างบน)

 

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน




แหล่งที่มาแห่งความรู้ เราสอง ไม่แตกต่าง

ฝึกพิจารณาสภาวะธรรม หลอมเป็นหนึ่ง
จะเกิดความรู้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้

 

อย่าไปรับเลยครับ เราขอเตือน ถ้าจะรับ รับเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มา จะดีกว่าไหมเอ่ย....(b-smile)

 

การรับขันธ์คนสมัยนี้เข้าใจว่าเพื่อเตรียมการเป็นร่างขององค์ใดองค์หนึ่ง จริงๆ การับขันธุ์คือการให้คำสัตย์ปฏิญาณที่จะเที่ยงตรงมุ่งมั่นในการทำคุณงามความดี การครอบครู เพื่อให้เรารู้สำนึกตลอดเวลา ว่าจะแหกคอกจากความเจริณ ความดีไม่ได้ เรามีผู้ใหญ่จับตาดูเราอยู่

อย่างวันงานเป่ายันต์ ยายผีป่าลืมบูชาครู ๖ บาท เพราะวิ่งนั่นวิ่งนี่ พอถึงบ้าน ตายล่ะลืมบูชาครู แต่ก็น้อมนำเสมอ

ขันธุ์ ๕ ก็คือ ศีล ๕

ขันธ์ ๘ ก็คือ ศีล ๘

คนปกติมีสีล ๕ เราครอบครูมาตั้งแต่ที่พ่อแม่เราเกิดแล้ว เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่จะให้พรรับขวัญเรา เอาเราไปให้พระเป่ากระหม่อมให้

ถ้าเราไม่อยากเป็นร่างทรงเราก็บอกท่านที่ต้องการผ่านเราสร้างบารมีได้ ขอให้ท่านมาสอนเราเพื่อสุคติภูมิ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทุกคนมีองค์ทั้งนั้น อย่างน้อยก็มีองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์บิดามารดา ครูบาอาจารย์

 

รับทำไม
ต้องถามแม่ว่าทำไม่ต้องรับ
555
ถ้าจะเข้าห้องน้ำก็รับขันอาบน้ำ
ถ้าจะไหว้พระก็รับขันพานดอกไม้
ถ้าจะเป็นร่างทรง
องค์จะลงแน่จริงก็ลงซี ไม่เห็นจะต้องไปรับขันธ์ อิอิ
หรือถ้าไม่รับขันธ์ลงไม่ได้ ถ้าลงไม่ได้ก็ดีซีไม่ต้องลง
ร่างก็เป็นอิสระ
ไม่ใช่ว่าอำนาจสิ่งลี้ลับที่คุมอยู่อยากจะลง
แต่ลงไม่ได้ เพราะอำนาจไม่พอเลยให้ไปรับขันธ์
อย่านั้นใช่ไม่ได้ ต้องไล่ออก

 

การรับขันธ์คือการรับว่าเป็นร่างทรงเหรอ หรือว่าเป็นการสัญญากับตัวเองว่าจะทำในสิ่งที่มุ่งมั่น สับสนแฮอะ ที่ยายผีป่าว่ามาเหมือนจะเข้าใจแต่มันไม่ชัดเจน

 

ขอบคุณทุกความกรุณาที่เสนอแนะมา จะรับไว้พิจารณาครับ


มันมีปัญหามานานเกือบปีแล้วครับ
ที่จู่ๆ ปัญหาในชีวิตก็รุมๆๆ เข้ามา
จนผมต้องไปปฏิบัติธรรมอย่างหนัก


พอถึงจุดหนึ่งตัดสินใจทิ้งทุกอย่างทางโลกเพื่อไปบวช
ทว่า ก็มีเหตุมากมายให้ไม่ได้บวช และมีเหตุมากมาย
บอกให้ผมต้อง "ห่มขาว" (หลายคนมากๆ บอกผม)


อาจารย์ที่เคยสอนผมตอนมัธยมเป็นแบบนี้มาก่อนผม
และเป็นร่างทรง "องค์พรหม" จึงได้พ้นซึ่งอุปสรรคในชีวิต
แรกๆ พระพรหมเข้าทรงก่อน หลังๆ สอนวิชชาให้อาจารย์
ปัจจุบัน อาจารย์มีวิชชาของท่านเอง ผมเคยถามอาจารย์
ท่านก็ตอบว่า "พรหมก็คือครู ครูก็คือพรหม"


ครูคนนี้จะรู้ตลอดว่าผมไปไหนถึงไหน (โดยที่ผมไม่เคยบอกใคร)
แม่ผมก็อาศัยครูคอยถามเรื่องราวของผม แล้วครูก็สื่อเรื่องราว
บอกผมมาเป็นระยะว่าจะเกิดอะไรกับผม และผมควรทำอย่างไร


ซึ่งก็ถูกต้อง


ครูเคยติดต่อ "ครูบาชัยวงศา" ซึ่งท่านมาดูแลผมบางช่วง
และท่านก็ตอบได้ชัดเจน จนผมหายสงสัยว่าไม่ได้โกหก
จนเดี๋ยวนี้ ครูก็บอกให้ผม "รับขันธ์" โดยให้ทำเองคิดเอง

 

คนทั่วไป รับขันธ์ คือ รับว่าจะมีชีวิตอยู่ (ทรงขันธ์) เพื่อบำเพ็ญเพียรในศีลธรรม
แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เป็นอย่างอื่น


แต่ ได้เปิดโอกาสให้ "เทพ" ที่ต้องการมาบำเพ็ญเพียรร่วมกับเรา ได้บำเพ็ญ
เพียรตามที่อาจได้ "เคยสัญญาใจก่อนเกิดชาตินี้" เพื่อรับเอาความรู้ ที่เรียกว่า
"ครูทางจิตวิญญาณ" หรือ รับเอา "พลังพิเศษ" ด้วยวิธีต่างๆ


เช่น ให้ร่างตนแก่เทพนั้นใช้ได้ ได้ขนาดไหนก็ตกลงกันไป
หรือ ไม่ให้ใช้ร่างตน ให้มาคุ้มครองดูแลหรือมอบวิชชาอย่างเดียว


ตามแต่กำลังความสามารถของผู้รับขันธ์ครับ?
(ผมคิดแบบนี้ไม่รู้ถูกไหมนั่น?)

 

คุณถูกเลือกให้เป็นตัวแทนจากเบื้องบนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์..อาจจะเหนื่อยขึ้นอีกมาก..แต่บารมีคุณก็จะมีมากไปด้วย..รับไปเถอะครับ..เพื่อเป็นการสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน..น้อยคนที่จะมีโอกาส..แสดงว่าคุณมีจิตที่บริสุทธ์พอที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม..(คงเหมือนเหล่าHEROในการ์ตูน)..ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าครับ..กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี..อิอิ

 

ศาสนาพุทธ มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาท่านไม่เคยตรัสเรื่องรับขันธ์อะไรแบบนี้เลย แต่ถ้าขันธ์๕ของมนุษย์ นี่คงรับตั้งแต่เกิดแล้วล่ะเพราะทุกสรรพชีวิตที่วนเวียนอยู่ในวัฏฏะก็ต้องมีขันธ์กันทั้งนั้น นี่ไง

ขันธ์๕ หรือ เบญจขันธ์ คือ

๑. รูป ได้แก่ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกายและพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานเหล่านั้น

๒. เวทนา ได้แก่ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉย ๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ

๓. สัญญา ได้แก่ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษระต่าง ๆ อันเป็นเกตุให้จำอารมณ์นั้น ๆ ได้

๔. สังขาร ได้แก่องค์ประกอบหรือคุณสมบัติต่าง ๆ ของจิดมีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลาง ๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกายวาจา ให้เป็นไปต่าง ๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น เรียกรวมอย่างง่าย ๆ ว่าเครื่องปรุงของความคิดหรือเครื่องปรุงของกรรม

๕. วิญญาณ ได้แก่ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่นการรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจขันธ์ ๔ ข้อหลัง ซึ่งเป็นพวกนามขันธ์


แค่ขันธ์๕ ของตัวเอง และครอบครัว ก็พอแล้วล่ะ จะไปรับขันธ์อะไรกันอีกล่ะ(b-ng) เวปธรรมะมีให้ศึกษาอยู่ใกล้ พระไตรปิฎกก็มี หรือจะพิมพ์ขันธ์๕ไปใน Google ก็ได้คำตอบมากมาย ง่ายๆกลับไม่ทำ ใกล้เกลือกินด่างแท้เน๊อะ



วันนี้วันพระ อย่าลืมรักษาศีล๘นะครับ
อามิตตาพุทธ

ที่มา: http://www.geocities.com/sakyaputto/panchakhan.htm

 

ในพระไตรปิฎกไม่ปรากฎ หาใช่ว่าบ่แจ้งไว้ในธรรม จึ่งอย่าพ๊อว่าบ่ดี บ่งาม

อันเจ้าต่าวว่าความซงยมาเยือน ตูเป็นองค์ของเจ้า คงส่วยหน้า มาดี หาว่ามาให้ซวย ตูก็คงไม่เอาคนไม่ดีมารักษาดอก เพราะเดี๋ยวตูจะซวย!

(อิอิ...เจ้าของกระทู้คะ ยายจะบอกว่า อย่าใช้คำว่า ซวยกับสิ่งที่เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะคะ ไปขอขมาเสีย เดี๋ยวจะซวยตามความนึกคิด)

เมื่อวันเป่ายันต์ ยายผีป่าถามครูบาวิทรูย์ว่า

หลวงปู่(ทั้งๆ ที่สังขารรูปขันธ์ภายนอกของท่านยังหนุ่ม) นิตยสารพลังจิต.คอม พวกหนูทำดีนะคะ

ท่านตอบช้าๆ เบาๆ ว่า

ดี ดี ดี

คิดว่าดี สิ่งดีก็จะเข้ามา ถ้าคิดไม่ดี สิ่งไม่ดีก็จะเข้ามา เออ...ดีๆ ทำไป ทำดีแล้ว

 

เมื่อฆราวาสบำเพ็ญธรรมถึงจุดหนึ่งจะเบื่อ "ขันธ์ห้า"
จะรู้สึกว่ามันคือภาระ และอยากตายเสียให้พ้นๆ
บางท่านก็บรรลุอรหันต์แล้ว "ตายภายใน ๗ วัน"
(ละสังขาร ดับขันธปรินิพพานตาย ใน ๗ วัน)


นี่เป็นเรื่องจริง


การรับขันธ์ห้า เพื่อทรงชีพต่อไป เพื่อการบำเพ็ญเพียรแบบ "ฆราวาส" ครับ


ส่วนที่คนอื่นทำพิธีรับขันธ์ผมไม่ทราบ แต่ในความคิดผม ผมทำแบบนี้นะ?

 

ขอบคุณ คุณ M_wong ครับที่แนะนำ (good)
ที่ผมถามนั้นเผื่อให้มีคำตอบที่เข้าใจได้สำหรับผมเผื่อว่ามีคนที่สามารถให้คำอธิบายให้ความกระจ่างแบบง่ายๆ
สำหรับภาษาที่คนห่างไกลวัด/พระ ภาษาสำนวนที่อธิบายในเว็บที่ลอกมาจากหนังสือนั้นผมเข้าใจไม่ครบ 100 ครับ
จึงถามเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาด และเปิดโอกาสให้คนที่ยังไม่เข้าใจแต่ได้เข้ามาอ่านในนี้ได้เข้าใจไปด้วย
หวังว่าคำขอเล็กๆ ของผมคงไม่ได้ไปสะกิดใจใครนะครับ ให้ความรู้กับคนไม่รู้ถิอว่าทำบุญนะครับ[b-wai]

 

ผม ไม่ได้ว่า คุณtualatin55<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_664031", true); </SCRIPT> น่ะ พูดถึงคนที่ไปรับน่ะครับ อยากให้เขาใช้ปัญญาคิดก่อนที่จะใช้ศรัทธานำอย่างเดียว เพราะถ้าใช้ศรัทธานำเราจะเห็นตัวอย่างของการโดนหลอกเยอะแยะน่ะครับ


วันนี้วันพระอย่าลืมรักษาศีลนะครับ
อามิตตาพุทธ

 

ใครที่ประทับร่าง

ผมคิดว่าถ้ารับขันธ์เพื่อเป็นร่างทรง ต้องดูว่าเทพองค์นั้นใช่ของจริงไหม เช่น ประทับทรงองค์อมรินทร์ แล้วใช่องค์อมรินทร์จริงไหม ถ้าใช่จริง รับขันธ์ได้เลยครับว่าดีจริง กลัวว่าจะแอบอ้างเอาชื่อองค์อมรินทร์ท่านมาหากิน เป็นดวงวิญญาณธรรมดามันจะไม่ดีกับตัวคุณ

ถ้าของจริงไม่ซวยครับ ถ้าแอบอ้างชื่อก็ซวยครับ

 

กรณีผมไม่มีเทพเข้าทรงน่ะครับ
ท่านอาจารย์ก็บอกมานานแล้ว
ตอนสื่อกับจิตหลวงปู่ครูบาไชยฯ
ท่านก็ว่าท่านมาดูแลผมเฉยๆ
ไม่ได้จะมาควบคุมผม


ที่ผมเขียนไว้อย่างนั้น
ก็เผื่อคนอื่นมีปัญหาก็จะสามารถก้อปไปใช้ได้ครับ

 

การเลือกเทพที่จะประทับทรง

ในความคิดของผม ผมคิดว่าเรามีบุญจึงได้เกิดเป็นมนุษย์
เรามีสิทธิ์เลือกได้ ว่าให้ใครมาประทับทรงร่างเรา เพราะ
ร่างกายมนุษย์นี้เป็นผลบุญอันชอบธรรมของเรา เทพก็ละเมิดไม่ได้


แต่หากเรามี "พันธะสัญญาใจ" ที่เคยให้ไว้ต่อกันในอดีตชาติ
กับคู่กรณีเป็นเทพต่างๆ อาจมีมากกว่าหนึ่งคน แล้วแต่บารมีของเรา

เราก็น่าจะเป็นผู้เลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับ
จะรับใครให้มาประทับทรง หรือไม่ประทับทรง
หรือแค่แสดงตนว่าจะบำเพ็ญเพียรตามสายไหน
ให้ชัดเจนแก่ตนเอง และ "ครูทางจิตวิญญาณ"
ที่แห่กันมาจองที่ รอช่วยเหลือเราน่ะครับ


นี่หลักการผมนะ ไม่ทราบว่าคนอื่นที่เคยครอบครูให้คนอื่นๆ มีหลักการอะไรหรือไม่?