ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ที่หมอเขียนไว้ข้างบนนี่ ดูแล้วเหมือนกับว่า

    บูญ เมื่อถูกใช้ไปแล้ว มันก็หมดไป เลย

    แล้วที่เขาว่า บุญยิ่งใช้ยิ่งเพิ่ม อุทิศเท่าไร่ ก็ไม่มีหมด

    นี่มันค้านกันนา

    นี่หมอขออธิบายตรงนี้นะ
    บญที่ เราสร้างขึ้นนี่ พอสร้างสำเร็จปุป มันจะถูกก๊อปปี้ออกเป็นสองกองนะ

    กองแรก ก็จะเข้าบัญชี ฝากประจำ ไว้ไม่อาจถอนมาใช้ได้ เป็นบุญกองใหญ่ที่ทำสะสมไว้หลายร้อยหลายพันชาติ
    เอาไว้บาลานซ์กะบาปที่มี

    บุญก้อนที่สอง เขาให้เอามาใช้ได้นะ เหมือนเป็นเงินสดติดกระเป๋าขึ้นอยู่กับปัญญาของผู้ใช้ ให้อธิษฐานเอาว่าจะให้บุญนี้ทำอะไรให้เรา

    ผู้ที่สะสมบุญก้อนที่ใช้ได้(ก็ไอ้ก้อนที่ ๒ นะ) จนเต็มเปี่ยมมหาสมุทรแห่งบุญ มีสภาพเป็นมณีโชติรสนะ
    มันก็เป็นเหมือนแก้วสารพัดนึกนะ อยากได้อะไรก็เอามณีโชติ(บุญ)ไปแลกซื้อเอา
    หากใช้เพลินไปมันก็หมดนะ
    แต่หากใช้เป็น นี่มันก็เป็นเหมือนลงทุนทำมาค้าขาย หากได้กำไรงามก็ทำให้บุญเพิ่มขึ้นได้ไม่รู้จบ
    นี่คือต้นทุนแห่งบุญ ที่หมอพูดถึง

    แต่ไอ้ที่เก็บไว้ในฝากประจำนี่มันก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน
    ไม่มีใครเอาไปได้
    ยากไร้ขึ้นมา ก็ใช้วิธีเบิกบุญเก่า เอามาใช้ได้

    แต่เท่าที่หมอเห็นนะ เขาเบิกบุญมา แล้วใช่สุรุ่ยสุร่าย ไม่เก็บคืนนี่
    ถือว่าขาดทุน แถมอาจเสียดอกเบี้ยด้วย
    พอหมดอายุไขนี่ ระวังจะไม่เหลือบุญ เอาไปต่อรองกะบาปนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2012
  2. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    อ.suwi ครับ ถ้าสมมติว่า ทำบุญสร้างพระองค์หนึ่ง จะได้บุญเป็นสองกอง ส่วนที่แรกเก็บไว้ ส่วนที่สองนำไปอุิทิศหมดแล้ว ถ้าเกิดว่าเรานึกถึงบุญสร้างพระองค์เดิมอีก จะได้บุญเพิ่มมาอีกหรือเปล่าครับ ถ้าได้บุญเพิ่มทุกครั้งที่นึก ก็อุทิศได้เรื่อยๆไม่มีหมดใช่ไหมครับ

    แล้วถ้าเป็นบุญที่เราอนุโมทนามาอีกทีก็ใช้็อุทิศได้ด้วยเช่นกันใช่ไหมครับ
    ขอบพระคุณมากครับ
     
  3. wuttstock

    wuttstock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +132
    "สรุปเสียบุญฟรีนะ ยิ่งอุทิศหมดตัวนี่ มันก็หมดตัวจริงๆนะ"

    เรียนอาจารย์ suwi
    แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า บุญหมดตัวแล้วครับ หรือเหลือกี่ %
    อาจารย์ช่วยแนะนำให้ด้วยครับ

    ฮือ..ฮือ...สงสัยที่ผ่านมาผมอุทิศเกลี้ยงเลยแน่ๆ ฮือ..ฮือ..ฮือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2012
  4. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ คุณ wuttstock แวะมาให้กำลังใจนะ สงสัยจะคล้ายๆกัน
    ผมก็อยู่ในข่ายอุทิศบุญหมดตัวไปหลายรอบแล้วมั้งเนี่ย ^^" ผมเคยถึงขั้นอุทิศบุญจากอดีตชาติแรกๆถึงปัจจุบันเลยนะ ปกติที่ผมอุทิศแบบนี้เพื่อสนับสนุนผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิให้มีกำลังบุญเยอะๆ จะได้สำเร็จภารกิจง่ายขึ้นอีกหน่อย แม้จะเป็นบุญไม่มากนักเมื่อเทียบกับบุญบารมีของท่าน แต่ก็รู้สึกดีใจที่มีส่วนช่วยสรรพสัตว์ทางอ้อมนะ

    ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องนึกถึงการทำความดีตรงนี้ น้อมขึ้นถวายบูชา พระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบันและอนาคต น้อมถวายบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต น้อมถวายบูชาพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต และขอผลบุญที่เกิดขึ้นนี้มาหล่อเลี้ยงตัวข้าพเจ้านับแต่ปัจจุบันไปจนถึงอนาคต ดุจมหานทีที่ไหลหล่อเลี้ยงไม่มีวันหมดสิ้น (อธิษฐานแบบนี้ได้ไหมครับ อ.suwi)
     
  5. เต๊ะจุ๊ย

    เต๊ะจุ๊ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +695
    โมทนาสาธุคับ ^/\^

    แค่ได้อ่านก็รู้สึกดีแล้วคับ
    ทำได้ไม่ได้ ไว้ว่ากันอีกทีคับ

    พายายไปผ่าต้อกระจกข้างซ้ายมาคับอาจารย์
    คุณยายเป็นคนไข้รายเดียวในวันนั้น ที่การผ่าตัดทุลักทุเล ลำบากยากเข็ญที่สุดเลยคับ
    คนอื่นเดินเข้าห้องไป 1.30 ชั่วโมงออกมากลับบ้านได้เลย
    ยายจุ๊ยต้องผ่าสองรอบ เช้า 2 ชั่วโมง เย็นอีก 1 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาที่นั่งรอหมออีก 3-4 ชั่วโมงคับ
    ยายนี่ลำบากจังคับ.. ป่วยก็ป่วยเยอะ พอจะรักษาก็อุปสรรคเยอะแยะคับ
    ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้พอมองเห็นได้ดีกว่าตาขวาคับ

    คุมน้ำตาลลงเหลือช่วง 130-140 ได้แล้วคับ
    เป็นเรื่องที่ทำให้ชื่นใจคนดูแลที่สุดเรื่องนึงเลยคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2012
  6. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    มิน่า suwi2 จึงไม่ยอมเขียนเรื่องของบุญ
    เป็นเพราะมันซับซ้อน ซ่อนเงื่อนมากมาย ว่าจะจบ แต่เลิกเขียนไม่ได้
    หากมีคนเข้าใจผิด มันก็จะเป็นวิบาก ที่สอนไม่หมดหมดเปลือก ติดตัวผู้เล่า

    มาพิจารณานิทานเรื่องนี้

    เรื่องมีว่ามีท่านผู้ยากไร้ ได้ทรัพย์มาด้วยความลำบากเลือดตาแทบกระเด็น
    ได้นำทรัพย์อันบริสุทธิ์นั้น ไปทำบุญ ด้วยใจอันปิติ ต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า
    ด้วยเป็นบุญที่ผู้อื่นไม่อาจทำได้โดยง่าย บุญที่บังเกิดใครรู้ก็ยินดีในบุญ ปรารถนาได้ในส่วนบุญนั้นบ้าง
    จึงพากันไปขอแบ่งส่วนบุญนั้น จากผู้ยากไร้ โดยจะขอแลกกับทรัพย์จำนวนหนึ่ง

    ด้วยเป็นผู้ไร้ทรัพย์มาก่อน จึงติดนิสัยหวงแหนทรัพย์แห่งตน
    แต่ได้คิดว่า ด้วยความหวงแหนนี้ จึงยังตนให้ตกทุกข์ในความยากไร้เช่นนี้
    บัดนี้เราได้สละทรัพย์ที่หาได้ยาก ทำบุญแต่องพุทธะแล้ว
    บุญที่เรากระทำแล้ว มีผู้ปรารถนาส่วนในบุญนี้ หากเรามอบให้ไป เราจะยังเหลือบุญให้ใช้ในภาคหน้าหรือ เราจะไม่ตกทุกข์ได้ยากอีกหรือ
    จึงปฏิเสธการให้ในเบื้องแรก แต่ด้วยทนการบเร้าไม่ได้ และด้วยความสงสัย
    จึงนำความขึ้นกราบถามองปัจเจกพุทธะ

    พุทธะท่านได้กล่าวดังนี้ ว่า
    ในเรือนท่านมีตะเกียงอยู่ดวงหนึ่งให้แสงสว่าง เปรียบดังบุญอันหาได้อยาก
    มีผู้นำตะเกียงมาขอต่อไฟแสงสว่างจากท่านแล้ว แสงสว่างในเรือนท่านจะหมดไปหรือไม่
    ยิ่งมีผู้นำตะเกียงมาต่อ แสงสว่างก็ย่อมแผ่กระจายกว้างไกลออกไป เรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

    เรื่องนี้มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก นะ
    ข้อความก็บอกโต้งๆอยู่ว่า บุญนะยิ่งให้ยิ่งสว่าง
    ยิ่งสว่างนั่นก็หมายถึงปริมาณบุญที่เพิ่มขึ้น

    แต่ที่หมอสุวิกล่าวไว้ในโพสต์ที่ผ่านมา มันค้านกันชัดๆ
    หมอ พูดเหมือนว่า บุญที่ใช้แล้ว มันหมดไปเลย
    อุทิศแล้ว มันก็ไม่มีเหลือ

    อะไรกัน ใครเห็นใครรู้ สอนกันแบบนี้ มิงุนงงเข้ารกเข้าพง ไม่ต้องออกมาแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2012
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เพื่อความกระจ่างในเรื่องการอุทิศ(การให้)บุญ
    เหตุใดหมอสุวิ จึงกล่าวว่าหมดไป
    แต่ที่บันทึกไว้ มันไม่มีหมด

    นั่นเป็นเพราะเหตุปัจจัยในการให้ และการขอ แตกต่างกัน
    คือพูดกันคนละสถานการณ์

    ให้อ่านข้อความที่หมอเขีนยไว้ และพิจารณให้ดี

    เอาเรื่องที่เล่าผ่านมาสักครู่นี้นะ
    มีผู้นำตะเกียงมาต่อไฟ แสงสว่างย่อมต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา

    แต่ถ้าหมอถามว่า ถ้าไอ้ผู้มาขอแสงสว่างนะ มันไม่เตรียมอะไรมาเลย มันมาตัวเปล่า
    ตะเกียงมันก็ไม่มี เทียนไขก็ไม่มี อะไรอะไรก็ไม่มี แต่อยากได้แสงสว่างนะ
    ถ้าคุณจะให้แสงสว่างแห่งบุญกับเขา คุณจะทำอย่างไร
    จะให้มันไปเสาะหาตะเกียง หรือเทียนไขมา มันก็ว่า ไม่รู้จัก ไอ้ตะเกียงและเทียนไข
    มันรู้แต่ว่านี่แสงสว่างนะ อยากด้าย อยากได้

    ถ้ามันมีอำนาจมากดังจิ๊กโก๋ปากซอย มันก็แย่งเอาดื้อๆ - อย่าบอกนะว่าบุญของเราใครก็แย่งไปไม่ได้
    มันก็จริง แต่ไอ้พวกนี้มันมีเทคนิคนะ ใช้เทคนิคนิดหน่อยมันก็หยิบไปได้แบบหน้าด้านๆเลย เราก็ได้แต่ทำตาปริบๆ

    แต่ถ้า ไปเสาะหาตะเกียง เทียนไข หรืออะไรก็ได้ที่เหมาะสม มามอบให้และต่อไฟแสงสว่างให้เขาไป
    นี่มันก็เป็นแบบ สามล้อถูกหวยนะ พอได้ไม่ทันไร ไม่รู้จักการรักษาทำให้มากขึ้น ไม่เติมน้ำมันไ ม่เขี่ยใสตะเกียง เดี๋ยวมันก็ดับ
    แล้วมันก็เวียนมาขอใหม่ เอาอีก เอาอีก
    ใครมีปัญญาให้ก็ให้ไปเถอะ ให้มันไม่ทันใจ ก็อาจโดนจิ๊กโก๋ตุบตั๋บเอาบ้างพอนอนหยอดน้ำข้าวต้ม

    แต่หากสอนมันให้รู้จักตะเกียง เทียนไข นี่เป็นการสอนการปูพื้นฐานให้เขา ให้เขาสร้างตะเกียงได้เอง ให้มีปัญญาให้เข้าใจในธรรม
    นี่ยิ่งหนัก ตัวเองยังเอาตัวไม่ค่อยรอดเลย ริเป็นปรมาจารย์สอนจิ๊กโกปากซอย
    (แต่ถ้ามีบุญบารมีมากพอ ข้าน้อยก็ขอกราบกราน อนุโมทนาสาธุ ด้วย)

    แต่ก็ยังมีอีกวิธีนะ ก็เอา ตะเกียงที่มีอยู่ นะ มอบให้เขาไปเลย (ตนเองก็ไม่มีเหลือแล้ว)

    การให้นี่เป็นทานบารมีนะ
    การให้ทานในสิ่งที่ยิ่งทำยากนี่ได้บุญมากนะ ถ้ารู้ตัว ก็อธิษฐานบุญส่วนนี้ได้ ยิ่งนำไปบูชาพระพุทธะองค์ นี่จะยิ่งได้บุญมาก
    นี่คือบุญต่อบุญ ยื่งให้ยิ่งมาก ตามที่เขียนไว้ในตำรา
    (แต่ปกติการให้บุญซ้อนบุญนี่ เราไม่เคยคิดเคยนึกกัน บุญส่วนนี้จึงไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์)

    แต่ถ้ามันหยิบไปเฉยๆ หรือเราตั้งใจให้แต่ไม่มีผู้รับ มันก็ตกหล่นอยู่แถวนั้น
    ลักษณะนี้ บุญใหม่ก็ไม่เกิดนะ
    บุญที่ให้ไปหรือถูกจิ๊กไป มันก็ตกเกลือนกราด ล่องลอยอยู่ไม่ได้ใช้ประโยชน์

    บุญนี้ จึงหมดไปเฉยๆ ไร้ประโยชน์


    นี่คือบุญที่หมดไปโดยไร้ประโยชน์ จะอธิษฐานบุญใหม่คืนก็ไม่ได้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
    ผู้อุทิศ(ผู้ให้) ก็ตัดขาดจากความเป็นเจ้าของแล้ว

    นี่คือความหมายของบุญที่หมดไป ตามที่หมอพูดถึง
     
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    คำว่า "บุญต่อบุญ ยื่งให้ยิ่งมาก" เป็นไปตามที่เขียนไว้ในตำรานี่

    หมายถึงบุญเก่านะถูกใช้หมดไปแล้ว และเกิดเป็นบุญใหม่ขึ้นมาแทนนะ
    และปกติจะมีปริมาณมากกว่าเดิมด้วย(จะมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับใช้ไปต่อบุญเยี่ยงไร)


    ดังนั้นหมอจึงยืนยันว่า บุญกองที่สอง ที่เขาอนุญาติให้ใช้ได้นี่ เมื่อใช้แล้วย่อมหมดไปแน่นอน
    แต่จะเกิดบุญใหม่มาแทนหรือไม่นี่ แล้วแต่เจตตาในการใช้บุญนั้น(อธิษฐาน)

    ใช้เป็น ก็เพิ่ม (เป็นทบเท่าทวีคูณ)
    ใช้ไม่เป็น ใช้ด้วยความประมาท ก็หมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2012
  9. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ไอ้สุวิ2 มันว่า ใหนๆก็ใหนๆ เล่าถึงตรงนี้แล้วก็เล่าเรืองของ พรหมลิขิตเสียเลยซิจะได้จบเรื่องไป
    เล่าเรื่องบุญและบาป ซะด้วยเลยนะ

    เอ้อ...... เล่าก็เล่านิ
     
  10. Mootang

    Mootang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +744
    จองที่นั่ง 1 ที่ครับ....รอรับฟัง

    :cool::cool::cool:
     
  11. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อ่านคำตอบให้ดีนะ เดียวจะกล่าวหาว่าหมอพูดกลับไปกลับมา
    เดี๋ยวใช้บูญหมดได้ เดี๋ยวใช้ไม่มีหมด


    ถาม
    บุญที่นำไปอุทิศหมดแล้ว ถ้าเกิดว่าเรานึกถึงบุญสร้างพระองค์เดิมอีก จะได้บุญเพิ่มมาอีกหรือเปล่าครับ
    ไม่ได้ครับ มันได้เท่าเดิมเท่าที่มีอยู่
    แต่บุญที่เกิดจากการอุทิศ มันก็เป็นบุญกองใหม่ ไม่ได้นำมารวมกับบุญก้อนเก่าและส่วนใหญ่เราก็ไม่เคยได้ไช้ ได้สัมผัส บุญใหม่ตัวนี้ เพราะเราละเลยไม่นึกถึง

    แต่ความจริงแล้วบุญใหม่ต้วนี้ เรานำมาใช้ได้ นำมารวมกับบุญก้อนเดิมก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัญญาในการอธิษฐาน

    ถาม
    ถ้าได้บุญเพิ่มทุกครั้งที่นึก ก็อุทิศได้เรื่อยๆไม่มีหมดใช่ไหมครับ
    ตอบ
    บุญก้อนนี้ไม่ได้เพิ่มนะครับ เพียงเรานึกถึง ก็อุทิศได้เรื่อยๆ ใน หนึ่งวันหนึ่งคืนครับ พอรุ่งเช้าอีกวัน ก็ไม่สามารถก๊อปปี้มาใช้ได้อีก

    เหตุที่เราใช้อุทิศได้เรื่อยๆ ใน หนึ่งวันหนึ่งคืนนี่ ลักษณะมันเหมือนการก๊อปปี้จากก้อนเดิมออกไปนะ
    แต่นี่อยู่ที่แทคนิคในการอธิษฐานด้วย

    ถาม
    แล้วถ้าเป็นบุญที่เราอนุโมทนามาอีกทีก็ใช้็อุทิศได้ด้วยเช่นกันใช่ไหมครับ
    ตอบ
    ครับถูกต้อง เมื่อบุญเป็นของเราแล้ว เราฏ็สามารถจะอุทิศให้ใครต่อ ก็ได้
     
  12. wuttstock

    wuttstock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +132
    อาจารย์ suwi ครับ
    การที่เราอนุโมทนาบุญ จากคนอื่นๆ ควรระวังเรื่องอะไรครับ (ถ้าเรารู้ว่าบุญนั้นเป็นบุญที่ดีจริงๆครับ)
    และเป็นการเอาเปรียบคนอื่นหรือไม่
    หรือว่าไม่มีข้อกำหนดใดๆครับ

    ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2012
  13. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ยังเป็นห่วง
    เวลา อ่าน คำอธิบาย ที่ อ.สุวิ เล่า เรื่องบุญ ไว้
    ให้ อ่าน หลายๆ รอบ
    ทำความเข้าใจ ให้ได้ ก่อน นำไปใช้

    ไม่ควรรีบร้อน อ่าน ลวกๆ แล้ว โมเม ทึกทักเอาเอง ว่า เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

    กฏ เป็น กฏ

    ย่อมต้อง ทำตามกฏ กติกา อย่างเคร่งครัด
     
  14. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    คงต้องเพิ่มเรื่องการอธิษฐานบุญแล้วล่ะมังคะ คุณพี่ดาวทะเลทราย (มารายงานตัวค่ะ ข้าเจ้าหายไปนานนนนน มากใช่ไหมล่ะ หุหุ)

    เพราะตัวข้าเจ้าเองก็เป็นคนไม่รอบในการอ่านเหมือนกัน ใจร้อน ซึ่งที่คุณพี่เตือนมาก็ถูกต้องแล้ว คือ กรุณาอ่านคำอธิบายของ อ.สุวิ ให้รอบคอบ (ย้ำนะคะว่าควรอ่านซ้ำๆ หลายๆเที่ยวด้วยหนะค่ะ)

    แต่คุณพี่ดาวฯ ก็รู้ๆ อยู่นะคะว่า เรื่องนี้มันต้องแล้วแต่กำลังปัญญาของผู้อ่านประกอบกันด้วย

    ดังนั้นเราน่าจะมาว่าด้วยเรื่อง คำอธิษฐานบุญ เพื่อเพิ่มปัญญาญาณในการตระหนักรู้ให้รอบในพระธรรมแห่งพระพุทธภูมิไว้ด้วยน่าจะดี

    เพราะเท่าที่อ่านมา มีแต่แนะว่า ขอให้อธิษฐานขอไปตรงๆ ว่า ขอให้สุขภาพดี ขอให้ค้าขายดี ขอให้รวย แต่ว่าผู้ที่อธิษฐานยังมีพลังจิตที่เข้าถึงในสิ่งที่ อ.สุวิพยายามอธิบาย ที่อาจยังเข้าไม่ถึงเลยอะ

    ดังนั้นเราน่าจะมีการว่าด้วยเรื่องการอธิษฐานบุญให้เข้าถึงคำแนะนำของ อ.สุวิไว้ด้วยน่าจะดี

    เพราะหลายๆ ครั้ง ข้าเจ้าเองก็เบลอเหมือนกัน หุหุ อาจารย์ป๊ะป๋าสอนอะไรแล้ว ข้าเจ้ามีอันลืมบ้าง เบลอบ้าง พลังปัญญายังเข้าไม่ถึงบ้างก็มี

    ดังจะว่า กฎ ย่อมเป็นกฎ มันก็ใช่ แต่ว่า เมื่อผู้อ่านยังมีพลังจิตอ่อน หรือ ไม่เคยอธิษฐานเพิ่มกำลังปัญญา

    นี่อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ อ.สุวิ2 ถึงได้พยายามเลี่ยงที่จะบังคับไม่ให้ อ.สุวิ เขียนอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ขึ้นมา จนกระทั่งมาถึงตอนนี้นี่แหละ

    ข้าเจ้าอ่านไป เห็นคนตอบ สอบถามกลับมาอีก ยังเหนื่อยแทน อ.สุวิ เลย (เห็นปัญหาจากคำถามไม่จบไม่สิ้น) เหมือนข้าเจ้าเด๊ะ หุหุ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2012
  15. spechies

    spechies สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    คุณหมอสุวีครับ ผมส่ง PM ไปแล้วนะคับ รบกวนด้วยคับ ขอบคุณมากคับ
     
  16. ป๊อบ24

    ป๊อบ24 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    เป็นโรคด่างขาวบริเวณใบหน้า จะมีวิธีรักษามั๊ยค่ะ
     
  17. bluecrescent

    bluecrescent Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +72
    อาจารย์ suwi ครับ ถ้าหากเป็นเบาหวาน แล้วก็อยากบำรุงฟื้นฟูไต นี่พอมีแนวทางรักษาไหมครับ
     
  18. kismadar72

    kismadar72 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    สวัสดีคะ อาจารย์สุวิ
    โชคดีมากเลยคะที่ได้เจอกระทู้นี้ พอดีสามีเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบไปแล้ว เส้นครึ่ง ตอนนี้กินยาแอสไพรินกับยาอีกตัวหนึ่งอยู่คะ
    พอดีมาเห็นยาสมุนไพรบนโพสที่ 15 ไม่ทราบว่าจะทำให้เค้าทานได้ไหมคะ หนูอยู่ต่างประเทศและสามีก็เป็นคนต่างประเทศ สูตรที่หนึ่งหนูไม่สามารถหาใบบัวบกได้คะ และสูตรที่ 2 ตอนชงน้ำกับดอกคำฝอย ที่นี่หาไม่มีคะ ไม่ทราบว่าอาจารย์จะช่วยแนะนำได้ไหมคะว่าจะทำอย่างไร สามีเกิด27เดือนกุมภา ปี 2489 คะ
    กราบขอบพระคุณอาจารย์คะ
     
  19. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    วันนี้จะขอเข้ามาสนับสนุนเรื่องบุญ และการให้ผลของบุญ ด้วยการเล่าประสบการณ์ของตนเองให้เพื่อนๆและคนไข้ท่านหมอได้รับทราบกัน

    ก่อนอื่นขอยืนยันว่าอย่าประมาทบุญอันน้อยนิดว่าจะมีอานิสงส์เพียงเล็กน้อย ดังกับคาถาแก้จนที่ครูบาอาจารย์ท่านว่า อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา ฉะนั้น

    ตัวอย่างในชาดกที่ทุกท่านคงทราบกันดีก็มีเณรน้อยที่ถูกพยากรณ์ว่าจะตายแน่ๆ ในวันรุ่งขึ้น (ถ้าจำไม่ผิดภายในไม่เกินสามวัน) เณรก็เดินทางกลับไปตายบ้าน ระหว่างทางเณรเห็นปลาเล็กปลาน้อย กระเสือกกระสนอยู่ในแอ่งน้ำอันกำลังจะแห้งขอดด้วยถูกแดดเผา เณรนั้นมีจิตเมตตาเป็นอัตโนมัติไม่ได้คิดว่าจะทำบุญทำกุศล ให้ทานชีวิต ฯลฯ ให้รุงรังรึก็เปล่า ค่อยๆช้อนปลาไปปล่อยในแม่น้ำทีละตัว ทีละตัว จนหมด เณรได้รับอานิสงส์แห่งบุญนี้โดยพลัน ผลก็คือกลับไปบ้านเตรียมตัวตายอย่างดี (คงร่ำลาขมากรรมแก่ทุกคนที่บ้าน แล้วเข้านอน กะว่าจะได้ตายสวยๆหน่อย) รอแล้ว รอเล่า ไม่ยักกะตาย ฯลฯ (ที่เหลือไปหาอ่านต่อเอาเองนะท่านทั้งหลาย)

    คราวนี้มาถึงเรื่องที่ข้าพเจ้าประสบเองบ้าง ถึงไม่ถึงกะช่วยชีวิตแต่ก็น่าคิด

    คือเมื่อก่อนตอนที่หูดึงฝาของน้ำเปล่าทั้งหลายยังเป็นอลูมิเนียมอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ไปคอยเก็บตอนบ่ายๆ ที่ลูกค้ากลับเข้างานกันหมดแล้ว เก็บไปเก็บมา บททดสอบก็ปรากฎ คือ ช่วงแรก ก็ไม่เคยมีใครลืมสตางค์ให้ได้เห็น แต่เก็บไปเก็บไป ก็มีเศษสตางค์ บนโต๊ะบ้าง บนพื้นบ้าง ตอนแรกๆ ก็เป็นเหรียญบาท ต่อไปๆ ก็เป็นเหรียญห้าบาทบ้าง เหรียญสิบบาทบ้าง ต่อไปอีกก็เป็นธนบัตรบ้าง ทุกบาททุกสตางค์ที่เราเก็บได้ เราเอาใส่กระป๋องไว้ ได้เป็นร้อยๆทีเดียว วันหนึ่งก็รวบรวมเอาไปบริจาคที่โรงพยาบาลสงฆ์ อธิษฐานว่าปัจจัยเหล่านี้มีผู้มาลืมไว้ ไม่ทราบว่าของใคร นำส่งคืนให้เจ้าของไม่ได้ ขอทำบุญอันยิ่งใหญ่คือสงเคราะห์แก่พระอาพาธ (ซึ่งพระตถาคตเคยตรัสไว้ว่า การอุปปัฐากพระภิกษุอาพาธ ก็เหมือนอุปปัฐากพระพุทธองค์) และขออานิสงส์แห่งบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้าของปัจจัยด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2012
  20. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ต่อมาจะด้วยพระท่านอยากให้เราสิ้นสงสัย และเชื่อมั่นหนักแน่นในบุญและอานิสงส์แห่งบุญกระมัง หรือเพราะวิบากอันร้ายตามมาให้ผล แต่บุญก็มาส่งผลมาช่วย คือข้าพเจ้าวางกระเป๋าสตางค์ใว้บนหลังคารถแล้วลืม พอไปเลี้ยวที่ห้าแยก ณ ระนอง กระเป๋าสตางค์ก็ตกลงกลางแยก แต่ตอนนั้นไม่รู้หรอก ไปรู้ว่ากระเป๋าสตางค์หายก็ตอนหากระเป๋าสตางค์จะซื้อของ โอยโกลาหลมาก ใหนจะแกะรอยกลับไปหากระเป๋า ใหนจะต้องอายัดบัตรต่างๆ ใหนจะไปแจ้งความ
     

แชร์หน้านี้

Loading...