ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นไปรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับโลกในปี 2012

ขอบคุณสำหรับเรื่องที่แปลให้อ่านค่ะ ชอบอ่านอยู่แล้วค่ะ

 

ขอบคุณมากนะคะที่นำมาให้อ่านและยังใจดีแปลให้อีกด้วย ^_____^

 

เรื่องนี้น่าสนใจมากนะครับ ถ้าคนที่ทำสมาธิถึงจุดแล้ว มันจะไม่เหมือนเป็นตัวเองที่เป็นๆ อยู่บนโลกเลยครับ มันจะกลายเป็นอีกคนหนึ่งเลย แล้วความจำและความรู้เก่าๆ จะเริ่มกลับมา การพูดการจาความคิดความอ่านของเดิมมันจะกลับมา จริงๆ เรามาเกิดเราอยู่ไม่นาน เราลืมตัวตนที่แท้จริงของเราในเวลาที่เรามาอยู่บนโลกแต่เมื่อมันหลุด มันคลายไปสู่จิตเดิม ความจำความรู้เดิมมันจะกลับมา แล้วเราจะรู้เลยว่าจริงๆ ร่างเรานี่ไม่ใช่เราเลย แต่มาใช้แป๊บเดียว

สิ่งที่ผมพูดไปผมพูดจากประสบการณ์การทำสมาธิ แล้วแต่ความเชื่่อของแต่ละคนนะครับ แต่ผมพอเข้าถึงจุดหลุดนี่ผมเหมือนเป็นคนละคนกับคนที่พิมพ์อยู่เลยครับ ผมรู้อะไรเยอะแยะ "ใคร" ผมคุยกับ "คนนู้นคนนี้" ไม่เหมือนเป็นตัวเองเลย ใครถามอะไร ต้องการอะไรผมตอบเอาตอบเอา รู้หมดเขาหมายถึงอะไร แต่พอผมออกจากสมาธิมาผมก็กลับมาเป็นอย่างเนี้ยอย่างคนที่พิมพ์เหมือนเดิม ผมยังต้องค่อยๆ นึกย้อนกลับไปในสมาธิว่าคุยอะไรกัน แล้วยังศึกษาในสิ่งที่ตัวเองพูดกับคนอื่นๆ ในสมาธิ เพราะหลายอย่างนี่คุยกันมหัศจรรย์มากเป็นความรู้ที่พิสูจน์ได้ ที่ตัวผมเองยังไม่เคยรู้มาก่อน

จริงๆ ผมไม่อยากเล่าเยอะแต่ผมเจออะไรมาเยอะในสมาธิ คนส่วนใหญ่ไม่ได้เจอจะไม่เข้าใจ จะหาว่าผมเป็นบ้า หรือหลงเสียเปล่า

 

อนุโมทนา สาธุนะครับ
ที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งความรู้ กัน

 

เป็นเนื้อหาสาระที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ

 

เรื่องนี้ และ บุคคลท่านที่เป็นเจ้าของโพสต์นี้น่าสนใจมากๆเลยครับ
เพราะใจจริงแล้ว ผมก็อยากจะได้ยินได้ฟังประสบการณ์ตรงแบบนี้
จากคนไทยบ้างเหมือนกันแหละครับ..ซึ่งคาดว่าน่าจะมีเยอะด้วย

แต่อาจเป็นเพราะว่า คนไทยเราติดตรงคำว่า "อวดอุตริมนุษยธรรม"
จึงไม่กล้าเล่าเรื่องแบบนี้ให้ใครเขาฟังสักเท่าไหร่
โดยเฉพาะถ้าใครที่อยู่ในเพศสมณะแล้วด้วย พวกเราก็ยิ่งอดฟังเลย

แต่สำหรับท่านทั้งหลาย ที่เป็นฆราวาสทั่วๆไป ถ้ามีประสบการณ์ทางจิตอะไรดีๆ
ก็นำมาแบ่งปันให้ท่านอื่นๆได้ฟังกันบ้างนะครับ โดยเฉพาะเรื่องอะไร
ที่มันเกี่ยวข้องกับ "กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของโลกไปสุ่ยุคใหม่" หนะครับ

นี่แหละคือเหตุผลที่ผมไปเอาแต่ของฟรั่งมาแปลให้อ่าน
เพราะว่าคนไทยมีพูดถึงเรื่องนี้ (แบบในที่สาธารณะ) กันน้อยมาก
เช่น มีคุณอพอลโล่ เคยโพสต์เรื่องการสื่อสารพวกนี้ไว้อยู่พักหนึ่ง
ตอนนี้ก็คงโดน "ผู้รู้" ในเวปพลังจิตทั้งหลาย ออกมาด่ากระจายไปแล้วมั๊ง
แต่ยังมีเหลืออีกท่านหนึ่ง ที่ผมก็ยังเห็นอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้จะโดน "ผู้รู้"
จัดหนักให้อีกเมื่อไหร่ หรือโดนไปหลายดอกแล้วก็ไม่รู้นะครับ
(คุณอะไรนะ ชื่อจีนๆหนะ ผมก็อ่านชื่อไม่ออกซะด้วยสิ)

................................................................

 

<meta http-equiv="CONTENT-TYPE" content="text/html; charset=utf-8"> <title></title> <meta name="GENERATOR" content="OpenOffice.org 3.1 (Linux)"> <style type="text/css"> <!-- @page { margin: 2cm } P { margin-bottom: 0.21cm } --> </style>
“[FONT=Verdana, sans-serif]เธอมองเห็นผู้คนที่ได้เตรียมตัวเองด้านจิตวิญญาณดีแล้ว ถูกปกป้องคุ้มครอง [/FONT][FONT=Verdana, sans-serif]ในขณะที่คนอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวพวกเขา ต้องตายลงไป” [/FONT] “[FONT=Verdana, sans-serif]เธอมองเห็น “[/FONT]3 [FONT=Verdana, sans-serif]วันแห่งความมืดมิด” [/FONT](3 days of darkness)
[FONT=Verdana, sans-serif]และเธอก็เข้าใจอีกด้วยว่า ภัยพิบัติเหล่านี้สามารถที่จะถูกชะลอ [/FONT][FONT=Verdana, sans-serif]หรือ ทำให้บรรเทาเบาบางลงได้ ด้วยพลังอำนาจแห่งการสวดมนต์และอธิษฐานจิต”[/FONT] [FONT=Verdana, sans-serif]ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกเราจะต้องเชื่อมต่อกับพระเจ้าผ่านการสวดมนต์และอธิษฐานจิต [/FONT][FONT=Verdana, sans-serif]และโดยการทำสมาธิ เพื่อให้ตัวเองตื่นขึ้น [/FONT]
“[FONT=Verdana, sans-serif]เธอบอกว่าการสวดมนต์และอธิษฐานจิต คือการพูดกับพระเจ้า [/FONT][FONT=Verdana, sans-serif]ส่วนการทำสมาธิ คือการรับฟังพระเจ้า”[/FONT] [FONT=Verdana, sans-serif]พุทธ คริส อิสลาม ไม่แตกต่างกันเลย ล้วนเป็นงานทางจิตวิญญาณทั้งสิ้น[/FONT]....[FONT=Verdana, sans-serif]แต่พวกเราหลงลืม ไม่ดูแลรักษา จิตวิญญาณของตนเองเท่านั้น [/FONT] อนุโมทนาสาธุ กับ จขกท. ค่ะ </pre>

 

ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องราวดีๆๆ ที่น่าสนใจ

 

ขออนุโมทนา....กับสิ่งดีๆที่นำมาลงให้อ่าน เป็นกำลังใจให้ขยันการปฏิบัติ สวดมนต์และนั่งสมาธิมากๆยิ่งขึ้นไปค่ะ

 

อยากให้คุณ ปูก็เชื่อนะ เรื่องนี้ เพราะว่า ตัวเองก็ผ่านความตายมาแล้วเช่นกัน... เหตุการณ์ต่างๆ ที่มองเห็นว่าจะเกิดแล้วมันก็เกิด... แต่ไม่รู้ว่า คนอื่นเขาจะเห็นเป็นภาพแบบปูไหม? แต่ของปูมันเป็นภาพก่อนถึงจะเกิดขึ้นจริงค่ะ

ไม่ต้องฝรั่งหรอก ในไทยเรา ก็มีนะที่เป็นเหมือนปู

คุณปูช่วยเล่าหน่อยค่ะ

 

มาปูเสื่อรอด้วยอีกคน

 

ขอบคุณมากครับ

 

ขออนุโมทนาสาธุกับ จขกท. นะครับที่นำเรื่องดีๆและน่าสนใจมาให้ได้รับรู้กัน

 

ขอบคุณมากครับ

 

Code:

ดิฉันก็ทำสมาธิมาถึงจุดๆนึงแบบที่ว่าค่ะ แต่เรามักไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะถ้าเขาไม่รู้เห็นอย่างเรา เขาจะว่าเราบ้าแบบที่คุณ prophecy. บอกนั้นแหละค่ะ
พออ่านกระทู้นี้แล้ว มีหลายอย่างที่ใช่เลยค่ะ แต่ได้จากการทำสมาธิค่ะ
เหมือนถูกบังคับให้ทำจากจิตข้างใน มีเหตุต้องให้ทำสมาธิ ให้ใจสงบ
จึง ได้รู้ว่าเราเกิดมาแล้วหลายชาติ รู้ว่าชาตินี้เราจะหมดอายุเมื่ออายุเท่าไหร่
ในโลกนี้มีอีกมิติหรือภพซ้อนกันอยู่ ถ้าจิตเราไม่ว่างรับคลื่นเหล่านี้ ก็จะไม่เห็น
และได้เรียนรู้ว่า มนุษย์พูดคุยยากที่สุดค่ะ
เราเกิดมาชาตินี้ว่าเราดีพอควรนะ
แต่กลับพบว่าเราในอดีตชาติเคยทำร้ายคนอื่นมาเหมือนกัน (เจ้ากรรมนายเวร)
บางครั้งเราก็เกิดในภพอื่น เช่นยักษ์ เมื่อถึงวาระกรรมมาถึง
เขาตามมาทวงคืนซึ่งมาทวงถึงสองครั้ง หมายเอาชีวิตเรา(เราเคยยิงธนูใส่เขา)
ตอนมัธยมปลายครั้งนึง ดีที่เรารู้ว่าเราต้องตายเลยนั่งสมาธิทุกวัน 2 สัปดาห์
จนสุดท้ายเขาก็มาให้เห็นเท้ายักษ์ยืนข้างเรา แล้วก็ไป
และครั้งล่าสุดตอนมาฆบูชาค่ะ เป็นธนูสีทองปักอกเราขนาด 1นิ้วได้
ปวดจนแทบกราบพระบนศาลาไม่ได้ สุดท้ายกว่าเขาจะอโหสิให้ นานพอดู
ทุกอย่างที่เราเป็น ที่เราพบและทำ ล้วนมีเหตุที่มาทั้งสิ้นค่ะ
และที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากพบจิตบริสุทธิ์ดั้งเดิมแล้ว การค้นพบจิ๊กซอที่ขาดหายไป ภาพที่เห็นจะชัดขึ้นเรื่อยๆ แม้ไม่ได้ภาวนา แล้วคำถามของโลกที่อยากรู้ตั้งแต่เด็กก็หมดไป
เช่น เราเกิดมาทำไม ทำไมต้องมีคู่ ทำไมเขาเกลียดเราแม้ไม่เคยเห็น ทำไม????
ทุกอย่างมีคำตอบหมดค่ะ กรรมจัดสรรมาหมด มีเหตุที่มา
ทำให้เรารู้ว่า แรกสุดเราถือกำเนิดมาเช่นไร ได้รู้ว่า ทำไมจึงถึงวันนี้
เราสัญญาและรับปากท่านว่า จะมาทำหน้าที่ที่ได้รับมาและที่สำคัญอาสามาเองด้วย
แต่เรากันหลงแสงสีในโลกมนุษย์เป็นล้านๆๆปี จนเกือบลืมหน้าที่ของตน
ถ้าเราเรียนรู้ถึงตรงนี้ได้ จะไม่อยากได้แม้ความเป็นทิพย์ทั้งหลายที่เขาอยากได้กัน
หูทิพย์ ตาทิพย์ เพราะมีบางครั้งมีแล้ว ถ้าไม่อุเบกขาว่า
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม มีกรรมเป็นของตนเอง
เราจะทุกข์เพราะสงสาร ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้ นอกจากตัวเราเอง
จึงพยายามบอกค่ะว่า แผ่เมตตาเยอะๆ ถ้าไม่ถูกวิธีก็ไม่ถึงเขาเช่นกัน
พอเราช่วย เราอาจต้องรับกรรมแทน ยิ่งถ้าผู้นั้นไม่มีสัจจะ
แรกๆดิฉันเบื่อหน่ายความเป็นมนุษย์สุดๆ เพราะจิตเราจะเห็นความไม่เที่ยงตลอด
ไม่มีคำว่าสุข มีแต่ทุกข์น้อย คืนไม่น่าอยู่ ไม่น่าเอาอะไรทั้งนั้น
จนเคยคิดว่าถ้ามีเหตุเกิดที่ไหน เราจะไปที่นั้น จะได้พ้นจากร่างนี้
แต่ตอนนี้ ปล่อยวางแล้วค่ะ พยายามทำหน้าที่ให้ดีทั้งที่รับอาสามาและทางโลก
จนกว่าจะทิ้งกายนี้ตามวาระ และอยากบอกว่า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณไม่มีคำว่า บังเอิญ ค่ะ
แม้ในขณะนี้ก็ตามค่ะ
ทั้งหมดที่เขียนนี้ เพียงอยากบอกว่า ทุกอย่างมีที่มา
ไม่คิดโอ้อวดใดๆนะคะ เพราะไม่มีอะไรจะให้อวดค่ะ
ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองค่ะ ทำสมาธิที่เราว่ากัน
ก็เหมืิอนทำให้คลื่นในหัวเรา จิตเราปัจจุบันสงบลง จะวิธีไหนก็ได้ค่ะ
เพื่อจะได้รับคลื่นอื่นได้ค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษเลยค่ะ
เป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครก็ทำได้ค่ะ เหนื่อยแค่ช่วงแรกเท่านั้นเองค่ะ
สู้หลายอย่าง ทั้งใจตัว สังขาร และกรรมที่ตามมาขวาง
แต่ไงสุดท้าย เกิดมาทั้งที มนุษย์นี้แหละค่ะ
ทำได้ทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี สุดแต่เราจะเลือกเอา

 

ครับ ผมว่าทุกอย่างมีเวลาของมัน ผมทำสมาธิมาทั้งชีวิตไม่มีอะไรแปลกๆเกิด เลย เพิ่งเมื่อไม่นานมานี้พลิกนิดเดียว มีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดมากมาย สมาธิก้าวหน้าอย่างมาก แต่อย่างว่าละครับ เรื่องแบบนี้พูดมีแต่เสีย

แรกๆ ปาฏิหาริย์เกิดกับผมมากมาย ผมเล่ามีแต่คนไม่เชื่อ โดนตำหนิ จากประสบการณ์ทำให้ผมรู้ว่า เงียบๆ ดีที่สุด ผมเชื่อมีคนเป็นแบบผมและคุณ หรือบางท่านทำได้มากกว่านั้นเยอะ แต่ก็เงียบๆ ใครจะสั่งสอน คนนู้นคนนี้ คุณทำสมาธิ แบบนั้น แบบนี้ ก็เฉยๆ รู้ว่าผิด รู้ว่าเขาไม่รู้จริง ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพูดแล้วก็ไม่เชื่อ พูดไปเดี๋ยวก็อีกคนมาโต้อย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่าผมอยู่เฉยๆ ดีกว่า

ไม่แปลกใจเลยหากมีคนนั่งสมาธิถึงจุด มีพลังต่างๆ แล้วไม่แสดง แสดงไปแล้วได้อะไร จะได้เป็นตัวตลก มีแต่คนลบหลู่หาว่าปลอม หาว่าหลอก คนเอาคลิปไปลง youtube มีแต่คนว่าต่างๆ นาๆ คนฉลาด เขาทำตัวเหมือนโง่ๆ ไม่รู้เรื่องกันซะเยอะ... แค่ผมพูดแค่นี้ก็ผมก็ไม่แปลกใจถ้าจะมีคนคิดว่าผมทำเป็นฉลาด ทำเป็นรู้มาก อย่างว่า...พูดเยอะเสียเยอะ พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย

 

ผมนั่งสมาธิผมได้ความรู้อะไรมากมาย พอถึงตอนมันหลุดเข้าจิตเดิม มันมหัศจรรย์มาก มันไม่ได้เป็นคนที่พิมพ์แล้ว ผมกลายเป็นจิตเดิม รู้อะไรเยอะแยะ จิตมันไวมาก พอคิดจะไปไหนมันไปเลย ถึงเลย วูบ วาบ วูบ วาบ รู้อะไรแต่ละอย่างเหมือนไม่ใช่ตัวผมที่พิมพ์อยู่เลย แปลกมาก (หรือจะเรียกว่าธรรมดาดี เพราะสำหรับจิตเดิม ถือเป็นเรื่องธรรมดา)

เวลาผมคลายจิตเดิม คนมาหาบ่อยเลยครับ มาแบบคุยเหมือนไม่มีใครแปลกใจอะไรเลย เขาก็พูดไป เราก็ตอบไป รู้จักกันมานานแล้ว คนกันเอง แต่จริงๆ ผมไม่รู้จักเขาเลย แต่จิตเดิมผมรู้จัก พอผมออกมาจากสมาธิผมค่อยมานั่งทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันก็แปลกดี จิตเดิมรู้หมดเลย ผมนี่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย

ส่วนเรื่องที่คุยก็แล้วแต่ เรื่องเยอะแยะวุ่นวาย มากมาย คนนั้นเป็นนู่นเป็นนี่ ตรงนี้ต้องการนู่นต้องการนั่น

 

รู้ในโลก ถ้ารู้มากก็วุ่นวายมาก
กับคนถ้ายุ่งมากก็ปวดหัวค่ะ
จิตเดิมที่ว่า ดิฉันว่าจิตเดิมนี้ หากว่าเรามีจิตที่สงบตลอด(มีสติตลอด)
น่าจะสื่อได้ตลอดหรือเปล่าคะ
แต่จิตเดิมของดิฉันที่หมายถึงจิตที่เริ่มต้น บริสุทธิ์เป็นดวงขาวใส ก่อนจะหม่นเพราะกิเลสทั้งหลายค่ะ
แต่ตัวรู้ที่เกิดมา ทำให้เบื่อหน่ายโลกนี้เพียงอย่างเดียว เห็นความเป็นไปของสัตว์โลก
จิตมีพลังค่ะ ไปเร็วมาเร็ว ทำอะไรได้มากกว่าที่จะคิดได้ แว๊บเดียวถึง ใช้ในทางดีก็ดีไปค่ะ
จิตเดิมที่มีนี้ จะเป็นเราตลอดเวลาค่ะ ไม่ว่าออกจากสมาธิหรือไม่ก็ตาม
เรารู้ตัวอยู่ทุกขณะ แม้ยามนอนหรือฝัน
เพราะจิตดวงนั้นคือดวงเดียวกัน แต่เปลี่ยนเพียงกายหยาบที่พักชั่วคราวเท่านั้น
ไม่รู้สึกแตกต่างว่าใช่เราหรือไม่ค่ะ
ส่วนการรู้ที่พิเศษอย่างอื่นนั้น แค่ทางผ่านให้เห็นวัฏสงสารชัดขึ้นไปอีกค่ะ
แต่บางครั้งการไม่มีจะดีกว่า แต่สิ่งนี้มันสะสมมาค่ะจากอดีตด้วย
รู้เพียงแค่กายนี้และจิตให้อยู่รอบๆตัวเรา รู้สึกว่าดีกว่าค่ะ
เคยให้จิตของผู้มีศีลผ่านจิตเรา เพราะอยากรู้ความรู้สึกนั้น เราจะจำได้น้อยเมื่อถอนจากสมาธิ
เพราะไม่ใช่เรา เราจึงจำเรื่ิองราวไม่ค่อยได้ค่ะ ต้องค่อยเรียบเรียง
นี่คือประสบการณ์ของดิฉันนะคะ เราอาจไม่เหมือนกันนะคะ
ดิฉันมีพระมาเตือนและสอนให้ทางจิตค่ะ แต่ก็มีหลวงพ่อที่คอยแนะให้ทางโทรศัพท์ค่ะ
แต่ถ้าเราไม่มีครู เคยมีผู้บอกว่า ขออารธนาพระพุทธเจ้าเป็นครูได้ค่ะ ทุกๆครั้งก่อนนั่งสมาธิ
ให้เราไปในทางที่ถูก สิ่งใดที่ควรรู้ขอให้ได้รู้ สิ่งใดรู้แล้วให้รู้แจ้งแทงตลอดด้วยเถิด
ส่วนการรู้ล่วงหน้า หรือญานอื่นๆเรามี. เพราะอดีตเราเคยได้มา ถ้าทำก็จะต่อไปได้อีกค่ะ
แต่บางคนอาจจะไม่มีเลยก็ได้ค่ะ เพราะแค่ของเล่นค่ะ ไม่ควรยึดติดค่ะ
แรกๆก็ตื่นเต้นค่ะ นั่งดูลูกเล่นอยู่ ภาพก็ลอยมา ยังกับดูหนังทีวี
แต่หลังๆมา ไม่อยากรู้เท่าไหร่ เพราะรู้ เราก็หดหู่และบางครั้งช่วยเขาในภาพนั้นไม่ได้
ช่วยมนุษย์ช่วยยาก ช่วยผู้ไม่มีกายหยาบบางครั้งง่ายกว่าอีกค่ะ
เขาน่าสงสารนะคะ แต่ไม่ค่อยมีใครช่วย กลัวกันไปหมด แผ่เมตตาเยอะๆนะคะ

 

กรรมมีกันทุกรูปธรรมชีวิต กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ตนนั้นเป็นที่พึ่งของตน จะเพิ่มหรือจะลดกรรมขึ้นอยู่กับทุกท่าน ทำปัจจุบันนี้ไว้อย่างไร มันเป็นธรรมดาของโลก