56วัน7ราตรี โดย อ.ปริญญา ตันสกุล ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจ

56วัน7ราตรี โดย อ.ปริญญา ตันสกุล ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจ
<EMBED height=480 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/UqC4QsSWKwg?version=3&hl=th_TH allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>

 

56วัน7ราตรี

56วัน7ราตรี โดย อ.ปริญญา ตันสกุล ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจ

<object width="640" height="480"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/CWsTUSA8c9E?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/CWsTUSA8c9E?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="480" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

 

56วัน7ราตรี

56วัน7ราตรี โดย อ.ปริญญา ตันสกุล ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจ

<object width="640" height="480"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/jbxpGrtyUD4?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/jbxpGrtyUD4?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="480" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
<object width="640" height="480"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/eSZnEDqEWrw?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/eSZnEDqEWrw?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="480" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

<object width="640" height="480"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/k2zcVBqLeJ0?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/k2zcVBqLeJ0?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="480" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

 

เขาพูดอ้างพระเจ้า หรือ พระบิดา ????

 

แกเขียนหนังสือขายเล่มละ100กว่าบาท ไม่ซื้อหรอกไปยืนอ่านดูดๆๆๆเอา ยืนทนเฟ้ยย อ่านเอามันเชื่อครึ่งเดียวคร๊าบบ..

 

เท่าที่ดูนะเรื่องที่ท่านพุดเรื่องการเมืองเมื่อ3ปีก่อนในช่องสุวรรณภูมิก็โอเค
แต่บางความรู้ก็ยังเกินสติปัญญาเรา เช่น ท่านบอกการนับอายุศาสนาพุธ นับตั่งแต่พระพุทธเจ้าท่านเกิดเป็นโพธิสัต ครบ5พันปีแล้ว แต่ตามที่เราเข้าใจนับหลังปรินิพพาน
ต้องรอดูเรื่องที่เกิดกับกทม กลางปี ถ้าเกิดขึ้น คงหมดสงสัย แต่ชอบงานของท่านอ่านแล้วได้ข้อคิดให้ระวังตัว และะตื่นเต้น แค่ระวังตัวให้อยุ่ถุกที่ถูกปี ที่ท่านกล่าว ก็มีประโยชน์นะ

 

ฟังๆไว้ก็ไม่เสียหลายครับ แต่ถ้าหากขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์ก็จะละไว้
จะยึดถือคำสอนของพระพุทธองค์และพระไตรปิฏกเป็นหลัก ...แต่คำเตือนคำสอน
ของท่านปริญญา ก็มีประโยชน์หลายๆอย่าง ก็เลือกเอาแต่ส่วนที่เป็นประโยชน์ครับ

 

ผมเห็นหนังสือของ อ.ปริญญา มาประมาณ14ปีแล้ว บ้างครั้งในบ้างคำเตือนให้มีการเตรียมการของใช้ที่จำเป็นก็นำข้อมูลบ้างอย่างของ อ.มาใช้ เช่นให้เตรียมด่างทัมทิม กับ คารามาย ไม่แน่ว่าโรคระบาดที่เวียดนามอาจจะหายด้วย ด่างทัมทิม กับ คารามายก็ได้ใครจะรู้ ความเชื่อของคนเรามีแตกต่างกัน เหตุและผลคือข้อพิสูจน์ที่แท้จริง

 

อย่าเชื่อคนเพราะดูน่าเชื่อถือนะครับ เขียนหนังสือไม่ได้แปลว่าของจริง รู้จริง ส่วนเรื่องพระศรีอาริย์เป็นเณรที่ท่านว่า ผมไม่เห็นด้วย คุณเล่าพูดหว่านล้อมเหมือนคนอื่นห่วยหมด เพราะเป็นคำทำนาย ของตัวเองเป็น "สาร" จึงจริงแน่นอน แต่อาจผิดพลาด คลาดเคลื่อน 20% อะไรเนี่ย แล้วตั้งกฎอะไรต่างๆ ต้องคำนวนอย่างนี้อย่างนั้นจึงจะถูก คนอื่นผิดหมด

เรื่อง 2012 พระศรีอาริย์ พระก็ออกมาพูดหลายคนนะครับ ส่วนตัวขอเชื่อเกจิดังๆ หลายๆ องค์จะดีกว่า คนนี้ขายหนังสือมากกว่า ผมก็เป็นนักเขียนนะครับออกหนังสือมาหลายเล่ม แต่อย่าเชื่อคนเพียงเพราะได้ออกหนังสือ หรือดูน่าเชื่อถือ คนที่ว่ามีญานดังๆ ในประเทศไทย ดูน่าเชื่อถือก็ญานมั่วหลายคนนะครับ คนทำหน้าทำผมจนหล่อก็ญานมั่ว คนกล้ามใหญ่ๆ ออก woody ก็มั่วผมไปเจอมาแล้ว โคตรมั่วทายผมถูกมั่งไม่ถูกมั่ง จิตวิทยาเป็นส่วนใหญ่ ของดีจริงไม่ต้องไปหาไกล หลวงปู่อรหันต์หลายท่านไปศึกษาได้

 

พระบิดาไม่ใช่ตามที่ท่านเข้าใจตามคริสศาสนาหรอกนะครับ
ลองศึกษาดูดีๆจาก youtube แล้วท่านจะเข้าใจว่าหมายถึงอะไร

กฏจักรวาล 1/8 - YouTube

อันที่จริงท่านอ.ก็กล่าวถูกไปหลายเหตุการณ์แล้วนะ เพียงว่ามันจะรุนแรงมากน้อยอย่างไรเท่านั้นเอง

ท่านอ.ก็ไม่ได้อวดอุตริใดๆ ไม่ได้ตั้งตนเป็นเจ้าลัทธิ และไม่ได้โอนเอียงไปทางคริสฯแต่อย่างใด ครั้งแรกที่เพื่อนผมแนะนำให้ลองเข้าไปดูก่อนใน youtube ผมก็รับไม่ค่อยจะได้ในลักษณะการบรรยายของท่านอ.(ผมว่าพูดสุภาพกว่าเดี่ยวไมค์โครโฟนสมัยนี้ตั้งเยอะนะ) แต่เมื่อเปิดใจและดูในหลายๆหัวข้อเรื่อง ก็เริ่มเข้าใจในหลากหลายประเด็นที่ท่านอ.สละเวลาตนเองมาชี้แนะเรา ถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เสียๆหายๆนี่ครับ

ผมไม่ปกป้องใคร และผมก็ไม่ได้เป็นศิษย์เอกของใคร ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ว่ากันตามนั้นครับ

 

ข้อนี้ผมเห็นด้วยครับ catt15

 

การที่ท่านอ้างพระบิดา พระเจ้า ก็ลองเทียบกับหลักตรีเอกานุภาพครับ
เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต อาเมน
ถ้าอ้างพระบิดา เป็นพระพุทธเจ้า ก็มิสมควรใหญ่ คิดว่าพุทธเจ้าอยู่ในอธิพุทธ
เมื่อเทียบกับพระสูตรนี้ก็ถือว่าพระบิดาของเขาคงไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วครับ
"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต" (ที.สี.14/90)

ซึ่งดูแล้วเขาพยามเอาพระเจ้ามาผนวกกับพระพุทธเจ้า โดยใช้วิธีกลมกลืน
ลองหาเอกสารนี้มาอ่านดูน่ะ แต่หายากมาก secretariat for non christians เปลเป็นไทยว่า เอกสารสำนักเลขาธิการเพื่อปฏิบัติต่อคนที่ไม่ใช่ชาวคริสต์ เขาใช้วิธี assimilation เรียกว่าวิธีการกลมกลืน ไม่ใช่ ความกลมเกลียว คือ การผนวกเข้าไปเลยครับ

ขอเตือนสำหรับผู้ฟังน่ะ พระบิดา หน่ะคือคนที่ดูแลคุณ ให้จิตวิญญาณพวกคุณครับ
ไม่ใช่พระบิดาอะไรก็ไม่รู้ที่เขาบอก ศาสนาพระบิดาของเขา น้ำนิ่งไหลลึกน่ะครับ
ฟัง ก็กำหนดสติในพุทธศาสนาด้วย ครับ

หากไม่พอใจประการใดข้าน้อยก็ขออภัย
ดอกสิ้ว​

 

เห็นด้วยครับ ผมยังไม่ได้เข้าไปดูนะครับแต่เคยอ่านบทความของเค้าก็ให้รู้สึกว่ามันเพี้ยนๆแปร่งๆพิกลๆผมไม่ใช่ผู้รู้ในพุทธศาสนาแต่ก็ไม่ห่างจากการเรียนรู้จึงมีความรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่กับพวกอวดตนเป็นผู้มีญาณทั้งหลายแหล่ที่มีอยู่เกลื่อนเวป

 

แห่ะๆ รายละเอียดเชิงลึกผมไม่ทราบนักหรอกหรอกครับ ต้องขออภัยจริงๆ

ก็ตามนี้ละกัน...

พรหมชาลสูตร

เอกัจจสัสสติทิฐิ ๔

มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีทิฐิว่าบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง
จึงบัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยเหตุ 4 ประการ
เขาเหล่านั้นอาศัยอะไร ปรารภอะไร จึงเป็นเช่นนั้น

มีสมัยบางครั้ง โดยระยะกาลช้านาน ที่โลกนี้พินาศ
เมื่อโลกกำลังพินาศอยู่โดยมากเหล่าสัตว์ย่อมเกิดในขั้นอาภัสสรพรหม
สัตว์เหล่านั้นได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากกายตน
สัญจรไปในอากาศอยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในภพนั้น สิ้นกาลช้านาน

มีสมัยบางครั้ง โดยระยะกาลช้านานที่โลกนี้กลับเจริญ
เมื่อโลกกำลังเจริญอยู่ วิมานของพรหมปรากฏว่าว่างเปล่า
ครั้งนั้นสัตว์ผู้ใดผู้หนึ่งจุติจากชั้นอาภัสสรพรหม
เพราะสิ้นอายุสิ้นบุญย่อมเข้าถึงวิมานพรหมที่ว่างเปล่า
แม้สัตว์ผู้นั้นก็ได้สำเร็จทางใจ มีปิติเป็นอาหาร ฯลฯ

เพราะสัตว์ผู้นั้นอยู่ในวิมานนั้นแต่ผู้เดียวเป็นเวลานาน
จึงเกิดความกระสันความดิ้นรนขึ้นว่า แม้สัตว์เหล่าอื่นก็ฟังมาเป็นอย่างนี้บ้าง
ต่อมาสัตว์เหล่าอื่นก็จุติจากชั้นอาภัสสรพรหม ฯลฯ

บรรดาสัตว์จำพวกนั้น ผู้ใดเกิดก่อน ผู้นั้นย่อมมีความคิดเห็นว่า
เราเป็นมหาพรหมเป็นใหญ่ไม่มีใครข่มได้ เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุมอำนาจ
เป็นอิสระ เป็นผู้สร้าง เป็นผู้นิรมิต เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้บงการ เป็นผู้ทรงอำนาจ
เป็นบิดาของหมู่สัตว์ ผู้เป็นแล้ว และกำลังเป็น สัตว์เหล่านี้เรานิรมิต

ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุว่า เราได้มีความคิดก่อนว่า แม้สัตว์เหล่าอื่นก็ฟังมาเป็นอย่างนี้บ้าง
ความตั้งใจของเราเป็นเช่นนี้ และสัตว์เหล่านี้ก็ได้มาเป็นอย่างนี้แล้ว
แม้พวกสัตว์ที่เกิดภายหลังก็มีความคิดเห็นว่า ท่านผู้เจริญนี้แลเป็นพรหม
เป็นมหาพรหม ฯลฯ

ข้อนั้นเพราะเหตุว่าพวกเราได้เห็นพระพรหม ผู้เจริญนี้เกิดในที่นี้ก่อน
พวกเราเกิดที่หลัง บรรดาสัตว์จำพวกนั้น ผู้ใดเกิดก่อน ผู้นั้นมีอายุยืนกว่า
มีผิวพรรณกว่า มีศักดิ์มากกว่า ผู้เกิดภายหลังมีอายุน้อยกว่า ฯลฯ
ก็เป็นฐานะที่จะมีได้ ที่สัตว์ผู้ใดผู้หนึ่งจุติจากชั้นนั้นแล้วมาเป็นอย่างนี้
เมื่อมาเป็นอย่างนี้แล้วก็ออกเรือนบวช เป็นบรรพชิต อาศัยความเพียร ฯลฯ

ตามระลึกถึงขันธ์ที่เคย อาศัยอยู่ในกาลก่อนได้ แต่หลังนั้นไป ระลึกไม่ได้
เขาจึงกล่าวว่า ผู้ใดแลเป็นพรหมเป็นมหาพรหม ฯลฯ พระพรหมใดที่นิรมิตพวกเรา
พระพรหมผู้นั้นเป็นผู้เที่ยง ยั่งยืน คงทน มีอันไม่ผันแปรเป็นธรรมดา จัดตั้งอยู่เที่ยงเสมอไป

ส่วนพวกเราที่พรหมนั้น นิรมิตเป็นผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีอายุน้อย ยังต้องจุติมาเป็นดังนี้
นี้เป็นฐานะที่ ๑ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภแล้วจึงมีทิฐิว่าบางอย่างเที่ยง
บางอย่างไม่เที่ยง ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง

ส่วนฐานะที่ ๒ ถึง ๔ ขออนุญาตไม่กล่าวถึงในที่นี้

 

ผลดีมากกว่าผลเสีย ผลเสียน้อยมากในที่อาจารย์พูดมาวิเคราะห์ด้วยปัญญาแล้วถือว่าเข้ากับยุคปัจจุบันที่ให้คนมาสนใจทำความดีแบบง่ายๆได้มากขึ้นครับ
ธรรมขั้นสูงกว่าก็ดีแต่ปฎิบัติยากและเข้าใจยากหากขาดการสนใจอย่างๆจริงๆจังยอมได้รับประโยชน์น้อย แบบนี้ถือว่ามีผลดีครับ

แบบนี้จะถูกทางไม่ถูกทางผมไม่สนถือว่าให้คนหันมาประกอบกรรมดีได้มากขึ้นก็ถือว่าสุดยอดแล้ว

 

เห็นด้วยกับ อาจารย์ปริญญานะ ท่านก็แนะนำมีเหตุมีผล อะไรที่ไม่เข้าใจและรับไม่ได้ก็วางไว้ก่อน อะไรที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ ไม่ขัดใจก็ทำไปเถอะ เพราะท่านมีคำแนะนำที่ดีนะ เช่น รักกันให้ได้ อภัยกันให้เป็น ไม่ก้าวล่วงผู้อื่น


ยิ่งช่วง 56 วัน 7 ราตรี มีความเป็นไปได้ มากๆ

ดูประวัติศาสตร์ปอมเปอี เมืองหนึ่งของอิตาลี ซิ ภูเขาไฟระเบิด ผู้คนในเมืองไม่ได้ตายด้วยลาวานะ แต่ทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยฝุ่นและเถ้าถ่าน แก๊สพิษ หายใจ ไม่ออกตายกันทั้งเมือง ในขณะที่ถูกฝุ่นปกคลุม แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องถึงพื้นได้ไปหลายวัน แถมร่างกายไม่เน่าเปื่อยกลายเป็นหิน เป็นหลักฐานให้เห็น เขามีภาพถ่ายของจริงให้ดูด้วย แล้วเราจะตลึงถึงภัยธรรมชาติ น่ากลัวกว่าที่คิด

เราต้องไม่ประมาท ด้วยสโลแกนที่ว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้

 

มีิ่สิ่งดีดีมาฝากค่ะ

ขอเชิญร่วมงาน “ รักเพื่อรัก Love to Love”

 

ภิกษุ ท. ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้,
สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่
เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน
มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร
เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก,
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่;
เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็นคำของตถาคต
เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง
เป็นชั้นโลกุตตระว่าเฉพาะเรื่องสุญญตา,
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่;
เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน

พุทธศาสนาเป็นศาสนาเดียวที่สอนเรื่องอนัตตา เพาะฉนั้นการพูดรวมกันถือเป็นการเสริมเติมแต่งไปเรื่อยๆครับ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้ อันบุคคลไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด
พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน อจินไตย ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑ ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ๑ วิบากแห่งกรรม ๑ ความคิดเรื่องโลก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายอจินไตย ๔ ประการนี้แล ไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน ฯ

1.โลกหมุนรอบตัวเองได้อย่างไร

2.สรรพสิ่งทุกรูปนามบนจักรวาลและสนามเอกภพนี้มีความสัมพันธ์กับมนุษย์โลกอย่างไร

พระพุทธเจ้าก็บอกแล้วอย่าไปคิดเรื่องพวกนี้ครับ



ส่วน
*1.รักดี คิดดี ทำดี

*2.รักให้ได้ (แม้มันจะไม่น่ารัก)

*3.ให้ให้เป็น(ให้อภัยแม้มันจะไม่น่าให้อภัย)

*4.ไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน(ใช้สติและสามัญสำนึกในการดำเนินชีวิต)

*5.มีปนิธานว่าจะนิพพาน

พระพุทธเจ้าสอนเรื่องการเจริญพรหมวิหารไม่ใช่หรือครับ

ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระสมณโคดมแสดงธรรมแก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า
มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละนิวรณ์ ๕ อันเป็นอุปกิเลสของใจ ทอนกำลังปัญญา แล้ว
จงมีใจประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ อยู่เถิด ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน
โดยนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง จงมีใจประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ เป็นมหรคต
หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก ในที่ทุกสถาน อันมีสัตว์ทุก
หมู่เหล่า อยู่เถิด.
จงมีใจประกอบด้วยกรุณา แผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ อยู่เถิด ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓
ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน โดยนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง จงมีใจประกอบด้วยกรุณา
อันไพบูลย์ เป็นมหรคต หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก ใน
ที่ทุกสถาน อันมีสัตว์ทุกหมู่เหล่าอยู่เถิด.
จงมีใจประกอบด้วยมุทิตา แผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ อยู่เถิด ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓
ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน โดยนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง จงมีใจประกอบด้วยมุทิตา
อันไพบูลย์ เป็นมหรคต หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก ใน
ที่ทุกสถาน อันมีสัตว์ทุกหมู่เหล่าอยู่เถิด.
จงมีใจประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ อยู่เถิด ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓
ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน โดยนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง จงมีใจประกอบด้วยอุเบกขา
อันไพบูลย์ เป็นมหรคต หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก ในที่
ทุกสถาน อันมีสัตว์ทุกหมู่เหล่า อยู่เถิด.

ไม่มีความจำเป็นต้องไปฟังเขา เราจะเพี้ยนไปตามเขาครับ

หากไม่พอใจปะการใดก็ขออภัยครับ
doksil​

 

สาธุ

ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็นคำของตถาคต
เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง
เป็นชั้นโลกุตตระว่าเฉพาะเรื่องสุญญตา,
เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่;
เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน
(นี่ต่างหากค่ะที่คุณควรเน้น เพราะที่อาจารย์สื่อมันคือเรื่องของสุญญตา)

คนที่มีปัญญาก็พร้อมที่จะนำปัญญาออกมาใช้ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปเปิดหา ที่คุณนำมานั้นคือในพระไตรปิฏก เหมาะสำหรับบรรพชิต(นักบวช) เพราะมันคือศีล(ข้อวัตรที่พระท่านต้องยึดปฎิบัตสอนตัวท่านเอง)

แต่เราคือฆราวาส(ผู้ครองเรือน) เป็นสัตว์สังคมต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน วิถีการดำเนินชีวิตต่างกัน หน้าที่ต่างกัน เช่นฉันเป็นหญิง ฉันก็ีมีหน้าที่ทำในสิ่งที่หญิงต้องทำ ถ้าฉันไปทำหน้าที่ของผู้ชาย และชายมาทำหน้าที่ของผู้หญิง คุณว่ายุ่งไม๊ ก็เฉกเช่นเดียวกัน

วิธีการของอาจารย์ใช้สำหรับผู้ครองเรือนอย่างเราๆ ถ้าคุณจะมาเปรียบเทียบมันก็ไม่ต่างอะไรกัน

*เมตตา(ไม่ใช่คิดแต่จะเมตตาพวกพ้องตนเอง มันต้องเมตตาแม้กระทั่งศัตรู มันก็ไม่ต่างอะไรจาก รักให้ได้(แม้มันจะไม่น่ารัก)

*กรุณา มุทิตา มันก็ไม่ต่างอะไรจาก ให้ให้เป็น(อดทน อดกลั้น ให้อภัยแม้มันจะไม่น่าให้อภัย)

*อุเบกขา(การวางเฉย) มันก็ไม่ต่างอะไรจาก ไม่ก้าวล่วงกันและกัน (ใช้สติและสามัญสำนึกในการดำเนินชีวิต)

เพียงแต่ภาาษาพูด ภาษาเขียนม้นต่างกัน แต่ตวามหมายหรือผลัพธ์มันก็คือกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าวิธีหรือการปฎิบัติ ว่ามันจะเหมาะสมกับ เวลา สถานที่ โอกาส หรือตัวบุคคล แค่ไหน ก็เท่านั้นเอง ใยไม่ทำใจให้เป็นอุเบกขาดู จะได้ฝึกการไม่ก้าวล่วงชึ่งกันและกัน(จะได้ไม่ก่อเวรเกี่ยวกรรม) จะดีกว่าไม๊ค๊ะ

ความมีอัตตาก่อให้เกิดอวิชาและจะนำไปสู่ความหลงผิด