นั่งสมาธิแล้วปวดหลังทำไงดีคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Thanks-Epi, 28 กรกฎาคม 2012.

  1. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    แรกๆ ก็นั่งแล้ว มานั่งขัดสมาธิพิงกำแพง (ก็ดีขึ้นค่ะ) แต่ก็ชอบ ตกภวังค์เวลาพิง(ใช่อาการ เหมือนหล่นจากที่สุดหรือเปล่าคะ) แถมคอเอียงจนปวดคออีกน่ะ :'(
    เลยต้องฝืนไม่พิง ก็เมื่อยหลัง
    (และถ้าพิงกำแพง ถ้าเหนื่อยมากๆ บางทีก็เผลอไปเลย)

    ส่วนขาตอนนี้ก็เริ่มนั่งเป็นเหยียดขาแล้ว เพราะเมื่อยขา


    ส่วนนอนสมาธิไม่นิ่งเลยค่ะ แถมยังเผลอหลับได้ด้วย (คือไม่สามารถนอนสมาธิ ได้ตามเวลาที่เรากำหนดไว้ เช่น 30 นาที)


    เดินจงกรมไม่เป็นค่ะ และญาติธรรมบอกว่า เดินจงกรมจะทำให้นิ่งได้ยากมากๆด้วย

    ใครมีปัญหาเกี่ยวกับการเมื่อย สรีระ แก้ไขกันอย่างไรคะ

    ส่วนคนท่านไหนที่สามารถนั่งนานๆ ได้โดยไม่มีปัญหาสรีระบ้างคะ ทำอย่างไรคะ

    (คือเวลาเมื่อยขึ้นมา จากที่นิ่งได้แล้ว กับทำให้ฟุ้งซ่านนะค่ะ)
    พอเลิกนั่งยิ่งทรมานเสียอีก

    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  2. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา

    คำว่า ทาน นั้น ละเอียจ เหมือนเม็ดทราย ให้ความหมายได้หลายๆๆ แบบ

    ศีล 5 อย่าให้ขาดอย่าให้คาดจากหัวใจ

    สมาธิ ทำให้มีสติ รู้ ว่าอะไรควรมิควร จะทำให้เกิด ปัญญา

    เมื่อมี ปัญญา แล้ว มรรคผล ก็จะตามมาให้เห็น

    ถ้า ทำสมาธิ ไม่ได้ ก็ ลดลง มา ให้ถือ ศีล ถ้าถือ ศีล ไม่ได้ ก็ ให้ทาน

    แต่การ ให้ ทาน จะได้บุญ น้อย กว่า ถือ ศีล การถือ ศีล จะได้บุญ นอยกว่าการทำ สมาธิ

    งั้นลดลงมาให้ถือ ศีล 5 ให้ บริสุทธิ์ กอนครับ ถ้า ถือ ศีลไม่ได้ให้ทำทาน กอนครับ

    ทำทานทำ ด้วย กาย วาจา ใจ คือ ให้ด้วยความเต็มใจ ไม่คิด นึกว่าให้ไปเพืออะไรจะได้บุญไหม มันละเอียจมากครับ คำว่า ทาน อย่าคิดว่า ได้บุญมากหรือ น้อย อยู่ที่ กาย วาจา ใจ ครับ

    สาธุ ทุกท่าน ที่ ปฎิบัติ ธรรม ครับ
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เรื่องเมื่อยมาจากการเริ่มปฎิบัติครับ ปฎิบัติไปเรื่อยๆครับ ไม่ต้องรีบร้อนครับ

    การเดินจงกรมนั้น ให้ผลที่สงบนิ่งมากกว่าปกติครับ หากปฎิบัติจนถึงจุดๆหนึ่ง

    แรกๆการเดินจงกรมจะรู้สึกว่าไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ แต่หากปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง

    จะให้ผลที่ดีมากครับ ขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อยครับ เปรียบเทียบกับการออกกำลังกาย

    ในช่วงแรก จะแสดงอาการที่เจ็บปวด เมื่อยล้า แต่พอข้ามผ่านไปได้ ก็จะรู้สึกดีครับ

    สาธุครับ
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    นี่จำเอาไว้ จะบอกวิธีแก้ให้

    เวลาปวดส่วนใดก็ตาม แสดงว่า ลมหยาบไปอั้นอยู่ส่วนนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องขยับเอวขยับหลัง หมุนให้มันครบทุกแกน ขยับไปขยับมาสัก 10 รอบ แล้วฝึกทำผ่อนคลายกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนเท่าที่สังเกตุได้ เช่นเหยียดแขน เหยียดขา ทำไปมาสัก 10 -20 ครั้ง แล้วทำลมหายใจให้ประณีตสงบ
    เพราะเส้นลมทุกส่วนมันเชื่อมถึงกันหมด แต่ของจขกทพอไปรวมจิตปั๊บ มันจะวิ่งไปที่หลังเพราะทางมันมีให้วิ่ง
    เราก็ต้องหมั่นสวนกระแสมัน

    นี่แหละ แล้วหมั่นออกกำลังกายหมุนข้อ ยืดเส้นยืดสายให้ทุกส่วน ลมมันจะได้วิ่งสะดวก
     
  5. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    เพิ่งมาเริ่มปวดหลังช่วงหลังนะค่ะ ปฎิบ้ติทุกวันมาประมาณ ครึ่งปีแล้ว (เพิ่มจำนวนเวลามานะค่ะ) ช่วงที่ตกภวังค์ไม่ทราบจริง ๆ ว่าต้องเปลี่ยนอิริยาบท เพราะยังรู้ตัวตลอด นั่งสมาธิแล้วคอเอียง (คือไม่คิดว่าเป็นอาการเผลอ) ทำให้ปวดคอมาตลอด

    การปวดหลัง จะมารู้สึกตอนออกจากสมาธิแล้วนะค่ะ ว่าไม่สบายตัวเลย

    (ตอนนี้เลยนั่งเหยียดขาก่อน ป้องกันที่จะรู้สึกปวดขาก่อน เพราะนั่งทับขานานๆ ก็ไม่ดีอยู่แล้ว)

    แล้วถ้าจะเดินจงกรม ไม่ทราบว่าศึกษาจากไหนคะ ไม่มีเวลาเข้าวัดเพื่อปฎิบัตินะค่ะ ได้แต่ทำอยุ่ที่บ้านคะ

    แล้วสรุปว่า
    1.ควรเดินจงกรมเพื่อแก้ไข หรือเปล่า
    เพราะส่วนตัวแล้ว จะติดปัญหา ทำงานเหนื่อยล้า/กินยาทำให้ง่วง นะค่ะ
    เคยตื่นมาตอนเช้ามืด ก็นั่งสมาธิไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่คนเดียว ที่บ้านไม่มีห้องส่วนตัวสำหรับนั่งสมาธิ ค่ะ (คือนั่้งได้ แต่ไม่นิ่งค่ะ )

    2. และไม่ทราบว่า นอนสมาธิทำกันอย่างไร ไม่ให้หลับนะค่ะ(คือลองแล้ว สบายที่สุดนะค่ะ ไม่เมื่อย ทั้ง แขน/คอ/หลัง ฯลฯ แต่ดันไปเผลอหลับเสียนี่) และฟุ้งซ่านมากว่า การนั่ง
     
  6. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    แล้วเกี่ยวกันหรือเปล่าคะ ว่า ตัวเอง เป็นคนปวดหลัง/ปวดคอ จากการทำงานอยู่แล้ว (คือเป็นพังผืดไปแล้วนะค่ะ เวลาไปนวดเขาบอก)
    (ทำให้ตอนนี้ รีบนั่งเหยียดขา ก่อนที่จะรู้สึกปวดเมื่อยขึ้นมาค่ะ)

    อ่านแล้วความหมายคือ พอนั่งแล้วรู้สึกปวด ให้ขยับแขน/ขา/คอ เพื่อผ่อนคลาย

    อย่างที่บอกนะค่ะ จะมารู้สึกก็ตอนออกจากสมาธิแล้วค่ะ ว่าปวดหลัง
    เลยไม่รู้ว่า คนที่เขานั่งนานมากๆๆๆ เขาไม่ปวดหรือคะ
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทำงานใช้สมองเยอะหละสิเนี่ย
    ร่างกายเขาอยากใช้งานบ้าง
    ให้ออกกำลังกาย เหยียดแขนเข้าออก ลุกนั่ง หมุนคอไปมา
    ทำให้ทุกวัน ชีวิตจะมีความสุขขึ้น
    การทำสมาธิใช้วิธี เจริญสติ กำกับในอริยาบท ลดการนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือ ถ้าต้องนั่งทำงานหน้าจอก็ขยับไหล่ แขน คอ บ่อยๆ อย่าแช่

    ทำตามที่บอกบ่อยๆ ไม่ต้องนั่งสมาธิก็มีชีวิตดีขึ้นได้
     
  8. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ทำทั้งหน้าจอ และยกของหนัก เดินเยอะนะค่ะ

    เวลามานั่งสมาธิแล้วตกภวังค์ เพราะร่างกายก็สู้ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะว่า เหนื่อย/ง่วงจากยานะค่ะ

    ส่วนเจริญสติก็ทำระหว่างวัน (เท่าที่ได้นะค่ะ) แต่มาพักหลังมาเพิ่มสมถะเข้าไปด้วยนะค่ะ (ช่วงแรก นอนสมาธิแล้ว) แต่พอมานั่งสมาธิแล้วรู้สึกดีกว่าการนอนสมาธิ เลยเปลี่ยนมานั่งได้ซักครึ่งปีแล้ว
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ที่ยกของหนักนั้น ไม่ดี ไม่ใช่เป็นการออกกำลังกาย เพราะว่าเป็นความตึงแช่ ให้ฝึกถ่ายน้ำหนักไปสู่ส่วนอื่นเวลายกของหนัก มันอยู่ที่เราเกร็งกล้ามเนื้อนะ ไปสังเกตุดูเอาเอง

    ส่วน การง่วง เพราะจิตขาดพลัง ขาดสมาธิ เวลาไปนั่งสมาธิจึงตกภวังค์
    วิธีแก้ คือ ให้ตั้งสติตรงหน้าดีๆ คอยสังเกตุจิตที่มันแผ่ไปคิดไปหลายๆเรื่องนั้น หยุดมันให้ได้
    เตือนสติตนว่า งานคือ คำบริกรรม
    ต้องทำงานคือ คำบริกรรมเท่านั้น อย่าให้มันไหลไปมาก
    เมื่อจิตสงบ จะมีพลังขึ้นมา

    แล้วหาทางปรับเปลี่ยน วิถีชีวิต ให้เบางานลง ด้วยวิธีอะไรก็ตามลองไปคิดดูเอง
     
  10. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    -คำบริกรรมทิ้งไปแล้วนะค่ะ พระท่านบอก ไม่ต้องใช้ถ้าลมหายใจดับ แต่เคยตั้งสติให้ดีๆ (แล้วก็แก้อาการตกภวังค์ได้ )

    แต่บางครั้งกลายเป็นหลับไปเลย ไม่ตกภวังค์ เพราะลืมตาอีกที ไหงผ่านมา 1ชม. แต่รู้ตัวนะค่ะ คิดว่า น่าจะหลับ มากว่า เพราะเวลาผ่านเร็วแบบโอเวอร์นะค่ะ เพราะถ้าไม่หลับ จะตั้งเวลาในใจไว้ ครึ่ง ชม. ก็จะลืมตาได้ ตามนั้น แต่ถ้าเวลาผ่านไปเร็ว จะเร็ว และลืมตา สะเปะสะปะ

    พระท่านถาม "หลับ" หรือ "ดับ" ไปคิดดีๆ

    บอกตรงๆ ว่า ยังแยกไม่ค่อยออกนะค่ะ (ส่วนตัวคิดว่า หลับมากว่าคะ)


    แล้ว "ดับ" กับ "หลับ" ต่างกันอย่างไร อย่างนี้ อาชีพคนเรา ก็เป็นอุปสรรคเหมือนกันสิคะ สรีระร่างกาย กับการปฎิบัติธรรม (ของหนักมากค่ะ แต่เป็นอาชีพนะคะ)
     
  11. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    1. นั่งสมาธิ นั่งเก้าอี้ก็ได้
    2. นอนทำสมาธิ ต้องสติแข็งแรงมาก ไม่งั้น โดนความง่วงดูด = หลับ
    3. เจริญสติ ช่วยได้ทุกอย่าง
    4. ถ้าสติเป็นมหาสติแล้ว จะเกิดอาการรู้ทุกอย่างในตอนหลับ เห็นทุกขั้นตอนของการที่ผัสสะดับลงไป ภาวะนั้น เป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะคือสภาวะที่เราเหลือแต่จิตอย่างเดียว ไม่แบกภาระของขันธุ์ 5 อีกต่อไป ความรู้สึกประมาณว่า ตาไม่ต้องรับรู้รูปอีกต่อไป หูไม่ต้องได้ยินเสียงอีกต่อไป อะไรๆ ก็ไม่มีมากวนใจอีกต่อไป ทุกอย่าง นิ่ง เงียบ สงบ ดับหมด แม้ความคิด แม้สัญญาต่างๆ การนึกคิดต่างๆ ก็ไม่ผุดมากวน
    5. บางคนยังรู้ต่อไปอีก ร่างกายหลับไปแล้วจิตยังตื่นรับรู้ทุกอย่างได้อีก อันนั้นแก่กล้ามาก
    6. การกินยา ที่มีผลต่อประสาท รวมถึงยาแก้แพ้ เป็นปัจจัยทางกายสังขาร ที่ส่งผลลบต่อการทำสมาธิ มีผลคล้ายๆ กินเหล้า จะดึงให้สติอ่อน หลุดจากฐานการภาวนาได้ง่ายกว่า
    7. มีปัญหาเรื่องสรีระ ถ้าไม่ได้เป็นมาก ลองฝืนดูสิ ว่าหายได้ไหม เพราะผู้เป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาท หายจากการนั่งสมาธิ จนเดินเหินได้ปกติ ก็มีหลายคนนะครับ เสียเงินกับแพทย์แผนปัจจุบันครึ่งล้านไม่หาย นั่งสมาธิแบบเอาชีวิตเข้าแลก 3 วันหายครับ
     
  12. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    ผมก็ สำเร็จ อรูปฌาณ ตัว อากาศ ก็ด้วย ท่าน นอน นี่แหละ
    นั่งมา 2 คืน ไม่ได้ ก็นอน ทำมันซะเลย ดัน ได้ตอนกลางดึกซะงั้น
     
  13. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950

    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ยังไม่รู้จักเลยเนี่ย หาอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2012
  14. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    2. นอนทำสมาธิ ต้องสติแข็งแรงมาก ไม่งั้น โดนความง่วงดูด =หลับffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    วิธีทำให้สติแข็งแรงมาก ทำอย่างไรคะ<O:p></O:p>
    3. เจริญสติ ช่วยได้ทุกอย่าง<O:p></O:p>
    พยายามทำอยู่ ยังทำได้ไม่ดีนัก ไม่ถึงกับตลอดเวลาทั้งวัน เผลอบ่อยๆค่ะ มีอะไรพอแนะนำเพิ่มเติมมั้ยคะ <O:p></O:p>
    4. ถ้าสติเป็นมหาสติแล้วจะเกิดอาการรู้ทุกอย่างในตอนหลับ เห็นทุกขั้นตอนของการที่ผัสสะดับลงไป ภาวะนั้นเป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะคือสภาวะที่เราเหลือแต่จิตอย่างเดียว ไม่แบกภาระของขันธุ์ 5 อีกต่อไป ความรู้สึกประมาณว่า ตาไม่ต้องรับรู้รูปอีกต่อไปหูไม่ต้องได้ยินเสียงอีกต่อไป อะไรๆ ก็ไม่มีมากวนใจอีกต่อไป ทุกอย่าง นิ่ง เงียบสงบ ดับหมด แม้ความคิด แม้สัญญาต่างๆ การนึกคิดต่างๆ ก็ไม่ผุดมากวน<O:p></O:p>
    ตอนแรก เข้าใจว่า อาการตกภวังค์ คืออาการนี้นะค่ะ เลยปล่อยให้นั่งคอเอียงมานาน ทำให้ปวดคอสะสมมาหลายเดือน เพราะยังรู้ตัวตลอด แต่ได้ยินเบามากๆ เท่านั้นเอง /ยังรู้อาการนิ้วก้อยกระดิก /เมื่อยขาก็ขยับขาเอาได้ พอลืมตาจากที่เรากำหนดไว้ 30 นาที ก็ได้ยินเสียงดังเหมือนเดิม
    5. บางคนยังรู้ต่อไปอีก ร่างกายหลับไปแล้วจิตยังตื่นรับรู้ทุกอย่างได้อีกอันนั้นแก่กล้ามาก<O:p></O:p>
    อันนี้ยังไม่ได้นะค่ะยิ่งนอนสมาธิเนี่ย หลับเลย
    6. การกินยา ที่มีผลต่อประสาท รวมถึงยาแก้แพ้เป็นปัจจัยทางกายสังขาร ที่ส่งผลลบต่อการทำสมาธิ มีผลคล้ายๆ กินเหล้าจะดึงให้สติอ่อน หลุดจากฐานการภาวนาได้ง่ายกว่า<O:p></O:p>
    คือว่า ตอนนี้นั่งสมาธิเพื่อรักษาโรคอยู่ด้วยนะค่ะ ( บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมฝืนนั่งนานหรือต้องนั่งทุกวัน ผิดสรีระเราเอง) ยามีผลมากค่ะ ถ้าคนธรรมดากินในปริมาณนี้ก็เดินไม่ได้นะค่ะ สติจะแข็งแรงกว่าฤทธิ์ยาเนี่ย จะทำอย่างไรดีเป็นวิบากเราเอง ที่ต้องกินยา <O:p></O:p>
    (รวมถึงงานด้วยนะค่ะ เพราะเหนื่อยกลับมาจากข้างนอก) <O:p></O:p>
    ปกติสวดมนต์ไม่ได้ค่ะ เพราะจะหลับ ตาปิดเลย ถ้าเห็นบทสวดมนต์ แต่นั่งสมาธิกลับไม่หลับ 5hkw,j
    7. มีปัญหาเรื่องสรีระถ้าไม่ได้เป็นมาก ลองฝืนดูสิ ว่าหายได้ไหม เพราะผู้เป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาทหายจากการนั่งสมาธิ จนเดินเหินได้ปกติ ก็มีหลายคนนะครับเสียเงินกับแพทย์แผนปัจจุบันครึ่งล้านไม่หาย นั่งสมาธิแบบเอาชีวิตเข้าแลก 3 วันหายครับ<!-- google_ad_section_end --><O:p></O:p>
    ตั้งกระทู้เพราะสงสัยนะค่ะ ว่าแล้วทำไม พระธุดงค์ ลำบากกว่าเรามากๆ ยังทำได้ เลย เราแค่ปวดหลังจากการทำงาน ง่วงยาแค่นั้นเอง ถึงถาม ว่า คนที่เขานั่งนานๆ หลายช่วโมง หลายสิบปี ทำอย่างไรกัน<O:p></O:p>
    เพราะส่วนตัวคิดว่า ทุกคนไม่มีปํญหาทางร่างกาย หรือ สรีระพร้อมที่จะปฎิบัติธรรมหมดทุกคนนะค่ะ ต่างคนต่างกันไปเท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2012
  15. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ทำตัวแดงๆ กับมาที่ สติ นี่แปลว่า ฟังธรรมเป็นละ สามารถแยกพวกสอนสมถะ
    กิ๊กก๊อกออกไปได้

    พวกสมถะกิ๊กก๊อกนะ เวลาเจอปัญหาเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว แทนที่จะ สอนภาวนสู้ นู้น
    ไปนู้น สอนให้เราแก้ท่าทาง หาหยูกหายา

    แล้วตลกมาก เรานั่งทำสมาธิใช่ไหม กำลังทำกำลังสมาธิให้เพิ่มขึ้น อย่าค่อย
    เป็นค่อยไป ค่อยๆฝึก แต่ พวกอวด ว่ากูแน่กูหนึ่ง กูทำสมถะยอดเยี่ยม มันจะไม่สน
    ใจคนที่กำลังเรียน มันหมายจะพูดโชว์ความสามารถมันอย่างเดียว

    พอเป็นแบบนี้ ไอ้พวกอวดสมถะเนี่ยะ ก็จะ โชว สมถะของตนว่ามีกำลังมาก ทำลาย
    ความง่วง ความเจ็บ ความปวดได้ นู้น ไปนู้น ไปพูดโชวของตัวเองตลอด

    ทิ้งปัญหา คำถาม ของเราเป็นเรื่อง รองขี้ตีนให้พวกนี้ได้อาศัย พูดโชวของลับของมัน

    ดังนั้น

    ...........คุณ จขกท ได้ยินคำว่า สติช่วยได้ แล้ว ก็ ทำสีแดงล้อม โควต

    อันนี้ ก็ถือว่า ฟังธรรมเป็น

    คนฟังธรรมเป็น แค่นี้ ก็พอแล้ว สำหรับ การไปลงมือปฏิบัติต่อไป ..........

    คนเราไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่า ฟังธรรมให้เป็น

    พอฟังธรรมเป็นแล้ว เดี๋ยวก็ แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองได้

    สติ จะระลึกอย่างไรกับ สภาวะสังขาร ที่กำลังแสดงความไม่เที่ยง ให้ดู

    จิตตั้งมั่นในการ ระลึกรู้ เจริญสติ พิจารณา สังขารีที่กำลังแสดงความไม่
    เที่ยงเนี่ยะ รสมันเป็นอย่างไร สมควรเรียกว่า ตกภวังค์ติดหลับ อีกหรือ
    เปล่า ถ้า สติ มีได้มากๆ แล้ว อยู่กับการงานเป็นด้วยนะ

    คนที่ออกจากสมาธิมา เขาก็ ตามพิจารณากายต่อกันทั้งนั้นแหละ

    สรุปคือ ทำสมาธิแล้วออกมา จิตมัน ผลิกกายเป็นของถูกรู้ถูกดู เนียะ สัญญาณ
    ของ คนกำลังสมาทานสิกขาได้ ไม่ใช่ เกิดปัญหา แต่ กำลัง จะเจริญปัญญา
    ต่างหากหละ
     
  16. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ตรงนี้นะ เรียกว่า คุณ เจริญสติ แล้วไม่ใช่ ระดับ มีสติ เหลืแต่จิต แบบสมถะโง่ๆ
    ทั่วๆไปนะ

    การ สงบ สงัด ของจิตที่ มีรู้เนื้อรู้ตัว อันนี้แหละ เขาเรียกว่า มีสัมปชัญญะ

    พระพุทธองค์กล่าวเน้นเสมอว่า สมาธิของพระพุทธองค์ ที่พระพุทธองค์สอน
    จะเน้น การมี สัมปชัญญะ ไม่ใช่ไม่มีสัมปัชัญญะ

    ดังนั้น การรู้เนื้อรู้ตัว อันนี้ ถูกแล้ว ....

    ตอนที่จิต ไปรู้อยาตนะ อันนี้ก็ถูกแล้ว แต่ สติอินทรีย์ยังไม่พอ ยกเห็นว่า
    วิญญาณขันธ์ เกิดดับ ทางอยาตนะ ทีละทวาร ไม่ได้ .....

    ทั้งนี้เพราะ ตอนไปรู้ หรือ เลือกรู้ทางทวารใดทวารหนึ่ง ลืมพิจารณาไตรลักษณ์
    อีกทั้ง ลืมยกว่าขันธ์ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆเรา

    เช่น ตอนไปรู้ที่กาย เห็นขากระดิก ได้อยู่ แต่ ลืมยกว่า ขากที่กระดิกได้เป็นเพียง
    วัตถุก้อนธาตุที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆเรา ( หากยังมีใจ สำคัญ หรือ นึกเถียงออก
    มาว่า ขากูนะ อันนี้ก็แปลว่า ลืมพิจารณา อสุภะ หรือ มรณะ สติ มาเป็นพื้น ปัญญา
    อินทรีย์)

    ที่ผ่านไปแล้ว ช่างมัน แต่ ต่อไปนี้ หากวันใดคุณ เห็นขากระดิกแล้ว จิตระลึกเห็น
    ได้ว่า ขามันกระดิกเองได้ ไม่ใช่เรากระดิก ขาเป็นเพียงก้อนธาตุ ที่เคลื่อนไหวด้วย
    อาการธาตุ วันนั้น เรียกว่า ยกจิตพิจารณาขันธ์ได้ตรงทาง พอตรงทางแล้วยัง
    ต้องยก ญาณที่เข้าไปเห็นกายไม่ใช่ตนนั้น ก็เป็นของเกิดดับ คือ แม้จักษุธรรมที่
    เขาไปเห็นธรรมใด จักษุธรรมนั้นก็เป็นของเกิดดับ ตรงนี้ ถึง จะรู้รอบ ครบรอบ

    คำว่าครบรอบเรียกว่า ปริยัติ

    ดังนั้น ปริยัติ ที่เราต้องฟัง ไม่ใช่มาจาก คนอื่นพูดให้ฟัง

    มันต้องมาจาก การเห็นตามความเป็นจริง แบบนี้ จึงเรียกว่า ฟังธรรมเป็น

    **********

    สรุป หากคุณเจริญสติได้ และ มีสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตตั้งมั่น รับรู้ได้
    ว่า จิตเกิดทีละทวาร 6ทาง 6 อยาตนะ และเมื่อไหร่ เห็น ญาณการรู้
    ก็เป็นของเกิดดับได้จนเรียกว่า ปริยัติครบรอบของการฟังธรรม เมื่อนั้น
    คุณ พึ่งฟังธรรมเป็น โดยฟังจากกายจากใจด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลาง
    มีสติ มีสัมปชัญญะ กำจัดอภิชญา และ โทมนัสในกาลก่อนเสียได้
    ก็จะเห็นเองว่า อาสวะใดข้าม หรือพ้นไปได้บ้าง

    .......เมื่อเห็นการพ้น การข้าม....ยังไม่จบนะ พระพุทธองค์กล่าวว่า
    ก็ให้ตาม ดูการพ้น การข้าม นี้แสดงไตรลักษณ์อีกชั้นหนึ่ง ......ตาม
    รู้เนืองๆ ทำให้มากๆ ก็จะเป็น อมตะ พ้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2012
  17. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ตรงนี้ ต้องขออนุญาติ ปรักปรำว่า ภาวนาผิดพลาด และ สาเหตุที่ ต้องมาตั้ง
    คำถาม ก็เป็นไปได้ว่า มาจาก ทิฏฐิที่เนื่องกับ การปรารภ วรรคนี้

    ให้ทำความเข้าใจใหม่ว่า

    เราภาวนาไม่ได้เพื่อรักษากายให้หายป่วยหายไข้ หายโรคา พยาธิ

    ถ้า ดำริปบบนั้น มารจะหรอกว่า คุณภาวนาได้เก่งกว่ากินยา นี่เริ่มโง่แล้ว
    มันจะเอาชีวิตคุณไปแล้วนะ หากโรคที่คุณเป็นนี่ ต้องอาศัยยารักษา

    มีคนจำนวนมาก เกิดมุทะลุ ตัดสิน หรือ เกิดฝุ้งเฝ้อเห่อเหิมใจ เลิกกินยา เลิก
    รักษา แล้วนู้นนน เข้าป่าไปนู้น กะจะหัก โรค ให้หาย ( เป้าหมายผิดนะ สังเกต
    เห็นเปล่า) ......หลายรายมาก ตาย !!! แถม เกิดชาติใหม่เนี่ยะ จะยากจนค้น
    แค้นบ้านแตกสาแหรกขาดเป็นเวรกรรมอีก

    ให้คุณ พิจารณาใหม่ว่า

    เราภาวนา เพื่อเป็น ธรรมโอสถ และ ธรรมโอสถเนี่ยะ แก้ อาการเมาสังสารวัฏ !!!

    แก้อาการเมาสังสารวัฏอย่างเดียว ไม่ใช่เพื่อ รักษาอะไรอย่างอื่น

    เนี่ยะ ตรงนี้ หากตั้งจิตไว้ถูก การปรารภทำสมาธิอุกกฤษ มันจะผลิก เพื่อ นิพพาน
    อย่างเดียว แบบนี้ก็จะ ใช่ ถูกต้อง ตรงสู่โลกอุกดร

    คุณ กับ พระธุดงค์ ต่างกันตรงไหน ไม่ใช่เพราะเพศแน่ๆ แต่ เป็น "การตั้งจิตให้ตรง" นี่แหละ
     
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    :cool::cool::cool::cool:1234
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอ็งลองไปยืนขาเดียว กลางแขน ตากแดด แล้วภาวนาสู้ดูซิ จะได้ไหม

    มันต้องรู้ก่อนสิว่า สภาวะของตนนั้น อะไรที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติ เป็น ปลิโพธิ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนให้มันดีก่อน จิตสงบตัวลงไปมันจึงจะมีปัญญา นี่กายยังไม่พร้อม ใจไม่พร้อม จะไปภาวนาสู้
    ถามว่า ไปสู้กับอะไร ในเมื่อมันเป็นเรื่องของธาตุขันธ์ จะไปข่มธาตุข่มขันธ์ ในขณะที่เพิ่งเริ่มต้น จะเอาอะไรไปสู้

    นี่เห็นไหมว่า อวิชชา มันบังปัญญามิด
     
  20. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เนี่ยะ คุณ เจ้าของกระทู้ ลองเอาไปพิสูจน์ดู

    เราพิสูจน์ธรรมะ ด้วยการปฏิบัติของเรานะ ไม่ใช่ เอาอะไรมาเป็นโลโก้
    เพื่อหลอกหู หลอกตา หลอกจ้องฮี

    ลองไปพิสูจน์

    ไม่ใช่นะ นักภาวนาเขาจะไม่สอนกันว่า ให้ขยับเนื้อ ขยับตัว แก้อาการ

    คนที่เขาสอนเป็นเนียะ เขาจะสอนว่า ดูไปเลย พอกายมันปวด เดี๋ยวกาย
    มันจะขยับแก้เอง แล้วเราก็จะไม่เห็นทุกข์ ก็จะเห็นเลยว่า อริยาบทปิดบัง
    ทุกข์นั้น เราสามารถยกพิจารณาเป็น องค์ปัญญาได้

    และ ปัญญาแบบนี้ แก้เมาสังสารวัฏ

    แต่ ปัญญาโง่ๆ อาศัย โลโก้พระหลอกแดก มันจะพูดแค่ว่า ก็ขยับตัวแก้ไปสิ
    ( สังเกตไหม สอนให้เรา ปิดบังการเห็น ทุกขสัจจ นะ ) แก้ได้ แต่มันแก้การ
    เมาสังสารวัฏไม่ได้ เผลอๆ เมากว่าเดิม นู้นไปนู้น ไปหาเขา พาเขาไปดิ้น
    ดิ้น ด้น ดิ้น กันไหม ลุง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...