ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. เดือนห้า

    เดือนห้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +450
    กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้เลยค่ะ โชคดีจังที่ได้มาเห็น
    ขอพี่สาวช่วยสอนวิธีปรับอารมณ์หน่อยได้ไหมคะ อยากดีกับคนที่มีปัญหาด้วยจริงๆ แต่ใจเราดื้อไม่ยอมดีด้วย มันยังหมางใจกับเขาอยู่เลยค่ะ
     
  2. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    โมทนาในธรรมทานของพี่สาวด้วยนะคะ ฝนก็จะมาคนละเวอร์ชั่นกับพี่สาวล่ะเน้อ

    พี่สาวเองจริงๆก็ไม่ต้องกังวลถึงที่สุดหรอกค่ะ ท่านพ่อบอกฝนมาว่าคนที่ประพฤติธรรม พ่อรู้

    พ่อเห็น เทวดา นางฟ้าท่านรู้ท่านเห็น ไม่มีใครปล่อยให้ผู้ประพฤติธรรมในทางที่ถูกหมดสิ้น

    กำลังใจหรอก ทำดี ทำในสิ่งที่ถูกต้องจนถึงที่สุด เมื่อมันถึงที่สุดแล้ว ครูบาอาจารย์ท่าน

    จะช่วยเอง แต่จะช่วยได้แค่ไหนนั้นขึ้นกับกรรมเก่าของเราด้วย ช่วยได้จากหนักให้เป็นเบา

    พอเรารับไหว
    ----------------------------------------------------------
    ท่านพ่อ: คนเราถ้าไม่รู้ว่าทุกข์คืออะไร ก็จะไม่เข้าใจว่าการเกิด การดำรงชีวิตให้รอดใน

    แต่ละวันนั้นเป็นทุกข์ เทียบกันระหว่างคนสองคนที่เจอปัญหาในรูปแบบเดียวกัน คนที่มี

    ธรรมคนที่ปฏิบัติธรรม เค้าจะมีความเข้าใจในธรรมะ มองเห็นสิ่งที่เกิดกับเค้าเป็นเรื่องของ

    กรรม เค้าก็แก้ไขด้วยการ สวดมนต์ ภาวนา การปฏิบัติธรรม หมั่นอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้า

    กรรมนายเวรไปเรื่อยๆ พอถึงเวลาก็คลายเองเพราะเราสร้างบุญจนบุญมันมีมากกว่ากรรมจน

    ทำให้กรรมมันเบาบางลงไป
    -------------------------------------------------------------
    ท่านพ่อ: ในทางตรงกันข้ามคนที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมก็จะปฏิบัติธรรมหรือไม่เข้าใจในธรรม

    อย่างแท้จริง เช่น เจ้าฝน เป็นต้น คนพวกนี้ก็จะดิ้นรนเหมือนปลากำลังจะขาดอากาศหายใจ

    ดิ้นๆ มองหานู่นหานี่ หาหมอดู หาเจ้าเข้าทรง หาอะไรก็ได้ตามแนวความเชื่อของเค้าเพื่อที่

    จะแก้ปัญหาของตัวเอง แต่สิ่งที่เค้าลืมคือ พวกเค้ามีที่พึ่งคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    และศาสนาพุทธที่เขียนไว้ในบัตรประจำตัวประชาชนเค้าเนี่ยแหล่ะเป็นที่พึ่ง

    ผลจากการเชื่อหมอดู ร่างทรง มันก็ทำให้คนหมดเนื้อหมดตัวเป็นหนี้เป็นสินกันมาเยอะแล้ว

    ปัญหามันก็ไม่ได้ถูกแก้ มันก็อยู่แบบเดิมเพราะไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกทาง ทำไมไม่หันมาแก้

    ด้วยการนั่งสมาธิ สวดมนต์ ฟังเทศน์ ฟังธรรมให้เข้าใจ แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ อุทิศส่วนกุศล

    ให้ตัวเอง ให้เจ้ากรรมนายเวรเค้า ให้ครูบาอาจารย์ การอุทิศส่วนกุศลให้ครูบาอาจารย์

    ไม่ใช่เพราะท่านอยากได้บุญของเรา บุญของท่านมีเยอะแล้ว ท่านไม่ต้องการ แต่การระลึก

    ถึงท่านเป็นการแสดงให้เห็นว่าเรากตัญญู และท่านจะคุ้มครองเราเอง และถ้าจะคิดว่าใน

    เมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพาน ครูบาอาจารย์เราท่านมรณภาพไปแล้ว ท่านจะรู้ท่านจะ

    เห็นได้ยังไง พวกเจ้าทั้งหลายไม่ควรลืมว่า พระพุทธเจ้าท่านแม้จะจากโลกนี้ไปแล้วก่อน

    ไปพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ท่านอธิษฐานใช้บุญบารมีที่ทำได้บำเพ็ญเพียรมาทั้งหมด

    คุ้มครองผู้ที่อยู่ในร่มของพระพุทธศาสนา นั่นก็คือถึงแม้กายท่านจะไม่อยู่ แต่บุญบารมีที่

    ท่านบำเพ็ญเพียรมาก็ยังอยู่ พระอรหันต์ทุกองค์ที่มรณภาพไป หรือครูบาอาจารย์ของเราที่

    ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านล้วนอธิษฐานจิตตามกันทั้งนั้นว่าขอให้บุญ บารมีที่ท่านได้บำเพ็ญ

    เพียรกันมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงชาติปัจจุบันขอให้บุญนั้นมารวมกัน เพื่อปกป้องรักษาแผ่น

    ดินไทย รักษาคนไทย รักษาลูกหลานที่นับถือตั้งใจปฏิบัติธรรม การที่คิดว่าครูบาอาจารย์

    ท่านต้องดำรงขันธ์เท่านั้นถึงจะช่วยเราได้ การคิดแบบนั้นเป็นการที่เรายึดติดในขันธ์ของ

    พระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์มากกว่าระลึกถึงคุณความดีของท่าน เราจะไปยึดติดกับกาย

    ท่านทำไม ใช้ใจใช้จิตในการรับรู้และปฏิบัติ ดังนั้นเมื่อเราเข้าหาครูบาอาจารย์ท่านๆก็จะเข้าหาเรา

    เหมือนกัน คุ้มครองช่วยเหลือเราเอง แต่ไม่ใช่วันๆไม่ทำอะไรเลย คอยแต่ให้ครูบาอาจารย์มาช่วยเรานะ นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องอยู่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  3. chalesa

    chalesa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +135
    ถูกใจมากค่ะ
    ดิฉันยังไม่ได้มโนมยิทธิ แต่สามารถแผ่เมตตาตอนที่อยู่ในสมาธิก็ได้ใช่ไหมคะ
    และแผ่เมตตาแบบระบุตัวบุคคลนี่ ใช้คำพูดยังไงคะ หรือใช้บทแผ่เมตตาบทไหนคะ จะได้ทำให้ถูกต้องน่ะค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ
     
  4. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    ท่านพ่อ: สุดท้ายนี้พ่ออยากบอกกับลูกหลานทุกคนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมกันขอให้ตั้งใจอย่าเลิกความเพียร อย่าเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับ

    การปฏิบัติของคนอื่น เราอาจจะสวดมนต์ นั่งสมาธิหรือมีความเพียรได้ไม่เท่าคนอื่น นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ ทำให้เต็มที่ในสิ่งกับกำลังที่ตัวเองมี

    อยู่ มันอาจจะน้อยนิดแต่อย่าได้เครียดไป เพราะว่าเมื่อเราทำเต็มที่ ตัวเรารู้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านรู้ ท่านเห็นก็พอแล้ว อย่าทำตัวหาย

    แว่บ ไปแว่บมา เหมือนเจ้าฝน มาอีกทีก็โอดครวญมา นิสัยแบบนี้ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ลูกพ่อ พ่อว่ามันไม่ดี มันทำไม่ถูกมันก็ไม่ถูก

    ลูกคนนี้เป็นลูกที่หลายๆคนไม่ควรเอาอย่าง มันเป็นตัวอย่างของคนที่ได้มโนแล้วใช้ไม่เป็น

    พ่อสั่งให้มันพิมพ์ประจานความไม่ดีเองแหล่ะ ใครไม่เชื่อยังไงขึ้นมาถามพ่อได้ว่าพ่อว่ามัน

    จริงไหมลูกคนนี้ ให้รู้ว่าคนได้มโนเเจ่มชัดหรือยังไงก็ตาม ถ้าใช่ไม่เป็น สอนแล้วไม่ฟังก็

    อย่ามีมันเลยดีกว่า

    ฝน: พอแล้วค่ะ หนูอายเค้า พ่อจะประจานหนูทำไม

    ท่านพ่อ: พูดไปเพื่อให้คนที่เค้าอยากได้มโนใจจะขาด ได้รู้ไว้ว่าการได้มโนเมื่อได้มาแล้ว

    ต้องใช้ให้เป็น ต้องวางกาย วางใจให้ถูก การได้มโนนั้นมันอาจจะง่ายสำหรับบางคนแต่การ

    รักษามโนให้ใช้ไปในทางที่ถูกต้องนั้นยากกว่ามากนัก เพราะถ้ากำลังใจเรายังอ่อน ไม่ใช่

    ว่ากำลังใจในการปฏิบัตินะ แต่หมายถึงกำลังใจในการเข้าใจลึกซึ้งถึงคำสอนของ

    พระพุทธเจ้ายังอ่อนอยู่ แล้วได้มโนไปก็เกิดหลงสิ หลงทางเดิน หลงจิตตัวเอง หลงๆๆ

    หลงทุกหลงเท่าที่มันจะหลงได้ พอถึงตอนนั้นแทนที่ครูสอนมโนจะเอาเวลามาสอนคนที่ควร

    จะได้มโนกลับต้องเอาเวลานั้นมาแก้ไขคนเพี้ยน มโนแทนที่จะสร้างบุญให้กับเค้าก็เป็นการ

    สร้างกรรมให้กับผู้นั้นแทนเพราะเค้าใช้ไม่เป็น

    ถ้าจะให้พูดให้กำลังใจคนที่ยังไม่ได้มโนและอยากได้มโน อย่างแรกเลยควรถามตัวเองและ

    ตอบตัวเองว่าอยากได้มโนเพราะอะไร ถ้าคำตอบว่าอยากเจอพระพุทธเจ้า อยากกราบ

    พระพุทธเจ้าท่าน ให้ถามตัวเองต่อไปว่า อยากเพราะอะไร คำถามนี้อาจจะดูพื้นๆ ลองตอบ

    ออกมาให้ได้สิ ถ้าไม่งั้นลองตอบกับครูผู้ฝึกออกมา แล้วคำตอบจะทำให้มองได้เป็นสอง

    ทางคือ กิเลสเป็นตัวนำพาของความอยากได้ อยากมี และอีกทางนึงคือพลังของความ

    ศรัทธา เราเองอาจจะไม่รู้เท่าทันความอยากของเราว่ามันเป็นพลังของความศรัทธาหรือ

    ความอยาก เราไม่รู้ แต่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านรู้ ท่านอ่านวาระจิต ความคิดเราขาดกว่าตัว

    เราเข้าใจเราอีก เพราะอย่างนั้นเราควรวางกำลังใจให้เป็นถึงแม้ว่าตอนนี้เรายังไม่ได้มโน

    เรายังไม่เห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านหน้าตาเป็นยังไง ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดมากทำใจสบายๆ

    คิดไว้ว่าเมื่อท่านเห็นว่าเราพร้อมแล้ว ท่านจะมาสงเคราะห์มาหาเราเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

    ระหว่างนี้เราก็ศึกษาธรรมะตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนระวังกาย ระวังจิตตัวเองให้เป็นดี ทำตัว

    ให้พร้อมกับที่ว่าในวันนึงเราเมื่อเราได้มโนนั้น เราพร้อมที่จะใช้มันให้ถูกต้องในทางที่ถูกที่

    ควร ไม่ใช่ได้มาแล้วเพี้ยนๆ หรือยังไม่ได้แล้วคิดว่าได้อันนั้นยิ่งเพี้ยนหนัก การได้มโนที่ถูก

    ต้องนั้น ครูสอนมโนท่านจะรับรองเอง แล้วยังมีครูของครูคอยรับรองอีกด้วย ดังนั้นคนที่ได้

    มโนจากครูบาอาจารย์รับรองและเชื่อฟังคำสอน คำแนะนำของครูสอนมโนอย่างเคร่งครัดจึง

    จะปฏิบัติและใช้มโนได้อย่างถูกต้อง
    ----------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  5. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    เจ้าฝนเป็นตัวอย่างของคนที่ได้มโน ใช้มโนได้แต่ใช้ไม่เป็น มันก็ไม่ต่างอะไรจากไม่ได้มโน

    พ่อสอนมันจนไม่รู้จะสอนมันยังไงแล้ว พระอาจารย์ท่านก็สอนๆๆๆ จนเหนื่อยใจจะขว้างมัน

    ทิ้งก็หลายหนอยู่เพราะความเฮี้ยว ความเซี้ยว ความแก่นของมัน สอนไปก็เหมือนกับรดน้ำ

    ลงพื้นดินซึ่งก็ยังดีกว่ารดน้ำลงตัวมัน มาถึงอาจารย์แม่ ใครๆก็เกรงใจท่านนะ ไอ้นี่มาจาก

    ไหนไม่รู้ ไปแก่น ไปเซี้ยวใส่ท่านอีก ท่านก็บ่นมาอีกแล้วในความดื้อ ในความหูทวนลม

    สอนสั่งไม่ฟัง พอโดนเข้าไปถึงจะรู้สึก แล้วก็ต้องมาเดือดร้อน แต่มันก็มีบุญของมันที่ทำให้

    มันรอดได้ เพราะอย่างน้อยมันก็มีพระพุทธศาสนาถูกปลูกฝังในใจมันมาแต่อดีตชาติ

    ดังนั้นพ่อขอใช้เรื่องเจ้าฝนเนี่ยแหล่ะเป็นการสอนให้คนที่ยังไม่ได้มโนคิดดูดีๆว่า เมื่อเราได้

    มโนนั้นเราจะทำยังไงให้ไม่หลงกับสิ่งต่างๆรอบตัวเรา และคิดใคร่ครวญดีๆว่าตัวเราพร้อม

    แล้วหรือที่จะได้มโนและรักษามโนนั้นไว้ได้อย่างถูกต้องเพราะมโนนั้นเป็นเหมือนดาบสอง

    คมดีๆนั่นเอง
    ----------------------------------------------------
    อยากฝากอีกเรื่อง พวกที่สงสัยในบารมีของลูกสาว(ท่านกัปตัน) มีคนสงสัยกันเยอะ พวก

    อยากรู้ทั้งหลายว่าเค้ามีดีมาจากไหนถึงได้มโนมาอย่างง่ายดายในความรู้สึกของหลายๆคน

    ทำไมเราไม่เห็นได้บ้าง เค้าเป็นใครมาจากไหนนะ อดีตชาติเป็นยังไง มีที่มาอย่างไร อย่า

    ได้กล้ามาบังอาจถามคำถามแบบนี้กับพ่อนะ พระพุทธเจ้าท่านเมตตาคนไปทั่วไม่นับญาติ

    ไม่นับศัตรู เมตตาทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ทว่าพระพุทธเจ้าท่านมีสิทธิ์ลงโทษผู้ที่ไปยุ่งเรื่อง

    ของคนอื่นโดยไม่รู้จักดูตัวเอง การลงโทษของครูบาอาจารย์ท่านมีวิธีของท่าน เพราะฉะนั้น

    อย่าถาม ดูใจตัวเองไปดีกว่าสำหรับคนที่ได้มโนแล้ว ใช้มันให้ถูกต้อง ถูกที่ถูกทาง มาทาง

    สายขาว สายพระพุทธเจ้าดีๆ อย่ากลายตัวไปเป็นพวกเดียวกันกับเป็นมาร เอาเวลาสงสัย

    อยากรู้อยากเห็นมาปฏิบัติธรรมเพื่อตัวเราจะดีกว่า ลูกพ่อๆดูแลได้ ครูบาอาจารย์ท่านคอย

    ช่วยกันสอดส่องดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องมายุ่งมาช่วยส่องอีกคน พ่อเตือนแล้วนะ ใครที่คิดอะไร

    จับผิดอะไร ถ้าอ่านเจอ คิดให้ดีอีกซักรอบ ถ้าสงสัยเรื่องเจ้าฝนอีกคนก็ไปถามเอาจาก

    อาจารย์แม่ท่าน ถ้าไม่กลัวโดนท่านดุก็ตามสบาย แต่ขอให้จบกันที่ตรงนี้ เจ้าฝนมันไม่รู้เรื่อง

    อะไรหรอกเพราะมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันถูกเตะโด่งไปไกล แต่คนแถวนี้เค้ารู้กันหมด ผู้ที่

    ปฏิบัติเค้ารู้นะ แต่เค้าไม่พูด เค้าวางมันได้ เค้าเข้าใจ ดังนั้นพวกที่คิดไม่ดี อย่าคิดว่าตัวเอง

    เก่ง ตัวเองรู้มากกว่าใครแล้วใช้วิธีที่ตัวเองรู้มายุ่งเรื่องของคนอื่น กรรมของตัวเองมีไม่รู้จัก

    พอ ถ้ามายุ่งกันจริงๆมันก็เป็นเหมือนบุญใครเหนือบุญของใครอีกคน เดี๋ยวปัญหามันจะตาม

    มา อยู่กันเงียบๆ ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างความเชื่อต่างคนมีแนวทางในความเชื่อและการ

    ปฏิบัติของตัวเอง เตือนแล้วไม่ฟังถึงเวลาแล้วอย่าโอดครวญ

    ----------------------------------
    อย่าถามว่าฝนพิมพ์ลงทำไม ทำเพราะอะไร เพราะทุกครั้ง ฝนทำไปเพราะถูกสั่ง ถ้าคิดจะ

    พิมพ์เองคงไม่ยอมพิมพ์เรื่องประจานตัวเองแบบนี้ ฝนไม่ใช่คนที่ยอมรับความจริงอะไร

    มากมายขนาดนั้น เรื่องไรจะยอมรับว่าตัวเองไม่ดี ฝนออกจะดี ดีมากๆๆๆ ดีที่สุดในสามโลก

    เล๊ยยยยย นั่นแหล่ะฝน ฝนถึงได้เป็นแบบนี้ 555

    ทุกครั้งฝนก็จะถูกสั่งให้พิมพ์แบบมึนๆ แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นซักอย่างแถวนี้ไม่กับใครก็

    กับใคร ท่านพ่อถึงได้สั่งให้ฝนพิมพ์ แต่ฝนไม่รู้ ไม่ต้องมาถามว่าฝนรู้อะไร เพราะฝนไม่รู้

    อะไร การพิมพ์ของฝนก็ไม่ได้พิมพ์จากการไตร่ตรองอะไรทั้งสิ้น พิมพ์ไปเรื่อยๆ ฝนได้รับรู้

    อะไรมาฝนก็พิมพ์ แต่พอถึงเวลาเรื่องก็กระจ่างออกมาเอง แต่ไม่ถึงฝนหรอก ท่านกัปตันคง

    รู้ดีมากกว่าใคร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  6. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ลูกขอกราบแทบพระบาทสมเด็จองค์ปฐมด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ

    กราบ กราบ กราบ

    ขอขอบพระคุณน้องฝนที่ได้นำธรรมะ และข้อแนะนำต่างๆ ของสมเด็จองค์ปฐมมาเล่าให้พวกเราได้ปฏิบัติกันครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่มีธรรมะไว้คอยยึดเหนี่ยวเหมือนพี่สาว ผมว่าคงจะบ้าและคงจะทุกข์กว่านี้ ขนาดคนที่ศึกษาธรรมะมาเยอะจน "ละ" ใน เรื่องบางเรื่องได้ ยังทุกข์อยู่ ถ้าเป็นผมคงอ่วมอรทัย ฮาๆ ก็เป็นธรรมดาล่ะครับ ก็ถ้ากำลังจะหนีพ้นเงื้อมมือมาร เขาก็จะฉุดพี่ไว้ทุกวิถีทางล่ะครับ

    พระท่านบอกว่ายิ่งโดนทดสอบมากเท่าไร ก็แสดงว่า เราใกล้จุดที่จะหลุดแล้วมากเท่านั้น เหมือนเป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง ท่านบอกว่ามารไม่มี บารมีไม่เกิด อยู่กับทุกข์แล้วเรียนรู้มัน ตามดูตามรู้มัน ไม่เอาจิตไปจับมันมากเกินไป เราก็จะทุกข์น้อยลง อย่างที่พี่สาวบอกล่ะครับ ก็เพราะเราไปยึดมั่นถือมั่นมากไป การสละออกซึ่งทรัพย์นั้น จริงๆแล้วเป็นแค่บารมีขั้นต้นเท่านั้น หากเราต้องสละญาติ สละอวัยวะ สละความรัก ก็เป็นอุปบารมีอันนี้ซึ่งยากไปใหญ่ แต่หาก ต้องสละชีวิตแล้ว อันนี้เป็นปรมัตถบารมี ทำยากสุด

    ตัวผมแค่ทรัพย์สินบางทียังมีจิตกังวลห่วงใย จนบางทีมานั่งคิดนะ เอ.. ตายไปแล้วเราเอาไปได้ไหมนะ ไอ้ทรัพย์สินเงินทองนี่นะ ไอ้เพื่อน แฟน พ่อแม่ ญาติโกโหติกา เวลาตายเขาตายกับเราไหม วลาเราตายเราก็ตายคนเดียวนี่หว่า ไปนรก สวรรค์ นิพพานก็ไปคนเดียว แล้วเราจะห่วงอะไร นั่นล่ะ ถึงจะหลุดออกมาได้ชั่วระยะหนึ่ง แต่ถ้าเผลอเมื่อไร ก็โดนเล่นทุำกที ถึงต้องพิจารณาตลอด รู้เท่าทันตลอด

    ขนาดบางทีพิจาณา มันยังเถียงเลย มันยังตามใจกิเลสเลย ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติวันนี้เหนื่อยมาก นอนแค่สองชม. ทำงานตลอด แต่โดยปกติแล้ว ต้องนั่งกรรมฐานก่อนจะนอน ไอ้จิตมันก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกแค่วันเดียวเอง พรุ่งนี้เราก็มานั่งชดเชยเอา นอนเลย เพราะเหนื่อยมากแล้ว แต่ผมไม่อยากตามใจกิเลสมันมากแต่ในเมื่อมันไม่ไหวจริงๆก็เลยต้องคบกับมันคน ละครึ่งทาง ในเมื่อมันง่วงก็นอนภาวนาเลย ง่ายดี หลับเมื่อไร ก็เมื่อนั้นล่ะ จะได้ไม่ทรมานสังขารมากไป แล้วจิตเราจะได้ไม่หลงไปตามใจร่างกายมากไป เพราะตอนเราตาย มันไม่มีนิมิตร อะไร จู่มันตายเลย เกิดตอนนั้นประมาท ลืมตัว สงสัย ต้องไปอบายแหง๋ๆ เพราะทำปาบไ้ว้เยอะ ฮาๆ

    ตอนจิตฟุ้งมากๆ ตอนที่ทุกข์หนักๆ ผมก็จิตตกเหมือนกัน แต่ ดีที่ไม่ปล่อยให้จิตมันซึมเซานานไป รีบพิจาณาแล้ว ตั้งต้นใหม่ พยายามให้จิตรักพระนิพพานไว้ ขึ้นไปกราบพระท่านบ่อยๆ อย่างที่พี่สาวบอก คน ได้มโนฯไม่ใช่เป็นพระอรหันต์ทุกคนไม่ใช่ตัดกิเลสแล้วซะทุกคน เพียงแต่คนได้มโนฯนั้นจะได้เปรียบเขา เพราะหากใ้ช้ในทางที่ถูกต้อง คือยกจิตไปกราบพระบนนิพพาน ทรงอารมณ์ให้เป็นอุปสมานุสติประจำให้จิตรักพระนิพพาน มากๆ มันก็จะเกิดความเคยชิน แล้วก็จะรู้เท่าทันอารมณ์ที่มันปรุงแต่งขึ้น แต่ถามว่ายังทุกข์เหมือนเดิมไหม ก็ยังทุกข์เหมือนเดิม หากแต่รู้ว่าทุกข์แล้วไม่เอาจิตไปปรุงแต่งให้ทุกข์เพิ่ม ทุกข์แล้ว วางให้เป็นอุเบกขา เพราะไม่ใช่พระอรหันต์ ที่ท่านไม่ทุกข์แล้ว จิตท่านเหนือทั้งทุกข์และสุข แต่อย่างผมนี่ จิตมันยังเลวอยู่ เลยละไม่ได้ทั้งทุกข์และสุข ก็ต้องค่อยๆปรับกันไป มารขยันออกข้อสอบ เราก็่ต้องตอบโจทย์ให้ได้ โดยใ้ช้ศีล สมาธิ ปัญญานี่ล่ะครับเป็นยาแก้

    อนุโมทนากับพี่สาว คุณฝน พี่ริคาโด้ และกัลยาณมิตรทางธรรมท่านอื่นๆด้วยครับ
    ได้ความรู้เยอะเลย ที่มากระทุ้ง กระแทก กิเลส ทำให้ได้รู้สึกตัวบ้าง จะได้ไม่ยึดติดกับมันมาก ขอบคุณมากๆครับ สาธุๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  8. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    ดิฉันก็เหมือนกัน กลัวกลายเป็นมิจฉา ก็ขอพระท่านไว้ว่าให้เอาญาณรู้ของดิฉันไปให้หมดเลยก็ได้ แต่ขออย่าให้ดิฉันกลายเป็นมิจฉาเด็ดขาด ทุกวันนี้ก็จะสำรวจตัวเองอยู่เสมอๆว่าเรายังเลวอะไรอยู่อีกบ้าง ยิ่งมาเป็นครูสอนมโนด้วย ยิ่งต้องระวังหนักไม่ให้ไปหลงกับโลกธรรมแปด ครูบาอาจารย์ท่านสั่งว่าห้ามไปหลงในลาภสักการะ ยศหรืออะไร ท่านให้สังเกตุดูว่า ถ้าเราเริ่มที่จะอยากให้คนมาเคารพนับถือ เริ่มหาสาวกบริวาร เริ่มหลงในลาภสักการะ เริ่มอยากเด่นอยากดัง อะไรประมาณนี้ให้รู้ไว้ว่า นั่นคือเราเป็นมิจฉาแล้ว การที่เรามาอยู่ตรงตำแหน่งนี้ เป็นอะไรที่เราจะหลงไปกับโลกธรรมแปดได้ง่ายมาก ต้องฝึกจิตตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ สำหรับดิฉันแล้ว รู้สึกว่าเป็นทุกข์ไปอีกเพราะต้องมาวุ่นวายกับคนอื่น ไม่ได้นึกคิดจะเด่นจะดัง นี่ถ้ามันเลิกได้นะ จะรีบไปขอยกเลิกเลย ทุกข์ทั้งนั้น

    สาธุในกุศลธรรมทางจิตของพี่ด้วยครับ ก็พี่เป็นแบบนี้่ล่ะครับที่ผมยอมยกไว้เหนือหัว ญาณเกิดได้ก็มีเสื่อมได้ แต่จิตของพระอริยะนั้นไม่มีเสื่อม มีแต่จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ญาณมีไว้เพื่อสำรวจตน เพื่อรู้แล้วก็ละ ไม่ใช่เอาญาณไปตรวจดูไปวุ่นวายเรื่องคนอื่น แบบนั้นก็เหมือนการเอากรรมคนอื่นมาเป็นกรรมของตน เปรียบง่ายๆก็เหมือนมีโจรไปปล้นแล้วหนีตำรวจมาทางเรา แต่เราให้ที่หลบโจร เราจะบอกว่าเราไม่รู้ไม่เห็น แค่นั้น เราก็เป็นผู้ร่วมกระทำผิดแล้ว ฉะนั้น ญาณที่เป็นเครื่องหยั่งรู้นั้น หากสำรวจดูแต่จิตแต่ใจของตน ก็จะเพิ่มพูนสติปัญญา สามารถเป็นเครื่องพิจารณาตัดกิเลสได้เสมอ

    ถ้าใช้ไม่เป็นก็จะกลายเป็นมานะ ถือตนถือตัวไป อันนี้ล่ะครับพระท่านถึงบอกว่า ต้องมีวิปัสสนากำกับไว้ตลอด ไม่ฉะนั้น จะหลงเอาได้ง่ายๆ
     
  9. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    อนุโมทนาด้วยครับคุณฝน สาธุๆๆ กราบธรรมะสมเด็จท่านด้วยจิตเคารพเป็นอย่างสูงครับ
     
  10. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    รู้สึกว่า กระทู้นี้เริ่มคึกคักแ้ล้วนะครับนี่ ใครมีเรื่องอะไรยังไงก็เล่าเลยนะครับเพราะว่า บางทีเกร็ดธรรมะเล็กๆ ก็อาจไปสะกิดใจใครสักคนให้รู้ตัวได้ครับ
     
  11. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    ขอบพระคุณและขออนุโมทนาสาธุกับคุณฝนด้วยนะคะ อ่านไปน้ำตาไหลพรากๆๆๆ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ยังไม่ได้มโนค่ะ รอเวลาไปฝึกอยู่ ตอบคำถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า อยากไปฝึกมโนอยากได้มโนเพราะอะไร...สาธุ
     
  12. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เราต้องฝึกทรงพรหมวิหารสี่ให้ได้ก่อนอ่ะน้อง ถ้าทำได้จิตเราก็จะเกิดเมตตาเอง แต่ว่าทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา และก็ความตั้งใจจริงที่จะทำนะคะ ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
     
  13. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่จำเป็นต้องได้มโนมยิทธิ เราก็แผ่เมตตาได้ค่ะ ก็ทำใจเราให้มีเมตตา ให้ใส แล้วก็แผ่เมตตาออกไป ก็บทแผ่เมตตาปกตินั่นแหละค่ะ แล้วก็ต่อด้วยอุทิศส่วนกุศลไปด้วยเลย ขอให้เจริญในธรรมนะคะ
     
  14. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พี่ไม่รู้อะไรเล้ยฝน เพราะไม่ได้สนใจอะไร คนเราจะดีไม่ดีมันอยู่ที่การกระทำของเรา ไม่ใช่ว่าใครมาพูดหรือทำให้เราเป็นนะ แค่นี้ก็กรรมเยอะพอแล้ว ไม่อยากไปก่อกรรมใหม่หรอก อยู่เฉยๆดีที่สุด
     
  15. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    กราบแทบเท้าสมเด็จพ่อในความเมตตา คำถามที่ท่านถามมา ดิฉันเองก็เอามาถามลูกศิษย์ทุกคนเป็นประจำเหมือนกัน มาถึงจะถามก่อนเลย อยากฝึกไปทำไม เพื่ออะไร มีจุดมุ่งหมายแบบไหน แต่ส่วนใหญ่ก็จะตอบมาว่าอยากหลุดพ้น ไม่อยากเกิดอีก แต่ก็มีบางส่วนก็ตอบว่า อยากรู้ว่ามันมีจริงไหม ถ้าคำตอบไม่ได้น่าเกลียดเกินไป พอจะยังอยู่ในสัมมาทิฐิก็ยังถือว่าปลอดภัย แต่บางคนก็มีความอยากนำหน้ามาก่อนเลย บางคนหลังไมค์มาว่าอยากฝึกเพราะอยากไปดูว่าแฟนที่ตายแล้วเป็นยังไง แบบนี้มักจะฝึกไม่ได้หรอก พระท่านไม่ค่อยสงเคราะห์ เพราะท่านต้องการสอนให้พ้นทุกข์ นี่กลับจะเพิ่มทุกข์เข้าไปอีก คนตายไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นไง เราจะไปช่วยเหลืออะไรเขาได้ ทุกคนมีกรรมเป็นของตัว เอาเวลามาห่วงตัวเองดีกว่าไหม ว่าคนที่ยังอยู่นี่ต่างหากที่ยังมีทุกข์

    มีน้องคนหนึ่งได้เบอร์เรามาจากน้องญาติธรรม พอเรารับสาย คำแรกที่น้องเขาพูดออกมาเลยคือ "พี่คะ อยากย้อนอดีตค่ะ อยากย้อนไปดูตั้งแต่เริ่มแรกที่เราตั้งใจที่จะทำความดีเลยว่าเป็นยังไง อยาก..อยาก..อยาก..." โอย..มึน มีแต่อยากล้วนๆ ต้องถามกลับมา ทำไมถึงจะมาฝึก คำตอบคือ อยากรู้ อยากย้อนอดีต อยากๆๆ ฮา ก็เลยถามต่อไปว่า ย้อนไปดูแล้วได้อะไร น้องบอกว่าก็จะได้รู้ว่าเราเคยอธิษฐานอะไรมา เราก็ถามต่อว่า รู้แล้วได้อะไร จุดมุ่งหมายของน้องคืออะไร เขาตอบไม่ได้ เขาบอกว่าเขาเคยไปฝึกสมาธิกับ อจ ท่านหนึ่ง เราก็ถามว่า แล้วเป็นยังไง น้องตอบมาแบบฉะฉานมาก "ก็ได้ฌานสี่อ่ะฮะ" อืมม..เล่นเอาอึ้ง ที่อึ้งนี่อ่ะ ไม่ใช่ว่าเราทึ่งกับความสามารถน้องเขานะ แต่รู้ว่าน้องอ่ะไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับฌานเลยต่างหาก ถามว่าฌานสี่เป็นยังไง น้องตอบว่า "ก็นั่งไปจนเกิดความว่าง แต่ไม่ยึดติดกับความว่าง แล้ว อจ ก็บอกว่าได้ฌานสี่" กลุ้มเลยเราได้ยินแบบนี้ น้องเขาก็อยากมาฝึกมโนให้ได้ จะขอย้อนอดีตท่าเดียว เราเลยว่าพี่ขอนั่งคุยด้วยก่อน ยังไม่ฝึกให้ พอน้องเขามาก็มานั่งคุยกัน

    นั่งคุยกันไปเกือบวัน คุยแล้วก็ให้สงสารน้องเขานะ เพราะได้รับรู้อะไรมาผิดๆเยอะเลย แล้วเหมือนโดน อจ ล้างสมอง อจ พูดอะไรบอกอะไร เชื่อหมดทุกอย่าง เขาเคยไปฝึกตอนอายุ๑๗ ตอนนี้น้องเขาอายุ ๒๐ น้องบอกว่า อจ บอกว่าเขาเป็นคนในอดีตชาติกลับมาเกิด เราก็ว่า ทุกคนก็เป็นคนในอดีตชาติทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครเพิ่งเกิดมาชาตินี้ชาติเดียวหรอก น้องเขาก็อึ้งๆไป น้องว่า อจ บอกว่าเขาเป็นพุทธภูมิ เป็นสาวกตาม อจ มา เราก็ไม่ว่าอะไร น้องบอกว่า อจ บอกว่า น้องได้ปรมัตถบารมีแล้ว (กรรมจริงๆ) ถามน้องว่าเข้าใจเรื่องบารมีแค่ไหน น้องก็ตอบไม่ได้ ถามเรื่องฌานน้องก็บอกว่า ก็ได้ฌานสี่ ตอบได้แค่นี้แบบเดียวตามที่ อจ บอก แต่น้องไม่เคยเข้าใจเรื่องฌานเลยต่างหาก แล้วก็คิดแต่จะอยากย้อนอดีตอย่างเดียว ก็บอกว่า พี่สอนตามครูบาอาจารย์นะ สอนให้หลุดพ้น ไม่ได้สอนเพื่อให้เกิดกิเลส ถ้าน้องยังอยากอยู่แบบนี้พี่บอกก่อนเลยว่า ไปไม่ได้ ความเข้าใจของน้องก็ไม่มีเลย

    น้องไม่มีความเข้าใจในเรื่องใดๆเลย เพียงแต่เอาคำพูดที่ อจ บอกไว้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ๆ ได้ฌานนี้ เชื่อสนิทใจ จนเราต้องบอกว่า อะไรที่เรายังไม่ได้ปฏิบัติเพื่อให้รู้เห็นเองได้จริงๆ อย่าเชื่อไปซะทุกสิ่งที่เขาบอกมา แล้วน้องก็พูดว่าตัวเองวิบากกรรมเยอะมากตั้งแต่เด็ก คิดว่าตัวเองมีกรรมเยอะกว่าคนอื่น แล้วก็ผ่านมาแล้วทุกอย่าง คิดว่าไม่มีใครเจอหนักไปกว่าเขาหรอก (มานะเห็นๆ) แล้วก็บ่นๆว่าทำไมต้องเจอกรรมหนักๆ ทำไมถึงแย่กว่าคนอื่น เราก็ว่า น้องบอกว่าน้องเป็นพุทธภูมิ น้องทำงานอะไรที่เป็นพุทธภูมิแล้วหรือยัง น้องบอกว่าก็ช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานบ้างเป็นบ้างครั้ง เราว่านี่ไม่ใช่งานพุทธภูมิ นี่มันหน้าที่ของลูกที่ต้องทำเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ น้องยังไม่เคยทำงานพุทธภูมิเลย แค่ดำเนินชีวิตธรรมดาๆ น้องยังบ่นขนาดนี้ ถ้าน้องทำงานพุทธภูมิจริงๆ น้องมิตายเหรอ น้องเขาก็อึ้งๆไป พูดไม่ออก คือไม่ว่าน้องเขาจะพูดอะไรออกมา เราก็แย้งด้วยเหตุผลหมด แล้วน้องก็ตอบไม่ได้ ต้องมาสอนมาปรับอารมณ์น้องเขาใหม่หมด บอกน้องเขาว่า ถ้าอยากจะฝึกมโนกับพี่ ให้ไปปรับอารมณ์ใหม่ ปรับความเข้าใจใหม่ ให้ไปลดความอยากลงด้วย ถ้าทำไม่ได้ ยังอยากจะตาม อจ เดิมไป ก็แล้วแต่ พี่ก็จะปล่อยให้ไปตามทางของน้อง

    น้องก็กลับไปคิด คืออารมณ์เขาก็ลดลง โทรมาบอกว่าเริ่มเข้าใจอะไรได้บ้าง เริ่มคิดที่เราสอน น้องเขาก็ยังโทรมาเรื่อยๆนะ แต่เขาไม่เคยได้ฝึกมโนกับเราสักทีเพราะมันจะมีเหตุให้คลาดกันตลอด วาระคงยังไม่ถึง เพราะน้องเขายังต้องสอนอีกเยอะ ก็ขอพระท่านไว้ว่าให้น้องเขาลดอะไรๆที่เป็นมิจฉาลงให้ได้ก่อน ถ้าไม่ได้ก็ต้องปล่อย แต่ถ้ายังจะพอดึงกลับมาได้ ก็ให้พระท่านจัดสรรแล้วค่อยๆสอน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน เพราะล่าสุดน้องโทรมาเล่าโน่นนี่ แล้วก็บอกว่า น้องรู้ว่าตัวเองเนี่ยมีบารมีมากกก (เฮ้อ) ตรูจะดึงกลับมาได้ไหมเนี่ย แล้วก็พูดๆๆอะไรเยอะแยะ ตามความเข้าใจที่ผิดๆของน้องนั่นแหละ ก็เลยว่า น้องยังเข้าใจอะไรผิดๆอยู่เลย ตอนนี้พี่ไม่อยากอธิบาย เพราะว่าพูดไปน้องก็ไม่รับ น้องเขาก็เลยวางหูไป เห็นไหมใครว่าเป็นครูสบาย มีคนยกย่อง ป้าดดด ไม่ใช่กับเราเลย เบื่อมาก เจอสารพัดรูปแบบ เหนื่อย เจอคนเป็นมิจฉาแล้วเตือนแล้วไม่ฟังก็มี ไม่รู้ทำไมถึงอยากเป็นครูกันนัก ทีไอ้เราไม่อยากเป็นก็ต้องมาเป็น ภาระอันหนักหน่วงมาก พรหมวิหารสี่นี่ต้องทรงให้ได้ตลอดเลย ไม่งั้นมีหวังจบเห่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 เมษายน 2012
  16. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    ทุกอย่างมีสองด้าน ก็เคยเขียนบอกไว้แล้ว มโนมยิทธิถ้าใช้ในทางดีก็เกิดผลดี แต่ถ้าใช้ในทางผิดก็มีโทษเหมือนกัน ตั้งแต่สอนน้องๆมาก็จะคอยเตือนตลอดและก็ตามดูด้วยว่าน้องๆเขาเริ่มจะเป็นมิจฉาไปหรือไม่ ก็มีให้เตือนกันเรื่อยๆ บางคนต้องเตือนแรงๆ แต่ถ้าใครเตือนแล้วไม่ฟัง ก็จะอุเบกขาเพราะถือว่าเราทำหน้าที่ของเราแล้ว ไอ้ตัวมานะนี่เป็นอะไรที่ฝังแน่นอยู่ในตัวคน ถ้ายึดติดนี่หลุดยาก มโนไม่สมควรใช้พร่ำเพรื่อ มันจะเฝือ เหมือนน้องเบนนี่ ต้องคอยดึงกันประจำ เพราะน้องเบนนี่ชอบเอามโนดูไปเรื่อยเปื่อย ไปไหนก็ดูโน่นนี่ แล้วดูคนเดียวไม่ว่านะ ยังต้องมาถามคนอื่นอีก เห็นแบบนั้นไหม แบบนี้ไหม บางทีก็ไปบอกคนที่ยังไม่ได้อีกว่าตัวเองเห็นอะไร ก็ต้องเตือนว่าอย่าใช้ไปเรื่อย ให้ใช้ในเวลาที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น นอกจากจะเฝือแล้ว ทำให้น้องคิดว่าตัวเองเป็นพระอริยะเข้าไปอีกด้วย เราก็ดูอยู่พักหนึ่ง จนแน่ใจว่าถ้าไม่เตือน มีหวังหลุดโลกแน่ ดีนะว่าเตือนแล้วได้สติกลับมา แต่พอห่างๆไปกลับไปอยู่บ้าน เอาอีกแล้วเริ่มอีกละ จนตอนหลังมาพักอยู่ด้วยกันสามเดือน สั่งให้หยุดใช้มโน ให้นั่งแต่อานาปาแทน ก็ดีขึ้นเยอะ จริงๆน้องเบนนี่มโนเขาแจ่มนะ ถ้าไม่หลงไปกับมัน ต้องคอยคุมอยู่บ่อยๆ

    ก่อนอื่นต้องกล่าวขอขอบคุณพี่สาว พี่ตู่ พี่หนิง ด้วยนะค่ะ ที่คอยช่วยฉุดน้องคนนี้ให้ไปในทางที่ถูกที่ควร (และบุญอันน้อยนิด ที่พอจะยังมีบุญอยู่ คอยช่วยฉุดรั้ง ให้คิดได้)

    "เล่าจากประสบการณ์ของตัวเองที่เจอมาช่วงก่อน จะเรียกว่าหลง ก็ได้เลยค่ะ ก็เพราะว่า ได้มโนแจ่มนี้ละ ถึงได้หลงไปกับการใช้เล่น อย่างที่พี่สาวได้กล่าวไว้ข้างต้นมาแล้ว พอเราหลงมากขึ้น จิตเราก็จะพองโต คิดตลอดว่าฉันเก่ง ฉันแจ่มกว่าคนอื่นๆ เท่านั้นเอง ทำให้จิตตัวเองยึดติดไปเลย แถมมารชอบด้วยสิ เจอคนแบบนี้ ก็มักจะโดนพี่สาว ว่าบ่อยๆ ชอบเพี้ยน แต่เวลาได้ยิน ทีไรก็มักจะมีอาการ น้อยใจ ไม่พอใจ ซะอย่างนั้น เห็นไหมล่ะว่ายึดติดขนาดไหน พี่ๆก็มักจะเตือนเรื่อยๆ ก็รับทราบ รับฟัง แต่ทำไม่ได้ (ฮาฮา เพราะยังคิดไม่ได้ ก็ดู ความเลวของตัวเราเองก็แล้วกัน) จนกระทั้งช่วง ปี 2553 ได้กลับไปอยู่บ้าน หลังจากที่ไปกลับอยู่บ้านก็ไม่ได้ใช้มโน ไม่กล้าใช้ กลัวเหมือนกัน จนกระทั้งมาปลายปี 53 ได้ลงมาปฏิบัติธรรม ก็เลยอยู่ยาว กับพี่สาว ก็ เกือบ 3 เดือนเต็ม ได้เรียนรู้อะไรเยอะขึ้น และได้เข้าใจธรรมะมากขึ้น ช่วงนั้นจะว่าเป็นช่วงที่โดนคุมเข้มเลยก็ว่าได้สำหรับตัวของดิฉันเอง หลังจากที่ห่างหายไปพักหนึ่ง พอกลับมาครั้งนี้ ก็เหมือนการเริ่มนับหนึ่งใหม่ เริ่มฝึกมโนใหม่ ก่อนจะฝึกมโนใหม่ พี่ตู่ได้บอกแล้ว และก็ฝากพี่สาวอีกที ก็อย่างที่พี่สาวบอกไว้ข้างต้นเช่นเดิม ว่าให้หยุดใช้มโนชั่วคราว ให้ฝึกแต่อานาปา อย่างเดียวก็ตกปากรับคำไว้ ก็ตั้งใจปฏิบัติจริงๆจังๆ แรกๆ ก็ เรื่อยๆ พอผ่านไปหลายวัน ก็เกิดอาการฟุ้งซ่าน เรื่องที่เราเพี้ยนๆนี้ละ ก็เลยนั่งพิจารณาดู ทบทวนวนไปวนมา ก็เหมือนตั้งคำถามเอง ตอบเอง ในที่สุด เราก็เริ่มเข้าใจละ ว่าที่ทำไมเราถึงเพี้ยน พี่ๆ ก็มักจะพูดบ่อยๆ เกิดมาจากสาเหตุใด ก็ได้ข้อสรุปมา ว่าเกิดจากการที่เรายึดติด ว่าเราเก่งกว่า ฉลาดกว่า ถือตัวถือตนนี้เอง เวลาใครๆเขาชม เราก็ลำพองใหญ่เลย เป็นอันว่า มาคิดพิจารณา ในที่สุดปัญญาก็เริ่มเกิด ว่าสิ่งที่เรายึดติดอยู่นี้ มันดียังไง แล้วมีข้อดี ข้อเสีย มากน้อย แค่ไหน ก็ไล่ไปเรื่อยๆ ก็ พบแต่ข้อเสียมากกว่า ข้อดี แล้วเราจะไปยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ทำไมกัน ให้ถามตัวเองตอนนั้นเลยว่า ถ้าตายตอนนี้ เราจะไปไหน โอ้ววว เห็นชัดๆเลยว่าลงข้างล่างชัวร์ แล้วทำไมเราไม่วางลงละ เรื่องพวกนี้ ไปยึดไปถือ ทำไมให้หนัก แบกไว้ทำไมกัน เราต้องการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นไม่ใช่เหรอ เราจะไปพระนิพพานไม่ใช่เหรอ พิจารณาจนจิตคลายลงๆ จนมันวางได้อย่างน่าแปลกใจ แต่ก็ยังไม่ใช่ว่าจะละได้เลยทีเดียวนะ ยังต้องคอยพิจารณาลงเรื่อยๆ เมื่ออาการมันกำเริบ แต่อย่างน้อยๆ ก็ เข้าใจที่พระท่านสั่งสอนมา เรื่องการใช้วิปัสสนา การใช้ปัญญา และสติ เพิ่งถึงบ้างอ้อ นี้เองละค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน (ด้วยความโง่ของตัวเองแท้ๆ มั่วแต่ลุ่มหลง คบกับกิเลสมานาน จนโดนครอบงำ อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า) และที่สำคัญ เสียเวลามา ก็เกือบ จะ 3 ปี ที่ติดอยู่ ไม่ไปไหนสักที ก็ดูเอานะค่ะ อย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง"
     
  17. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    กราบแทบเท้าสมเด็จองค์ปฐม ค่ะ โปรดเมตตาสั่งสอนลูกๆ ให้เข้าใจมากขึ้น และย่ำเตือนตลอดเวลา ว่าสิ่งไหนถูกต้อง และ สิ่งไหนไม่ถูกต้อง เสมอๆ
     
  18. Dang 88

    Dang 88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +946
    อนุโมทนากับพี่สาว คุณโมกขทรัพย์ คุญฝน และทุกๆท่านด้วยครับ

    อ่านแล้วได้คิด ได้พิจารณา และที่สำคัญ ต้องปฏิบัติตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงได้สั่งสอนไว้

    ส่วนผมจะประคับประคองตัวเองและปฏิบัติให้ได้ และถ้าบุญวาสนามีพอ จะนำพาครอบครัวและญาติให้อยู่ในทางธรรม ให้ดีที่สุดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  19. Maaom_Imjai

    Maaom_Imjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +703
    สวัสดีค่ะ ญาติธรรมทุกๆ ท่าน ช่วงนี้ห้องคึกคักมากๆ มีข้อธรรม มีแนวการปฏิบัติ
    มีคำสอนดีๆ มาคอยเตือนสติเรานะคะ ทุกคนเกิดมาเพื่อเรียนรู้ชีวิต เข้าใจ และยอมรับ
    กับสิ่งที่ต้องเจอไม่เหมือนกันนะคะ อย่างน้อยๆ อ้อมก็ขอให้ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรค
    ต่างๆ ไปได้ด้วยใจที่เข้มแข็งและยึดมั่นในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ:VO
     
  20. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ก๊ากกกก ยัยฝนเอ๊ย เหมือนเดิมไม่มีผิด อย่างฮาเลยน้อง
     

แชร์หน้านี้

Loading...