*~ น้ำปลาเห็ด-ไข่ต้มยางมะตูม ~*

น้ำปลาเห็ด-ไข่ต้มยางมะตูม


สูตรนี้ ถ้าใครเป็นมังสวิรัติ ใช้ซีอิ๊วขาวแทนน้ำปลาได้นะคะ
<HR>






















เตรียมของ

เห็ดฟาง 15 ดอก

ซีอิ๊วขาว 2-3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปีบ 1 – 1 1/2 ช้อนชา

น้ำมะนาว มากน้อยตามชอบ

พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง และพริกขี้หนูสวน มากน้อยตามชอบ หรือจะใช้พริกหยวกก็ได้ค่ะ จะมีกลิ่นหอมไปอีกแบบ

หัวหอมแดง 5-6 หัว

กระเทียมไทยกลีบกลาง 8-10 กลีบ

ไข่เป็ด 5 ฟอง

เกลือสำหรับต้มไข่ 1 ช้อนชา

น้ำสำหรับต้มไข่

ขั้นตอนการทำ

เตรียมน้ำใส่หม้อสำหรับต้มไข่ ปริมาณน้ำพอท่วมไข่ นำหม้อขึ้นตั้งเตา เปิดไฟแรง รอน้ำเดือดจัด

น้ำเดือดจัดแล้วใส่เกลือลงไป 1 ช้อนชา ลดไฟลงอ่อน ใช้ทัพพีตักไข่หย่อนลงในน้ำทีละฟอง จับเวลา 7 นาที

ระหว่างการต้มไข่ใน 4 นาทีแรก ๆ ให้ใช้ทัพพีคนไข่ให้ทั่ว เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่แดงตกลงตามแรงโน้มถ่วง ไข่แดงจะได้อยู่ตรงกลางฟอง ไม่ชิดริมไปด้านใดด้านหนึ่ง

ครบเวลา 7 นาที ปิดเตา รินน้ำร้อนออกทั้งหมด ใส่น้ำเย็นแช่ไข่ไว้ก่อน พักไว้

เกลาโคนและเอาเศษสกปรกออกจากเห็ดฟาง ล้างน้ำผ่าน ๆ ผ่าเห็ดฟางตามขนาดดอก ดอกเล็กผ่า 2 ดอกกลางผ่า 4 ดอกใหญ่ผ่า 6 ส่วน

นำเห็ดฟางที่ผ่าใส่หม้อ นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลางไปทางอ่อนเพื่อรอให้เห็ดฟางสุก เขย่าหรือคนบ้างบางครั้ง

ถ้าหม้อเริ่มไหม้ก่อนเห็ดฟางคายน้ำให้หยอดน้ำสะอาดได้ 1-2 ช้อน กันก้นหม้อไหม้ อย่าหยอดน้ำมากกว่านี้เพราะเห็ดฟางจะคายน้ำออกมาอีก

น้ำจะค่อย ๆ ออกจากเห็ดฟาง เห็ดฟางจะอ่อนตัวลง เขย่าหรือคนหม้อเป็นครั้งคราวเพื่อให้เห็ดฟางถูกความร้อนเสมอกัน

เมื่อเห็ดฟางคายน้ำออกมามากเร่งไฟขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เดือด ใส่น้ำปลาและน้ำตาลปีบเพื่อปรุงรส

เขย่าหรือคนให้น้ำตาลปีบละลายและน้ำปลาเห็ดเข้ากันดี ชิมรส ปรุงเพิ่มตามชอบให้มีความเค็มและหวานปลายลิ้น หรือถ้าไม่ชอบหวานอาจไม่ใส่น้ำตาลปีบเลยก็ได้ค่ะ

ปล่อยให้เดือดสักพักจึงปิดเตา พักไว้ให้อุ่นสักครู่

ปอกหัวหอมและกระเทียม ล้างน้ำ พักให้สะเด็ดน้ำแล้วซอยบาง ๆ

ล้างน้ำพริกขี้หนู ปลิดขั้วทิ้ง หั่นเป็นท่อนสั้น ชอบเผ็ดมากใส่พริกขี้หนูสวนแทนได้ทั้งหมด อยากให้อาหารดูน่ากินใช้พริกขี้หนูที่สีสันต่างกันบ้าง ไม่สีเดียวกันทั้งหมดค่ะ

ล้างน้ำผิวมะนาว ฝานเป็นเสี้ยวแล้วแคะเม็ดออก

น้ำปลาเห็ดอุ่นแล้วใส่หัวหอมและกระเทียมซอย ตามด้วยพริกขี้หนูซอย บีบมะนาว ปรุงรสให้ได้ตามชอบ คนให้ทั่วกัน

เคาะไข่ให้ร้าวทั้งลูก โดยเคาะไข่กับไข่ หรือเคาะไข่กับพื้นผิวเรียบที่มีความแข็ง แล้วทำการปอกไข่จะทำให้ปอกไข่ได้ง่าย แต่ขึ้นกับไข่ใหม่หรือไข่เก่าด้วยค่ะ ไข่เก่าจะปอกยากกว่าไข่ใหม่ ปอกเสร็จแล้วล้างน้ำผ่าน ๆ และผ่าไข่ตามยาวลูก

ตักน้ำปลาเห็ดใส่ถ้วย วางไข่ต้มที่ผ่าแล้วเคียงข้าง จัดเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ ค่ะ อร่อย แหล่มมากจริง ๆ แถมได้สุขภาพอีกด้วยค่ะ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

• เวลาเลือกซื้อเห็ดฟาง เลือกดอกสีขาว ๆ ไม่ดำ ไม่ช้ำ หัวแบน ๆ หัวด้านบนไม่ชูสูง ๆ มาก ถ้าชูสูง ๆ มากจะใกล้บานแล้ว หากซื้อมาแล้วอย่าล้างน้ำจนกว่าจะใช้ อย่าแช่เย็นจัด ให้ใส่ตะกร้าโปร่ง ๆ ผึ่งลมไว้ จะเก็บได้นาน หรือหากแช่เย็นให้ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วแช่ช่องล่างสุด

• ถ้าซื้อเห็ดมาเยอะมากเกินแล้วกลัวว่าเห็ดจะเสียให้ต้มใส่น้ำปลาไว้ พักให้เย็น เก็บใส่ภาชนะมีฝาปิดเข้าตู้เย็น ตอนจะกินค่อยมาทำเครื่องปรุงรสก็ได้ค่ะ

• เมื่อต้มไข่ครบเวลา 7 นาทีแล้ว ไม่แช่ไข่ไว้กับน้ำร้อน ถ้าเผลอแช่ไข่ไว้กับน้ำร้อนไข่จะสุกเกิน ไม่เป็นยางมะตูมแล้วค่ะ

เครดิตจากเว็บแม่สลิ่มค่ะ

แม่สลิ่ม : น้ำปลาเห็ด-ไข่ต้มยางมะตูม

 

น่ารับประทานจัง ... ขอไปลองทำมั้งนะครับ


ขอบคุณครับ



.

 

เห็ดเป็นอาหารที่มีประโยชน์มากนะคะ

http://www.misterbuffet.com/article_mushroom.asp

<TABLE id=table25 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" height="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE id=table28 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" height="100%"><TBODY><TR><TD height=195 vAlign=top align=center>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD height="100%" vAlign=top width=266 align=left><TABLE id=table26 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=266 height="100%"><TBODY><TR><TD height=54 vAlign=top width=266 colSpan=2 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=266 colSpan=2 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=245 align=left><TABLE id=table27 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" height="100%"><TBODY><TR><TD>เชื่อว่าทุกคนคงไม่มีใครไม่รู้จักพืชตัวเล็กที่มีชื่อ “เห็ด” พืชที่ชอบขึ้นตามที่ชื้นแฉะ ขอนไม้ ตามที่เราเคยถูกสอนกันมา แต่การเกิดขึ้นของมันคงไม่สำคัญเท่ากับคุณค่าของมัน ที่มีประโยชน์กับร่างกายของเรา มาดูกันนะครับว่าแต่ละตัว มีคุณค่ามหาศาลอย่างไรบ้าง

เห็ดหอม หรือ เห็ดชิตาเกะ เป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งด้วย และมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง มีวิตามินดีสูง ช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ”



เห็ดหูหนู สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานร่าง กายดีขึ้น รว มทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง ช่วยบำรุงปอดและไต

เห็ดหลินจือ มีสารสำคัญ เช่น เบต้ากลูแคนซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง คนญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคผู้สูงอายุเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูง

เห็ดกระดุม หรือ เห็ดแชมปิญอง มีบทบาทในการรักษาและป้อง กันการเกิดมะเร็ งเต้านมมากที่สุด โ ดยในเห็ดชนิดนี้จะมีสารบางอย่างที่ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง ก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย

เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้ าและเห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดสามอย่างนี้อยู่ในตระกูลเดี ยวกัน เชื่อว่า สามารถป้องกั นโร คหวัดช่วยการไหลเวียนของเลือดและโรคกระเพาะ

เห็ดฟาง ให้วิตามินซีสูงและ มีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่างๆ ช่วยลด ความดันโลหิตและเร่งการสมานแผล

เห็ดเข็มทอง จ ะช่วยรักษาโรคตับโรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง

เห็ดโคน ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิดแก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่า น้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่นเชื้อไทฟอยด์


</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ที่มา : นิตยสาร สุภาพดี


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ค่ะ ทำง่ายดีนะคะ มีคุณค่าอาหารมากด้วยค่ะ

 

มัน สุด แสน ทรมาน มาก

ตอน ลาก เม้าท์ เลื่อนลงมานี่

ไม่จบซะที น้ำลาย สออออออ !! อย่างแรง

 

เห็นแล้วหิวเลยค่ะ