จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ยินดีต้อนรับจากจิต ดัชนี จ๊ะ
    เข้ามาฝึกจิตกันเพื่อเดินไปสู่พระนิพพานนั้นแล
     
  2. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    5555555 มือตก ดีกว่าจิตตกนา ท่านพี่
    ไปไหนต่อไม่ได้มานั่งฮาอีกแร๊ะ 555555
    กำลังขุนกันสุดๆเจ้าค่ะ ทั้งไม้เรียว ไม้หน้าสาม อั่ยย๊ะ จุ๊จุ๊
    555555555
    โมทนาสาธุค่ะ
     
  3. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    สวัสดีค่ะน้องเอิ้นพี่ขอยกเมลนี้ขึ้นกระทู้เป็นธรรมทานและเป็นกำลังใจสำหรับผู้ปฏิบัติจิตเกาะพระท่านอื่นด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    พี่เพ็ญ จบ.3

    ปล. เดี๋ยวตามไปตอบทีหลังนะคะ


    เมื่อ 26 กรกฎาคม 2555, 10:35, Weepasuth Lim เขียนว่า:
    สวัสดีครับ พี่เพ็ญ พีหนู สวัสดีค่า แหม๊ ลูกศิษย์ใครน๊า ฉลาดเจง ๆ เช็คพี่เพ็ญทางแชทก็ได้ด้วย พี่ไปรื้อกล่องข้าวสมัยเมื่อยี่<WBR>สิบปีที่แล้วออกมาขัด เหอ ๆ มันยังใช้ได้อยู่แม้ว่าจะจมอยู่<WBR>กับขี้ฝุ่นมานานถึงห้าปี ฮ่าๆ เรื่องจริงนะไม่ได้โม้ เพิ่งขัดล้างเสร็จ สงสัยวันนี้ไม่ได้ตอบการบ้านใคร<WBR>อีกล่ะ แต่พรุ่งนี้น่าจะปลอดโปร่ง เพราะเจ้านายกับลูกน้องทั้งหลาย<WBR>ไปราชการ กทม หวังว่าอากาศคงเป็นใจ เหอ ๆ
    หวังว่าอากาศคงเป็นใจ เหอ ๆ เกี่ยวกันไหมอ่ะ 555 เดี๋ยวนะยังเหนื่อยไม่หาย ขัดกายขัดวัตถุนี่นะมันเหนื่อยเ<WBR>สียยิ่งกว่าขัดจิตขัดใจอีกอ่ะ น้องเอิ้นไม่ต้องห่วงค่ะ พี่อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ไปทางไหนก็มีแต่คนทักว่าอ้วน ฮ่าๆๆ

    ให้ปริศนาธรรม อะไรมาให้ผมตีหรือเปล่าครั<WBR>บเดาไปเรื่อย 55+

    ลองตอบนะครับอาจจะผิดก็ได้

    - วัตถุทางโลก ขัดยังไง เดี๋ยวมันก็ กลัมมาฝุ่นเกาะเหมือนเดิมน่ะครั<WBR>บ ไม่เหมือนขัดเกลาจิต ถ้าเข้าถึงธรรมแล้ว ก็มีแต่จะสะอาดขึ้นเหมือน กิเลสที่ ถูกปลอกเปลือกออกไป ทีละนิดๆ จนเป็นจิตเดิมแท้ ที่ถูกเกาะด้วยกิเลส สั่งสมมาเป็นเวลานาน ท้ายที่สุด ออกมาจากขันธ์ 5 ก็ถือว่า หลุดโดยสมบูรณ์

    ส่งการบ้านเลยละกันนะครับ

    เมื่อวานรู้สึกว่า ไ่ม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ก็เหมือนเดิม คล้ายกับวันนี้น่ะครับ

    ตื่นมาก็นอนจิตก็วิ่งจับภาพพระ 3-4 อาจจะไม่ชัดเท่าไหร่
    นั่งคิดเรื่องเมื่อวานที่<WBR>กระทบนิดหน่อย เฝ้าดูอารมณ์มันไปจนมันดั<WBR>บไปเอง

    แล้วก็นั่งคิดเรื่องอื่นๆ คิดเสร็จ แล้วก็ออกมาดูใหม่ สักพักมันก็หยุดคิดไปเองเหมือน เด็กกำลังขโมยของแล้วมีคนเห็นยั<WBR>งไง ยังงั้นเลยครับ ตลกดี

    ก็สักพักขึ้นมานั่งสมาธิ จับลมหายใจเรียกสติสักหน่อย
    จริงๆ นั่งรอ เมลพี่หลายๆวัน ยังแอบคิดว่า โดนลอยแพหรือยังเรา เพราะเดินช้าเหลือเกิน ครูๆ จะเหนื่อย ยิ่งเห็นคุณภู เขียนแล้วก็คิดเลย เราเปล่าเนี่ย แต่ จริงๆ แล้ว ที่ปฏิบัติมากับครู ทั้งสอง คือ พี่เพ็ญ และ พี่หนู รู้สึกว่า จิตมันยกจริงๆ เริ่มสนุกกับการปฏิบัติมากขึ้<WBR>นเพราะไม่เคย ปฏิบัติแบบต้องส่งการบ้านแบบนี้ ปรกติก็นั่งเอง อ่านเอง แต่ได้คำแนะนำจากพี่ๆ รู้สึกว่า เข้าใจในธรรมลึกซึ้งมากขึ้น

    นั่งสมาธิ คิดว่าจะแปปเดียว ดันนั่งไปสัก 20 นาที เวลาผ่านไปเร็วมากๆ เหมือนนั่งแปปเดียว แต่ การเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกกับตั<WBR>วเองได้คือ

    1.เวลานั่งจิตมันดิ่งลึก ดีกว่าเมื่อก่อนมากครับ อยากจะนั่งไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้เพราะต้องลงไปทำงาน ที่บ้านเป็นกิจการส่วนตัวน่ะครั<WBR>บ แต่ พอสัก 10 โมงก็จะว่างแล้ว

    2.ช่วงเย็นๆ ไม่ค่อยหิวข้าว แ่ต่ก็ต้องกินน่ะครับ 55 ตอนนี้ก็ผอมมากอยู่แล้ว ยังต้องดูแลร่างกาย อิอิ

    3.อารมณ์ตอนนี้ สบายๆ มากครับ

    4.วันนี้ เมื่อเช้าเกิดอยากกินไอติม ก็รู้แล้วว่าเป็น ตัณหา ก็ดูมันไป สักพัก ก็ดับไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องโดนมันจู<WBR>งจมูก ไปซื้อไอติมแล้ว

    ช่วงนี้ก็พยายามเจริญ สติ จับภาพพระตอนนี้ เป็น แก้วประกายพฤกษ์ครับ เวลาอยากจะคิดเรื่องอะไรก็ ถอยมา ฌาณต่ำๆ

    ได้อ่านใน เวปแล้วรู้สึกว่าหลายๆคนจิตยกกั<WBR>นไวมาก แต่ ผมมาได้แค่นี้ก็เป็นที่น่<WBR>าพอใจแล้วครับ จะปฏิบัติไปเรื่อยๆ สิ่งที่ครูทั้งสอง สอนมา และทางเวป มีประโยชน์มากๆ ครับ เห็นว่า ครูหลายๆท่าน ลูกศิษย์ล้้นมือ ก็ทำอะไรไมไ่ด้มาก ขอเป็นกำลังใจให้ละกันนะครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2012
  4. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    รู้นะ...คิดไรอยู่...สติตามคิดไปด้วยนะ...อย่าให้พลาดได้แม่แต่มื้อเดียว ^^


    [​IMG]
    ฝึกสติกับกล่องข้าว
    ของจริงนะไม่ใช่ของเล่น
    สติตามให้ทันคิดก็แล้วกัน
    ใครตามทัน/ไม่ทันช่วยมาแชร์กันหน่อย
     
  5. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    [​IMG]
    กล่องนี้สำหรับลุงภู
    เอ้า แถมน้ำผลไม้ให้อีกหลายแก้ว
    ฮ่าๆๆ ระวังท้องแตกนะ
    [​IMG]
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สะพานจิต สะพานธรรม
    ที่แท้ ก็คือ
    สะพานแห่งการเดินเข้าสู่มรรค ผล นิพพาน​

    ผู้เจริญในศีล ในธรรมที่รักและเคารพทั้งหลาย
    ก่อนที่จะมาเรียนรู้เรื่องจิต เรื่องธรรม เราจะต้องมารู้เรื่องอะไรบ้าง เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
    หรือสะพานที่จะทอดให้พวกเราเดินไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางตามที่ทุกท่านปรารถนา/ต้องการ
    ก่อนพวกเราจะไปเรียนรู้ศีล เรื่องธรรม เราต้องไปเรียนรู้เรื่องจิตตนเองก่อน
    และก่อนจะไปเรียนรู้เรื่องจิต เราต้องไปเรียนรู้เรื่องสติของตนเองก่อน
    หรือ...
    ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงธรรมชาติแห่งจิต เราต้องเข้าไปสร้างสติให้้มากก่อน
    ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงกระแสแห่งธรรม เราต้องเข้าไปให้ถึงธรรมชาติแห่งจิตตนเองก่อน
    และก่อนที่เราจะเข้าไปถึงกระแสแห่งนิพพาน เราต้องเข้าไปให้ถึงกระแสแห่งธรรมก่อน

    เพราะฉะนั้นครูจึงเปรียบเสมือนเป็นช่างจูนเครื่องยนต์(จิตของผู้ปฎิบัติ)
    ของยานพาหนะอะไรสักอย่างนึงของผู้ปฎิบัติ
    เพราะถ้าเราไม่พยายาม/หมั่นจูนเครื่องยนต์ รอบเครื่องยนต์ก็จะเดินไม่เรียบ/ไม่นิ่ง
    ยานพาหนะยิ่งก็ยิ่งสั่นมาก ผู้โดยสาร(ผู้ปฎิบัติ)ก็นั่งไม่สบาย
    นอกจากผู้โดยสารนั่งไม่สบายแล้ว ยานพาหนะยิ่งวิ่งนานเข้าก็ยิ่งจะรวนเล/ก็ยิ่งพัง
    (ผู้ปฎิบัติก็จะเกิดความลังเลสงสัยในการปฎิบัติของตนเอง แต่ถ้ายิ่งความลังเลสงสัยมากเท่าไหร่
    ก็จะยิ่งเพิ่มความพยายามให้เลิกในการปฎิบัติมากเท่านั้น)

    เพราะฉะนั้นวันนี้ ผู้เขียนจึงมาทำความเข้าใจเรื่องจิตของตนเองเป็นหลักก่อน
    เพราะถ้าเราทำอะไรสักอย่างนึง เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำ/ก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยความมั่นใจ
    เหมือนตอนนี้ สำหรับผู้ที่กำลังปฎิบัติจิตเกาะพระ ถ้ายิ่งมีความลังเล มีความสงสัยมากเท่าไหร่
    พวกเราก็จะเกิดความไม่แน่ใจในการปฎิบัติ จึงเป็นผลโดยตรงที่ทำให้การปฎิบัติของตนเองช้า
    อย่าลืมนะ
    การปฎิบัติธรรมนั้นจะไม่เหมือนการทำธุรกิจในทางโลก
    เพราะการทำธุรกิจในทางโลกนั้น จะต้องให้ได้กำไรมากที่สุด เงินที่ได้มานั้น
    เราไม่สนใจว่าจะไปเบียดเบียนผู้อื่น หรือจะไปทำให้ใครเดือดร้อน แต่ขอซึ่งให้ได้มาให้มากที่สุดก็พอ
    แต่ในทางปฎิบัติธรรมนั้น ไม่ใช่ ตรงกันข้ามเลย
    พวกเราคอยสังเกตกันให้ดีๆ

    โดยเฉพาะสำหรับผู้ปฎิบัติธรรมที่เขาทำสำเร็จเร็ว อันจะมีปัจจัยดังต่อไปนี้
    1.ทำตามครูผู้สอนอย่างเคร่งครัด จงวางใจว่าครูธรรมะทุกคนมิได้มีเจตนาอกุศล
    หรือมิได้ไปยึดติดในตัวศิษย์ หรือไม่เคยแนะนำให้ศิษย์ต้องมายึดติดในตัวครู
    และครูที่นี่สอนเสมอว่า ตราบใดที่พวกเราจิตใจที่ยังไม่เข้มแข็งกันอยู่นี้
    ให้ไปยึดพระรัตนตรัยสูงสุดทางใจของตนเองกันด้วยเถิด และทุกอย่างให้พากัน
    ละ ปล่อย วางกันให้หมดสิ้น อย่าได้ไปยึดติด โดยเฉพาะขันธ์5
    โดยเฉพาะผู้ที่ปรารถนาไปพระนิพพานในชาตินี้ ขอให้พวกเราพากันตัดสังโยชน์10 กันให้สิ้น
    โดยเฉพาะสังโยชน์ข้อแรก ก็คือ เราต้องละสักกายทิฎฐิ (มีความเห็นว่า ร่างกายนี้เป็นของเรา)ให้ได้ก่อน
    2.วางตัวตน/วางตัวจริงเสียงจริงของตน/วางอีโก้/วางความเป็นหญิงเป็นชาย/วางหน้าที่ใหญ่โต/
    แต่ถ้ารู้ตัวว่ามีอะไรก็ขอให้วางก่อน(ชั่วคราว) แล้วทำจิตใจให้สบายก่อนลงมือปฎิบัติ
    ก่อนการปฎิบัติ กรุณาเรียนรู้ ทำความเข้าใจให้ท่องแท้แท้เสียก่อนจึงค่อยลงมือปฎิบัติ
    3.กรุณาปฎิบัตินำความสงสัย
    ให้เราปฎิบัติก่อน สงสัยน่ะสงสัยมีแน่ๆ และมีกันด้วยทุกคน แต่ขอให้ปฎิบัติก่อน
    แต่ถ้าสงสัยตรงไหน ติดขัดขั้นตอนไหน แล้วค่อยมาถาม อย่าใช้คำถามนำ
    เพราะตอนนี้เรากำลังอยู่ปัจจุบันกัน และก็ให้ถามส่วนที่ติดขัดในปัจจุบันกันด้วย
    เพราะเรากำลังมาเรียนรู้เรื่องจิต เราก็ต้องนำจิตไปเรียนรู้ มิใช่เราไปเรียนรู้แทนจิต
    เพราะการปฎิบัติธรรมนั้น พวกเราจงเข้าใจกันเสียใหม่ว่า ก่อนที่จะบรรลุธรรม
    เราจะต้องเข้าใจจิตตนเองให้ดีก่อน หรือเข้าไปให้ถึงกระแสธรรมชาติแห่งจิตตนเองก่อน
    ให้พวกเราปฎิบัติไปก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงว่าทำแล้วจะได้อะไร บอกแล้วไงว่า เราปฎิบัติธรรมเพื่ออะไร
    เพราะคนที่จะบรรลุธรรมนั้น
    เขาจะต้องบรรลุจิต บรรลุใจของตนเองก่อน
    เพราะธรรมะก็คือ ธรรมชาติแห่งจิต และจิตก็คือ ธรรมะ หรือธรรมชาติที่จิตเราไปรับรู้เรื่องต่างมา
    หรือสิ่งต่างๆที่มากระทบจิตของตนเอง
    เพราะแท้ที่จริงแล้ว ธรรมะนั้นมิใช่เป็นธรรมะของใคร หรืออยู่ที่ไหน
    ธรรมะนั้นก็อยู่ภายในจิต ในจิตของตนเท่านั้น
    เพราะฉะนั้นผู้บรรลุธรรมกันจริงๆ ตัวเราจะต้องตอบคำถามตนเองให้ได้เสียก่อน ทำตนให้หายสงสัยก่อน
    แล้วเราจึงค่อยไปตอบผู้อื่นได้ ตอบธรรมะของผู้อื่นได้ แต่ถ้าเราไปไม่ถึงกระแสจิตของตนเองแล้ว
    เราก็จะไม่มีธรรมะภายในจิตใจเป็นของตนเอง
    4.ความเพียร/ความขยันหมั่นเพียร/ความตั้งใจจะต้องนำหน้า โดยเฉพาะจะต้องกระทำด้วยความเคารพ
    เลื่อมใส และศรัทธาต่อพระพุทธองค์ของพวกเราด้วย
    เพราะผู้เขียน หรือครูทุกท่าน ให้พวกเราปฎิบัติจิตเกาะพระ
    มิได้ให้มาเกาะครู/มายึดติดในตัวครู/บุคคล/สำนัก หรืออื่นๆ

    หรือสอนให้พวกเราไปยึดพระรัตนตรัย หรือจิตเกาะพระในการปฎิบัติกันก่อน
    ให้พวกเราปฎิบัติเพื่อตนเอง โดยเฉพาะเพื่อความหลุดพ้นแห่งกองทุกข์
    หรือเพื่อความหลุดพ้นจากภัยสังสารวัฎ หรือเพื่อพระนิพพานของตนเอง นั่นเอง
    ในส่วนที่เหลือให้พากันละให้หมดสิ้น อย่าให้หลงเหลือ
    และถ้าผู้ที่ทำสำเร็จ หรือจิตยกแล้ว ก็ขอให้คงเหลือซึ่งไว้พระ หรือขอให้พวกเราอย่าทิ้งพระ
    ขอให้พวกเราพากันกราบไหว้ หรือหมั่นระลึกถึงพระพุทธเจ้าให้มากๆ
    หมั่นระลึกถึงคุณงาม ความดีของพระพุทธเจ้าให้มากๆ
    รักในพระพุทธเจ้าให้มากๆ
    เพราะพวกเรามีพระธรรม หรือธรรมะให้พวกเราได้เรียนรู้ธรรมะกันทุกวันนี้
    รู้จัก คำว่า นรก สวรรค์ พรหม และพระนิพพาน

    พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ทรงคอยสั่งสอนให้เวไนยสัตว์เหล่านั้นมีอินทรีย์แก่กล้า
    ให้มีโอกาสหลุดพ้น ให้มีโอกาสบรรลุธรรม

    เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะเอาแต่บุญ จะเอาแต่ธรรม แต่ลืมพระพุทธเจ้า
    จึงถือได้ว่าเป็นผู้อกตัญญูต่อพระพุทธเจ้าโดยแท้


    ***แต่ผู้เขียนตกหล่น ผิดพลาด ขาดเกิน หรือล่วงเกินจิตผู้อื่น
    ข้าพเจ้าขอยอมรับผิด+น้อมรับด้วยความเคารพ สำหรับคำติ/ชม
    (สำหรับผู้เขียน คำชมไม่เอา เอาแต่ติ เพื่อจะได้นำไปแก้ไขให้ดีขึ้น)
    ผู้เขียนมีเจตนาเพื่อต้องการ ปรับ/จูน/แก้ไข ในส่วนของการปฎิบัติจิตเกาะพระ
    จิตของพวกเราให้ดีขึ้น จิตจะได้พัฒนายิ่งๆขึ้นไป เพราะมีผลต่อผู้ปฎิบัติโดยตรง
    ขอขอบพระคุณที่ทนอ่านจนจบ...

    ขอให้ผู้ปฎิบัติทุกท่าน จงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
    โดยเฉพาะผู้ที่มีความปราถนาพระนิพพานในชาตินี้
    ขอให้สมดั่งความตั้งใจ สมปราถนาทุกประการของทุกๆท่านกันด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2012
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุในธรรมมาทาน
    ถ้าเป็นไปได้นะ ผมอยากจะทานธรรมะของคุณดัชเสียเจงๆ
    คงจะอร่อยน่าดู
    ผมชอบอ่านธรรมะของคุณดัชนะ ธรรมะของท่านใสปิ๊งๆดี
    ธรรมะสไปเดอร์เวป คิดเข้าไปได้
    จิตยกนี่มันหลากหลายสไตล์เจงๆเน๊อะ
    อ่านไปแล้วธรรมะนั้นไม่ธรรมดา เพราะสื่อออกมาจากจิตเจ้าปัญญา
    หนูน้อยอิคคิวซังเจงๆ
    ชอบๆ เอาอีกๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2012
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอบใจคุณครูเพ็ญมั๊กๆ
    ครูเพ็ญให้จริงๆหรอ? หรือว่า ทวงกันแน่
    รู้สึกเหมือนจะทวงๆ ค่าอาหารยังไงก็ไม่รุ๊ ฮ่าๆ
    เดี๋ยวก่อน ช้าก่อน
    นี่ขนาดครูยังไม่ได้เจอผมนะ แต่ถ้าเจอนะ มีหวังครูเพ็ญอ้วนระยะสุดท้าย 555

    ***เอ๊ะน้องหนูหายไปไหน เธอไปฝึกวิชาหายตัวที่ไหน โผล่มาเดี๋ยวนี้นะ
    ครูเพ็ญยืมไม้เรียวหน่อย อันเดียวไม่อยู่ซะแร๊ววว ฮ่าๆ
    ทำไมชอบมาลงธรรมะ จิตใจเบิกบานบุรีดีมั๊ก แต่พอไปทำงานทางโลกนะ จิตมันร้องยี้เลยอ่ะ ทำไงดีครูเพ็ญ จะแก้ยังไงเนี๊ย


    ***หนูไม่เอาแก้วคต หนูจะเอาแก้วตรงๆง่ะ
    ถึงว่าครูเพ็ญอวบระยะสุดท้อง เพราะอาหารเป็นรูปการ์ตูนนี่เอง
    นี่ขนาดอาหารยังล่อใจคนทานขนาดนี้
    แล้วคนง่ะ!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2012
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรามาช่วยกันแก้ไขที่จิตตนเอง

    นักภาวนา หรือผู้ปฎิบัติธรรมที่รักเคารพทุกท่าน
    วันนี้จะขอพูดเรื่อง การปฎิบัติธรรม ไม่ว่าจะปฎิบัติจากรรมฐานกองไหนก็ตาม
    ก่อนที่จะมีดวงตาเห็นธรรม หรือบรรลุธรรม
    พวกเราจะต้องเข้าใจเรื่องจิต(จิตตนเองนะ ไม่ใช่จิตคนอื่น) เป็นอย่างดีเสียก่อน
    โดยเราจะต้องเดินจิตไปให้ถึงปลายทาง เข้าไปให้ถึงกระแสจิต
    หรือเข้าไปให้ถึงธรรมชาติแห่งจิตของตนเอง
    ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว คำว่า ดวงตาเห็นธรรม หรือบรรลุธรรม ก็จะไม่บังเกิด
    หรือยังอีกยาวไกล คำว่า มรรคผล
    ยิ่งคำว่า นิพพาน ก็คงไม่ต้องพูดถึง

    ก่อนที่เราจะมาเรียนรู้เรื่องจิต เราจะต้องไปตามหาสติกันก่อน
    แต่ถ้าใครสติน้อยเกินไป ชาตินี้ก็ไม่มีทางพบเจอจิต ดวงจิต หรือดวงจิตเดิมแท้ของตนเอง อย่างแน่นอน


    ***ปกติจิตเดิมแท้ของทุกคนนั้น มีลักษณะเป็นจิตประภัสสร แต่ทุกวันนี้ไม่ประภัสสร ก็เพราะว่า มีกิเลสจรมาบดบังเสีย
    เพราะอย่าลืมนะว่า พวกเราหลงมาเกิดกันหลายภพ หลายชาติแล้ว

    แต่เราสามารถล้าง ชำระล้างให้สะอาดกันจากกรรมฐาน40กองกันี่แหล่ะ!
    หรือที่เราเรียกว่า การเจริญสติภาวนา (การทำสมาธิ)
    หรือของกระทู้นี้ ก็คือ ปฎิบัติจิตเกาะพระ นั่นเอง

    ตอนนี้พวกเรารู้กันแล้วหรือยังว่า ทำไม? อะไร? ที่ทำให้การปฎิบัติจิตเกาะพระของเราถึงไปได้ช้ากัน
    อาจจะเป็นเพราะ วาระกรรมที่เราไม่สามารถไปควบคุมได้ เพราะทุกคนจะต้องตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม หรือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
    แต่พวกเราก็อย่าไปโทษเวรกรรมในครั้งอดีตกันเลย จริงอยู่กรรมไม่ดีในครั้งอดีตนั้นส่งผลจริง
    แต่ขอให้พวกเราอย่าท้อถอยในการทำความดี ความขยันหมั่นเพียรเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนวิธีกรรมของตนเองได้
    ตอนนี้มีแต่กรรมฐานเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนกรรมไม่ดีให้เป็นกรรมดีได้ โดยการกระทำแต่กรรมดีในปัจจุบัน ในทุกขณะจิตของเราให้มาก
    เราจะต้องเป็นปลาที่ว่ายทวนกระแสน้ำ ดั่งกระแสโลกทุกวันนี้ พวกเราก็อย่ามัวหลงไปวิ่งตามเขานะ เพราะไม่มีใครรับผิดชอบกันได้
    มีแต่คนสุดที่จะเป็นทุกข์ เกิดทุกข์นั้น ก็คือ ตัวของเราเอง

    ดั่งพระพุทธองค์ของพวกเราชาวพุทธทั้งหลาย ท่านก็ปฎิบัติสวนทางกับอาสวะกิเลสทั้งหลาย ทั้งปวง
    และจึงไม่แปลกใจเลยว่า พระธรรม หรือคำำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้น เข้าใจง่าย แต่จะปฎิบัติตามยาก
    เพราะท่านได้ธรรมะ บรรลุธรรม หรือ ตรัสรู้ธรรม ในขณะที่จิตของพระองค์ท่านนิ่งสงบมาก นั่นเอง
    ปกติจิตมนุษย์ทุกวันนี้ ไม่นิ่งกัน เราจึงไม่ค่อยจะเข้าใจ และปฎิบัติจึงยากตามไปด้วย

    เพราะเหตุใดพวกเราปฎิบัติจิตเกาะพระ สำเร็จกันได้ช้านัก
    1.เรื่องกรรม บางคนโทษกรรมไม่ดีของตนเองมาตัดรอน อันนี้อย่าไปสนใจกรรมในครั้งอดีตกัน
    เพราะกรรมดีในปัจจุบันจะส่งผลในอนาคตอันใกล้ของเราเอง
    คิดใหม่ ทำใหม่ ก็คือ ทิ้งกรรมดีหรือไม่ดีในอดีตกันซะ และก็อย่าไปสนใจเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
    จงกระทำแต่กรรมดีในปัจจุบันให้มากที่สุดเข้าไว้ พยายามนำจิตไปตั้งอยู่กับฝ่ายบุญ หรือกุศลให้ได้ตลอดเวลา
    พยายามกระทำแต่กรรมดีมากกว่ากรรมไม่ดีเข้าไว้ คือ ขยันทำแต่กรรมดีให้มากกว่ากรรมชั่ว เดี๋ยวก็จะดีเอง
    แต่อย่าไปหาวิธีที่จะมาหักล้างกรรมไม่ดีกันอยู่เลย เพราะมันเสียเวลาในการปฎิบัติ
    2.ศีล หรือสติ ตัวนี้คือ พระเอก คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามกัน นึกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
    เพราะถ้าจิตใครไม่มีศีล หรือรักษาศีลไม่ครบ จิตของเราก็จะนิ่งยาก สงบยาก เพราะจะมีนิวรณ์ไปคอยรบกวนในขณะปฎิบัติ
    พวกเราจงระวังให้ดี สำหรับผู้ที่ไม่สนใจศีลตนเอง
    แต่ใครรักษาศีลยิ่งกว่าชีวิตตนเอง อันนี้จะดีมาก เพราะจะเจริญกรรมฐาน
    เจริญสติภาวนาดีมาก ผลของการปฎิบัติธรรมจึงเจริญก้าวหน้าในธรรมไว

    ผู้เขียนขอพูดถึงแค่สองข้อเท่านั้นก่อน เพราะถ้าเราไม่พยายามแก้ไขตรงนี้กันแล้ว ข้ออื่นๆก็จะพลอยไม่ผ่านไปด้วย
    พูดไปก็ไม่มีประโยชน์

    วันนี้ผู้เขียนจะพูดถึงเฉพาะ ผู้ที่มาใหม่ ผู้ที่กำลังปฎิบัติจิตเกาะพระ หรือ ผู้ที่จิตเกือบจะยก ให้พวกเราหันกลับไปดู ไปแก้ไขให้ถูกต้อง
    แต่เรื่องกรรมนั้น ทุกคนจะต้องยอมรับและต้องรับผิดชอบเอง
    ไม่ใช่ชนแล้วหนี

    นึกถึงเรื่องศีล ก็ขอให้นึกถึงตนเอง โดยที่เราไม่ต้องไปถามคนอื่น เช่น
    ผม/ดิฉัน ทำอย่างนั้น อย่างนี้กับคุณ พอใจไหม? สุขไหม? ทุกข์ไหม?
    คิดง่ายๆ ก็คือ คุณก็ลองเป็นเขาคนนั้นบ้างสิ! แล้วคุณก็จะรู้เอง
    หรือเอาใจเขา มาใส่ใจเรา แต่นี้ก็จบ
    ปล่อยให้พร่ำตั้งนาน

    ***ผู้เขียน หรือครูท่านอื่นๆ พยายามมองหาจุดอ่อน จุดด้อยของผู้ปฎิบัติกันอยู่
    พวกเราพยายามตามแก้ไข/ปรับ/จูน จิต หรือดวงจิตของพวกตนเองให้ได้
    พวกเราจะได้สอบผ่านกันง่ายๆ โดยการมาแก้ไขที่จิตของตนเองก่อนอื่น
    ศิษย์ก็ต้องช่วยตนเองให้มากด้วย เพราะความเพียรของตนเท่านั้น
    การปฎิบัติของตนเองจะสำเร็จจะช้าหรือว่าเร็ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับตนเองเป็นหลักใหญ่
    พวกครูเป็นได้แค่ พี่เลี้ยง เท่านั้น
    ไม่ใช่เป็น พ่อ/แม่เลี้ยง พ่อยก/แม่ยก กระเป๋าเงิน/กระเป๋าทอง ของผู้ปฎิบัติกันนะ
    อย่าเข้าใจผิด
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จงปฏิบัติอย่างคนโง่
    อย่าปฏิบัติอย่างคนรู้มาก
    ขอโมทนาสาธุกับธรรมาทานของน้องสู่วันใหม่
    ขอขอบใจด้วยใจจริง ถูกใจพี่ภู

    ปริศนาธรรม อันนี้โดน อันนี้โดนใจพี่ภูมั๊กๆ คือ...


    จงปฏิบัติอย่างคนโง่
    อย่าปฏิบัติอย่างคนรู้มาก

    ***ใครโพสต์ข้อความที่ #3333 เตรียมรับรางวัลจากพี่ภูนะ***​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กรกฎาคม 2012
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,816
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    วันก่อนที่ท่านอาจารย์เพ็ญลงรูปสมเด็จองค์ปฐมกายเนื้อเลยcopyไว้ที่desktopและขยายดู บังเอิญเมื่อวานปวดท้องทั้งวันทําสมาธิอย่างไรก็ไม่หาย วันนี้ขณะทําสมาธิเลยขอพรจากสมเด็จองค์ปฐม อัศจรรย์จริงแท้หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ขอบพระคุณอาจารย์เพ็ญค่ะ catt1
     
  12. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    พี่ภู คิดถึงจังเลยคะ
    ช่วงนี้เมิลเข้า ICU ไปเยี่ยมโอมทุกวัน ได้เห็นชรา มรณะ สังเวชใจดีจริงคะ ๆ
    ได้น้อมเข้าหาตัวว่า เราก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ เกิดอีกก็เป็นแบบนี้อีก
    โอมเข้าก็อาการดีขึ้นแล้วคะ ถอดเครื่องช่วยหายใจออกไปเมื่อวันอังคาร ให้O2 ยังอยู่ ICU ดูการหายใจอู่คะ ยังหายใจไม่ปรกติ ทานอาหารอ่อนได้ละ แปลกดีป้อนข้าวใน ICU คนป่วยคนอื่นไร้สติทานอาหารไม่ได้ มีทานได้อยู่คนเดียว
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความหมาย
    จิตส่งนอก และ จิตส่งใน

    จิตส่งนอก ​

    ความหมายว่า ส่งจิตออกไปนอกกาย เวทนา จิต ธรรม (ในสติปัฏฐาน๔นั่นเอง) คือหมายถึง จิตฟุ้งซ่านออกไปปรุงแต่งนอกกาย เวทนา จิต ธรรม มีความหมายเดียวกันก็คือ จิตฟุ้งซ่านหรือคิดนึกปรุงแต่ง,คิดนึกปรุงแต่งไปภายนอกนั่นเอง เป็นธรรมคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ที่ดีงามและแพร่หลาย

    จิตส่งใน

    จิตส่องใน เป็นอาการแสดงออกของการติดสุขในฌานหรือสมาธิ
    จิตส่งใน ผู้ปฏิบัติแต่สมถสมาธิแต่ฝ่ายเดียว ขาดการวิปัสสนา
    เนื่องด้วยอวิชชา เช่น
    ปฏิบัติแต่สมถสมาธิล้วนๆ แต่เข้าใจไปว่าเป็นการเจริญสมถวิปัสสนาที่รวมทั้งการเจริญปัญญาแล้ว
    อาการจิตส่งใน หรือติดเพลินในความสุขสงบสบายต่างๆ อันเกิดแต่อำนาจฌานสมาธินี้ ถ้าพิจารณาโดยหยาบๆแล้วจะไม่เห็นคือไม่สามารถเข้าใจได้ เป็นสังโยชน์เบื้องสูงหรือขั้นละเอียด คือ รูปราคะ(ข้อ ๖) และอรูปราคะ(ข้อ ๗) จึงรู้และละได้ยาก ต้องพึงโยนิโสมนสิการโดยแยบคายจึงจะพบความจริง ถึงแม้ว่าเมื่อแรกปฏิบัติในภายแรก ด้วยจิตเจตนาที่เป็นบุญกุศล ต้องการปฏิบัติธรรม หรือหวังถึงการดับไปแห่งทุกข์อย่างถูกต้องดีงาม แต่เมื่อปฏิบัติไปแล้วเกิดความเบี่ยงเบนขึ้นด้วยอวิชชา
    จิตส่งในนั้นความจริงแล้วก็เป็นสมาธิอย่างหนึ่งแต่เป็นมิจฉาสมาธิ กล่าวคือ จิตไปแน่วแน่อยู่กับอารมณ์คือความสุขสงบสบายที่เกิดขึ้นแก่กายหรือจิตของตนนั่นเอง จึงเป็นการก่อสมาธิอยู่เสมอๆโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง จึงเป็นโทษขึ้นในที่สุด


    (เพิ่มเติม)
    http://www.nkgen.com/337.htm
    ***ทั้งจิตส่งนอกและจิตส่งใน ต่างก็เป็นภัยต่อการปฏิบัติทั้งสิ้น

    *อย่าจิตส่งใน
    ไปแช่นิ่ง หรือเสพรส เพราะติดเพลิน และขาดสติ
    *อย่าส่งจิตออกนอก
    ไปฟุ้งซ่านปรุงแต่ง ทำให้เกิดผัสสะต่างๆนาๆ
    อันย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนาต่างๆ อันย่อมอาจเป็นปัจจัยให้เกิดทุกข์อุปาทานขึ้น
    อันย่อมต้องเป็นไปตามปฏิจจสมุปบันธรรม​
     
  14. ปักธงชัย

    ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +3,721
    สวัสดี ครับ คุณครู
    ผมไม่ได้หายไปไหนนะ เพียงแต่กำลังอ่าน และ ทำความเข้าใจ กับวิชาที่คุณครูมอบให้บนกระดาน ครับ , ที่ยังไม่ได้ถาม ไม่ได้ตอบ เพราะไม่รู้ คับ
     
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    อ่านพอประมาณนะครับ เน้นทำเยอะๆ อ่านมากเดี๋ยวไม่ได้ทำซะที(เหมือนผม) กว่าจะรู้ตัวโดนกระทุ้งไปหลายที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2012
  16. lobsterkiss

    lobsterkiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +325
    สวัสดีครับ ไม่ได้หายไปไหนน้าา
    ข้าพเจ้าเพิ่งสอบเสร็จจ้าาา

    ช่วงนี้มีหลายท่านสนใจมาเยอะแล้วว
    ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^

    ไหนๆก็ตัดสินใจมาแล้ว
    ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ ตั้งใจทำนะครับ
    ถ้ามีปัญหาอะไรพี่ทุกๆท่านยินดีตอบเสมอ
    ข้าพเจ้าเป็นกำลังใจให้พวกท่านเสมอนะครับ ค่อยๆทำไปอย่างสบายๆนะครับ ^0^

    วันนี้ข้าพเจ้าขอมอบธรรมะที่ข้าพเจ้าได้จากการสอบที่ผ่านมานี้


    ธรรมะกับการสอบ
    หลังจากที่สอบ ข้าพเจ้าจะเห็นเพื่อนๆ มาพูดกันเรื่องว่าตอบข้อนั้นข้อนี้
    บ้างก็เถียงกัน ว่าทำไมตนเองคิดข้อนั้นข้อนี้ไม่ออก บางคนก็อุตส่าห์อ่านมาตั้งเยอะแล้วก็อ่านไม่ตรง ทำไม่ได้ไปบ้างก็มี

    พอข้าพเจ้ามองเห็นพวกเขา ข้าพเจ้าก็คิดมองย้อนมาที่ตนเองว่า
    เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ข้าพเจ้าจะตั้งใจอ่านหนังสือแบบบ้ามากๆ ทำงานที่ครูส่งเพื่อคะแนนจะได้ออกมาดีๆ และคิดไว้เสมอว่า
    "เราต้องได้คะแนนท๊อปชั้นท๊อประดับ เราต้องเป็นที่หนึ่ง"
    หลายครั้งก็ได้ท๊อป ก็ดีใจอย่างมาก แต่การได้มาซึ่งคะแนนสูงที่สุดแท้จริง แล้วมันไม่ใช่ความสุขเลย เพราะตอนนั้นข้าพเจ้าจะต้องระแวงอยู่เสมอ ว่าคนอื่นจะแซงหน้าตัวเองรึเปล่านะ ไม่ได้ๆ เราต้องได้เป็นที่หนึ่งตลอดนะ กลายเป็นหวาดระแวง เครียด กลัว คิดลบตลอด ความสุขเหล่านั้นที่เคยได้ก็หายไปละ สุดท้ายก็ได้มาซึ่งทุกข์แทน

    หรือแม้บางครั้งข้าพเจ้าได้คะแนนน้อยกว่าคนอื่น ข้าพเจ้าก็จะคิดๆๆว่า ทำไมล่ะ ทำไมเราไม่ได้อย่างเขาบ้าง เราอ่านตั้งเยอะกว่าเขาอีก ทำไมกัน ทำไมๆๆ
    ทำไมอยู่นั้น ก็กลายเป็นทุกข์อีก

    เหตุใด ข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนั้นในอดีต ก็คงเป็นเพราะ ข้าพเจ้าไม่มองด้วยจิตที่เป็นกลาง ปัญญา และสติก็ไม่ค่อยมีหรือไม่มีเลยด้วยซ้ำก็ว่าได้

    หากตอนนั้น ข้าพเจ้าเป็นเช่นดั่งตอนนี้ ข้าพเจ้าก็คงจะมองเป็นเรื่องธรรมดา
    คำว่าธรรมดานี้ ก็หมายถึง มันเป็นของมันอยู่แบบนั้นอยู่แล้ว
    การสอบไม่ว่าเราจะอ่านไปมากแค่ไหน ไม่ว่าจะตั้งใจทำ ไม่ว่าจะอ่านทะลุทะลวงไปถึงจักรวาลทั้งหมดทั้งมวล (เว่อร์มาก 555)
    เราก็ไม่สามารถคาดเดาได้หรอกว่า ผลมันจะเป็นเช่นไร มันอาจจะเป็นตามที่เราปรารถนาก็ได้ หรือมันอาจไม่เป็นไปตามที่เราปรารถนาก็ได้เช่นกัน

    แต่ทั้งสองสิ่งนั้น ก็ล้วนเป็นอนัตตา ไม่เที่ยง มันไม่ได้อยู่กับเรานานหรอก
    เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวสุข เป็นธรรมดา เมื่อเกิดทั้งสองสิ่งเรารู้ก็วางเท่านั้น(ไตรลักษณ์) แต่ถ้าหากเราเอาจิตไปยึดติดกับมันว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แบบนั้น ตามที่เราต้องการ มันก็เป็นทุกข์ เพราะเราไปยึดติดกับมัน
    มันสมควรแล้วหรือที่จะไปยึดติดกับสิ่งที่เป็นอนัตตา ?????

    พวกท่านที่กำลังปฏิบัติอยู่ทั้งหลายก็เช่นกัน หากท่านมีเรื่องทางโลกใด อย่างเช่น มีปัญหาการลงทุน มัปัญหาเรื่องบริษัท หรือที่ทำงานใด ฯลฯ
    ขอใคร่ครวญลองนำเรื่องนี้ไปพิจารณาดูนะครับ มันสามารถใช้ด้วยกันได้หมดแหละ เพราะทุกอย่างมันก็เป็นธรรมดาแบบนั้นแหละครับ ^^

    (deejai)(deejai)(deejai) ^O^!!!!

     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอ่อ! จิตดวงนี้เข้าท่าดีแฮ๊ะ
    โมทนาสาธุกับดวงจิตของน้องเขาด้วยนะ
    สมแล้วที่จิตเขายกไปแล้ว มองอะไรเป็นธรรมดา เป็นธรรมะหมดเลย
    นี่ขนาดอายุแค่ 20 ขวบเองน่ะเนี๊ย แต่ถ้าใครอายุมากแล้ว
    ก็อย่าไปอายน้องเขานะ เพราะชาติก่อนจิตดวงนี้เขาสร้างมาดี
    ลูกศิษย์ใครหว๋า!
    แต่ถ้าจำไม่ผิดนะว่า ผมเต๊ะไปให้ครูเพ็ญ เอ๊ย! โยนไปให้ครูเพ็ญ
    แล้วครูเพ็ญก็โยนไปให้กับครูนกชายอีกต่อนึง จิตก็เลยยกตรงนี้
    น้องล๊อบเตอร์จูบนี่ ไม่ทำให้ให้พี่ภูผิดหวังเลเจงๆ
    พี่ภูภูมิใจนะเนี๊ย วิชาจิตเกาะพระ ก็ใช้ได้ตั้งแต่นิสิตนักศึกษาเลย
    นี่ขนาดยังเรียไม่จบนะ ยังไม่ได้ทำงานนะ
    แต่บางท่านทำงานจะเกษียณอยู่วันสองวันแร๊ะ ดวงตาจะฝ้าฝางหมดแร๊ะ
    ก็ยังไม่มีวี่แวจะมีดวงตาเห็นธรรมกับเขาเลย
    เฮ่อ! น่าเหนื่อยใจแทน
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พี่ภูส่งไปให้อีกรอบนึงแล้วนะ
    ไม่เป็นไรนะ ขอเอาใจช่วย
    ให้จิตมองเห็นไตรลักษณ์เข้าไว้บ่อยๆ นี่คือธรรมดา
    เธอก็ให้กำลังใจเป็นปกติดีมาก ให้โอบเขาทำจิตเกาะพระไปเรื่อย
    จะช่วยลดเวทนาได้เยอะ และพยายามบอกเขาให้ทำอย่างต่อเนื่อง
    อย่าไปห่วงกาย พยายามบอกเขาให้แยกจิตออกจากกายให้ได้
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    ***พวกเราก็เหมือนกัน ดูตัวอย่างคุณโอบนี่สิ เขาต้องมาฝึกจิตตอนมีเวทนามาก
    พวกเราปกติก็ขอให้ตั้งใจทำให้สำเร็จไวๆ
    ไม่สำเร็จก็ให้จิตเป็นพระโสดาบันกันก็ยังดี
    จิตพระโสดาบันนั้นเขาเข้าใจว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา
    อย่านำจิตไปหลงยึดติดกันนะ เพราะยิ่งยึดมาก ก็ทุกข์มากเท่านั้น

    ขอให้น้องเมิลอย่าได้เป็นทุกข์ร้อนใจนะ แยกกาย แยกจิตให้ออก
    พี่ภูขอให้โอบเขาหายไวๆ จะได้มีโอกาสทำจิตเกาะพระ และจะได้จิตยกเหนือขันธ์5 เหมือนเธอ
    เวทนาเขา เขาจะได้ไม่เป็นทุกข์อีก
    น้องเมิลแนะนำสามีเธอว่า ขอให้โอบตั้งอธิษฐานสมเด็จองค์ปฐมว่า
    ถ้าหายดีแล้ว มีชีวิตรอด ขอให้โอบกลับไปทำจิตเกาะพระ
    พระที่ว่านั้น ก็คือ สมเด็จองค์ปฐม

    แต่ถ้าหายแล้วก็นำเขาไปกราบไหว้บูชาท่าน ที่ไหนก็ได้
     
  19. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอมาเป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะค่ะ คุณเมิล
     
  20. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    ขอบคุณมากคะ พี่ภู คุณแสงจันทร์
    เมิลจะลองถามดูนะคะ แต่ทุกวันที่ไปเยี่ยมเมิลก็บอกให้โอมเกาะพระบ่อยมากๆๆๆ บอกว่า "คิดถึงพระบ่อย ๆ จะได้ปวดน้อยลง"
    โอมเขาก็ทำอยู่คะ เพราะเมิลบอกว่าไม่ช่วยแล้ว ให้ช่วยตัวเอง
    ล่าสุดเมิลเอาวิธีขอพระฉัพพรรณรังสี ให้สว่างคลุมตัวเพื่อเป็นการรักษาด้วย
    แล้วที่บ้านก็มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐมอยู่
    ถ้าโอมกลับมาบ้านคราวนี้ได้ จะจัดให้ไหว้บูชาท่านสักที
    ขอบคุณท่านพี่มากคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...