พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

รับทราบครับ

ส่วนบัญชีที่ใช้โอนเงินนั้น ก็ตามนี้แหละครับ ถ้าโอนไปบัญชีอื่นไม่รู้ด้วยน๊ะ

โมทนาสาธุครับ

.

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
ผมขออนุญาตจองไว้ 4 องค์นะครับ สำหรับพระพิมพ์ "พระนาคปรก"
รู้สึกกลัวจะหมดก่อน เลยรีบแจ้งความประสงค์ไว้ก่อนครับ

ผมไม่แน่ใจว่าพระพิมพ์ที่อยู่กับผม 79 องค์นี้ จะถูกแบ่งไปเรื่องงานบุญกฐินของ สนส.ผาผึ้งด้วยหรือไม่ครับ

โมทนาสาธุครับ

.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ผมก็ยังมีความโลภ โกรธ หลง อยู่ครับ ยังตัดอะไรไม่ได้ซักกะอย่าง

โมทนากับคุณwichitt เป็นอย่างสูงด้วยครับ

(verygood) (verygood) (verygood)

 

ให้อธิบายวิธีการใช้อย่างถูกต้องด้วยนะครับ

พระพิมพ์หรือวัตถุมงคลต่างๆ ถ้าหากใช้ไม่ถูกต้อง จะได้ผลที่ไม่เต็มที่ 100 % และจะเป็นหนทางการปรามาสได้ครับ

โมทนาสาธุครับ
.

 

ทั้งคุณนิพนธ์ และคุณแด๋น ศรัทธาหลวงปู่อย่างเต็มเปี่ยม คุณนิพนธ์นั้นได้ร่วมทำบุญกับผมมานานพอสมควรตั้งแต่เริ่มทำบุญกับ สนส.บ่อเงินบ่อทองใหม่ๆ ได้พระพิมพ์ไปก็นำไปเลี่ยมขึ้นคอ ส่วนคุณแด๋นเอง ก็ได้ไปหาท่านอาจารย์ประถม มานานพอสมควร ศรัทธาต่อหลวงปู่เป็นอย่างสูงสุดและเคารพท่านอาจารย์ประถมเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ และอีกประการหนึ่งก็คือ เป็นวาสนาบารมีของคุณนิพนธ์และคุณแด๋นเองด้วยครับ

.

 

ผมขออนุญาตจองไว้ 2 องค์นะครับ สำหรับพระพิมพ์ "พระนาคปรก"

อย่างละสีนะครับ ขอบคุณครับ

 

ถ้าอย่างนั้นผมขออย่างละองค์นะครับ เอาไว้ก่อนเผื่อวันหนึ่งอาจจะนำไปบรรจุกรุที่เจดีย์ แล้วผมจะต้องโอนเท่าไหร่ครับ

 

เล่าเรื่องพระนาคปรก พระเจ้าลิไทมหาราชต่อซักนิดนะครับ ...

คุณหนุ่มได้เกริ่นนำว่าน่าจะเปิดกระทู้เรื่อง"บูชาพระนาคปรก"เป็นอีกกระทู้หนึ่งขึ้นมา เพื่อให้บุคคลอื่นนอกเหนือจากคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรได้มีพระนาคปรกไว้สักการะบูชาติดตัวทั้งตนเอง และวงศ์วาน ด้วยเหตุการสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งนี้ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกระทู้ของพระวังหน้า..

ผมเชื่อในเรื่องของบุพกรรมที่หนุนนำกันมาแต่ปางก่อน จึงได้พบปะกันในภพ ในชาตินี้ ผมอยากจะเชื่อมโยงให้เห็นว่าเป็น"ความบังเอิญ" หรือ"เป็นวาระที่ถูกกำหนด"ให้ได้มาพบพระกรุนี้เข้า และเจาะจงว่าเป็นการช่วยสร้างพระธาตุจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง

ผู้ใจบุญ(คุณหนุ่มได้ขอสงวนชื่อไว้คงมีเหตุผลของคุณหนุ่ม..)ได้พบเรื่องราวของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรจากกระทู้พระวังหน้านี้ เริ่มต้นจากที่ไม่เคยรู้จักเวปพลังจิตมาก่อน แล้วได้ทราบเรื่องการสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ได้ทราบเรื่องราวของพระอาจารย์นิล ได้ทราบถึงความตั้งใจของคุณหนุ่มผู้นำการบอกบุญที่ยิ่งใหญ่นี้ที่ได้สละพระพิมพ์กรุพระแก้ววังหน้านี้ ท่านผู้นี้จึงได้ตั้งจิตถาม"พระ"ว่าพระที่เป็นผู้นำการสร้างพระธาตุเจดีย์นี้เป็นอย่างไร? "พระ"ท่านตรัสว่า ดี แต่เธออย่าเพิ่งเชื่อฉัน ท่านผู้นี้จึงได้เดินทางไปที่จ.ชัยภูมิ ได้เห็นการก่อสร้างพระธาตุเจดีย์ หลังจากที่ท่านมั่นใจในปฏิปทาของพระอาจารย์นิลจึงได้มอบพระพิมพ์พระนาคปรก สมัยพระเจ้าลิไทมหาราช ไว้กับพระอาจารย์นิลนำมามอบให้คุณหนุ่มเพื่อบอกบุญร่วมสร้างพระธาตุเจดีย์อีกแรงหนึ่ง

ดังนั้นผมเชื่อว่า ผู้ที่จะได้ครอบครองพระนาคปรกนี้จึงน่าจะเป็นผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และพระวังหน้า เกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าลิไทมหาราช และราชวงศ์พระร่วงเท่านั้นครับ ผู้คนมากมายที่ไม่ได้เข้ามากระทู้นี้ และผู้คนที่มีอคติกับกรุพระแก้ววังหน้า ดังที่ทราบๆกันดี ท่านเหล่านี้ก็คงจะยากครับที่จะได้มีโอกาสได้พบเห็น ได้ครอบครองพระโบราณนี้ อีกทั้งผู้ที่บูชาไปแล้วส่วนมากไม่ได้บูชากันเพียงท่านละ 1 องค์ ส่วนมากจะได้รับกัน 3-4 องค์ขึ้นไปทั้งนั้น แบบนี้พระพิมพ์คงจะหมดก่อนกำหนดอย่างแน่นอน ประการต่อมา หากเปิดกระทู้ต่างหากขึ้นมา ผู้ที่ไม่ได้เคยได้ร่วมทำบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาก่อน ก็คงไม่ได้รับสิทธิ์การจองในราคาถูกแบบนี้ คงต้องไปบูชากันที่ราคา 5,000 บาท ก็นับว่ายากเต็มที นีจึงกล่าวได้ว่า "พระเลือกคน"


ผมจึงคิดว่า พระเจ้าลิไทมหาราชนั้นพระองค์ท่านกำหนดไว้แล้วว่าท่านใดคือเจ้าของพระพิมพ์พระนาคปรกกรุโบราณนี้แล้วต่างหากที่จะมาร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งนี้ เท่ากับว่าผู้บูชาพระนาคปรกไปก็คือผู้ที่ปรารถนาจะร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชับผาผึ้งร่วมกับพระองค์ท่าน

 

เขาเรียก "บรรจุ " กรุ ครับ คุณ wichitt เรียกฝังแล้วผมกลัว..

 

อาจารย์กวงครับ มี 3 สีนะครับ ขาว น้ำตาล และดำ

 

ขออภัยด้วยครับ คุณกวงจะรู้ดีครับ ว่าทำไมผมจึงใช้คำผิดๆอยู่เสมอ ต้องกราบขออภัยอีกครั้งครับที่ทำให้กลัว

 

ผมขอดักจิตผู้ที่จะค้านผมก่อนดีกว่า

จากประโยคนี้ "ผมจึงคิดว่า พระเจ้าลิไทมหาราชนั้นพระองค์ท่านกำหนดไว้แล้วว่าท่านใดคือเจ้าของพระพิมพ์พระนาคปรกกรุโบราณนี้แล้วต่างหากที่จะมาร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งนี้ เท่ากับว่าผู้บูชาพระนาคปรกไปก็คือผู้ที่ปรารถนาจะร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชับผาผึ้งร่วมกับพระองค์ท่าน"

บางท่านไม่ค่อยเชื่อผมจะแสดงตัวอย่างให้ดูนะครับ เช่น ผมนำพระกรุวังหน้าจำนวนหนึ่งบรรจุที่พระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง แล้วตั้งจิตว่า หากข้าพเจ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงไร หากยังต้องเวียนว่ายในวัฏสงสาร ขอให้ได้พบพระพุทธศาสนา ขอให้ได้พบหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ขอให้ได้พบพระกรุวังหน้า และได้ครอบครองสมบัตินี้อีกครั้งเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ครบ5,000 ปี

แบบนี้ การที่พวกเราที่ได้พบพระกรุนี้ โดยบังเอิญ หรือ โดยกำหนดครับท่าน...

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ]​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, :::เพชร:::, chaipat, narongwate, sithiphong, wichitt</TD></TR></TBODY></TABLE>

คนกันเองทั้งนั้นเลย ขาดคุณพันวฤทธิ์ กับคุณตั้งจิต และน้อง เอ
โมทนากับทุกคนครับ
nongnooo...

 

คงมีหลายๆคนที่สงสัย ค้างคาใจว่า เพราะเหตุใดที่ผมต้องตั้งกฎเกณฑ์ในการทำบุญเพื่อขอรับพระนาคปรก รัชสมัยพระยาลิไท สมัยสุโขทัย ในจำนวนเงินที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันระหว่างท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาเลย และท่านที่เคยร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาแล้ว ผมขออธิบายให้ทุกๆท่านทราบดังนี้ครับ<O</O
<O</O

1.ท่านผู้ที่มอบพระนาคปรก รัชสมัยพระยาลิไท สมัยสุโขทัย มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง แต่เนื่องด้วยพระนาคปรก รัชสมัยพระยาลิไท สมัยสุโขทัย เป็นพระเก่าทรงคุณค่ามาก ไม่สามารถประเมินเป็นราคาได้ จึงมอบให้กับพี่แอ๊วเป็นผู้ที่ดำเนินการในเรื่องนี้ ต่อมาเมื่ออาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม 2550 พี่แอ๊วได้แจ้งความประสงค์ของท่านผู้ที่มอบพระนาคปรก มาให้ผมได้ทราบ และได้มอบให้ผมเป็นผู้ที่ดำเนินการในเรื่องการบอกบุญและการมอบพระนาคปรก ผมจึงเห็นว่า พระนาคปรก รัชสมัยพระยาลิไท สมัยสุโขทัย เป็นพระเก่าทรงคุณค่ามาก ไม่สามารถประเมินเป็นราคาได้ ควรที่จะให้สิทธิในการร่วมทำบุญกับท่านที่เคยร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากได้ร่วมกันทำบุญมาก่อน ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมบุญเลย เงินเพียง 5,000 บาท สำหรับพระทรงคุณค่าขนาดนี้ ผมว่าไม่แพงและผมว่าถูกไปด้วยซ้ำ เทียบเป็นปีแล้ว พระนาคปรกมีอายุไม่น้อยกว่า 600 ปี พระมหากษัตริย์เป็นผู้ให้จัดสร้างขึ้น พระอริยสงฆ์ในสมัยนั้นเป็นผุ้อธิษฐานจิตให้ ผมยังสามารถให้ทำบุญแบบผ่อนได้อีก เดือนละ 500 บาท ก็ร่วมทำบุญเพียง 10 เดือนเท่านั้น และขึ้นอยู่กับใจศรัทธามากน้อยแค่ไหนด้วยครับ <O</O
<O</O

2.ท่านผู้มอบพระนาคปรกมานี้ เดิมทีไม่ทราบเรื่องราวที่สร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาก่อนเลย จนมีอยู่วันหนึ่ง ท่านผู้นี้ได้นั่งสมาธิตามปกติ ในนิมิตได้เห็นหลวงปุ่บรมครูเทพโลกอุดร ท่านมาบอกให้ท่านผู้นี้ ไปช่วยสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ท่านผู้นี้จึงได้เดินทางไปยัง สนส.ผาผึ้ง โดยที่ไม่ทราบเลยว่าอยู่ที่ไหน (ผมคาดว่าน่าจะรู้แค่ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิเท่านั้น) เพื่อต้องการไปพบพระอาจารย์นิล แต่ในการไปครั้งนั้นก็ไม่ได้เจอพระอาจารย์นิล เนื่องจากเป็นช่วงก่อนเข้าพรรษา พระอาจารย์นิลท่านยังไม่ได้ขึ้นไปที่ สนส.ผาผึ้ง แต่ต่อมาท่านผู้นี้ได้ติดต่อกับพี่แอ๊ว และได้นัดหมายกันเพื่อจะไปพบกันและจะมอบพระนาคปรกนี้ ในที่สุดท่านผู้นี้ก็ได้พบกับพระอาจารย์นิลและพี่แอ๊ว และได้ถวายพระพิมพ์พระนาคปรก รัชสมัยพระยาลิไท สมัยสุโขทัย ,พระพิมพ์ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แด่พระอาจารย์นิล เพื่อมาร่วมบุญในการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งครับ<O</O
<O</O

3.เมื่อเราร่วมทำบุญ เหมือนกับเราได้มีโอกาสร่วมบุญกับพระยาลิไท องค์ผู้เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำนุบำรุงพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในยุคสมัยสุโขทัย และได้มีโอกาสร่วมทำบุญกับพระอริยสงฆ์องค์ผู้อธิษฐานจิต รวมทั้งช่างสิบหมู่ผู้สร้างพระพิมพ์

 

<TABLE class=tborder id=post646438 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 04:36 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#6967 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>guawn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_646438", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:36 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 7,399 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 9,772 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 21,052 ครั้ง ใน 4,647 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 2859




</TD><TD class=alt1 id=td_post_646438 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผมขออนุญาตจองไว้ 2 องค์นะครับ สำหรับพระพิมพ์ "พระนาคปรก"

อย่างละสีนะครับ ขอบคุณครับ
<!-- / message --><!-- sig -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post646444 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 04:39 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#6968 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>wichitt<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_646444", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:14 PM
วันที่สมัคร: Aug 2006
ข้อความ: 212 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 5,399 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,567 ครั้ง ใน 211 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 189



</TD><TD class=alt1 id=td_post_646444 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
ผมขออนุญาตจองไว้ 4 องค์นะครับ สำหรับพระพิมพ์ "พระนาคปรก"
รู้สึกกลัวจะหมดก่อน เลยรีบแจ้งความประสงค์ไว้ก่อนครับ

ผมไม่แน่ใจว่าพระพิมพ์ที่อยู่กับผม 79 องค์นี้ จะถูกแบ่งไปเรื่องงานบุญกฐินของ สนส.ผาผึ้งด้วยหรือไม่ครับ

โมทนาสาธุครับ

.



</TD></TR></TBODY></TABLE>



ผมก็ยังมีความโลภ โกรธ หลง อยู่ครับ ยังตัดอะไรไม่ได้ซักกะอย่าง

โมทนากับคุณwichitt เป็นอย่างสูงด้วยครับ

(verygood) (verygood) (verygood)

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ถ้าอย่างนั้นผมขออย่างละองค์นะครับ เอาไว้ก่อนเผื่อวันหนึ่งอาจจะนำไปบรรจุกรุที่เจดีย์ แล้วผมจะต้องโอนเท่าไหร่ครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>

เรียนคุณwichitt และน้องguawn

ผมขออนุญาตสุ่มจับนะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ
แล้วแต่องค์ไหนท่านจะเลือกจะไปอยู่กับใครนะครับ

โมทนาสาธุครับ
.

 

2.ท่านผู้มอบพระนาคปรกมานี้ เดิมทีไม่ทราบเรื่องราวที่สร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาก่อนเลย จนมีอยู่วันหนึ่ง ท่านผู้นี้ได้นั่งสมาธิตามปกติ ในนิมิตได้เห็นหลวงปุ่บรมครูเทพโลกอุดร ท่านมาบอกให้ท่านผู้นี้ ไปช่วยสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ท่านผู้นี้จึงได้เดินทางไปยัง สนส.ผาผึ้ง โดยที่ไม่ทราบเลยว่าอยู่ที่ไหน (ผมคาดว่าน่าจะรู้แค่ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิเท่านั้น) เพื่อต้องการไปพบพระอาจารย์นิล แต่ในการไปครั้งนั้นก็ไม่ได้เจอพระอาจารย์นิล เนื่องจากเป็นช่วงก่อนเข้าพรรษา พระอาจารย์นิลท่านยังไม่ได้ขึ้นไปที่ สนส.ผาผึ้ง แต่ต่อมาท่านผู้นี้ได้ติดต่อกับพี่แอ๊ว และได้นัดหมายกันเพื่อจะไปพบกันและจะมอบพระนาคปรกนี้ ในที่สุดท่านผู้นี้ก็ได้พบกับพระอาจารย์นิลและพี่แอ๊ว และได้ถวายพระพิมพ์พระนาคปรก รัชสมัยพระยาลิไท สมัยสุโขทัย ,พระพิมพ์ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แด่พระอาจารย์นิล เพื่อมาร่วมบุญในการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งครับ<O</O
<O</O
เป็นเมตตาของหลวงปู่แล้วครับ

3.เมื่อเราร่วมทำบุญ เหมือนกับเราได้มีโอกาสร่วมบุญกับพระยาลิไท องค์ผู้เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำนุบำรุงพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในยุคสมัยสุโขทัย และได้มีโอกาสร่วมทำบุญกับพระอริยสงฆ์องค์ผู้อธิษฐานจิต รวมทั้งช่างสิบหมู่ผู้สร้างพระพิมพ์ “พระนาคปรก” ซึ่งโอกาสแบบนี้ผมว่าหาได้ยากเต็มที

เป็นวาสนายิ่งเป็นล้นพ้น
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ<O</O

<O</O

 

<table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="95%"><tbody><tr><td valign="top" width="94%">เมื่อคนไทยเริ่มทำแผนที่ </td> <td valign="top" width="6%"></td> </tr> <tr> <td colspan="2" height="5"><hr align="left" size="1" width="95%"></td> </tr> <tr> <td colspan="2" height="10" valign="top">
พ.อ.ศุภฤกษ์ ชัยชนะ วิวัฒนาการด้านการแผนที่ ที่ก้าวหน้าในประเทศไทยสมัยปัจจุบัน จะมีใครบ้างที่จะทราบว่า เริ่มต้นมาจากที่ไหน ใครเป็นผู้ทำคนแรก เรื่องนี้เหมือนปัญหาโลกแตก เพราะประเทศไทยเรามักจะไม่ค่อยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ฉะนั้นถ้าจะถามว่า คนไทยเริ่มทำแผนที่ที่เป็นตามหลักวิชาการเมื่อไร? ใครตอบได้บ้างครับ

หลักฐานแรกที่แสดงให้เห็นว่า เรามีการทำแผนที่แบบตามหลักวิชาการคือ แผนที่ลำน้ำน้อยตลอดทางที่ประพาสเป็นแผนที่ทำอย่างแบบฝรั่งว่าเป็นของ กรมพระราชวังบวรฯ ทรงทำขึ้น (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ซึ่งเป็นวังหน้าคนสุดท้าย ก่อนที่จะมีมงกุฎราชกุมาร ในสมัยรัชกาลที่ ๕) เรื่องนี้ผมนำมาจากข้อเขียนของ ส.พลายน้อยในหนังสือสารคดี ฉบับที่ ๑๙๖ ขอคัดลอกมาไว้ดังนี้ครับ

คนไทยทำแผนที่แบบฝรั่ง(คัดลอกจากหนังสือสารคดี ฉบับที่ 196)​

ส.พลายน้อย​

การทำแผนที่ของไทยในสมัยโบราณเป็นการทำแบบหยาบๆ พอให้ทราบว่า ภูมิประเทศบริเวณนั้นมีอะไรบ้าง เช่น บ่อน้ำ ภูเขา ป่า แม่น้ำ และสำรวจระยะทางจากเมืองหนึ่งถึงอีกเมืองหนึ่งว่าห่างกันเท่าใด เพื่อประโยชน์ในการกำหนดระยะเวลาในการเดินทัพและส่งเสบียงถึงกัน ระยะทางสมัยก่อนก็ประมาณกันอย่างหยาบๆ เช่นระยะทางคนเดินหนึ่งวันหรือม้าวิ่งครึ่งวัน มีที่พักม้าเปลี่ยนม้าที่ไหนบ้าง​

แผนที่เก่าแบบโบราณที่มีอยู่ในปัจจุบันก็คือแผนที่นครศรีธรรมราชที่เขียนรูปวัดศาลารูปต้นไม้ไว้ด้วย คนดูแผนที่จะต้องหาทิศทางเอาเอง ในสมัยโบราณคนที่จะต้องรู้ทิศทางและภูมิประเทศก็คือพวกพราน ซึ่งมีหน้าที่เป็นมัคคุเทศน์ด้วย พวกพรานใช้ความสังเกตุความชำนาญที่จะต้องเดินป่าประจำก็ไม่ต้องใช้แผนที่ แต่พวกนายทัพนายกองต้องอาศัยแผนที่เพราะไม่รู้ภูมิประเทศ

การทำแผนที่แบบฝรั่งที่ถูกต้องตามหลักวิชาการได้เริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อตั้งกรมแผนที่*1ขึ้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2426(น่า จะเป็นวันที่ก่อตั้งโรงเรียนแผนที่ ไม่ใช่กรมแผนที่ ผู้คัดลอก) แต่กว่าจะใช้การได้ก็หลายปี พลเอก พระยาเทพหัสดิน(ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เจ้ากรมแผนที่คนที่ 3 (เป็นเจ้ากรมแผนที่คนไทยคนแรก)ได้เขียนเรื่องนี้ไว้ตอนหนึ่งว่า " ความรู้สึกของฝรั่งในกรมแผนที่สมัยนั้นมีอยู่ว่า คนไทยนั้นจะสอนให้ทำแผนที่ไม่ได้ ความจริงเหตุผลของเขาก็มี แต่ไม่ใช่ เพราะความไม่สามารถหรือความบกพร่องของคนไทย แต่เป็นการขาดการศึกษาทางวิชาคำนวณต่างหาก เพราะสมัยนั้นนอกจากโรงเรียนนายร้อยแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ทราบว่าได้มีการสอนวิชาตรีโกโนมิตร์ และวิชาเดสคริฟติฟยีออเมตรี (Descriptive Geometry)กันที่ไหน และเมื่อไม่ได้เรียนวิชาเหล่านั้นก็ไม่มีทางจะเรียนวิชาแผนที่ได้ นอกจากการใช้เข็มทิศเล็งไปโดยไม่รู้เหตุผลอะไร..... จากการสอบสวนงานของกรมแผนที่ปรากฎว่าแผนที่ภูมิประเทศที่ได้เริ่มทำขึ้นนั้นผิดหมด ผิดเพราะแสดงทรวดทรงด้วยเส้นขอบเนินไม่เป็น"
​

ถ้าจะถามว่าคนไทยคนแรกที่ทำแผนที่แบบฝรั่งได้คือผู้ใด คำตอบที่ได้น่าจะเป็น กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญในรัชกาลที่ 5 นั้นเอง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงนิพนธ์ถึงเรื่องนี้ไว้ว่า " เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสถึงเมืองไทรโยคครั้งแรกเมื่อปีฉลู พ.ศ. 2420 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ถวายแผนที่ลำน้ำน้อยตลอดทางที่ประพาสเป็นแผนที่ทำอย่างแบบฝรั่งว่าเป็นของ กรมพระราชวังบวรฯ ทรงทำขึ้น (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ*2) ดูเหมือนเข้าใจว่าสมัยนั้นว่าไม่มีผู้อื่นทำได้ ครั้นต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้จัดเริ่มพนักแผนที่ขึ้นในกรมมหาดเล็ก ในสมัยเมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้บังคับการ พอทำแผนที่พระนครสำเร็จ นำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแก่ข้าพเจ้าว่า " เอาขึ้นไปอวดวังหน้าดูสักที" ข้าพเจ้าจึงนำแผนที่ขึ้นไปตามรับสั่ง กรมพระราชวังบวรฯ ได้ทอดพระเนตรก็โปรดตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า "วิชานี้ดีนะจ๊ะ อุตสาห์ฝึกหัดต่อไปเถิด"

สรุปว่า กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเป็นคนไทยคนแรกที่ทรงทำแผนที่แบบฝรั่ง เป็นแผนที่กรุงเทพมหานครตีพิมพ์ที่เมืองสิงคโปร์เมื่อ พ.ศ. 2414 และกรมแผนที่ซึ่งต่อมาเป็นกรมแผนที่ทหารบก(น่าจะเป็นกรมแผนที่ทหารมากกว่า ผู้คัดลอก)ได้ทำต่อมาจนถึงปัจจุบัน
----------------------------------------
หลังจากนี้ ระบบการทำแผนที่ของประเทศไทย ก็ก้าวไปสู่ ยุคการทำแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งบุคคลที่ริเริ่มวิชาการด้านนี้คือ พล.ท.พระยาศัลวิธานนิเทศซึ่งถือได้ว่า เป็น บิดาแห่งวิชาการทำแผนที่แห่งภาพถ่ายทางอากาศของประเทศไทย
----------------------------------------
*1 - หลังจากที่เสด็จประพาสรอบแหลมมลายู ชวา และอินเดีย ใน พ.ศ. 2416 แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงนำ นายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ ซึ่งเคยทำหน้าที่รองกงศุลอังกฤษในเมืองไทยมาก่อนนั้น กลับเข้ามารับราชการเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ด้วย

นายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ ได้กราบบังคมถวายคำแนะนำในการทำนุบำรุงบ้านเมืองด้วยวิชาการสมัยใหม่หลายสาขา รวมทั้งวิชาการสำรวจและทำแผนที่ซึ่งทรงเห็นว่ามีประโยชน์มาก ดังนั้นจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกองทำแผนที่ทดลองขึ้นใน พ.ศ. 2418 มีนายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ นั้นเองเป็นหัวหน้า กัปตันลอฟตัสเป็นผู้ช่วย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอีก 4 นาย ได้แก่ ม.ร.ว. แดง เทวาธิราช นายทัด ศิริสัมพันธ์ นายสุด และ ม.ร.ว. เฉลิม เริ่มสำรวจทำแผนที่กรุงเทพฯ เพื่อตัดถนนเจริญกรุงและถนนอื่นๆ อีกหลายสาย ต่อจากนั้นก็ได้ทำแผนที่วางสายโทรเลขไปยังพระตะบอง (ม.ปาวี ได้ร่วมไปกับคณะนี้ด้วย) และแผนที่บริเวณปากอ่าวสยาม เพื่อประโยชน์ในการเดินเรือและเป็นแนวทางการป้องกันฝั่งทะเลเนื่องจากเกรงว่าอาจมีการรุกรานจากต่างประเทศ​

ครั้น พ.ศ. 2423 รัฐบาลอังกฤษ ได้ขออนุญาตรัฐบาลสยาม เพื่อให้กองทำแผนที่ กรมแผนที่แห่งอินเดีย ซึ่งมีกัปตัน เอช.ฮิล เป็นหัวหน้า และ นายเจมส์ เอฟ.แมคคาร์ธี เป็นผู้ช่วย เดินทางผ่านเข้ามาในประเทศสยาม เพื่อดำเนินการวางโครงข่ายสามเหลี่ยมต่อเนื่องจากประเทศอินเดีย ผ่านพม่า เข้าเขตประเทศสยามทางจังหวัดราชบุรี เพื่อเข้าบรรจบกับแผนที่ทางทะเลที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งขอสร้างหมุดหลักฐานทางแผนที่ที่ภูเขาทอง และที่พระปฐมเจดีย์ เพื่อให้เป็นจุดตรวจสอบด้วย ครั้งนั้นข้าราชการไทยพากันหวั่นวิตกเป็นอันมาก เรื่องจากได้สังเกตุว่า ประเทศล่าอาณานิคมมักขอเข้าสำรวจก่อน แล้วจึงถือโอกาสเข้ายึกครองในภายหลัง​

อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพิจารณาดูโดยรอบคอบแล้ว จึงทรงโปรดเกล้าฯ อนุโลมตามคำแนะนำของ
นายอลาบาสเตอร์ ที่ให้ยินยอมตามคำขอของรัฐบาลอังกฤษ ทั้งทรงเห็นชอบด้วยกับการที่จะเจรจาทาบทามตัวพนักงานทำแผนที่อังกฤษเข้ามารับราชการเพื่อเป็นการวางรากฐานการทำแผนที่ของไทยด้วย ผลที่สุด ปรากฏว่า นายเจมส์ เอฟ. แมคคาร์ธี ตกลงยินยอมเข้ารับราชการราชการสยาม นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2424 โดยสังกัดฝ่ายพระกลาโหมซึ่งมีหน้าที่บัญชาการหัวเมืองและทหารฝ่ายใต้ในขณะนั้น(ตั้งแต่มณฑลกรุงเทพฯลงไปคู่มหาดไทย ซึ่งดูแลควบคุมบัญชาการทหารในมณฑลฝ่ายเหนือ) แต่ผู้บังคับบัญชาโดยตรงคือ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร(กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ผู้บัญชาการกรมทหารมหาดเล็ก​

เนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องใช้แผนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งกองทำแผนที่เพียงกองเดียวไม่สามารถรับภารกิจทั้งสิ้นได้ พระองค์เจ้าดิศวรกุมารจึงทรงได้รับพระราชโองการให้ตรัวเรียก นายแมคคาร์ธีมาปรึกษาและร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนฝึกสอนชาวสยามให้ทำแผนที่ขึ้นในระยะปลายปีพ.ศ. 2425 โดยเกณฑ์เอานายทหารรักษาพระองค์ 30 นายเข้าเป็นนักเรียนรุ่นแรก นายแมคคาร์ธีเข้ารับหน้าที่เป็นครูใหญ่ มีนายเฮนรี่ นิโกเล เป็นครูรอง ทำการสอนภาคทฤษฏีที่ตึกแถวกองทหารมหาดเล็ก ข้างประตูพิมานไชยศรีในพระบรมมหาราชวัง และนำนักเรียกออกฝึกทำแผนที่ทั้งในกรุงเทพฯ และมณฑลอื่นๆ โรงเรียนแผนที่ดำเนินการมาราวสามปี ได้จำนวนผู้สำเร็จการศึกษามากพอที่จะจัดตั้งหน่วยราชการขึ้นได้ จึงได้มีพระราชโองการแยกเหล่านักสำรวจออกจากสังกัดกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ตั้งขึ้นเป็น กรมทำแผนที่ในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2428 (ตรงกับวันพฤหัสบดี แรมเก้าค่ำ ปีระกา สัปตศก จ.ศ. 1247) นายแมคคาร์ธี ซึ่งภายหลังได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ เป็น ร้อยเอก พระภูวดล(รับพระราชทานสัญญาบัตร เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2428) นั้นได้รับตำแหน่งเป็นเจ้ากรม ขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระองค์เจ้าดิศวรกุมารเป็นผู้ดูแลอีกชั้นหนึ่ง​

คัดลอกมาจาก วารสารแผนที่ ฉบับที่ ๑ ปีที่ ๓๒ (กรกฏาคม- กันยายน ๒๕๓๒)
----------------------------------------

[b-wai]

*2-วังหน้า หรือ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวร…(ต่อด้วยพระนาม) มีทั้งสิ้น 6 พระองค์
ในร.1 คือ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท ซึ่งใน ร.1 มีวังหน้า 2 พระองค์ อีกพระองค์ คือ ร.2 ซึ่งเป็นวังหน้าเพียงพระองค์เดียวที่ได้รับราชสมบัติ
ในร.2 คือ กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์
ในร.3 คือ กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์
ในร.4 คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำรงฐานันดรศักดิ์เหนือกรมพระราชวังบวรทุกพระองค์ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจเทียบกับพระมหากษัตริย์ได้ ยกตัวอย่างเช่น ศ.(พิเศษ) สูงกว่า รศ. แต่ก็ไม่ถึง ศ. นั่นแหละ
ในร.5 คือ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ เป็นวังหน้าพระองค์สุดท้าย
สำหรับพระอัฐิและพระบวรอัฐิประดิษฐานไว้ที่หอพระนาก ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้น ร.5 จึงสถาปนาตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารขึ้น คือ สมเด็จพระปิตุลาธิบดี เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมาก็ทิวงคตตั้งแต่พระชนมายุยังน้อย ตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ต่อไป คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร หรือ ร.6 ในร.6 ก็ไม่มีตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมาร เพราะทรงมีพระราชธิดา คือ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพรรณวดี ปัจจุบันประทับที่วังรื่นฤดี ในรัชกาลปัจจุบัน คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพวรางกูร สิริกิติยสมบูรณ์ สว่างควัฒน์ วรขัตติราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ์ สยามมกุฎราชกุมาร


​

อ้างอิงจาก http://www.resgat.net/modules.php?name=News&file=article&sid=31 ​

</td></tr></tbody></table>

 

ผมมาขอสรุปรายนามท่านผู้ร่วมทำบุญและจองรับพระนาคปรก รัชสมัยพระยาลิไท สมัยสุโขทัย<O</O
<O</O

1.คุณตั้งจิต ร่วมทำบุญ 3,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 4 องค์ (สีดำ 2 , สีขาว 2)<O</O

2.คุณnongnooo ร่วมทำบุญ 3,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 6 องค์ (สีดำ 2 , สีขาว 2 สีไหนก็ได้ 2)<O</O

3.คุณkaicp ร่วมทำบุญ 2,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 2 องค์ (สีดำ 1 , สีขาว 1)<O</O

(สำหรับ 3 ท่านแรก ผมจะเลือกสีให้ตามที่จอง (จองก่อนผมเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์)ครับ ส่วนท่านต่อๆไป ผมขอใช้วิธีสุ่มเลือกให้นะครับ แล้วแต่พระท่านเลือกไปอยู่กับท่านใด<O</O
<O</O

4.คุณpondkantana ร่วมทำบุญ 4,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 4 องค์
<O</O
5.คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 2,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 4 องค์
<O</O
6.คุณhongsanart ร่วมทำบุญ 2,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 4 องค์
<O</O
7.คุณaries2947 ร่วมทำบุญ 2,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 4 องค์
<O</O
8.คุณchaipat ร่วมทำบุญ 1,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 2 องค์
<O</O
9.คุณwichitt ร่วมทำบุญ 1,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 2 องค์
<O</O
10.คุณพิมพาภรณ์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 1 องค์
<O</O
11.คุณguawn ร่วมทำบุญ 2,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 2 องค์
<O</O
12.คุณsithiphong ร่วมทำบุญ 4,000 บาท รับพระนาคปรก จำนวน 8 องค์
<O</O
<O</O
รวมพระพิมพ์ทั้งหมด 43 องค์
พระพิมพ์ที่ท่านผู้ใจบุญมอบให้ (ที่อยู่กับผม) ทั้งหมด 79 องค์ คงเหลือ 36 องค์<O</O
<O</O

หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขอความกรุณาช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ<O</O
<O</O

โมทนาในทุกบุญกับทุกๆท่านครับ<O</O

 

รายละเอียดพระพิมพ์และวัตถุมงคล ที่มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ( http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899 ) จะอยู่ในหน้าแรกของกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

ส่วนยอดคงเหลือ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ และกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้เป็นระยะครับ


*********************************************

มีท่านผู้ใจบุญท่านหนึ่งมีความประสงค์ร่วมทำบุญเพื่อร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิมอบพระพิมพ์

 

ขาดน้องคนนี้อีกคนนะพี่หนุ่ม :'( 1000 .-

 

ทางรอด

โลกในสภาพแวดล้อม..........มัวมน
โลกครอบคลุมผู้คน.............ยากพ้น
ตัณหากิเลสราคะปน............เป็นพิษ
ควรหยุดคิดเสาะค้น.............ใคร่รู้แก่นสาร
ผ่านชีวิตคิดค้น.........หนทาง
ละซึ่งตัวตนวาง...........ว่างเว้น
มองโลกอย่างเป็นกลาง......กอปรกิจ
เรียนโลกรู้เลือกเฟ้น..............ฝึกไว้ไฝ่ดู
รู้ทางรอดอยู่ด้วย.......ปัญญา
รู้แบ่งปันเมตตา.........ต่างเอื้อ
รู้ดับทุกข์ตัณหา.........ห่างกิเลส
รู้จักพอก่อเกื้อ...........กิจไซร้สุขเกษม
ยึดมั่นเต็มอยู่ด้วย..........ตัวกู
ถือมั่นมืดบอดดู............ดั่งบ้า
กินกามเกียรติอดสู.........พาเสื่อม
เพียรหลุดพ้นแจ่มจ้า.......สว่างแจ้งจินตนา

ยึด..ตัวเป็นหลักตั้ง......ขังใจ
มั่น..มุ่งผดุงไป...........ใหญ่กล้า
ถือ..เราเลิศเกินใคร......คิดเบ่ง
มั่น..เติบกำเริบท้า.......ท่วมท้นตนตัว
ตัว.....ตนนั้นจักต้อง.......ทำลาย
กู......ฆ่ากูวอดวาย........ระลึกไว้
ของ...กูยึดใจกาย..........เกิดทุกข์
กู......หมดทุกข์หมดได้....ว่างแล้วสุขเสมอ
ตัวกูนั้นแหละล้วน.......ข้าศึก
กูยึดติดคิดนึก............มั่นแม้น
กูหยั่งรากอยู่ลึก..........ยากขุด
กูรักโลภโกรธแค้น........ก่นเศร้าทุกข์เสมอ
"สรรพสิ่ง"จริงเที่ยงแท้........ฤามี
แรกเริ่มแต่เดิมที................"เกิดได้"
"ตั้งอยู่"ยั่งยืนดี.................มีเสื่อม
ควรระลึกเรียนรู้ไว้..............เกิดแล้ว"ดับไป"
ตาม.....จริงสิ่งต่างล้วน........มายา
เหตุ.....ก่อเกิดผลมา...........เข่นนี้
ปัจจัย...แต่งปรุงพา.............วิถีโลก
จริง......แน่แท้ท่านชี้...........เช่นนั้นนั่นเอง
เป็น...ดีเป็นชั่วล้วน.........สมมติ
เช่น...สุขทุกข์ปรากฏ.......คู่ไว้
นั้น.....เลิกยึดติดลด.........ละว่าง
เอง....ตัดตนเอ งได้..........ดับสิ้นสงบเย็น


แต่งโดย : อธิคม
http://www.thaipoet.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=526187&Ntype=8