ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีค่ะ อาจารย์พี่ช้าง

    อยู่ไกลค่ะ อาจารย์พี่ช้างซับน้ำตาไปพลางๆก่อนนะคะ...

    หลวงพ่อทวดแม้แต่ภาพถ่ายก็ศักดิ์สิทธิ์ค่ะ...

    จำได้ว่าเคยไปร่วมพิธีหนึ่งค่ะ...ขณะที่กำลังเข้าไปรับน้ำมนต์
    ได้มีเสียงหนึ่งบอกว่า ลูกหลานหลวงพ่อทวดอย่าลืมนะไปร่วมพิธีของหลวงพ่อทวด.....

    ย้อนรอยอีกครั้งค่ะ...อ่านแล้วอ่านอีก :d
    เรื่องสมเด็จเจ้าพะโคะ กับท่านช้างให้ หรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนี้ มีปัญหาว่า จะเป็นองค์เดียวกันหรือไม่ ตำนานโบราณก็มิได้กล่าวไว้ แต่ผู้เขียนคาดคะเนตามนิมิตต่างๆ เชื่อว่าเป็นพระองค์เดียวกัน คือสมัยท่านมีชีวิตเรียกชื่อท่านหลายชื่อ เช่น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ และ ท่านลังกา ท่านช้างให้ แต่เมื่อท่านมรณภาพแล้ว เรียกเขื่อนหรือสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอัฐิของท่านว่า "เขื่อนท่านช้างให้" แต่ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ผู้เขียนได้สร้างพระเครื่องขึ้นต่างองค์ท่าน ให้ชื่อว่า ท่านช้างให้ แต่ท่านไม่เอา ท่านบอกให้ชื่อว่า "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ดังมีเรื่องกล่าวต่อไปนี้

    ก่อนที่เขื่อน หรือ สถูปจะปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นครั้งแรก เล่าต่อๆ กันมาว่า มีเด็กชายลูกชาวบ้านคนหนึ่ง พ่อเขาไล่ตี เด็กนั้นวิ่งหนีเข้าไปในบริเวณวัดช้างให้แล้วหายตัวไป ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้าง เมื่อพ่อของเด็กไล่ตามเข้าไปในวัดก็มิได้เห็นตัวเด็ก เขาค้นหาจนอ่อนใจก็ไม่พบ จึงกลับบ้าน ชวนเพื่อนบ้านช่วยกันค้นหา ขณะพวกชาวบ้านผ่านเข้าเขตวัด ก็เห็นเด็กนั้นเดินยิ้มเข้ามาหาและหัวเราะพูดขึ้นว่า พ่อของมันดุร้ายไล่ทุบตีลูกไม่มีความสงสาร กูเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้จึงเอามันไปซ่อนไว้ พวกชาวบ้านก็ตื่นตกงกงัน เพราะเด็กนั้นพูดแปลกหูผู้ฟัง เป็นเสียงของคนแก่ แต่เด็กพูดต่อไปว่า พวกสูไม่รู้จักกูหรือ กูชื่อว่าท่านเหยียบน้ำทะเลจืด ผู้ศักดิ์สิทธิ์เจ้าของเขื่อนนี้ (สถูป) พวกสูจะลองดีก็จงเอาน้ำเกลือใส่อ่างมากูจะทำให้ดู มีชาวบ้านผู้หนึ่งปฏิบัติตามคำสั่งนั้น เด็กชายนั้นก็ยื่นเท้าลงเหยียบน้ำเกลือในอ่างทันที และบอกให้ชาวบ้านชิมน้ำเกลือนั้นดู ได้ประจักษ์ว่า น้ำนั้นมีรสจืดเป็นน้ำบ่อ เป็นที่อัศจรรย์นัก เด็กนั้นพูดอีกว่า พวกสูยังไม่เชื่อกูก็ให้ก่อไฟขึ้น ชาวบ้านก็ทำตาม ขณะกองไฟลุกโชนเป็นถ่านแดงดีแล้ว เด็กประทับทรงท่านเหยียบน้ำทะเลจืดก็กระโดดเข้าไปยืนอยู่ในกลางกองไฟอันร้อนแรง ยิ้มแล้วถามว่า สูเชื่อหรือยัง พ่อของเด็กตกใจ เกรงลูกจะเป็นอันตราย จึงก้มลงกราบไหว้ขอโทษ เด็กนั้นจึงเดินออกจากกองไฟเป็นปกติ

    ครั้นท่านพระครูวิสัยโสภณ (ท่านอาจารย์ทิม ธมฺมธโร) เข้ามาครองวัดช้างให้ใหม่ๆ ท่านข้องใจเรื่องวัดของเดิม เพราะถามชาวบ้านไม่มีใครรู้ คืนวันหนึ่งท่านฝันว่า พบคนแก่ยืนอยู่กลางลานวัด ท่านถามถึงเขตวัดตามความข้องใจ คนแก่นั้นบอกว่า ให้ไปถามท่านเหยียบน้ำทะเลจืดในเขื่อน คนแก่จึงนำท่านพระครูฯ ไป เห็นพระภิกษุผู้เฒ่าเดินออกมาจากในเขื่อนสามองค์ ปรากฏว่า ๑. หลวงพ่อสี ๒. หลวงพ่อทอง ๓. หลวงพ่อจันทร์ องค์หลังสุดถือไม้เท้าใหญ่ ๓ คด เดินยันออกมางกงันเพราะความชรามากกว่าองค์ใดๆ คนแก่จึงบอกว่าองค์นี้แหละ ท่านเหยียบน้ำทะเลจืด ท่านจึงเอาแขนกอดคอท่านพระครูฯ นำเดินชี้เขตวัดเก่าให้ทราบทั้ง ๔ ทิศ ตลอดถึงเนินดินซึ่งเป็นโบสถ์โบราณ และบันดาลให้ท่านอาจารย์ฯ ได้เห็นวัตถุต่างๆ ในหลุมนิมิตซึ่งเป็นของไม่มีค่า เช่นพระพุทธรูปหล่อด้วยเงิน ๑ องค์ เมื่อจะกลับเข้าไปในเขื่อน ท่านได้สั่งว่าต้องการอะไรให้บอก แล้วเข้าในเขื่อนหายไป

    "คำว่าเอาอะไรให้บอก คำนี้สำคัญมาก คราวต่อมาโบสถ์ก็สำเร็จ พระเครื่องก็ศักดิ์สิทธิ์"


    หลวงพ่อทวดท่านสถิตย์ในใจตลอดค่ะ...
    จะทำผ้ายันต์ผืนเล็ก เดี่ยวจะไปที่วัดช้างให้ ที่เขื่อนหลวงพ่อทวด
    (ตรงสถูปบอกกล่าวท่านอีกครั้งค่ะ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2012
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เหรียญหลวงพ่อทวด-พระพุทธปฏิมากร

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1110092.gif
      P1110092.gif
      ขนาดไฟล์:
      102.7 KB
      เปิดดู:
      503
  3. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    เรียนท่านพระอาจารย์ nuanpan ตั้งแต่ได้พระ หลวงปู่ทวดมาครอบครอง พระรุ่นนี้ ทำให้หัวใจเต้นแรงที่สุด ท่านพระอาจารย์ nuanpan มีความเห็นอย่างไร สององค์แกะจากหยก สององค์จากเนื้อผง พิมพ์เดียวกัน รู้สึกชอบมาก ๆ
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดียามบ่ายค่ะอาจารย์พี่ช้าง

    อาจารย์เองก็ยังไม่มีรุ่นนี้เลยค่ะ อาจารย์พี่ช้าง
    แต่มองเห็นความงดงามความละเอียดบรรจงของการแกะพิมพ์
    ของช่างสมัยก่อน ไม่ธรรมดาเลยค่ะ ยิ่งมองยิ่งปิดิ...
     
  5. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459

    ชุดใหญ่บูชาเท่าไหร่ครับ
     
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    อ่านเจอมาค่ะ....

    [​IMG]
    ชาวอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณบรรลุธรรมขึ้นไป สำเร็จธรรมขึ้นไป แต่ถามว่าเขาสบายไหมในการบำเพ็ญธรรม เขาก็ไม่ใช่สบายเลย เขาก็ต้องเสียสละตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตัว ต้องสละเวลาฉุดช่วยผู้คน สร้างบุญสร้างบารมีเคี่ยวกรำจิตใจของตัวเอง โดนบททดสอบมากมาย ทั้งมารทดสอบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทดสอบ ทั้งครอบครัวทดสอบ อยู่ที่ตัวของเราว่าจะเอาชนะใจของเราได้ไหม ​

    โอวาทพระสังฆราชคุรูปาจารย์ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
    เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกของประเทศไทย “พระสังฆราชคุรูปาจารย์” หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ในวันจันทร์ที่ ๓ มีนาคมพ.ศ.๒๕๕๑ และทางมูลนิธิชินบัญชร องค์กรสาธารณประโยชน์ ได้มีพิธีสมโภชรูปสมมติโลหะหล่อของหลวงปู่ ซึ่งรองศาสตราจารย์ ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ ได้สร้างถวาย และในเวลาประมาณ ๑๙ นาฬิกา คณะกรรมการบริหารมูลนิธิชินบัญชรฯ ได้กราบอาราธนาทิพย์ญาณหลวงปู่มาเมตตา หลวงปู่ได้ให้โอวาท ดังต่อไปนี้

    รศ.ดร.พิชัย : เกล้าข้าน้อยได้เขียนจดหมาย แจ้งไปยังคณะรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหา ในเรื่องศีลธรรม อยากจะขอคำแนะนำจากหลวงปู่ว่า จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อเกล้าข้าน้อยจะได้กำหนด และติดต่อไปอีก ขอกราบนมัสการ

    หลวงปู่ทวด : ขอเจริญพร ศรัทธาญาติโยมและคณะมูลนิธิชินบัญชรฯ วันนี้อาตมาภาพได้รับอาราธนานิมนต์จาก องค์สมเด็จพระชินปัญชรมหาราช ให้มาแสดงปาฐกถาธรรมในเรื่องของการกระทำอย่างไรให้โลกวิญญาณ โลกมนุษย์ได้สงบเกิดสันติสุขได้เร็วยิ่งขึ้น อาตมารู้สึกปลาบปลื้มยินดี ดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้รับเกียรติอาราธนานิมนต์มา ณ มูลนิธิชินบัญชรฯแห่งนี้ เหมือนกับเราได้จาริกผ่านมาหลายครั้งแล้ว ดีใจและปลาบปลื้มใจที่ชื่อเสียงของอาตมาภาพยังอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ยังมีคนเอ่ยชื่อ ศรัทธา และเลื่อมใส เป็นครั้งแรกที่ได้มาภาคใต้ เข้าสู่ร่างสังขาร ในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง นานแล้วที่ไม่ได้ลงมาประทับทิพย์ญาณในโลกมนุษย์นี้ ก็รู้สึกว้าเหว่พอสมควร ไม่ได้พูดคุยกับศรัทธาญาติโยม และได้มา ณ ที่นี่แล้วก็ด้วยวัตถุประสงค์บุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ ได้อัญเชิญอาราธนานิมนต์อาตมาภาพมาประทับฐาน ประทับทิพย์ญาณ ณ ที่นี่ จึงไม่แตกต่างอะไรกันเลยว่า ชาวพุทธกับธรรมะมันแตกต่างกัน คนที่นับถือชาวพุทธก็เหมือนกับกระดุมเสื้อผ้า ที่นับวันใส่กระดุมผิดอยู่เรื่อยๆ ถ้าใส่เม็ดหนึ่งผิดไปแล้ว เม็ดที่สองก็ผิดตาม ฉันใด ธรรมะของพระพุทธองค์ก็ผิดเพี้ยนฉันนั้น พระไตรปิฎกที่เกจิอาจารย์ ครูบาอาจารย์ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ หลังจากพระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพานมา ๓ พรรษาแล้ว จึงมีข้อผิดเพี้ยน ใช้ความรู้สึกในข้อนึกคิดของตัวเองลงไป ญาติโยมลองคิดดูว่า ๓ ปี หรือ ๓ พรรษา ความจำของธรรมะของโอวาทของพระพุทธองค์นั้น ถ้าเป็นเราจะจำได้หมดไหม ๘๔,๐๐๐ กว่าธรรมขันธ์ มันก็คงผิดเพี้ยนไป จึงใช้ความนึกคิดของตนเองลงไป พระพุทธองค์ท่านทรงสอนเรื่องการบำเพ็ญจิต การสร้างบุญการปฏิบัติธรรม ให้รู้บุญ ให้รู้บาป ให้รู้คุณ ให้รู้เรา ให้รู้เขา ให้รู้กันและกัน เวทนาหนอเวทนา ให้รู้จิตในจิต คนที่จะเข้าไปบวชในบวรพระพุทธศาสนา คือโพธิสัตว์ละโลกแล้ว สละทุกสิ่งสละทุกอย่างแล้ว จึงได้เข้าไปบวชในบวรพระพุทธศาสนา และได้ปฏิบัติจนบรรลุธรรม แต่เหตุใดมาบัดนี้ มีศรัทธาญาติโยมหลายคนเคยถามอาตมาภาพตอนที่อยู่สำนักปู่สวรรค์ไว้ว่า อดีตมีพระอรหันต์มากมาย ปัจจุบันนี้มีบ้างไหม อาตมาก็ได้ตอบคำถามนี้ว่า ถ้าพวกญาติโยมบวช ๗ วัน ๓ เดือน ๑๕ วัน แล้วพวกโยมจะบรรลุได้อย่างไร อย่างนี้ต้องใช้ปัญญาคิดให้ถี่ถ้วน ถ้าบวชเข้าไปแล้ว ต้องสละต้องปฏิบัติจริง ต้องเคี่ยวกรำจริง ต้องฝึกฝนจริง ไม่ใช่บวชวันหนึ่ง สองวันหนึ่ง สามเดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง แล้วมันจะได้อะไร จึงทำให้พระอรหันต์ในปัจจุบันน้อยลงไป ไม่รู้บุคคลใดได้บัญญัติเอาไว้ แต่พระพุทธองค์ไม่เคยแสดงถึงหรือบัญญัติในพระไตรปิฏกอันนั้น การที่เราได้ออกบวชไปปฏิบัติธรรมบำเพ็ญธรรม เพื่อได้บรรลุโลกุตตรธรรม ให้จิตของเราสว่างใสโปร่งใส
    การบำเพ็ญในอดีตนั้นยากลำบากเหลือคณานับ ทำไมจึงบอกว่าอย่างนั้น น้ำก็ลำบากในการหาฉัน หาดื่ม ที่พักอาศัยก็ใต้โคนไม้ นอนก็นอนบนดินจริงๆ ไม่มีผ้าอันใดมาปูให้พวกเราได้นอน ให้พระสงฆ์สามเณรได้จำพรรษา ต้องตากแดด ตากฝน ต้องฝึกฝนตนเองให้อดทน การเดินเข้าไปในป่านั้น บ้านญาติโยมก็ไม่มี แล้วญาติโยมลองคิดดูว่า จะขบฉันอย่างไร นอกจากพิจารณาผลไม้ จะนั่งมองให้มันร่วงลงก็ไม่ได้ ต้องใช้ปัญญาเพื่อที่จะให้ร่างกายมันอยู่ได้ ความลำบากของพระสงฆ์สมัยนั้น มันเหลือที่จะบรรยาย เดินก็เดินเท้าเปล่า มีสัตว์ป่ามากมายต้องคอยระวัง สัตว์ป่าภายนอกไม่เท่าไร แต่สัตว์ป่าภายในจิตใจของตน มันมากมายเหลือเกิน ไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี เหมือนคำสุภาษิตว่า “หนีเสือปะจระเข้” หนีนอกกายก็ตาย หนีในกายก็ตาย ไม่ให้ยึดติดในรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ให้หลงภายนอก ไม่ให้ยึดติดเสื้อผ้า กายสังขาร ไม่ว่าใครผู้ใด ถ้าปฏิบัติจริงแล้ว เข้มงวดตัวเองแล้ว เคี่ยวกรำตัวเองแล้ว บุคคลนั้นอรหันต์แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการปลงผม หรือไม่ปลงผม ถ้าบำเพ็ญจิตดี พระโพธิสัตว์แน่นอน ขอให้ศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย จงปฏิบัติต่อไป ก็ญาติโยมได้เจอกับหนทางหลุดพ้นแล้ว ได้รู้ซึ้งถึงรสพระธรรมแล้ว ญาติโยมมีบุญกว่าอาตมา ที่รู้ก่อนแล้วบำเพ็ญทีหลัง ส่วนอาตมานี้ต้องบำเพ็ญก่อน แต่ไม่รู้จะได้รู้ (ทาง) หรือไม่ (หมายถึงรู้ทางพระนิพพาน คือเปิดจุดญาณทวาร) ต้องเวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จะกี่รอบ จึงจะได้รู้ซึ้ง โลกุตตรธรรมหรือ “อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ” ญาณในจิตของตนที่มันสว่างใส
    ญาติโยมที่นั่งอยู่ที่นี่มีรัศมีธรรมมากมาย จิตญาณโยมแต่ละคนก็สดใส จิตเมตตาดี ปรารถนาดี ให้เราจงรักษาจิตนี้เอาไว้ อดทนในปีศาจ ในเสือ สิง กระทิง ที่มันอยู่ในจิตของเรา ฆ่ามันทิ้งไป อย่าไปเลี้ยงมันไว้ ไม่ว่าจะเป็นลิง เป็นงู เป็นเสือ เป็นปลา มันก็เป็นพญากิเลสทั้งสิ้น การบำเพ็ญของศรัทธาญาติโยมที่นี่ มันค่อนข้างจะลำบากสักนิดหนึ่ง ว่าทำไมมันจึงลำบาก เพราะอยากจะได้บรรลุธรรม แต่บวชกาย ไม่ได้บวชจิตแทน บวชจิตแทนก็ได้ ๓ วัน ๗ วัน ต้องเคี่ยวกรำตนเองให้มากนะโยมนะ อาตมารับปาก และสัญญา และพูดอธิบายตรงนี้ เป็นสักขีพยานต่อโลกวิญญาณ และโลกมนุษย์นี้ว่า โยมบำเพ็ญแบบนี้สำเร็จแน่นอน (สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ)
    เพราะพระสงฆ์ ๑,๒๕๐ กว่ารูปนั้น กว่าจะได้บรรลุอรหันต์นั้น ใช้เวลานาน กว่าจะได้ลดมานะทิฏฐิของตัวเอง กว่าจะได้เคี่ยวกรำของตัวเอง เพื่อให้เจอ “อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ” นั้น ใช้เวลาจาริกธุดงค์ไปเที่ยวเสาะแสวงหาไป ขัดเกลาไป แต่มาเปรียบเทียบกับญาติโยมที่นี่นั้น ไม่ยาก เผื่อแผ่กัน ความยากความง่าย มันรู้สึกว่ามันใกล้เคียงกัน กิเลสกับมารมันก็คล้ายๆ กัน ถ้าให้อาตมาบรรยายคนที่รับ “อนุตตรธรรม” แล้วเหมือนญาติโยมนี้ บำเพ็ญจิตนี้มันยากเย็นหน่อย ต้องใช้ความอดทน ต้องใช้ความอดกลั้นมากกว่าพระสงฆ์ ทำไมถึงพูดอย่างนี้ เพราะพระสงฆ์ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวแล้ว ไม่ต้องอยู่บ้านแล้ว เสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งหลายก็ไม่ต้องสนใจแล้ว สามีภรรยาลูกก็ไม่ต้องสนใจแล้ว แต่ญาติโยมทั้งหลายที่บวชจิตเป็นพุทธะแล้ว ต้องเกี่ยวข้อง ข้องเกี่ยว ข้องแวะ ต้องดูแลสมบัติของโลกมนุษย์นี้ จึงทำให้บรรลุธรรมได้ยาก กว่าจะได้อรหันต์ ไม่ต้องพูดถึงอรหันต์ กว่าจะได้สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ในฆราวาสนี้หายากมาก หายากมากจริงๆ ไม่เหมือนพระสงฆ์ ถ้าพระสงฆ์องค์หนึ่งองค์ใดบำเพ็ญเคี่ยวกรำจริงๆ ๑ พรรษา ก็บรรลุธรรมแล้ว เป็นโสดาบันแล้ว แต่ญาติโยมที่เป็นฆราวาสให้บรรลุพระโพธิสัตว์นั้นใช้เวลานานเหลือเกิน เพราะบางทีบางครั้งจิตมันยังไม่ค่อยนิ่ง ต้องห่วงลูกห่วงหลาน ห่วงสามีภรรยา ห่วงกับข้าว ห่วงเสื้อผ้า ห่วงหน้าที่การงานมากมาย จะบรรลุธรรมสักทีหนึ่งก็ยากเหลือเกิน แต่ญาติโยมทั้งหลาย เราอย่าพึ่งท้อ อย่าพึ่งถอย ให้เราบำเพ็ญต่อไป ปฏิบัติต่อไป และมั่นคงในศรัทธาต่อธรรมะต่อไป และรับรองว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์เดินดินแน่นอน ฆราวาสหัวดำๆนี่เเหละ เพราะเห็นมามากมายแล้ว
    เห็นชาวอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณบรรลุธรรมขึ้นไป สำเร็จธรรมขึ้นไป แต่ถามว่าเขาสบายไหมในการบำเพ็ญธรรม เขาก็ไม่ใช่สบายเลย เขาก็ต้องเสียสละตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตัว ต้องสละเวลาฉุดช่วยผู้คน สร้างบุญสร้างบารมีเคี่ยวกรำจิตใจของตัวเอง โดนบททดสอบมากมาย ทั้งมารทดสอบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทดสอบ ทั้งครอบครัวทดสอบ อยู่ที่ตัวของเราว่าจะเอาชนะใจของเราได้ไหม แต่อาตมาขออนุโมทนากับญาติโยม เป็นบุญเป็นกุศลที่ญาติโยมได้สร้างบุญสร้างบารมีกันมาตั้งแต่อดีตชาติ จึงได้มาชาตินี้ได้มาเจอะกับธรรมะนี้ (อนุตตรธรรม) เจอพระศาสนาดี แต่ขอให้เป็นคนดีเหมือนกัน อย่าไปหลงวัตถุภายนอก อย่าไปหลงสังคมภายนอก สังคมภายนอกมันเป็นนรก มันทำให้เราตกนรก เหมือนกับคำพูดว่า พูดหยาบๆ แรงๆ ว่าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยทีเดียว เพราะทางโลกนั้นมีกลยุทธ์มากมายที่จะหลอกล่อให้พวกเราติดกับ ยิ่งทุกคนตั้งใจจะสำเร็จธรรมเช่นนี้แล้ว พวกกิเลสกับมารนั้นย่อมจะจ้องทำลายบารมีของเรา จ้องที่จะทำลายความตั้งใจของเรา ขัดขวางไม่ให้พวกเราสำเร็จธรรม โดยวิธีการต่างๆ มากมาย ในเมื่อญาติโยมรู้แบบนี้แล้ว ก็ขอให้ญาติโยมทั้งหลายจงอดทนบำเพ็ญต่อไป สร้างบุญสร้างบารมีต่อไปอย่าหยุดยั้ง ในเมื่อเจอกับของดีแล้ว (อนุตตรธรรม) ของดีนี้มันจะอยู่กับเรานาน แล้วก็นาน ถ้าใจเราศรัทธา ใจเราเลื่อมใส แต่ถ้าบุคคลใดบั่นทอนบุญกุศลของตนเอง ฟังอะไรแล้วไม่ใช้ปัญญาพิจารณา ไม่ใคร่ครวญก่อนแล้วทำ บุคคลนั้นต้องเป็นทาสกิเลสกับมารแน่นอน ไม่ได้บรรลุธรรมแน่นอน
    ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายเอ๋ย สิ่งที่อาตมาจะพูดในวันนี้มันมากมายเหลือเกิน แต่เวลาของญาติโยมที่จะพบปะกับอาตมานั้นมีน้อย และอาตมาได้มาผูกบุญสัมพันธ์ ผูกกรรมสัมพันธ์อยู่ที่นี่แล้ว และทุกคนที่นั่งที่นี่ก็เปรียบเสมือนลูกหลานของอาตมาภาพ เป็นบุญเป็นกุศลที่ได้มาอุตส่าห์มาตั้งไกลแสนไกล เพื่อที่ได้พบปะเจอะเจอกับอาตมา อุตส่าห์นั่งรอคอยกันมาตั้งแต่แรกวา (เมื่อวานนี้) จนถึงวันนี้ และศรัทธาญาติโยมบางคณะก็พึ่งมาตอนเช้าด้วยความตั้งใจ ความศรัทธาโดยซึ้ง ขอให้ศรัทธาญาติโยมที่ศรัทธาอยู่แล้วนี้ และมุ่งมั่นปรารถนาอยู่แล้วนี้ จงสำเร็จโดยเร็ววัน และความตั้งใจอันใดที่ศรัทธาญาติโยม ได้กระทำได้บำเพ็ญตั้งแต่ล่วงผ่านมาจนถึงวันนี้ ก็ขอให้เป็นผลสำเร็จ ๆ ๆ ตลอดกาล ด้วยคำบาลีที่ว่า “สิริ อายุ วรรณะ สุขะ พละปฏิภาณ ธนสารสมบัติ” จงไพบูลย์เพิ่มพูนแก่ศรัทธาพุทธบริษัทพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ตลอดกาลนาน เจริญพร (สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ)

    อ้างอิง....
    www.chinabanchorn.org -
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2012
  7. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พี่ชมแต่พระค่ะ ราคาไม่ได้ดูเลยค่ะ น้องภัทร
     
  8. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    รุ่นนารายณ์แปลงรูป ท่านใดมีขอดูรูปหน่อยครับ รู้สึกคุ้นคุ้นแฮะ:cool:
     
  9. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กราบพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม เช่าบูชาได้ที่ จ.อยุธยา รายได้สมทบทุนสร้างหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่
     
  10. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    รศ.ดร.พิชัย : กราบขอบพระคุณพระกรุณาและความเมตตาของหลวงปู่เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีเมตตาให้ธรรมะแก่พวกเรา ได้นำไปปฏิบัติอีกต่อไป โดยขณะนี้ประเทศไทยเกิดการแตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แบ่งเป็นพรรคเป็นพวกกลุ่ม ใครขึ้นมามีอำนาจ ก็ล้างคนเก่าออกไปต่างๆ นานา ให้มีสมานฉันท์ แต่คำว่าสมานฉันท์เป็นคำที่พูดง่าย แต่ปฏิบัติยาก อยากจะขอคำแนะนำจากหลวงปู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป การที่เกล้าข้าน้อยจะรณรงค์ในเรื่องที่ขอคำแนะนำไปนั้น จะดีหรือไม่อย่างไร ขอกราบนมัสการ

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร สมานฉัน กับสมานฉันท์มันแตกต่างกัน ญาติโยมลองฟังว่าบุคคลนั้นพูดว่าอย่างไร สมาน-ฉัน หรือสมานฉันท์ ถ้าสมาน-ฉัน ก็แสดงว่าเอาฉันเป็นที่ตั้ง และเอาเพื่อนมาสมานกับเรา มานฉันหรือลูกเนียงหมาน มันเรื่องของฉัน มันจึงทำให้เป็นเหมือนที่ญาติโยมได้มองเห็นทุกวันนี้ ก็เพราะอะไร มันใส่กระดุมผิดมาตั้งแต่สมัยโน้นแล้ว ยึดตัวตน บุคคล ตัวตนเรา ตัวตนเขา มานาน แบ่งยึดติดครูบาอาจารย์ ยึดติดตำราคัมผี ไม่ใช่ยึดติดตำราคัมภีร์ แต่ยึดติดตำราคัมผี มันเลยเป็นผีกันหมด แบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งก๊ก แบ่งเหล่า ยึดมั่นถือมั่นเอาจิตใจกิเลสของตนมาปกครองบ้านเมือง แบบนี้มันไม่เจริญหรอกน่ะญาติโยม ที่ญาติโยมได้ทำโครงการให้เกิดสมานฉันท์นั้นเป็นโครงการที่ดี ก็ให้พวกเราทั้งหลายร่วมด้วยช่วยกัน ช่วยกันทำให้มันเกิดจริงๆ เพราะคำพูดนี้ พูดตั้งแต่พระพุทธองค์ยังไม่ปรินิพพาน จนบัดนี้แล้ว สมานฉันท์ไม่รู้อยู่ที่ใด ยังหาไม่เจอ มีแต่สมาน-ฉัน
    การที่เราจะทำให้สมานฉันท์เกิดขึ้น มันก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน ที่ญาติโยมทำโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติฯไปทั่วประเทศไทยทั่วแผ่นดินสยามนั้น ก็คือการสมานฉันท์แล้ว ให้เราดำรง ทำต่อไปอย่าได้หยุดยั้ง จะได้เห็นว่าธรรมะต้องนำโลก ออกประท้วงเอาพระพุทธเจ้าเป็นเอก เอาวันนั้นวันนี้เป็นวันของชาติ เป็นของคนไทย แต่ที่จริงแล้วพระพุทธเจ้าไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่สิ่งของที่จะเป็นของคนนั้นของคนนี้ พระศาสนาก็ไม่ใช่สิ่งของที่จะมาเป็นเจ้าขงเจ้าของ ถึงทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ธรรมะมันเป็นธรรมชาติ ศาสนาก็เป็นธรรมชาติ ที่พึ่งตั้งมาทีหลัง กำหนดทีหลัง ศาสนาพึ่งมาตั้งทีหลัง ก็เพราะอารมณ์ของคนกิเลสของคนว่า ไอ้นี้พุทธ ไอ้นี้คริสต์ ไอ้นั้นไอ้นี้ ไอ้นี้นิกาย ไอ้นั้นธรรมะหยุด (ธรรมยุตติ์) ไอ้นี้เทละวาด (เถระวาท) มันเหลือมา เพราะใจคนมันแบ่ง อยากเด่นอยากดัง อยากเป็นใหญ่ในสังคม ถามว่าเป็นใหญ่แล้วได้บรรลุธรรมไหม ได้เป็นโพธิสัตว์ธรรม ไม่เหมือนพวกเรา ที่เป็นปุถุชนนั่งอยู่ตรงนี้ ก็เปรียบเสมือนว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์น้อยๆ แล้ว เพราะเราไม่ยึดติดในรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ยึดติดในยศถาบรรดาศักดิ์ ความสมานฉันท์มันจึงเกิดขึ้น วันนี้อาตมาดีใจ ที่ได้เป็นผู้ต้องหา ตั้งแต่เช้าแล้ว มีคนมามากมาย ญาติโยมมาพูดมากมาย มากล่าวหาว่าอาตมามากมาย อาตมาก็ต้องมารับผิดวันนี้ แต่ไม่ได้มาแก้ตัว แต่มาสาธยายมาให้เป็นประจักษ์หลักฐานว่า วิญญาณไม่ตาย วิญญาณไม่มีวันดับ วิญญาณไม่มีวันตาย แต่กายมันตาย เป็นประจักษ์หลักฐานยืนยันอีกครั้ง และมาเป็นสักขีพยาน จึงได้รับคำอาราธนานิมนต์ มาที่นี้ นอกจากเป็นผู้ต้องหาที่นี่ ให้เขาสัมภาษณ์ เจริญพร (สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ)
    ขณะอาตมาเป็นสังฆราชแล้ว อาตมายังทุ่มเลย (ทิ้งเลย) เพราะเป็นสังฆราชแล้วเดินก็ไม่ได้ บิณฑบาตก็ไม่ได้ ต้องนั่งอย่างเดียว จะไปไหนเพื่อนก็แบกไป อาตมาว่ามันฉิบหายแล้ว เป็นสังฆราชแล้วเดินก็ไม่ได้ จะทำอะไรก็มีคนเฝ้าตลอด อาตมาว่า โอ้เป็นสังฆราชนี้ ตอนแรกที่รับใหม่ๆโอ้มันรู้สึกดี ได้เข้าวังบ่อย ได้สนทนาธรรมกับพระมหากษัตริย์บ่อย ดี ได้มีโอกาสได้แสดงธรรม ได้มีโอกาสเดินไปหาญาติโยม เอาตำแหน่งนี้มันเป็นราคี อาตมารับแล้ว วันหนึ่งอาตมาเดินออกจากวัด มีทหารคนหนึ่งว่า หลวงปู่ ๆ หลวงพ่อ ๆ ไปไหน อาตมาบอกว่า อาตมาเดินไปวัง หลวงพ่อเดินไม่ได้ ว่าไซ กูเดินไม่ได้! ทำไมกูเดินไม่ได้ กูก็มีตีน ไซมึงมาหามกู (ทำไมมึงมาหามกู) มาหามอาตมาทำไม (ไซ เป็นภาษาถิ่นภาคใต้ แปลว่า ทำไม หรือเพราะอะไรจึง.....)
    หลวงพ่อเป็นสังฆราชแล้ว เปรียบเสมือนเป็นพระมหากษัตริย์ จะเสด็จไปไหนก็ต้องนั่งแคร่ อาตมาว่าอาตมาไม่แคร่แล้ว งั้นอาตมาไม่ไป พอหัวค่ำดึกๆ อาตมาก็หนีเลย ทุ่มเลย (ทิ้งเลย) สังฆราชนี้ มันทำให้อาตมาขี้คร้าน มันทำให้อาตมาติดสุข ทำให้อาตมาที่เคยฆ่ากิเลสได้ ต้องมาเลี้ยงกิเลสใหม่ ไม่เอา อาตมาหนี หนีดีหว่า (ดีกว่า) อยู่เป็นพระป่า พระบ้าๆ บอๆ เดินในป่า เป็นหลวงปู่ หลวงพ่อ โอ๊ยสบาย สบายใจ ไม่ต้องหวาดระแวง ไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น สบาย เลยต้องกลับมาอยู่บ้านเอง (คือบ้านเกิด) เพราะไม่มีใครรู้ว่าเป็นสังฆราช ถ้าพูดภาษาบ้านเราว่า สังฆะขี้เกียจ เจริญพร

    อาจารย์ : พ่อปู่ครับ พ่อปู่เดินผ่านทางนี้ และเคยแวะพักแถวนี้ด้วยไหมครับ

    หลวงปู่ทวด : ทั้งสองอย่าง เจริญพร

    รศ.ดร.พิชัย : ขณะนี้ที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดต่างๆ ที่หลวงปู่เคยเสด็จผ่านไป มีเรื่องเดือดร้อนมาก มีปัญหาเรื่องผู้ก่อการร้าย อยากจะขอคำแนะนำว่าจะแก้ไขอย่างไร ที่จะให้พ้นจากปัญหา ของ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ดีขึ้นอย่างไร อยากจะขอความเมตตาแนะนำ

    หลวงปู่ทวด : ขอเจริญพร อืม! ถ้าเราจะแก้มัน เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ และต้องหาเหตุของทุกข์ให้เจอ และจึงจะดับทุกข์ได้ ถ้าเราแก้ที่ปลายเหตุ มันก็ต้องเป็นปลายตลอด มันแก้ไม่ได้ เพราะอะไรมันแก้ไม่ได้ เพราะความอยากเป็นใหญ่ ความฉ้อฉลคอรัปชั่น ความฉ้อราษฎร์บังหลวง ความโกงกินกัน การที่จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ มันแก้ยาก เพราะมันมาจากกิเลสของคน มันไม่มีทางที่จะแก้ได้ เพราะตราบใดคนฆ่ากันเอง วันนั้นก็จบสิ้น แล้วถ้าญาติโยมเคยอ่านพระไตรปิฎกแล้ว ที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมได้สุบินเอาไว้ สุบินแปลว่า ฝัน อย่าไปคิดอย่างอื่นว่า พระพุทธเจ้าบินไป พระพุทธองค์ได้ฝันว่า กาลต่อไปจะมีการกินเลือดกินเนื้อกันฆ่ากันเอง คนกินเลือดกินเนื้อกันเอง ความฝันนั้นเป็นจริงมันถึงวันล้างโลกแล้ว โยมเอ๋ย คนชั่วมันต้องตายไป คนชั่วกับคนชั่วมันต้องฆ่ากันเอง มันทะเลาะกันเอง ถ้าโยมเป็นคนชั่ว โยมก็ทะเลาะกัน ถ้าโยมเป็นคนดี ก็ไม่ทะเลาะกัน ครอบครัวก็มีความสุข เจริญพร (สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ)

    รศ.ดร.พิชัย : ขออนุญาตถามถึง คิดว่าหลายท่านที่นี่ ก็คงอยากจะทราบเหมือนกันว่า การที่จะทำอะไรกิจการงานใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนการใดล้วนแต่จะต้องอาศัย เงินตราเป็นปัจจัยสำคัญ ทำอย่างไรทำให้ลูกหลานในที่นี่ร่ำรวยมีเงินทองมากๆ กราบนมัสการถาม คำแนะนำครับ

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร อาตมานึกแล้วว่าต้องถามกิเลสข้อนี้ ต้องถามอสรพิษตัวนี้ มันมีกันมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ขอเจริญพรว่า จะเหตุปัจจัยใดก็แล้วแต่ เรามีได้ เราก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ เราใช้มัน อย่าให้มันใช้เรา แล้วมันจะไม่ยุ่ง มันจะไม่วุ่นวาย ถ้าเราใช้เงินเป็นเราก็มีความสุข ถ้าเราให้เงินมาใช้เรา เราก็มีความทุกข์ ถ้าเราให้เงินใช้เรา เราก็ไม่รวย แต่ถ้าเราใช้เงิน เรารวย รวยศีล รวยทาน รวยบารมี รวยบุญ รวยกุศล โยมทำไปเถิดแบบนี้แหละ เดี๋ยวมีคนมาช่วยเอง มีคนต้องการแบบนี้มากมายที่อยากจะทำเหมือนโยม แต่ทำไม่ได้ เขามีกิเลสมากมาย เดี๋ยวเขามีเงินมีทอง เขาก็มาประเคนให้เราเอง ไม่นานหรอกโยมเหอ (สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ)

    อาจารย์ : ขอกราบนมัสการถามหลวงปู่ เนื่องจากว่าที่นี่มีผู้รับวิถีอนุตตรธรรมแล้ว ปฏิบัติกันอยู่แล้ว บ้างก็ยังใหม่อยู่ บ้างก็ปฏิบัติมานานแล้ว หลายท่านยังคลางแคลง สงสัย ไม่แน่ใจว่าบำเพ็ญในวิถีอนุตตรธรรม จะสำเร็จธรรม พ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้หรือไม่ แต่หลายท่านก็เข้าใจชัดเจน วันนี้ ขอหลวงปู่เมตตา แสดงเป็นหลักฐานยืนยันว่า รับวิถีอนุตตรธรรมแล้ว บำเพ็ญในฐานะผู้ครองเรือน ก็สามารถบำเพ็ญสำเร็จธรรมได้ แต่ต้องอาศัยความอดทน บำเพ็ญอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดไป ทีนี้ ณ ที่นี่ ในวันนี้ ยังมีผู้รับวิถีธรรมใหม่ จึงยังไม่แน่ใจว่า จะบำเพ็ญให้สำเร็จได้อย่างไร เพราะเขามีภาพพจน์ว่า แม้กระทั่งพระที่วัดยังบำเพ็ญสำเร็จธรรมได้โดยยาก ผู้ที่บำเพ็ญในขณะที่ยังครองเรือน ก็ยิ่งยากใหญ่ ตะกี้พ่อปู่พูดว่า “ได้รับวิถีธรรมแล้ว ได้เปิดหนทางนิพพานแล้วบำเพ็ญ พ่อปู่เอง บำเพ็ญมานานแล้ว ยังไม่ได้รับจุดนี้ เนื่องจากพ่อปู่ได้เคี่ยวกรำบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลายาวนาน บำเพ็ญมา นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ คำนวณนับได้ ๔๒๐ กว่าปี เพราะฉะนั้น พ่อปู่มายืนยันในวันนี้ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้บำเพ็ญธรรมใหม่ ว่าบำเพ็ญธรรมบนหนทางนี้ (อนุตตรวิถี) สำเร็จได้ในชาตินี้จริงๆ ขอขอบพระคุณครับ

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร พระพุทธองค์ท่านได้ตรัสไว้ว่า การได้บำเพ็ญจิต การได้ปฏิบัติธรรม มันบรรลุได้ที่ปัญญา ปัญญาเท่านั้นทำให้เราบรรลุธรรม ถ้าเราพิจารณาทุกอย่าง เราก็สามารถบรรลุได้ ตามคำบาลีที่ว่า “ปัญญา โลกัสมิ ปัชโชโต” ปัญญาเป็นแสงสว่างของโลก แต่ถ้าญาติโยมไม่มีทิฏฐิ ไม่มีมีมานะ ย่อมที่จะพิจารณาศึกษาหลักธรรมบำเพ็ญจิตด้วย ใช้ปัญญาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็บรรลุได้ สำเร็จได้ แต่ต้องมาจากจิตที่ศรัทธา และในเมื่อญาติโยมได้รับอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว มันก็เป็นเครื่องยืนยันว่า “หนีไปพ้น สำเร็จแน่นอน” เพราะเราได้รู้หนทางแล้ว เราก็ใช้ปัญญา เราเดินทางหนทางนั้นด้วยความมั่นคง ด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยความสามัคคี ด้วยจิตเมตตา ปรารถนาดีให้ผู้คนได้พ้นทุกข์ แม้แต่อาตมาบำเพ็ญเคี่ยวกรำมานานแสนนาน เหมือนได้กล่าวไว้แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้รู้หนทางหลุดพ้นครั้งนี้ ก็จะสำเร็จยาก สำเร็จอรหันต์ยาก นอกจากเป็นพระโพธิสัตว์โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกทาคามิมรรค-ผล อนาคามิมรรค-ผล แค่นั้น แต่ถ้าเกิดว่าได้รับวิถีอนุตตรธรรมแล้ว อรหันต์แน่นอน มันหนีไม่พ้น แต่อยู่ที่เราอย่าไปยึดติดรูปลักษณ์ภายนอก อย่ากังวลโลกภายนอก เราต้องเชื่อพระธรรม และใช้ปัญญาทำตามพระธรรม พระพุทธองค์เลยสรรเสริญว่า พระธรรมเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป จนกว่าพระพุทธองค์จะจบอายุขัย หรือจบกัปที่พระองค์ครองธรรมกาล มีพระธรรมกับพระวินัยเท่านั้น ที่เราจะต้องศรัทธา ถ้าเรามีธรรมะ แต่ไม่มีวินัย มันก็บรรลุยาก ถ้าอย่างนั้นวินัยก็คือระเบียบความประพฤติก็ต้องสำรวม ต้องระมัดระวัง การพูดจา การกระทำทั้งภายในจิต ภายนอกมันก็ต้องไปคู่กัน ไม่ใช่กายอย่าง จิตอย่างหนึ่ง กายอย่างหนึ่งจิตอย่างหนึ่ง มันก็ทำให้เราเป็นทุกข์ แต่ถ้าเกิดว่าญาติโยม ทำกายในกาย พิจารณากายในกาย พิจารณาจิตในจิต พิจารณาทุกข์ในทุกข์ นี่เหละเป็นเนือง ๆ แล้ว แน่นอนเราจะไม่ยึดติดในรูปลักษณ์ภายนอก เพราะมันเป็นแค่ของยืมใช้ ครั้งคราว ไม่ได้ใช้ถาวร เราจะไปยึดติดมันทำไม กายภายนอกนี้เรามาใช้เพื่ออะไร ใช้เพื่อให้เราบรรลุธรรม มันทำอะไรได้ แต่ถ้าเกิดไม่มีกายสังขารนี้แล้ว เราก็บรรลุธรรมไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้ทำ ไม่ได้สร้างบุญ ไม่ได้นั่งสมาธิ ไม่ได้สวดมนต์ ไม่ได้เจริญภาวนา ไม่ได้แผ่เมตตา ไม่ได้กรวดน้ำ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ไม่ได้ช่วยผู้อื่นได้พ้นทุกข์ ฉะนั้น กายนี้เป็นแค่ของยืมใช้ แต่จิตวิญญาณนี่แหละที่เราจะต้องนำพาเขาไปให้สูงที่สุด เท่าที่จะสูงได้ จิตบรรลุธรรมเท่านั้น ไม่ใช่กายบรรลุธรรม แต่ต้องอาศัยกาย เพื่อที่จะให้บรรลุธรรม ถ้าเป็นวิญญาณก็บรรลุธรรมยาก บ่นอยู่เฉย ๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเป็นกายเหมือนญาติโยมนี้ ทำได้ทุกอย่าง ผิดก็แก้ไขใหม่ เปลี่ยนแปลงใหม่ เขียนโครงการนี้ทำขยำทิ้งเขียนใหม่ แต่วิญญาณมันเขียนโครงการไม่ได้ ผิดแล้วผิดเลย ผิดแล้วบั่นทอนเลย จิตเศร้าหมองเลย และมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่กายนี้ง่ายกว่าจิต เจริญพร (สาธุ ๆๆ อนุโมทามิ)
     
  11. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    รศ.ดร.พิชัย : กราบขอบพระคุณหลวงปู่เป็นอย่างยิ่ง ที่เมตตาแนะนำการปฏิบัติ ในการช่วยเหลือคนอื่น แต่เกล้าข้าน้อยขอกราบอนุญาต ที่ผ่านมานั้นข้าน้อยได้รับบารมีจากหลวงปู่ในการดำเนินชีวิตก็ดี ช่วยผู้อื่นก็ดี มีความรู้สึกเกรงใจมากเหลือเกินที่รบกวนหลวงปู่ มีบางคนเขาบอกว่า ระวังหลวงปู่จะเหนื่อย แต่เกล้าข้าน้อยอยากจะกราบนมัสการถามว่า เนื่องจากมนุษย์ปุถุชนทั่วไปไม่มีบุญบารมีเพียงพอในการทำงานต่างๆ แต่ต้องอาศัยเครื่องกล หรือโลกวิญญาณมาช่วย เกล้าข้าน้อยได้ขอบารมีหลวงปู่ในการไปที่ต่างๆ ที่ช่วยเหลืองานก็ดี ในเรื่องหรือในการช่วยรักษาสุขภาพอนามัยของคนที่รู้จักก็ดี ถือเป็นการฉุดช่วยให้พ้นทุกข์อีกอย่างหนึ่ง เกรงใจและมีทางไหนแนะนำให้เกิดผลจริงจัง ขอคำแนะนำในการที่จะช่วยคนอื่น หลายท่านในที่นี่คงอยากจะช่วยคนอื่นบ้าง แต่ตัวเองไม่ค่อยมีอำนาจมีพลัง ทำอย่างไรจะขอราศีของหลวงปู่มาอยู่ในตัวของเรา ที่จะได้ช่วยคนอื่นได้มากขึ้น อย่างไร ขอกราบนมัสการด้วยครับ

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร ถ้าอยากจะมีบารมี มีพลัง มีรัศมีธรรมมากๆ ให้เรารักษาศีล ถ้ารักษาศีลดีศีลก็รักษาเรา ถ้าเราทำสมาธิดี สติก็คุ้มครองเรา เราก็จะมีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาที่มันเกิดขึ้นได้ การที่ญาติโยมเอ่ยนามอาตมาในการนั้น มันเป็นแค่กำลังใจ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่ปุถุชนสามัญชนธรรมดา ญาติโยมทั้งหลายบนโลกมนุษย์นี้ต้องการกำลังใจ และกำลังใจนั้นก็ต้องตัวเองศรัทธาด้วย ถ้าตัวเองไม่ศรัทธาแล้ว เรียกชื่อเท่าไรมันก็ไม่มีพลังในกาย แต่ถ้าเกิดว่าเรียกชื่ออาตมาเพื่อที่จะเป็นกำลังใจนั้น ก็เรียกไปเถิด อาตมาไม่เหนื่อย ยินดีรับใช้ ไม่ใช่ว่าจะเรียกชื่อแล้ว มันจะเป็นการใช้พระสงฆ์ มันไม่ใช่ คิดๆ แล้วการเอ่ยพระนาม ก็คือการสรรเสริญ การขอกำลังใจ ในเมื่อได้เอ่ยชื่อของอาตมาแล้ว มันมีพลังจิตดวงหนึ่ง เหมือนกับการชาร์ตไฟฟ้าเข้าไปแล้ว เมื่อได้ชาร์ตไฟฟ้าเข้าไป ปัญญามันสว่าง มันก็แก้ไขปัญหาได้ และเมื่อมีให้ใช้ก็ใช้ ไปเถิดนะ อย่าไปคิดมาก มันเป็นกำลังใจที่ดีของปุถุชนอย่างเช่นญาติโยม จะเรียกชื่อใครก็แล้วแต่ แต่เมื่อชื่อคนนั้น เราศรัทธาเราเลื่อมใส บุญญาปาฏิหาริย์มันก็เกิดขึ้นในจิตของเรา ไม่ได้อยู่ที่ชื่ออาตมา เขาเรียกว่า บุญฤทธิ์ ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์พระพุทธองค์ ไม่ให้ทำมันเป็นปาราชิก แต่บุญฤทธิ์นี้มันเป็นบุญของเรา เป็นบารมีของเรา ที่เราสะสมมา แล้วแถมได้มีชื่อองค์ที่เราศรัทธาเลื่อมใสแล้ว มันก็ได้สำเร็จผล พลังยิ่งขึ้นได้ เจริญพร (สาธุๆๆ อนุโมทามิ) ให้เรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญาแล้วเราก็สามารถมีพลังจิตมีพลังธรรมมีพลังใจได้

    รศ.ดร.พิชัย : ขอบพระคุณมาก อยากจะขอทราบเพิ่มเติมอีกนิด พระคาถาที่ใช้บูชาหลวงปู่เหยียบน้ำทะเลจืดที่สำนักปู่สวรรค์ใช้อยู่นั้น สั้นๆว่า “อิติ อิติ โพธิสัตว์” แค่นี้ใช้เพียงพอหรือไม่ครับ

    หลวงปู่ทวด : แล้วที่โยมทำอยู่ มันใช้ได้ไหม​

    รศ.ดร.พิชัย : ก็ใช้ได้ดีอยู่ครับ

    หลวงปู่ทวด : เออ! ถ้าใช้ได้เป็นประโยชน์ ก็ใช้ไป พระคาถาเราอย่าไปยึดติดมัน บอกแล้ว มันเป็นกำลังใจ อะไรก็ได้ “อิติสุคะโต” ก็ได้ “อิติอิติ” ก็ได้ หรือที่วัดช้างไห้ที่สวดกันก็ได้ หรือไม่มีอะไรจะสวด นึกไม่ออกเรียก “หลวงปู่ทวด” ก็ได้ มันก็ใช้ได้หมด ถ้าใช้แล้วมันเกิดผลสำเร็จ อาตมาบอกแล้วว่ามันอยู่ที่ศรัทธาๆ อยู่ที่ตัวศรัทธา เรียกทวดเฉยๆ แต่ถ้าเราศรัทธามันก็เป็นพลังมันก็เป็นบุญญาภินิหารได้

    รศ.ดร.พิชัย : จะใช้คาถาอะไรก็ได้ ขอให้จิตของเรานึกถึงพระองค์แก่ๆ หลังค่อมๆ
    หลวงปู่ทวด : ใช่แล้ว

    รศ.ดร.พิชัย : ให้อยู่ในจิตของเรา แล้วเราเองก็ได้พระบารมีของท่านมาสถิตในใจของเราได้ พระองค์คิดว่าถูกต้องหรือไม่

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร ถูกต้องแล้ว มันเป็นสิ่งที่เป็นกำลังใจ มาอยู่ในใจ เรียกหลวงปู่ เรียกหลวงพ่อ เรียกหลวงพี่ เรียกหลวงน้อง เรียกอะไรก็แล้วแต่ มันอยู่ที่กำลังใจศรัทธา เหมือนตอนเช้าที่ญาติโยมทั้งหลาย ขึ้นมาบรรยายประจักษ์บุญญาภินิหารนั้น ก็มาจากความศรัทธา ความเลื่อมใส จึงได้เกิดแสงฉัพพรรณรังสีให้เห็นว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั่วผืนปฐพี พระอรหันต์อยู่ทั่วโลก อยู่ทุกๆ มุมแห่งหน ที่โยมบอกว่า อาตมาดูแลเจ้าที่ คุยกับเจ้าที่ได้นั้น ก็ถูกต้อง เพราะพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์อยู่ได้ทุกที่ สามารถสื่อถามคุยได้ทุกที่ เช่นเดียวกัน บุญญาปาฏิหาริย์ หรือฉัพรรณรังสีนั้นก็จะฉายแสงขึ้นมาสำหรับผู้มีจิตศรัทธาและเลื่อมใส และอยากจะเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันถูกต้องไหม มันจริงไหม การที่เรียกชื่อ หรือท่องคาถาของหลวงปู่นั้น มันมีผลไหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เทพเทวาทั้งหลาย จึงแสดงผลให้เห็นว่าจิตมันสามารถสื่อจิตได้ แต่กายสื่อกับกายไม่ได้ ต้องใช้จิตที่มีศีล มีธรรม มีปัญญาเท่านั้น ที่สื่อได้ จิตที่บริสุทธิ์เท่านั้น ที่สื่อได้ แต่จิตที่มีกิเลส จิตที่สื่อกันแล้วเอามาอวดกัน เอามาเป็นวัตถุมงคล เอามาขายพร่ำเพรื่อกัน ไอ้นั่น มันไม่ใช่ความบริสุทธิ์ มันไม่ใช่โลกุตตรธรรม มันเป็นโลกียธรรม ที่เอาความปาฏิหาริย์ขององค์นั้น องค์นี้มาขายนั้น เขาเรียกว่า ผิดจารีตประเพณี ผิดศีล ผิดธรรม เจริญพร (สาธุๆ ๆ อนุโมทามิ)

    รศ.ดร.พิชัย : ที่เมื่อเช้าอาจารย์ไสวเล่าถึงปาฏิหาริย์ที่น้ำตกทรายขาว ตอนที่เกล้าข้าน้อยไปเปิดป้าย โครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ ด้วยความตื้นตันใจ ที่เห็นลูกแก้วลอยมาถึงสองครั้งสองครา อันนี้เป็นปาฏิหาริย์อย่างไรที่เกิดขึ้น หรือคิดไปเอง แต่อย่างไร ขอกราบนมัสการขอความรู้นิดหนึ่งว่า ปาฏิหาริย์แบบนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร ในจิตของผู้ศรัทธาเลื่อมใส

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร ถ้าอาตมาพูดแล้ว มันพูดยาก เพราะเป็นพระ มันจะทำให้เกิดอาบัติได้ แต่อาตมาจะบอกว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องจริงไหมนั้น อยู่ที่การพิจารณา มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อะไรมันเป็นความเชื่อของส่วนบุคคลแล้ว สิ่งนั้นบอกกันได้เลยว่า ถ้าเราทำดี เราคิดดี เราพูดดี แล้วอยากจะให้คนข้างๆ มันดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะเดินตามเราไปทุกที่ ไปช่วยเหลือเราทุกที่ เหมือนที่โยมได้พูดเมื่อกี้ว่า เห็นนั่นเห็นนี่ ก็ได้เป็นกำลังใจว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพพรหมทั้งหลายในโลกวิญญาณนั้น ไม่ทอดทิ้งคนทำความดี ให้โยมรู้อย่างนี้ก็พอแล้ว อย่าไปรู้เลยว่ามันจริงหรือไม่นะ มันทำให้คนยึดติดไปเปล่าๆ ยึดติดในปาฏิหาริย์ จึงทำให้ธรรมะมันไม่ยึดติด มันไม่ศึกษา ให้เรามายึดติดในธรรมะ ให้เห็นปาฏิหาริย์ในธรรมะดีกว่านะ มาเป็นกำลังใจ หรือมาเป็นสิ่งที่อาตมาพูดในข้างต้นนั้น เจริญพร (สาธุๆ ๆ อนุโมทามิ)

    รศ.ดร.พิชัย : ผู้ที่รักษาศีลแล้ว ต้องระมัดระวังตัวในการประพฤติปฏิบัติด้วย ถ้าประพฤติปฏิบัติดี เทพพรหมก็จะช่วยเหลือเรา อยู่กับเรา แต่ถ้าเราทำผิดธรรมขึ้นมาเมื่อไร เราจะได้รับการลงโทษอย่างชัดเจน ซึ่งข้าผู้น้อยประสบมาด้วยตนเองแล้ว ข้อนี้จริงเท็จอย่างไร ขอให้เมตตาอธิบายให้กับสาธุชนทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ได้เข้าใจยิ่งขึ้นอีกต่อไป

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร การที่เรารักษาศีล ศีลมันคุ้มครองเรา มันเป็นสติ สติเกิดขึ้นปัญญาก็เกิดขึ้น บารมีธรรมก็เกิดขึ้น แต่เมื่อญาติโยมผิดศีล ผิดธรรมแล้ว เกิดขาดสติขึ้นมานั้น ก็เป็นอารมณ์ของเราที่มันวูบไป ในเมื่อมันชั่ววูบ มันขาดสติแล้ว ปัญญามันไม่เกิดแล้ว แล้วอย่าบอกว่าวิญญาณเทพ พรหมลงโทษเรานะ มันเป็นการคิดอกุศลไป ในเมื่อเราขาดสติ ก็เกิดอุบัติเหตุได้ ฉะนั้น เราผิดศีล เหมือนคนขาดสติ เราควรรักษาสติเอาไว้ แล้วอุบัติเหตุก็ไม่เกิด ความประมาทก็ไม่เกิด แต่สิ่งที่โยมเจอมานั้น มันเป็นเรื่องเตือนใจ หรือเป็นประจักษ์หลักฐานว่า เราเป็นคนดีมีรากบุญบารมี ถ้าเราลองศึกษาทางวิทยาศาสตร์ดู เราเผลอสติไปสักหน่อยหนึ่ง ทำให้ความโง่ครอบงำ เพราะทำอะไรก็ผิดตลอด มันก็เกิดความประมาท ความประมาทเกิดขึ้นในร่างกายเรา ในจิตใจเรามันก็เกิดความหายนะ เกิดภัยพิบัติในตัวตน ฉะนั้นแล้ว ให้เรามีสติ ยับยั้ง เรารักษาศีลไว้ให้พอ เท่าที่เรารักษาได้ อย่าให้ถึงกับเคร่งเกินไป เข้มงวดเกินไป ให้พอเราทำได้วันๆ หนึ่ง ข้อๆ หนึ่ง ในการที่เราทำได้ด้วยการที่ใจเราศรัทธา เลื่อมใส อย่าเอาผู้อื่นมาเลียนแบบ อยากเป็นแบบอย่าง อย่าไปเทียบกัน เพราะแต่ละคนมีบุญบารมีไม่เหมือนกัน เหมือนโยมถือศีลห้าข้อ อาตมาถือศีลสองร้อยกว่าข้อ และมาเปรียบเทียบกันว่าต้องให้ได้เหมือนหลวงปู่ ต้องเคร่งให้เหมือนหลวงปู่ มันไม่ได้ บุญบารมีมันแตกต่างกัน การที่เรามีสติ กับคนที่ขาดสติ มันก็ต้องแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่แข่งอื่นแข่งได้ แต่แข่งบุญบารมีนั้นแข่งยาก อยู่ที่เราทุกคนมีสติ และตั้งใจบำเพ็ญ ตั้งใจปฏิบัติ ให้เรามีสติปัญญา และความประมาทในกายของเรา ก็จะไม่เกิดขึ้น เจริญพร (สาธุๆ ๆ อนุโมทามิ)
     
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    รศ.ดร.พิชัย : ไม่ทราบว่าลูกศิษย์ท่านไหนจะถามอะไรส่วนตัว วันนี้เป็นวันที่พวกเราโชคดี เป็นครั้งแรกในชีวิตของผม ที่ได้พบกับหลวงปู่ทวด ได้เข้าเฝ้าเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เป็นประธานชมรมของสำนักปู่สวรรค์มาสิบหกกว่าปีแล้ว ในระยะหลังนี้ อย่างที่หลวงปู่ตรัสไปตะกี้ว่า ไม่ค่อยได้เสด็จมาบนโลกมนุษย์สักเท่าไหร่ วันนี้ก็ถือว่าเป็นมหาเมตตาของหลวงปู่ที่ได้เสด็จมาให้ธรรมแก่เราได้ฟัง ถือเป็นโอกาสอันดียิ่ง ที่พวกเราจะได้ถามในสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ ซึ่งเป็นพระมหาเมตตาของหลวงปู่ ที่ทำให้วกเราได้รับความรู้ดียิ่งขึ้นอีกต่อไป ไม่ทราบมีใครจะถามอะไรหลวงปู่เชิญได้เลย

    อาจารย์ยินดี : อยากจะถามหลวงปู่ในตำนานที่เขาเล่าการกำเนิดของหลวงปู่ นะเจ้าค่ะ ที่มีตำนานในเรื่องการกำเนิดของหลวงปู่นะเจ้าค่ะ ว่ามีพญางูไม้ลูกแก้ว หรืออะไรต่ออะไรตำนานที่เขาเขียนไว้เป็นความจริงใช่มั้ยคะ

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร สิ่งที่มันบังเกิดขึ้นมันก็มาจากบุญเก่า แล้วก็มีบริวารหรือว่ากรรมเก่ามันปะปนกัน จึงจะต้องช่วยเหลือเขา ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ชีวิตของเพื่อนมนุษย์มีความสุข เราก็ทำ แต่เมื่อทำแล้วก็ปล่อยไปอย่าไปยึดติดมัน อย่าไปโอ้อวดตนเองว่า โอ้ ฉันเหยียบน้ำทะเลจืดได้ แล้วก็อวดอยู่อย่างนั้น และยึดติดอยู่อย่างนั้น แล้วไปประกาศว่าฉันทำได้ๆ ก็คนอื่นทำไม่ได้ ไปยกตัวเองข่มผู้อื่น มันจะไม่เหมาะสม มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าสมุนไพรธรรมชาติรักษาแค่นั้น ประวัติอย่างไรก็ค่อยไปศึกษาเอาทีหลัง ได้ละเอียดอยู่แล้ว เจริญพร
    (สาธุๆ ๆ อนุโมทามิ)

    อาจารย์ยินดี : ขอบคุณเจ้าค่ะ สาธุๆๆ อนุโมทามิ

    รศ.ดร.พิชัย : ขออนุญาตถามโครงการที่ข้าน้อยเกี่ยวข้องที่ภูเก็ตอยู่สองโครงการ โครงการหนึ่งคือการที่เกาะแก้วพิสดาร คือรอยพระบาทอยู่รอยหนึ่ง อยู่ใกล้กับฝั่งทะเล ในอีกมิติหนึ่ง และใต้หินนั้นก็ยังมีรอยพระบาทอยู่ มีหลายท่านก็บอกว่าเป็นรอยพุทธบาท บางท่านก็บอกเป็นรอยของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ขณะนี้ก็กำลังจะสร้างเป็นมณฑปแล้ว อะไรขึ้นมาครอบบนรอยพระบาทนั้น อยากจะกราบนมัสการถามว่ารอยพระบาทนั้นเป็นรอยอะไรกันแน่ อันที่หนึ่ง อันที่สอง การที่จะสร้างมณฑปบนโขดหินเหล่านั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร และควรทำต่อไปหรือไม่ เพราะขณะนี้เกล้าข้าน้อยยังไม่แน่ใจ 100% ขอกราบนมัสการถามเพื่อเป็นความรู้

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร สิ่งที่มันบังเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจากธรรมชาติ เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ที่ครั้งหนึ่งอาตมาก่อนจะลงเรือตรงนั้นมันเป็นปรากฏการธรรมชาติ เป็นสักขีพยานเกิดขึ้นเอง แต่อาตมาก็ไม่ได้หันไปมองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะอาตมาตั้งใจแล้วว่า ก่อนที่จะขึ้นเรือนั้นจะเดินทางไปเพื่อจะฉุดช่วยผู้คน ให้สำเร็จในพระธรรม ก็ขอให้สำเร็จด้วยเถิด ให้เห็นประจักษ์หลักฐานด้วยเถิดว่า ในเมื่อจะไปไกลแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมรอยเดิม ที่เรามาจากจุดเริ่มต้นว่า เรามาจากที่ไหนเราเป็นคนอะไร เราเป็นคนแบบไหน อย่าลืมตัวตน ของตน ถ้าอาตมาไม่ออกไปแล้ว ถ้าไม่ลืมตัวตนแล้ว ได้ออกไปได้สำเร็จธรรมจริง ก็ขอให้เกิดประจักษ์หลักฐานด้วย ก็ผลมันก็เกิดที่หิน เจริญพร
    จะสร้างหรือไม่สร้างนั้น อยู่ที่ความศรัทธาของญาติโยม อยู่ที่ความเหมาะสมนะ อยู่ที่ความเหมาะสมของญาติโยมเอง

    รศ.ดร.พิชัย : แต่ตรงนั้นมีคลื่นแรงมาก แต่บางคนไม่รู้ที่จะลงไปกราบรอยพระบาทนั้น ซึ่งคลื่นซัดตกลงไปในทะเลซึ่งต้องเสียแก่ชีวิตก็มี ศิษย์ของสำนักปู่สวรรค์คนหนึ่ง ก็เลยคิดว่าจะสร้างอะไรขึ้นมาให้คนได้ลงไปกราบ ปลอดภัยมากขึ้น และสถานที่แห่งนั้นมีโขดหินมากมายทีเดียว ก็ยังไม่แน่ใจว่า สมควรจะสร้างหรือไม่ หลวงพ่อที่ดูแลเกาะแก้วพิสดารก็ไม่ว่ากะไร ท่านจะสร้างท่านก็สร้างไปแล้วแต่ศรัทธาของโยม อะไรทำนองนั้น

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร อาตมาว่าปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า ถ้าเราไปสร้างแล้วคนเข้าไปบ่อยๆ มันก็หายไป เสื่อมไป ให้มันเป็นธรรมชาติดีกว่า แล้วค่อยป้องกันเอา ห้ามเข้าไปในบริเวณนั้น มันจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัย มันไม่ใช่อะไร ถ้าเราเข้าไปเหยียบเข้าไปย่ำ ก็เท่ากับว่าเราไปทำลาย ทำลายธรรมชาติปล่อยให้เป็นธรรมชาติดีกว่า เจริญพร

    รศ.ดร.พิชัย : และอีกโครงการหนึ่งจะไปสร้าง มณฑป บนยอดเขาที่ ภูเก็ตนั้นจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับพระราชทานจากพระสังฆราช มันมีปัญหาอยู่กับความไม่เข้าใจกับหน่วยราชการว่า จะเป็นการบุกรุกป่าสงวนในทำนองนี้งานนี้ก็เช่นเดียวกันว่าอนาคตควรสร้างหรือไม่เช่นไร บนนั้นก็จะมีจานที่รับสัญญาณของกองทัพอากาศอยู่ แล้วก็ข้างล่างจะมีการปลูกต้นยางอะไรประมาณพอสมควร เห็นว่ามีคนไม่อยากให้ไปสร้างข้างบน จึงไปทำเรื่องไม่อยากให้สร้างทำนองนั้น ไม่ทราบว่าโครงการนี้ควรทำต่อไปเพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลทีเดียว แต่ขั้นแรกก็อยากขอคำแนะนำว่าควรที่จะดำเนินการต่อไปอีกหรือไม่ตั้งอยู่บนภูเขายอดเขา

    หลวงปู่ทวด : ถ้าเราสร้างขึ้นแล้ว ญาติโยมไม่เห็นด้วยหรือมีปัญหา ถึงเราสร้างไป มันก็ไปผูกมัด ก็ไม่ได้บุญน่ะโยม ไม่ได้บุญหรอก ก็เหมือนกับพระพุทธเจ้าทีปังกรคุยกับพระมหากษัตริย์ว่า พระมหากษัตริย์คุยกับพระพุทธเจ้าทีปังกรว่าเขานี้ได้สร้างวัด สร้างโบสถ์มากมายได้บุญมั้ย พระพุทธเจ้าทีปังกรบอกว่าไม่ได้บุญเลย เพราะสร้างวัดด้วยกิเลส ไม่ได้สร้างด้วยความศรัทธา แต่ไอ้นี่เราศรัทธากันน้อย แต่ถ้าเกิดขึ้นไปทำลายป่า ทำลายธรรมชาติ ต้องพิจารณาแล้ว มีคนต่อต้านแล้ว สร้างไปก็เสียเงินเปล่า เอาเงินนั้นมาฉุดช่วยผู้คน เป็นประโยชน์ ช่วยคนให้พ้นทุกข์ยังดีกว่า ถ้าเกิดสร้างไปแล้วมีคนต่อต้านมีคนทำลาย ในวันข้างหน้าอาตมาว่าเสียเงินดายตังค์เปล่า เจริญพร
    (สาธุๆ ๆ อนุโมทามิ)

    พี่ศร : หลังจากเราละทิ้งกายสังขารไปแล้ว ถ้าเราบริจาคร่างกายเราให้กับโรงพยาบาล เราจะได้อานิสงส์สักเท่าไหร่คะ หลวงปู่

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร อานิสงส์ของการเสียสละกายให้เป็นประโยชน์ส่วนรวม มันก็บอกว่า มันอยู่สุดคณานับแล้ว ดีกว่าไปเผาทิ้งเปล่าๆ ให้คนอื่น ให้นักศึกษาได้ศึกษาพิจารณา ให้เขาเกิดปัญญา มันก็เป็นประโยชน์นะโยม ได้บุญมากเลยโยม เจริญพร

    พี่ศร : ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณหลวงปู่ที่เมตตา

    รศ.ดร.พิชัย : นับว่าเราโชคดี เป็นมหาโชค เข้าใจว่า ตั้งแต่ตั้งมูลนิธิฯนี้ขึ้นมา คงจะเป็นครั้งแรกนะครับ ที่อาราธนาทิพยญาณหลวงปู่มาเมตตา ในวันที่ ๖ มีนาคม สำนักปู่สวรรค์ที่ข้าน้อยได้เป็นประธานอยู่ ได้มีการจัดพิธีบูชาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มีการสวดมนต์ และอยากจะถามว่า พระองค์ทรงทราบหรือไม่ ถามเพื่อเป็นกำลังใจ เพื่อเป็นความรู้ และเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร ก็รับทราบมาตลอด ตั้งแต่ได้ปฏิบัติศาสนกิจ ศาสนธรรมตั้งแต่ใช้กายสังขารอยู่ที่นั้น ประทับทิพย์ญาณอยู่ที่นั้น อาตมารับทราบมาโดยตลอด อาตมาก็อนุโมทนาสัมโมยคาถาอยู่ตลอดเจริญพร สาธุๆ ๆ อนุโมทามิ

    อาจารย์ยินดี : อยากจะเรียนถามหลวงปู่ว่า อย่างอายุของข้าน้อยกับลูกศิษย์ทั้งหลายที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังได้มีโอกาสกราบองค์พระศรีอาริย์มั้ยเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร มีโอกาสได้กราบแน่นอน ให้เรารักษาสุขภาพให้ดี กินอาหารให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่กินสารพิษเข้าไป เราก็สามารถดูแลกายสังขารนี้ได้ จนพระองค์ท่านเสด็จเป็นกายเนื้อ เจริญพร (สาธุๆ ๆ อนุทามิ)

    รศ.ดร.พิชัย : ขออนุญาตถามคำถามเป็นคำถามสุดท้าย ข้าผู้น้อยได้สังเกตว่า กิจกรรมที่ทำในมูลนิธิชินบัญชรแห่งนี้ กับที่ทำมาแล้วในอดีตของสำนักปู่สวรรค์จะคล้ายคลึงกันมากๆ ในเรื่องต่างๆ ที่สำนักปู่สวรรค์มีอุดมการณ์ของสำนักปู่สวรรค์เช่น ๑.ช่วยบำบัดทุกข์ทั้งกายและใจให้คนทุกชั้น ๒. สังหารกิเลสของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวให้เบาบางลง ๓ ทำลายความเชื่อที่งมงายหลงเข้าใจผิด ๔ ผดุงความเป็นธรรมของสังคม ๕ เทิดทูนพระมหากษัตริย์เพื่อสันติภาพ และอีกอื่นๆ รวมทั้งหมด ๑๐ หัวข้อ รวมตลอดสุดท้าย ยืนยันล่วงหน้าจริงๆ เพื่อไม่ให้มนุษย์ทำบาปมากขึ้น กำลังคิดว่าจะนำเอาอุดมการณ์เหล่านั้นมาตั้งไว้ที่นี่ เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติของมูลนิธิฯนี้ เห็นสมควรหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งการทำงานร่วมกันกับสำนักปู่สวรรค์ที่กรุงเทพฯ กับที่มูลนิธิชินบัญชร ในเรื่องกิจกรรมต่างๆ ที่ไปด้วยกันได้ จะเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ต่อไปขอคำแนะนำหลวงปู่ด้วย

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร สิ่งที่ญาติโยมเห็น ปัจจุบันนี้ก็เป็นพระบัญชาของสมเด็จพระชินปัญชรมหาราชองค์เดียวเท่านั้น ในเมื่อที่สำนักปู่สวรรค์ทำอะไรเกินหน้าเกินตามากไม่ได้ ก็ต้องหาที่มาระบาย ไม่อย่างนั้นนักปราชญ์มันอึดอัด นักปราชญ์ไม่ได้ทำความดี พระอรหันต์ไม่ได้สร้างบุญก็อึดอัด ก็เลยต้องมาหาที่ลงระบาย ก็เหมือนกับเราปวดท้องจะถ่าย เราก็ต้องหาห้องน้ำที่มันไม่เต็ม แล้วถ่ายลงไป ถ้าส้วมไหนเต็มแล้ว ไม่มีการถ่ายออก เราคิดว่าเราก็ใช้ไม่ได้ อย่างที่นี่กับที่สำนักปู่สวรรค์คือที่เดียวกัน มีองค์ประธานองค์เดียวกัน มีทุกสิ่งทุกอย่าง เจตนารมณ์เดียวกัน วัตถุประสงค์เดียวกัน ที่เรียกว่าเป็นที่ที่รองจากสำนักปู่สวรรค์ สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ ที่จะต้องทำอุดมการณ์ พระมหาปณิธานของสมเด็จท่านให้สำเร็จ ไม่ว่าจะสมเด็จพระชินปัญชรมหาราช หรือสมเด็จโต หรือแม้แต่อาตมากลัวปณิธานยังไม่สำเร็จ มันหยุดตามสถานที่ไม่ได้ มันก็ต้องหาที่ระบายให้บรรลุธรรม บรรลุปณิธาน จึงได้ประชุมกับสมเด็จท่าน สนองพระบัญชาว่า ให้ที่นี้เป็นที่เจริญปณิธานของทั้ง ๓ พระองค์สืบต่อไป เจริญพร (สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ) ฉะนั้น โครงการอันใดที่สำนักปู่สวรรค์ไม่ได้ทำ ก็มาระบายที่นี่ได้ เจริญพร

    รศ.ดร.พิชัย : ก็เป็นไปตามที่ข้าผู้น้อยได้คิดอยู่ในใจ ว่าคงจะเป็นอย่างที่หลวงปู่ได้ตรัส

    อาจารย์ : จะมีทั่วภาคใต้

    หลวงปู่ทวด : สำเร็จแน่ สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ ตราบใดยังมีทั้ง ๓ พระองค์ที่คอยเป็นทหารนำทางญาติโยม ที่ไปบุกเบิกเผยแพร่ธรรม ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ที่โยมเหยียบไป ที่นั้นก็สำเร็จตามวัตถุประสงค์ ให้โยมเชื่อมั่น และศรัทธา และอาตมาได้มานั่งยันอยู่ตรงนี้แล้ว ก็ขอให้สิ่งที่โยมทำนั้นสำเร็จ องค์สมเด็จพระชินปัญชรมหาราชลงด้วยพระองค์เองแล้ว ไม่สำเร็จไม่ได้นะ ท่านเคร่งครัดมาก

    อาจารย์ : โครงการที่ว่า ต้องมาให้เร็ว

    หลวงปู่ทวด : อยู่ที่บัญชาขององค์สมเด็จเจ้า ต้องถามพระองค์ท่าน

    รศ.ดร.พิชัย : อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมเคยเล่าให้พวกเราในที่นี้ ก็ขอให้พวกเรามั่นใจว่า เรากำลังทำงานให้ใคร เรากำลังรับใช้ใคร เพราะฉะนั้น ขอให้เรามีความมั่นใจในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรายึดถืออยู่ ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เต็มที่ต่อไป เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ตามที่เราได้รับทราบมาว่าเกล้าข้าน้อย ขอกราบประทานอภัย เพราะกลัวตกเครื่องบิน

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร.

    ที่มา...
    www.chinabanchorn.org -
     
  13. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    "แต่ถ้าเกิดว่าญาติโยม ทำกายในกาย พิจารณากายในกาย พิจารณาจิตในจิต พิจารณาทุกข์ในทุกข์ นี่เหละเป็นเนือง ๆ แล้ว แน่นอนเราจะไม่ยึดติดในรูปลักษณ์ภายนอก เพราะมันเป็นแค่ของยืมใช้ ครั้งคราว ไม่ได้ใช้ถาวร เราจะไปยึดติดมันทำไม "
    ประทับใจในธรรมะข้อนี้เป็นอย่างมาก กราบโมทนา สาธุ
     
  14. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    อ่านบทความนี้แล้ว

    หลวงปู่ทวดท่านมีเมตตามากนะคะ ....

    กำลังจะหาคำสอนของหลวงปู่ค่ะไปเจอลิงค์นี้โดยบังเอิญ
    หรือปู่จะให้เจอค่ะ....:d
     
  15. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    อาจารย์ยินดี : อยากจะเรียนถามหลวงปู่ว่า อย่างอายุของข้าน้อยกับลูกศิษย์ทั้งหลายที่นั่งอยู่ตรงนี้ยังได้มีโอกาสกราบองค์พระศรีอาริย์มั้ยเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ทวด : เจริญพร มีโอกาสได้กราบแน่นอน ให้เรารักษาสุขภาพให้ดี กินอาหารให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่กินสารพิษเข้าไป เราก็สามารถดูแลกายสังขารนี้ได้ จนพระองค์ท่านเสด็จเป็นกายเนื้อ เจริญพร (สาธุๆ ๆ อนุทามิ)


    อ่านบทธรรมะข้อนี้แล้ว ตื้นตันใจมาก มีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ว่าเราไม่หลงทาง ขอท่านทั้งหลายใช้ปัญญาพิจารณา" ปริศนาธรรมข้างต้น " แล้วใช้จิตเป็นตัวเลือก
     
  16. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ใช่ของมูลนิธิของ อ.อุ๊กรุงสยามสร้างหรือเปล่าครับ มีแบบเหรียญไหมครับท่านพี่อาจารย์ช้าง:cool:
     
  17. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG][​IMG]

    กราบพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม

    เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 เดินทางไปทำธุระแถวเชียงราย ผ่าน จ.อยุธยา เห็นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ก็เลยแวะไปทำบุญ หล่อหลวงปู่ และนอกจากนั้นก็เช่า พระหลวงพ่อทวด นารายณ์แปลงรูปมาเป็นที่ระลึก 1 องค์ เกี่ยวกับพระ หลวงปู่ทวด ต้องถาม พระอาจารย์ nuanpan ข้าพเจ้าไม่มีความรู้ จริง ๆ แต่ศรัทธาเต็มเปี่ยม
     
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ขณะอาตมาเป็นสังฆราชแล้ว อาตมายังทุ่มเลย (ทิ้งเลย) เพราะเป็นสังฆราชแล้วเดินก็ไม่ได้ บิณฑบาตก็ไม่ได้ ต้องนั่งอย่างเดียว จะไปไหนเพื่อนก็แบกไป อาตมาว่ามันฉิบหายแล้ว เป็นสังฆราชแล้วเดินก็ไม่ได้ จะทำอะไรก็มีคนเฝ้าตลอด อาตมาว่า โอ้เป็นสังฆราชนี้ ตอนแรกที่รับใหม่ๆโอ้มันรู้สึกดี ได้เข้าวังบ่อย ได้สนทนาธรรมกับพระมหากษัตริย์บ่อย ดี ได้มีโอกาสได้แสดงธรรม ได้มีโอกาสเดินไปหาญาติโยม เอาตำแหน่งนี้มันเป็นราคี อาตมารับแล้ว วันหนึ่งอาตมาเดินออกจากวัด มีทหารคนหนึ่งว่า หลวงปู่ ๆ หลวงพ่อ ๆ ไปไหน อาตมาบอกว่า อาตมาเดินไปวัง หลวงพ่อเดินไม่ได้ ว่าไซ กูเดินไม่ได้! ทำไมกูเดินไม่ได้ กูก็มีตีน ไซมึงมาหามกู (ทำไมมึงมาหามกู) มาหามอาตมาทำไม (ไซ เป็นภาษาถิ่นภาคใต้ แปลว่า ทำไม หรือเพราะอะไรจึง.....)
    หลวงพ่อเป็นสังฆราชแล้ว เปรียบเสมือนเป็นพระมหากษัตริย์ จะเสด็จไปไหนก็ต้องนั่งแคร่ อาตมาว่าอาตมาไม่แคร่แล้ว งั้นอาตมาไม่ไป พอหัวค่ำดึกๆ อาตมาก็หนีเลย ทุ่มเลย (ทิ้งเลย) สังฆราชนี้ มันทำให้อาตมาขี้คร้าน มันทำให้อาตมาติดสุข ทำให้อาตมาที่เคยฆ่ากิเลสได้ ต้องมาเลี้ยงกิเลสใหม่ ไม่เอา อาตมาหนี หนีดีหว่า (ดีกว่า) อยู่เป็นพระป่า พระบ้าๆ บอๆ เดินในป่า เป็นหลวงปู่ หลวงพ่อ โอ๊ยสบาย สบายใจ ไม่ต้องหวาดระแวง ไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น สบาย เลยต้องกลับมาอยู่บ้านเอง (คือบ้านเกิด) เพราะไม่มีใครรู้ว่าเป็นสังฆราช ถ้าพูดภาษาบ้านเราว่า สังฆะขี้เกียจ เจริญพร

    ประทับใจคำพูดว่า ไซ ค่ะ เป็นคำใต้ที่หลวงพ่อพูด อ่านแล้วรู้สึกหลวงพ่อทวดท่านสมถะค่ะ...

    อ่านไปนึกมโนภาพ.. เวลาที่ท่านกำลังจะเดินไปไหนมาไหนแล้วโดนห้าม...ตอบกลับว่าไซ
     
  19. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459
    แบบเหรียญเล่นเหรียญนารายณ์แปลงรูป วัดทรายขาว เลยครับ
     
  20. ksongrit

    ksongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +7,402
    งามมากครับ พี่นวล อยากได้แล้ว
    เหรียญหลวงปู่ทวด ที่หลวงพ่อจิต อธิษฐานจิตให้
     

แชร์หน้านี้

Loading...