49.สายน้ำ อัมพวา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 3 มิถุนายน 2012.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๔๙


    a.jpg
    สายน้ำ อัมพวา

    เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แมงปอแก้วสมาชิกพลังจิตผู้ห่างหายไปจากเว็ปได้ชวนสร้อยฟ้ามาลากับพี่สาวของสร้อยฟ้ามาลาไปไหว้ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ที่ดอนหอยหลอด แต่ก่อนนั้นก็ชวนไปซื้อดอกกุหลาบสีแดง ๙๙๙ ดอกแล้วก็พวงมาลัยนับสิบพวง ธูปหอมกลิ่นสุพรรณิการ์ที่ตลาดดอกไม้ ก็ปากคลองตลาดนั่นแหล่ะ อิ อิ พูดให้ งง เล่น


    a.jpg


    งานนี้ดอกไม้เต็มรถเลย ก็ดีนะกลิ่นหอมคละคลุ้งรถไปหมด ดอกไม้อัดเต็มฝากระโปรงรถด้านหลัง แล้วก็ที่นั่งหลังอีกหนึ่งที่ สงสัยว่าทำไมซื้อดอกไม้เยอะจัง ได้ความว่าไปแก้บน ขอกรมหลวงฯ ไว้ว่า ขอให้ได้ย้ายที่ทำงาน พอขอปุ๊บ วันรุ่งขึ้นมีหนังสือมาจากหน่วยงานกลางพิจารณาให้โยกย้ายได้ ก็เลยได้ย้ายที่ทำงานสมใจ จึงนำดอกกุหลาบแดงมาถวาย งานนี้ต้องตื่นแต่ไก่ยังไม่โห่ ไปเดินตลาดดอกไม้แต่รุ่งสาง เพื่อซื้อดอกไม้นี่แหล่ะ ด้วยว่าตลาดดอกไม้หรือปากคลองตลาดนี้หาที่จอดรถไม่ใช่ง่าย

    a.jpg
    กุหลาบเยอะ หิ้วกลับรถไม่ไหว ต้องใช้บริการรถตุ๊กตุ๊ก

    ขับไปแถวๆ ด้านหลังกรมที่ดิน ได้ที่จอดรถริมถนน ขณะจอดก็มีผู้หญิงรูปร่างท้วมมากผิวดำแดงอายุเลยวัยกลางคนมาโบกรถให้ ทีแรกนึกขอบคุณ แต่พอลงจากรถได้ก็ขอคิดค่าที่จอดรถ ๖๐ บาท อ้าวนี่ริมถนนหลวงนะ เป็นเจ้าของถนนหรือไง จะไม่ให้ก็ไม่ได้ ท่าทางนักเลงน่าดู เดี๋ยวรถเป็นอะไรไปไม่คุ้มเลย เฮ้อออออ ทำไมเป็นอย่างนี้นะ......
    a.gif


    ซื้อดอกไม้เสร็จพวกเราก็เดินทางมุ่งสู่จังหวัดสมุทรสงครามโดยใช้เส้นทางลอยฟ้าบรมราชชนนี มาลงสุดทางเข้าพุทธมณฑลสาย ๔ มุ่งสู่ถนนพระราม ๒ มาโผล่แถวๆ มหาชัย แต่ด้วยความยังเช้าอยู่ เลยแวะทานอาหารในปั๊ม ปตท. มีครัวของปั๊มด้วย ทำอย่างหรูหรา ต่างคนต่างสั่งอาหารจานเดียว สร้อยฟ้าฯ สั่งข้าวผัดอเมริกัน แมงปอแก้วสั่งข้าวผัดน้ำพริกปลาสลิดพี่สาวสร้อยฟ้าฯ สั่งอะไรไปจำไม่ได้ พอทานเสร็จเช็คบิลออกมา ปรากฏว่าจานละ ๗๕ บาท ส่วนสร้อยฟ้าแพงกว่าเพื่อน ๙๙ บาท บวกกับค่ากาแฟ ๒ แก้ว โกโก้ ๑ แก้ว ให้แบงค์ ๕๐๐ ไป ทอนมาไม่ถึงร้อย ๕๕๕๕ ข้าวมื้อนี้จะอิ่มได้ทั้งวันไหมเนี่ยะ... ทุกที่กินข้าวผัดอเมริกันจานละไม่ถึง ๕๐ บาท..... รู้งี้เข้าแมคโดนัลข้างๆ ดีกว่า....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg

    อ่ะทานอาหารเสร็จสรรพ พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ดอนหอยหลอด ถึงศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ประมาณเก้าโมงเช้าก็ช่วยกันหอบดอกกุหลาบขึ้นศาลกันสามเที่ยวถึงจะหมด แต่พอขึ้นไปแล้วแจกันไม่พอ เพราะว่ามีอีกคนที่นำดอกไม้มาถวายเหมือนกัน ทางลุงผู้ดูแลศาลก็เลยบอกว่า งั้นไม่ต้องแกะออกให้วางถวายเลย ให้ใส่แค่แจกันเดียว

    a.jpg

    พอไหว้และถวายดอกไม้เสร็จแล้ว พี่สาวกับแมงปอแก้วก็ไปเดินช้อปอาหารทะเลแถวๆ นั้น ส่วนสร้อยฟ้าฯ ขี้เกียจ ก็เดินเล่นดูทะเลตอนน้ำลง เห็นคนลงไปจับหอยหลอดกัน บางคนเดินลงไปไม่สวมรองเท้าเห็นแล้วหวาดเสียว นึกถึงตอนก่อนที่เคยมาเห็นเด็กถูกหินบาดที่เท้า เพราะหินที่วางไว้แถวๆ ตลิ่งกันคลื่นนั้นจะมีเปลือกหอยคมๆ อยู่ในหินด้วย มันก็จะบาดเท้าถ้าเดินไม่ระวัง......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4506_1a.jpg
      IMG_4506_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      372.8 KB
      เปิดดู:
      3,205
    • IMG_4509_1a.jpg
      IMG_4509_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      356.9 KB
      เปิดดู:
      3,423
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4521_1a.jpg
      IMG_4521_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      345.6 KB
      เปิดดู:
      3,343
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เมื่อซื้ออาหารทะเลเสร็จแล้ว พวกเราก็เข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม ไปแวะตลาดเพื่อซื้อแป้งหอม ลิปสติก แล้วอะไรอีกก็ไม่รู้หลายรายการ ที่ไม่รู้เพราะไม่ได้ลงไปซื้อกับเขาด้วย นั่งคอยอยู่ในรถ เมื่อซื้อเสร็จพวกเรามุ่งหน้าสู่วัดภุมรินทร์กุฎีทอง เป็นแห่งที่สองที่แมงปอแก้วจะไปแก้บน บนไว้หลายที่เหมือนกันนะเนี่ยะ.... ก่อนถึงวัด พวกเราแวะปั๊ม ปตท. เพื่อทำภาระกิจ จุด จุด จุด และซื้อขนมกิน สร้อยฟ้าฯ ก็ล็อครถด้วยริโมทเหมือนอย่างที่ทำจนเคยชินเป็นประจำก่อนจะเดินไปไหน แต่พอกลับมาที่รถอีกครั้ง ตายหล่ะหว่า กดรีโมท เซ็นทรัลล็อคไม่ทำงาน เข้ารถไม่ได้ เริ่มรนแล้วสิ กด กด กด รถไม่ยอมเปิด เลยใช้กุญแจไขรถ รถก็โวยวายขึ้นมาดังสนั่น ทำไงดี ทำไงดี โวยวายไม่หยุดด้วย ก็เลยเข้าไปนั่งในรถ แล้วก็กดรีโมท อืมม ปลดล็อคได้แระ สรุปว่าแบตเตอรี่รีโมทอ่อน ตอนนี้ก็ใช้กุญแจล็อครถอย่างเดียวแล้ว ไม่กล้ากดรีโมท.....
    a.gif
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ตอนแรก งง แมงปอแก้วอยู่ว่าวัดภุมรินทร์กุฎีทอง มีที่บนตรงไหน นึกไปนึกมา อ้อ ก็องค์หญิงสาวิตรีแม่นางไม้ที่เสาบนเรือนไทยนั่นเอง ขับรถมาถึงวัดประมาณเกือบสิบโมงเช้า จะไปไหว้พระในพระอุโบสถเสียหน่อย แต่ตอนนี้โบสถ์ไม่เปิดเลยได้แต่ไหว้พระอยู่นอกโบสถ์ เนื่องจากสร้อยฟ้าฯ เคยมาที่วัดแห่งนี้แล้ว ขอยกข้อมูลจากกระทู้เก่ามาเล่าใหม่นะจ๊ะ.....


    a.jpg

    วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
    เดิมมีชื่อว่าวัดภุมรินทร์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองปากคลองประชาชมชื่นฝั่งตะวันตกตรงข้ามอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัยตำบลสวนหลวงอำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕โดยนางพุ่มหรือนางสาวพุ่มพงษ์พิทักษ์เป็นผู้สร้างจึงเรียกว่าวัดภุมรินทร์นอกจากนางสาวพุ่มพงษ์พิทักษ์แล้วก็มีนายแจ้งนางชมพงษ์พิทักษ์เป็นผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สร้างด้วยนางสาวพุ่มเป็นบุตรตรีนายเหล็งพงษ์พิทักษ์เกี่ยวเนื่องเป็นวงศ์ญาติกับตระกูลอัศเวศน์และนาคสวัสดิ์นางภู่พงษ์พิทักษ์ภรรยานายเหล็งมารดานางสาวพุ่มเป็นคนนครปฐมเป็นเถ้าแก่โรงหีบอ้อยประวัติวัดภุมรินทร์ก็เกี่ยวเนื่องอยู่ในสามตระกูลนี้


    a.jpg

    ส่วนคำว่ากุฎทองมาจากที่ในวัดมีกุฎีเป็นเรือนไม้สักทองขนาดใหญ่ปิดลวดลายทองสวยงามกุฎีทองหลังนี้ตามประวัติเล่าว่า เศรษฐีบิดาของคุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๑)ให้สมภารวัดบางลี่ตรวจดูดวงชะตาคุณนาค สมภารทำนายว่าจะได้เป็นพระราชินีเศรษฐีบิดาคุณนาคจึงให้คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวายให้วัดบางนาลี่น้อยและยังมีเครื่องใช้ส่วนพระองค์ถวายไว้ที่วัดนี้จำนวนมาก

    วัดภุมรินทร์กุฎีทองอำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงครามนี้แต่เดิมมีวัดบางลี่ตั้งอยู่ใกล้กันสองวัดวัดหนึ่งอยู่ริมฝั่งน้ำตอนเหนือเมื่อล่องเรือไปตามลำน้ำแม่กลองจะถึงวัดนี้ก่อนเรียกว่าวัดบางลี่บนอีกวัดหนึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำ เรียกว่าวัดบางลี่ล่างต่อมาวัดบางลี่ล่างเจริญรุ่งเรืองจึงเรียกว่าวัดบางลี่ใหญ่ส่วนวัดบางลี่บนซึ่งตั้งอยู่บนหัวคุ้งข้อศอกถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังลงเรื่อยๆพระอธิการเกียเจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงรื้อย้ายกุฎีวัดบางลี่น้อยมาสร้างที่วัดภุมรินทร์โดยเพิ่มช่อฟ้าใบระกาใหม่ทั้งหลังเพื่อใช้เป็นที่สวดมนต์เมื่อวัดบางลี่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะพังทลายหายไปวัดภุมรินทร์จึงอยู่ปากคลองบางลี่แทนด้วยเหตุที่เป็นวัดที่ได้นำกุฎีทองของวัดบางลี่น้อยมาสร้างรวมไว้วัดภุมรินทร์จึงได้มีชื่อเรียกในเวลาต่อมาว่าวัดภุมรินทร์กุฎีทอง


    a.jpg

    ในวัดภุมรินทร์กุฎีทองยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า ๓๐๐ ปีเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางมารวิชัยนามว่าพระพุทธรัตนมงคลหรือหลวงพ่อโตและยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประดิษฐานอีกด้วย

    ภายในกุฎีทองปัจจุบันยังปรากฏลวดลายจิตรกรรมอยู่บนเพดานและตามฝาผนังซึ่งเป็นลวดลายที่เก่าแก่ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑ส่วนเสาภายในตัวกุฎีทองนี้ยังคงหลงเหลือเสาเรือนดั้งเดิมอยู่เพียงเสาเดียวและเสาต้นนี้เป็นเสาที่พิเศษเพราะเป็นเสาไม้ตะเคียนเป็นที่สิงสถิตของนางไม้ นามว่า “องค์หญิงสาวิตรี” ซึ่งสามารถอธิษฐานขอโชคขอลาภได้

    a.jpg


    พอแก้บนเสร็จแล้ว จากนั้นก็พากันเดินไปปล่อยปลาที่ริมตลิ่ง ตอนปล่อยปลาลงแม่น้ำ เห็นมีปลาใหญ่ผลุบขึ้นมา แล้วปลาที่พึ่งปล่อยจะถูกปลาใหญ่กินไหมเนี่ยะ แล้วถ้าถูกกิน คนปล่อยปลาจะบาปไหมเนี่ยะ....????
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4547_1a.jpg
      IMG_4547_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      385.2 KB
      เปิดดู:
      3,298
    • IMG_4549_1a.jpg
      IMG_4549_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      454.4 KB
      เปิดดู:
      3,179
    • IMG_4551_1a.jpg
      IMG_4551_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      410.5 KB
      เปิดดู:
      4,385
    • IMG_4566_1a.jpg
      IMG_4566_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      531.3 KB
      เปิดดู:
      5,328
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ปล่อยปลากันเสร็จแล้ว แมงปอแก้วก็ให้ไปวัดหลวงพ่อนิลมณี เอ ชื่อจริงๆ ชื่อว่าวัดอะไรนะ จำได้แต่ชื่อหลวงพ่อ นึกๆๆๆๆ ก่อน อ๋อ วัดบางกุ้ง.... แต่ไม่ได้ไปแก้บนกับหลวงพ่อนะ ไปแก้บนกับแม่นางไม้ เจ้าหญิงมณฑาทิพย์ หรือเจ้าหญิงจันทร์จ้าว ซึ่งอยู่ด้านหลังโบสถ์ปรกโพธิ์..... ก็ขอยกข้อมูลเดิมมาให้อ่านกันอีกครั้งน๊า.........


    [​IMG]

    วัดบางกุ้ง
    เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนทีจังหวัดสมุทรสงครามตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์เนื่องจากในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปีพ.ศ. ๒๓๐๘กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงทรงมีพระราชดำรัสสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้งเมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้งโดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตกหลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ค่ายบางกุ้งก็ตกอยู่ในสภาพค่ายร้าง


    เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีแล้วโปรดให้ชาวจีนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายเก่าที่บางกุ้งจึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง” ในปี พ.ศ.๒๓๑๑หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาไปประมาณ ๘ เดือนกองทัพพม่านำโดยเจ้าเมืองทวายยกทัพบกและทัพเรือลงมาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ทหารจีนที่รักษาค่ายบางกุ้งสู้รบอย่างเต็มที่แต่มีกำลังน้อยกว่าเกือบจะเสียค่ายแก่พม่ากรมการเมืองสมุทรสงครามจึงมีหนังสือกราบทูลไปยังกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทราบจึงยกกองทัพมาตีทัพพม่าแตกพ่ายไป และต่อมาในปีพ.ศ.๒๓๑๗ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกกองทัพเรือนำทหารไปออกศึกที่บางแก้วเมืองราชบุรีในระหว่างการเดินทางได้หยุดกองทัพพักพลเสวยพระกระยาหารที่วัดกลางค่ายบางกุ้ง


    หลักฐานโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนปัจจุบันถูกต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งหลังหน้าบันของพระอุโบสถมีปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษาประดับด้วยเครื่องถ้วยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย


    [​IMG]


    ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลายสลักจากหินทรายแดง แสดงปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ที่ฝาผนังของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพระพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัตินอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความกว้างประมาณ ๕ เมตร ความยาว ๗เมตร ที่ขอบสระมีกำแพงเตี้ยกั้น และกรุด้วยอิฐถือปูนลักษณะสอบลงไปตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดบางกุ้งเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙


    ที่วัดบางกุ้งนี้มีศาลอยู่ทางด้านหลังโดยมีชื่อว่า "ศาลนางไม้เจ้าจอม" หรือศาลขององค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์จ้าว)ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ มีคนให้ความเคารพนับถือกันมาก


    ศาลมีประวัติความเป็นมาดังนี้
    ศาลนางไม้เจ้าจอม วัดบางกุ้ง (ข้อมูลนี้ได้มาจากนิตยสารมิติหลอน เล่าโดยร.ศ. หญิงพจน์ฤดีข้าราชการสังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข)

    เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๑ บริเวณวัดเป็นป่ารกร้างพระวินัยธร องอาจอาริโย ได้เดินธุดงค์มาที่บริเวณวัดบางกุ้งปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ข้างอุโบสถหลวงพ่อนิลมณีหรืออุโบสถปรกโพธิ์ซึ่งเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานฐานท่านได้เดินสำรวจบริเวณวัดซึ่งทราบมาบ้างว่าวัดนี้เคยเป็นค่ายทหารจีนบางกุ้งสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานีมาก่อนยามดึกขณะเจริญกรรมฐานมักจะเกิดนิมิตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดไทยโบราณมากราบไหว้หลวงพ่อนิลมณีหน้าอุโบสถปรกโพธิ์เป็นประจำมีลักษณะผอมสูงผมยาวใบหน้างาม แต่ไม่ทราบว่าเป็นใครต่อมาไม่นานเสาคานที่หน้าอุโบสถหล่นตกลงมาพิงอยู่ข้างอุโบสถคืนนั้นเองท่านได้นิมิตเห็นผู้หญิงชุดไทยคนเดิมมาบอกให้นำไม้ท่อนนี้มาไว้ที่หลังอุโบสถแล้วให้สร้างศาลด้วยท่านก็ทำตามโดยให้ชาวบ้านช่วยกันนำไม้มาไว้หลังอุโบสถแล้วสร้างศาลให้ตามคำขอร้องและนำไม้ท่อนนั้นแกะสลักเป็นรูปหน้าผู้หญิงไม่มีแขนขาไว้ภายในให้ชื่อว่า “ศาลนางไม้เจ้าจอม” ผู้คนให้ความเคารพนับถือกันมากเพราะมีความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารแก่ผู้คนอยู่เสมอ


    [​IMG]


    ต่อมาพระวินัยธรฯได้ฟื้นฟูวัดบางกุ้งร่วมกับประชาชนจนเป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งผู้หญิงแต่งกายชุดไทยโบราณมาปรากฏในนิมิตอีกได้บอกว่าเป็นองค์หญิงนามว่า “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า)”ต้องการให้สลักรูปองค์หญิงจากไม้ต้นโพธิ์ซึ่งมีอายุประมาณ ๑๐๐ปีโดยขอร้องให้แกะสลักทั้งองค์ หลังจากนั้นท่านได้ปรึกษาหารือญาติโยมหาช่างแกะสลักโดยนายช่างคิดราคาค่าแรง ๘๐,๐๐๐ บาทเมื่อตกลงราคากันแล้วพอช่างจะลงมือแกะสลักกลับไม่รู้ว่าจะแกะสลักเป็นรูปองค์แบบใดเพราะไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาองค์หญิงมณฑาทิพย์มาก่อนทำให้แกะสลักไม่ได้เมื่อการเป็นดังนี้ท่านเจ้าอาวาสจึงลงมือแกะสลักเองทั้งที่ไม่เคยแกะสลักไม้รูปใดๆมาก่อนเลย การแกะสลักไม้เป็นรูปคนไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ท่านได้ใช้ความพยายามอย่างสูงแกะสลักแบบที่เห็นองค์หญิงในนิมิตเหมือนมีอำนาจอย่างหนึ่งมาดลบันดาลให้แกะได้สำเร็จ สลักอักษรไว้ที่ฐานว่า “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์จ้าว)”


    ภายหลังพระวินัยธร องอาจอาริโย พบหนังสือ “กฎแห่งกรรม” ของคุณ ท.เลียง พิบูรณ์เข้าโดยบังเอิญพบเห็นเรื่องราวขององค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) เกิดเมื่อปีพ.ศ.๒๒๙๑ เช่นเดียวกับที่เคยนิมิตเห็นน่าจะเป็นองค์เดียวกัน มีเนื้อหาดังนี้ “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) เกิดเมื่อปลายปีกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.๒๒๙๑เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างสมัยพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด)กับพระเจ้าสุริยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์)องค์หญิงเป็นบุตรตรีของกรมหลวงบวรวังในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์บ้านเมืองมีเหตุเดือดร้อนมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงผู้ใดประจบสอพลอผู้นั้นจะได้เป็นใหญ่ทั้งที่ไร้ความสามารถผู้ครองแผ่นดินได้แต่ลุ่มหลงและเสพสุขในกามาหากใครมีบุตรีต้องนำตัวมาถวายใครขัดขืนจะถูกประหารชีวิตเหลืออยู่ก็แต่กรมหลวงบวรวังในที่ท่านไม่ยอมข้องเกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใดไม่คบค้าสมาคมกับใครเมื่อบุตรีเติบโตเป็นสาวให้แต่งตัวเป็นชายพร้อมทั้งข้าทาสบริวารที่เป็นหญิง ๓๐๐ คนเป็นชายอีก ๑๖ คน จัดให้ฝึกอาวุธเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เช่น ฟันดาบกระบี่กระบอง หมัดมวย ตำราพิชัยสงคราม องค์หญิงเชี่ยวชาญอาวุธตลอดจนเวทมนตร์คาถามีความสามารถด้านวิชาอาคมยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือนเมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกข้าศึกพม่ายกกองทัพประชิดเมืองผู้เป็นบิดาสั่งให้บ่าวไพร่ต่อเรือใหญ่ ๓๐ ลำ เรือเร็ว ๑๐ ลำ เรือแจว ๒๐ ลำพร้อมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารอุปกรณ์การก่อสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ลงด้วยอาคมพร้อมเรือคุ้มกันองค์หญิงซึ่งแต่งกายเป็นชายเยี่ยงชายชาวบ้านธรรมดาหลบหนีออกจากกรุงตอนกลางคืนแต่บิดามิได้มาด้วย กองเรือได้ล่องน้ำมาเป็นระยะเวลา ๓ วันพบกองเรือพม่าบรรทุกกระสุนดินดำจึงสั่งให้พลพรรคเข้าโจมตีตอนเวลาดึกจึงเกิดไฟลุกโชติช่วงฆ่าทหารพม่าซึ่งกำลังหลับเพราะเมามายแทบหมดสิ้นจนรุ่งเช้าพม่าส่งกำลังติดตามองค์หญิงสั่งให้กองกำลังหลบตามป่าชายฝั่งแล้วร่ายเวทมนตร์กำบังพรางตาจนพม่าพ้นไปกองเรือหนีเล็ดรอดไปได้อย่างปลอดภัย แล้วหาทำเลสร้างเมืองเล็กๆ อยู่


    เมื่อคราวศึกบางกุ้งองค์หญิงได้คุมกำลังเข้าช่วยรบพม่าเป็นสามารถจนได้รับชัยชนะเมื่อสิ้นอายุขัยดวงวิญญาณยังผูกพันกับวัดบางกุ้งยังคงวนเวียนอยู่ที่ศาลคอยแผ่บารมีให้ความช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนที่มาขอพึ่งพา


    [​IMG]


    เรื่องความเป็นมาขององค์หญิงมณฑาทิพย์นับว่าพิสดารมากความศักดิ์สิทธิ์ของศาลองค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์จ้าว)เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไปใครมีเรื่องทุกข์ร้อนอย่างไรมาบนบานในสิ่งที่ต้องการมักไม่ผิดหวังเป็นต้นว่าเรื่องหน้าที่การงาน การสอบเข้างาน การสอบเรียน และทางด้านโชคลาภมีคนได้เลขไปเสี่ยงโชคแล้วรวยมีปรากฏอยู่เสมอแต่อย่าบนเรื่องเกณฑ์ทหารนะใครไปบนให้ช่วยแน่นอนรับรองถูกชัวร์เพราะท่านชอบทหารที่มีเลือดนักสู้เต็มตัวเมื่อมีชีวิตอยู่


    องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) จึงได้ชื่อว่า “เจ้าหญิงผู้หาญกล้า” รักชาติยิ่งชีพ แม้ร่างกายสูญสลายแต่วิญญาณแห่งความรักชาติยังคงอยู่ตราบนิรันดรควรแก่การสรรเสริญยิ่ง

    จะมีใครว่า ว่าสร้อยฟ้าฯ นำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ไหนอ่ะ.....ไม่รู้หล่ะ เล่าต่อ....


    เมื่อแก้บนเสร็จขณะนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว แต่ยังไม่หิวสงสัยข้าวเมื่อเช้าคงจะพาให้อิ่มได้ทั้งวันจริงๆ เสียแล้วมั้ง....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4578_1a.jpg
      IMG_4578_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      408 KB
      เปิดดู:
      3,817
    • IMG_4587_1a.jpg
      IMG_4587_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      373.2 KB
      เปิดดู:
      3,831
    • IMG_4593_1a.jpg
      IMG_4593_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      371.1 KB
      เปิดดู:
      3,544
    • IMG_4586_1a.jpg
      IMG_4586_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      447.7 KB
      เปิดดู:
      9,985
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    ตอนนี้หมดโปรแกรมแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งวัน คิดไม่ออกขับรถได้สักพัก แมงปอแก้วเกิดความคิดไปล่องเรือไหว้พระกันดีกว่า เอาแล้วไงล่องเรืออีกแล้วเหมือนเมื่อ ๒ ปีที่แล้วเลย ล่องเรือไหว้พระ ๑๐ วันที่จังหวัดนนทบุรี ก็วันนี้เป็นวันเกิดแมงปอแก้วด้วย ทีแรกนึกว่ามาแก้บนในวันเกิดอย่างเดียว แต่ก็ดีได้ทำบุญไหว้พระด้วย แล้วจะล่องที่ไหนถ้าไม่ใช่แม่น้ำแม่กลอง แล้วตรงไหนเขามีบริการล่องเรือไหว้พระกันหล่ะ ก็ตรงตลาดน้ำอัมพวาไง พอไปถึงตลาดน้ำ หาที่จอดรถได้ ก็เดินตรงไปบริเวณใกล้ๆ คลอง จะมีบริการเรือไหว้พระค่าบริการคนละ ๕๐ บาท วันธรรมดา จะไป ๕ วัด ถ้าวันหยุดจะไป ๗ วัด เรือหนึ่งลำนั่งได้ประมาณ ๑๒ – ๑๕ คน วันนี้เป็นโปรแกรม ๕ วัด ลืมบอกว่า วันนี้แดดดีมากเหงื่อท่วมหน้าดำอีกแล้ว

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4603_1a.jpg
      IMG_4603_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      409.5 KB
      เปิดดู:
      3,100
    • IMG_4606_1a.jpg
      IMG_4606_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      412 KB
      เปิดดู:
      3,038
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    วัดแรกที่จะไปล่องเรือนี้ ชื่อว่าวัดท้องคุ้ง

    วัดท้องคุ้ง
    ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๐ ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๐ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เดิมทีมีชื่อว่า “วัดราชบูรณะ” ได้บูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๙ โดยพระอธิการฉาย เจ้าอาวาสในสมัยนั้นร่วมกับหม่อมคุ้มและชาวบ้านในละแวกวัดในคราวบูรณะวัดครั้งนั้นชื่อวัดยังไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่อยังคงใช้ชื่อว่าวัดราชบูรณะอยู่แต่ด้วยวัดตั้งอยู่ติดกับฝั่งแม่น้ำซึ่งเป็นท้องคุ้งของแม่น้ำแม่กลอง ผู้ที่ซึ่งอาศัยและสัญจรผ่านไปมาจะมองเห็นวัดนี้ได้แต่ในระยะไกล ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า “วัดท้องคุ้ง” จนถึงปัจจุบัน


    [​IMG]

    พระประธานในอุโบสถ ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดท้องคุ้ง” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นพระปางมารวิชัยขัดสมาธิราบหน้าตักกว้าง ๒.๕๖ เมตร สูง ๔.๖๑เมตรบางคนก็เรียกว่า “หลวงพ่อโต” บางคนเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ประจำวัดท้องคุ้ง หลวงพ่อโตองค์นี้คาดว่าด้านในอาจเป็นพระพุทธรูปสำริดเนื่องจากในช่วงหนึ่งมีการรบติดพันกับพม่าข้าศึกเกรงว่าพวกทหารพม่าจะเข้ามาพบและนำเอาพระพุทธรูปล้ำค่ากลับประเทศพม่าจึงได้มีการซ่อนอำพรางเอาไว้


    [​IMG]

    อย่างที่บอกไว้ตอนต้นๆ ว่าไม่ได้วางแผนจะมาล่องเรือไหว้พระ จึงไม่ทราบว่าวัดแต่ละวัดที่จะไปไหว้พระนั้นมีวัดไหนบ้าง จึงไม่ทราบว่าวัดท้องคุ้งมีอะไรที่เป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งบ้าง ได้แต่ไหว้แต่พระในพระอุโบสถประกอบกับการลงเรือไหว้พระต้องทำเวลานิดนึงก็เลยไม่ได้เดินดูบริเวณวัด... แต่เมื่อมาหาข้อมูลในการเขียนกระทู้กลับพบว่ามีเสนาสนะอีกหลายอย่างที่น่าสนใจอย่างยิ่ง หากมีโอกาสในวันหน้าจะมาขยายความอีกครั้ง….
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4633_1a.jpg
      IMG_4633_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      379.5 KB
      เปิดดู:
      3,904
    • IMG_4616_1a.jpg
      IMG_4616_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      424.7 KB
      เปิดดู:
      2,693
    • IMG_4620_1a.jpg
      IMG_4620_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      383.9 KB
      เปิดดู:
      3,633
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2016
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    อ่ะ ลงเรือไปกันต่อ....ขอเล่าเรื่องเรือนิดนึง...ที่นั่งในเรือที่พวกเรานั่งกันนั้นอยู่ค่อนไปทางหัวเรือ เมื่อเรือแล่นด้วยความเร็ว หัวเรือแหวกระแสน้ำและโต้กับคลื่นในแม่น้ำ ทำให้น้ำกระเซ็นขึ้นมาโดนหน้าโดนตาต้องใช้หมวกมาบัง แต่ก็ยังไม่วายที่จะเข้าลูกตา ตอนนี้คันหน้าคันตาไปหมด กลับไปถึงบ้านวันรุ่งขึ้นไม่รู้ตาจะแดงหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนี้ควรจะพกแว่นกันแดดมาด้วยก็น่าจะดี....แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้หน้าดำแขนดำอีกแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4614_1a.jpg
      IMG_4614_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      353.5 KB
      เปิดดู:
      2,968
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    ....มาพูดถึงวัดที่สองของการล่องเรือดีกว่า วัดเกษมสรณาราม ไม่รู้จักอ่ะไม่คุ้นเลย... อย่างนี้ต้องโทษตัวเอง เพราะวัดนี้มีพระดังแต่ดันไม่รู้จักเสียนี่ คิดอีกทีก็โทษไม่ได้อีกอ่ะ เพราะสร้อยฟ้าฯ ก็ไม่ได้รู้จักและไม่ได้สนใจวงการพระเครื่อง(หาทางแก้ตัว) เมื่อหาข้อมูลของวัดเก่าๆ แถบลุ่มน้ำแม่กลองนี้ เป็นที่น่าเสียดายอยู่หลายอย่าง ประการแรกคือ ประวัติความเป็นมาต่างๆ ของแต่ละวัดหายาก ไม่ค่อยละเอียด ทั้งที่วัดแถบนี้เป็นวัดเก่าโบราณอายุย้อนไปถึงช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาก็หลายวัด ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ก็หลายวัด แต่ประวัติกลับเลือนราง ประการที่สอง ศิลปะ สถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การลงสี ลวดลายหน้าบรรณ ปูนปั้น จิตรกรรมฝาผนัง ต่างๆ มีคุณค่าทางศิลปะแต่ขณะนี้ทรุดโทรม พังทลาย ไม่ได้รับการบูรณะซ่อมแซม วิหารวัดบางที่ที่แปลกตาจะไปดูที่อื่นก็มีไม่เหมือน เริ่มบ่นอีกแล้ว ท่านผู้อ่าน ทนๆ หน่อยนะ อิ อิ.... อ่ะย้อนกลับมาเรื่องไหว้พระวัดเกษมสรณารามต่อกันดีกว่า...


    วัดเกษมสรณาราม(วัดบางจาก)
    ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๐ ตั้งอยู่เลขที่ ๔๐ ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายมีเนื้อที่ขนาด ๘ ไร่ ๒ งาน ๑๖ ตารางวา


    เดิมที่วัดเกษมสรณารามชื่อว่า “วัดใหม่ตาเพชร” เนื่องจาก “นายเพชร” เป็นผู้บริจาคที่ดินในการสร้างวัดต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดเกษมสรณาราม” ตามบัญชาของ สมเด็จพระสังฆราช(จวน อุฎฐายี) เมื่อปีพ.ศ.๒๔๗๖แต่เหตุผลที่เปลี่ยนชื่อไม่มีหลักฐานปรากฏแล้วชื่อว่า วัดบางจาก มาจากไหน อ่ะ งง.... หาข้อมูลไม่เจอ....


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4638_1a.jpg
      IMG_4638_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      374.1 KB
      เปิดดู:
      3,363
    • IMG_4636_1a.jpg
      IMG_4636_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      365.1 KB
      เปิดดู:
      2,987
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    พระอุโบสถสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๔๔๐ ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมล้อมรอบเขียนด้วยสีฝุ่นผสมยางไม้ เป็นเรื่องราวของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระเจ้าสิบชาติและที่ประตูด้านหน้าของอุโบสถ ๒ บาน และประตูด้านหลังของอุโบสถ ๑ บานก็มีภาพเขียนด้วยเช่นกัน แต่จากการนำชมภายในของพระอุโบสถของพระอาจารย์(พระสงฆ์) ผู้บรรยาย ท่านบอกว่า ลวดลายจิตรกรรมฝาผนัง และประตูพระอุโบสถ มีอายุอยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ โดยสังเกตได้จากลายลงรักปิดทองบนบานประตู


    [​IMG]


    แต่จากข้อมูลที่ได้มา เห็นว่า สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ นั่นคือ สมัยรัชกาลที่ ๕ เอาหล่ะสิ ข้อมูลตีกันเองแล้ว มาลองพิจารณาดูข้อมูลของพระประธานประจำอุโบสถพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๓๕๐ ก็หลังตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ได้เพียง ๒๕ ปี อ้าว พระประธานพร้อมพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรถูกสร้างขึ้นก่อนสร้างพระอุโบสถเหรอ เริ่มมึนแล้วอ่ะ ข้อมูลไหนถูกกันแน่หล่ะนี่ หรือว่า พ.ศ.การสร้างพระอุโบสถจะผิด จาก ๒๔๔๐ เป็น ๒๓๔๐ จะเป็นไปได้ไหม ???


    [​IMG]


    ข้อมูลบางแห่งก็บอกว่าพระอุโบสถถูกสร้างในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา บางแห่งก็บอกว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ แต่ทว่าตอนปลายกรุงศรีอยุธยาก็นิยมสร้างเป็นแบบโบสถ์มหาอุตม์ใช่ป่าว... ยังไงหล่ะทีนี้ แล้วโบสถ์สมัยอยุธยาตอนปลายก็จะมีเจดีย์อยู่ด้านหลังโบสถ์ใช่ป่าว ถ้าเป็นอยุธยาตอนต้นตอนกลางก็จะมีเจดีย์อยู่หน้าโบสถ์ใช่ป่าว แล้วฐานโบสถ์ก็จะเป็นแบบท้องช้าง ท้องสำเภาใช่ป่าว ตรงส่วนนี้ถ้าสร้อยฟ้ามาลาเข้าใจผิด เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน ทักท้วงได้นะ เพราะที่ได้เรียนมาก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วอาจจะผิดเพี้ยนไป....แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว สร้อยฟ้าฯ เชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงรัชกาลที่ ๑ ...


    [​IMG]


    ภายในพระอุโบสถยังประดิษฐาน พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย ฝีมือสมัยชียงแสน หน้าตักกว้าง ๓๒ นิ้ว สูง ๑๗ นิ้วครึ่ง เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่สร้อยฟ้ามาลาไม่เคยเห็น...




    ศาลาเอนกประสงค์ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓
    ศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓
    หอสวดมนต์สร้างเมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๘
    กุฏิสงฆ์ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๙
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4642_1a.jpg
      IMG_4642_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      375.9 KB
      เปิดดู:
      2,998
    • IMG_4648_1a.jpg
      IMG_4648_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      386.1 KB
      เปิดดู:
      2,998
    • IMG_4662_1a.jpg
      IMG_4662_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      432.1 KB
      เปิดดู:
      3,095
    • IMG_4652_1a.jpg
      IMG_4652_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      323.2 KB
      เปิดดู:
      3,583
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg

    มารู้จักพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของวัดกัน
    ประวัติความเป็นมาของ “พระหลวงปู่อ้น”
    “หลวงปู่อ้น” มีนามเดิมว่า “หม่อมราชวงศ์ อ้นอิศรางกูร” ท่านรักสันโดษ อุปสมบทที่วัดระฆังโฆษิตาราม เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดระฆังฯ รับใช้และศึกษาวิปัสสนากรรมมัฏฐานและเวทมนต์ต่างๆ อยู่กับ“สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)หลวงปู่อ้นเป็นศิษย์รุ่นอาวุโสของสมเด็จพระพุฒาจารย์ต่อมาท่านได้ไปอยู่ที่วัดปรกคลองวัว หรือวัดปรกสุธรรมาราม อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม ต่อจากนั้นท่านได้ไปอยู่ที่ “วัดบางจาก”


    ในช่วงที่ท่านอยู่ที่วัดบางจากนั้นท่านได้สร้างพระเครื่องไว้แจกจ่ายให้กับผู้ที่เคารพนับถือในตัวท่านและยังได้นำลงกรุไว้ด้วยถึงสองแห่งด้วยกัน คือ ที่วัดเกาะลอย อำเภอวัดเพลงจังหวัดราชบุรี และวัดปรกคลองวัว หรือวัดปรกสุธรรมาราม อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม อายุพระของท่านคาดว่าสร้างในราวปี พ.ศ.๒๔๘๐กว่าๆ

    พระเนื้อผงของหลวงปู่อ้น วัดบางจาก ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงครามเป็นพระเครื่องเก่าแก่ ตามประวัติหลวงปู่อ้นสืบค้นค่อนข้างยากทราบแต่เพียงว่าท่านบวชและติดตามท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร เล่าสืบกันมาว่า หลวงปู่อ้นท่านติดตามท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มาแวะเยี่ยมหลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก หลวงปู่เอี่ยม วัดบางจาก และหลวงปู่อ่วม วัดไทรหลวงปู่อ้นท่านเห็นว่าเมืองสมุทรสงครามเหมาะแก่การที่จะเจริญธรรมได้ครั้นภายหลังท่านจึงกราบลาท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินทางมาพำนักอยู่ที่แม่กลองในพรรษาแรกๆ ท่านไปอยู่ที่วัดปรกราษฎร์รังสฤษดิ์เมื่ออยู่ที่วัดนี้ท่านก็ได้สร้างพระเนื้อผงขึ้นบ้างแล้วเมื่อปลุกเสกเสร็จท่านก็แจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านและส่วนหนึ่งท่านก็ได้บรรจุไว้ที่วัดปรกนั่นเอง

    ครั้นต่อมาในพรรษาที่สองนับตั้งแต่มาอยู่ที่แม่กลองท่านก็ย้ายมาอยู่ที่วัดบางจาก และท่านก็ได้สร้างพระเนื้อผงไว้ที่วัดบางจากซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่สร้างไว้ที่วัดปรกฯโดยหลวงปู่อ้นท่านได้ให้ลูกศิษย์แกะแม่พิมพ์ด้วยหินมีดโกนพระที่ท่านสร้างในครั้งนี้มีอยู่หลายพิมพ์ คือ พิมพ์สมเด็จหลังประทุน พิมพ์ประคำรอบและพิมพ์เล็บมือ เป็นต้น

    เนื้อหาของพระและผงวิเศษต่างๆสันนิษฐานว่าท่านคงสร้างตามสูตรของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน ในเรื่องคุณวิเศษนั้น เด่นทางด้านเมตตามหานิยมเป็นเลิศเนื้อของพระวัดบางจากนั้น ถ้าถูกสัมผัส เนื้อของพระจะหนึกนุ่มแบบที่เรียกว่าเนื้อจัดพระวัดบางจากนับว่าเป็นพระเก่าที่น่าบูชามากองค์หนึ่งอายุของการสร้างก็เก่าแก่เป็นร้อยปีขึ้นไป

    หลวงปู่อ้นท่านเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่พูดจาไพเราะ มีเมตตาธรรมสูง ว่ากันว่าท่านสำเร็จกสิณ มีพลังจิตสูงส่งท่านหยิบจับอะไรก็ขลังไปหมดเวลามีผู้มาขอน้ำมนต์ท่านเพียงเพ่งอาโปกสิณแวบเดียวก็ใช้ได้แล้วหลวงปู่อ้นท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบางจากประมาณสี่พรรษา ท่านก็จากวัดบางจากไปเพื่อแสวงหาโมกธรรมความหลุดพ้นโดยที่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านไม่มีใครทราบเลยว่าท่านไปอยู่แห่งใดหรือจำพรรษาอยู่ที่วัดใด และมรณภาพเมื่อไหร่ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอันมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • auc.jpg
      auc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      356.5 KB
      เปิดดู:
      7,654
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    วัดเกษมสรณารามเป็นวัดที่ได้รับการพัฒนาและบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันแต่ขณะนี้พระอุโบสถกำลังมีปัญหาคือ ฐานรากพระอุโบสถไม่ได้ใช้เสาเข็มแต่ใช้อะไรไม่รู้ถมอัดทำฐานรากอัดให้แน่น(อันนี้พระอาจารย์เล่าให้ฟังแต่จำไม่ได้ว่าใช้อะไรถม)

    [​IMG]

    แต่ด้วยโบสถ์อยู่ใกล้แม่น้ำ เมื่อหน้าน้ำหลากก็จะถูกน้ำท่วม และมีการซึมของน้ำที่พื้นโบสถ์ ทำให้ตอนนี้โบสถ์เริ่มจมลงไปในดิน โดยจากเดิมฐานโบสถ์จะมีบันได ๒ ขั้น บันไดก็จมหายไปเรียบร้อยแล้ว พื้นโบสถ์เสมอกับพื้นดินและมีแนวโน้มจะจมลงไปเรื่อยๆ ด้วยฐานรากที่เคยอัดแน่นได้ยุบสลายลงไป

    [​IMG]

    ส่วนน้ำที่ซึมขึ้นมาตามพื้นโบสถ์ลามไปถึงผนัง ภาพจิตรกรรมฝาผนังเลยเลอะเลือนหายไปเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของฝาแต่ละด้าน ตรงนี้พระอาจารย์ได้บอกว่า ถ่ายรูปได้เต็มที่จะใช้แฟลตก็ได้ ก่อนที่ภาพจะหายไปหมดเพราะกรมศิลปากรยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน สร้อยฟ้าฯ ถ่ายรูปไม่เปิดแฟลตอยู่แล้วไม่ชอบใช้ แต่ใจคิดว่ากว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานก็คงไม่มีอะไรเหลือให้บูรณะได้แล้ว


    [​IMG]

    ก็เข้าใจอยู่ว่า โบราณสถานในประเทศมีเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ การบูรณะแต่ละที่แต่ละแห่งต้องใช้ทุนสูง ใช้กำลังคน ใช้ช่างที่มีฝีมือมากๆ เลยทำให้โบราณสถานต่างๆ ไม่ได้รับการบูรณะ หรือบูรณะไม่ทันการณ์ เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง..... วัดแห่งนี้ก็ได้ดูแต่พระอุโบสถอย่างเดียว ด้วยเวลาจำกัด และไม่ทราบเหมือนเดิมว่าวัดแห่งนี้มีอะไรบ้าง.... ว่าจบแล้วก็ลงเรือไปวัดที่สามกันต่อ.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4694_1a.jpg
      IMG_4694_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      372.8 KB
      เปิดดู:
      3,542
    • IMG_4665_1a.jpg
      IMG_4665_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      406.1 KB
      เปิดดู:
      3,595
    • IMG_4683_1a.jpg
      IMG_4683_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      389 KB
      เปิดดู:
      3,216
    • IMG_4656_1a.jpg
      IMG_4656_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      416.9 KB
      เปิดดู:
      3,342
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    วัดบางเกาะเทพศักดิ์
    ตั้งอยู่บ้านบางเกาะ หมู่ที่ ๕ตำบลแควน้อย อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายวัดมีเนื้อที่ ๑๗ ไร่ ๑ งาน ๘๙ ตารางวาทิศเหนือจดลำแม่น้ำแควน้อย ทิศใต้ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจกที่ดินชาวบ้านมีที่ธรณีสงฆ์เนื้อที่ ๓ไร่ ๒งาน ๔ตารางวา เป็นวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ.๒๓๐๐ ไม่ทราบนามผู้สร้าง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ.๒๓๒๐ ในสมัยโบราณชื่อว่า “วัดเกาะกาหลง”ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดบางเกาะกรรณิการาม” ใกล้ๆ กับวัดนี้มีวัดร้างอบู่วัดหนึ่งชื่อว่า “วัดจำปาศักดิ์”ในปี พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รวม ๒ วัดเข้าด้วยกันแล้วเปลี่ยนเป็นชื่อ “วัดบางเกาะเทพศักดิ์”


    เสนาสนะต่างๆ ในวัด ประกอบด้วย

    a.jpg

    พระอุโบสถ กว้าง ๙ เมตร ยาว ๒๔เมตรเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดิษฐานหลวงพ่อศรีสมุทร



    ศาลาการเปรียญ กว้าง ๙ เมตร ยาว ๒๔ เมตรเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก


    ศาลาการเปรียญ กว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๒๗ เมตร สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๒๐เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก


    หอสวดมนต์ กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๑๖ เมตรสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก


    กุฏิสงฆ์ จำนวน ๑๓ หลังเป็นอาคารไม้
    วิหาร กว้าง ๗ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก



    ศาลาบำเพ็ญกุศล จำนวน ๒หลังสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก


    วัดบางเกาะเทพศักดิ์
    เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ที่สำคัญ เพราะเคยเป็นสนามรบในสมัยที่สมเด็จพระเจ้าตามสินมหาราชได้ยกทัพมายึดค่ายบางกุ้งคืนจากพม่า ซึ่งวัดบางเกาะเทพศักดิ์สามารถติดต่อกับค่ายบางกุ้งโดยทางน้ำเพียงแม่น้ำแควน้อยคั่นกลางเท่านั้น





    a.jpg

    ภายในวัดตรงบริเวณพระวิหารทรงมณฑปด้านหน้ามีป้ายบอกว่าหลวงพ่อพระพุทธนาคน้อย ภายในมีรอยพระพุทธบาทจำลอง อายุราว ๘๐ ปี และยังมีภาพจิตรกรรมเขียนเพดานโดยชาวมอญ เป็นลายมงคลจักรวาล เทวดาประจำนพเคราะห์ ฝาผนังเป็นภาพพุทธประวัติ มีเจดีย์หงสาวดี เจดีย์จุฬามณี เขียนขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๒

    a.jpg


    a.jpg

    นอกจากนั้นยังมีพระพุทธวรญาณ สุมงคลวิหาร ซึ่งสร้างจากหินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ภายในประดิษฐานพระพุทธวรญาณ หลวงพ่อบ้านแหลมองค์จำลอง ซึ่งมีความสวยงามมาก.....

    a.jpg


    a.jpg

    ตรงข้อมูลที่ได้มานี้ ที่จริงมีความสับสนหลายที่เกี่ยวกับชื่อหลวงพ่อในพระอุโบสถ หลวงพ่อในวิหารทรงมณฑป และหลวงพ่อในวิหารหินอ่อน เพราะข้อมูลที่หามาได้บอกว่า หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ เป็นพระประธานในโบสถ์ หลวงพ่อพระศรีสมุทร เป็นหลวงพ่อที่อยู่ในวิหารหินอ่อน แต่จากภาพถ่ายป้ายหน้าวิหารหินอ่อนเขียนว่า พระพุทธวรญาณ สุมงคลวิหาร นั่นหมายความว่า พระพุทธรูปที่อยู่ในวิหารหินอ่อนก็คือ พระพุทธวรญาณหน่ะสิ งั้นหลวงพ่อศรีสมุทรก็ต้องเป็นพระประธานในโบสถ์สิ...



    ส่วนหลวงพ่อพระพุทธนาคน้อยองค์นี้ประดิษฐานอยู่ตรงไหนสร้อยฟ้าฯ ยังหาไม่เจอ เห็นแต่ป้ายหน้ามณฑป แต่ภายในมณฑปมีรอยพระพุทธบาทอยู่ตรงกลาง มุมทั้งสี่ด้านก็มีพระพุทธรูปประจำอยู่ เลยไม่ทราบว่าพระพุทธนาคน้อยคือพระพุทธรูปองค์ไหน......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4742_1a.jpg
      IMG_4742_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      450.9 KB
      เปิดดู:
      4,058
    • IMG_4725_1a.jpg
      IMG_4725_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      446.7 KB
      เปิดดู:
      3,952
    • IMG_4755_1a.jpg
      IMG_4755_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      377.7 KB
      เปิดดู:
      3,405
    • IMG_4718_1a.jpg
      IMG_4718_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      328.1 KB
      เปิดดู:
      4,408
    • IMG_4739_1a.jpg
      IMG_4739_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      495.4 KB
      เปิดดู:
      5,617
    • IMG_4764_1a.jpg
      IMG_4764_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      351.8 KB
      เปิดดู:
      3,170
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ขณะนี้ล่องเรือไหว้พระมาได้สามวัดแล้ว เกิดอาการ งง กับข้อมูลไปสองวัด แล้ววัดที่สี่กับวัดที่ห้าจะ งง ต่ออีกหรือเปล่า ต้องคอยอ่านกันต่อไป การเขียนเรื่องแต่ละเรื่องไม่ใช่ง่ายในแง่ของข้อมูลที่ต้องหามาจากหลายๆ แห่ง หามาได้ก็ต้องอ่าน พิเคราะห์ กลั่นกรอง ทุกครั้งที่เขียนต้นฉบับกระทู้ก็เขียนไปก็ดูภาพไปว่าใช่หรือไม่ใช่ ด้วยว่าภาพหลายๆ ครั้งได้ช่วยเก็บรายละเอียดของเนื้อหาที่จะเขียนเป็นการสอบข้อมูลไปอีกทางหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าที่สร้อยฟ้าฯ เขียนมาหรือเรียบเรียงมานั้นจะถูกต้องทุกอย่าง ก็อาจจะมีผิดบ้าง แต่พยายามทำให้ข้อมูลถูกต้องที่สุด และถ้าถามว่ากระทู้ที่เขียนผ่านๆ มาร่วมๆ เกือบ ๕๐ กระทู้ เขียนอะไรไปจำอะไรได้บ้าง ขอตอบว่า จำไม่ค่อยได้เลย.... เพราะมันเยอะไปหมด ๕๕๕+



    ไปลงเรือไหว้พระกันต่อดีกว่า วัดที่สี่ลองทายดูกันดีไหมว่าจะเป็นวัดอะไร ให้เวลาทาย

    ...................................................
    ...................................................

    ...................................................
    ...................................................
    ...................................................





    a.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4781_1a.jpg
      IMG_4781_1a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      313.5 KB
      เปิดดู:
      2,988
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  16. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    [​IMG]

    หลวงพ่อบ้านแหลม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2012
  17. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    เค้าทายว่า . . วัดบางกะพ้อม . .

    ถูกหรือไม่ รอเฉลยจ้า :cool:

    :z16
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2012
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837


    [​IMG]

    ....ไม่ถูกจ้า.....

    ....พรุ่งนี้จะมาเฉลยนะ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 8k97y.gif
      8k97y.gif
      ขนาดไฟล์:
      15.2 KB
      เปิดดู:
      3,604
  19. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    เอ๊ะ!! หรือจะเป็นหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ที่สรีระท่านไม่เน่าเปื่อยอ่ะ

    [​IMG]
     
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837



    [​IMG]

    ....ยังไม่ถูกจ้า.....

    ยังมีเวลาให้ทายเรื่อยๆ นะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...