ปฏิบัติอย่างไงให้ใจสงบมากกว่านี้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นางน้อย, 18 มิถุนายน 2012.

  1. นางน้อย

    นางน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +4
    คะตอนนี้หยุดเนื้อสัตว์มาประมาณสองเดือนเเล้ว รู้สึกดีเเต่ยังมีความรู้สึกว่า เวลาเห็นจิตเเละใจยังมีความอยากกินจังมันน่ากินอยู่ จะทำอย่างไรดีให้เราไม่คิดเพรียง เเค่เห็นไม่ดิดอยาก กำลังคิดว่าตัวเราเองจะเดินไม่ถูกทาง กายได้เเต่ใจไม่นำพา
     
  2. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    หากความพอใจในศีลที่ตนรักษาได้ มีมากกว่า ความอยากละเมิดข้อปฏิบัติ จะสงบขึ้น
    หากน้อยกว่า ก็ไม่สงบเป็นเรื่องธรรมดา
    สงบก็ได้
    ไม่สงบก็ไม่เป็นไร
     
  3. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    พระพุทธองค์สอนให้เดินสายกลางครับ ตึงมากไปก็ไม่ดี เราก็หลีกเลี่ยงเฉพาะสัตว์ใหญ๋หรือสัตว์บางประเภทตลอดชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น วัวหรือควาย ส่วนเนื้อสัตว์จำพวก หมู เป็ด ไก่ ปลา เราก็งดที่เป็นวันพระ วันเกิด วันสำคัญต่างๆก็ได้

    หรือเอาเป็นว่าก่อนทานพวกเนื้อสัตว์เหล่านี้ เราก็ขออโหสิกรรมกับพวกเค้าก่อน "ข้าพเจ้ากินเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้กินเพื่อความเอร็ดอร่อย ขอให้พวกท่านโปรดอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าด้วยเทอญ แล้วขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้จงมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า เพื่อที่จะได้รับผลบุญจากข้าพเจ้า เพื่อที่ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะได้จากพ้นจากวิบากกรรมต่างๆ ได้ไปสู่ยังภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไปและได้พบหนทางแห่งการปรินิพพาน"



    อนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ขออนุโมทนา สาธุ ในความตั้งใจของท่านเจ้าของกระทู้

    ให้พิจารณาตัดที่ต้นเหตุ คือ การพิจารณาให้จิตเห็นอย่างละเอียดว่า เรากินอาหารแต่ละมื้อเพื่ออะไร กินเพื่อบำรุงกิเลส หรือ กินเพื่อให้ประทังร่างกายต่อไปได้

    เมื่อเห็นชัดเจนในตรงนี้แล้ว หากจิตมีกำลังในการตัดกิเลสได้ เราจะไม่เกิดปรุงแต่งในความอยากกินอาหาร ในแต่ละมื้อของเรา เราจะรู้สึกว่าต้องกินอาหาร เพราะแค่ร่างกายมีความรู้สึกหิว แต่ไม่ได้รู้ลึกว่า ต้องกินอะไร รสชาติอย่างไร จะละได้ในส่วนนี้ และ เราจะเป็นผู้เลี้ยงง่าย คือ ไม่ยึดติดในรสของอาหาร และไม่ยึดติดในมังสวิรัติ หากมื้อใดที่เราไม่สามารถกินมังสวิรัติได้ เราก็ยังสามารถกินเนื้อสัตว์เพื่อประทังร่างกายได้เช่นเดียวกัน
     
  5. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]

    โมทนา สาธุด้วย ข้าพเจ้าก็เพิ่งเลิกกินเนื้อสัตว์ มาตั้งแต่ ๒๙ ก.พ.๒๕๕๕ กินผักได้ กินไข่ได้ ไม่เป็นไร เหตุที่ตัดสินใจได้เด็ดขาด เพราะได้ใช้ปัญญาพิจารณาแล้วว่า
    ๑.ประการแรก สัตว์เหล่านั้น อาจเป็นญาิติ เป็นบิดา มารดา เป็นพี่น้องของเรา หรือเป็นพระโพธิสัตว์ที่ระหว่างเสวยกรรม เราอาจกินศพญาติพี่น้องของเรา กินศพบิดามารดาของเรา กินศพพระโพธิสัตว์
    ๒.ประการสอง เราจะไม่ยินยอมให้ร่างกายของเราเป็นหลุมฝังศพของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ๓.ประการสาม ดวงวิญญาณของสรรพสัตว์ที่ถูกเรากิน อาฆาตพยาบาท จองเวรทุกภาพทุกชาติ เป็นเหตุให้อายุของมนุษย์ส้นลง เกิดการเจ็บป่วย และเป็นที่มาของอุบัติเหตุ
    ๔.ประการสี่ เมื่อปัญญาได้พิจารณาเช่นว่านั้นแล้ว ดวงจิตของข้าพเจ้า ขอตัดกรรม และสำนึกผิดที่ได้กระทำต่อสัตว์ทั้งหลาย และตั้งใจที่จะไม่กระทำผิดเช่นนั้นอีก จึงตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นการตัดกรรม กรรมหยุดอยู่แค่นั้น และกรรมใหม่เราจะไม่สร้างมันขึ้นมาอีก สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2012
  6. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]

    ในบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งปวงในจักรวาล พระโพธิสัตว์ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ เป็นเลิศกว่าพระโพธิสัตว์ทั้งปวงในจักรวาล จงเชื่อมั่นในเมตตาธรรม ค้ำจุนโลกได้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2012
  7. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]

    ลีลาของพระโพธิสัตว์ เหมือนกันหมดทุกพระองค์ ความรักของพระมหาโพธิสัตว์ เป็นความรักที่บริสุทธิ์
    ๑. คิด ที่จะให้ผู้อื่นก่อนให้ตนเองเสมอ
    ๒. ให้ ผู้อื่นก่อนให้ตนเองเสมอ
    ๓. ให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

    ความรักของพระโพธิสัตว์ จึงเป็นความรักที่บริสุทธิ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2012
  8. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    แบบนี้ได้ด้วยเหรอคะเพิ่งเคยได้ยิน ช่วยชี้แนะหน่อยค่ะ ปรกติจะแผ่เมตตาให้แกสรรพสิ่งสรรพสัตว์ ที่เป็นอาหาร ที่ได้เคยฆ่าทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่เคยขอขมาก่อนทานและไม่เคยเรียกให้มาเป็นเจ้ากรรมนายเวร แนะนำด้วยค่ะ เมื่อวานได้ปลาทูสดมา(ตายแล้ว) นำมาแช่น้ำเกลือแล้วเอาไปนึ่ง ดิฉันเหม็นกลิ่นคาวแบบที่ตัวเองทนไม่ได้พะอืดพะอมมาก เวียนหัวเลย
    เคยเป็นแบบนี้เป็นครั้งที่2แล้ว และวันโกณฑ์วันพระด้วย ส่วนอีกครั้งคือมาแต่กลิ่นคาว(เลือด,ปลา) แรงมากๆมาแต่กลิ่นตอนใกล้ตี4หลังสวดมนต์ได้สักพัก เลยคุกเข่าหน้าหิ้งพระแผ่เมตตาให้กับกลิ่นและนึกถึงปลา,สัตว์ต่างๆด้วย สักพักกลิ่นก็หายไป
    เอ...คงไม่คิดไปเองหรอกมั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2012
  9. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    29. ยังยินดีในรสอาหาร

    [​IMG]

    การบวชครั้งนั้น ก็บวชอย่างเรียบร้อย แต่ได้ผลดีที่สุด ได้สุขสงบเย็น ได้สติปัญญา ได้ศีล ได้สมาธิ ได้อริยสัจ ได้โพธิญาณ

    ฟ้าชายสิทธัตถะออกบวชใหม่ ๆ นั้น ท่านยังยินดีในรสอาหาร จึงได้น้อมนึกไปถึงอาหารในวัง เพราะบิณฑบาตได้อาหารที่ไม่ดี น้อมนึกว่า ถ้าเราไม่ไปออกบวช ก็จะได้ฉันของที่ดีกว่านี้ ในบาตรนี่มันปนเปไปหมด นั่งนึกอยู่พักใหญ่ แต่สติอันฉับไวของพระองค์จึงได้ยั้งเตือนใจตนเองขึ้นว่า ?สิตธัตถะ แกนี่จะมานั่งพิรี้พิไรถึงอาหารในรั้วในวังอยู่ได้ยังไง บัดนี้ออกบวชเพื่อปรารถนาโพธิญาณแล้ว จะมาหลงใหลในเรื่องการกิน ขัดขวางโพธิญาณของเราทำไม เท่านั้นเองพระองค์ก็ทรงเสวยอาหารที่ได้มานั้นลงคออย่างสะดวก
     
  10. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027

    พยายามอ่าน อยู่นะ ว่าท่านเขียนว่าอะไร ถามอะไร นี่แหละครับการสื่อสารกันด้วยตัวอักษรบางทีก็สื่อสารกันยาก อาจสื่อสารกันไม่ดีเท่าสื่อสารกันด้วยภาพ เข้ากันง่ายกว่า นะครับ
     
  11. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    ก็ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้วนะครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสื่อสาร ระหว่างผู้ให้และผู้รับการสื่อสาร การสื่อสารกันด้วยภาพถ่ายให้ความหมายรายละเอียดกันมากกว่า การสื่อสารกันด้วยตัวอักษร เวบนี้เป็นเวบพลังจิต เป็นเวบเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ก็เลยนำภาพพระอริยะเจ้าบ้าง นำพระพุทธรูปบ้าง มาแสดงเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน คือการระลึกนึกถึงพระเป็นอารมย์ จับภาพพระเอาไว้ในใจตลอดเวลา คือความไม่ประมาท สรุปแล้วข้าพเจ้าพยายามสื่อสาร ธรรมทาน การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง การให้ธรรมทานเป็นการสร้างสะพานไปสู่พระนิิพพานให้กับคนทั้งหลาย ขอบพระคุณครับที่ให้ความสนใจ
     
  12. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    กราบโมทนาสาธุ อย่างของท่าน ปุณบพิธ ธรรมะ ที่ได้นำเสนอนั้น มีประโยชน์มาก หากพิจารณา จากภาพที่เสนอ จะเห็นรายละเอียด และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องเขียนบรรยายเพิ่มเติม กราบโมทนา สาธุ ด้วยความเคารพ
     
  13. นางน้อย

    นางน้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +4
    กราบขอบพระคุณ ทุกๆท่านที่ให้คำเเนะนำในสิงที่ดีๆ อ่านเเล้วมานั่งคิดดูเช่นตอนนี้ตนเองจัดอยู่ในบัวสี่เหล่า ยังจะขอให้หลุดพ้นจากโคลนตมเสีย จักได้ชูช่อไสวรับเเสงกับเขาเสียที..... ต่อไปคงจะมีสติได้มากกว่านี้อย่าง ฟ้าชายสิทธัตถะที่มองเห็นยึดมั่นจุดมุ่งหมายของพระองค์มากกว่า ขอบคุณคำเเนะนำจากผู้รู้ทุกท่าน ขอให้เจริญๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916

    ลองใช้ปัญญาดูความเป็นจริงนะครับ

    เมื่อสัตว์ที่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม มีอายุขัยย์ เหมือนกับคน แต่ได้ถูกลดทอนอายุก่อนถึงเวลา ทำให้สัตว์เหล่านี้ต้องกลับมาเกิดใหม่อีกนับครั้งไม่ถ้วน เพราะว่ายังไม่ถึงอายุขัยย์ของการชดใช้กรรม ผู้ที่เป็นคนลดทอนอายุคิดว่าเป็นผู้ที่ลงมือฆ่าหรือผู้ที่กิน ถ้าคนที่คิดว่าผู้ที่ฆ่าคือผู้ที่ต้องรับกรรม มันก็ดูเหมือนจะถูก แต่คิดให้ดีๆถ้าไม่มีคนกิน แล้วเค้าจะฆ่าทำไม เพราะเช่นนั้นสัตว์เหล่านี้จะจองเวรคนกินมากกว่าคนที่ฆ่าพวกเค้า ซึ่งถ้าคนที่ฆ่านี้เค้าฆ่าเนื่องจากเป็นอาชีพของเค้า ถ้าเค้าไม่ทำอาชีพนี้ครอบครัวพวกเค้าก็ไม่มีกินเช่นกัน ยกเว้นแต่คนที่ฆ่า ฆ่าแบบไม่มีเหตุผล ฆ่าเพื่อความสนุกของตัวเอง ฆ่าเพราะความสะใจ

    ถามว่าแล้วสัตว์พวกนี้เค้าจะจองเวรอย่างไร เมื่อสังขารหรือเนื้อของพวกเค้าได้ถูกชำแหละหรือแยกออกจากกัน นั่นแหละคือจุดที่เค้าจองเวร เค้าจะอธิษฐานจิตลงความอาฆาตของเค้าลงไปในเนื้อของเค้านั่นแหละ คนที่เอาเนื้อมารับประทานหรือซื้อเนื้อมารับประทานก็คิดเอาเองแล้วกันว่าจะเป็นเช่นไร เช่น ใครที่ได้กินเนื้อของข้าพเจ้า ขอให้คนพวกนั้นเป็นโรคมะเร็งค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆให้ทนทุกข์ทรมานเหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าเป็น และอีกมากมาย

    แล้วถ้าจะถามว่า แล้วเราจะให้เค้ามาเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราทำไม ก็ในเมื่อคนอื่นก็กินเนื้อพวกเค้ากันเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เราเพียงแค่คนเดียว มันก็ถูก แต่ก็มีคนส่วนใหญ่ที่คิดเหมือนผมว่า ในเมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราที่เป็นชาวพุทธมีจิตเมตตาไม่คิดที่จะช่วยเหลือพวกเค้าเหล่านี้บ้างเรอะ จะปล่อยให้เค้าทุกข์ทรมานเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่ แล้วเมื่อไหร่พวกเค้าเหล่านี้จึงจะพ้นทุกข์ได้ ผมก็เลยรับพวกเค้าเหล่านี้มาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของตัวผมเองซะเลย ให้มาจองเวรกับผมเลยดีกว่า เพราะตัวเราทำแบบอย่างของพระพุทธองค์ สิ่งใดที่เป็นบุญกุศลเราก็อุทิศให้เค้าทุกวัน ต้องมีสักวันหนึ่งแหละที่เค้าเหล่านั้นจะได้พ้นทุกข์เสียที ถ้าขืนปล่อยให้พวกเค้าไปจองเวรกับคนหลายๆคน แล้วจะมีสักกี่คนที่คิดแบบผม และถ้าไม่มีเลยพวกเค้าเหล่านั้นก็วนเวียนอยู่แบบนั้นแหละ จองเวรกันไปจองเวรกันมาไม่จบไม่สิ้น แต่ถ้าใครคิดว่าเรื่องของเค้า เค้าทำสิ่งใดไว้เค้าก็ต้องได้รับเช่นนั้น ไม่มีถูกและผิดในพุทธศาสนา ในพุทธศาสนาและมีแต่กรรมดีกรรมชั่ว

    กรรมใครทำเช่นไรก็ได้เช่นนั้น เค้าอาจจะเคยผิดพลาด เลยต้องมารับผลกรรมที่เค้าได้เป็นผู้กระทำ แต่ในเมื่อมีโอกาส เราก็ต้องสมควรให้โอกาสเค้าได้กลับใจไม่หวนกลับไปทำสิ่งที่ไม่ดีอีก ขนาดคนที่มีชีวิตอยู่ ยังมีการให้โอกาสกันเลย แล้วนับประสาอะไรกับพวกเราที่เป็นพุทธศาสนิกชนจะช่วยเหลือผู้ที่รู้ว่าเค้าก็มีอยู่เหมือนกันให้กลับมาเป็นเหมือนเราดังปัจจุบัน



    อนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆๆท่านด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ของง่ายๆครับ:cool:
     
  16. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    สัตว์ทั้งหลายที่ถูกฆ่า ก็ด้วย วิบากกรรมก่าของสัตว์เหล่านั้นเป็นส่วนใหญ่80เปอร์เซ็นต์ และอาจเกิดจากอุบัติกรรม คล้ายๆเกิดอุบัติเหตุ หรือภัยธรรมชาติ หรือภัยต่างๆจากสิ่งแวดล้อม ทำให้ตายก่อนหมดอายุไข

    ทั้งนี้การจองเวรเกิดขึ้นในสภาวะใด ขอตอบว่าเกิดในสภาวะที่สัตว์เหล่านั้นได้รับ ทุกขเวทนา เจ็บปวด ขณะถูกฆ่า ก็ดี หรือถูกทุบตีทำร้าย ด้วยความเจ็บปวดดังกล่าว จิตของสัตว์เหล่าเหล่านั้นจึงผูกพยาบาท จองเวร ไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรมากกับเนื้อที่เราทานหรือบริโภค แต่ถ้าจะเกี่ยวก็อาจจะเกี่ยวด้วยที่ว่าจิตของสัตว์เหล่านั้นมีความห่วงอาลัยในกายสรีระแห่งตน แม้นผู้ใดนำกายเลือดเนื้อสรีระแห่งต่นไปบริโภค จึงไม่พอใจทำให้เกิดการโกรธเคือง ผูกพยาบาทได้ครับ
    การไม่ทานเนื้อสัตว์ถือว่าเป็นผู้บำเพ็ญตนขั้นปรมัตถบารมี ประการหนึ่งได้กุศลมากครับ แต่ขอให้ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ ขอให้ตั้งเจตนาที่ดีไม่ฆ่าสัตว์ รวมทั้งการไม่บริโภคเนื้อสัตว์นะครับ ขออนุโมทนามากๆครับ
     
  17. pimphorn

    pimphorn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +47
    ต้องศรัทธาในสิ่งที่ตั้งใจทำค่ะ เรารู้ว่ากำลังทำอะไร เพื่อให้เกิดผลอย่างไร เมื่อเราเริ่มออกเดินทาง ก็มักมีการทดสอบกำลังใจเสมอค่ะ
     
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    สัตว์เมื่อตายแล้ววิญญาณเป็นคน : หลวงพ่อฤาีษีลิงดำ

    [​IMG] สัตว์เมื่อตายแล้ววิญญาณเป็นคน

    วันหนึ่งอาตมาลงไปเป็นพระอาจารย์ แหม...น่ากลัวจะเป็นจานกระเบื้องนะท่านผู้อ่าน ไม่ใช่จานกะละมัง ไอ้จานกะละมังขว้างเพล้งบางทีกะเทาะ แต่ไม่แตก ทีนี้ไอ้อานกระเบื้องนี่เขวี้ยงเปรี้ยง แตกพอดี ลงไปคุยกับญาติโยม คุยไปคุยกันมา มาตอนดึกจะกลับแล้วห้าทุ่ม โยมคนหนึ่งแกถามว่า
    "พระคุณเจ้าคะ ! ฉันอยากจะทราบว่า เขาลือกันว่าคนที่ทำบาปนี่ เทวดาเขาจดลงในหนังหมา คนทำบุญนี่ เทวดาจดไว้ในแผ่นทอง มันเป็นความจริงไหม ? ”
    อีตอนนี้ความจริงก็เคยได้ยินเขาพูดกันมาเหมือนกัน แต่ว่าการตอบเอาจริงเอาจังกับญาติโยมนี่มันตอบส่งเดชไม่ได้ มันต้องเป็นเรื่องจริงจัง ในเมื่อไม่แน่ใจก็เรียนให้ทราบว่า
    "โยม ! เรื่องนี้ วันพรุ้งนี้อาตมาจะตอบให้ฟัง หรือวันพระหน้าอามาจะมาตอบให้ฟัง"
    แล้วความจริงก็ตั้งใจไว้ว่าวันรุ่งเช้าจะถาม หลวงพ่อปาน ดู ว่าไอ้เรื่องนี้มันเป็นความจริงไม่จริงเพียงใด ครั้นกลับไปถึงกุฎิแล้วก็จุดธูปเทียนบูชาพระ ตั้งใจเจริญพรกรรมฐาน พอจุดธูปเทียนเสร็จ เริ่มนั่งเข้าสมาธิ พอนั่งหลับตาปุ๊บ มีมือส่งมาแค่ศอกยื่นมาข้างหน้าแขนสวยเหลือเกิน มีกระดาษห้อย แล้วมีเสียงพูด เสียงดังฟังชัดว่า
    "นี่แหละขอรับ ! ที่เขาจดคนทำบุญทำบาป เขาใช้กระดาษทิพย์ เขาไม่ได้ใช้หนังหมาหรือว่าแผ่นทองคำ ถ้าจะใช้หนังหมาจดคนทำบาปละก็เทวดาไม่รู้จะไปฆ่าหมาที่ไหนมาพอ เพราะเมืองเทวดาไม่มีหมา ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ มันมีแต่เฉพาะเมืองมนุษย์เท่านั้น ในเมืองเทวดาเมืองอบายภูมินี่มันไม่มีหรอกครับ มันมีอยู่แดนเดียว คือสัตว์ทั้งหมดที่ตายไปแล้ววิญญาณออกจากร่างก็มีร่างเป็นคน ไม่ใช่มีร่างเป็นสัตว์ อีกประการหนึ่ง ถ้าจะไปหาแผ่นทองคำมาจารึกมันก็ไม่ไหว สำหรับคนมีบุญ ก็ต้องใช้กระดาษทิพย์ ”
     
  19. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    กราบขออภัย สงสัยมากครับ แล้วเขาจดลงกระดาษทิพย์อย่างไรครับ เพราะคนเราทำบุญได้ตลอด ทำกรรมได้ตลอด ขอทราบวิธีการ แล้วบุญและบาบจะจดครบหรือเปล่าครับ เทวดาที่จดนี่จะจดทันหรือเปล่า มนุษย์ ก็มีมากครับ
     
  20. extreme_dgt

    extreme_dgt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +219
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=L1LneE1V3p0]อ.สมภพ เรียนรู้ชีวิตจากลมหายใจ2.wmv - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...